ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #294 : กฎแห่งความสมดุล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.01K
      293
      24 ธ.ค. 61


    หลังจากกลับเข้าห้องตรวจอ่านดูเอกสารรายงานที่พ่อบ้านโจเซพจัดทำสรุปมาให้จนเรียบร้อยดีแล้วกาเล็ทก็จัดการกับตนเองโดยการอาบน้ำชำระกายจนแล้วเสร็จ "อืมนี่กว่าสามชั่วโมงเข้าไปแล้วไม่ทราบว่าโซเฟียยังรอคอยเราอยู่หรือไม่" กาเล็ทนึกคิดอย่างหวั่นวิตกพร้อมกับคิดตำหนิตนเองที่ตรวจตราเอกสารจนเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าสามชั่วโมง กาเล็ทที่เปิดประตูออกมาจากห้องของตนเองหันซ้ายมองขวาผู้ตรวจดูว่ามีผู้ใดสังเกตุพบเห็นตนเองหรือไม่ อันที่จริงแล้วกาเล็ทย่อมสามารถที่จะก้าวเดินไปภายในปราสาทบุสโซ่ได้อย่างอิสระโดยไม่น่าสงสัยอันใด หากแต่ผู้คนยามที่กระทำสิ่งที่ไม่อาจบ่งบอกต่อผู้ใดก็เปรียบเสมือนวัวสันหลังหวะที่ต้องคอยระแวดระวังว่าจะมีสิ่งใดมากระทบถูกบาดแผลของตนเองอยู่ตลอดเวลา กาเล็ทในยามนี้ก็เป็นเช่นนั้น
    กาเล็ทค่อยๆพาร่างของตนเองเดินไปตามทางเดินเพื่อขึ้นไปสู่ชั้นที่สามของปราสาทบุสโซ่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งห้องนอนของโซเฟีย
    "ป..เป็นผู้ใด" เสียงอันคุ้นเคยตวาดเอ่ยถามไล่หลังของกาเล็ทมา
    กาเล็ทที่หันซ้ายมองขวาโดยเกรงว่าจะถูกผู้เป็นมารดาของตนเองพบเห็นเข้าสะดุ้งโหยงขึ้นคราหนึ่ง "มันมาอยู่ที่นี่ทำอะไร" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเอง ปากก็เอ่ยบอกกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "เป็นข้าเอง"
    แม้จะเอ่ยบอกกล่าวออกไปเช่นนั้นแต่น่าสังเวชสำหรับกับกาเล็ทที่ผู้ที่เอ่ยตวาดถามไล่หลังมานั้นกลับเป็นมาร์ตินหนึ่งในสี่ขุนพลของตนเองซึ่งมีปัญญาโง่ทึบ ประกอบกับน้ำเสียงที่กาเล็ทใช้เอ่ยตอบออกไปไม่คล้ายเหมือนกับตนเองในยามปกติทำให้มาร์ตินยังคงตวาดเอ่ยกล่าวไล่หลังมา "ที่ว่าเป็นข้าเองนั้นเป็นผู้ใดให้เผยตัวออกมา มากระทำลับๆล่อๆอยู่ในปราสาทบุสโซ่เช่นนี้ที่แท้แล้ว..." มาร์ตินที่เอ่ยกล่าวพร้อมทั้งด้าวเดินเข้าหาบุคคลต้องสงสัยได้แต่หยุดคำพูดของตนเองไว้แต่กลางคัน สาเหตุก็เพราะในยามนี้มันทราบแล้วว่าคำ "เป็นข้าเอง" นั้นหมายความว่าอย่างไร
    เมื่อเห็นว่าบุคคลซึ่งอยู่ที่เบื้องหน้าของตนเองคือนายต้องที่ตนเองเคารพรักเทิดทูนมาร์ตินก็เปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงที่ใช้ออกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที "เป็นนายน้อยเองหรือขอรับ ฮ่า ฮ่า ข้าก็นึกว่าเป็นผู้ใดมาทำลับๆล่อๆอยู่ภายในปราสาท" มาร์ตินหัวเราะฮ่าๆพร้อมทั้งยกมือของตนเองขึ้นมาลูบที่หลังศรีษะเอ่ยกล่าวออกมาหากแต่ผู้เป็นนายของมันอย่างกาเล็ทกลับไม่ได้หัวเราะตามมันไปด้วย
