ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #255 : ต่างคิดเผด็จศึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.24K
      313
      5 ต.ค. 61

    ตลอดระยะเวลาหนึ่งวันที่ผ่านมาห้าพี่น้องวอลเรนก็ไม่ได้ปล่อยให้จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้สบายนักก แม้พวกมันจะรู้ว่าด้วยกำลังของตนเองแล้วคงยากที่จะจับตัวจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ได้แต่ว่าพวกมันยังคงติดตามมาต่อสู้พัวพันกับจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้อยู่หลายครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อริดรอนกำลังของนางให้อ่อนแอลง

    "นับว่าจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ไม่ได้มีแต่ชื่อจริง ขนาดพวกเราห้าพี่น้องติดตามนางมาตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมาเพื่อบีบคั้นนาง ไม่นึกเลยว่ายังไม่สามารถทำสิ่งใดกับนางได้" ลำดับสามแห่งห้าพี่น้องวอลเรนเอ่ย

    "มิน่าเล่าท่านจักรพรรดิจรัสแสงถึงให้ความสนใจต่อนาง นางคงเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่นับว่าคู่ควรต่อท่านจักรพรรดิจรัสแสง" ลำดับสี่แห่งห้าพี่น้องวอลเรนเอ่ยแสดงความเห็น

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของเหล่าน้องๆเซเนียลก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมา หากให้เอ่ยกล่าวตามจริงแล้วตลอดระเวลาสองวันที่ผ่านมาซึ่งมันได้ทำเปิดศึกต่อสู้กับจักรพรรดินีซานซานทำให้มันนั้นเกิดความรู้สึกยอมรับนับถือในตัวของจักรพรรดินีผู้นี้ไม่น้อย ตัวมันที่รู้อยู่เต็มอกถึงจุดประสงค์ของผู้เป็นนายจึงได้แต่แอบถอนหายใจที่ในไม่ช้าก็เร็ว สตรีดีงามซึ่งมากไปด้วยความสามารถนางนี้จะต้องถูกทำลายลง ถูกทำให้เป็นเหมือนกับสตรีพวกนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ นาทีนี้ยังจะมีผู้ใดในใต้หล้านี้ที่จะสามารถหยุดยั้งทวีปกลาง หยุดยั้งจักรพรรดิจรัสแสงนายของตนได้อีก "อย่าได้เอ่ยกล่าวให้มากความ ยิ่งพวกเราเกิดความรู้สึกที่ดีต่อนางมากเท่าใดก็ยิ่งจะทำให้เกิดความลำบากใจมากขึ้นเท่านั้น นี่ไม่เป็นผลดีต่อภารกิจของเรา" เซเนียลเอ่ยเตือนเหล่าน้องๆของมัน การต่อสู้ครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นนี้จะไม่ใช่การละเล่นแมวจับหนูอีกต่อไป การต่อสู้ครั้งต่อไปจะเป็นการชี้วัดว่ามันจะสามารถจับกุมตัวของจักรพรรดินีซานซานได้หรือไม่ บัดนี้จักรพรรดินีซานซานไม่มีที่ให้ถอยหนีได้อีกเนื่องจากนางได้คุ้มกันขบวนผู้อพยพจากเมืองเป่ยอิงมาถึงเมืองอี้ผิงเรียบร้อยแล้ว

