ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 16 เรื่องเกิดที่เฟิร์สฮิลล์และเวลเซน่า การไล่จับสายลับในช่วงที่เมืองถูกรุกราน ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      30 ก.ย. 64

              ที่ยานทรอแจนอาร์คของตระกูลบาลานซ์ ใกล้กับโดมฝึกฝนบนดวงจันทร์ นอกดาวทรอเจียน

              "พี่ชายคะ พี่ทราบเรื่องที่เกิดกับตระกูลโดฟกังแล้วหรือคะ" นาตาเช่กล่าวโดยที่เธอกลับมาจากการฝึกฝนและเข้ามาในห้องทำงานของวินเซนท์ ซึ่งก็พยักหน้าเพราะ...

              "พี่รู้ตั้งนานแล้วละ นับตั้งแต่พวกเขาถอยทัพกลับมากันนี้แหละ"

              "นี้มันหนักหนามากกว่าที่คิดแล้วนะคะ หุ่นตัวโตตัวเดียวถล่มพวกโดฟกังทั้งสี่ลง เช่นเดียวกับพวกนักรบหญิงตัวโตๆของสเตรดาร์ธทั้งสี่ด้วยแล้วนั้น มันหมายถึงหายนะที่พวกเราต้องรีบหยุดยั้งลงก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปกันนะคะ" นาตาเช่บอก

              วินเซนท์กล่าว "ถ้าให้พี่เดาน่ะ เธอคิดที่จะมุ่งหน้าไปที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 แทรกซึมเข้าไปในเขตเมืองและสถาบันที่เป็นที่ตั้งของหุ่นเทพอิชเชเตียน เพื่อก่อความเสียหายเลยสิน่ะ"

              "คะ แต่ถึงไม่สามารถหยุดยั้งได้ ขอแค่ล้วงเอาข้อมูลสำคัญๆของพวกนั้นมาก็ยังได้เลยนะคะ" นาตาเช่บอก "พี่ชายพอจะส่งหนูและพรรคพวกเข้าไปได้มั้ยคะ"

              วินเซนท์บอก "เสียใจด้วยน่ะ นาตาเช่ พี่ไม่อนุญาตให้เธอทำได้หรอกน่ะ"
              "ทำไมละคะ พี่ชาย ในเมื่อหนูเองอยากจะมีประโยชน์ต่อพี่ชายและพวกกันบ้างสิคะ" นาตาเช่กล่าว

              วินเซนท์บอก "ถ้าอยากจะมีประโยชน์ต่อพวกพี่ๆละก็ เธอควรจะฝึกฝนให้เก่งกาจมากกว่านี้ รู้ทักษะการสู้รบให้ลึกซึ้ง สะสมประสบการณ์ให้มากพอ เพราะเธอยังเร็วเกินไปที่จะอยู่แนวหน้ากันน่ะ"

              "พี่ชายก็พูดเช่นนี้อยู่เรื่อยเลย เมื่อไหร่พี่ชายจะเชื่อใจในตัวหนูกันโดยเร็วละคะ" นาตาเช่แย้ง

              วินเซนท์กล่าว "นาตาเช่ ถ้าไม่เอา พี่คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดต่อท่านเอิร์ลหรือวิสเคาน์เรื่องสู่ขอน้องเขยมาเดียวนี้แล้วละ" นาตาเช่ได้ฟังก็ถึงกับหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจพร้อมกับเดินออกไป จนผู้เป็นพี่ชายถึงกับส่ายหน้า "มีแต่เรื่องนี้แหละที่เบรคนาตาเช่ไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ แม้ว่านั้นก็เป็นเหตุผลที่น้องเราเป็นม้าดีดกระโหลกไปเสียได้น่ะ"


              ตัดมาทางตระกูลโคลานซ์กันบ้าง

              "พี่ครับ อนุมัติให้ผมบุกเข้าไปยังฐานที่ซ่อนของหุ่นยักษ์จะดีกว่านะครับ" มิวนิสกล่าว

              ฟรีเซียที่กำลังอ่านหนังสือพิชัยสงครามบอก "ถึงเธอไม่อ้างเหตุผล พี่รู้ว่าเธออยากจะพิสูจน์ว่าเธอเก่งพอที่จะเป็นผู้นำตระกูลของเราเลยสิน่ะ"

              "ที่ผ่านมา ผมอยากให้พี่มองเห็นความสามารถของผม ไว้ใจและเชื่อใจผมมากกว่านี้ ในฐานะบุตรชายของตระกูลโคลานซ์ ผมอยากจะให้พี่ยอมรับผมผ่านภารกิจนี้กันนะครับ" มิวนิสยืนยัน

              ฟรีเซียลุกขึ้นพร้อมกับบอกว่า "ครั้งก่อน เธอเกือบถูกเจเนลฆ่าตายไป โดยอยู่ต่อหน้านาตาเช่ด้วยเช่นนี้ นั้นบ่งบอกได้ว่า ความวู่ว่ามที่เกิดจากประสบการณ์ในแนวหน้าของเธอนั้น ยังอ่อนด้อยอยู่ อีกทั้งภารกิจแทรกซึมและแฝงตัวนั้น ไม่ควรจะให้อารมณ์ความโกรธหรือความรู้สึกที่ไม่เป็นผลดีต่อภารกิจมาอยู่เหนือสติกันด้วย เพราะนั้นจะทำให้การแทรกซึมที่ควรจะเป็นไปอย่างเงียบเชียบและแนบเนียน ต้องพังทลายลงไปโดยปริยายกันนี้แหละ"

              "แต่ถึงกระนั้น ถ้าผมจัดการกับขุนพลสักคนสองคน หรือแม้กระทั่งตัวผู้ช่วยของพวกไทรเวเซอร์แล้วละ...." มิวนิสยังไม่ยอมแพ้ จนฟรีเซียต้อง "โครมมมม" ตบโต๊ะไปเต็มๆ

              "ยังไงพี่ก็ไม่อนุญาตน่ะ มิวนิส ต่อให้พี่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดหรือมีแม่หรือพ่อคนละคนกัน พี่ไม่ยอมให้เธอต้องหาเรื่องให้ต้องเสียชีวิตกันไปได้หรอก เพราะพ่อกับแม่สั่งเสียให้พี่เป็นผู้ดูแลเธอให้เติบใหญ่และพร้อมที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลที่ดี ซึ่งพี่รู้สึกผิดหวังที่ทำในสิ่งที่สั่งเสียไปไม่ได้สักอย่างเลยน่ะ"

              "งั้นพี่ก็ควรปล่อยวางและยอมให้ผมไปจะดีกว่า อย่างน้อย ก็ให้ผมทำเพื่อพี่กับตระกูลของเรากันบ้าง" มิวนิสบอก

              ฟรีเซียส่ายหน้า "ประโยชน์ของเธอในตอนนี้ก็คือ อยู่ช่วยพี่ดูแลกำลังทหารจะดีกว่าน่ะ ตราบใดที่พี่ไม่เห็นว่าเธอยังไม่เป็นผู้ใหญ่ พี่ก็ไม่ให้เธอไปกันน่ะ"

              "พี่สาวครับ" มิวนิสตะคอกใส่ จนฟรีเซียต้องพูดขู่ไปว่า

              "งั้น พี่จำต้องส่งเธอไปเป็นลูกเขยตระกูลสูงส่งที่ต้องการเธอเป็นเจ้าบ่าวของลูกสาวของพวกเขา หรือ ให้ไปสงบสติอารมณ์ที่คุกใต้ปราสาทกันเลยมั้ยละ" ผู้เป็นน้องชายได้ฟังเลยเดินออกไป ส่วนพี่สาวนั้น ถอนใจยาวๆ "....พ่อคะ แม่คะ แม้ว่ามิวนิสกลายเป็นคนกล้าหาญ หลังจากที่พ่อกับแม่จากไปแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่า น้องชายที่เดิมเป็นคนอ่อนแอและขี้ขลาดจะเป็นหนักกว่านี้ จนหนูไม่รู้จะทำเช่นไรนะคะ"
     

              ที่ยานทรอแจนอาร์คของกลุ่มอัศวินกางเขนขาว

              "ฉันได้ติดต่อกับสายของเราที่แฝงตัวอยู่ในเฟิร์สฮิลล์ ให้ช่วยเหลือพวกนายแฝงตัวเข้าไปในเมืองกันแล้วละ" บัฟบอกกับสไปค์ที่เตรียมขึ้นยานอวกาศ ที่ติดเครื่องยนต์วาร์ปไดร์ฟเอาไว้ เช่นเดียวกับรีกัลและฮีธด้วย

              "แล้วลูกน้องอีกสองคนนั้นจะให้ไปไหนกันละ" ฮีธถาม

              "ท่านอาวเซนต้องการให้พวกเขาแฝงตัวเข้าไปในเขตเมืองใกล้กับสถาบันวิจัยของพวกแมนิเกเตอร์ เพื่อลักลอบเข้าขโมยข้อมูลในสถาบันมา โดยเฉพาะข้อมูลของหุ่นอิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนกันด้วยน่ะ" เวนดี้กล่าว "รีกัล ฮีธ ฉันอยากให้พวกนายอยู่ช่วยสไปค์ หากเกิดเหตุที่ฝ่ายทหารที่ประจำการในเฟิร์สฮิลล์ จับได้เสียก่อนน่ะ"

              รีกัลบอก "พี่สาว ให้ผมไปที่เมืองแถบทะเลทรายกันไม่ได้เลยหรือ"

              "ไม่ได้หรอก เพราะสายลับทั้งสองคนที่ไปกับเรานั้น จะต้องโดดร่มลงไปก่อน โดยระบบพลางตัวของพวกเรานั้น จะช่วยป้องกันการตรวจจับของพวกแมนิเกเตอร์ในเขตทะเลทรายเอาไว้เลยน่ะ" เวนดี้บอก

              บัฟกล่าว "หลังจากนั้นยานของพวกนายก็จะแล่นลงจอดในเขตป่าบนเขาทางตอนเหนือ ซึ่งพวกนายควรจะระวังตัวด้วย เพราะทหารที่ประจำการกันนั้นเป็นพวกซัลคาเลี่ยนที่ออกมาลาดตระเวนกันน่ะ"

              "อย่าห่วงไปเลย เพราะฉันจะแฝงตัวเข้าไปในเมือง เพื่อสืบหาว่าใครเป็นนักรบในหน่วยรบวิหคเงากันน่ะ" สไปค์บอก

              ฮีธถาม "แล้วไอ้สายลับของเรานิ มาช้าจังเลยวะ"

              "เออ ทั้งคู่พึ่งมาถึงกันแล้วละ" รีกัลบอก เมื่อเห็นสายลับทรอยอาร์ในชุดเกราะสีดำสองคน เป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง รีบวิ่งเข้ามา

              สไปค์บอก "ดี งั้นขึ้นยานและรีบออกไปกันดีกว่าน่ะ"

              ในขณะเดียวกัน ที่ยานมาฮาลครอสขององค์ชายจาฟฟาร์ล ในห้องทำงานขององค์ชายสาม

              "อับดุลลอยด์ ไปตามคมกริชและโมฮัมมัคมาโดยเร็ว ฉันมีงานให้พวกเธอไปทำอยู่น่ะ" จาฟฟาร์ลกล่าวโดยกดปุ่มติดต่อไปหา

              อับดุลลอยด์ตอบ "ได้เลยครับ องค์ชาย" แล้วเขา โมฮัมมัคและคมกริชก็เข้ามาในห้องในอีก 2 นาทีต่อมา คมกริชถาม "องค์ชายจะสั่งให้พวกเราไปทำอะไรกันละครับ"

              "พวกเธอเคยอยากเป็นสายลับกันมั้ยละ" จาฟฟาร์ลบอก

              โมฮัมหมัดพยักหน้า และถามกลับ "นี้ท่านคงไม่คิดจะส่งเราไปที่ดาวของพวกทรอยอาร์เพื่อล้วงเอาข้อมูลของพวกมันมาอย่างงั้นนะหรือครับ"

              "ใครบอกละ ว่าฉันจะส่งไปหาพวกอัศวินม้าไม้กันน่ะ" จาฟฟาร์ลกล่าว "พวกเธอรู้เรื่องที่น้องสาวของฉันทั้งสี่ แพ้ราบคาบกลับมากันแล้วหรือยังละ"

              คมกริชบอก "หมายถึง ไอ้หุ่นยักษ์สีเงินนั้น แปลงร่างติดปีกสีแดงและไล่กระทืบองค์หญิงลำดับที่ 5-8 จนแพ้ยับเยิ่นอย่างงั้นนะหรือครับ"

              "ถูกแล้วละ ท่านพี่มูราดินได้มอบหมายให้ฉันส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในเขตเมืองของพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ซึ่งให้พวกเธอออกเดินทางกันในอีกครึ่งชั่วโมงที่จะถึงนี้เองแหละ" จาฟฟาร์ลบอก

              อับดุลลอยด์ถาม "ว่าแต่ ท่านจะส่งพวกเราไปที่สถาบันวิจัย ซึ่งเป็นที่ๆสร้างหุ่นอิชเชเตียนกันนะหรือครับ"

              "เปล่าเลย อับดุลลอยด์ ผลจากความปราชัยที่เกิดขึ้น ทำให้พวกไทรเวเซอร์ต้องมาประจำการที่สถาบันแห่งนั้นอย่างแน่นอน ฉันไม่เสี่ยงส่งพวกเธอไปให้พวกนั้นกระทืบเล่นกันหรอกน่ะ" จาฟฟาร์ลกล่าว "เพราะฉันจะส่งพวกเธอไปที่เฟิร์สฮิลล์กันนี้แหละ"

              คมกริชถาม "เฟิร์สฮิลล์ที่ว่านิ มันเป็นเมืองแบบไหนกันละครับ องค์ชาย"

              "มันเป็นเมืองแห่งแรกที่ฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์สร้างขึ้นมากันนี้แหละ และเป็นเมืองที่พวกไทรเวเซอร์ประจำการกันด้วยน่ะ" อับดุลลอยด์กล่าวตามที่เขาทราบข้อมูลมา "หลังจากที่พวกเดลอาเนี่ยนรุกราน ฝ่ายรัฐบาลของสหพันธมิตรเลยส่งกองทัพลงมาประจำการ เพื่อช่วยคุ้มกันเมืองในช่วงที่พวกไทรเวเซอร์ไม่อยู่กันนะสิ"

              โมฮัมมัคถาม "แต่ในเมื่อพวกไทรเวเซอร์ไม่อยู่ แล้วเราจะแฝงตัวไปที่นั้นทำไมละครับ องค์ชาย"

              "ฉันต้องการให้พวกเธอไปสืบและรวบรวมข้อมูลของพวกหน่วยรบวิหคและหน่วยรบที่เกี่ยวข้องกันด้วยนะสิ" จาฟฟาร์ลบอก "ท่านพี่มูราดินเห็นว่าการจะจัดการกับพวกไทรเวเซอร์ได้นั้น เราจำต้องลงมือกับพวกที่สนับสนุนช่วยเหลือพวกนั้นลง ซึ่งเราจำต้องรู้ข้อมูลของหน่วยรบวิหคและหน่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาจุดอ่อนมาจัดการกับพวกนั้นเอาไว้นี้แหละ"

              อับดุลลอยด์บอก "ความนัยของท่านมูราดินก็คือ ต้องจัดการกับกองรบตัวช่วยของพวกไทรเวเซอร์ให้ได้เสียก่อนละสิครับ"

              "แล้วเราไม่จัดการกับพวกมันโดยตรงกันเลยหรือครับ องค์ชาย" โมฮัมมัคถามกลับ

              จาฟฟาร์ลบอก "ฉันกลัวว่าพวกเธอทั้งสามจะโดนเหมือนกับครั้งก่อนนะสิ ที่สำคัญ ต่อให้พวกไทรเวเซอร์ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่อดีตเพื่อนพ้องที่เคยร่วมทีมกับพวกไทรเวเซอร์มาก่อนนั้นยังอยู่ ฉันจึงอยากให้พวกเธอระมัดระวังตัวไว้ให้มาก และไม่ควรไปก่อเรื่องกับใครโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด" แล้วก็บอกไปว่า "แม้กระทั่งเรื่องก่อวินาศกรรมเองก็ไม่ควรทำด้วย เพราะฉันส่งพวกเธอไปสอดแนมรวบรวมข้อมูล ไม่ได้ไปก่อเรื่องสร้างปัญหาขึ้นมากันน่ะ"

              "แต่ถ้าเกิดว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายลงมือก่อน พวกเราก็ไม่ป้องกันตัวกันพอดีละสิครับ" คมกริชอ้าง

              จาฟฟาร์ลบอก "ป้องกันตัวนะได้ แต่....จะดีกว่ามาก หากพวกเธอรีบหนีมาโดยเร็ว สายที่ทางเราส่งไปที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 จะประสานงานช่วยพาพวกเธอกลับมาโดยเร็วนี้แหละ" แล้วก็สั่งการให้ "อับดุลลอยด์ คุมคมกริชและโมฮัมมัคเอาไว้ด้วย เพราะฉันให้เธอเป็นหัวหน้าทีมสายลับในครั้งนี้น่ะ"

              "รับทราบแล้วละครับ องค์ชาย" อับดุลลอยด์บอก แล้วก็พาคมกริชและโมฮัมมัคออกไป

              จาฟฟาร์ลกล่าวอย่างหวั่นเกรงขึ้นมา "หวังว่าพวกเธอคงจะไม่ก่อเรื่องเหมือนตอนอยู่ที่เมืองบาซินเจอร์หรอกน่า"


              ที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 เมืองอีสต์กรีนวิลล์ ฐานบัญชาการของกองกำลังพิทักษ์ดวงดาว

              "นิค รีฟ ฉันคงต้องให้พวกเธอสองคนออกจากเมืองไปเลยน่ะ" แคร์เรี่ยนกล่าวต่อนิคและรีฟกันไว้

              นิคบอก "หัวหน้าคงจะส่งพวกเราสองคนไปประจำการในสถานีอวกาศของหัวหน้าแอร์ไพล์มมิสเลยสิครับ"

              "ถ้าคิดจะใช้ยานอวกาศจากสถานีแห่งนั้นเพื่อไล่ล่าไวล์สเลฟละก็ ฉันไม่อนุญาตหรอกน่ะ" แคร์เรี่ยนพูดตัดทางไว้ และอธิบายให้สมาชิกทั้งสองรับทราบไปว่า "เพราะฉันจะส่งพวกเธอไปที่เวลเซน่ากันนี้แหละ"

              รีฟบอก "เวลเซน่าหรือคะ เออ หัวหน้าจะให้งานอะไรกับพวกเราสองคนละคะ"

              "ตอนนี้ทีมวิจัยที่ตรวจสอบประตูมิติในเขตหุบเขาใกล้กับเขตเมืองของเรา ได้วิจัยค้นคว้ากันเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาเองก็ต้องเดินทางกลับสถาบันเพื่อนำข้อมูลการวิจัยไปให้รัฐมนตรีวูลลิเซียรับทราบขึ้นมา ดังนั้น พวกเธอสองคนต้องไปพร้อมกับทีมวิจัยกันด้วย เพื่อช่วยคุ้มกันพวกเขาจากภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้กันน่ะ" แคร์เรี่ยนบอก

              นิคบอก "หมายถึงพวกริดโออย่างงั้นสิครับ"

              "ใช่ และบังเอิญว่า ฉันจะส่งพวกเธอสองคนไปช่วยงานวูลลิเซียกันด้วย เพราะรัฐมนตรีต้องการข้อมูลฟีดแบ็คการต่อสู้ของพวกเธอไปให้ทีมวิจัย เพื่อนำไปพัฒนาอัพเกรดเพิ่มพลังให้พวกเธอกันไว้ เนื่องจากว่าเราเจอภัยคุกคามรอบด้านกันอยู่น่ะ" แคร์เรี่ยนกล่าว "ซึ่งฉันไม่สามารถออกไปจากเมืองนี้เพราะยังฝึกทีมหน้าใหม่ไม่เสร็จดี ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้พวกเธอสองคนทำหน้าที่ที่ฉันมอบหมายกันไว้ด้วยละ"

              รีฟตอบ "ถ้าเป็นเรื่องนั้น พวกเราจะทำให้ดีที่สุดเลยคะ คุณแคร์เรี่ยน"

              "แต่ เราสองคนจะรับมือได้เลยหรือครับ น่าจะให้ลูกทีมของคุณดอนเนลไปด้วยก็ได้นิ" นิคถาม

              แคร์เรี่ยนกล่าว "แค่พวกเธอสองคนก็เกินพอแล้ว เพราะพวกเธอต้องไปกับคนๆนี้กันด้วยน่ะ"

              "ครืดดดด" ประตูเปิดออก เด็กหนุ่มผิวเข้มผมสีทองมากับแขนกลข้างซ้ายเดินเข้ามา "บิล ดิสตินมารายงานตัวแล้วละครับ"

              แคร์เรี่ยนพยักหน้า "ดีแล้วละ ที่เธอมารายงานตัวกันไว้ นึกว่าความร่มรืนของเมืองนี้จะทำให้เธอไม่มารายงานตัวเสียอีกน่ะ"

              "เออ เจ้าหน้าที่จากหน่วยนาวิกที่ 29 มาเพียง คนเดียวนะหรือ ผมนึกว่ามากันทั้งทีมเสียอีกน่ะ" นิคกล่าว

              บิลตอบ "แย่หน่อยที่พ่อ ส่งฉันให้ไปกับพวกนายด้วยนะสิ เพราะ เมืองเวลเซน่าอาจจะมีสายลับแทรกซึมเข้ามากันน่ะ"

              "สายลับนะหรือคะ" รีฟบอก

              นิคบอก "แต่ พวกไทรเวเซอร์ก็ขับไล่พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธออกไปแล้วมิใช่หรือไงละครับ ทำไมถึงยังมีเรื่องของสปายเข้ามาด้วยน่ะ"

              "ก็เพราะว่าพวกเขาประสบกับความล้มเหลวในการบุกยึดเวลเซน่าและสถาบันริดิวิแนนท์นี้แหละ ทั้งสองฝ่ายเลยเล่นวิธีอ้อมๆผ่านการส่งสปายเข้ามานะสิ" บิลบอก

