ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #295 : พลังที่เพิ่มพูน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.25K
      327
      25 ธ.ค. 61


    เดินผ่านไปยังหน้าห้องของเซลิน่ากาเล็ทพลันหยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน สาเหตุก็เพราะกาเล็ทนั้นคล้ายเหมือนได้ยินถึงเสียงสะอื้นไห้แว่วเข้ามาที่ข้างหู แรกเริ่มเดิมทีกาเล็ทนึกไปว่าตนเองหูแว่วไปเองเท่านั้นหากแต่เมื่อลองเพ่งสมาธิรับฟังดูแล้วกลับพบว่าเสียงสะอื้นไห้มาจากภายในห้องของเซลิน่าเอง "นางร้องไห้ด้วยเรื่องอันใด?" กาเล็ทนึกคิดสงสัยกับตนเอง
    ก๊อก ก๊อก กาเล็ทไม่รอช้าปล่อยให้ความสงสัยคงอยู่กับตนเองอย่างเนิ่นนาน กาเล็ทพลันยกมือของตนเองขึ้นเคาะไปยังประตูห้องของเซลิน่า "เซลิน่าเจ้าหลับแล้วหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม
    เซลิน่าซึ่งนอนร้องไห้จนขอบตาบวมแดงอยู่บนเตียงภายในห้องได้ยินเสียงเคาะเรียกตนเองก็รีบยันกายลุกขึ้นพร้อมใช้มือทั้งสองข้างปาดเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า แต่ไม่ว่านางจะปาดเช็ดคราบน้ำตาเพียงไรก็ยังคงไม่สามารถที่จะลบร่องรอยทั้งหมดออกไปได้ สุดท้ายแล้วเกรงว่ากาเล็ทผู้ซึ่งนางคิดคำนึงหาตลอดทั้งคืนจะรอคอยจนเนิ่นนานเกินไป เซลิน่าจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องออกเพื่อนต้อนรับ
    "ข้าเข้าไปได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยปากถาม เมื่อเซลิน่าผงกศรีษะรับกาเล็ทก็เคลื่อนกายของตนเองเข้าไปภายในห้องของนาง
    "ข้าได้ยินเสียร้องไห้จากในห้อง เซลิน่าดึกดื่นเช่นนี้เหตุใดจึงได้นอนร้องไห้กัน" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นทันที
    เซลิน่าได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายศรีษะในเชิงปฎิเสธ
    กาเล็ทพลันเดินเข้าหาพร้อมทั้งจ้องมองสำรวจไปที่ใบหน้าของนาง "ขอบตาบวมแดงถึงเพียงนี้ยังจะปฎิเสธอีก" เอ่ยกล่าวเช่นนั้นกาเล็ทก็เข้าไปโอบกอดนางไว้ "บอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าจึงได้ร้องไห้ เห็นสตรีของตนเองร้องไห้อยู่ภายในห้องกลางดึกเช่นนี้จะให้จิตใจของข้าสงบลงได้อย่างไร"
    สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาตามการสัมผัสเซลิน่าก็เปิดปากเอ่ยกล่าวกับกาเล็ทขึ้น "เซลิน่าเพียงแต่น้อยเนื้อต่ำใจผิดหวังกับตัวเองเท่านั้นขอกาเล็ทอย่าได้เป็นกังวล"
    "บอกข้าได้หรือไม่" กาเล็ทยังคงกอดนางไว้และเอ่ยถาม
    "ด้วยร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันทำให้วันนี้เซลิน่าไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาที่ดีปรนนิบัติรับใช้กาเล็ทได้ จึงเกิดความรู้สึกผิดหวังกับตนเองขึ้น เรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับกาเล็ท ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดจากความผิดของเซลิน่าเอง" เซลิน่าเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกผิดหวังออกมา
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นพลันนึกถึงถ้อยคำที่โซเฟียบอกกล่าวแก่ตนเอง "เซลิน่าเจ็บป่วยไม่สบายที่ใดหรือ อืม มาให้ข้าช่วยตรวจดู"
    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ท เซลิน่าซึ่งอยู่ในอ้อมกอดก็ส่ายศรีษะออกมาในเชิงปฎิเสธอย่างช้าๆ "เซลิน่าไม่ได้เจ็บป่วยอะไร เพียงแต่ เพียงแต่ร่างกายเกิดรอบเดือนของสตรีจึงไม่สะดวกที่จะใช้ร่างกายที่สกปกปรนนิบัติรับใช้กาเล็ท"
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยเข้าใจว่าที่แท้แล้วเป็นเรื่องราวใด พอมาหวนนึกคิดดูนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับกับตนเองเท่านั้นหากแต่ในมุมมองของพวกนางแล้วกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ สาเหตุก็เพราะตนเองนั้นเปรียบเสมือนท้องฟ้าสำหรับกับพวกนาง ฐานะตัวตนและความคงอยู่ของพวกนางล้วนขึ้นอยู่กับตนเองทั้งสิ้น นึกคิดได้เช่นนี้ก็ทำให้กาเล็ทเกิดความรู้สึกเวทนาสงสารขึ้นมา "เพียงเพราะไม่สามารถที่จะปรนนิบัติรับใช้เรานางถึงกลับนอนร้องไห้จนดึกดื่นถึงเพียงนี้" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเอง
    "เพียงเรื่องเล็กน้อยถึงเพียงนี้เหตุใดจึงต้องร้องไห้กัน วันนี้ไม่สะดวกไว้วันหลังก็ไม่เห็นจะเป็นไร พวกเราใช่ว่าจะต้องแยกจากกันไปเสียเมื่อไหร่" เอ่ยกล่าวจบกาเล็ทก็พลิกร่างของนางให้กลับมาเผชิญหน้ากับตนเองพร้อมทั้งย่อตัวของตนเองลงไปสบตากับนางและใช้มือข้างหนึ่งยื่นออกไปบีบที่จมูกของเซลิน่าเบาๆ "แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการตบแต่งอย่างเป็นทางการแต่เจ้านั้นคือหนึ่งในภรรยาของข้าแล้ว ต้องอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่าไม่ได้รับอนุญาติให้จากไปไหน รู้เช่นนี้แล้วยังจะร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อยอีกหรือ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    "อืม" เซลิน่าทำได้แต่ผงกศรีษะรับคำ
    กาเล็ทซึ่งเห็นว่าปฎิกริยาของนางยังคงไม่ดีขึ้นอย่างที่หวังไว้ก็ตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง "นี่ทราบหรือไม่ว่าความผูกพันธ์สนิทสนมระหว่างชายหญิงหาใช่จำเป็นต้องร่วมสัมพันธ์รักกันเท่านั้นถึงจะก่อเกิดขึ้นมาได้" เอ่ยกล่าวจบกาเล็ทก็ช้อนร่างเล็กของเซลิน่าขึ้น "นี่ก็ดึกดื่นมากแล้วให้ข้าผู้เป็นสามีช่วยกล่อมภรรยาเข้านอนเถอะ"
    "ก..กาเล็ทจะทำอะไร" เซลิน่าเอ่ยถามขณะที่ร่างของตนเองถูกอุ้มไว้อยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง
    "มิใช่บอกกล่าวแล้วหรอกหรือว่าจะกล่อมภรรยาเข้านอน" กาเล็ทเอ่ยกล่าวตอบขณะที่อุ้มร่างบอบบางของเซลิน่าให้กลับไปนอนยังเตียงใหญ่ภายในห้องพร้อมกับตนเองที่ก้าวเดินขึ้นไปนอนกอดร่างของเซลิน่าเคียงคู่อยู่บนเตียง "อึดอัดหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม
    เซลิน่าส่ายศรีษะ
    "ข้าได้ยินมาว่าในยามที่สตรีมีประจำเดือนจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก จริงหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามขณะที่นอนกอดเซลิน่าไว้
