ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #61 : กลับคืนสู่มาตุภูมิ [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.09K
      710
      29 ต.ค. 60





              กาเล็ทใช้เวลาอยู่กับมิร่าภายในป่าอสูรฟ้าอีกหลายวัน หนึ่งนั้นเพื่อความความคุ้นเคยกับบุตรสาวบุญธรรมตัวน้อยของตนเองผู้นี้ และอีกหนึ่งก็เพื่อฝึกฝน หากว่ามีมิร่าอยู่ด้วยป่าอสูรว่ายังมีสิ่งใดต้องกลัวเกรงอีก? แต่น่าผิดหวังสำหรับกาเล็ท สามวันที่ผ่านมาระหว่างที่ตนเองและมิร่าออกสำรวจไปทั่วป่าอสูรฟ้า แม้ตนเองจะพบเจอกับสัตว์อสูรไม่น้อย แต่หลังจากที่พวกมันรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของมิร่า พวกมันก็เตลิดหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่นราชสีห์หางงูสัตว์อสูรระดับที่ 9 ครั้นเมื่อมันพบเจอกับกาเล็ท มันกลับพุ่งกระโจนเข้าจู่โจมใส่กาเล็ทอย่างไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยทว่าขณะที่มันพุ่งทะยานเข้ามาใกล้ ตัวมันพลันหยุดสภาวะพุ่งทะยานของมันไว้แต่กลางคันจากนั้นจึงเร่งรีบพลิกตัววิ่งหายไปอย่างไม่คิดชีวิต เหตุที่มันทำเช่นนั้นย่อมเกิดจากเมื่อมันเข้ามาใกล้พอ มันกับสังเกตุเห็นร่างของมิร่าที่กอดกาเล็ทอยู่ แต่ถึงกาเล็ทจะไม่ได้ฝึกฝนทดสอบฝีมือกับสัตว์อสูรการออกสำรวจป่าอสูรฟ้าครั้งนี้กาเล็ทกลับเก็บเกี่ยวพืชสมุนไพรหายากได้ไม่น้อย ทั้งหญ้าทลายฟ้า วัตถุดิบสำคัญในการปรุงยาเทพโอสถระดับสูง ทั้งโสมโลกันตร์ วัตถุดิบสำหรับหลอมสร้างโอสถเทพทลายสวรรค์ขั้นสูงยิ่งขึ้น ถึงแม้โอสถเทพทลายสวรรค์จะไม่มีส่วนช่วยในการฝึกฝนของกาเล็ท แต่สำหรับกับลูกน้องของตนเองที่ยังมีระดับพลังเพียงขั้นที่ 4-5 เท่านั้น โอสถเทพทลายสวรรค์นี้จะช่วยให้พวกมันไม่ต้องพบเจอกับกำแพงสำหรับการทะลุสู่ระดับต่อไป 

         "ฮี่ ฮี่ ฮี่" มิร่าส่งเสียงออกมาอย่างสุขใจขณะที่ทั้งถูไถร่างกายของตนเองกับร่างกายของกาเล็ท ไม่เพียงแต่ถูไถนางยังทำจมูกฟุตฟิตสู่ดมกลิ่นกายของกาเล็ทไม่หยุดหย่อน สามวันที่ผ่านมานี้มิร่าตามพัวพันกาเล็ทไม่ยอมห่างแม้สักก้าวเดียว สาเหตุที่กาเล็ทสามารถเก็บเกี่ยวสมุนไพรหายากได้มากมายเหตุก็สืบเนื่องมาจากมิร่าเอง มิร่าทำหน้าที่เป็นผู้ชี้จุดที่มีพืชสมุนไพรขึ้นอยู่ให้แก่กาเล็ท

         "ได้มามามากมายถึงเพียงนี้ คงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบไปอีกนาน" กาเล็ทเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข การเดินทางมาป่าอสูรฟ้าครั้งนี้แม้ตนเองแทบต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วเรื่องร้ายๆทั้งหมดก็ได้ผ่านพ้นไปผลสรุปของการเดินทางตนเองกลับสามารถเก็บเกี่ยวพืชสมุนไพรหายากได้มากมาย แม้แต่สมุนไพรเช่นโสมโลกันตร์ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย ไม่เพียงแต่สมุนไพรที่เก็บเกี่ยวได้ ระดับพลังของตนเองยังเพิ่มพูนจนทะลุขีดขั้นสู่ระดับราชาได้สำเร็จและที่สำคัญที่สุดคือมิร่า ด้วยพลังระดับราชาของตนเอง ด้วยการคงอยู่ของมิร่า ตระกูลเจอริโก้จะนับเป็นอย่างไรได้ ? ต่อให้มีถึงสิบตระกูลเจอริโก้ก็ไม่อาจทำให้กาเล็ทหวั่นใจได้อีก