              แคร์เรี่ยนกล่าว "ต่อให้พวกไทรเวเซอร์อยู่ด้วยก็จริง แต่ ฉันจำเป็นต้องส่งพวกเธอสองคนไปประจำที่เวลเซน่า เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดิสติน แล้วก็พวกไทรเวเซอร์ที่อยู่ที่โน่นกันด้วย" แล้วก็บอกไปว่า "หวังว่า เจเนลหรือใครก็ตามในกองกำลังไทรเวเซอร์ คงไม่ติดต่อมาตำหนิฉันเรื่องพวกเธอสองคนกันหรอกน่ะ"

              "รับทราบแล้วละครับ หัวหน้าแคร์เรี่ยน" นิคกล่าวอย่างหวั่นเกรงไปด้วย

              แคร์เรี่ยนกล่าว "ฉันให้เวลาพวกเธอสองคน 5 นาที ไปเก็บข้าวของทุกอย่างออกจากห้องของพวกเธอโดยเร็ว ซิลเวเทรทจะเตรียมยานสโตม่ากริฟที่นำทีมวิจัยส่วนหนึ่งกลับสถาบันวิจัยหลักกันแล้ว ถ้าพวกเธอสองคนตกเครื่อง ฉันจะขับฟาลครีด้าส่งพวกเธอแบบติดเทอโบไปเลยน่ะ" แล้วนิคและรีฟก็รีบวิ่งออกจากห้องไปโดยเร็ว ซึ่งบิลก็ทำวันทยาหัตถ์ตอบไปด้วย

              "นั้นเจ้าหน้าที่บิลจากหน่วย 29 นิคะ ว่าแต่ เขามาที่นี้ด้วยเรื่องอะไรละคะ" ไอรีสเดินเข้ามาซึ่งสวนทางกับบิลพอดีกล่าวขึ้น

              แคร์เรี่ยนกล่าว "ผู้การดิสตินส่งบิลมาที่นี้ เพื่อไปเวลเซน่าด้วยกันกับนิคและรีฟกันนะสิ"

              "แปลว่า คุณยังสงสัยว่าเมืองเวลเซน่าที่หน่วยไทรเวเซอร์อยู่นั้น อาจจะถูกสายลับแทรกซึมมาเลยสิคะ" ไอรีสกล่าว

              แคร์เรี่ยนพยักหน้า "เจเนลและพวกเนคมาดูซัมต้องการตัวช่วยจากภายในเมือง เพื่อจับตัวสายลับกันไว้นะสิ แม้ว่าพวกเขาจะให้พวกแบ็คไซด์คอมแบทฟอสอยู่ที่เฟิร์สฮิลล์ด้วยกันกับกองรบที่ 11 แล้วก็ตาม พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธไม่ยอมให้พวกเราแซงหน้าไปไกลได้แน่ๆ เลยคิดจะหาทางแซงพวกเราผ่านพวกสายลับกันนะสิ"

              "งั้นพวกเขาก็อาจจะรู้ว่าตอนนี้ พวกเรากำลังให้แมนิเกเตอร์จากแคสเซรอน-4 ลงมาประจำการที่ดาวนี้เลยสิคะ" ไอรีสบอก "แต่ก็ดีแล้วนิคะ เพราะนอกจากเผ่าเราแล้ว แมนิเกเตอร์ทุกๆเผ่าก็คงช่วยเหลือทางเราในการรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนได้นะคะ"

              แคร์เรี่ยนพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด "เธอก็น่าจะรู้ดีกันบ้างน่ะ ว่านอกจากพวกพ้องของเราที่โน่นแล้ว ยังมีอดีตศัตรูของพวกเรา แล้วก็ของพวกเจเนลด้วย การที่พวกนั้นลงมาประจำการโดยที่ยังไม่ละทิ้งความเป็นศัตรูกันแล้วละก็ เราจะต้องเจอกับศัตรูภายในเพิ่มเติมกันอย่างแน่นอนเลยน่ะคะ"

              "เรามีพวกริดโอเป็นปัญหาภายในกันก็แย่พอแล้ว อย่าให้มีอีกสัก 4-5 กลุ่มกันก็พอแล้วน่ะ" แคร์เรี่ยนกล่าว และหันมาถาม "แล้วเธอแวะมานิ คงไม่มีอะไรสำคัญเลยสิน่ะ"

              ไอรีสบอก "มีคะ คือจอมพลแฮซกริฟมีคำสั่งให้เราสร้างสถานที่พักพิงของผู้ลี้ภัย เพราะครั้งต่อไป ต้องมีผู้ลี้ภัยเข้ามาที่ระบบดาวของเรากันแน่นอนนะคะ"

              "งั้นฉันจะแจ้งให้ผู้ว่าการโบตามิลน่ารับทราบเองแล้วกัน เพราะเธอพึ่งจะมีโครงการขยายเขตเมืองเข้าไปในป่าโดยไม่ตัดไม้กันด้วยน่ะ" แคร์เรี่ยนบอก

              ไอรีสบอก "นั้นบ่งบอกได้ว่า พวกเดลอาเนี่ยนสร้างความเดือดร้อนให้ชนเผ่าน้อยใหญ่กันมากเลยสิคะ"


    TriVESER The Manigator Saga : The Dell-Arnian War
    ตอนที่ 16 เรื่องเกิดที่เฟิร์สฮิลล์และเวลเซน่า การไล่จับสายลับในช่วงที่เมืองถูกรุกราน

              ที่ยานไทรแองเกิ้ล ซึ่งจอดเทียบท่าเขตเมืองเวลเซน่า พร้อมกับกองยานของพวกบัลโต้กับกองรบของบรูโน่ด้วย วันต่อมา

              "ห้องพักของพวกนายในยานเป็นไงบ้างละ" เนคมาดูซัมบอก หลังจากที่สมาชิกตัวหลักอยู่ในห้องประชุมเฉพาะของพวกเขากันแล้ว

              เจเนลบอก "ดีหน่อยหนึ่งน่ะ อย่างน้อยก็หลับง่ายกว่าตอนนอนรวมกับจายด์และจิลเลยน่ะ"

              "นั้นก็ดีแล้วละ สำหรับบางคนที่นอนกรนเสียงดังเลยน่ะ" จิลบอก เพราะบางคืนเธอกับเจเนลต้องทนเสียงกรนของจายด์กันอยู่ จายด์เองก็ผงกหัวยอมรับแต่โดยดี

              สเปียริทกล่าว "แล้วพอเราออกจากยานกลับไปนอนที่บ้านนิ ข้าวของในยานจะเอากลับไปด้วยหรือเปล่า"

              "นอกเหนือจากอาวุธ กระเป๋าทำงานและคอมพิวเตอร์ ที่เหลือเอาไว้ในห้องพักในยานกันนี้แหละ" โฟรซ่าบอก

              ไซโคลเนียกล่าว "พูดถึงบ้านแล้ว ตกลงที่เฟิร์สฮิลล์เป็นยังไงบ้างละ"

              "คงต้องติดต่อไปหาโพโบโวโล่กับพวกบรอนเซอรูทกันสักหน่อยละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "แอมเบอร์ ต่อสายไปหาผู้ว่าการเฟิร์สฮิลล์ให้หน่อย...." แต่ไม่มีการตอบรับของแอมเบอร์เลย

              คลอเวฟกล่าว "มีใครไปปิดสวิตซ์หรือเปล่าละเนี้ย"

              "เอ้ แอมเบอร์ก็ยังทำงานอยู่น่า หากแต่อยู่ในโหมดสลีปกันน่ะ" ลิเนียร์ตี้เลยกดปุ่มบนโต๊ะ ซึ่งแอมเบอร์อยู่ในโหมดสลีปจริง จากการที่เธอใส่หมวกปลายแหลมยาวและมีหมอนอยู่ด้วย

              สเปียริทกล่าว "คงต้องปลุกยัยโฮโลแกรมนี้ด้วยไฟแรงสูงแล้วละมั่ง"

              "เดียวจัดให้..." ลิเนียร์ตี้กล่าวแล้วก็ "ปี้บๆๆ" กดปุ่มเพื่อนำโฮโลแกรมนาฬิกาปลุกออกมา "กรี้งงงงงงงงงงง" ส่งเสียงจนทำให้แอมเบอร์ตื่นขึ้นมาทันที

            "หว่าๆๆๆๆ เกิดเหตุฉุกเฉิน มีผู้บุกรุกเข้ามาในยาน ในเวลาที่มีผู้รุกรานเข้าใกล้ เข้าสู่มาตราการขั้น...." แอมเบอร์ร้องลั่นแบบทำอะไรไม่ถูก พอเห็นพวกเมนซิกส์ทีนเข้า เธอก็หยุดนิ่งไปทันทีแล้วก็บอกด้วยหน้าเจื่อนๆไปว่า "เออ ขอโทษด้วย ที่ทำให้ทุกคนตกใจกันน่ะ"

              "และลูกเรืออีกหลายหน่วยที่ประจำการบนยานนี้ ก็แตกตื่นเพราะความตกใจของเธอกันนี้แหละ" สเปียริทบอก

              แอมเบอร์บ่น "พวกคุณน่าจะปลุกฉันดีๆก็ได้นิคะ เพราะฉันต้องคอยดูแลความปลอดภัยของยานมาตลอดทั้งคืนเลยน่ะ"

              "งั้นเราคงต้องจัดเวรกลางคืนกันแล้วละน่ะ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แอมเบอร์ เข้างานเลยดีกว่า ช่วยต่อสายไปหาโพโบโวโล่ได้มั้ยละ"

              "ได้คะ เพียงแต่.... อ่า....." แอมเบอร์เช็คข้อมูลการติดต่อเข้ามาจนเห็น... "ผู้ว่าการของเราติดต่อเข้ามาถึง 3 ครั้งในช่วงเช้ามืด ตอนตี 4 ถึง ตี 5 นะคะ"

              คลอเวฟบอก "โว้ว ผู้ว่าการแต๋วคงมีเรื่องบ่นกับพวกเราอีกเพียบเลยละสิ"

              "งั้นต่อสายเข้ามาเดียวนี้เลย" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วภาพของโพโบโวโล่โผล่มา

             "พวกนายนิ ไม่เคยบอกฉันให้ทราบกันบ้างเลยหรือไง รู้หรือเปล่าว่าฉันเจ็บตัวกันอยู่นิ มันความผิดของพวกนายกันเลยนะยะ" ไม่ทันไรก็โวยลั่นในทันที

              "มาถึงก็ฉอดๆกันเลยน่า" โฟรซ่าสบถและลุกขึ้น เพราะเธอกับพวกล้มด้วยพลังเสียงโวยลั่นของผู้ว่าการตัวดี

              สเตฟอร์ดบอก "มาโวยใส่พวกเราในยานรบของทางกองทัพนั้น ไม่กลัวโดนท่านนายพลตำหนิกันเลยหรือ...."

              "......." โพโบโวโล่ได้ฟังก็มองภาพปลายสายอย่างละเอียด "จะซูมหน้าที่มาส์คด้วยแตงกวามาทำไมกันวะ" คลอเวฟสบถ

              โพโบโวโล่ได้เห็นก็เลยเลื่อนหน้าออกมาโดยเร็ว "พวกนายน่าจะบอกกับฉันก่อนก็ได้นิ ว่าติดต่อมาจากยานรบของพวกนายกันน่ะ"

              "แล้วพวกเรามีโอกาสได้บอกกับนายตรงไหนกันมิทราบละยะ" สเปียริทบอก "ว่าแต่ มีเหตุผลอะไรที่มาฉอดๆใส่พวกเราแบบไม่ให้ตั้งตัวกันเลยละ"

              โพโบโวโล่กล่าว "คืองี้ ฉันลงไปกินข้าวที่ร้านอาหารในเขตเมืองชั้นล่าง ซึ่งฉันเลือกโต๊ะที่มีแต่หนุ่มหล่อๆ กล้ามเป็นมัดๆนั่งอยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยก็ช่วยให้ไม่ต้องเครียดเวลาออเดอร์มาช้ากันนี้แหละ"

              "แล้วไม่กลัวว่าไอ้กล้ามโตๆหน้าหล่อๆแบบนั้นเป็นเกย์หรือเป็นพวกเดียวกันกับนายเลยหรือ" เจเนลถาม

              โพโบโวโล่กล่าวอย่างหงุดหงิด "อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์กันบ้างละน่า" แล้วก็พูดเข้าเรื่องต่อ "จากนั้นพอฉันเดินกลับไปบ้าน ก็ดันไปเจอกับยัยทหารชะนีล้ำบึกคนหนึ่งเดินมาพอดี เธอมาพูดจากับฉันทำนองที่ว่า ทำตัวไม่สมเป็นผู้ว่าการ ฉันก็เลยจะฉอดๆใส่เธอ เท่านั้นแหละ เธอก็ต่อยหน้าฉันไปทีหนึ่ง ตามด้วยไล่เตะไปสองสามที แล้วก็จับบิดขา จากนั้นก็ล็อกคอแน่นๆ กว่าจะตบพื้นให้ยัยนี้ปล่อยมือ ก็แทบจะหายใจไม่ออกกันด้วยนี้แหละ"

              "แล้วเรื่องเกิดตอนกี่ทุ่มกันละ" ฟิเกซถาม

              โพโบโวโล่บอก "ก็ตอน 3 ทุ่มนะสิ...." แล้วหันมาถาม "ว่าแต่ ยัยทหารชะนีล้ำนั้น เป็นทหารในหน่วยของนายพลเพอซิอัสใช่มั้ย บอกได้มั้ย ว่าอีนี้เป็นใคร ฉันจะตามไปตบให้หงายคว่ำกลับคืนไปเลย"

              "เออ เกรงว่าหลังจากที่เธอตบชะนีนั้นล้มปั้บ เธอก็จะโดนนายพลจูเดทต้าสั่งลงโทษเยียดแขนสองข้างอยู่ใกล้กับเสาธงตั้งครึ่งวันซะมากกว่าน่ะ" โฟรซ่าบอก

              โพโบโวโล่บอก "อ้อ ยัยนั้นเป็นลูกน้องของนายพลจูเดทต้าละสิ"

              "ลูกสาวต่างหากละ ผู้ว่าการโพโบโวโล่ นั้นคือโดโรรีน ลูกสาวคนโตของนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้ากันนะสิ" เนคมาดูซัมบอก

              โพโบโวโล่ได้ฟังก็ถามอย่างอึ้งๆ "ลูกสาวนะหรือ....เออ เดียวก่อนน่ะ นี้พวกนายรู้จักกับยัยชะนีนั้นเลยหรือ"

              "นอกจากจะรู้จักกันแล้ว พวกเราเจอยัยโดโรรีนมาเมื่อสองสามวันก่อนนะสิ" สเปียริทบอก

              โฟรซ่ากล่าว "และไม่ต้องแปลกใจหรอกที่เห็นเธออยู่ในเมืองตอนกลางคืน เพราะว่าเธอเป็นหัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังภายในเมืองตอนกลางคืน ซึ่ง เธอคอยมาสังเกตุการณ์ดูพวกเราหลังจากวันที่พวกพีทถูกลักพาตัวไปแล้วละ"

              "แล้วยัยนั้น คงจะแกร่งมากถึงขั้นเลเซอร์ไม่ทะลุ เหยียบกับระเบิดไปหลายลูกก็ยังไม่ตายละสิ" โพโบโวโล่บอก

              ฟิเกซกล่าว "โดโรรีนแค่ไม่ชอบสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง หรือใครก็ตามที่ทำตัวแย่จากที่ได้ยินมาก็เท่านั้นเองแหละ"

              "ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ที่พฤติกรรมแต๋วๆดูไม่แมนของนายนี้แหละ คือต้นเหตุที่นายต้องเจ็บตัวกันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              โพโบโวโล่บอก "แต่ก็ไม่ถึงกับต้องต่อยต้องจับดัดตนจนฉันเจ็บตัวกันเลยนิน่า แล้วท่านนายพลจูเดทต้าคงรักลูกมากเลยไม่ลงโทษละสิ"

              "ต่อให้เป็นลูก นายพลจูเดทต้าก็ยังลงโทษโดโรรีนกันอยู่แล้ว ไม่เชื่อไปดูที่เสาธงหน้าฐานทัพกันก็ได้น่ะ" ฟิเกซบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "และอยู่ห่างๆไว้ก็พอ เดียวคุณก็ออกจากบ้านไม่ได้ทั้งวันอยู่ดีนี้แหละ"

              "ขอให้มันเป็นจริงเหอะน่า" โพโบโวโล่บอก และหันมาถาม "แล้วเมื่อไหร่ พวกนายจะกลับมาบ้านกันละยะ"

              พีวิลบอก "ผบสส.บัลโต้ให้พวกเราเฝ้าอยู่ที่เมืองประมาณ 1 สัปดาห์กันนะครับ เพราะเราต้องดูแลผู้ลี้ภัยกลุ่มที่ยังอยู่ช่วยงานสถาบันวิจัยกันอยู่ เช่นเดียวกับพวกที่ไม่พร้อมจะออกจากดาวของพวกเรากันนะครับ"

              "แล้วชาวดาวฤกษ์นั้นไปหมดแล้วหรือยังละ" โพโบโวโล่ถาม

              เนคมาดูซัมกล่าว "ส่วนที่อยู่นอกดาวนั้นออกไปตั้งแต่เช้า และจะกลับมาในอีก 3 วันหลังจากที่พวกเขาหาดาวที่เหมาะสมกับชนเผ่าต่างดาวที่ลี้ภัยแล้วนะ"

              "แต่มันจะดีหรือ เพราะเราไม่แน่ใจว่าชนเผ่าต่างดาวที่ลี้ภัยมานั้นจะเป็นพวกที่เดือดร้อนจริงๆ มิใช่พวกสมุนของพวกเดลอาเนี่ยนแฝงตัวมาน่ะ" โพโบโวโล่บอก

              เนคมาดูซัมบอก "เอสเซคาร่าซาดีริลยังอยู่ดูแลผู้ลี้ภัยและคอยตรวจสอบพวกเขากันไว้นะสิ"

              "หวังว่า แม่ทัพชาวดาวฤกษ์คนนั้นคงจะเป็นคนที่ไว้ใจได้ เหมือนกับคนพี่ที่ พวกนาย ให้ความเคารพนับถือกันมาในช่วงที่พวกนายทำงานให้กับท่านประธานาธิบดีกันบ้างน่ะ" โพโบโวโล่กล่าว เพราะเขารู้เรื่องของซารีทิสกับพวกเวเซอร์กันมาก่อนแล้ว แล้วถาม "พูดถึงเพื่อนของพวกนายนิ วันนี้พวกเขาไปไหนกันละยะ"

              เจเนลเช็คดูมือถือเพื่อดูบันทึกข้อมูลตารางเวลาของพวกบรอนเซอรูท "เออ....ตอนนี้เขาพาพวกมิวแทนอยด์ยอดยุทธ์ที่เดินทางเข้ามาไปฝึกกันในป่าเขาตอนเก้าโมง และอยู่ที่นั้นตลอดจนถึงสี่โมงเย็นกันน่ะ"

              "ที่ถามว่าพวกเราจะกลับตอนไหนนิ จะเรียกเก็บภาษีเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก

              โพโบโวโล่กล่าว "และหวังว่าพวกนายคงจะมีเงินมาจ่ายในเมืองนี้กันบ้างน่ะยะ" แล้วก็บอกไปว่า "อ้อ กลับไป กรุณาสร้างเครื่องอะไรก็ได้ที่ช่วยเตือนว่ายัยชะนีล้ำอยู่ใกล้ๆให้ด้วยละ" แล้วก็ปิดการติดต่อไปในทันที

              "เราไม่จำเป็นต้องสร้างให้หรอก ปล่อยให้ยัยโดโรรีนทำให้โพโบโวโล่หายซ่าไปได้ตลอดนี้แหละ" สเปียริทกล่าว

              แอนเดรียบอก "แต่ไปทำร้ายผู้ว่าการแบบนั้น มันก็ไม่ดีนะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่แรกก็ตามน่ะ"

              "เออ ลูกพี่ ว่าแต่ มีใครตายหรือเปล่าละครับ" ไกซ์บอก

              คลอเวฟบอก "น่านไง โพโบโวโล่ทำให้ลูกเรือของพวกเราแตกตื่นกันจนได้สิน่า"

              "ยังไม่มีใครตายหรอกน่า ไกซ์ แค่ผู้ว่าการของเราติดต่อมาและอารมณ์ไม่ดีมาแต่เช้าก็เท่านั้นเองแหละ" พีวิลบอก

              ไกซ์กล่าว "งั้นหรือครับ โว้ว ยังไงก็ลดความดังของเสียงให้หน่อยนะครับ" แล้วไกซ์ก็เดินออกไป

              "ที่ควรจะลดความดังของเสียง ควรจะเป็นโพโบโวโล่ซะมากกว่าน่า" โฟรซ่ากล่าว

              มาสวาร์ทาร์บอก "งั้นเราคงต้องรายงานต่อท่านนายพลกันสักหน่อยแล้วละ" แล้วก็กดปุ่มติดต่อไปหาเพอซิอัส เนื่องจากว่าอยู่ในขอบเขตเดียวกับข่ายสัญญาณที่เฟิร์สฮิลล์


              "ฉันกะจะติดต่อกับพวกเธออยู่พอดีเลยน่ะ แม้ว่าเรื่องที่โดโรรีนทำกับโพโบโวโล่นั้น ทำให้ฉันหงุดหงิดไม่น้อยกับลูกสาวคนนี้ก็ตามน่ะ" เพอซิอัสบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วนายพลจูเดทต้าสั่งลงโทษโดโรรีนในเรื่องนี้หรือยังละครับ"

              "จูเดทต้าจัดการให้เรียบร้อยแล้วละ ซึ่งฉันกับพวกเธอต่างก็รู้นิสัยของโดโรรีนดีน่ะ" เพอซิอัสกล่าว "และพอดีเลยที่พวกเธอติดต่อมา ฉันจะได้แจ้งกับพวกเธอให้ทราบกันสักหน่อยน่ะ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "ว่ามาเลยครับ ท่านนายพล"