    "ว่าแต่นายน้อย.." มาร์ตินเอ่ยถามยังไม่ทันจบมันก็ถูกตวาดโดยคำ "ไสหัวไปของกาเล็ท" ถูกตวาดไล่เช่นนั้นมีหรือที่มาร์ตินจะกล้ารั้งอยู่ให้มากความอีก มันได้แต่หันหลังกลับพกความสงสัยใจของตนเองจากไปอย่างไม่เข้าใจว่าที่แท้แล้วมันกระทำสิ่งใดจนผิดพลาดและทำให้ผู้เป็นนายขุ่นข้องรำคาญใจ
    ขับไล่ขุนพลร่างใหญ่ของตนเองจากไปแล้วกาเล็ทก็หันหน้าออกเดินทางสู่ห้องพักของโซเฟียต่อทันทีหากแต่บัดนี้ท่าทางลับๆล่อๆหวาดเกรงซึ่งแสดงออกเมื่อครู่กลับมลายหายไปไม่หลงเหลืออยู่อีก
    ก๊อก ก๊อก "โซเฟียหลับแล้วหรือไม่" กาเล็ทเคาะประตูห้องซึ่งแกะสลักขึ้นมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างประณีต ขณะที่รอคอยคำตอบรับจากภายในห้องอย่างคาดหวัง
    ไม่นานเสียงคลายของกลอนเหล็กที่ปิดลอคประตูห้องอยู่ก็ดังขึ้นพร้อมกันนั้นประตูไม้ของห้องก็เปิดแง้มออก
    กลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาแตะเข้าที่จมูกของกาเล็ทในทันทีชวนให้กาเล็ทซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องต้องเลื่อนสายตาสำรวจตรวจมองดูโซเฟียซึ่งกำลังสวยใส่ชุดนอนบางเบาซึ่งเปิดประตูออกมาต้อนรับตนเอง กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอไปคำหนึ่ง "ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่"
    มีหรือที่โซเฟียซึ่งนับเวลารอคอยกาเล็ทอยู่ก่อนแล้วจะเอ่ยปฎิเสธได้ โซเฟียผงกศรีษะรับอย่างเอียงอาย
    ทันทีที่เคลื่อนตัวของตนเองย่างก้าวเข้ามาภายในห้องหับกาเล็ทก็รีบใช้พลังของตนเองบีบบังคับให้บานประตูที่เปิดอยู่ปิดลงในทันที เมื่อประตูถูกเคลื่อนปิดลงกาเล็ทก็รีบพุ่งทะยานเข้าหาโซเฟียจากทางด้านหลังโอนกอดร่างบอบบางของโซเฟียไว้จากทางด้านหลัง "น..เนื้อตัวของโซเฟียชั่งนุ่มนิ่มนัก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่โอบกอดร่างหอมกรุ่นนุ่มนิ่มของโซเฟียไว้
    โซเฟียทำได้แต่ผงกศรีษะอย่างเอียงอาย หากจะให้กล่าวไปแล้วนับเป็นเรื่องยากที่สตรีที่มีประสบการณ์โลดโผนผ่านเรื่องราวของชายหญิงเช่นนางจะแสดงความประหม่าเขินอายออกมาให้ได้เห็น หากแต่บัดนี้จิตใจของโซเฟียกลับเต้นแรงปานจะหลุดออกจากร่างพาให้สมองอื้ออึงไม่ทราบว่าตนเองต้องกระทำสิ่งใดต่อไปดี
    กาเล็ทซึ่งเห็นว่านางนิ่งเงียบก็ค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนมือของตนเองขึ้นบนทีละนิดจากนั้นจึงคว้าหมับเข้าให้ไปยังเนินภูเขาขนาดย่อมๆทั้งสองลูกบนร่างของนาง "อืม..เรากลับหื่นกระหายถึงเพียงนี้ โอ้วส่วนนี้ของนางชั่งนุ่มนิ่มนัก" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเอง บัดนี้ความใจกล้าหน้าด้านของกาเล็ทพุ่งทะยานถึงขีดสุดแล้ว