         "ฮี ฮี มิร่าเก่งใช่ไหมล่ะ" มิร่าเอ่ยเพื่อหวังเอาความดีความชอบ

         "เก่งมากๆเลย อืม ต้องเป็นลูกสาวนำโชคที่สวรรค์ประทานให้ปะป๋าแน่เลย" กาเล็ทเอ่ย

         "รางวัล ขอรางวัล" มิร่าเอ่ยออดอ้อน รางวัลที่นางหมายถึงย่อมเป็นการโอบกอดและการหอมแก้มจากกาเล็ท

         กาเล็ทไม่รอช้าอุ้มร่างของนางที่เกาะลำตัวของตนเองอยู่ขึ้นมาพร้อมทั้งหอมแก้มทั้งสองข้างของมิร่าฟอดใหญ่ "ปะป๋าจะพาหนูออกจากหุบเขาอสูรฟ้าแล้วนะ จำที่ปะป๋าบอกได้ไหมว่าถ้าเจอท่านย่าต้องทำยังไง"

         "จำได้ ต้องเชื่อฟังท่านย่า ต้องรักและเคารพท่านย่าไม่ต่างจากปะป๋ากาเล็ท" มิร่าเอ่ยในสิ่งที่ตนเองท่องจำจนขึ้นใจ สามวันที่ผ่านมานี้กาเล็ทคอยพร่ำบอกเรื่องนี้ต่อมิร่าตลอดเวลา

         เหลวมองมายังบุตรสาวบุญธรรมของตนเอง ไม่ทราบว่าตนเองจะต้องปวดหัวกับเด็กผู้นี้อีกมากเพียงไหน จากระยะเวลาสั้นๆที่ได้อยู่ด้วยกันกาเล็ทพบว่ามิร่านั้นเปรียบเสมือนเด็กน้อยที่ขาดความอบอุ่น นางเพียงต้องการความรัก และการดูแลเอาใจใส่ ทว่ามิร่านั้นไม่ได้มีแต่เพียงด้านที่อ่อนโยน นางยังมีด้านมี่โหดเหี่ยมกล่าวไปคือจริงอยู่ที่มิร่านั้นออดอ้อนตนเองมาตลอดระยะเวลาสามวันทว่าเมื่อสัตว์อสูรเข้าจู่โจมใส่ตนเอง กาเล็ทกลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างน้อยๆของมิร่าแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นกาเล็ทก็หาได้โทษนางไม่ ด้านที่โหดร้ายของมิร่าเกิดขึ้นจากการหล่อหลอมขึ้นจากกฎแห่งป่า ในป่าอสูรฟ้าแห่งนี้มีเพียงกฎเดียวคือเข้มแข็งรอด อ่อนแอตาย หากเจ้าอ่อนแอเจ้าก็จะถูกแย่งชิงทุกสิ่งไป แม้แต่ชีวิตของตนเองก็ไม่อาจรักษาไว้ มิร่าอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นนี้มาหลายสิบปี การที่นางมีด้านที่โหดร้ายปรากฎให้เห็นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก  กาเล็ทได้แต่ครุ่นคิดว่าจะสอนสั่งกล่อมเกลานางเช่นไรดี



         "ฮิ ฮิ ฮิ ฮิฮิ โลกภายนอก โลกภายนอก" มิร่าหัวเราะร่าอย่างมีความสุขขณะที่เดินทางกลับสู่เมืองแบรี่ บนท้องฟ้าร่างเล็กของมิร่าบินหมุนวนรอบร่างกายของกาเล็ท หมุนไปมาอยู่สักหลายรอบสุดท้ายแล้วนายก็กอดหมับเข้าให้ที่ลำตัวของกาเล็ทตามเดิม

         "อย่าได้ซุกซนไป" กาเล็ทเอ่ย

         "มิร่ามีความสุข มีความสุขที่สุดเลยนับตั้งแต่จำความได้ มิร่าจะไม่เหงา ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว" มิร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ลิงโลด หางของนางสั่นไหวไปมาอย่างรวดเร็ว