              "หัวหน้าแคร์เรี่ยนที่ประจำการที่อีสท์กรีนวิลล์แจ้งมา ว่าบีชเวยน์ หัวหน้านักวิจัยที่ส่งไปตรวจสอบประตูมิติที่อยู่ในพื้นที่นั้น ได้มุ่งหน้ามาที่สถาบันและกำลังจะมาถึงในช่วงเช้านี้แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่พวกเธอจะเริ่มฝึกซ้อมกับกองกำลังของผบสส.บาโธโรมิวกันด้วยน่ะ" เพอซิอัสบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แปลว่า การวิจัยเกี่ยวกับประตูมิติที่เชื่อมโยงดาวเมลลอทนั้น จบลงแล้วสิคะ"

              "ใช่ หากแต่ แคร์เรี่ยนได้ส่งเจ้าหน้าที่สองคนมากับตัวแทนของหน่วยที่ 29 มาด้วย เพื่อมาช่วยงานพวกเธอในเรื่องสอดส่องหาตัวสปายของพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธกันนะสิ" เพอซิอัสบอก

              เจเนลบอก "เดียวก่อนนะครับ พวกเราขับไล่พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธให้หงายเงิบไปแล้ว พวกมันไม่มีทางกลับมาได้เลยนิครับ"

              "เจมส์ ต่อให้พวกนั้นบุกยึดเมืองไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นจะไม่เลิกราในเรื่องตัดกำลังพวกเราด้วยการแทรกซึมเข้าไปในสถาบันริดิวิแนนท์ เพื่อเข้าจารกรรมข้อมูลไปจนถึงทำลายงานวิจัยกันหรอกน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              พลัสเชอริทกล่าว "ถึงเราจะขับไล่พวกนั้นไว้ได้ แต่การที่ฟูลออเรสและอิชเชเตียนสามารถล้มนักรบระดับขุนพลตัวสำคัญของทั้งสองฝ่ายลงได้นั้น ความเป็นไปได้ 98 เปอร์เซนต์ ที่ทั้งสองฝ่าย ต้องขัดขวางพวกเราด้วยวิธีแทรกซึมกันนี้แหละ"

              "เพราะว่าเมื่อคืนก่อน ทางกรมตำรวจได้จับกุมสายลับของฝั่งทรอยอาร์และสเตรดาร์ธที่อยู่ในเขตท่าเรือของแมนิเกรโทรโปลิส ซึ่งผู้การเดลิคได้สอบปากคำพวกนั้นจนรู้ว่า ฝ่ายทรอยอาร์และสเตรดาร์ธส่งสายลับจากดาวแม่ของพวกเขาแทรกซึมเข้ามาที่....เวลเซน่าและเฟิร์สฮิลล์ในมะรืนนี้ แน่นอน ว่าสายลับทั้งสองฝ่าย ได้ถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำ โดยที่ฝ่ายที่ประสานงานด้วยนั้น ยังไม่รู้เลยว่าสายลับที่อยู่เขตเมืองหลวงโดนจับไปแล้วน่ะ" เพอซิอัสบอก

              ฟิเกซถาม "เฟิร์สฮิลล์นะหรือ... ว่าแต่ ท่านนายพลคิดที่จะจับกุมสายลับนั้นเลยละสิครับ"

              "ใช่ เพียงแต่...ฉันจะให้ทหารของเราแต่งนอกเครื่องแบบไป เพราะฉันต้องการให้สายลับที่แฝงตัวเข้ามานั้น ไม่เกิดความระแวงว่ามีพวกทหารคอยจับตากันอยู่ และวางใจได้ว่าพวกเขาสามารถลงมือก่อการได้โดยที่พวกเราไม่รู้ตัว จนทำให้ฝ่ายนั้นเกิดความประมาทเสียเองนี้แหละ" เพอซิอัสบอก

              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วพวกคุณก็จัดการล้อมจับกุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สายลับจะไหวตัวได้ทันเลยสิครับ"

              "ถูกต้องแล้ว เพราะจากเดิม ฉันคิดว่าการเข้าไปจับกุมโดยตรงนั้น จะทำให้สายลับรีบหนีไปเสียก่อนนะสิ ดังนั้น แผนหลอกให้ตายใจของฉันและของจูเดทต้าที่วางไว้นั้น จะต้องได้ผลแน่นอน" เพอซิอัสกล่าว

              พีวิลถาม "แล้วท่านมีแจ้งบอกกับพวกบรอนเซอรูทกันหรือเปล่าละครับ อย่างน้อย ให้พวกเขารู้เรื่องก่อน ก็คงจะดีไม่น้อยละครับ"

              "ถ้าเป็นพวกบรอนเซอรูทและพวกแดนละก็ เดลิคแจ้งให้พวกเขารับทราบกันไปแล้วละ ซึ่งแดนและพวกบาร์ทจะช่วยประสานงานกับพวกทหารกันด้วยน่ะ" บัลโต้ติดต่อมา

              เจเนลบอก "และเราติดต่อไปหาพวกเขาเพื่อสอบถามความคืบหน้ากันได้มั้ยละ"

              "ได้อยู่แล้ว แต่ ฉันแนะนำให้พวกนายปิดบังคลื่นสัญญาณเอาไว้ เผื่อว่าสายลับที่พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธอยู่ในเฟิร์สฮิลล์ จับได้ว่าเราพยายามติดต่อกับพวกพ้องของพวกนายกันอยู่น่ะ" บัลโต้บอก

              พีวิลบอก "แล้วฝั่งเมืองเวลเซน่านั้นละครับ"

              "เจ้าหน้าที่สองคนของแคร์เรี่ยนและทหารจากหน่วยที่ 29 นั้น จะประสานกับตำรวจที่นั้น เพียงแต่ ฉันต้องการให้ใครในกลุ่มพวกนายประสานงานกับทั้งสามไว้นะ" บัลโต้บอก "และฉันไม่แนะนำให้พวกเฮเรเค้นไปช่วยด้วย เพราะกลัวว่าพวกนี้จะทำเสียแผนซะมากกว่าน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "เดียวผมจะบอกกับพวกเขาเองแล้วกันนะครับ"

              "และบอกให้ฟูลออเรสและเมดิน่าอยู่วิจัยที่สถาบันหรือที่ยานไทรแองเกิ้ลกันก็พอ เพราะคงไม่ดีแน่ๆที่สายลับจะเจอทั้งคู่ และรู้ว่าทั้งคู่คือนักบินอิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนกันไว้น่ะ" บัลโต้กล่าว

              เพอซิอัสบอก "หวังว่าพวกเธอคงไม่ลืมที่จะบอกกับเบติสและวิลด้าด้วยน่ะ ถ้าฉันรู้ว่าพวกเธอลืมหรือไม่ได้แจ้ง ฉันจะลงโทษพวกเธอฐานทำให้การปฏิบัติงานขาดตอนกันน่ะ"

              "เดียวผมจะไปแจ้งให้ลุงเบติสและป้าวิลด้ารับทราบเลยละครับ ท่านนายพล" เนคมาดูซัมกล่าว

              เพอซิอัสยังไม่ทันจะพูดต่อ "ตื้ดๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงดังขัดจังหวะการสนทนาขึ้นมา "โอ้ นีลเซนท์ ริบอยและริเกิร์ลติดต่อเข้ามาพอดีนะสิ"

              "สงสัยว่าทั้งสามคงจะรู้ถึงแผนการของพวกริดโอกันแล้วละ" ฟิเกซบอก

              เพอซิอัสเลยต่อสายไปยังห้องของนีลเซนท์ "โอ้ว พวกคุณอยู่ด้วยเลยสิน่ะ ดีเลย เพราะว่าระบบเอเวอร์วิทเนสของทั้งสองนั้น ได้แจ้งเราถึงแผนการของพวกริดโอกันนะครับ"

              "เยี่ยม แสดงว่าพวกนั้นคงจะเป็นต้นเหตุที่เอาสายลับแฝงตัวเข้ามาเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก

              ริเกิร์ลกล่าว "ถ้าเป็นสายลับทรอยอาร์และสเตรดาร์ธละก็ ดูเหมือนว่าพวกคุณริดโอบุลท์ไม่ได้เกี่ยวในเรื่องนี้เลยนะคะ"

              "พอจะอธิบายได้มั้ย ว่ามันเป็นอย่างงั้นได้ไงกันน่ะ" โฟรซ่ากล่าว

              ริบอยบอก "ผมคงต้องนำบทสนทนาของพวกคุณริดโอบุลท์ตอนเมื่อคืนมาเลยดีกว่านะครับ" แล้วก็เปิดภาพของริดโอบุลท์และน้องๆทั้งสี่ในห้องโถงขึ้นมา

              รู้ข่าวเรื่องที่พวกขุนพลสเตรดาร์ธและทรอยอาร์พ่ายแพ้กันแล้วหรือยังละ" ริดโอบุลท์เกิร์นนำ

              ริดโอบิทบอก "รู้สิครับ พี่ ใครจะไปคิดละเนี้ย ว่าไอ้สถาบันริดิวิแนนท์นั้นจะสร้างชิ้นส่วนเพิ่มพลังให้กับพวกไทรเวเซอร์ จนอัพเกรดหุ่นยักษ์สองตัวนั้นโค่นเอาชนะขุนพลตัวเป้งๆทั้งแปดลงไป แถมยังบดขยี้กองยานรบของพวกเดลอาเนี่ยนที่บุกมากันด้วยน่ะ"

              "พี่ใหญ่ สั่งการให้พวกเราบุกไปถล่มสถาบันวิจัยและเขตที่พักของพวกลี้ภัยเลยมั้ยละ" ริดโอโบลกล่าว

              ริดโอแบทห้ามไว้ "อย่า ริดโอโบล ฉันพึ่งทราบมา ว่าเอสเซคาร่าซาดีริล แม่ทัพคนใหม่ของชาวดาวฤกษ์มาประจำการอยู่ที่นี้ เพื่อดูแลชนเผ่าต่างดาวที่ลี้ภัยเข้ามากันอยู่ ซึ่งเธอก็คงรู้ว่า พวกเราคิดจะทำอะไรกันแน่นอน จนเราต้องเป็นฝ่ายถูกบดขยี้กันไปด้วยเลยน่ะ"

              "แล้วพวกนั้นก็คงมีเทคโนโลยี่ที่ล้ำยุคจนสกัดกั้นการแฮคข้อมูลกันด้วยละสิ" ริดโอบิทบอก และหันมาถาม "แล้วไม่มีทางไหนที่จะจัดการกับไอ้พวกไทรเวเซอร์กันเลยหรือ"

              ริดโอบุลท์บอก "มีอยู่แล้วละ ริดโอแบท บอกกับพวกเราให้ฟังหน่อยสิ ว่าตอนนี้ฝ่ายทรอยอาร์และฝ่ายสเตรดาร์ธคิดจะทำยังไงต่อไปกันน่ะ"

              "คนของริชเชลลิอาร์ลและเทเนดีนแจ้งมา ว่าหลังจากความปราชัยของพวกโดฟกังและสี่องค์หญิงผู้กล้าหาญนั้น ทางทรอยอาร์และสเตรดาร์ธจึงต้องส่งสายลับแฝงตัวเข้ามาที่ดาว เพื่อสืบหาข้อมูลของพวกไทรเวเซอร์ หน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวที่ประจำการที่เฟิร์สฮิลล์ และข้อมูลการวิจัยทั้งหมดของทางสถาบันวิจัยริดิวิแนนท์กันไว้ โดยที่สายลับเหล่านั้นเดินทางล่วงหน้ามากับกองรบที่ส่งไปก่อนหน้า แต่ยังไม่ถูกจับกุมกันอยู่น่ะ" ริดโอแบทบอก

              ริดโอโบลบอก "งั้นก็ดีเลย เราจะได้แจ้งให้พวกนั้นบุกไปฆ่าไอ้พวกไทรเวเซอร์และพวกพ้องของมันถึงที่นั้นได้เลย"

              "เกรงว่าเราทำอย่างงั้นไม่ได้อยู่แล้วน่ะ เพราะ....เหตุผลสองข้อด้วยกัน" ริดโอแบทกล่าว "หนึ่ง....พวกไทรเวเซอร์ไม่ได้อยู่ที่เฟิร์สฮิลล์ แต่อยู่ที่เวลเซน่าและสถาบันริดิวิแนนท์ ซึ่งนั้นหมายถึง สายลับที่ถูกส่งมาแทรกซึมในเมืองจะต้องเจอกับพลัสเชอริทหรือมาสวาร์ทาร์กัน บวกกับว่ามีกองกำลังของผบสส.บัลโต้ด้วยแล้ว เกรงว่าสายลับอาจจะถูกจับได้แน่นอน สอง.... สายลับที่ล่วงหน้ามานั้น ไม่ใช่คนของริชเชลลิอาร์ลกับองค์ชายเทเนดีน แต่เป็นของแม่ทัพใหญ่อาวเซนและแม่ทัพใหญ่กาซิม ซึ่งนอกจากสายลับพวกนี้ไม่รู้จักกับพวกเรา เผลอๆ พวกเขาจะรู้ว่าพวกเราติดต่อกับใครกันไว้ และเข้าจัดการกับคนของพวกเราก็เป็นได้น่ะ"

               ริดโอเบร่ากล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกเราติดต่อกับตัวแทนของสังฆราชริชเชลลิอาร์ลและองค์ชายเทเนดีน ในเรื่องระบุตำแหน่งบุกจู่โจมกันเลยสิคะ"

              "ใช่ ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเราจึงไม่สามารถเข้าไปร่วมกับพวกสายลับของฝั่งทรอยอาร์และสเตรดาร์ธได้เลยนะสิ" ริดโอบุลท์บอก

              ริดโอบิทถาม "แล้วเราไม่หาวิธีจัดการกับพวกไทรเวเซอร์กันเลยหรือ"

              "จัดการได้แน่ๆ เพราะว่าพี่ได้ติดต่อกับแม่ทัพบูเรนนอฟไว้แล้ว ว่าจะให้กองรบของเดลอาเนี่ยน โผล่ออกมาจากประตูมิติ นำกองรบออกมาเพื่อจู่โจมเขตเมืองเวลเซน่า และออกตามหาสถานที่พักของพวกลี้ภัย เพื่อกวาดล้างพวกผู้ลี้ภัยให้ราบคาบไปพร้อมกับสถาบันวิจัยของพวกริดิวิแนนท์กันนี้แหละ" ริดโอบุลท์กล่าว

              ริดโอแบทบอก "แต่พี่บอกเองมิใช่หรือ ว่ามีชาวดาวฤกษ์อยู่ที่ดาวดวงนี้ แล้วพี่ไม่กลัวพวกนั้นจะจับได้กันเลยหรือ"

              "พี่คาดว่าพวกชาวดาวฤกษ์คงจะปกป้องผู้ลี้ภัยมากกว่าพวกแมนิเกเตอร์กันนี้แหละ ดังนั้น พวกเดลอาเนี่ยนเลยต้องเล็งมาที่พวกไทรเวเซอร์กันอย่างแน่นอน ซึ่งพอพวกไทรเวเซอร์และสถาบันนั้นราบคาบไปซะ ต่อให้ผู้ลี้ภัยยังอยู่ พวกนั้นก็หนีออกไปไม่ได้อยู่แล้วละ" ริดโอบุลท์กล่าว แล้วก็สั่ง "ริดโอบิท อีก 2 วันข้างหน้า พวกเดลอาเนี่ยนจะมาถึงแล้ว ฉันอยากจะให้นายเปิดประตูมิติกันสักหน่อยน่ะ"

              ริดโอบิทบอก "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะจัดการให้เดียวนี้แหละ"

              "แล้วพวกเราไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ พี่ใหญ่" ริดโอโบลบอก

              ริดโอบุลท์กล่าว "ก่อนอื่นเลยน่ะ พวกเรา โฟกัสไปที่....การผลิตและสะสมอาวุธที่เสียไปกันก่อนเถอะ เพราะผู้หวังดีส่งกำลังคนมาเพิ่มแล้วละ"

              "แล้วธุรกิจของพวกเรา ก็ให้ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเลยสิคะ" ริดโอเบล่าบอก

              ริดโอบุลท์บอก "ใช่ กว่าพวกไทรเวเซอร์กับกองทัพของรัฐบาลของผู้นำแอคเมนโด้รู้ พวกมันก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้วน่ะ"


              "แต่แย่หน่อยวะ ที่พวกเรารู้แล้วว่าพวกมึงกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ" คลอเวฟบอก

              ริบอยกล่าว "ตอนนี้ เรารู้ว่าพวกคุณริดโอบุลท์จะเปิดช่องทางต่างมิติให้พวกเดลอาเนี่ยนโผล่มากันแล้ว จะให้ผมหยุดยั้งคุณริดโอบิทเลยมั้ยละครับ"

              "ไม่ต้อง....เราควรปล่อยให้พวกเดลอาเนี่ยนโผล่เข้ามากันนี้แหละ" เพอซิอัสบอก

              นีลเซนท์กล่าว "คุณพ่อคงไม่คิดที่จะให้พวกไทรเวเซอร์กับพวกผบสส.บาโธโรมิวถูกถล่มยับเพียงฝ่ายเดียวกันเลยหรือครับ"

              "เปล่า ถ้าเราหยุดยั้งขึ้นมา ริดโอบิทที่เป็นแฮคเกอร์นั้นจะรู้ว่าลูกกับพวกเป็นตัวการขัดขวางกันแน่นอน และอาจจะรู้ว่าริบอยและริเกิร์ลที่แกล้งตายมานั้น ยังอยู่กับพวกเรา และเอาเรื่องนี้ไปบอกกับริดโอบุลท์เพื่อวางแผนจัดการกับทั้งคู่และตัวลูกเองได้แน่นอนน่ะ" เพอซิอัสกล่าว จนนีลเซนท์ได้ยินก็พูดอะไรไม่ออกเพราะตนไม่อยากจะถูกฆ่าตายกันเลย

              บัลโต้กล่าว "แปลว่า เราต้องปล่อยให้พวกริดโอนำเข้าพวกเดลอาเนี่ยนมาเองละสิน่ะ"

              "ครับ เพราะว่าพวกผมก็รู้แล้วว่าริดโอบิทจะเปิดช่องทางให้พวกเดลอาเนี่ยนเข้ามา ซึ่งนั้นหมายถึง พวกเขาจะรู้ว่าฝั่งเดลอาเนี่ยนจะส่งกองรบอะไรออกมากันด้วย อย่างน้อยพวกคุณก็จะหาทางรับมือกันได้นะครับ" ริบอยกล่าว

              เจเนลถาม "แล้วถ้าเกิดว่าพวกมันบอกว่าจะส่งกองรบหัวนก แต่ดันส่งพวกตะกวดอวกาศมาแทนกันล่ะ"

              "ถ้าเป็นเรื่องนั้น ผมคงต้องส่งโปรแกรมตรวจสอบความเคลื่อนไหวจากฝั่งห้วงมิติไปให้คุณแอมเบอร์กันนะครับ อย่างน้อย พวกคุณก็มีตัวช่วยในช่วงที่ผมมีงานยุ่งกันอยู่น่ะ" นีลเซนท์บอก

              โฟรซ่าบอก "นายพลจูเดทต้าคงให้เธอตรวจจับสายลับที่อยู่ในเมืองละสิน่ะ"

              "ครับ เพราะว่าเรื่องที่มีสายลับจากทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเข้ามาในเมืองนั้น คือปัญหาที่ต้องรีบแก้กันเสียก่อนนะครับ เผื่อว่าพวกคุณมีข้อมูลสำคัญๆอยู่ในคอมพิวเตอร์ในที่พักของพวกคุณไว้น่ะ" นีลเซนท์กล่าว

              ริบอยบอก "ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายเหล่าทหารฝ่ายตรงข้ามที่พวกคุณได้จากผบ.ฮาซาเดนกันด้วย ผมได้เก็บไว้ในคอมเครื่องที่สองของนีลเซนท์เพื่อช่วยให้ระบุตัวสายลับได้นะครับ"

              "แต่เท่าที่ทราบมา จาฟฟาร์ลจะไม่ส่งลูกน้องมาทำงานสายลับกันเสียเลยน่ะ" แอบไบออสบอก

              เพอซิอัสกล่าว "อะไรก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้วน่ะ สิบเอกเฟอร์แดน ถึงองค์ชายสามแห่งสเตรดาร์ธจะไม่ใช้วิธีการนี้ แต่คนที่เหนือกว่าก็ย่อมสั่งเขาได้เช่นกันน่ะ"

              "ถ้าเช่นนั้น เราจะออกไปฝึกฝนทีมรองจะดีกว่านะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ดี เพราะเวลาของพวกเธอและของพวกเรามีค่า ต้องใช้ให้คุ้มค่ากันสักหน่อยน่ะ เลิกการติดต่อแล้วกัน" แล้วเพอซิอัสกับภาพนีลเซนท์ ริบอยและริเกิร์ลก็หายไป

              "งั้น เรามาเริ่มการฝึกภาคสนามร่วมกันเลยดีกว่าน่ะ" บัลโต้บอก

              คลอเวฟบอก "ที่ถูกก็คือ การตะบันหน้ากันด้วยหุ่นยักษ์กันซะมากกว่าน่ะ"

              แล้วการฝึกภาคสนามร่วมก็เริ่มต้นขึ้น บัลโต้พาเหล่าทหารแมนิเกเตอร์ใต้บัญชาการและหน่วยของบรูโน่ออกไปฝึก ด้วยการวิ่งบนพื้นทรายอันร้อนระอุ ในขณะที่พวกไทรเวเซอร์นั้น.... "เป้หลังนิ หนักเหมือนเอาท่อนไม้โอ๊คมาผูกหลังชัดๆเลยวะ" ไลเอิร์ทบ่นโดยที่เขาวิ่งไปพร้อมกับสะพายเป้หลังไปด้วย เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่วิ่งตามมา

              ชาร์เครฟบอก "ให้กูเดาน่ะ ในเป้นี้ บรรจุหนังสือเล่มโตๆเยอะๆกันแน่ๆเลยวะ"