    เซลิน่าได้ยินคำถามก็ผงกศรีษะ
    กาเล็ทได้รับฟังเช่นนั้นก็ส่งถ่ายพลังของตนเองเข้าสู่ร่างของนางเพื่อช่วยกระตุ้นให้ระบบต่างๆภายในร่างของนางทำงานได้อย่างราบรื่นสบายขึ้นพร้อมกันนั้นปากก็เอ่ยกล่าว "เจ้าเป็นเพียงคนปกติทั่วไปหาได้มีร่างกายแข็งแรงดังผู้ฝึกพลัง หากว่านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นได้ นี่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรุ่งเช้าแล้วนอนหลับพักผ่อนเถอะ"
    ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แม้ว้าจิตใจของเซลิน่ายังคงไม่ต้องการที่จะหลับไหลหากแต่ร่างกายของนางกลับรู้สึกผ่อนคลาย อาการคลื่นไส้วิงเวียงปวดศรีษะที่เคยมีก็ลดทอนจนแทบจะหายเป็นปกติ จากนั้นไม่นานสติของนางก็เริ่มเรือนลางและม่อยหลับไปในที่สุด
    ไม่ทราบว่าระยะเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เซลิน่าที่ม่อยหลับไปพลันเกิดความรู้เสมือนว่าเรือนผมของตนเองถูกลูบไล้สัมผัสอยู่ นางที่นอนขดตัวหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกาเล็ทเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงพลันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ภาพแรกที่นางพบเห็นกลับเป็นภาพใบหน้าหล่อเหล่าคมคายซึ่งกำลังจ้องมองมาที่ตนเองอยู่ สังเกตุเห็นถึงใบหน้านั้นความทรงจำที่เลือนลางก่อนที่ตัวนางจะม่อยหลับไปพลันถาโถมกลับเข้ามาหา "นี่ไม่ใช่ความฝัน" เซลิน่าพลันหวนนึกคิดกับตนเอง
    "ตื่นแล้วหรือ อาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวของเจ้าบรรเทาลงแล้วหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
    เซลิน่าซึ่งพึ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลทำได้แต่ซุกศรีษะของตนเองเข้ากับแผ่นอกแกร่งที่เบื้องหน้าเพราะความรู้สึกเขินอายที่พุ่งทะยานขึ้น นางผงกศรีษะรับเป็นเชิงตอบคำถามของกาเล็ทครั้งหนึ่ง
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ลูบศรีษะนางอย่างอ่อนโยน "ตะวันใกล้จะขึ้นแล้ว ข้าต้องไปแล้ว อืม เกรงว่าหากท่านแม่มาเห็นเข้าตัวข้าคงต้องถูกโทษว่าตำหนิแล้ว เจ้านอนหลับพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยดีหรือไม่? ข้าจะออกไปบอกกล่าวเลื่อนเวลากับเหล่าหญิงรับใช้เอง เจ้านอนหลับต่อเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว เมื่อเห็นว่าเซลิน่าผงกศรีษะเป็นเชิงตอบรับแล้วกาเล็ทก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลุกออกจากเตียงใหญ่อันอ่อนนุ่ม กาเล็ทยังไม่ลืมที่จะดึงเอาผ่าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาห่มให้แก่ร่างเล็กซึ่งยังคงนอนขดตัวไม่กล้าสบตากับตนเองอยู่บนเตียง กาเล็ทก้มลงจูบบนใบหน้าของนางคราหนึ่งจากนั้นจึงจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองและเดินออกจากห้องไป