         "มิร่า สามารถจำแลงกายให้เหมือนมนุษย์ทั่วไปได้ไหม" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นอย่างหวั่นใจ หากว่าต้องนำนางกลับไปในสถาพนี้มิใช่ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

         "ได้สิ ได้ มิร่าทำได้" กล่าวจบทั้งหาง ปีก และเขาของนางก็ค่อนๆเลือนหายไป 

         เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็คลายใจลง จะว่าไปแล้วกาเล็ทก็ออกมาฝึกวิชาเป็นระยะเวลากว่า 6 วันแล้ว คิดถึงจุดนี้กาเล็ทก็รู้สึกผิดไม่น้อย ไม่ทราบว่ามารดาของตนเองจะรู้สึกหวั่นใจถึงเพียงไหน หากว่าตนเองบอกกล่าวกับมารดาว่าพบร่างของบิดาแล้วมิทราบว่านางจะรู้สึกเช่นไร คิดถึงเรื่องนี้กาเล็ทก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้น

         มิร่าที่สัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของกาเล็ทผ่านสัญญาโบราณก็กระชับแขนกอดร่างของกาเล็ทให้แน่นขึ้นกว่าเดิม หน้าที่ถูไถสูดดมกลิ่นกลายของกาเล็ทก็หยุดลง "ปะป๋าไม่ต้องเป็นกังวลใจไปนะ ไม่ว่าเรื่องอะไร มิร่าจะช่วยปะป๋าเองนะ" เสียงเล็กใสเอ่ยปลอบประโลมกาเล็ท

         กาเล็ทก้มลงมองร่างเล็กนั้นอย่างเอ็นดู "เอาเถอะไม่ว่าเรื่องใดจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะอย่างน้อยร่างของท่านพ่อก็ได้กลับสู่บ้านเกิด" กาเล็ทเอื้อมมือไปลูบหัวมิร่า "หืมเป็นมังกรจริงหรือเปล่า"

         "จริง มิร่าเป็นมังกร" เสียงใสเล็กตอบกลับมาทันควัน

         "กอดติดปะป๋าแบบนี้ตลอดนึกว่าเป็นปลิงซะอีก" กาเล็ทเอ่ยหยอกเย้า

         "ปลิงคืออะไร ?" เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา

         ได้ฟังคำถามกาเล็ทที่บินอยู่ก็แถบจะทรงตัวไม่อยู่ 


         ณ ปราสาทบุสโซ่ นีน่ากำลังนั่งเย็บปักผ้าเช็ดหน้าไป ชะเง้อมองยังทางเข้าของห้องโถงไปด้วย นางเฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายของตนเอง แม้จะรู้ดีว่าบุตรชายของไม่เหมือนกับเมื่อสมัยก่อนแล้วแต่ด้วยสันชาตญาณความเป็นมารดามีหรือที่นางจะสามารถข่มกลั้นความรู้สึกห่วงหาอาทรไว้ได้ นี่ก็เป็นเวลากว่า 6 วันแล้วที่บุตรชายของนางไม่กลับบ้านมา 6 วันที่ผ่านมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นไม่น้อย ทั้งการกลับมาของราชาเบรุทและเหล่าขุนนางที่ไปปฎิบัติภารกิจเยียวยาที่เมืองรีเวล ทั้งนางยังได้ยินเหล่าทหารและสาวใช้พูดคุยกันเกี่ยวกับการกระทบกระทั่งภายในเมือง จากที่นางได้ฟังมาและปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง ได้ความว่าคนสังกัดของตระกูลบุสโซ่ขณะเข้าไปในเมืองหลวงจะถูกกลั่นแกล้งไม่น้อย ทั้งตามร้านอาหารภายในเมืองก็มักจะถูกคนของตระกูลเจอริโก้และตระกูลขุนนางอื่นๆหาเรื่องอยู่บ่อยๆในหลายวันมานี้ เรื่องนี้ทำให้นางไม่ใคร่สบายใจนัก

         "ท่านป้า ยังไม่เข้านอนหรือ" แชลเทียเอ่ยถามนีน่าซึ่งกำลังนั่งเย็บผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กไว้สำหรับกาเล็ท หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของแมรี่เมื่อสี่วันก่อน ราชาเบรุทก็นำทหารและขุนนางจากเมืองรีเวลกลับมาถึงเมืองหลวง ซิลเวียจึงต้องแยกกลับไปยังราชวัง 