              "ดีแล้วละ ที่เป็นหนังสือ ถ้าเป็นแท่งโครมเมทาเลี่ยมเพียวๆ เราได้แบนแนบติดพื้นแน่ๆวะ" เฮเรเค้นบอก

              เทรอนเร็กซ์กล่าว "พวกเรากับฝาแฝดนิ ไม่เท่าไหร่หรอกน่ะ แต่ไอ้เนิร์ดกับยัยไฟแลบนั้น สมควรแล้วละที่แย่งซีนคราวก่อนไว้น่ะ" โดยเห็นฟูลออเรสและเมดิน่าแบกเป้ใส่หนังสือหนักๆไม่ว่า ยังให้วิ่งสามขาไปด้วยอีก

              "ถ้าฟูลออเรสและเมดิน่าไม่ช่วยพวกนายและพวกเราไว้ ปานนี้ทะเลทรายแถบนี้ตกเป็นของพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธไปนานแล้วละ" ฟลาแน็กซ์ให้เหตุผล

              เนคกัสบอก "ที่สำคัญน่ะ ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นขุนพลตระกูลโดฟกังที่แข็งแกร่งกว่ามาก เช่นเดียวกับสี่องค์หญิงจากสเตรดาร์ธกันด้วยนั้น อย่าว่าแต่พวกเราเลย ขนาดฟูลออเรสและเมดิน่าเองยังรับมือยากเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกนี้ฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ที่หนักหน่วงมาอย่างต่อเนื่องเลยสิน่ะ" อิคกรีทกล่าว

              ไกซ์บอก "บวกกับหุ่นรบขนาดใหญ่ของพวกนั้น ถ้าขนาดมันเด็ดแขนหุ่นของเฮเรเค้นหลุดสองข้างได้ง่ายๆ พวกนายที่เข้าไปสู้กับพวกนั้น คงจะเสียมากกว่าแขนสองข้างแน่ๆเลยละ" เฮเรเค้นพยักหน้าอย่างยอมรับ

              "แถมพวกเดลอาเนี่ยนเองก็มีจักรกลที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนกันด้วยแล้ว บอกตรงๆน่ะ ว่าการรบเริ่มหนักหนาขึ้นมากันแล้วละ" มัลแด็กซ์บอก

              มิลด์บอก "และนั้นเป็นเหตุผลที่ผบ.บัลโต้สั่งฝึกฝนร่วมกันด้วยน่ะ" เพราะเห็นทหารของบัลโต้วิ่งตามหลังมา แม้จะวิ่งช้ากว่าเดิมด้วยกัน และมีบางคนที่เหนือยมากจนบัลโต้ต้องสั่งให้ขึ้นรถบรรทุกที่ตามหลังมาด้วย

              "ให้ตายสิ ขนาดเป็นทหารที่ร่วมรบและอยู่ใต้บัญชาของฉันเอง ยังไม่ไหวกันเลยน่า" บัลโต้บอก เพราะทหารที่นั่งอยู่บนรถบรรทุกที่มีผ้าใบบังแดดบนส่วนบรรทุกหลัง มีจำนวนตั้ง 20 กว่าคน แถมอยู่บนรถบรรทุกถึง 3 คันด้วยกัน

              พีวิลถาม "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกเขานั่งนอนสบายในช่วงที่สงบสุขเลยละสิครับ"

              "ใช่ ขนาดพวกที่เป็นแมนิแฟคเตอร์จากดาวอื่นเอง ก็มีเยอะเสียด้วยที่ใกล้จะเป็นลม ต่อให้พวกเขามีแรงใจที่อยากจะวิ่งต่อ แต่สภาพกายที่อาจจะเดี้ยงเพราะแดดและความร้อนสูงจากทะเลทรายแห่งนี้ คงให้วิ่งต่อไม่ได้แล้ววะ" บัลโต้กล่าว

              มาสวาร์ทาร์บอก "ดีแล้วละครับ เพราะถ้าขืนให้ฝึกต่อ พวกเขาคงอาจจะเสียชีวิตไปแน่ๆ แม้ว่าจะเป็นแมนิเกเตอร์ก็ตามน่ะ"

              "ดูเหมือนว่าคุณจะเห็นอกเห็นใจพวกทหารกันบ้างนะคะ" แอนเดรียกล่าว

              บัลโต้ตอบ "ที่ฉันเห็นอกเห็นใจ เพราะคงไม่ดีแน่ที่มีทหารล้มแล้วไม่ลุกอีกเลย แม้ว่าจะมีบางคนแกล้งป่วยเพราะไม่อยากวิ่งต่อหรืออยากพักยาวกันก็ตาม ซึ่งถ้าเฮลิคยังอยู่ เขาคงตำหนิฉันเหมือนเมื่อก่อนกันอยู่ดีนี้แหละ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะคุณฝึกพวกทหารแบบไม่ให้พักจนมีคนเกือบเดี้ยงไปเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              บัลโต้พยักหน้า "พอไม่มีเฮลิคอยู่ ฉันเลยรู้ว่าฉันต้องรับผิดชอบต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากันมากขึ้น ไม่ใช่แค่พวกบรูโน่ แล้วก็พวกนายกับพวกบรอนเซอรูท แต่เป็นทั้งกองทัพที่ฉันดูแลกันด้วย" โดยมองไปยังกองทหารไว้ "ถึงฉันไม่ชอบพวกเดลอาเนี่ยน พวกทรอยอาร์ และพวกสเตรดาร์ธ แม้กระทั่งพวกริดโอก็ตาม แต่การรุกรานในครั้งนี้ได้เป็นบททดสอบสำหรับพวกเรา ว่าพวกเราจะผ่านมหันตภัยเหล่านี้ได้หรือเปล่าน่ะ"

              "และมหันตภัยเหล่านี้ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องที่พวกเราฝ่ายเดียวต้องรับมือ แต่เป็นทุกฝ่ายกันนี้แหละ" เนคมาดูซัมบอก

              บัลโต้กล่าว "แม้พวกเราจะรู้ว่า การรุกรานครั้งนี้มีเกลือเป็นหนอนอยู่ในกองทัพ ซึ่งฉันก็รู้สึกเหมือนกับนายและฟิเกซนี้แหละ ที่รู้ว่ามีคนทรยศแฝงตัวอยู่ในกองทัพ ซึ่งไม่เพียงช่วยพวกเดลอาเนี่ยนรุกรานระบบดาวของเรา แต่เคยร่วมมือกับพวกเฮซเทิร์ซในการรุกรานแรซัลก้ากันด้วยน่ะ"

              "ใช่ครับ แถมคนทรยศนั้น ยังอยู่ในกลุ่มทหารของอดีตกองยานฝ่ายจักรวรรดิ์แรซัลก้ากันเสียด้วย ถ้าพ่อกับลุงเนคคูคัสยังอยู่ พวกเขาคงต้องสืบหาตัวการเหล่านั้นกันอยู่แล้วละ" ฟิเกซบอก

              บัลโต้กล่าว "จอมพลแฮซกริฟเองก็ทราบจากเรื่องที่รับรู้มาแล้วละ เพียงแต่ เขาแนะนำให้พวกเราสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ แม้จะเสี่ยงกับการที่ ทหารที่ทำการสืบจะมีชาตะกรรมเหมือนผู้พันไบท์ แฟงค์และพวกเลยก็ตามน่ะ"

              "แล้วคุณให้ใครรับผิดชอบในการสืบหาตัวคนทรยศกันละครับ" พีวิลบอก

              บัลโต้บอก "เกรงว่าฉันบอกอะไรพวกนายไม่ได้ในตอนนี้หรอกน่ะ เพราะเดลิคขอร้องว่าอย่าบอกกับใครแม้กระทั่งพวกนายกันน่ะ"

              "แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับสายสืบคนนั้น คุณจำเป็นต้องบอกกับทางเราก็ได้น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              บัลโต้พยักหน้า "เพราะว่าพวกนายเป็นกองกำลังที่ฉันและมหาประธานาธิบดีเชื่อใจได้มากที่สุดน่ะ" แล้วก็บอก "งั้นการฝึกด้วยโมบิลลอยด์จะเริ่มช่วงบ่ายเลยดีกว่าน่ะ"

              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงติดต่อเข้ามา แอมเบอร์โผล่มาแจ้งบอก "สโตม่ากริฟเดินทางจากอีสท์กรีนวิลล์มาถึงเขตเมืองเวลเซน่าแล้วคะ" โดยยานรบของซิลเวเทรทบินมาที่เมือง ซึ่งแล่นลงที่ท่าอวกาศยานในตัวเมืองกันอยู่

              สเปียริทกล่าว "อ่า พึ่งจะมาถึงเอาตอนนี้เนี้ยน่ะ"

              "ก็ยังดีกว่าไม่มากันละน่า" ไซโคลเนียบอก

              บัลโต้บอก "งั้นพวกเราแวะไปหาทีมวิจัยกันดีกว่าน่ะ เพราะอย่างน้อยเราจะได้เจอกับตัวเจ้าหน้าที่ที่แคร์เรี่ยนส่งมา พร้อมกับคนในหน่วยที่ 29 กันดีกว่าน่ะ"

              "กะแล้วว่า แคร์เรี่ยนต้องส่งเธอสองคนมาจนได้สิน่า" เจเนลกล่าว เพราะรู้ว่าแคร์เรี่ยนส่งนิคและรีฟมากับทีมวิจัยของบีชเวยน์กันไว้ และหันมาถามกลับ "แล้วแคร์เรี่ยน มอบหมายให้พวกเธอทำงานอีกอย่างที่นอกเหนือจากมาตรวจจับสายลับกันหรือเปล่าละ"

              รีฟบอก "หัวหน้าแคร์เรี่ยนส่งพวกเรามาช่วยงานคุณวูลลิเซีย เพื่อหาข้อมูลมาอัพเกรดพวกเรากันนะคะ"

              "เพราะว่าพวกคุณถูกพวกเดลอาเนี่ยนลักพาตัวไปพร้อมกับคุณพีวิลและคุณสเปียริท หัวหน้าแคร์เรี่ยนเลยฝึกซ้อมผมกับรีฟ รวมถึงทุกๆคนอย่างเต็มที่ เพราะหัวหน้ารู้ว่าพวกคุณต้องถูกพวกเดลอาเนี่ยนลักพาตัวไปอีกรอบแน่ๆเลยละครับ" นิคบอก

              เจเนลกล่าว "เธอคงจะลำบากไม่น้อยกับการฝึกสุดโหดของแคร์เรี่ยนสิน่ะ แล้วไอรีสล่ะ"

              "หัวหน้าแคร์เรี่ยนฝึกคุณไอรีสด้วยมาตราฐานแบบเดียวกันกับพวกเรานะคะ ซึ่งเธอพยายามกันไม่น้อยกับการเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวนะคะ" รีฟกล่าว

              ลิเนียร์ตี้บอก "คุณไอรีสมีความตั้งใจอย่างมากเช่นนี้ หวังว่าคุณแอร์ไพล์มมิสคงจะยอมรับในตัวเธอได้บ้างนะคะ"

              "แล้วอีกคนที่มาจากหน่วยที่ 29 นั้นละ" พีวิลถาม แล้วที่บิล ดิสตินเดินเข้ามาพอดี

              "โอ้ว พ่อเธอส่งเธอมาทำงานในเมืองแห่งวิทยาการเพื่อเพิ่มความฉลาดเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              "พ่อไม่ได้แค่ส่งผมมาหรอก แต่คุณแม่คาราเบลเองก็ด้วยนะครับ" บิลกล่าว

              คลอเวฟบอก "นั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อย เธอคงจะทำงานกับวูลลิเซียได้ดีกว่า ไปทำงานกับไอ้เฟอร์นันเดอร์บ้างละน่า"

              "เออ หมายความว่าไงกันนะ ที่ว่าทำงานให้กับคนที่ชื่อเฟอร์นันเดอร์กันน่ะ" นิคบอก

              แอบไบออสกล่าว "สงสัยว่าคงต้องอธิบายให้นิคกับรีฟ ที่เป็นพลเมืองของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์รับทราบกันดีกว่า ว่าที่นายพูดมานั้นมันหมายความว่าไงน่ะ"

              "เอ้....คุณเป็นสายลับให้กับผู้การเฮลิคอย่างงั้นนะหรือคะ" รีฟกล่าวอย่างอึ้งๆ

              บิลพยักหน้า "ใช่ ที่จริงแล้ว ฉันแฝงตัวอยู่ในกองกำลังที่ 12 ของกลุ่มมหาสหรัฐอเมริกา โดยเป็นลูกน้องของร้อยเอกเฟอร์นันเดอร์ก่อนหน้าที่คุณพีวิลจะกลายเป็นแมนิเกเตอร์เมื่อ 1 ปีก่อนนะสิ ซึ่ง....การที่ฉันเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายมนุษย์ได้นั้น เพราะว่า...." แล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า "....ฉันมีปากเสียงกับคุณพ่อกันในเรื่องช่วยท่านประธานาธิบดีต่อต้านพวกอีเนอไมนด์นะสิ"

              "ปากเสียงนะหรือ หมายถึง คุณทะเลาะกับผู้การไบรอันเลยหรือ" นิคถาม

              บิลตอบ "แม่นแล้ว คุณพ่อยังยืนกรานว่าเขาต้องช่วยท่านประธานาธิบดีโคเคสในเรื่องสู้รบกับพวกโอเวอร์เดส ในขณะที่ฉันมองไม่เห็นทางที่จะเอาชนะได้เลย มีแต่เสียกับเสียอยู่เรื่อยๆ ทำให้ฉันทะเลาะกับพ่อและตัดสินใจเข้าร่วมกับกองรบของร้อยเอกเฟอร์นันเดอร์ เพราะรู้ว่า พวกเขาเป็นกองกำลังที่ไว้ใจได้มากกว่าพวกคุณพ่อเสียอีก" แล้วก็เล่าต่อ "แต่แม้ทำงานให้กับร้อยเอกเฟอร์นันเดอร์จนได้สู้กับอีเนอไมนด์ได้อย่างตั้งใจหวังไว้ก็จริง เพื่อนฝูงที่เป็นพวกเด็กแว้นที่ร้อยเอกเฟอร์นันเดอร์ไปเกณฑ์หรือรวบรวมมากลับระแวง และไม่ไว้วางใจฉันเลยนะสิ เพราะพวกเขารู้ว่า พ่อของฉันเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์และโดนทางรัฐบาลหมายหัว ในฐานะแมนิเกเตอร์ใต้บังคับบัญชาของท่านประธานาธิบดีโคเคส แม้ว่าฉันจะอ้างกับร้อยเอกว่าฉันไม่ใช่พวกเดียวกับพ่อของฉันเลยก็ตามน่ะ"

              "แล้วคุณก็ยังทำงานให้กับพวกมนุษย์ตลอดเลยนิ ทำไมคุณถึงกลับมาอยู่ที่นี้เลยละคะ" รีฟกล่าว

              นิคบอก "นั้นสิ แล้วคุณเป็นสายลับกันตั้งแต่ตอนไหนเลยน่ะ"

              "ก็ในช่วงที่....กองรบของเราเดินทางจากอเมริกาไปยังแอฟริกาเพื่อสู้กับพวกอีเนอไมนด์ที่นั้นนะสิ ซึ่งก็ได้เจอกับคุณพีวิล คุณมาสวาร์ทาร์ และคุณสเปียริทที่นั้นด้วย หลังจากที่สองปีก่อน ได้เจอกับคุณพีวิลมาแล้วครั้งหนึ่งในสภาพที่เป็นมนุษย์กันน่ะ" บิลกล่าว "พอได้สู้กับคุณพีวิลกันแล้ว และรู้ว่าคุณพีวิลเข้าร่วมกับกองรบต่อต้านมานั้นก็เพื่อพลีชีพตายไปพร้อมกับพวกอีเนอไมนด์ ซึ่งฉันก็รู้เลยว่า คุณพีวิลได้สติกลับมาและคิดทำคุณไถ่โทษกันไว้โดยเอาชีวิตไปแลก ในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปในสภาพที่เขากลายเป็นสมุนของแพทรีออทกันน่ะ"

              พีวิลบอก "ซึ่งฉันก็รู้ว่าเธอเป็นแมนิเกเตอร์กันแต่แรก หลังจากที่ได้สู้กัน ไม่สิ ที่ถูกก็คือตอนที่ฉันเป็นมนุษย์และเจอเธออยู่ ฉันและทุกๆคนในหน่วยรบที่ 54 ก็รู้ดี ว่าผู้การไบรอันและคุณคาราเบล เป็นซุปเปอร์โซลเยอร์ที่ถูกป้ายสีว่าเป็นพวกแมนิเกเตอร์กัน และรู้ว่าการที่เธออยู่นี้ ถ้าไม่ได้มาเพื่อเป็นสายลับให้กับคุณไบรอันและผู้การเฮลิค ก็คือเข้าร่วมเพื่อสู้กับพวกอีเนอไมนด์เองสิน่ะ"

              "แต่ เท่าที่ทราบมา คุณคลอเวฟไม่ชอบขี้หน้าทหารที่ชื่อเฟอร์นันเดอร์มิใช่หรือ แล้วทำไมถึง...." นิคบอก

              คลอเวฟบอก "ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากๆเลยน่ะ ที่ได้เจอกับไอ้เด็กบ้านี้อยู่ในอาร์ค หลังจากที่เราออกจากระบบสุริยะไปแล้ว ทั้งๆที่ไอ้เด็กนี้ควรจะอยู่กับไอ้เบื้อกเฟอร์นันเดอร์นั้น ถ้าไม่เพราะว่าผู้การเฮลิคอธิบายว่า เขาได้แจ้งให้บิลที่อยู่ในกองรบที่ 12 นั้น ทำหน้าที่เป็นสายลับแฝงตัว คอยรายงานความเคลื่อนไหวของเฟอร์นันเดอร์และกองกำลังที่เกี่ยวข้องให้ทางเรารับทราบกันไว้อย่างลับๆ กันละก็ ปานนี้เธอคงไม่ได้ช่วยพี่และน้องชายฝาแฝดไล่ไอ้พวกเดลอาเนี่ยนไปหรอกน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกเลยที่ลูกพี่เฟอร์นันเดอร์พูดถึงคุณแบบแย่ๆกันน่ะ" บิลบอก

              รีฟถาม "แล้วคุณกลับมาอยู่ในกองกำลังสหพันธมิตรกันตั้งแต่ตอนไหนละคะ เพราะเท่าที่ทราบมา พวกคุณกับกองกำลังมนุษย์ต่างก็ต้องสู้กับพวกโอเวอร์เดสกันมิใช่หรือคะ"

              "ฉันหาทางหนีด้วยการแกล้งตาย ในช่วงที่กองทัพมหาสหรัฐร่วมมือกับทางเรา จู่โจมปิรามิลด้าของพวกแอตแลนไทซ์ในครั้งสุดท้ายนะสิ" บิลบอก "ตามคำสั่งของคุณพ่อและผู้การเฮลิคให้ไว้ ว่าให้รีบถอนตัวกลับมาโดยเร็ว เพราะในช่วงสุดท้ายนี้ คนอื่นๆในกองอาจจะรู้แล้วว่าฉันเป็นแมนิเกเตอร์ที่ท่านประธานาธิบดีส่งมาทำงานลับกันแล้ว บวกกับว่ากองกำลังของนายพลเวสวิงตันต้องออกรบจู่โจมปิรามิลด้า เพื่อถล่มและกวาดล้างพวกแอตแลนไทซ์บนโลกให้ราบคาบ ฉันจึงแสร้งทำเป็นถูกพวกแอตแลนไทซ์จู่โจมจนดีดตัวออกมาไม่ทัน แต่จริงๆแล้ว ฉันแอบดำน้ำหนีไปหาพี่ฟอนโรว์ ซึ่งคุณพ่อสั่งให้พาตัวกลับมาโดยเร็ว เพราะการรบในตอนนี้ถือว่าโกลาหลไม่น้อย เนื่องจากว่าพวกคุณคลอเวฟบุกเข้าจู่โจมใส่แม่ทัพใหญ่ในนั้นนะสิ"

              โฟรซ่ากล่าว "ดีแล้วละ ที่เธอหาทางหนีออกมาได้แบบเนียนๆ เพราะพวกพ้องของเธอคิดว่าเธอตายไปแล้วจริงๆสิน่ะ"

              "แล้วไม่กลัวว่าเฟอร์นันเดอร์จะรู้หรือ ว่าเธอยังไม่ตาย เพราะพวกเขายังหาศพเธอไม่เจอเลยน่ะ" แอบไบออสบอก

              บิลกล่าว "คือ ผมใช้แขนขวาของแพเนียล เพื่อนทหารสุดเกรียนที่เดี้ยงเพราะคุณคลอเวฟเล่นงาน เอาไปแช่แข็งให้เย็นจัด แล้วก็เอาไปปลอมให้เป็นแขนของผม ด้วยการแต่งสีและใส่เลือดของผมเข้าไป โดยทำให้เหมือนว่าผมพยายามจะดีดตัวแต่เครื่องระเบิดเสียก่อนน่ะ"

              "แต่เกรงว่า เฟอร์นันเดอร์อาจจะรู้ เพราะการตรวจสอบแขนเก้ของเธอ จากการที่มีดีเอ็นเอของคนสองคนซ้อนทับเอาไว้กันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              คลอเวฟกล่าว "แค่ทำให้ไอ้เบื้อกเฟอร์นันเดอร์มันเจ็บใจกันซะบ้าง ก็ถือว่าเกินพอแล้วละ"

              "แล้วคุณเองก็คงมานี้ เพื่อมาช่วยเราจับสายลับทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเลยสิ" นิคบอก บิลพยักหน้า

              รีฟบอก "แต่ เท่าที่ทราบมานั้น คุณเป็นคนแรกที่รู้ฐานะของคุณเฮนรี่ ไนท์ ผู้เดินทางมาที่โลกในนามของอองรี แนชกันมิใช่หรือคะ"