    ในขณะที่ห้าพี่น้องวอลเรนคิดจะเผด็จศึกจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ในการปะทะกันครั้งต่อไป ซานซานจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เองก็คิดไม่ต่างกัน เนื่องจากนางได้พาผู้อพยพถอยมาถึงเมืองอี้ผิงซึ่งเป็นเมืองขนาดกลางและมีทหารของทวีปใต้ประจำการอยู่อีกทั้งกำลังเสริมที่เนี่ยเฟยลูกน้องคนสนิทของนางอีกผู้หนึ่งรวบรวมมาก็ได้เดินทางมาสมทบถึงเมืองอี้ผิงแล้วแต่เพราะต้องรวบรวมจัดหากำลังพลอย่างฉุกละหุกจึงทำให้กำลังเสริมที่เนี่ยเฟยรวบรวมมานั้นมีเพียงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับกำลังรบของทวีปกลาง นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ซานซานตัดสินใจที่จะต่อสู้แตกหักกับทวีปกลางที่เมื่องอี้ผิงเท่านั้นส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้นางคิดจะเผด็จศึกห้าพี่น้องวอลเรนที่นี่ก็เพราะนางได้รับข่าว ข่าวซึ่งเป็นข่าวดี นั่นคือจักรพรรดินีออก้าแห่งทวีปตะวันตกพร้อมกับขุนพลคู่ใจทั้งสองได้เดินทางมาถึงทวีปใต้แล้ว ด้วยกำลังของตัวนาง เหม่งอี้ เนี่ยเฟย ประกอบเข้ากับจักรพรรดิออกก้าและสองขุนพลของเขาแล้ว ซานซานมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการสังหารห้าพี่น้องวอลเรนแห่งทวีปกลางได้ไม่ยาก เมื่อเป็นเช่นนั้นกำลังรบที่แตกต่างกันมากถึงสามเท่าย่อมไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หากปราศจากห้าพี่น้องวอลเรนแล้วกำลังรบที่เหลืออยู่ของทวีปกลางก็จะเปรียบเสมือนมังกรที่ไร้หัวรอวันถูกทำลายล้างเท่านั้น

    "ทางทวีปเหนือเป็นเช่นไรบ้าง" ซานซานหันไปเอ่ยถามเนี่ยเฟยลูกน้องคนสนิทอีกผู้หนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาสมทบที่เมืองอี้ผิง

    "เรียนท่านจักรพรรดินี เนื่องจากผู้คนที่เราส่งออกเดินทางไปไม่ได้ติดต่อกลับมาแม้สักคนเดียว เกรงว่าคงถูกกำลังคนที่ทวีปกลางวางไว้พบเห็นเข้า" เนี่ยเฟยเอ่ยรายงาน

    ซานซานได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบขบคิดอยู่กับตนเองสักพัก "ยังดีที่ผู้คนที่เราส่งไปขอความช่วยเหลือจากทวีปตะวันตกสามารถเล็ดลอดจากการตรวจจับของทวีปกลางไปส่งข่าวต่อท่านจักรพรรดิิิออก้าได้สำเร็จ เมื่อใดที่ท่านจักรพรรดิออก้าเดินทางมาถึงเมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่ทัพของทวีปกลางต้องพินาศย่อยยับลง" เอ่ยกล่าวจบจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ก็เว้นช่วงไปชักพักสุดท้ายแล้วนางยังคงเอ่ยถามออกมา "ทางทวีปตะวันออกเป็นเช่นไร ทวีปกลางได้วางกำลังป้องกันไว้หรือไม่?"

    "ทวีปกลางได้วางกำลังป้องกันพวกเราไว้ทุกทางแม้แต่ทางด้านทวีปตะวันออกก็มีผู้คนของทวีปกลางเฝ้าระวังอยู่ขอรับ" เนี่ยเฟยเอ่ยรายงาน

    ขณะที่ซานซานและเนียเฟยกำลังพูดคุยกันอยู่เหม่งอี้ก็ก้าวเดินเข้ามารายงาน "เรียนท่านจักรพรรดินี กองเรือเหาะของทวีปกลางมีความเคลื่อนไหวขอรับ"

    ได้ยินเช่นนั้นซานซานก็แค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง "พวกมันคงรับรู้ได้ว่าเวลาของตนเองใกล้หมดลงแล้ว เหม่งอี้ เนี่ยเฟย พวกเจ้าทั้งสองติดตามข้าออกไปเล่นกับผู้คนของทวีปกลางสักหน่อยเถอะ"

    ซานซานและสองขุนพลเหม่งอี้ เนี่ยเฟยที่เดินทางออกจากเมืองอี้ผิงมารับหน้ากับห้าพี่น้องวอลเรนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อง สาเหตุก็เพราะห้าพี่น้องวอลเรนที่เบื้องหน้าของนางนั้นกลับหลงเหลืออยู่เพียงสามคนเท่านั้น

    "ได้ต่อสู้กันหลายครั้งในสองวันที่ผ่านมาทำให้ข้าอดที่จะเกิดความรู้สึกนับถือในความพยายามย่อท้อของพวกเจ้าทวีปกลางไม่ได้" ซานซานทำทีเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับเซเนียล ส่วนอีกทางหนึ่งนางก็ลอบกางข่ายพลังจิตวิญญาณของนางให้ขยายใหญ่ออกไปเพื่อตรวจสอบ

