ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #254 : วิหคเพลิงร่ายรำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.37K
      361
      5 ต.ค. 61



    ร่างของอันดับสองแห่งพี่น้องวอลเรนที่ยึดจับปลายแส้ไว้อย่างสุดชีวิตหมายจะหยุดยั้งสกัดไม่ให้จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ใช้อาวุธคู่กายได้ถูกเหวี่ยงกระชากด้วยแรงที่มากกว่าให้หมุนวนไปกระแทกเข้ากับร่างของผู้เป็นน้องสามของมันที่ด้านข้างจนทำให้วงล้อมที่พวกมันห้าพี่น้องเสียกระบวนรวนเรไป แต่ถึงแม้ว่าร่างของตนเองจะถูกใช้ต่างลูกตุ้มเพื่อเหวี่ยงกระแทกเข้าใส่น้องสามของมัน อันดับสองแห่งตระกูลวอลเรนยังคงกัดฟันไม่ยอมปล่อยมือ

    ทางด้านซานซานนั้นแม้จะสามารถออกแรงเหวี่ยงร่างของอันดับสองแห่งตระกูลวอลเรนให้ลอยละลิ่วไปกระแทกเข้ากับพี่น้องของมันได้สำเร็จและทำให้มันทั้งสองได้รับบาดเจ็บแต่เมื่ออันดับสองแห่งตระกูลวอลเรนยังฝืนกัดฟันคว้าจับปลายแส้ของนางไว้ไม่ยอมปล่อยเช่นนี้ย่อมทำให้นางไม่สามารถที่จะเคลื่อนขยับบังคับแส้ของนางได้อย่างใจนึกดั่งเช่นเดิมนี่ย่อมทำให้อนุภาพของวิชาแส้ของนางลดลงไปกว่าครึ่ง จริงอยู่ว่ายุทธวิธีที่ห้าพี่น้องวอลเรนเลือกใช้ดูเป็นวิธีที่โง่เง่าสิ้นคิดหากแต่ว่าพวกมันนั้นมีกันถึงห้าคนดังนั้นแม้จะถูกทำให้เสียขบวนรวนเรไปสองคนพวกมันที่ล้อมกรอบจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้อยู่ก็ยังเหลืออยู่ถึงสาม

    เซเนียลที่เห็นว่าผู้เป็นน้องรองของตนเองเสี่ยงชีวิตเอาตัวเข้าแลกเพื่อเปิดโอกาสให้แก่ตนเองเช่นนี้ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียเปล่ามันส่งสัญญาณให้น้องสี่และห้าของมันพุ่งทะยานเข้าหาจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ทันทีโดนไม่เปิดโอกาสให้นางที่ออกแรงไปกับน้องรองและน้องสามของตนเองได้พักหายใจ

    ฟุบ ฟุบ ฟุบ เสียงของวัตถุพุ่งตัดผ่านอากาศทะยานเข้ามาหาเซเนียล อันดับสี่และอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรนที่พยายามเคลื่อนตัวเข้าประชิดหาจักรพรรดินีซานซานส่งผลให้อันดับสี่และอันดับห้าของพี่น้องวอลเรนต้องหยุดชงักร่างไว้เพื่อต้านรับการจู่โจมที่พุ่งทะยานเข้ามาแต่นั่นไม่ใช่กับเซเนียลที่เป็นถึงพี่ใหญ่แห่งตระกูลวอลเรน สำหรับกับเซเนียลแล้วการลอบจู่โจมนี้สำหรับกับมันไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ มันเพียงสบัดมือของมันออกไปครั้งหนึ่งจากนั้นหอกที่ถูกเสริมพลังและซัดขว้างเข้ามาหามันจากระยะไกลก็กระเด็นพ้นห่างไป

    หอกเสริมพลังทั้งสามนั้นย่อมถูกซัดขว้างมาโดยเหม่งอี้ลูกน้องคนสนิทของซานซานที่คอยเฝ้าระวังให้แก่ผู้เป็นนายอยู่ตามคำสั่ง

    "ปล่อยแส้" เซเนียลคำรามก้องขระที่ยื่นมือของตนเองออกไปฟันเข้าใส่ข้อมือของจักรพรรดินีซานซานเมื่อตัวมันสามารถฝ่าเข้าประชิดตัวของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้มาได้

    ซานซานเห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาวูบหนึ่ง "ข้าจะให้กองทัพของพวกเจ้าทวีปกลางต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เผาทำลายเมืองเป่ยอิงของข้า" เอ่ยกล่าวจอบซานซานก็เป็นฝ่ายที่ปล่อยแส้ในมือทิ้งไปเสียเอง "วิหคเพลิงร่ายรำ" จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาจากนั้นบรรยากาศรอบกายของนางพลันร้อยระอุขึ้นอย่างฉับพลัน