              "แหะๆๆๆๆ ทีแรกก็ตกใจไม่น้อยเลยน่ะ ที่คนดังในช่วงยุคทองอันไกลโพ้นนั้นจะปรากฎกายอยู่ตรงหน้ากันจะๆเลยน่ะ ซึ่งฉันไม่รู้ว่าจะบอกพ่อในเรื่องนี้ดีหรือเปล่าน่ะ แน่นอนว่าผมโดนพ่อ แม่ พี่และกีลตำหนิกันยกใหญ่เลย ว่ารู้เรื่องแล้วไม่เอามาบอกให้พวกเขารู้กันเลยน่ะ" บิลบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ที่ไม่บอกนิ เพราะกลัวว่าผู้การไบรอันไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดมาเลยสิน่ะ ว่าได้เจอกับเฮนรี่ ไนท์ก่อนกันน่ะ"

              "ก็ผมขี้เกียจทะเลาะกับพ่อแล้วนะสิ เพราะกลัวว่าผมอาจจะเตล็ดไปเป็นสายลับแฝงตัวในกองกำลังเดลอาเนี่ยนกันน่ะ" บิลบอก

              เจเนลบอก "ดีแล้วละ ที่ผบสส.บัลโต้ให้พวกลูกพี่ล่วงหน้าไปก่อน ไม่อย่างงั้นเราต้องหาทางไปกู้ศพเธอกันแน่นอน"

              "โอเค บิล ตอนนี้เธอจะพักกันที่ไหนละ" พีวิลถาม

              บิลตอบ "ผมก็ต้องพักอยู่ในตัวเมืองอยู่แล้วละครับ เพราะผมต้องดูลาดเลาภายในเมืองด้วยตัวเองกันนี้แหละ"

              "แล้วไม่คิดที่จะแวะไปทักทายเพื่อนเก่ากันบ้างเลยหรือ" สเตฟอร์ดถาม

              บิลกล่าว "วางใจได้ เพราะว่าผมนัดบรูโน่ ไกซ์และมิลด์กันไว้แล้ว หากแต่ ผมต้องพึ่งบรูโน่ในเรื่องหาที่กินที่เที่ยวสักหน่อยน่ะ"

              "แล้วเธอสองคนละ" เจเนลถาม

              นิคบอก "หัวหน้าแคร์เรี่ยนแจ้งให้คุณอีธานหาที่พักกับพวกเราสองคนกันแล้ว แม้ว่านั้นจะอยู่ใกล้กับห้องชันสูตรศพหรือห้องซีทีสแกนกันนะครับ"

              "อย่าห่วงไปเลยน่า พวกเขาไม่ทำอะไรพวกเธอกันหรอกน่ะ แค่พวกเธอให้ความร่วมมือกับพวกเขาก็พอนะจ๊ะ" แอนเดรียบอก

              รีฟกล่าว "ขอให้เป็นอย่างที่คุณว่ามากันนะคะ" นิคได้ฟังก็พยักหน้าแทนคำตอบไว้

              "ต้องรบกวนพวกคุณกันแล้วนะครับ" นิคกล่าวอย่างสุภาพเมื่ออีธานพาเขากับรีฟมาอยู่ในห้องพัก ซึ่งมีเตียงสองเตียงอยู่ มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่กับเตียง โดยมีโทรทัศน์จอแบนติดกับผนังตรงข้ามกับเตียง ตรงหน้าต่างนั้นเปิดออกไปเห็นเขตเมืองได้อย่างชัดเจน เพราะห้องพักของพวกเขาอยู่ติดกับเขตเมืองเวลเซน่า

              "ถ้าต้องการอะไรก็ติดต่อไปหาลูกน้องของฉันได้เลยน่ะ หรือไม่ก็ลงชั้นล่าง มีร้านขายอุปกรณ์ที่จำเป็นอยู่น่ะ"

              "ไม่เป็นไรหรอกคะ พวกเราอยู่ได้สบายเลยคะ" รีฟบอก

              อีธานกล่าว "งั้นฉันออกไปก่อนแล้วกันน่ะ แล้วก็ อีกครึ่งชั่วโมงให้ไปหาฉันที่ห้องวิจัยเบอร์เอฟ-5 ได้เลย" แล้วก็เดินออกไป แต่ก็หันกลับมา "อ้อ นี้คีย์การ์ดสำหรับห้องนี้ หวังว่าคงไม่ลืมกันน่ะ" มอบคีย์การ์ดให้รีฟรับไว้ ก่อนที่จะเดินจากไป

              "คุณคงไม่ชอบห้องนี้เลยสิคะ" รีฟถามนิคที่เดินไปทั่วห้อง ซึ่งเขาก็เดินตรงมายังตู้เสื้อผ้าเพื่อนำชุดสกินสูทออกจากกระเป๋าไปไว้ในตู้

              "เปล่าหรอก ห้องนี้แค่ทำให้นึกถึงตอนที่อยู่บนดาวคูลดาลนัสก็เท่านั้นเอง" แล้วก็หยิบชุดเสื้อสีแดงและกางเกงสีครีมมาสวมใส่ "รีบแต่งตัวโดยเร็วเถอะ เพราะเราต้องลงไปดูภายในสถาบันสักหน่อยน่ะ" รีฟพยักหน้าแล้วก็หยิบชุดสกินสูทของเธอมาสวม โดยเลือกชุดที่เอาไว้ใส่ในห้องพักไปไว้ในตู้ตาม

              "ภายในสถาบันนั้น คุณคงจะนึกถึงตอนที่ทำงานให้กับทางบริษัทพีคแพนทรัลเลยสิคะ" รีฟกล่าว เมื่อเธอเดินตามนิคลงมายังชั้นล่างของสถาบัน ซึ่งมีพวกนักวิจัยริดิวิแนนท์คุยกันอยู่ เช่นเดียวกับนักวิจัยส่วนหนึ่งอธิบายให้กับพวกเด็กๆที่มาทัศนศึกษากันด้วย

              นิคบอก "บรรยากาศในห้องโถงที่กว้างขวางและมีชั้นลอยอยู่นั้น ตรงทุกอย่าง เว้นแต่อย่างเดียวที่ไม่มี ก็คือ ความน่าเบื่อจากการที่มีคนรู้จักฉันมากจนเกินไป ทุกๆคนในสำนักงานพยายามประจบประแจงฉันราวกับว่าฉันเป็นคนที่ช่วยให้เขาก้าวหน้าไปได้น่ะ" แล้วก็กล่าวอย่างถอดถอนใจ "ฉันรู้ว่าฉันเป็นหลานชายคุณปู่ ผู้ก่อตั้งเครือบริษัทใหญ่ที่ควบคุมกิจการ 2 ใน 3 ของดาวคูลดาลนัส และลูกชายของคุณพ่อ ผู้เป็นประธานบริษัทคนปัจจุบัน ส่วนฉันเป็นทายาทคนโต ผู้มีหุ้นในกิจการเกือบ 1 ใน 3 และเป็นว่าที่ประธานคนต่อไปนั้น ชีวิตที่ฉันเป็นอยู่ แม้ว่าจะสุขสบายและเรียบง่ายดี แต่....ฉันรู้สึกเป็นทุกข์มากๆเลย"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ คุณอยากมีเพื่อนแท้สิคะ" รีฟถาม

              นิคบอก "เพื่อนที่ฉันสามารถคบหาได้อย่างใจจริง เพื่อนที่ฉันเชื่อใจได้ เพื่อนที่ยอมรับในตัวตนของฉัน หรือแม้กระทั่งทะเลาะเบาะแว้งกับฉันได้ ก็ยิ่งดี เพราะช่วงชีวิตของฉัน มีแต่คนที่ไม่จริงใจกันทั้งนั้น..." แล้วก็บอก "เว้นแต่ เฮเลน เธอเป็นเพื่อนหญิงเพียงคนเดียวที่เข้าใจฉันทุกอย่าง เธอไม่เสแสร้ง เธอไม่โป้ปด หลอกลวงหรือโกหก ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเหมือนกับเพื่อนส่วนมาก แม้ว่าในตอนนี้...."

              "พี่ชายคะ พี่กับพี่สาวมาด้วยกันหรือคะ" เสียงเด็กหญิงกล่าว จนปลุกสติของนิคให้หันมา เห็นแมบิลีนยืนอยู่ใกล้ๆ "พี่ชายกับพี่สาวคงเป็นเพื่อนกับคุณอาเจเนลเลยสิคะ ถึงได้มีแขนขาที่เหมือนกันเลยน่ะ"

              นิคบอก "เออ ก็ใช่น่ะ ว่าแต่ หนูชื่ออะไรกันหรือ"

              "หนูชื่อแมบิลีนคะ พี่ชายกับพี่สาวชื่ออะไรละคะ" แมบิลีนแนะนำตัว

              รีฟบอก "ฉันชื่อรีฟจ๊ะ ส่วนนี้คือคุณนิค พี่ทั้งสองนั้นมานี้ เพื่อมาทำงานกันนะจ๊ะ"

              "งั้นหรือคะ แต่พี่ชายและพี่สาวรู้หรือเปล่าคะ ว่าพี่ฟูลและพี่เมดี้นั้น..." แมบิลีนกล่าว

              ไม่ทันไร ฟูลออเรสและเมดิน่าก็เข้ามาหาทันที "เจอตัวจนได้สิน่า หนูแมบิลีน หนูทำให้คุณแม่เป็นห่วงกันมากเลยน่ะ" เมดิน่ากล่าว

              "หนูขอโทษคะ พี่เมดี้" แมบิลีนบอก

              นิคซึ่งเห็นหน้าฟูลออเรสและเมดิน่าก็กล่าวทัก "นายกับเธอคงจะเป็นยอดนักบินหุ่นไทป์เพรโทรแน็กซ์ที่นักวิจัยในกลุ่มของคุณบีชเวยน์เล่าให้ฟังละสิน่ะ" 

              "ใช่ ดูเหมือนว่าหัวหน้าบีชเวยน์คงจะวิจารณ์พวกเราเลยสิน่ะ" เมดิน่าบอก

              รีฟกล่าว "เปล่าเลยคะ คุณบีชเวยน์เขาไม่เชื่อนะคะ ว่ารุ่นน้องของนักวิจัยเบย์แทนด์นั้นเก่งกาจถึงขั้นเอาหุ่นขนาดใหญ่ ไปถล่มยานรบขนาดใหญ่กว่ายานแรคแทซของผบ.บัลโต้ก็เท่านั้นเองนะคะ แม้ว่าครูฝึกแคร์เรี่ยนจะมองว่าพวกคุณสองคนบ้าพลังเหมือนกับคุณเจเนลก็ตามน่ะ"    

              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะผมรู้ว่าคุณแคร์เรี่ยนไม่กินเส้นกับคุณเจเนลก็เท่านั้นเองน่ะ" ฟูลออเรสบอก "แต่ หวังว่านายกับแฟนของนายคงจะให้ความร่วมมือกับรุ่นพี่อีธานกันบ้างน่ะ"

              นิคแย้ง "เออ นายเข้าใจผิดอย่างแรงแล้วละ ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับรีฟกันสักหน่อยนิ"

              "งั้นหรือ หนูนึกว่าพี่ทั้งสองมาด้วยกันนั้นจะเป็นแฟนเหมือนกับพี่ฟูลและพี่เมดี้ หรือไม่ก็พี่ไกซ์และพี่มิลด์นะคะ" แมบิลีนบอก

              เมดิน่ากล่าว "แมบิลีนคะ หนูพูดมามันไม่จริงสักหน่อยน่ะ

              "แล้วเด็กคนนี้นิ เป็นน้องของพวกนายคนใดคนหนึ่งนะหรือ" นิคถามกลับบ้าง

              ฟูลออเรสกล่าว "ใช่ซะที่ไหนละ แมบิลีนเป็นลูกสาวของรุ่นพี่อีธานและรุ่นพี่เอโอลีนกันนะสิ"

              "เด็กคนนี้ ลูกคุณอีธานนะหรือคะ" รีฟบอก ฟูลออเรสและเมดิน่าพยักหน้า

              นิคบอก "ถ้าหนูน้อยคนนี้พูดชื่อนักบินอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ออกมาได้ละก็ งั้นหนูก็สนิทกับพวกเขาเลยละสิ"

              "พวกคุณลุงและคุณป้าในหน่วยไทรเวเซอร์นั้น หนูก็รู้จักกันทั้งหมดเลยนะคะ" แมบิลีนบอก "ตอนนี้บรูทูซและแฟริลก็มาด้วย หนูเลยกะจะพาพวกเขามาดูการทดลองของคุณพ่อและคุณแม่ด้วยนะคะ" แล้วก็ชี้มายังบรูทูซและแฟริลอยู่กับกลุ่มเด็กๆที่ยืนฟังริดิวิเนี่ยนเล่านิทานโฮโลแกรมให้ฟัง

              เมดิน่าบอก "โอ้ว สงสัยว่าคงต้องพาทั้งคู่กลับไปแล้วละมั่ง"

              "ว่าแต่ พวกนายยังไม่รู้ว่าโรงอาหารอยู่ตรงไหนในสถาบันสิน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว "งั้นฉันจะพาพวกนายสองคนไปเลยแล้วกันน่ะ"

              นิคบอก "ดีเลย เพราะมันจะใกล้เที่ยงวันแล้วละ" แล้วเมดิน่าก็พาแมบิลีนเพื่อพาตัวบรูทูซและแฟริลออกไปข้างนอกสถาบันโดยเร็ว

              ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่จุดจอดพักเรือเดินสมุทรหมายเลข 4 อยู่บนเขตทะเลระหว่างทวีปฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ โดยรับส่งยานอวกาศที่แล่นจากนอกดาวและภายในดาวมาด้วย

              "โอ้ว พวกเธอเองสิน่ะ คนขององค์ชายสามกันน่ะ" กะลาสีผิวเข้มคนหนึ่งกล่าวเมื่อเห็นอับดุลลอยด์มากับคมกริชและโมฮัมมัคเดินออกมาจากยานอวกาศ

              คมกริชบอก "ลุงแน่และไม่กลัวทหารของฝ่ายรัฐบาลจะจับได้เลยหรือ"

              "นั้นสิ ถ้าลุงไม่แน่จริงก็คงหนีออกจากดาวนี้ไปนานสองนานแล้วละมั่ง" โมฮัมมัคกล่าวอย่างไม่เชื่อหู

              กะลาสีผิวเข้มตอบ "พวกเธอนิกล้าดีมากสิน่า....แต่ พวกเธอสามคนยืนอยู่ตรงนี้นานๆ อาจจะผิดสังเกตุได้แน่ๆ ทำไมไม่รีบขึ้นเรือไปเสียเลยละ" แล้วอับดุลลอยด์พาเพื่อนทั้งสองขึ้นเรือของกาละสีเรือ ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือหมายเลข R4 อยู่ โดยเรือลำนั้นได้แล่นออกจากท่าไป

              "คุณคงจะเป็น ซินแบท หนึ่งในทหารกองเรือของแม่ทัพใหญ่กาซิม ซึ่งถูกส่งมาเป็นสายแทรกซึมอยู่ที่ดาวดวงนี้ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และรอดพ้นจากการจู่โจมครั้งแรกของพวกเดลอาเนี่ยนเลยสิครับ" อับดุลลอยด์บอก

              กะลาสีเครายาวตอบ "องค์ชายสามคงจะแจ้งให้เธอทราบดี หรือว่าเธอ ทำการบ้านมาดี เพราะว่าพี่ชายของเธออย่างงั้นสิน่ะ"

              "ตอนที่ผมทำงานให้กับองค์ชายสามในช่วงที่เป็นกองกำลังทหารรับจ้างนั้น ผมก็ศึกษาเกี่ยวกับนายทหารของทัพหลวงกันบ้าง เพราะมีนายทหารของทัพหลวงหรือเชื้อพระวงศ์จะใช้บริการพวกทหารรับจ้างอย่างพวกเรา ให้ทำเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถลงมือได้ อย่างงานสกปรกที่เป็นผลเสียกับความมั่นคงในราชอาณาจักรของพวกเรากันนะครับ" อับดุลลอยด์บอก

              ซินแบทบอก "และเธอคงจะรู้ว่า ฉันกับกองรบส่วนหนึ่งไม่ได้อยู่ในกองเรือรบอวกาศ ซึ่งควรจะอยู่ช่วยพวกองค์หญิงทั้งสี่ขับไล่กองกำลังพันธมิตรมนุษย์กันตลอดเลยสิน่ะ" แล้วก็เล่าไปว่า "ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนอาสาต่อท่านแม่ทัพใหญ่กาซิมและองค์มหาราชาให้เข้าแทรกซึมอยู่ในสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์มาเมื่อ 2 เดือนก่อนแล้วละ"

              "คงไม่ได้ก่อการจู่โจมเพื่อตัดกำลังกองทัพของพวกนั้นเลยสิน่ะ" คมกริชบอก

              ซินแบทส่ายหน้า "ถ้าฉันทำเช่นนั้น ฉันคงโดนเก็บไปนานสองนานแล้วละ ไม่มาช่วยพาพวกเธอเข้าถึงเมืองแห่งแรกของพวกสหพันธมิตรกันได้หรอก" แล้วก็เล่าต่อ "ท่านจาฟฟาร์ลคงจะให้รายละเอียดกับพวกเธอถึงเมืองนี้ดีแล้วสิน่ะ"

              "ลอยด์เล่าให้เราฟังแล้วละ แต่ปัญหาคือ เราจะเข้าถึงกองบัญชาการที่ประจำการในเมือง หรือแม้กระทั่งบุกเข้าไปในบ้านของพวกไทรเวเซอร์กันยังไงละ" โมฮัมมัคบอก

              ซินแบทบอก "เกรงว่า ท่านจาฟฟาร์ลจะให้พวกเธออยู่ในเขตเมืองชั้นล่างแล้วละ เพราะ....ฉันทราบมา ว่าพวกทหารที่ประจำการนั้นได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ให้มีเวรยามเฝ้าเขตเมืองทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืนอยู่ ดังนั้น การที่พวกเธอทั้งสามบุกขึ้นไปยังเขตที่อยู่สูงจากเมืองชั้นล่างมานั้น เป็นเรื่องเสี่ยงมากๆเลยละ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกพ้องของไทรเวเซอร์ยังอยู่ในเมืองเลยสิน่ะ" คมกริชบอก

              ซินแบทพยักหน้า "ตอนนี้ฉันจะขับเรือพาพวกเธอทั้งสามไปที่เฟิร์สฮิลล์อย่างช้าๆก่อน ซึ่ง...." แล้วก็มองการแต่งตัวของพวกอับดุลลอยด์ "จะดีกว่ามาก หากพวกเธอแต่งกายให้เหมาะสมกับงานเสียก่อน เพราะฉันทราบมา ว่าพวกทหารเริ่มมีรูปพวกเธอกันแล้วน่ะ"

              "แล้วคุณมีเครื่องแต่งกายที่ปิดบังตัวตนของเราอยู่ละสิครับ" อับดุลลอยด์บอก

              ซินแบทตอบ "ฉันใช้เวลาสองเดือนในการสำรวจว่าพวกสหพันธมิตรแต่งตัวกันยังไง ดังนั้น พวกเธอเองก็ต้องกลมกลืนเข้ากับแมนิเกเตอร์แถวนั้นกันบ้างน่ะ" 

              อีกด้านหนึ่ง ยานสอดแนมของพวกทรอยอาร์ก็บินผ่านเขตน่านฟ้าบนทวีปฝั่งตะวันออก เพื่อตรงไปยังเฟิร์สฮิลล์

              "ลูกพี่ ว่าแต่ แน่ใจหรือว่าคนของแม่ทัพอาวเซนจะรอเราอยู่กันจริงๆน่ะ" รีกัลถามอย่างไม่มั่นใจ

              สไปค์บอก "วางใจได้น่า รีกัล อีกอย่าง คนของแม่ทัพอาวเซนแฝงตัวมาอยู่ในป่าเขา ซึ่งพวกไทรเวเซอร์เองยังไม่รู้ว่ามีสายของเราหลบซ่อนอยู่กันน่ะ"

              "ขอให้เป็นอย่างที่ว่ามาเถอะน่ะ" ฮีธกล่าวแบบไม่ได้หวังอะไรมากมายนัก และหันมาถาม "แล้วสายลับสองตนนี้จะให้ลงไปเลยมั้ยละ"

              สไปค์กล่าว "เราจะส่งไปก็ต่อเมื่อ เราบินออกห่างจากเขตเมืองราว 5 กิโลเมตรกันนี้แหละ"

              "หวังว่า สายลับนี้จะช่วยให้เราบดขยี้ไอ้ยักษ์ใหญ่นั้นให้หายซ่าไปได้บ้างน่ะ" ฮีธบอก โดยตอนนี้ยานบินแทรกซึมได้แล่นผ่านเขตสถาบัน เข้ามายังเขตเมืองแล้ว

              สไปค์เห็นยานไทรแองเกิ้ลกับยานแรคแทซจอดอยู่ก็สบถ "ต่อให้พวกนายมีอาวุธดีและมียานรบที่มีเทคโนโลยี่สูงพอที่จะตรวจจับการมาของพวกเราได้ แย่หน่อยที่เรารุกคืบไปไกลกันแล้วละ เนคเกอร์ ฟิเกซอท" แล้วยานบินแทรกซึมก็แล่นผ่านเขตเมืองไป พร้อมกับ "ฟ้าววววว ฟ้าวววว" ส่งสปายสองคนลงไปยังเขตทะเลทรายฝั่งตะวันตก ด้วยการโยนลงจากยานมา

              "วืออออออ" สายลับทั้งสองนั้นยังนั่งเก้าอี้กันอยู่ ซึ่งทั้งคู่ก็ "แกร็ก" ดึงคันโยกติดกับเก้าอี้เพื่อ "พรึบบบบบ" เปิดเอาร่มออกมา โดยทั้งคู่แล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างช้าๆไว้ จนลงสู่พื้นทรายภายในเวลา 2 นาทีด้วยกัน "เอาละ แค่เข้าไปในเมืองก็จบเรื่องแล้วละ" สายลับกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา โดยรีบวิ่งไปพร้อมกับสายอีกคน เพียงแต่ว่า....