    "แม้พวกเราจะเป็นศัตรูกันแต่ข้าเองก็เกิดความรู้สึกนับถือเลื่อมใส่ท่านจักรพรรดินีไม่น้อยเช่นกัน สองวันที่ผ่านมานี้ท่านจักรพรรดินีได้สอนบทอเรียนให้ข้าได้เรียนรู้ไม่น้อย" เซเนียลค้อมตัวลงเอ่ย บทเรียนที่มันหมายถึงนี้ย่อมหมายถึงการที่ซานซานใช้กลอุบายปลีกตัวไปทำลายกองเรือเหาะของตนเองจนปั่นป่วนวุ่นวาย ด้วยบทเรียนในครั้งนั้นบัดนี้มันจึงให้ขบวนเรือเหาะของตนเองลอยลำคอยท่ารอรับคำสั่งอยู่ห่างๆ

    แม้ภายนอกของซานซานบัดนี้จะดูยิ้มแย้มไม่นำพาต่อเรื่องราวหากแต่ภายในกลับเกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้น สาเหตุก็เพราะนางไม่อาจที่จะควานหาตรวจจับสองในห้าพี่น้องวอลเรนซึ่งยังไม่ปรากฎตัวได้ว่าบัดนี้หายตัวไปอยู่ ณ ที่ใด "เหม่งอี้ เนี่ยเฟยอย่าได้ประมาท" จักรพรรดินีซานซานเอ่ยเตือนลูกน้องคนสนิททั้งสอง

    พรึบ ออร่าพลังสีส้มก่อเกิดสร้างรูปขึ้นมาครอบคลุมร่างของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เพื่อเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้ปะทะห้ำหั่นกับเซเนียล ถึงแม้ว่าในจิตในของนางจะยังเกิดความรู้สึกกังวลอยู่เต็มอกถึงสองในห้าของพี่น้องวอลเรนที่ไม่ทราบว่าบัดนี้หายตัวไปอยู่ ณ ที่ใด หากแต่ที่เบื้องหน้าคือศึกที่ไม่อาจเลี่ยง ขอเพียงนางระวังป้องกันไว้ไม่ประมาทนางเชื่อว่าตนเองจะสามารถรับมือกับเหตุแปรเปลี่ยนได้ทุกรูปแบบ ซานซานรวบรวมพลังของตนเองพุ่งเข้าจู่โจมใส่เซเนียล วิหคเพลิงซึ่งก่อเกิดจากพลังจิตวิญญาณเข้มข้นของนางแผ่ขยายปีกปลดปล่อยไอความร้อนยิ่งยวดออกมาขณะที่ทะยานเข้าใส่เซเนียลที่เบื้องหน้า ส่วนเหม่งอี้และเนี่ยเฟยก็แยกย้ายกันเข้าจับคู่ต่อสู้กับลำดับสองและลำดับสามแห่งพี่น้องวอลเรนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง

    ทางด้านเซเนียลนั้นก็ฉลาดพอที่จะไม่ปะทะหักหาญกับจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ มันทราบดี ทราบดีตั้งแต่แรกว่าในท้ายที่สุดของศึกนี้จะจบลงเช่นไร ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนมาถึงบัดนี้ล้วนอยู่ในการคาดเดาของมัน ขอเพียงมันดึงรั้งลากถ่วงจักรพรรดินีผู้นี้ไว้ได้จนกว่าจักรพรรดิออก้ามาถึงก็จะเป็นชัยชนะของพวกมัน เซเนียลเคลื่อนหลบหลีกการพุ่งทะยานเข้าใส่ของซานซานไปได้อย่างเฉียดฉิว แม้จะหลบเลี่ยงการปะทะโดยตรงไปได้หากแต่ตัวมันยังรับรู้ได้ถึงไอความร้อนที่แผดพุ่งเข้ามาปะทะใส่ร่าง "เช่นนี้ไม่ดีแน่ น้องรองและน้องสามกำลังต่อสู้พัวพันอยู่ น้องสี่กับน้องห้าก็แอบซุ่มหาโอกาส เมื่อปราศจากกำลังสนับสนุนจากพวกมันหากไม่ระมัดระวังเราอาจจะพลาดพลั้งเสียทีให้กับนางได้" เซเนียลตัดสินใจกับตนเอง วูบ เกิดแสงเรืองรองขึ้นรอบกายของเซเนียลจากนั้นก็ปรากฎโล่ใหญ่ยักษ์ขึ้นมาที่มือข้างหนึ่งของเซเนียล บัดนี้มันตัดสินใจที่จะไม่เก็บงำพลังของตนเองไว้อีก ศัตรูที่เบื้องหน้าของมันนั้นร้ายกาจเกินไป หากมันยังคงเก็บซ่อนพลังไว้ก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้ทุกเมื่อ