    "พวกเราไปสร้างความสนิทสนมกันต่อบนเตียง อืม ดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับโซเฟียที่ข้างหู แม้ว่าขณะที่เอ่ยกล่าวตัวของกาเล็ทเองก็เกิดความรู้สึกกระดากเขินอายอยู่ไม่น้อยหากแต่ตอนนี้ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปแล้ว
    โซเฟียได้แต่ผงกศรีษะรับคำและปล่อยให้กาเล็ทช้อนตัวโอบอุ้มร่างของนางไปนั่งลงบนตั่งเตียงอย่างว่าง่าย
    วางร่างเล็กในอ้อมแขนของตนเองลงไว้ยังตั่งเตียง กาเล็ทซึ่งเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมาก็ไม่ทราบว่าตนเองสมควรจะกระทำสิ่งใดเป็นสิ่งต่อไป หากจะให้กล่าวแล้วกาเล็ทนั้นจัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้มากไปด้วยความสามารถไม่ว่าจะเป็นด้านบุ๊นหรือบู๊หากแต่เมื่อกลายมาเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงเช่นนี้กาเล็ทกลับเปรียบเสมือนเด็กน้อยผู้หนึ่งซึ่งกำลังพึ่งจะหัดเดิน ขบคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งกาเล็ทพลันหย่อนก้นของตนเองนั่งลงที่ด้านข้างของโซเฟียจากนั้นจึงใช้แขนของตนเองโอบร่างของนางไว้จากนั้นมือข้างที่โอบร่างของโซเฟียอยู่ก็พลันค่อยๆขยับชอนไชเข้าไปในร่มผ้าบางเบาที่โซเฟียสวมใส่อยู่พร้อมกับเริ่มลูบคลำเนินเขาอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือที่ตนเองรู้สึกติดอกติดใจอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ตั้งชูชันดีดเด้งขึ้นมาภายใต้ร่มผ้าของโซเฟียซึ่งตนเองลูบคลำอยู่ความเป็นชายของกาเล็ทก็ถูกปลุกเร้าส่งผลให้ร่างกายท่อนล่างของกาเล็ทแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้
    ชั่ววินาทีต่อมากาเล็ทพลันต้องร้องอุทานออกมาภายในใจสาเหตุก็เพราะมีมือเล็กเรียวงามคู่หนึ่งคว้าหมับเข้าให้ในส่วนของความเป็นชายของตนเองไว้ มือเรียวเล็กนี้ย่อมเป็นของใครไปไม่ได้นอกเสียจากของโซเฟียเอง
    "ให้ . ให้โซเฟียปรนิบัติรับใช้กาเล็ท" โซเฟียที่ใบหน้าถูกย้อมจนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดก้มหน้าเอ่ยกล่าวออกมาอย่างเอียงอาย
    กาเล็ทได้รับฟังเช่นนั้นก็ผงกศรีษะรับอย่างว่าง่ายแทน
    ใช้มือของตนเองลูบไล้ไปมาอยู่ชั่วครู่หนึ่งจากนั้นโซเฟียจึงข่มกลั้นความขวยเขินของตนเองไว้และลุกขึ้นเพื่อช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากเนื้อตัวของกาเล็ท เผยให้เห็นกล้ามเนื้อสมส่วนเป็นมัดๆตามร่างกายของกาเล็ทซึ่งถูกฝึกฝนมาอย่างดี เมื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกาเล็ทออกจนหมดสิ้นแล้วนางพลันย่อกายคุกเข่าลงที่หน้าตั่งเตียงซึ่งกาเล็ทนั่งอยู่จากนั้นนางพลันใช้ออกด้วยกระบวนท่านวลนางบรรเลงขลุ่ย