         "ป้าอยากรอกาเล็ทอีกสักหน่อยน่ะหนูแชลเทีย" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ

         "ท่านป้าอย่าห่วงไปเลย กาเล็ทเพียงแค่ออกไปฝึกฝนอีกไม่นานเขาคงจะกลับมาแล้ว กาเล็ทน่ะมีความสามารถยิ่งกว่าผู้ใดท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงไป" แชลเทียเอ่ยปลอบโยนนีน่า แม้ตัวนางจะเอ่ยเช่นนั้นแต่ภายในจิตใจก็อดเป็นห่วงชายคนรักไม่ได้เช่นกัน จากที่ได้ฟังมาเขาบอกเพียงว่าจะไปเพียงไม่นาน แต่นี่เวลาก็ล่วงเลยมากว่า6วันแล้ว

         คนใกล้ชิดทุกคนล้วนเป็นห่วงกาเล็ทแต่หารู้ไม่ว่าคนที่หวั่นใจยิ่งกว่าผู้ใดหาใช่นีน่าหรือแชลเทียไม่ แต่กลับเป็นพ่อบ้านโจเซพ เหตุเพราะพ่อบ้านโจเซพนั้นรู้ดีกว่าผู้ใดว่าสถานที่ซึ่งกาเล็ทไปฝึกฝนนั้นคือหุบเขาอสูรฟ้าที่มากไปด้วยอันตราย  

         ขณะที่ทุกคนเฝ้าหวั่นใจเกี่ยวกับกาเล็ท กาเล็ทก็กลับมาถึงยังปราสาทบุสโซ่

         "ที่นี่หรอ" เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้

         "ใช่แล้วที่นี่แหละจะเป็นบ้านใหม่ของมิร่า" กาเล็ทเอ่ยตอบพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มอย่างเอ็นดูออกมา

         "จากนี้ที่นี่จะเป็นรังใหม่ของมิร่า รังของมิร่ากับปะป๋ากาเล็ท ฮี ฮี่ ทั้งหมดจะเอาทั้งหมด รังของมิร่ากับปะป๋ากาเล็ทต้องใหญ่ๆมีพื้นที่เยอะๆ พื้นที่ทั้งหมดรวมทั้งผ่าอสูรฟ้าจะเป็นรังของมิร่ากับปะป๋า" มิร่ายิ้มร่าเอ่ยออกมา

         กาเล็ทได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มอ่อนๆออกมามังกรน้อยกลับโลภมากถึงเพียงนี้ คงจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นไม่น้อยที่จะอธิบายให้นางเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆในสังคมมนุษย์ "เอาเถอะก่อนอื่นก็ต้องพามิร่าไปแนะนำตัวกับท่านย่า"

         ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทร่างเล็กก็เดินมาหลบที่ด้านหลังของกาเล็ท กาเล็ทสามารถรับรู้ได้จากสัญญาโบราณที่ผูกติดกันอยู่กับมิร่าว่าบัดนี้นางมีความรู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดไม่น้อย "ท่านย่าใจดี อ่อนโยน มิร่าไม่ต้องกลัว ดังนั้นมิร่าก็ต้องใจดีกับท่านย่าเหมือนกันเข้าใจไหม" กาเล็ทลูบหัวมิร่าพร้อมเอ่ยบอก

         เมื่อกาเล็ทเดินเข้าสู่เขตชั้นในของปราสาทบุสโซ่กาเล็ทก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่สงสัยกังขาจากเหล่าทหารเฝ้ายามที่มองมายังร่างเล็กเบื้องหลังตน กาเล็ทพลันก้มลงโอบอุ้มมิร่าขึ้นมาและหันไปเอ่ยบอกกล่าวกับทหารยาม "นี่เป็นบุตรสาวบุญธรรมของข้าเองนางชื่อมิร่าน่ารักหรือไม่"

         ทหารยามย่อมไม่คาดคิดว่านายน้อยของตนเองจะหยุดชงักเพื่อนพูดคุยกับตนเองเช่นนี้ "น่ารักครับ คุณหนูน่ารักยิ่ง" ทหารยามทั้งสองนายเอ่ยตอบอย่างเกร็งๆ

         "มิร่า ทักทายพี่ๆเขาหน่อยสิ" กาเล็ทเอ่ยบอกกับมิร่าที่บัดนี้ซุกหน้าอยู่กับอ้อมอกของกาเล็ท