    เห็นเช่นนั้นใบหน้าของซานซานก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้น สำหรับกับนางหากเซเนียลเลือกที่จะหลบเลี่ยงหลีกหนีการปะทะต่อไปยังจะเป็นการตัดสินใจที่สร้างความยุ่งยากให้กับนางยิ่งกว่าแต่เมื่อมันนำโล่ขนาดใหญ่เช่นนี้ออกมามิใช่จะเป็นการลดความคล่องแคล่วของตนเองลงหรอกหรือ? คิดได้ดังนั้นซานซานที่พึ่งจะพุ่งทะยานพานเซเนียลไปก็พลิกตัวกลับมา วิหคเพลิงลอยตัวและแผ่ขยายปีกออกไปอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ซานซานหาได้บังคับร่างของพุ่งทะยานจู่โจมเข้าใส่เซเนียล

    เซเนียลที่สัมผัสรับรู้ได้ถึงอันตรายยิ่งยวดดวงตาเบิกโพลงขึ้นด้วยความแตกตื่นตกใจ เซเนียลอัดพลังจิตวิญญาณของตนเองทั้งหมดไปไว้ยังโล่ใหญ่ยักษ์ในมือของมันทันทีจากนั้นจึงยกชูโล่ขึ้นมาบดบังร่างของตนเองไว้

    เสี้ยววินาทีต่อมาวิหคเพลิงซึ่งคลอบคลุมร่างของซานซานอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพลังงานความร้อนพุ่งเข้าจู่โจมใส่เซเนียลอย่างเฉียบพลัน

    ลำแสงความร้อนมหาศาลพุ่งเข้าปะทะใส่เซเนียลที่ยกโล่ขึ้นมาต้านทานไว้

    แซดดดดดด เสียงเหมือนบางสิ่งบางอย่างกำลังถูกเผาไหม้อยู่ดังระงมไปทั่ว ร่างของเซเนียลที่ยกโล่ขึ้นต้านรับลำแสงความร้อนอยู่ถึงกลับมีควันพวยพุ่งออกมา แม้ตัวของมันจะหลบอยู่หลังโล่ใหญ่หากแต่ผิวทั่วร่างของมันยังคงรู้สึกแสบร้อน "บัดซบไม่นึกเลยว่านางจะทำเช่นนี้ได้" เซเนียลกัดฟันกรอดขณะที่ทุ่มพลังของตนเองทั้งหมดไปยังโล่ที่อยู่ในมือ ด้วยตัวมันรู้ดีว่าหากตนเองผ่อนปลนพลังลงและโล่ในมือไม่อาจจะต้านรับลำแสงความร้อนนี้ของศัตรูได้นั่นย่อมหมายความถึงชีวิตมันที่จะต้องถูกแผดเผาทำลายสิ้นไปด้วย การจู่โจมที่รุนแรงนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของมันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งมันไม่นึกฝันว่าจักรพรรดินีซานซานจะทุ่มพลังมากมายถึงเพียงนี้เพื่อจู่โจมใส่มัน