    กาเล็ทร้องครางอย่างเป็นสุขออกมาคำหนึ่งปล่อยให้โซเฟียกระทำการปรนิบัตตนเองต่อไป
    เมื่อบรรเลงบทเพลงจนจบกระบวนเพลงแล้วโซเฟียก็ค่อยๆยันกายของตนเองลุกขึ้น นางเหลือบมองดูกาเล็ทวูบหนึ่งจากนั้นจึงค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองออกเผยให้เห็นเรือนร่างที่ขาวผ่องนวลเนียนเป็นยองใย หน้าอกอวบอิ่มปลายถันที่ชูชันตูมตั้ง
    กาเล็ทดวงตาเบิกกว้างมองดูเรือนร่างที่เข้ารูปสมส่วนชวนมองประหนึ่งหลุดออกมาจากเทพนิยายซึ่งเปลือยกายอยู่เบื้องหน้าของตนเองจากนั้นกาเล็ทที่นิ่งอึ้งตกตระลึงอยู่พลันสัมผัสได้ว่าร่างของตนเองถูกผลักให้ล้มลง
    โซเฟียกลับใช้ออกด้วยกระบวนท่านดรุณีควบอาชาแล้ว
    "โซเฟีย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวออกมาอย่างเป็นสุข
    หลายชั่วโมงผ่านไป กาเล็ทนอนโอบกอดร่างขาวผ่องของโซเฟียที่นอนซบกับแผ่นอกแข็งแกร่งของตนเองไว้อย่างอ่อนโยน "เหนื่อยอ่อนหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม
    โซเฟียผงกศรีษะรับ
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ก้มลงหอมไปที่ศรีษะของนางฟอดหนึ่ง "นอนหลับพักผ่อนสักหน่อยดีหรือไม่"
    โซเฟียที่ได้รับฟังเช่นนั้นก็แหงนหน้าขึ้นมามองดูใบหน้าของเหลาซึ่งกำลังส่งรอยยิ้มห่วงหามาให้กับตนเอง หากจะให้กล่าวแล้วค่ำคืนนี้กลับเป็นค่ำคืนที่ตัวนางนั้นมีความสุขที่สุดในชีวิต หลังจากได้รับการปรนิบัติรับใช้จากนางแล้วเขายังคงโอบกอดนางไว้อย่างห่วงหาแสดงออกถึงความรักเอ็นดูและความห่วงใยที่มีต่อนาง บัดนี้เขากระทำเสมือนว่านางนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งของเขาก็ไม่ปาน นี่เป็นสิ่งที่ตัวนางไม่เคยได้รับจากบรุษใดมาก่อน
    เห็นว่าร่างนุ่มนิ่มภายใต้อ้อมกอดของตนเองยังคงเงียบไม่เอ่ยกล่าววาจากาเล็ทก็เอ่ยถามอีก "เป็นไรแล้ว? เจ็บปวดตรงไหนหรือไม่ให้ข้าตรวจสอบดู" กาเล็ทเอ่ยกล่าวด้วยความเป็นห่วง
    โซเฟียพลันส่ายศรีษะออกมาเป็นคำตอบ "แม้จะรู้สึกเหนื่อยอ่อนและง่วงนอนเพียงไร โซเฟียยังไม่กล้าหลับ โซเฟียกลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะพบว่านี่เป็นเพียงความฝัน โซเฟียกลัวหรือเกิน"
    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของโซเฟียกาเล็ทก็ได้แต่ยิ้มขำพร้อมทั้งก้มลงจูบบนบนหน้าของนางครั้งหนึ่ง "ความฝันสามารถให้ความรู้สึกของการสัมผัสเช่นนี้หรือ?"
