ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #170 : ขจัดสิ่งที่ค้างคา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.02K
      463
      9 ก.พ. 61





    อาร์มันโด้และดีอ้อนกำลังยืนรอกาเล็ทอย่างใจจดใจจ่ออยู่ภายในห้องทำงานของกาเล็ท พวกมันทั้งสองต่างรู้สึกสงสัยใจว่าในวันนี้เหตุใดนายใหม่ของพวกมันจึงได้เรียกให้พวกมันเข้าพบกัน? ตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมกับตระกูลบุสโซ่กว่าสองเดือน จะกล่าวไปแล้วตัวของพวกมันกลับไม่ได้มีการมีงานทำเป็นหลักแหล่งเสมือนกับคนอื่นในตระกูลบุสโซ่ หน้าที่หลักที่มันได้รับมอบหมายนั่นคือการดูแลความปลอดภัยของนีน่า แต่แล้วนายหญิงใหญ่ผู้นี้ของมันกลับไม่ค่อยได้เดินทางออกไปไหนเสียเท่าไหร่ นานๆครั้งที่นายหญิงใหญ่ของพวกมันจะออกเดินทางเข้าไปสู่เมืองหลวงของโรฮานหรือออกไปเดินเล่นยังเขตหมู่บ้านบุสโซ่ก็จะมีคุณหนูมิร่าติดตามไปด้วยทุกครั้งดังนั้นจึงยังไม่ถึงรอบของพวกมันที่จะได้ออกหน้าเสียที ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสองเดือนกว่านี้ทำให้พวกมันกลับกลายเป็นขุนพลที่อยู่ว่างกินเงินเดือนของตระกูลบุสโซ่เปล่าไป

    ทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนรอคอยไม่นานสุดท้ายแล้วกาเล็ทก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงาน "นั่งเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกับทั้งสองที่ผุดลุกยืนขึ้นทันทีเมื่อตนเองปรากฎตัวเข้ามาในห้อง

    "นายน้อยท่านเรียกพวกเราสองคนมาด้วยเรื่องใดหรือขอรับ"

    "เพียงแต่จะแจ้งให้พวกเจ้าทั้งสองเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็เท่านั้น" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "เตรียมตัว?" อาร์มันโด้เอ่ยถาม

    "ใช่ อีกสองวันข้าจะนำพวกเจ้าเดินทางไปยังไออ้อน การไปครั้งนี้จะมีครอบครัวของข้าร่วมทางไปด้วย" กาเล็ทเอ่ย

    "ไป...ไปไอออน ไม่ทราบว่านายน้อยจะเดินทางไปไอออนด้วยจุดประสงค์ใดหรือขอรับ" ดีอ้อนอดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้

    "ข้าจะพาคู่หมั้นทั้งสามกับท่านแม่ออกท่องเที่ยวสักหน่อย พวกเจ้าเองก็นับว่าเป็นคนของไอออนย่อมต้อรู้ดีว่าที่ไอออนมีสถานที่ใดซึ่งดูงดงามและน่าเที่ยวชมดูกว่าพวกข้าที่เป็นชาวโรฮาน" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ททั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกผิดหวังออกมา

    "การไปยังไอออนเพื่อท่องเที่ยวก็นับเป็นเรื่องหนึ่ง หากว่าเจ้ายังจำได้เมื่อครั้งที่เบลล่าคู่หมั้นของข้ายังต้องเป็นตัวประกันอยู่ที่ไอออน ในยามนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับกับนางอย่างมากเรื่องนี้พวกเจ้าน่าจะทราบดียิ่งกว่าใคร การกลับไปยังไอออนครั้งนี้ข้าต้องการให้นางกลับไปอย่างสมเกียรติและจะได้ถือเอาโอกาสนี้ทำให้ชาวไอออนรู้ว่าชาติกำเนิดหาใช่ตัวชี้วัดความสูงต่ำของผู้คนเรื่องนี้พวกเจ้าทั้งสองเองก็คงไม่มีปัญหากระมัง?" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งจ้องมองไปยังอาร์มันโด้และดีอ้อนเพื่อดูปฎิกริยาของทั้งสอง