         "สวัสดี" มิร่าเอ่ยอย่างแผ่วเบา ที่มิร่าแสดงอาการเช่นนี้เหตุเพราะนางไม่ทราบว่าจะทำตัวเช่นไร หากเป็นนางเมื่อก่อนเมื่ออยู่ในหุบเขาอสูรฟ้านางย่อมไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่เมื่อได้มาพบกับกาเล็ท นางย่อมไม่อยากที่จะแสดงด้านที่ไม่ดีของตนเองให้กาเล็ทได้เห็น ครั้งจะให้ทำตัวเป็นมิตรกับคนแปลกหน้านางก็ยังไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ครั้นจะทำตนวางอำนาจนางก็กลัวว่ากาเล็ทจะไม่ชอบใจ

         "ความปลอดภัยของปราสาทบุสโซ่ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดก็ให้บอกกล่าวต่อพ่อบ้านโจเซพได้" กาเล็ทเอ่ยกับทหารยามทั้งสอง จากนั้นจึงอุ้มมิร่าเข้าสู่ปราสาทบุสโซ่

         "มิร่าทำตัวตามปกติเถอะ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นบริวารของปะป๋า เป็นบริวารของปะป๋าก็ถือว่าเป็นของมิร่าด้วย" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่าในอ้อมอก

         อุ้มมิร่าเดินเข้ามายังห้องโถงกลางปราสาทบุสโซ่ "กาเล็ทกลับมาแล้วหรือลูก" เสียงของนีน่าแสดงออกถึงความยินดี

         "ข้ากลับมาแล้วท่านแม่" กาเล็ทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "มิร่าทักทายท่านย่าหน่อยสิ" 

         "ท่านแม่นี่มิร่า ข้ารับนางเป็นบุตรบุญธรรม"กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับนีน่า

         "ท่านย่านีน่า สวัสดี" มิร่าเอ่ยออกมาอย่างเกร็งๆ

         นีน่าได้ฟังคำกล่าวของบุตรชายก็ไม่คิดมากความ แม้จะยังสงสัยอยู่ลึกๆในใจ "ชื่อมิร่าหรือ มา มาให้ย่าอุ้มหน่อย" นีน่ายื่นแขนออก

         "ให้ท่านย่าอุ้มหน่อยนะมิร่า" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับมิร่า เมื่อมิร่าผงกหัวกาเล็ทก็ส่งร่างของมิร่าให้แก่นีน่า

         เมื่อมิร่ามาอยู่ในอ้อมกอดของนีน่านางก็ทำจมูกฟุตฟิตสูดดมกลิ่นกลายของนีน่า "กลิ่นเหมือนปะป๋ากาเล็ทเลย" มิร่ากล่าวออกมา

         นีน่ารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อได้ฟังคำกล่าวของหลานสาวของตนผู้นี้

         "ท่านแม่บอกกล่าวท่านมิร่านางหาใช่มนุษย์ทั่วไป นางเป็นสัตว์อสูร" กาเล็ทเอ่ยบอกกับนีน่า

         "สัตว์อสูรหรือ?" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งสำรวจดูร่างของมิร่าที่ตนเองอุ้มชูอยู่ "นางก็ดูปกตินี่กาเล็ท"

         กาเล็ทรับร่างของมิร่ากลับมาอุ้มไว้ "มิร่าช่วยกลับร่างเป็นมังกรน้อยน่ารักให้ท่านย่าดูหน่อยสิ" มิร่าเหลียวมองดูยังใบหน้าของกาเล็ทลังเลใจเล็กน้อยจากนั้นจึงเปลี่ยร่างของตนเองกลับเป็นร่างมังกรน้อยสีดำ

         นีน่าเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจไม่น้อย

         "ท่านแม่ หากจะให้ข้าเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้นั้นคงยืดยางไม่น้อย และมันเกี่ยวพันถึงท่านพ่อด้วย" กาเล็ทเอ่ยน้ำเสียงดูจริงจังขึ้น

         "เกี่ยวพันถึงกาลานหรือ?" นีน่าร่างสั่นสะท้านขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าเรื่องเกี่ยวพันถึงสามีผู้ล่วงลับ 

         "ท่านแม่เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เรียกพ่อบ้านโจเซพมาพูดคุยพร้อมกันเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกับนีน่าพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกทหารยามให้ไปตามตัวพ่อบ้านโจเซพมา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×