    วิหคเพลิงที่ครอบคลุมร่างของจักรพรรดินีซานซานอยู่ค่อยๆสลายหายไป การต่อสู้หลายครั้งที่ผ่านมานั้นนางอยู่ในสถานะการที่เสียเปรียบมาตลอดหากแต่ครั้งนี้เมื่อนางพบว่าห้าพี่น้องวอลเรนเหลืออยู่เพียงสามอีกทั้งนางยังมีลูกน้องคนสนิททั้งสองเข้าร่วมรบด้วยนางจึงเลือกที่จะเดินหมากสำคัญที่ศัตรูไม่คาดคิด การจู่โจมด้วยลำแสงความร้อนนี้เป็นไพ่ลับของนาง พลังจิตวิญญาณที่นางรวบรวมก่อร่างสร้างขึ้นเป็นวิหคเพลิงจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงความร้อนพุ่งเข้าแผดเผาทำลายศัตรูอย่างเฉียบพลัน ขอเพียงนางสามารถสังหารเซเนียลลงได้นางเชื่อว่าพี่น้องวอลเรนที่เหลืออีกสี่คนจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เช่นนั้นจะยังมีโอกาสใดเหมาะที่จะสังหารเซเนียลเท่ากับโอกาสนี้ที่นางได้เผชิญหน้ากับมันด้วยการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้อีก ตัดสินใจได้ดังนั้นนางก็กัดฟันส่งพลังที่หลงเหลืออยู่ของวิหคเพลิงทั้งหมดให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อแผดเผาใส่เซเนียลที่ตั้งโล่ต้านรับลำแสงอยู่

    "พี่ใหญ่" ลำดับสองและลำดับสามของพี่น้องวอลเรนต่างเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ใหญ่ของตนเองออกมาอย่างเป็นห่วงเมื่อสังเกตุเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้น

    ทางด้านเหม่งอี้และเนี่ยเฟยที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียเปล่าไป ทั้งสองเข้าประชิดลำดับสองและลำดับสามของพี่น้องวอลเรนทันทีเพื่อต่อสู้พัวพันดึงพวกมันไว้ไม่ให้มีโอกาสปลีกตัวไปช่วยเหลือรวมพลังกับผู้เป็นพี่ใหญ่ของพวกมันได้

    ซ่าาาาาาาา หลังจากลำแสงความร้อนมหาศาลสลายหายไป ร่างของเซเนียลที่ถือโล่ใหญ่อยู่ถึงกับหอบหายใจอย่างถี่ยิบ หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าทั่วร่างของมันนั้นมีควันพวยพุ่งออกมาจากผิวหนังที่ถูกเผาไหม ผิวหนังบางส่วนของมันนั้นถึงกับหลุดลอกออกจากร่าง โล่ใหญ่ในมือที่เคยเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสก็บิดเบี้ยวผิดรูปร่างไป

    "ไม่นึกเลยว่าเราทุ่มพลังมากมายถึงเพียงนั้นแต่ยังไม่อาจสังหารมัน" ทางด้านซานซานเองที่เป็นฝ่ายจู่โจมก็ต้องพักหายใจเช่นกัน

    หากมิใช่ว่าเซเนียลนั้นเป็นระดับจักรพรรดิที่มีจุดเด่นด้านความสามารถในการป้องกันแล้วล่ะก็บัดนี้ร่างของมันคงต้องสูญสลายถูกเผาเป็นเถ้าถ่านด้วยการจู่โจมของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ไปแล้วแน่นอน

    เซเนียลรู้ดีว่าตนเองได้ข้ามผ่านสะพานอันตรายมาได้แล้ว การจู่โจมที่จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้พึ่งจะใช้ออกใส่ตนเองนั้นไม่ใช่การจู่โจมที่จะใช้ได้บ่อยครั้ง มันเหลือบตาขึ้นมองไปยังจักรพรรดินีซานซานวูบหนึ่ง จากนั้นมันจึงยกมือข้างหนึ่งของมันขึ้นเสมือนว่าต้องการจะส่งสัญญาณบางอย่างออกไป

    เหนือท้องฟ้าขึ้นไปกว่าสองกิโลเมตร ลำดับสี่และลำดับห้าของพี่น้องวอลเรนซึ่งแอบซ่อนพรางตัวอยู่กัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้น "พวกมันต้องชดใช้ที่ทำกับพี่ใหญ่เช่นนั้น ชดใช้ด้วยชีวิต" ลำดับห้าซึ่งกำลังถือหอกพลังในมืออยู่เอ่ยออกมาอย่างโกรธแค้น หอกพลังในมือของมันนี้มีพลังมหาศาลและทรงพลังเพียงพอที่จะสังหารระดับจักรพรรดิได้ไม่ยาก












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×