              "โอเค ยานสายลับบินผ่านหัวพวกเรา และตรงไปยังเขตป่าใกล้กับเฟิร์สฮิลล์กันแล้วละ" โฟรซ่าบอก โดยที่เธออำพรางตัวอยู่บนดาดฟ้าตึกสูง และใช้ฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลชี้เป้าเอาไว้ ซึ่งตัวปืนติดกล้องที่มีระบบตรวจจับการซ่อนพลางเอาไว้ "แน่นอน ว่าก่อนบินผ่านเมืองเวลเซน่าไป 10 กิโลเมตร ยานนั้นส่งสายลับร่อนลงมาถึงสองคนด้วยน่ะ"

              "ในเมื่อสายลับเข้ามาในเมืองแล้ว จะให้จับตัวพวกมันมาเลยมั้ยละ" บรูโน่ถาม

              บัลโต้บอก "ไม่ต้อง แจ้งทหารยามที่ด่านตรวจฝั่งตะวันตกให้ปล่อยพวกนี้เข้าไปในเมืองก็พอ เราจะทำให้สายลับเหล่านั้นผ่านการตรวจตราที่หละหลวมเหมือนในเทมเดน แต่หลังจากที่สายลับเข้าไปแล้ว เมืองแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นกรงจับสายลับกันในทันทีนี้แหละ"

              "ในเมื่อฝั่งของพวกเราพร้อมแล้ว พีวิล เจเนล แจ้งบอกพวกบรอนเซอรูทกับพวกคุณแดนให้รับทราบโดยเร็วเลย" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              พีวิลพยักหน้า แล้วก็เปิดคอมเพื่อติดต่อไปหา "บรอนเซอรูท มีข่าวจะบอกกับพวกนายน่ะ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองของเรากันนี้แหละ"

              "ถ้าเป็นเรื่องจับสายลับละก็ นายพลจูเดทต้าส่งคนมาบอกกับทางเรา กับบาร์ท แล้วก็พวกคุณแดนกันแล้วละ" บรอนเซอรูทกล่าว

              บาร์ทถาม "แล้วจะให้เราสังเกตุพวกไหนกันน่ะ"

              "ตรวจสอบพวกที่ลอบเข้ามาในป่ากันนี้แหละ เพราะตอนนี้ ยานรบซ่อนพลางของพวกทรอยอาร์บินผ่านเขตทะเลทรายตรงมาทางพวกนายกันแล้วน่ะ" เจเนลบอก

              พีวิลกล่าว "และ อย่าพึ่งลงมือก่อนละ ฉันต้องการให้สปายพวกนี้ตายใจกันเสียก่อน"

              "แล้วพวกที่มาจากท่าเรือกันนั้น ให้ใครไปดูกันละ" เจเนลถาม

              บาร์ทบอก "คุณโดซี่และพวกคุณแดนพร้อมรับมือตรงนั้นเองแหละ หากแต่ยังไม่รีบลงมือจับกุม เพราะต้องการรวบตัวพวกนั้นทีเดียวไปเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกที่แทรกซึมมานั้นอาจมีจำนวนคนเยอะกว่าพวกเราเลยสิน่ะ" รอมมิชกล่าวและหันมาถาม "แล้วพวกนายละ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "พวกเราจะทำการไปตามปกติกันนี้แหละ โดยให้สายลับที่บุกเข้ามาในเมืองนั้น ตายใจตามแผนของเรากันน่ะ"

              "หวังว่าคงไม่มีใครหัวร้อนบุกเข้าไปให้พวกทรอยอาร์ไหวตัวได้ทันหรอกน่ะ" เจเนลบอก

              บรอนเซอรูทกล่าว "งั้นฉันจะจัดการให้เองแล้วกันน่ะ พวกนายเองก็ด้วยละ" แล้วก็ตัดการติดต่อไป

              "บรูโน่ บอกกับบิลแล้วหรือยังละ" บัลโต้ถาม

              บรูโน่บอก "ผมบอกกับบิลให้ทราบไว้แล้วละครับ แล้วจะให้ส่งรูปถ่ายของคนที่เป็นสายได้ตอนไหนละ"

              "นั้นขึ้นกับว่าสายที่แทรกซึมเข้ามานั้น เป็นใครกันนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าว "เพราะถ้าเป็นคนที่เรารู้จักละก็ นั้นจะยิ่งได้เปรียบเข้าไปใหญ่เลยน่ะ"

              บัลโต้บอก "หวังว่าคุณชายเกราะม้าสามเขา เพื่อนของนายและฟิเกซคงไม่บ้าจี้หลุดเข้าไปในเมืองกันหรอกน่ะ"

              "งั้นก็ เราเริ่มการฝึกด้วยโมบิลลอยด์ดีกว่านะครับ" พีวิลบอก

              บัลโต้พยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นเราก็แสดงให้พวกสายลับทรอยอาร์เห็นไปเลย ว่าเราแน่แค่ไหนกันน่ะ"

              "ฟ้าววววว โครมมมม โครมมมม โครมมมมม" การ์เซนท์มาร์คทูกลุ่มหนึ่งสู้กับการ์เซนท์มาร์คทรีด้วยมือเปล่า แบบไม่ติดอาวุธใดๆทั้งสิ้น "อะไรเนี้ย ขนาดไม่ติดอาวุธ หุ่นของฝั่งนายไวกว่าที่คิดเลยหรือเนี้ย" ดิเรนท์บอกโดยที่เธอควบคุมการ์เซนท์มาร์คทูสีดำเข้าถีบใส่มาร์คทรี แต่ฝ่ายตรงข้ามป้องกันด้วยโลห์เอาไว้

              บรูโน่บอก "แค่ปรับปรุงชิ้นส่วนแม่เหล็กในตัวการ์เซนท์และเสริมสมรรถนะภาพของเครื่องยนต์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับเหล่าทหารที่อยากจะได้แบบสองขามากกว่าแบบสวมพาหนะเป็นท่อนล่างไว้น่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะฐานตีนตะขาบหรือฐานเรือมันดูไม่เท่ห์เลยละสิ" ชาร์เครฟบอก โดยที่เขาใช้การ์เซนท์มาร์คทูแบบติดขาสู้กับเพื่อนทหารของบรูโน่ที่ใช้มาร์คทรีโต้ตอบด้วยตะบองเหล็ก โดยที่อีกฝ่ายใช้ตะบองสู้ไปด้วย บุลฟลาทกระแทกหัวไหล่เข้าใส่หุ่นมาร์คทรี ซึ่งก็โดนจับทุ่มข้ามหัวไปโดยเร็ว

              "นี้หุ่นพวกนายมันดี หรือว่าเราได้หุ่นโหล่ยโท่ยกันแน่วะ" แบร็อคบ่น

              "อย่าบ่นไปหน่อยน่า อีกฝ่ายเองก็ต่อให้เราด้วยการไม่ติดอาวุธที่แขนและหลังก็บุญโจแล้วน่ะ" ไกซ์บอก โดยเข้าจู่โจมด้วยตะบองสองเล่มเข้าใส่มาร์คทรีที่ฟูลออเรส ซึ่งใช้ตะบองสองเล่มสู้ด้วยเช่นกัน

              "แน่ละ ก็นี้มันเป็นการฝึกซ้อมนิ"

              "ฝึกแบบนั้นมันทำให้พวกเฮเรเค้นและพวกบรูโน่หงุดหงิดเอาได้เลยน่า" สเตฟอร์ดบอก

              บัลโต้กล่าว "ก็ยังดีกว่าล้างผลาญกระสุนและพลังงานให้หมดไปฟรีๆ แล้วพวกเดลอาเนี่ยนก็โผล่มาในจังหวะนั้นพอดีนะสิ"

              "คงไม่ได้หวังผลให้พวกสายลับที่บุกเข้ามาในเมือง เห็นว่าเรามีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้เลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกันนะสิ แม้ว่าฉันจะรู้สึกเป็นกังวลเรื่องสายลับที่บุกเข้ามาในเฟิร์สฮิลล์ก็ตามน่ะ"

              "โอ้ว นั้นนะหรือ คือเมืองหลวงของพวกแมนิเกเตอร์ที่เป็นเมืองติดกับสถาบันวิจัยกันน่ะ" สายลับหนุ่มหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มิวนิส โคลานซ์ เดินไปตามถนนหลังจากที่ถอดชุดสายลับออกไป และเข้ามาในเมืองแล้ว โดยมองเห็นสภาพเมืองเวลเซน่าที่มีตึกสูงอยู่ทั่ว แต่มีพวกแมนิเกเตอร์มนุษย์ทั้งมาจากโลก เป็นแมนิแฟคเตอร์ในเขตดาวของพวกพันธมิตรมนุษย์ และชาวซัลคาเลี่ยนลี้ภัยมา "ตึกรามบ้านช่องสูงแถมมีหน้าจออยู่ทั่วเช่นนี้....แถมเอิกเกริกเหมือนมีงานเทศกาลรืนเริงเช่นนี้ นั้นนะหรือเมืองที่พวกไทรเวเซอร์ปกป้องไว้น่ะ" โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า สายลับอีกคนหนึ่งนั้น....

              "อะไรเนี้ย ทำไมแผนที่บอกทางมันถึงมีภาษาแปลกๆกันด้วยละเนี้ย" นาตาเช่ บาลานซ์ สายลับอีกคนซึ่งแอบมาด้วยเช่นกันนั้น กำลังหงุดหงิดกับแผนที่ที่มีแต่ภาษาต่างประเทศตั้งแต่ ภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่น จีน เกาหลี กัมพูชา เขมร ไปจนถึงภาษาแถบตะวันออกกลางที่เธออ่านไม่ออก

              "ถึงผบ.บัลโต้ เราเจอคนที่คาดว่าน่าจะเป็นสายอยู่ใกล้กับป้ายบอกทางหมายเลข 15C กันนะครับ" ทหารของบัลโต้ที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเห็นนาตาเช่ยืนงงแล้วก็เดินออกไปโดยเร็ว

              อีกคนบอก "ฉันเจออีกคนหนึ่งเดินมองป้ายบอกทางตามถนนจนผ่าไฟห้ามข้ามกันแล้วคะ" โดยสังเกตุเห็นมิวนิสเดินมองป้าย แต่ก็ประสบเหตุเหมือนกับนาตาเช่ นั้นคืออ่านป้ายที่เขียนภาษาอื่นที่มิใช่ภาษาอังกฤษไม่ออก "จะให้จับตัวเลยมั้ยละคะ"

              "บันทึกภาพทั้งคู่และส่งมาเดียวนี้เลย แล้วก็จับตาดูเอาไว้ด้วย ทั้งคู่คงไม่ใช่สายลับที่เก่งกาจมากมายกันหรอกน่ะ" บัลโต้กล่าว สายแฝงตัวของบัลโต้พยักหน้าแล้วก็ "ปี้บๆๆๆๆ" กดปุ่มเพื่อให้กล้องวงจรปิดจัดการบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งพอเห็นภาพแล้ว "เออ พวกนายคุ้นหน้าทั้งคู่นี้กันมั้ยละ" บัลโต้บอก

              เจเนลมองภาพก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวไปว่า "ไม่ใช่แค่คุ้นน่ะ แต่เจอมาแล้วครั้งหนึ่งตอนอยู่อิริเดมเซต้ากันนะ ผบสส."

              "คุ้นหน้าหรือ อย่าบอกน่ะว่าทั้งคู่เป็นสมาชิกอัศวินกางเขนขาวน่ะ" บัลโต้บอก

              ฟิเกซกล่าว "เปล่าครับ เด็กหนุ่มนั้นคือมิวนัส โคลานซ์ น้องชายของเลดี้ฟรีเซียแห่งตระกูลโคลานซ์ ส่วนเด็กหญิงนั้นคือ นาตาเช่ น้องสาวของบารอนวินเซนท์แห่งบาลานซ์กันนะครับ ผบสส. ทั้งคู่เป็นนักรบระดับรองที่มีบทบาทในการรบของสองตระกูลในกองกำลังทรอยอาร์กันไม่น้อยนะครับ"

              "แล้วบารอนวินเซนท์และเลดี้โคลานซ์เกี่ยวอะไรกับห้าอัศวินกางเขนขาวกันน่ะ" บัลโต้ถาม

              เนคมาดูซัมบอก "เป็นกองรบที่สนับสนุนช่วยเหลือห้าอัศวินกางเขนขาวกันนะครับ เดิมเป็นตระกูลนักรบจากจักรวรรดิ์แรซัลก้า แต่มีเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องลี้ภัยไปอยู่กับทรอยอาร์กันขึ้นมา ซึ่งทั้งสองตระกูลนี้ถือเป็นตระกูลที่จงรักภักดีต่อองค์กษัตริย์ และไม่เชื่อฟังคำสั่งของริชเชลลิอาร์ลกันนะครับ"

              "แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่คงจะเป็นสายลับที่ไม่ค่อยดีเลยสิน่ะ" บัลโต้บอก

              ฟิเกซบอก "น่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ และถ้าให้ผมเดา ทั้งคู่คงจะหนีพี่ๆออกมาทำงานโดยที่ฝ่ายนั้นไม่ทราบแน่นอนนะครับ"

              "รู้ได้ไงว่าเป็นอย่างที่นายว่ามาจริงๆกันน่ะ เผลอๆ บารอนและเลดี้อาจจะเป็นคนสั่งการก็ได้น่า" สเปียริทกล่าว

              ฟิเกซกล่าว "เพราะว่าทั้งมิวนิสและนาตาเช่เป็นนักรบที่ด้อยประสบการณ์ในสนามรบและปฏิบัติการณ์นอกสนามกันนะสิ ซึ่งเหตุผลนี้แหละที่บารอนวินเซนท์และเลดี้ฟรีเซีย ห้ามไม่ให้ทั้งคู่ออกไปเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าจะออกไปสู้เพียงลำพัง หรือว่าออกไปเป็นสายลับ ซึ่งอย่างหลังนั้น ทั้งคู่พยายามหนีออกไปนอกบ้านหรือนอกเขตกันตั้งหลายครั้ง แต่ก็ถูกคนของบารอนและเลดี้เจอตัวและจับกลับมาได้ทุกครั้งนี้แหละ"

              "แต่ดูเหมือนว่างวดนี้ทั้งคู่จะทำสำเร็จแล้วน่า แม้ว่า ทั้งคู่จะเอ่อๆกับสภาพแวดล้อมในเมืองกันน่ะ" ไซโคลเนียบอก

              คลอเวฟถาม "งั้นก็ส่งพวกเฮเรเค้นลงไปจับก็ได้เลยนิ เพราะเห็นว่ามันกระจอกแบบนั้นเลยน่ะ"

              "อย่าห่วงไป เพราะพวกเขามีสายลับอยู่แล้ว เพียงแต่...." บัลโต้บอก

              โดยนาตาเช่ที่กำลังงงๆกับการหลงทิศนั้น "โอ้ว น้องสาว หลงทางอยู่หรือ...." ชายหนุ่มผิวขาวซึ่งขับรถเปิดประทุนสีดำกล่าวขึ้น

              "หลงทางนะหรือ นายเป็นใครกันน่ะ ถึงมาทักฉันเหมือนเป็นญาติซะอย่างงั้นนะ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นน้องสาวของนายสักหน่อยนิ" นาตาเช่บอก

              ชายหนุ่มบอก "แต่เป็นน้องสาวท่านบารอนบาลานซ์สิน่ะ พอดีเลย ผมมารับคุณไปหาที่พักกันนี้แหละ"

              "คุณรู้จักกับพี่ชายนะหรือ เดียว ว่าแต่ คุณเป็นใครกันน่ะ" นาตาเช่ถามอย่างสงสัยเพราะคนๆนี้รู้จักวินเซนท์มาก่อน แต่ก็ไม่คุ้นหน้า

              "....ผมคือเซอร์อิลดิน ท่านแม่ทัพใหญ่ส่งผมมาที่เมืองนี้เพื่อสนับสนุนสายลับที่มาถึงกันน่ะ เลดี้นาตาเช่" ชายหนุ่มกล่าว แล้วก็บอก "คุณจะยืนอยู่นี้ตลอดไปไม่ได้หรอกน่ะ ถ้าไม่รีบไปที่พักกันน่ะ"

              "เออ หวังว่าคุณจะช่วยฉันได้นะคะ" นาตาเช่บอก

              ทางด้านมิวนิสเองก็เดินมาจนเจอกับ "ปึก" หญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่งตบไหล่จนมิวนิสหันมาเห็นด้วยความตกใจ "กำลังหลงทางอยู่หรือ พ่อหนุ่มน้อย คงมาใหม่ในเมืองนี้เลยละสิ"

              "คุณเป็นใครกันมิทราบละ อย่าบอกน่ะว่าเป็นผู้ตรวจการในเมืองนี้เลยน่ะ" มิวนิสหันมาถาม

              หญิงสาวผมบลอนด์กล่าว "อ่า.....นึกแล้วเชียว เธอเป็นพวกเดียวกับฉันสินะ แต่....ไม่คิดเลยว่า เลดี้โคลานซ์จะส่งเธอมาทำงานนี้ แทบไม่คิดเลยนะเนี้ย"

              "คุณเอ่ยชื่อพี่สาวงั้นหรือ บอกมา ว่าคุณเป็นใคร...." มิวนิสได้ฟังก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม จนหญิงสาวจำต้องนำตรากางเขนสีเงินมา ซึ่งมิวนิสหันมาเห็นก็พูดด้วยน้ำเสียงสงบลง "คุณคือ...."

              หญิงสาวผมบลอนด์บอก "ที่นี้คนเยอะ ยิ่งเมืองนี้ติดกับสถาบันวิจัยที่โด่งดังในดาวดวงนี้ ยิ่งเสี่ยงเยอะไม่น้อย ฉันจะพาไปที่ลับตาเสียหน่อยน่ะ" แล้วก็พามายังในตรอกเล็กๆ ซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่

              "ที่ต้องพาผมมานั้น เพราะคุณคืออัศวินในกองทัพหลักของแม่ทัพใหญ่อาวเซนสินะ คุณ...." มิวนิสบอก

              หญิงผมบลอนด์กล่าว "ลาเวนเด้ อัศวินจากกองรบม้าขาวที่ 4 ท่านแม่ทัพใหญ่ส่งฉันมาร่วมกันกับสายอีกคน เข้าแทรกซึมในเมืองนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวในสถาบันวิจัยของพวกสหพันธมิตร ซึ่งฉันกับสายอีกคนนั้น อยู่ที่เมืองนี้มาตลอด 4-5 วันแล้วละ"

              "แปลว่า คุณก็คงจะได้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์จากสถาบันนั้นเลยสิครับ" มิวนิสกล่าว

              ลาเวนเด้ส่ายหน้า "ยังเลยน่ะ เพราะนับตั้งแต่กองรบของมือขวาของมหาประธานาธิบดีตั้งอยู่นี้ แถมยังมีพวกไทรเวเซอร์อยู่ด้วยนั้น เราจึงเคลื่อนไหวได้ช้านะสิ" แล้วก็บอกไปว่า "ตอนนี้ ฉันอยากจะให้เธอไปพักกับฉันก่อนดีกว่าน่ะ เพราะเธอต้องช่วยฉันทำงานสักหน่อยน่ะ"

              "ย่อมได้เลยครับ เพราะอย่างน้อยผมอยากจะช่วยงานพวกคุณพอดีน่ะ" มิวนิสบอก ลาเวนด้าพยักหน้าแล้วก็พามิวนิสไป

              ในขณะที่นาตาเช่ก็ไปกับอิลดิน "แล้วคุณไม่มีหนทางอื่นใดที่สามารถลอบเข้าไปล้วงข้อมูลความเคลื่อนไหวของพวกสหพันธมิตรเลยหรือคะ ท่านเซอร์อิลดิน"

              "ทำไงได้ละ ฉันทราบมาว่า มือขวาของประธานาธิบดีส่งมือสังหารเงาจันทราโฟรซ่า และไอรอนพลัสเชอริท หุ่นสังหารสายฟ้าแลบ เข้ามาตรวจตราภายในเมือง เพื่อตรวจจับหาสายลับกันไว้ แม้ว่าฉันกับสายอีกคนจะแฝงตัวจนกลมกลืนเข้ากับผู้คนในเมืองนี้แล้วก็ตาม ตราบใดที่ทั้งคู่ ไม่สิ พวกไทรเวเซอร์ยังอยู่ พวกเราจึงทำอะไรไม่ได้หรอกน่ะ" อิลดินกล่าว

              นาตาเช่บอก "แล้วคุณใช้แผนหลอกล่อเพื่อดึงความสนใจของพวกเขาบ้างหรือเปล่าละคะ"

              "อืมมมมมมม บารอนวินเซนท์มีน้องสาวหัวไวไม่น้อยเลยน่ะ หากแต่.... ฉันกับสายอีกคนคงทำไม่ได้ หากไม่มีตัวช่วยกันน่ะ" อิลดินบอก "แต่ตอนนี้ ฉันจะพาเธอไปพักที่ห้องพักก่อนน่ะ" แล้วก็ขับรถมายังตึกคอนโด โดยที่อิลดินและนาตาเช่มาถึงก่อน ส่วนลาเวนเด้กับมิวนิสมาทีหลัง ซึ่งพามิวนิสเข้าไปในห้อง โดยที่มีแต่....