    "ม..ไม่ขอรับนายน้อย" ทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนเอ่ยตอบ ในตอนนี้พวกมันต่างมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาในจิตใจ ตัวของพวกมันทั้งสองเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ปฎิบัติกับเบลล่าด้วยท่าทีแข็งกร้าวเมื่อครั้งนั้น

    "ดี จะได้ถือเอาโอกาสนี้จัดการเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ของพวกเจ้าให้เสร็จสิ้นไปเสียที พวกเจ้าทั้งสองจะได้ไม่มีห่วงและทุ่มเทกายใจรับใช้ตระกูลบุสโซ่ได้อย่างเต็มที่" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "เรื่องที่ยังค้างคาอยู่ของพวกข้า?" แม้ว่าจะพอคาดเดาได้อยู่บ้างแต่ทั้งสองก็อดไม่ได้อีกเช่นเคยที่จะเอ่ยถามเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนคิด

    "ใช่ มิใช่บอกกล่าวว่าต้องการแก้แค้นให้ผู้มีพระคุณหรอกหรือ? แม้ว่าจักรพรรดิ์แดงจะได้ตกตายไปแล้วแต่จากคำบอกเล่าของเจ้าการที่ราชาองค์ก่อนของไอออนตกตายลงอย่างปัจจุบันทันด่วนคงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคาโก้บุตรชายคนโตไม่มากก็น้อย หากเป็นเช่นนั้นจริงในตอนนี้นับว่าคาโก้บุตรชายอกตัญญูยังคงอยู่เช่นั้นแล้วนายเก่าของพวกเจ้าจะสามารถนอนตายตาหลับได้อย่างไร? เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยพวกเจ้าส่งบุตรอกตัญญูผู้นี้ลงไปสำนึกผิดกล่าวคำขอขมาต่อผู้เป็นบิดาในโลกหลังความตายเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ได้ยินคำกล่าวยืนยันจากกาเล็ท ทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนก็เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านใจสุดที่จะระงับ ทั้งสองลุกขึ้นยืนในทันใดพร้อมทั้งก้มลงคุกเข่าโขกกราบต่อกาเล็ททันที "ขอบพระคุณนายน้อย ขอบพระคุณนายน้อย"

    "เอาล่ะ เอาล่ะลุกขึ้นเถอะ หากว่าพวกเข้าโขกศรีษะต่อไปมิใช่พื้นห้องทำงานของข้าคงต้องบุบสลายแล้ว" กาเล็ทเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งเอ่ยอย่างติดตลกเพื่อที่จะให้ทั้งสองที่กำลังโขกศรีษะของตนเองอยู่กับพื้นห้องทำงานของตนหยุดการกระทำลง

    เมื่อเห็นว่าทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนสงบใจลงได้และลุกขึ้นแล้วกาเล็ทก็เอ่ยกล่าวต่อ "จะอย่างไรหากว่าสังหารคาโก้ลงไอออนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นหากว่าเป็นเช่นนั้นไม่ทราบว่าชาวบ้านมากน้อยเท่าใดจะต้องทนทุกข์มากกว่าเดิม ประชากรของไอออนนั้นนับว่าได้รับความลำบากมามากจากสงครามระหว่างซาก้านายเดิมของพวกเจ้ากับคาโก้บุตรทรยศมามากแล้วดังนั้นก่อนที่จะลงมือสังหารคาโก้จึงจำเป็นต้องเตรียมการอีกพอสมควร" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    "เรื่องนี้ไม่เห็นจะย้องคิดให้มากความเลยนายน้อย พวกข้าเห็นว่าท่านก็ขึ้นปกครองไอออนแทนที่คาโก้เสียเลยหากเป็นเช่นนั้นก็นับได้ว่าเป็นโชคลาภของชาวไอออนแล้วที่จะได้ผู้ปกครองซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นนายน้อย" อาร์มันโด้เอ่ย