    ทางด้านเซเนียลที่กำลังอยู่ในท่วงท่าสภาวะฟันมือเปล่าเปลื่อยของตนเองเข้าใส่ข้อมือของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้นั้นรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่แปลกประหลาด มันรีบรั้งดึงสภาวะของตนเองกลับคืนจากนั้นจึงถอยกรูดกลับไปแต่กลางคัน

    ฟู่ววววว รอบกายของจักรพรรดินีซานซานพลันเกิดออร่าพลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาครอบคลุมร่างของนางไว้จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระแสพลังจิตวิญญาณก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นนกเพลิงขนาดกว่าสี่เมตรครอบคลุมร่างของจักรพรรดินีซานซานไว้โดยมีตัวของนางอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง กระแสอากาศรอบกายของนางพลันบิดเบี้ยวสั่นไหวเนื่องจากไอความร้อนที่ระเหยออกมาจากวิชาวิหคเพลิงของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้

    "น้องรอง น้องสาม น้องสี่ น้องห้า ระวัง กลับมารวมตัวอยู่ที่ด้านหลังข้า" เซเนียลส่งถ้อยคำผ่านข่ายพลังจิตวิญญาณเพื่อเรียกน้องๆของตนเองที่กระจายตัวอยู่ในกลับมา ในตอนนี้มันไม่มีเวลาที่จะกล่าวอธิบายให้มากความอีก มันนั้นรู้ดีว่าด้วยวิชาประหลาดที่จักรพรรดินีผู้นี้พึ่งแสดงออกมาแล้ว หากว่าตัวมันและน้องๆรับมืออย่างไม่ระมัดระวังเช่นนั้นพวกมันจะต้องจบลงด้วยความสูญเสียแน่นอน "นับว่าเราดูแคลนนางเกินไป ไม่นึกเลยว่าหลายปีที่ผ่านมานี้นางกลับสำเร็จวิชาเช่นนี้ได้" เซเนียลคิดกับตนเอง

    "เหม่งอี้เจ้าถอยกลับไปสมทบกับขบวนผู้อพยพก่อนหลังจากจัดการทางด้านนี้แล้วเสร็จข้าจะติดตามกลับไป" ซานซานเอ่ยสั่งการเหม่งอี้ลูกน้องของตนผ่านข่ายจิตวิญญาณ วิชาวิหคเพลิงร่ายรำของนางนั้นจะเป็นการผสานจิตวิญญาณไฟและลมเข้าด้วยกันและสร้างเป็นเกราะพลังรูปนกเพลิงขึ้นมาครอบคลุมร่างไว้ เปลวเพลิงที่ครอบคลุมร่างของนางอยู่นั้นหาใช่เปลวเพลิงทั่วไปหากแต่เป็นเปลวเพลิงที่ถูกเสริมเข้าไปด้วยคุณสมบัติลมจึงทำให้อุณหภูมิที่เกิดขึ้นจากเปลวเพลิงนี้มีความร้อนแรงกว่าเพลิงทั่วไปหลายเท่านี่จึงเป็นสาเหตุที่นางเลือกให้เหม่งอี้คอยสนับสนุนตนเองจากระยะไกลแต่นางเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะถูกต้อนให้ใช้วิชาลับนี้ออกมารวดเร็วถึงเพียงนี้

    "ขอรับท่านจักรพรรดินี" เหม่งอี้รับคำ เหม่งอี้นั้นมีความเชื่อมั่นต่อจักรพรรดินีของตนเองอย่างเต็มเปี่ยม ในยุคที่สตรีถูกตีค่าให้ด้อยกว่าบุรุษเช่นนี้จะมีสตรีสักกี่คนที่จะทะยานขึ้นฟ้ากลายเป็นหงส์เหนือมังกร และนางนั้นต้องเป็นสตรีเช่นใดกันถึงสามารถที่จะทำให้บุรุษยอมศิโรราบก้มหัวให้? คำตอบของคำถามนี้นั้นย่อมรวมอยู่ในตัวจักรพรรดินีซานซานแล้ว

    หลังจากลูกน้องของตนเองล่าถอยกลับไปซานซานก็หันกลับมาและกางแขนทั้งสองข้างของตนเองออกจากนั้นนกไฟซึ่งก่อเกิดจากพลังจิตวิญญาณของนางก็สยายปีกของมันออกและเคลื่อนที่พุ่งทะยานเข้าหาห้าพี่น้องวอลเรนที่ตอนนี้กลับไปรวมตัวกันอยู่