    โซเฟียส่ายศรีษะเป็นคำตอบ
    "นี่ไม่ใช่ความฝัน หากแต่เป็นความจริง ไม่ว่าโซเฟียจะนอนหลับและตื่นขึ้นมาอีกกี่ครั้งข้ากาเล็ทก็จะยังคงอยู่ตรงนี้ตลอดไปเพื่อคอยเป็นกำแพงคอยต้านลมฝนและเป็นที่พักพิงให้แก่โซเฟีย นี่เป็นคำสัญญาของข้า" กาเล็ทเอ่ยกล่ามพร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งของตนเองบีบไปที่จมูกของโซเฟียเบาๆ
    โซเฟียผงกศรีษะรับ
    "เช่นนั้นก็นอนหลับพักผ่อนเถอะ ร่างกายของโซเฟียนั้นไม่เหมือนกับข้า หากว่าอดหลับอดนอนเช่นนี้อาจเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นได้ ให้ข้าช่วยกล่อมโซเฟียเข้านอนดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    โซเฟียผงกศรีษะรับ
    โอบกอดกล่อมโซเฟียในอ้อมกอดจนม่อยหลับไปแล้วจากนั้นกาเล็ทจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนเพื่อจัดการกับตนเองเตรียมตัวจะออกจากห้องไป ขณะที่เร่งเร้าพลังเพื่อแปลงคุณสมบัติน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย กาเล็ทกลับสัมผัสได้ถึงพลังของตนเองที่เพิ่มพูนสูงขึ้นจนแทบจะอยู่ในขีดขั้นครึ่งก้าวสู่ระดับราชันย์จักรพรรดิแล้ว "นี่!!!" กาเล็ทนิ่งอึ้งกับตนเองไปครู่ใหญ่
    "เมื่อครั้งแรกที่มีความสัมพันธ์กับพวกนางเราคิดว่านึกไปเองเสียอีกว่าพลังของเราเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าประหลาด ที่แท้แล้วเราไม่ได้นึกไปเอง" กาเล็ทเร่งเร้าพลังสำรวจตนเองอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง จากนั้นกาเล็ทพลันนึกคิดถึงวิชานอกรีต สูบวิญญาณกลืนกินร่างที่จักรพรรดิจรัสแสงใช้ซึ่งเป็นการร่วมรักกับสตรีเพื่อดูดกลืนเอาพลังชีวิตของพวกนางไปเสริมพลังการฝึกฝนของตนเองให้เพิ่มสูงขึ้น "หรือนี่คือกฎแห่งความสมดุลของธรรมชาติอย่างหนึ่ง? สิ่งใดมากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ดี ดังเช่นบรุษและสตรี หากว่าไม่มีสัมพันธ์กันเลยก็ไม่ใช่เรื่องดีแต่หากว่ามีมากจนเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน?" กาเล็ทได้แต่พกพาความสงสัยใจนี้ออกจากห้องของโซเฟียไป


    ปล.เนื้อหาตอนนี้ลังเลใจมากว่าจะเขียนออกมายังไง สมควรจะเขียนถึงเนื้อหาทางเพศไหม ถ้าจะเขียนถึงควรเขียนถึงในแง่ไหนให้ออกมาไม่ลามกจนเกินไป ถ้าเนื้อหาตอนนี้ทำให้ใครรู้สึกไม่พอใจคิดว่ามันลามกไปก็ขออภัยด้วยครับ การมีสัมพันธ์กันระหว่างชายหญิงผมมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสุดท้ายแล้วเลยตัดสินใจเขียนออกมาแต่ก็ไม่อยากเขียนออกมาเยอะเกินไป ชื่อกระบวนท่านต่างๆก็คิดออกมาเองมั่วๆไม่ได้อิงอะไรมากถ้าผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะครับ ปล.2 กฎความสมดุลของธรรมชาติ ก็คือหยินและหยางที่เราจะได้ยินในหนังจีนบ่อยๆนั่นแหละ ซึ่งเป็นความเชื่อของลัทธิเต๋าซึ่งเชื่อว่าทุกสิงในธรรมชาติล้วนมีคู่กันเสมอ เช่นมีดีก็ต้องมีเลว มีขาวก็ต้องมีดำ ในที่นี้ที่ยกมาคือหญิงและชายซึ่งเป็นของคู่กันครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×