              "คุณซื้อพวกนี้มาอ่านเลยหรือ น่าจะโหลดมาก็ได้นิ" มิวนิสเห็นกองหนังสือบันเทิงตั้งวางอยู่เต็มไปหมด

              "ฉันจำต้องรู้ทุกเรื่องที่อยู่บนดาวนี้ แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับภารกิจ เพื่อที่จะสอบถามพลเมืองในนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นกันน่ะ" ลาเวนเด้บอก

              มิวนิสบอก "อะไรเนี้ย หนังสือบันเทิง กอสซิบ นิตยสารสังคมทั่วไป ดูแล้วไม่น่าเกี่ยวอะไรกับการทหารเลยนิ"

              "นี้คุณ คุณมาสืบข่าวหรือว่ามาเป็นพลเมืองที่นี้กันแน่ละคะ" นาตาเช่บ่น เมื่อเห็นหนังสือกีฬาในห้องของอิลดินกัน

              อิลดินอ้างว่า "ขอโทษนะครับ การเป็นสายลับนั้น เขาไม่มาเดินถามว่ากองบัญชาการอยู่ไหนกันหรอก และถ้าเกิดไปถามตำรวจขึ้นมา มันจะมีปัญหาเลยน่ะ เพราะว่าเมืองแห่งนี้เคยตกเป็นเป้าหมายของพวกเดลอาเนี่ยนมาก่อนน่ะ"

              "จะว่าไปมันก็ใช่นะคะ เพราะหนูก็ทราบเรื่องนี้จากความพ่ายแพ้ของพวกโดฟกังเลยนะคะ" นาตาเช่บอก

              อิลดินพยักหน้า "ผมพยายามอยากจะเตือนพวกเขากันอยู่ น่าเสียดายที่ผมเผยตัวออกมาไม่ได้กันนะครับ คุณหนู"

              "แล้วเราจะเข้าถึงสถาบันได้ไงละคะ" นาตาเช่ถาม

              มิวนิสบอก "นั้นสิ ในเมื่อคุณเข้าไปยังสถาบันไม่ได้ แล้วจะหาข้อมูลได้ไงกันน่ะ"

              "ก็จากลูกทีมรองของพวกไทรเวเซอร์กับพลทหารของมือขวากันนะสิ" อิลดินให้รายละเอียด

              เช่นเดียวกับลาเวนเด้ที่เล่าไปว่า "ลูกทีมรองที่เป็นแมนิเกเตอร์มนุษย์สัตว์และพวกนักบินนั้น ล้วนแล้วไม่ค่อยจะฉลาดมากมายสักเท่าไหร่ แม้ว่าพวกสมาชิกตัวหลักนั้นจะคอยฝึกสอนพวกเขากันไว้อย่างดี แต่ส่วนมากนั้น เป็นพวกโง่บรมไม่น้อยและชอบพูดในสิ่งที่อัดอั้นตันใจอยู่บ้างกันน่ะ"

              "เท่าที่ทราบมา ว่าพวกเขาจะแวะไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหาร ซึ่งพวกเขาได้เงินจากสมาชิกตัวหลักมา บังเอิญว่าทางเรารู้ชื่อและตำแหน่งของร้านนั้นไว้แล้ว เพราะเห็นพวกเขาไปกินมาเมื่อตอนเย็นวานนี้เองแหละ" อิลดินบอก

              ลาเวนเด้กล่าว "งานของเราก็คือ ให้เธอปลอมตัวเป็นบริกรทำงานในร้าน โดยเข้าไปเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้า พร้อมกับแอบฟังคำพูดของพวกสมาชิกตัวรองไว้น่ะ"

              "แล้วถ้าเกิดว่าลูกค้าเรียกเราให้ไปทำงานขึ้นมากันละครับ" มิวนิสถาม

              ลาเวนเด้บอก "ฉันแอบติดตัวสัญญาณเอาไว้ใต้โต๊ะกันแล้ว ซึ่งโต๊ะทุกตัวเราติดเอาไว้กันทั้งหมด ต่อให้เธออยู่ห่างจากโต๊ะเป้าหมาย ฉันจะคอยบันทึกบทสนทนาเอาไว้เองแหละ"

              "มันก็ง่ายเลยสิคะ แบบนี้ก็สบายอยู่แล้วละคะ" นาตาเช่บอก

              อิลดินกล่าว "แต่หนูต้องระวังกันสักหน่อยน่ะ เพราะฉันทราบมา ว่าสมาชิกตัวหลักจะเข้ามาในร้านกันด้วย ฉันได้ให้ภาพของพวกเขาเอาไว้ เพื่อให้เธอระวังตัวและรีบออกมาก่อนที่พวกเขาจะจับได้เสียก่อนน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ดังนั้น ฉันอยากจะให้เธอซักซ้อมบทเอาไว้ เพราะถ้าเธอไม่ทำตัวให้แนบเนียน เธออาจถูกจับได้แน่นอน"

              "แต่จะให้ผมแกล้งทำนิ มันก็...." มิวนิสกล่าว

              ลาเวนเด้บอก "เธออยากจะให้พี่สาวของเธอภูมิใจกันบ้างมั้ย ถ้าไม่ทำ งั้นเธออยู่ที่นี้เลยแล้วกันน่ะ" มิวนิสได้ฟังเลยนั่งลง "ว่าแต่ คุณพอจะบอกได้มั้ย ว่าผมควรทำเช่นไร"

              วกกลับมายังที่เฟิร์สฮิลล์ ในเวลานี้....สไปค์ได้แฝงตัวเข้ามาในเมืองโดยไม่มีการปลอมตัวใดๆทั้งสิ้น ออกจากป่าบนหุบเขาชั้นบนลงมายังเขตเมืองด้านล่าง
    "ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งแรกนิ แตกต่างกันด้านเชื้อชาติเช่นนี้ พวกนั้นชนะกองทัพของมารดรเทพและบิดรเทพกันได้เลยหรือ....ดูยังไงก็ไม่น่าสื่อสารกันได้อยู่แล้วน่ะ" สไปค์คิดในใจขึ้นเมื่อเห็นแมนิเกเตอร์ชาวจีน ชาวญี่ปุ่นและเกาหลีต่างมองหน้าเขาเหมือนคนแปลกหน้า แต่ก็ยังเดินผ่านไป จนมาถึง.... "นั้นคงเป็นสถานที่ทางศาสนาของพวกสหพันธมิตรสิน่ะ แต่....นักบวชต่างสงบนิ่งแบบนี้ ดูต่างจากศาสนจักรของเราอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ" สไปค์เดินมายังหน้าประตูวัด ซึ่งมีพวกเด็กๆเล่นเตะบอลกันอยู่ จนกระทั่งเด็กคนหนึ่งเตะบอลมาแรงจน "ฟ้าววว" บอลตรงมายังสไปค์อย่างจังๆ

              "หว่า บอลกำลังโดนพี่คนนั้นแล้วละ" เด็กวัดหัวแกละอุทานขึ้นมา

              "ปึกกกก" สไปค์เลยไขว้แขนต้านลูกบอลที่พุ่งเข้ามาได้อย่างทันควัน ซึ่งลูกบอลนั้นไม่ได้ทำด้วยพลาสติก แต่เป็นลูกหนังที่หุ้มไว้ถึง 3 ชั้นด้วยกัน ซึ่งสไปค์ก็รับไว้ได้อย่างง่ายดาย "เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกันหรือ" เฟรดรีบวิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเด็กๆ เด็กหัวจุกที่มีปุ่มกลมบนหน้าผากบอก

              "พี่เฟรด ไอ้แกละเตะบอลเข้าใส่พี่ตัวโตคนนั้นนะครับ"

              "แกละ พี่บอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าเตะแรงกันน่ะ" เฟรดตำหนิเด็กแกละ แล้วก็เดินมาหาสไปค์ พร้อมกับบอกว่า "ผมต้องขอโทษแทนเด็กด้วย ที่เตะโดนคุณน่ะครับ"

              สไปค์กล่าว "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ เพราะว่าฉันเคยเล่นเตะบอลมาก่อนแล้วละ"

              "งั้นหรือ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยเจ็บเลยน่า" เฟรดบอก โดยที่พวกเด็กๆต่างแห่มารุมล้อมไว้

              สไปค์กล่าว "เด็กพวกนี้เป็นน้องๆของนายน่ะหรือ เห็นเขาเรียกนายว่าพี่น่ะ"

              "ก็แค่เด็กที่อาศัยอยู่ที่วัดนี้ แล้วก็เด็กแถวนี้กันน่ะครับ" เฟรดกล่าว "ว่าแต่ คุณไม่ใช่คนแถวนี้เลยนิ คุณมาจากที่ไหนกันน่ะ"

              สไปค์กล่าว "ฉันก็ เป็นแค่นักท่องเที่ยวเข้ามากันน่ะ หากแต่ ฉันหลงทางมาก็เท่านั้นเองแหละ" แล้วก็โยนลูกบอลมาให้

              "งั้นหรือครับ แล้วคุณพักอยู่ที่ไหนกันน่ะ" เฟรดถาม

              สไปค์บอก "ฉันนอนไหนก็พักที่นั้นเองแหละ" แล้วก็ถาม "ว่าแต่ นายพักที่ไหนกันน่ะ ฉันอยากจะเห็นบ้านพักของนายเสียหน่อยน่ะ"

              "คุณอยากจะพักที่บ้านผมเลยสิน่ะ ว่าแต่คุณชื่อ...." เฟรดกล่าวและถามชื่อ

              สไปค์ตอบ "สไปค์ สไปค์ แคลช ฉันเป็นแมนิเกเตอร์จากดาวอัลเทรีส-2 เดินทางจากบ้านมาถึงนี้กันน่ะ"

              "ผมชื่อเฟรด เฟรด มาร์ติน ผมคงต้องพาคุณไปที่บ้านแล้วน่ะ" เฟรดบอก แล้วก็พาสไปค์เดินไปตามที่พัก

              "ตอนนี้นายอยู่กับครอบครัวกันหรือเปล่าละ" สไปค์ถาม

              "ผมอยู่กับพ่อและแม่นี้แหละ หากแต่ คุณพ่อมักจะออกนอกบ้านไปทำงานอยู่เสมอ และไม่ค่อยกลับมาที่บ้านเลยน่ะ" เฟรดบอก

              สไปค์กล่าว "แล้วนายรู้มั้ยว่า พ่อของนายทำอะไรกันน่ะ"

              "เออ ก็แค่ พลทหารธรรมดานี้แหละ หากแต่ พ่อไม่เคยบอกเลยว่าพ่อทำงานอะไรกันนะครับ ถึงได้กลับมาช้าเลยน่ะ" เฟรดตอบ

              สไปค์ได้ฟังก็ถามไปว่า "แล้วไม่เคยถามพ่อของนายให้ทราบเลยหรือ"

              "ไม่ และไม่อยากด้วยน่ะ" เฟรดบอก แล้วหันมาถาม "แล้วคุณมีพ่อหรือเปล่าละ ถึงได้ถามเรื่องนี้กันน่ะ"

              สไปค์ตอบ "....พ่อฉันจากไปนานแล้วละ ส่วนคุณแม่ก็ไปก่อน เพราะโรคร้ายที่ได้จากคุณยายกันน่ะ"

              "ผมเสียใจด้วยที่คุณต้องอยู่เพียงลำพังเลยน่ะ" เฟรดกล่าว

              สไปค์ส่ายหน้า "เปล่าหรอก ฉันยังเหลือน้องสาวของฉันอยู่ แม้ว่าเธอจะมีสุขภาพไม่ดีก็ตาม แต่เราก็อยู่อย่างมีความสุขนี้แหละ"

              "ถ้าคุณโผล่มาเพียงคนเดียว แล้วน้องสาวของคุณละ ไม่อยู่เพียงลำพังเลยหรือ" เฟรดถามกลับ

              สไปค์ยิ้มก่อนตอบไปว่า "วางใจได้ ฉันมีเพื่อนที่คอยดูแลน้องสาวของฉันอยู่น่ะ"

              ที่ดาวทรอเจียน เมาท์เซนท์แทเซียร์ บ้านเอสเวิร์ดเลี่ยน

              "พี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดเลยนิ คงมีงานสำคัญมากเลยสิคะ" เด็กสาวผมบลอนด์ในชุดกระโปรงสีฟ้า นั่งรถเข็นอยู่กล่าวกับเวนดี้ที่เข้ามาดูแล

              "ใช่จ๊ะ พอลลีน พี่ชายของหนูต้องออกไปติดต่อธุรกิจที่ต่างแดนบนดาวนี้ และคงจะใช้เวลานานถึง 2-3 วันเลยน่ะ"

              "แต่คงจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกทหารเลยสิคะ เพราะหนูทราบมาว่าคนตระกูลโดฟกังเองก็กลับมาพ่ายแพ้เลยน่ะ" พอลลีนบอก

              เวนดี้บอก "พวกเขาแค่โชคร้ายก็เท่านั้นเองนะจ๊ะ พอลลีน พี่ชายของหนูไม่ชอบการต่อสู้แบบไร้เหตุผลหรอกน่ะ"

              "นั้นสิคะ แม้ว่าพี่ชายจะขาดเรียนจนพี่มาเรียนต้องแวะมาหากันบ่อยๆก็ตาม หนูหวังว่าพี่ชายคงจะกลับมากันบ้างนะคะ" พอลลีนกล่าว

              เวนดี้พยักหน้า "งั้น....เรา มาเรียนหนังสือกันเลยมั้ยละ เพราะตอนนี้มันถึงเวลาแล้วน่ะ"

              วกกลับมาที่พี่ชายแสนดีของพอลลีนที่ยังอยู่ในเมืองแห่งแรกของสหพันธมิตรกันดีกว่า

              "นั้นคงเป็นบ้านของครอบครัวนายสิน่ะ แต่ ตัวบ้านสูงไปหน่อยน่ะ" สไปค์กล่าวกับเฟรด หลังจากที่มาถึงบ้านแล้ว

              "คุณแม่อยากได้บ้านที่ช่วยทำให้รู้สึกว่ายังอยู่ที่บ้านเดิมกันนะครับ แม้ว่าตอนนี้สุขภาพของแม่ไม่ค่อยดีเลยก็ตามน่ะ"

              "แม่ของนาย ป่วยอย่างงั้นนะหรือ" สไปค์ถาม

              เฟรดพยักหน้า "คุณแม่ทำงานหนักมากไปหน่อยนะครับ เลยป่วยออดๆแอดๆกันตลอด ผมเลยต้องดูแลแม่ ในช่วงที่คุณพ่ออยู่ไม่ติดบ้านนะครับ"

              "เฟรด นั้นลูกพาใครมาบ้านนะหรือ" เมย์เดินลงบันไดมาอย่างช้าๆ ซึ่งก็ถามเมื่อเห็นหน้าสไปค์มากับเฟรดด้วย

              "นี้ สไปค์ เป็นนักท่องเที่ยวกันนะครับ เขาอยากจะแวะมาดูบ้านเราสักหน่อยนะครับ"

              "งั้นหรือจ๊ะ ถ้าอย่างงั้นก็ แค่กๆๆๆ" เมย์กล่าวแต่ไม่ทันไรก็ไอขึ้นมา

               เฟรดเลยต้องเข้าไปดู "เออ ไม่เป็นไรใช่มั้ยละครับ แม่"

              เมย์ยิ้มพร้อมกับบอกไปว่า "แม่ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เพื่อนของลูกต้องพลอยลำบากไปด้วย"

              "เออ.... สงสัยว่าฉันคงต้องกลับมาใหม่แล้วละ เพราะนายต้องดูแลแม่ของนายกันอยู่น่ะ" สไปค์กล่าว และหันมากล่าว "พรุ่งนี้ฉันจะแวะไปที่วัดแห่งเดิมน่ะ อย่างน้อย ฉันอยากให้นายพาฉันไปเที่ยวรอบเมืองสักหน่อย"

              เฟรดพยักหน้า "ได้สิ เพราะพรุ่งนี้ฉันก็ว่างด้วยน่ะ"

              "แล้วเจอกันน่ะ" สไปค์กล่าว โดยเดินจากไป ซึ่งก็มองเฟรดคอยประคองเมย์อยู่ "นายโชคดีมากเลยน่า เฟรด ที่นายมีพ่อและแม่อยู่ แต่ฉันสิ....ต้องอยู่กับน้องสาวกันแค่สองคน และอยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าฉันต้องเสียน้องไปอีกคนแน่ๆน่ะ"

              ในระหว่างที่สไปค์เดินมานั้น "พวกไทรเวเซอร์อาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้กันเลยหรือ เมืองแห่งนี้ทำให้นึกถึงกูดารัลกันชัดๆเลยน่ะ" คมกริชกล่าว โดยตอนนี้เขา โมฮัมมัคและอับดุลลอยด์อยู่ในเมืองกันแล้ว ซึ่งคมกริชใส่เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีแดง เสื้อยืดสีเทา กางเกงสีเทา และไม่สวมหมวก โมฮัมมัคสวมเสื้อหนาวแขนยาวมีฮู๊ดสีส้มกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน ส่วนอับดุลลอยด์นั้น สวมเสื้อยืดสีดำมีตราปิรามิดสีทอง กางเกงสีดำ กับเสื้อแจ็คเก็ตดำมาด้วย

              "หากแต่ที่นี้เจริญกว่านะสิ แถมมีต้นไม้ปลูกไว้เป็นบางจุดกันด้วยน่ะ" โมฮัมมัคบอก "แต่ นายแต่งตัวแบบนั้นมันไม่ร้อนเลยหรือวะ"

              อับดุลลอยด์บอก "ต่อให้ร้อน และชุดก็รัดแน่นมาก เพราะขนาดเสื้อผ้ามันเล็กขนาดตัวฉันก็ตาม ยังไงก็ต้องทนนี้แหละ"

              "แล้วเราจะเริ่มสืบจากไหนกันละ เราคงไม่ไปถามคนแถวนั้นกันใช่มั้ยละ" คมกริชบอก

              อับดุลลอยด์บอก "ไม่ดีหรอก การไปถามคนแถวนั้นอาจจะทำให้พวกเราถูกสงสัยง่ายกว่าเดิม เอาเป็นว่าพวกเราแยกย้ายกันไปทั่วเมืองดีกว่า"

              "แล้วจุดนัดพบของเรานั้น เราจะไปพบกันที่ไหนละ" โมฮัมมัคบอก

              อับดุลลอยด์หยิบแพดที่ใส่กรอบสีเหลืองมาดู "สายของคุณซินแบทที่แฝงตัวมา ว่าให้เราไปรวมพลกันที่ ร้านอาหารในโซนที่ 11 กันน่ะ" โดยระบุตำแหน่งส่งไปให้คมกริชและโมฮัมมัคแล้ว "เรามีเวลา 2 ชั่วโมง ในการสืบข่าวรอบๆนี้ เมื่อถึงเวลาให้รีบไปรวมพลกับที่นั้นน่ะ และอย่าหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งโดยไม่จำเป็นด้วยละ"

              "วางใจได้เลยน่า พวกเราจะไม่ก่อเรื่องให้นายปวดหัวกันหรอก" คมกริชกล่าว

              อับดุลลอยด์กล่าว "ขอให้มันเป็นเช่นนั้นเหอะน่า" แล้วทั้งสามก็แยกย้ายกันไป โดยอับดุลลอยด์เดินเข้าตลาดของชาวเกาหลี เพื่อแอบฟังคนอื่นคุยกัน ในขณะที่คมกริชเดินเข้าไปในซอยและไต่ขึ้นหลังคาในชุมชนชาวญี่ปุ่นไป เพียงแต่ว่า

              "บ้าชะมัด บ้านทุกหลังมีแผ่นหินเรียงเป็นแถวๆ แถมเรียงเป็นแนวเอียงแบบนี้ มันแกล้งกันชัดๆเลยนิหว่า" คมกริชไม่คุ้นกับหลังคาบ้านที่เป็นแบบสามเหลี่ยม อันเนื่องมาจากว่าเขาชินกับการเดินบนหลังคาตึกและบ้านที่เป็นพื้นสี่เหลี่ยม ซึ่งไม่มีการมุงกระเบื้องหลังคาแบบในเขตเมืองเลย ซึ่งทำให้คมกริชเดินบนหลังคาไปอย่างลำบาก

              แล้วโมฮัมมัคเองก็เดินเข้าชุมชนคนไทย แต่คนละโซนกับที่สไปค์เดินมา "ทำไมชาวบ้านแถวนี้ถึงไม่คุยเรื่องที่เราอยากได้เลยวะ....." โมฮัมมัคเดินไปสักพักก็สังเกตุเห็น....