    "มาแล้ว" เซเนียลที่ผลัดจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับเอ่ยกับตนเอง "ส่งถ่ายพลังของพวกเจ้ามาให้กับข้า" เซเนียลสั่งการกับน้องๆของตนเอง

    ฟูมมมมมมมมม เสียงการปะทะของขุมพลังจิตวิญญาณสองขุมดังขึ้น ซานซานที่บังคับวิหคเพลิงของตนเองให้พุ่งทะยานเข้าไปหาเซเนียลอย่างดุดันพลันปะทะเข้ากับม่านพลังที่ห้าพี่น้องวอลเรนรวมพลังกันสร้างขึ้นโดยมีเซเนียลเป็นศูนย์กลาง

    "ร้ายกาจนัก ขนาดพวกเรารวมพลังกันถึงห้าคนยังเกือบที่จะต้านทานนางไว้ไม่อยู่" เซเนียลคิดกับตนเอง มันที่ชักนำพลังที่รวบรวมมาจากน้องๆของมันมาสร้างเป็นโล่พลังเพื่อหักล้างต้านทานกับการจู่โจมของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้กลับสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่ไม่สมควรจะผ่านม่านพลังของมันมาได้จึงทำให้มันอดที่จะรู้สึกชื่นชมสตรีตรงหน้าของมันผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ สตรีเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนยูยานซึ่งสามารถบรรลุพลังถึงระดับจักรพรรดิและขึ้นเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปได้ ขณะที่จิตใจของมันโอนอ่อนผ่อนคลายคงมันกลับสังเกตุเห็นถึงใบหน้าของจักรพรรดินีซานซานที่อยู่ภายในวิหคเพลิง "การจู่โจมเต็มกำลังของนางถูกเราสกัดหยุดไว้เหตุไฉนนางจึงได้แย้มยิ้ม?" คำถามนี้ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเซเนียล ไม่กี่วินาทีต่อมาเซเนียลก็ได้รับคำตอบ

    ซานซานย่อมไม่ใช่คนโง่ ต่อให้ตัวเองนั้นจะเชื่อมั่นในวิชาของตนเองมากเพียงไรนางยังไม่โง่พอที่จะฝืนปะทะหักล้างในเงื่อนไขที่ตนเองเสียเปรียบ อีกฝ่ายนั้นรวมพลังของระดับจักรพรรดิไว้ถึงห้าคนส่วนตนเองนั้นมีเพียงลำพัง นางนั้นรู้แต่แรกแล้วว่าตนเองนั้นยากที่จะทำร้ายหมายชีวิตของพี่น้องวอลเรนได้หากไม่มีขุนพลคู่ใจทั้งสองร่วมรบด้วย เป้าหมายที่แท้จริงของนางหาใช่ห้าพี่น้องวอลเรนหากแต่เป็นบวนเรือเหาะของทวีปกลางที่ลอยลำอยู่เบื้องหลังของพวกมันดังนั้นเมื่อลวงหลอกให้ห้าพี่น้องวอลเรนทุ่มสมาธิร่วมกันสร้างม่านพลังป้องกันอย่างยากลำบากขึ้นมาได้สำเร็จนางก็บังคับวิหคเพลิงให้โผบินขึ้นพุ่งทะยานเข้าหากองเรือเหาะของทวีปกลาง

    "ระวัง รีบเร่งเปิดกางม่านพลัง" เซเนียลเอ่ยเสียงร้องเตือนแต่ก็นับว่าช้าไปเสียแล้ว เรือเหาะหนึ่งลำที่อยู่ใกล้สุดถูกวิหคเพลิงที่มีซานซานบังคับอยู่พุ่งทะลวงเข้าใส่จนแตกระเบิดออก หากให้กล่าวแล้วเรือเหาะห้ารำแรกที่ถูกซานซานใช้แส้หวดทำรายเหนือเมืองเป่ยอิง แม้ว่าตัวเรือเหาะจะถูกทำให้ระเบิดตกลงแต่ว่าผู้คนภายในเรือเหาะยังมีหนีรอดออกมาให้ได้เห็นบ้างแต่ว่าเรือเหาะลำที่ถูกวิหคเพลิงพลุ่งเข้าใส่และแตกระเบิดออกกลับไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลยแม้สักคนเดียว ผู้คนภายในเรือเหาะลำนั้นต่างถูกเผาให้มอดไหม้ไปพร้อมกับเรือเหาะ

    วึ่ง วึ่ง วึ่ง วึ่ง เสียงของม่านพลังจากเรือเหาะของทวีปกลางต่างทยอยดังขึ้น เมื่อเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมรบที่อยู่ตรงหน้าแล้วยังจะมีผู้ใดกล้ารีรอชักช้าอีก?