    กาเล็ทหาได้เดินตรงกลับไปยังห้องหับของตนเองหากแต่เดินตรงไปยังลานฝึกฝนสำหรับกับตนเองยังส่วนในของปราสาทบุสโซ่ กาเล็ทถอดเสื้อของตนเองออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเข้ารูปที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีจากนั้นกาเล็ทพลันเริ่มขยับแข้งขาและมือทั้งสองข้างไปมา ซ้ายที ขวาที เพื่อสำรวจตรวจสอบร่างกายของตนเอง สาเหตุที่กาเล็ทกระทำเช่นนี้ก็เพื่อตรวจสอบถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากพลังที่เพิ่มพูนสูงขึ้นของตนเอง อย่าได้คิดว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ร่างกายของผู้คนจะมีสิ่งที่เรียกว่าความคุ้นชินอยู่ ยกตัวอย่างเช่นการก้าวเดิน หรือการออกแรงในการยกจับสิ่งของ สำหรับกับผู้ฝึกฝนพลังแล้วทุกครั้งคราที่มีการทะลุขีดจำกัดสู่อีกขีดขั้น ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่อายุขัยที่เพิ่มพูนสูงขึ้น ยังรวมไปถึงพละกำลังและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อทั่วร่างที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในบางครั้งการเพิ่มพูนของระดับพลังถึงกลับส่งผลต่อการดำเนินชีวิตตามปกติ ยกตัวอย่างเช่นการออกแรงมากจนเกินไปจนส่งผลให้ข้าวของเสียหายพังทลาย และนี่คือหนึ่งในสาเหตุที่กาเล็ทไม่เร่งเล้าเพิ่มพูนพลังให้กับผู้เป็นมารดาและเหล่าภรรยาของตนเอง
    "พลังของเราเพิ่มขึ้นกว่าห้าส่วน" กาเล็ทนึกคิดกับตนเองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจที่พลังของตนเองเพิ่มพูนสูงขึ้นถึงเพียงนี้ กาเล็ทแทบไม่สามารถที่จะนึกคิดจิตนาการออกว่าเมื่อตนเองบรรลุถึงขั้นระดับราชันย์จักรพรรดิจริงๆแล้วพลังของตนเองจะก้าวผ่านเพิ่มพูนไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้สักเท่าใด
    ไม่รอช้ากาเล็ทเริ่มการทดสอบความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของตนเองในทันดีด้วยการออกแรงเตะต่อยเข้าใสทุ่นเสาเหล็กซึ่งถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากแร่มิธริลที่ตั้งเรียงรายอยู่กลางลานฝึก เริ่มจากการออกแรงเตะต่อยเข้าใส่ทุนเสาเหล็กช้าๆจากนั้นกาเล็ทจึงค่อยๆเพิ่มความรวดเร็วขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
    กึ่ง กึ่ง กึ่ง เสียงของการปะทะดังก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งปราสาทบุสโซ่ในช่วงรุ่งสาง จนทำให้เหล่าทหารยามและหญิงรับใช้ต่างแตกตื่นกันอย่างถ้วนหน้า ผลกระทบเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่กาเล็ทไม่ได้คาดคิดถึง
    กาเล็ทยังคงออกแรงทดสอบความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของตนเองต่อไปโดยใช้แต่เพียงลำพังความแข็งแกร่งของร่างกายหาได้ใช้พลังจิตวิญญาณเสริมเพิ่มเติมเข้าไปแต่อย่างใด อย่าเห็นว่านี่เป็นเพียงแต่เนื้อหนังกล้ามเนื้อ ด้วยเป็นผู้ฝึกฝนพลังซึ่งมีระดับแก่นจิตวิญญาณก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งก้าวแห่งขั้นราชันย์จักรพรรดิแล้ว