              "พวกนายทราบหรือยัง ว่ามีสายลับอยู่ในเมืองเรากันน่ะ" แจ็สคุยกับแด็กซ์และน็อกกี้ โดยอยู่หน้าร้านขนมไทยกันอยู่

              "ทราบสิ ไกซ์กับมิลด์ติดต่อเรามาจากอีกเมืองกันน่ะ" แด็กซ์บอก

              น็อกกี้กล่าว "นั้นก็ดีเลย เพราะถ้าเราเจอสายลับนั้นละก็ เราจะตามไปกระทืบมัน ให้อ่วมจนถูกทหารจับได้นี้แหละ"

              "แต่มันไม่ง่ายนะสิ คีธบอกกับฉันว่า สายลับนั้นไม่ใช่แค่พวกทรอยอาร์ แต่มีพวกสเตรดาร์ธกันด้วย" แจ็สบอก "และไม่รู้ว่าสายลับนั้นเป็นยอดนักรบที่เก่งกาจหรือเปล่า ทางที่ดี เราต้องแจ้งพวกคุณบรอนเซอรูทดีกว่า"

              น็อกกี้บอก "ถ้าเป็นนักรบละก็ ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถึงเราสู้กับพวกนั้นไม่ได้ แค่เตะถ่วงให้พวกคุณบรอนเซอรูทมาช่วยได้ ก็เกินพอแล้วละ"

              "นายพูดดีเหลือเกินน่ะ น็อกกี้ ทั้งๆที่นายอยากจะโชว์พาวโดยไม่หวังพึ่งพวกคุณบรอนเซอรูทกันไว้น่ะ" แด็กซ์บอก

              น็อกกี้กล่าว "มันจะดีกว่ามาก หากได้เจอกับไอ้สามแสบที่เล่นงานเราเกือบแย่ตอนอยู่บนดาวอิริแดมเซต้ากันนี้แหละ ถ้าเจออีกละก็ คิดว่าพวกนายอยากจะเอาคืนพวกนั้นเลยมั้ยละ"

              ".........ได้ แต่จะดีกว่ามาก หากแจ้งให้พวกคุณบรอนเซอรูท คุณบาร์ท แล้วก็พวกคุณทหารของท่านนายพลเพอซิอัสก่อนน่า" แจ็สบอก

              แด็กซ์กล่าว "เผื่อว่าพวกนั้นไม่ได้มากันแค่สามคนเลยน่ะ" แล้วก็เดินเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ โมฮัมมัคแม้ไม่ได้ยิน แต่ก็ได้เห็นมากับตาแล้ว

              "อับดุลลอยด์ คมกริช เปลี่ยนที่นัดหมายโดยด่วนเลย ฉันมีข่าวแจ่มมาแล้ววะ" โมฮัมมัคเลยใช้เครื่องสื่อสารแจ้งไป แล้วก็เข้าไปในตรอก ซึ่งอับดุลลอยด์เดินเข้ามา เช่นเดียวกับ "ฟึ่บบบบ" คมกริชโดดลงมาในตรอกด้วย

              "นายเจออะไรที่ทำให้นายต้องเปลี่ยนโซนนัดหมายกันน่ะ โมฮัมมัค" อับดุลลอยด์ถาม

              "จำไอ้พวกหมวกแดงที่ล้มพวกเราเมื่อคราวก่อนได้มั้ยละ....." โมฮัมมัคถาม

              คมกริชตอบ "จำได้สิ ไอ้หมวกแดงและเพื่อนอ้วนผอมในชุดหุ่นยนต์นั้นยังไงละ แค่คิดและนึกถึงก็อดโมโหไม่ได้เลยวะ ที่อยากจะกระทืบไอ้พวกนี้สักรอบน่ะ"

              "ไอ้ที่นายอยากได้นั้น นาย ไม่สิ พวกเราสมหวังแล้ววะ นี้ไง" โมฮัมมัคกล่าวโดยนำมือถือที่ถ่ายภาพพวกน็อกกี้เอาไว้

              คมกริชบอก "จริงหรือเนี้ย นี้ไอ้สามตัวเอ้นั้น มันอยู่ในเมืองนี้เลยหรือ"

              "ก็ใช่นะสิ แม้ฉันไม่ได้ยินที่พวกมันพูด แต่ก็รู้แล้วว่าพวกมันไม่ได้ออกจากเมืองนี้ไปไหนแน่นอนน่ะ" โมฮัมมัคบอก

              อับดุลลอยด์กล่าว "ที่นายเปลี่ยนที่นัดหมายในคราวนี้ เพราะว่า นักรบหมวกแดงกับเพื่อนอีกสองตนนั้น อยู่ในจุดนัดหมายกันไว้สิน่ะ"

              "ถูกต้องแล้วละ หากแต่ เราสามตนยังไม่รีบบุกเข้าไปให้เสียเรื่องหรอก เพราะพวกนั้นอาจจะเรียกทหารที่อยู่แถวๆนี้ให้มาเล่นงานพวกเราได้น่ะ" โมฮัมมัคกล่าว

              คมกริชเห็นด้วย "นั้นสิ เฟิร์สฮิลล์เองก็มีพวกทหารอยู่ แม้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของเมือง เราก็ไม่ควรจะประมาทและเสียท่าง่ายๆหรอกน่ะ"

              "ตอนนี้เราแค่สอดส่องไปตามปกติแล้วก็กลับไปที่เรือกันก่อน พรุ่งนี้เช้า เราจะลงมือจัดการกับพวกคู่กรณีของเราในจุดเดิมนี้แหละ" อับดุลลอยด์บอก คมกริชและโมฮัมมัคพยักหน้า แล้วทั้งสามก็เดินออกจากตรอกไป โดยไม่รู้ว่า "แอ้ด" ประตูหลังร้านเปิดออก เผยคีธอยู่ด้านหลังพร้อมกับมือถือไว้

              "น็อกกี้กับพวกคงต้องชอบข่าวนี้แน่ๆเลยละ"

              "ตี้ดๆๆๆๆ" มือถือจากกระเป๋าน็อกกี้ดังขึ้น "ไกซ์หรือมิลด์ติดต่อกับนายมาละสิ" แจ็สบอก

              น็อกกี้มองดูภาพในมือถือพร้อมกับอ่านข้อความ "เปล่า คีธช่วยให้เรารู้ว่าใครกล้าเสนอหน้ามาอยู่ในเมืองนี้กันนะสิ" แล้วก็เอามือถือที่บันทึกภาพมา

              "จริงหรือ นี้นายคงไม่คิดจะไปเอาเรื่องพวกนี้กันเลยละสิ" แด็กซ์บอกอย่างจริงจังที่เห็นภาพในมือถือ

              น็อกกี้บอก "ยังหรอก เพราะคีธต้องการให้เราเซอร์ไพร์สพวกมันเสียหน่อยน่ะ" 

              ตัดมาที่เวลเซน่า ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งไกซ์และบรูโน่พาเฮเรเค้น เรปไซท์ ชาร์เครฟ แฮมชัค พวกไรแกทและพวกเทรอนเร็กซ์เข้ามา

              "ไม่ยักกะรู้แหะ ว่านายเป็นโอตาคุสายคาวาอี้กันด้วยวะ" พาลกีสบอก เพราะร้านที่บรูโน่พามานั้นเป็นภัตตาคารเมด ซึ่งเด็กเสิร์ฟแต่งชุดสาวใช้กระโปรงสั้นให้บริการกับลูกค้าทุกประเภท รวมถึงพวกวัยรุ่นและพวกวัยกลางคนด้วย

              เรปไซท์บ่นอย่างเสียดาย "นี้เมืองนี้มีเมดคาเฟ่กันเลยหรือวะ รู้งี้น่าจะมาตั้งแต่วันแรกไปเลยน่ะ"

              "เอาเหอะ แค่ฉันพาพวกนายมาก็ดีแล้ววะ" บรูโน่บอกแล้วก็เข้าไปในร้าน ซึ่งก็

              "ยินดีต้อนรับคะ พวกเราพร้อมให้บริการกันแล้วละคะ" พนักงานแต่งเมดทุกคนกล่าวอย่างพร้อมกัน

              "โว้ว ว่าแต่ ในร้านนี้เลือกให้ไปคุยตัวต่อตัวกันได้มั้ยละ" ชาร์เครฟบอกด้วยน้ำเสียงชีกอ

              ไกซ์รีบห้ามทันที "พอเลยๆๆ เรามานั่งกินข้าวในร้านเท่านั้นนะโว้ย ไม่ได้ให้ทำอย่างอื่นน่ะ" แล้วทั้งหมดก็นั่งโต๊ะกลมไว้ ซึ่งก็มีเมดคนหนึ่งเดินเข้ามา

              "เออ จะรับอะไรดีละคะ" เมดผมสั้นติดหูแมวกล่าวอย่างเก้ๆกังๆ ซึ่งเธอก็คือนาตาเช่ปลอมตัวมานี้เอง "นี้ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ยละคะ กับการที่ต้องมาแต่งชุดคนใช้กันน่ะ" เธอโวยเมื่ออิลดินให้ชุดเมดเอาไว้

              "ทำไงได้ละ ฉันสืบมาว่าน้องชายของมือขวาของประธานาธิบดีจองร้านนี้ไว้ ซึ่ง.....ปลอมตัวแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้วละ"

              "แล้วถ้าหนูไม่ทำละคะ" นาตาเช่บอก

              อิลดินบอก "ฉันจำต้องบอกกับพี่ชายของหนูว่าหนูไม่ยอมให้ความร่วมมือกันเลยนะสิ ซึ่งคงไม่เป็นผลดีกับตัวหนูกันหรอกน่ะ" แล้วก็ย้อนกลับมา "ถ้าไม่คิดจะสั่งละก็ งั้นฉันขอไปโต๊ะอื่นนะคะ" นาตาเช่กล่าว ส่วนหนึ่งเพราะเธอเริ่มไม่ชอบหน้าพวกเฮเรเค้นที่แลดูน่ากลัวกันแล้ว

              "เออ งั้นก็ขอสเต็กเนื้อ 6 ที่ สเต็กไก่ 4 ที่ สลัดปลาซาลมอน 3 ที่มาแล้วกันน่ะ" บรูโน่บอก นาตาเช่เลยต้องรับออเดอร์โดยเร็ว

              "ได้เลยคะ ออเดอร์ที่สั่งไว้จะได้ในอีก 3 นาทีกันแล้วละคะ" ซึ่งเธอมองหน้าพวกเฮเรเค้นแล้ว "หน้าตาแต่ละตัว ไม่แปลกใจแล้วละที่พวกเราต้องลำบากในเรื่องรุกรานกันน่ะ" ก็รีบเข้าไปในหลังร้าน

              ตัดมายังอีกร้านหนึ่งบ้าง เป็นร้านอาหารที่มีบริการคาราโอเกะอยู่

              "ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีละครับ" บริกรหนุ่มกล่าวโดยที่เขาให้บริการกับมิลด์ ที่พาดิเรนท์ เวลลิท บราไทน่า พวกฟลาแน็กซ์ และพวกมัลแด็กซ์เข้ามาในห้อง ซึ่งฟลาแน็กซ์ได้สั่งไปว่า

              "งั้นเราสั่งอาหารเหล่านี้เลยน่ะ" โดยที่บริกรหนุ่มนั้น ซึ่งก็คือมิวนิส ต่างก็มองหน้าพวกฟลาแน็กซ์แล้ว

            "ไม่สบายใจเลยที่ต้องอดทนกันไว้ แต่ก็น่าอยู่หรอก เพราะเราอยู่คนเดียว แต่พวกนี้มีเป็นสิบด้วยน่ะ" แล้วก็นึกถึงตอนที่ลาเวนเด้เล่ามา

              "เด็กเสิร์ฟในร้านที่เธอไปทำนั้น นอกจากจะต้องรับออเดอร์แล้ว เธอต้องบริการพวกลูกค้าทุกคนไปตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง....ถ้าเขาขอให้เธอมาร้องเพลงก็ต้องร้องตามที่เขาสั่งด้วยน่ะ" ลาเวนเด้บอก

              มิวนิสกล่าว "ไม่เอาน่า ผมแค่อยากจะสืบข่าวเกี่ยวกับพวกไทรเวเซอร์กันน่ะ ไม่ใช่มาทำตามใจพวกนั้นสักหน่อยน่ะ"

              "เธอไม่เอาก็ได้ งั้นพี่สาวของเธอคงจะผิดหวังที่เธอรับอาสามาช่วยงานฉัน แล้วไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเธอก็รู้น่ะ ว่าถึงฉันไม่รายงานให้พี่เธอ แต่แม่ทัพใหญ่อาวเซนเองก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะ" ลาเวนเด้อ้าง จนมิวนิสต้องรับออเดอร์ไปตามปกติ

              "ถ้าเช่นนั้น ออเดอร์ที่สั่งจะมาในอีก 5 นาทีนะครับ" แล้วหลังจากนั้นก็ "ออเดอร์ที่สั่งมา ได้แล้วละครับ" มิวนิสมาใช้สองมือถือถาดใส่อาหารที่สั่งไว้

              "ว้าว ร้านนี้สั่งไวแล้วได้ไวจริงๆด้วยน่ะ" มัลแด็กซ์บอกอย่างอึ้งๆ โดยที่บราไทน่าและเวลลิทรับอาหารจากถาดไว้

              "อา เธอนิ แข็งแกร่งมากขนาดนี้ คงเล่นกล้ามมาเลยสิน่ะ" บราไทน่ากล่าวอย่างยั่วยุ จนมิวนิสรู้สึกกลัวกันแล้ว

              "ไม่เอาน่า บราไทน่า อย่าไปแกล้งเขาสิ" ดิเรนท์บอก

              มิลด์กล่าว "เราต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะที่ทำให้คุณตกใจกันนะคะ"

              "ไม่เป็นไรนะครับ หวังว่าคุณคงจะปรามเพื่อนคุณกันบ้างน่ะ" มิวนิสบอก แล้วก็เดินออกมา "หวังว่า สายอีกคนคงจะโชคดีกันบ้างน่ะ" แต่มิวนิสคาดผิดเสียแล้ว เพราะ...

              "นี้คุณทำบ้าอะไรกันน่ะ" นาตาเช่โวยลั่นเพราะอยู่ๆ เฮเรเค้นก็ปัดกระโปรงสั้นจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว จนพวกชาร์เครฟเห็นกางเกงในอย่างจังๆ

              "เฮเรเค้น มึง...." ไกซ์บอกอย่างหงุดหงิด

              เฮเรเค้นยิ้ม "ก็แค่อยากจะรู้ว่า เมดคนนี้ในกางเกงในสีอะไรก็เท่านั้นเองแหละ จริงมั้ยละ"

              "เออ ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ ที่มารยาทแย่มากเลยน่ะ" บรูโน่เลยต้องขอโทษแทนเฮเรเค้นพร้อมกับทำนิ้วรูดตรงคอ ซึ่งก็ทำให้เฮเรเค้นกับพวกหน้าจ๋อยลงไปอย่างจังๆ

              นาตาเช่พยักหน้า "งั้นฉันไปก่อนนะคะ" โดยในใจนั้น "มารยาททรามแบบนี้ แต่ยังไงก็ต้องอดทนไว้ เพราะฉันมาคนเดียว แต่ฝ่ายนั้นมีเยอะกันน่ะ"

              "แต่มันก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยน่า กับไอ้เนิร์ดแลมบาร์ทกับหุ่นยักษ์นั้นน่ะ" พาแรมพูดเปิดประเด็นขึ้นมา ซึ่งนาตาเช่ก็ได้ยินผ่านหูฟังข้างซ้ายไว้

              แฮมชัคบอก "นั้นสิ ไอ้เนิร์ดมันตั้งใจจะโชว์หุ่นให้ทุกคนในเมืองเห็นกันไปข้างหนึ่ง ในช่วงที่พวกเดลอาเนี่ยนโผล่มากันน่ะ เลยไปขอป้าวูลลิเซียจัดการเมคจุดปรากฎตัวขึ้นมากันน่ะ"

              "ว่าแต่ ป้าวูลลิเซียบอกอะไรกับพวกคุณครูกันละ มิลด์" ดิเรนท์ถาม

              เวลลิทบอก "นั้นสิ ตะกี้นี้เมดิน่าทำหน้าหงุดหงิดหลังจากที่คุยกับฟูลออเรส และฉันก็ได้ยินคุณครูคุยกับทุกๆคนด้วย มันเรื่องอะไรกันหรือ" โดยที่พวกฟลาแน็กซ์ไม่รู้เลยว่า ใต้โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่นั่ง มีไมค์เล็กซ่อนไว้ ซึ่งพวกมัลแด็กซ์ยังไม่ร้องเพลง เลยทำให้มิวนิสที่กำลังเช็ดพื้นอยู่ในห้องน้ำได้ยินเข้า

              "เมดิน่าบ่นให้ฉันฟังนะสิ ว่าฟูลออเรส อยากจะเอาอิชเชเตียนโผล่ขึ้นมากลางเมืองเลยน่ะ" มิลด์บอก

              บีทเทมกล่าว "จริงดิ แล้วหมอนั้นคงให้ป้าวูลลิเซียสร้างทางเข้าออกสำหรับอิชเชเตียนเลยละสิ"

              "ถูกแล้วละ ฟูลออเรสอยากให้การปรากฎตัวของอิชเชเตียน อยู่กลางเวลเซสแควร์ พอพวกเดลอาเนี่ยนโผล่มาปุ๊บ พื้นตรงกลางจะเปิดออกพร้อมกับอิชเชเตียนโผล่มาจากตรงนั้นเลยนะสิ" มิลด์บ่น "และไม่ใช่แค่อิชเชเตียนน่า เพราะเขาอยากให้ฟาร์โอเวี่ยนโชว์ตัวพร้อมกันด้วย"

              บราไทน่าบอก "แล้วเมดิน่าก็คงไม่บ้าจี้กันด้วยละสิ"

              "นั้นแหละ พวกคุณครูเลยต้องคิดหนักถึงเรื่องต้องให้ผู้คนที่ต้องอยู่ที่เวลเซสแควร์นั้นออกไปให้ห่างๆ เพื่อมิให้มีใครร่วงลงไปเสียก่อนน่ะ" มิลด์บอก เช่นเดียวกับ

              "แม้ไอ้เนิร์ดจะอ้างว่า นี้เป็นแผนการรับมือพวกเดลอาเนี่ยน พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธที่บุกเข้ามากันไว้ แต่ มันก็คือการประกาศตัวให้คนทั้งเมืองรู้ว่า หมอนี้มันเป็นนักบินควบคุมหุ่นกันน่ะ" บุลพลาทที่กินผักสลัดปลาซัลมอนบ่น

              "แล้วเราไม่มีวิธีไหนที่จะหยุดไอ้เนิร์ดเลยหรือวะ" เทรอนเร็กซ์บอก

              บรูโน่บอก "คงยากวะ พี่ใหญ่เองก็เห็นด้วยกับไอเดียของฟูลออเรสไปแล้ว และพึ่งบอกกับฉันก่อนจะมาเจอพวกนายกันนี้แหละ แถมคาดโทษด้วยน่ะ ว่าใครกล้าขัดขวางหรือก่อกวน จะโดนมิใช่น้อยๆกันน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ดังนั้น ฉันขอให้พวกนายอย่าเพิ่มโทษโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าพวกศัตรูมันมาตอนไหนเลยน่ะ"

              "บรูโน่พูดมาก็ถูกเผงเลยนะ แม้เรารู้ว่ามีสายลับอยู่ในเมืองนี้ก็จริง แต่ ลูกพี่กับพวกเองก็ไม่ได้บอกกับเราเลยน่า" ไกซ์บอก

              ชาร์เครฟบอก "ง่ายๆ สั้นๆ ถ้าเจอเมื่อไหร่ จะกระทืบให้จมดินกันนี้แหละ" นาตาเช่ได้ฟังก็เริ่มจะโมโห แต่ลูกค้าโต๊ะที่เธอให้บริการอยู่มองหน้ามา เธอเลยก็ต้องรีบกลับมารับออเดอร์ต่อ

              "ฟลาแน็กซ์ นายคิดว่าสายลับของเราอยู่ใกล้แค่ไหนน่ะ" ดิเรนท์ถาม

              ฟลาแน็กซ์บอก "ถึงอยู่ไม่ใกล้ก็คงอยู่ห่างไปมากนี้แหละ แต่....ยังไงเสีย เราก็ต้องระวังตัวกันหน่อยละ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่า สายลับนั้น เป็นนักรบที่เก่งแค่ไหนนะสิ"

              "นายกำลังบอกว่า สายลับที่บุกมา อาจจะเป็น พวกอัศวินกางเขนขาวด้วยใช่มั้ยละ" มัลแด็กซ์บอก

              ฟลาแน็กซ์พยักหน้า "เผลอๆอาจจะเป็นคนของบารอนวินเซนท์หรือเลดี้ฟรีเซียแน่นอน แต่...." แล้วก็จิบน้ำไป ก่อนจะพูดว่า "....ไม่ว่ายังไง เราก็ไม่ควรประมาทกันอยู่ดีนี้แหละ ต่อให้เรานึกอยากจะร้องเพลงเลยก็ตาม"

              "งั้นก็ร้องเพลงก่อนที่เราจะไม่ได้ร้องเลยน่ะ" บราไทน่าบอก แล้วทุกๆคนในห้องก็ร้องเพลงที่เลือกไว้ โดยที่มิวนิสทนฟังไม่ไหว

              "น้ำเสียงแต่ละคน เหมือนฟังแมลง ฟังนกร้องชัดๆ"

              "ดีแล้วละที่เธออดทนมากพอที่จะไม่ไปเอาเรื่องกับพวกนี้เสียก่อน ซึ่งฉันก็อดเป็นห่วงเธอไม่น้อยน่ะ" ลาเวนเด้ติดต่อเข้าหูฟังขนาดเล็กที่หูขวาไว้

              มิวนิสบอก "ครับ คำแนะนำของคุณใช้ได้ผลไม่น้อยเลยนะครับ"

              "ตอนนี้เรารู้แล้วน่ะ ว่าเป้าหมายที่เธอตามหานั้นอยู่ไหนกันน่ะ" อิลดินบอก "หากแต่ ฉันยังให้เธอลงมือตอนนี้ไม่ได้หรอก"

              นาตาเช่ติดต่อ โดยอยู่ในห้องน้ำหญิงแล้ว "ต้องเป็นพรุ่งนี้ใช่มั้ยละคะ"

              "ใช่ เพราะพวกไทรเวเซอร์และเหล่าทหารเองรู้ดีว่า ศัตรูผู้รุกรานต้องโผล่มาตอนไหนก็ได้แน่นอน พวกเขาเลยต้องลงมือเป็นการลับเอาไว้เลยน่ะ" อิลดินบอก

              ลาเวนเด้กล่าว "ดังนั้น เธอต้องรีบบุกไปที่ลานกว้างเวลเซสแควร์กันไว้ เพราะจังหวะที่ดีที่สุด ก็คือจังหวะตอนที่หุ่นโผล่ออกมากันนี้แหละ"

              "แล้วพวกคุณจะไปด้วยหรือเปล่าละคะ" นาตาเช่ถาม

              อิลดินตอบ "เธอต้องทำเพียงลำพังน่ะ เพราะเราต้องไปจัดการสร้างสถานการณ์ เพื่อดึงความสนใจของพวกทหารและพลเมืองให้ออกห่างจากจตุรัสแห่งนั้นไว้น่ะ"

             "และฉันแนะให้พวกเธอลงมือในช่วงเก้าโมงถึงสิบโมงด้วย เพราะฉันจะลงมือจุดระเบิดเพื่อสร้างความเบี่ยงเบนให้ทหารและพวกไทรเวเซอร์ออกห่างจากการทำงานของเธอไว้ ดังนั้น เธอจึงต้องลงมือให้เร็วและไวมากพอเลยน่ะ" ลาเวนเด้แนะนำ "ดังนั้น ฉันแนะนำให้เธอรีบกลับมาเดียวนี้เลย"

              มิวนิสกล่าว "เข้าใจแล้วละครับ"

              "ถ้าฉันออกไปก่อน แล้วคนอื่นจะไม่ผิดสังเกตุเลยหรือคะ" นาตาเช่บอก

              อิลดินกล่าว "วางใจได้ ฉันได้บอกกับผู้จัดการร้านแล้ว ว่าเธอกลับในเวลานี้ได้แล้วละ" แล้วนาตาเช่ก็เข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อถอดชุดเมดออกและใส่ชุดเดิมออกหลังร้านไปกับอิลดินที่รออยู่แล้ว ในเวลาเดียวกันกับที่มิวนิส ออกมาในชุดปกติเพื่อขึ้นรถที่ลาเวนเด้จอดรับไว้ 

    ต่อช่วงที่ 2 กันดีกว่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×