    "คิดว่าม่านพลังเพียงนั้นสามารถป้องกันวิหคเพลิงของข้าได้หรือ" ซานซานคิดกับตนเองจากนั้นจึงพุ่งทะยานเข้าหาเรือเหาะลำต่อไป

    เพล้ง ม่านพลังที่ครอบคลุมอยู่รอบนอกของเรือเหาะแตกละเอียดออกทันทีจากนั้นเรือเหาะลำนั้นก็พบกับชะตากรรมไม่ต่างกับเรือเหาะลำแรก

    หลังจากโผบินพุ่งเข้าทำลายเรือเหาะได้อีกสองลำซานซานก็ตัดสินใจที่จะเร้นกายล่าถอยไปปล่อยให้ห้าพี่น้องวอลเรนที่พึ่งจะคลี่คลายสลายม่านพลังและติดตามมาควานหาตนเองในกองคาราวานเรือเหาะ กว่าที่พวกมันจะรู้ตัวนางก็คงจากไปไกลแล้ว แม้ดูเหมือนว่านางจะสามารถทำลายเรือเหาะของทวีปกลางได้อย่างไม่ยากเย็นแต่ความจริงหาได้ง่ายดายเช่นนั้น พลังจิตวิญญาณก็เปรียบเสมือนเรี่ยวแรงของผู้คน ยิ่งใช้ออกอย่างต่อเนื่องมากเท่าไรก็จะทำให้อ่อนแรงลงเท่านั้น เช่นเดียวกับพลังจิตวิญญาณ ยิ่งใช้ออกมากเท่าไรระดับพลังก็จะยิ่งถดถอยลดลง การที่นางใช้พลังของตนเองเข้าบดขยี้ทำลายเรือเหาะย่อมทำให้นางนั้นสูญเสียพลังไปไม่น้อยโดยเฉพาะกับเรือเหาะที่กางม่านพลังไว้ จริงอยู่ว่านางอาจจะใช้โอกาสนี้ทะยานเข้าทำลายเรือเหาะของทวีปกลางให้มากกว่าที่เป็นอยู่แต่หลังจากนั้นเล่า? ตัวนางเพียงลำพังย่อมไม่สามารถที่จะทำลายเรือเหาะกว่าห้าสิบลำของทวีปกลางได้หมดสิ้น ต่อให้ทำได้เรี่ยวแรงของนางจะหลงเหลืออยู่สักเท่าไร? อีกทั้งนางก็หาได้มีเวลามากนัก ยิ่งนางรั้งอยู่นานเท่าใดความเสี่ยงของตัวนางก็จะยิ่งเพิ่มพูนสูงขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้เป้าหมายของตัวนางนั้นซึ่งคือการอพยพผู้คนจากเมืองเป่ยอิงถือว่าเสร็จสิ้นแล้วหากจะให้รั้งอยู่สู้ในศึกที่เสียเปรียบมิสู้ถอยกลับไปรวมพลรอคอยกำลังเสริมแล้วค่อยสู้รบแตกหักกับทวีปกลางก็ยังไม่สาย

    "พี่ใหญ่ นางหนีไปแล้ว" ลำดับสองเอ่ยกับเซเนียลที่หันมองไปยังทิศทางซึ่งคาดว่าจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้จากไปอยู่

    "หากไม่มีความสามารถอย่างแท้จริง สตรีผู้หนึ่งคงไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปได้" เซเนียลเอ่ย น้ำเสียงของมันนั้นแสดงออกถึงการยอมรับนับถืออย่างแท้จริง

    "พี่ใหญ่ด้วยวิชานั้นของนางเกรงว่าคงเป็นไปได้ยากที่พวกเราจะสามารถจับกุมตัวนางได้สำเร็จ" ลำดับสามเอ่ยขึ้นมา

    "ไม่วิชาใดล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน วิหคเพลิงของนางนั้นนับว่าร้ายกาจจริงแต่พวกเจ้าคิดว่าวิชาที่ร้ายกาจถึงเพียงนั้นต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงเพียงไรถึงจะสามารถใช้ออกได้ ข้าคิดว่านางคงไม่สามารถคงสภาวะของวิหคเพลิงไว้ได้เป็นเวลานานแน่" เอ่ยกล่าวถึงจุดนี้เซเเนียลก็ถอนหายใจออกมา "แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเกรงว่าลำพังแค่พวกเราคงเป็นไปได้ยากที่จับกุมตัวนางโดยไม่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บได้"

    "พี่ใหญ่หมายความว่า.."

    เซเนียลผงกหัวเป็นเชิงให้คำตอบ "คงต้องรอการมาถึงของจักรพรรดิออก้าและลงมือทำตามแผนที่ตระเตรียมไว้ตั้งแต่แรก"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×