    "ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันขอรับนายน้อย ท่านนั้นมากไปด้วยความสามารถต้องสามารถปกครองไอออนและขึ้นเป็นจักรพรรดิ์แห่งทวีปแทนที่จักรพรรดิ์แดงได้อย่างแน่นนอน ไม่เพียงแต่สามารถกระทำได้ข้าเชื่อว่าท่านยังจะนำพาทวีปตะวันออกของเราให้เจริญรุ่งเรืองแข็งแกร่งกว่าทวีปใด" ดีอ้อนเอ่ยกล่าว

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว "หืม พวกเจ้าเห็นว่าเพียงแค่เขตบุสโซ่นี่กับโรฮานยังทำข้าหัวหมุนไม่พอหรือ? เอาเช่นนี้เถอะไหนๆพวกเจ้าก็ถือว่าเป็นคนของไอออนอยู่แล้วเช่นนั้นหลังจากที่กำจัดคาโก้ลงแล้วพวกเจ้าทั้งสองก็ช่วยกันดูแลปกครองไอออนต่อไปเถอะ" กาเล็ทเอ่ยเสนอ


    เมื่อได้ฟังเช่นนั้นทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนกลับคุกเข่าลง "นายน้อยพวกข้าทั้งสองต้องการที่จะติดตามท่านและอยู่ข้างกายเพื่อรับใช้ท่าน รับใช้นายหญิงใหญ่ขอรับ พวกข้าไม่ต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองอันใด"

    เห็นแบบนั้นแล้วกาเล็ทก็ได้แต่แอบถอดถอนใจ "หืมตัวพวกเจ้าเองยังไม่ต้องการที่จะยุ่งยากปกครองไอออนเช่นนั้นแล้วจะเสนอให้ข้ากระทำแทนทำอะไร"แม้จะคิดกับตนเองเช่นนั้นแต่สุดท้ายแล้วกาเล็ทก็เอ่ยบอกกล่าวต่ออาร์มันโด้และดีอ้อนที่กำลังคุกเข่าอยู่ "เอาล่ะ เอาล่ะข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นจะให้ผู้ใดดูแลจัดการไอออนต่อไปเรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากล่าวทีหลังเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว "พวกเจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อมไว้ อืมอย่าลืมคิดหาสถานที่เหมาะๆที่มีทิวทัศน์งดงามสำหรับท่องเที่ยวให้แก่ข้าด้วยก็แล้วกัน" กาเล็ทเอ่ยบอกทั้งสองเพื่อย้ำเตือน

    "ขอรับนายน้อย"

    สำหรับกับผู้อื่นการได้อยู่เหนือผู้คน การได้ปกครองคนอื่น การได้เห็นผู้อื่นเกรงกลัวคุกเข่าให้แก่ตนนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่สำหรับกับกาเล็ทที่มีความรู้สึกชืดชาต่อเรื่องเหล่านั้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ สำหรับกับตนเองแล้วการได้โอบกอดหญิงคนรัก การที่ได้ทำให้พวกนางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข การที่ได้สนองบุญคุณของนีน่าผู้เป็นมารดาซึ่งลำบากลำบนดูแลเลี้ยงดูตนเองมากว่าครึ่งค่อนชีวิตจึงจะนับว่าเป็นเรื่องที่มีความหมายแก่ตนเองอย่างแท้จริว

    "จะอย่างไรในวันนี้ก็ปราศจากเรื่องราวให้กระทำเช่นนั้นออกไปเดินตรวจูความเรียบร้อยในเมืองแบรี่สักหน่อยก็แล้วกัน" กาเล็ทคาดคิดกับตนเอง ในตอนนี้มิร่าน้อยนั้นกำลังง่วนอยู่กับการฝึกฝนเหล่าหมาป่าขนแดง กว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้กาเล็ทยังได้ให้ทั้ง เจฟ โรส มาร์ตินและเรน่าผลัดกันเข้าไปทำความคุ้นเคยกับเหล่าหมาป่าขนแดงภายในมิติเทพเจ้าอีกด้วย กาเล็ทนั้นมีความคิดที่จะมอบลูกหมาป่าขนแดงที่อีกไม่นานก็จะนับว่าอยู่ในวัยโตเต็มวัยแล้วให้แก่ทั้งหมดคนละตัวอีกด้วย ด้วยเวลาที่เหลื่อมล้ำกว่าโลกภายนอกประกอบเข้ากับความเข้มข้นของกระแสจิตวิญญาณที่มากกว่าโลกภายนอกเกือบสามเท่าส่งผลให้ลูกของหมาป่าขนแดงทั้ง 5 ตัวนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