ด้วยระดับแก่นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้ย่อมส่งผลให้ร่างกายของผู้ครอบครองเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนยากที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถทำความเข้าใจได้ จะเห็นได้จากทุ่นเหล็กซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากแร่มิธริลในยามที่ที่ถูกกาเล็ทเตะต่อยเข้าใส่อย่างถี่ยิบนั้นเริ่มที่จะมีการสูญเสียรูปทรงไปทีละเล็กทีละน้อยจากแรงกระแทก
    ทดสอบขีดจำกัดของร่างกายด้วยการยกแข้งขาออกแรงเตะเข้าใส่ทุ่นเหล็กมาอย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายแล้วดวงตาของกาเล็ทก็เกิดประกายขึ้น พลังจิตวิญญาณที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสูงก่อเกิดขึ้นครอบคลุมไปทั่วทั้งขาข้างหนึ่งของกาเล็ทจากนั้นกาเล็ทพลันตวัดตัวหวดขาข้างนั้นเข้าใส่ทุนเหล็กอย่างแรง
    ตึ่งงงงงงง เสียงของการปะทะอย่างรุนแรงดังก้องขึ้นอย่างกระทันหัน ทุ่นเหล็กซึ่งเป็นเป้าหมายของกาเล็ทบิดงอเสียรูปไปในทันทีที่ถูกหวดเตะเข้าใส่ พร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้องและการบิดงอเสียรูปของทุ่นเหล็ก แกนของทุ่นเหล็กก็หักโค่นออกจากพื้นหินซึ่งมันถูกปักตั้งอยู่ส่งผลให้ทุนเหล็กทั้งยวงลอยคว้างลิ่วพุ่งทะยานออกไปยังทิศทางซึ่งเหล่าหญิงรับใช้และทหารยามของตระกูลบุสโซ่ยืนมองเฝ้าสังเกตุการฝึกฝนของผู้เป็นนายอยู่
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจจากเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน กาเล็ทพลันพลิกกายยื่นมือของตนเองออกไปยังทิศทางที่ทุ่นเหล็กถูกเตะจนดีดกระเด็นปลิวคว้างไป จากนั้นก็ก่อเกิดมวลสภาวะพลังมหาศาลดึงรั้งการเคลื่อนที่ของทุ่นเหล็กที่กำลังลอยคว้างไปทางเหล่าทหารยามและหญิงรับใช้ให้เคลื่อนที่ช้าลงจนกลับกลายเป็นหยุดนิ่งในที่สุด "เกือบไป" กาเล็ทลอบถอนหายใจครุ่นคิดกับตนเอง หากการฝึกฝนของตนเองกลับกลายเป็นทำให้เกิดผู้เคราะห์ร้ายขึ้นนี่มิใช่จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างหนึ่งของตระกูลบุสโซ่แล้ว



    ปล.วิชาต่างๆของกาเล็ทจะค่อยๆพัฒนาตัวเองและสมบูรณ์ขึ้นตามระดับพลังที่สูงขึ้นเรื่อยนะครับ หากจะให้เอ่ยบอกตามจริงแล้ว ระดับจักรพรรดินี่เป็นเพียงระดับกลางๆเท่านั้นนะ ส่วนสาเหตุที่โลกยูยาน มนุษย์สามารถฝึกฝนถึงขีดจำกัดได้แค่เพียงระดับจักรพรรดิเท่านั้นมันก็มีสาเหตุอยู่ ส่วนสาเหตุที่พระเอกทะลุจากระดับจักรพรรดิขึ้นไปได้ง่ายๆก็มีสาเหตุเหมือนกันครับ ตามพลอตเดิมตอนนี้เนื้อเรื่องเดินมาได้ประมาณ 50-65 เปอเซ็นเท่านั้น จริงๆกะไว้ว่า 500-650 ตอนจบ หวังว่านักอ่านทุกท่านจะติดตามผมจนจบไม่ทิ้งกันเนาะ คงไม่ถือว่าเป็นการสปอยนะครับ เหมือนจะพิมพ์ไว้ในต้นเรื่องแล้ว ระดับที่สูงขึ้นไปกว่าระดับจักรพรรดิยังมี ระดับราชันย์จักรพรรดิ ระดับปฐมแห่งเทพ ระดับเทพเจ้า << ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อของระดับพลังได้อีกตามความเหมาะสม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×