    กาเล็ทใช้เวลาเดินเล่นอยู่ภายในเมืองอยู่ครึ่งค่อนวันเพื่อสังเกตุตรวจดูความเปลี่ยนแปลงภายในของเมืองแบรี่ ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงที่กาเล็ทเดินเที่ยวชมเมืองกลับพบว่าตัวเมืองแบรี่นั้นอยู่ในความสงบเรียบร้อย เหล่าทหารยามที่ทำหน้าที่ดูแลตรวจตราความสงบเรียบร้อยภายในก็กระทำหน้าที่อย่างแข็งขันอีกทั้งตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงนี้กาเล็ทนั้นไม่พบเหตุความวุ่นวายให้ได้เห็นเลยแม้สักครั้งเดียว "นับว่าดูดีเป็นระเบียบขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างผิดหูผิดตา ตัวเมืองเองก็นับว่ามีความสะอาดสะอ้านมากกว่าแต่ก่อน" กาเล็ทคาดคิดกับตนเองด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ด้วยพื้นฐานของนีน่านั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี และเป็นคนขี้สงสารดังนั้นแล้วต่อให้ตนเองนั้นมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายเพียงไรแต่ถ้าผู้เป็นมารดาได้มาเห็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์แล้วนางย่อมที่จะต้องเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นดังนั้นกาเล็ทจึงเลือกที่จะสร้างสถานที่ซึ่งอย่างน้อยทุกคนมีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงค์ชีพอย่างครบถ้วนขึ้น ขอเพียงไม่งอมืองอเท้าก็จะไม่อดตาย เด็กๆที่นับว่าไม่มีวิชาความรู้หรือความสามารถพิเศษขอเพียงใฝ่ดีก็จะได้รับโอกาส ขอเพียงไม่นอนรอความหวังแล้วเริ่มลงแรงก็จะมีกินจนอิ่มท้อง ยกตัวอย่างเช่นงานในการดูแลความสะอาดภายในเมือง งานเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมสามารถที่จะกระทำได้ กาเล็ทยังมีแผนที่จะสร้างฟรามเลี้ยงสัตว์สำหรับไว้บริโภค หรือกระทั่งการขยายพื้นที่การเกษตรออกไปอีก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ย่อมต้องใช้แรงงานของผู้คน

    เดินครุ่นคิดเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองหลวงอยู่ครู่ใหญ่กาเล็ทก็มาถึงยังบริเวณที่ดูครื้นเครง ห้างร้านรอบข้างต่างประดับประดาไปด้วยผ้าเนื้อดีสีสันฉูดฉาดสะดุดตา "หอร้อยบุปผา" นั่นคือชื่อของตัวตึกที่ดูโออ่าที่เบื้องหน้าของกาเล็ท

    เมื่อกาเล็ทเหลียวมองเข้าไปภายในหอร้อยบุบผานี้แล้วกาเล็ทกลับพบว่ามีบรุษไม่น้อยที่แต่งตัวดูดีซึ่งน่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลขุนนางกำลังนั่งดื่มกินอาหารอยู่ภายในตัวตึกพร้อมทั้งมีเหล่าหญิงสาวที่แต่งตัวสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเผยให้เห็นสัดส่วนคอยบริการเทน้ำชาหรือสุราให้แก่คุณชายเหล่านั้นอยู่ด้วย

    กาเล็ทมีความลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงตัดสินใจที่จะทดลองเข้าไปยังหอร้อยบุปผาดูสักครั้งหนึ่ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×