ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #169 : แผนร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.13K
      478
      8 ก.พ. 61

         

             ณ ทวีปกลาง

    จักรพรรดิ์จรัสแสง ลีออนที่กำลังเก็บตัวปรับระดับพลังของตนเองอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก "ผู้บรรลุพลังระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงคนใหม่หรือ จะอย่างไรก็เป็นเพียงหนอนแมลงที่ไร้ค่าก็เท่านั้น" มันเปิดปากเอ่ยกล่าวถ้อยคำดูแคลนออกมา สำหรับกับจักรพรรดิ์จรัสแสงแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ยังไม่สามารถอยู่ในสายตาของมันได้ ด้วยพรสวรรค์ที่เหนือล้ำทำให้ตัวมันสามารถเอาชนะและสยบผู้คนที่มีพลังเหนือกว่ามันมาได้นักต่อนักหลายคนแล้ว อย่าว่าแต่ผู้ที่พึ่งจะบรรลุพลังสู่ระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงเลยไหนเลยจะสามารถคุกคามต่อมันซึ่งอยู่ในช่วงขีดสุดของระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงและมีความสามารถเหนือล้ำกว่าผู้ใดเช่นมันได้

    กับทวีปกลางข่าวการตายของจักรพรรดิ์แดงแห่งทวีปตะวันออกนั้นไม่ว่าจะเป็นข่าวลือหรือเป็นความจริงย่อมไม่เกิดผลอันใดสำหรับกับทวีปกลาง ยิ่งข่าวเป็นความจริงสถานะการณ์ยิ่งนับว่าเป็นใจให้แก่ทวีปกลางที่มีความทะเยอทะยานต้องการที่จะปกครองผู้คนทั่วทั้งโลกยูยาน

    "องค์จักรพรรดิ์ สายข่าวของเราจากทวีปใต้ได้ส่งรายงานด่วนมาพะยะค่ะ" ไม่นานหลังจากที่จักรพรรดิ์จรัสแสงลีออนลืมตาตื่นขึ้นมาลูกน้องของมันก็เข้ามารายงานข่าวด่วนที่พึ่งจะสืบทราบได้

    "ข่าวจากทวีปใต้?" จักรพรรดิ์จรัสแสงลีออนเอ่ยถามด้วยความรู้สึกฉงนใจ ใบหน้าหล่อเหลาของมันถึงกับแสดงออกถึงความรู้สึกหวนนึกเมื่อเอ่ยกล่าวถึงทวีปใต้ ทวีปใต้มิใช่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ์นีซาน ซาน สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ตัวมันคิดว่าคู่ควรกับมันหรอกหรือ?

    "ขอรับองค์จักรพรรดิ์ สายข่าวของเราใช้อุปกรณ์ลับส่งรายงานนี้มาอย่างเร่งด่วน สายข่าวรายงานว่าทวีปใต้จะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมภาคีสี่ทวีปในรอบนี้ พร้อมทั้งยังเลื่อนการประชุมในครั้งนี้เข้ามาก่อนถึงกำหนดเวลาอีกด้วย" ลูกน้องของมันเอ่ยกล่าวรายงาน

    ได้ฟังเช่นนั้นใบหน้าหล่อเหลาของจักรพรรดิ์จรัสแสงลีออนก็ปรากฎรอยยิ้มของการดูแคลนออกมาอีกครา "บอกให้คนของเราเริ่มดำเนินการตามแผน ผลึกอสูรคลั่งที่คาเตอดูแลอยู่ไปถึงไหนแล้ว" จักรพรรดิ์จรัสแสงลีออนเอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญ

    "เรียนองค์จักรพรรดิ์เนื่องจากเค้าโครงแนวทางที่องค์จักรพรรดฺิ์ได้ให้มานั้นมีความสลับซับซ้อนยิ่ง ณ ตอนนี้ผลึกอสูรคลั่งยังอยู่ในขั้นทดลองอยู่ขอรับ" ลูกน้องของจักรพรรดิ์จรัสแสดงเอ่ย

    "อยู่ในขั้นทดลอง? เช่นนั้นก็ทดลองจากการใช้จริงเลยเถอะ" จักรพรรดิ์จรัสแสงเอ่ย

    "แต่องค์จักรพรรดิ์" ลูกน้องของมันทำท่าจะเอ่ยแสดงความเห็น

    "หืมม ต้องให้ข้าพูดซ้ำ?" จักรพรรดิ์จรัสแสงใช้สายตาเย็นชาจ้องมองบริวารของมันซึ่งทำท่าเหมือนจะเอ่ยทัดทานคำสั่งของตัวมัน

    "มิใช้ขอรับองค์จักรพรรดิ์ แต่ว่าผลึกอสูรคลั่งนั้นตอนนี้พวกเราสามารถจัดสร้างขึ้นได้อย่างจำกัด ถึงแม้จะบอกว่าอยู่ในขั้นทดลองก็จริงแต่ว่าชิ้นที่สามารถนำออกใช้เพื่อการทดลองจริงๆนั้นยังมีเพียง 2 ชิ้น" ลูกน้องของจักรพรรดิจรัสแสงเอ่ย

    ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวอธิบายเช่นนั้นมันก็หลับตาอย่างหวนคิด "ทางด้านทวีปตะวันตกเป็นเช่นไรจักรพรรดิ์ออก้าใช่ตอบรับข้อเสนอของพวกเราหรือไม่" จักรพรรดิ์จรัสแสงลีออนเอ่ยถามขึ้น

    "ยังไม่ขอรับแต่ว่าจากการสังเกตุของสกอตเห็นว่าจักรพรรดิ์ออก้ามีความรู้สึกหวั่นไหวใจต่อข้อเสนอของพวกเราอยู่ไม่น้อย" มันเอ่ยรายงานต่อผู้เป็นนาย

    "ให้เปิดเผยถึงความสามารถบางส่วนของผลึกอสูรคลั่งต่อมันพร้อมทั้งหยิบยื่นผลประโยชน์ที่มากกว่าเดิมให้ หากทำเช่นนั้นถ้ามันยังไม่ยอมกระดิกหางรับใช้ทวีปกลางของเราก็นับว่าแปลกไปแล้ว" จักรพรรดิ์จรัสแสงเอ่ยสั่งการ "ผลึกอสูรคลั่งสองชิ้นที่ยังอยู่ในขั้นทดลองให้คนของเรานำมันเข้าไปยังหุบเขาอสูรฟ้าของทวีปตะวันออกและหุบเขาเหมันต์ของทวีปเหนือ เรื่องนี้อย่างได้ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเข้าใจหรือไม่" จักรพรรดิ์จรัสแสงใช้น้ำเสียงเน้นย้ำสั่งการกับบริวารของมัน

    "ข..ขอรับองค์จักรพรรดิ์"

    "ให้คนของเราสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด หากว่าผลึกอสูรคลั่งทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นก็ส่งคนของเราให้ตรงเข้าสู่ทวีปใต้ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ต้องจับซานซานกลับมาให้ได้" จักรพรรดิ์จรัสแสงเอ่ยกล่าว

    "ขอรับองค์จักรพรรดิ์"

    "อย่าได้ทำให้นางบาดเจ็บ เข้าใจหรือไม่? ข้าต้องการนางในสภาพที่สมบูรณ์พร้อม" จักรพรรดิ์จรัสแสงเอ่ยย้ำเตือนกับบริวารของมัน

    "ข...ขอรับองค์จักรพรรดิ์" แม้ว่าจะรู้สึกตื่นตะลึงและไม่เห็นด้วยกับคำสั่งให้จับเป็นจักรพรรดินีซานซานแต่ตัวมันมีหรือที่จะกล้าเอ่ยกล่าวทัดทานออกไป การจับเป็นระดับจักรพรรดิ์ผู้หนึ่งหาใช่เรื่องง่ายดาย หากว่าเป็นการฆ่าล้างสังหารทิ้งยังพอทำเนา แต่ให้จับเป็นโดยไม่ให้บาดเจ็บนี่นับว่าเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญนักอย่าว่าแต่ผู้ที่ต้องจับกุมนั้นเป็นถึงระดับจักรพรรดิ์นีแห่งทวีปอีกทั้งยังอยู่ในถิ่นฐานของตนเอง การจะปฎิบัติตามคำสั่งในครั้งนี้ไม่ทราบว่าทวีปกลางต้องทุ่มกำลังออกไปมากน้อยเท่าใดถึงจะสำเร็จได้ ใช่ต้องนำระดับจักรพรรดิ์ที่มีอยู่กว่าครึ่งออกไปดำเนินการหรือไม่?



    ณ ทวีปตะวันออก

    กาเล็ทกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีผู้วางแผนคิดอ่านก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในทวีปของตนเอง นับตั้งแต่วันที่มิร่าบรรลุพลังเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์ระดับสูงนี่ก็ล่วงเลยผ่านมากว่าสามอาทิตย์แล้ว

    ในเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้จากการช่วยเหลือของคลาร่าทำให้กาเล็ทได้ผู้คนมากหน้าหลายตาที่มีความสามารถเข้ามาช่วยงานเพิ่มเติมไม่น้อย ส่งผลให้สิ่งที่ตนเองวางแผนไว้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการก่อตั้งศาลร้องทุกข์สำหรับชาวบ้าน ทั้งการก่อตั้งหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมืองอย่างเช่นตำรวจ ยังมีหน่วยงานยิบย่อยต่างๆที่คอยทำหน้าที่อื่นๆเช่นการดูแลความสะอาดภายในเมือง การตรวจตาคนเข้าเมือง การขึ้นทะเบียนประชากร หากว่าต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องกระทำทั้งสิ้น

    แรกเริ่มเดิมทีเหล่าขุนนางที่ได้รับการแนะนำมาจากคลาร่าเมื่อได้รับฟังแนวคิดและแนวทางในการปฎิบัติของกาเล็ทก็เกิดความรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ด้วยผู้คนเหล่านี้นั้นล้วนเป็นขุนนางตงฉินที่ถูกกีดกันออกจากวงราชการทั้งสิ้นดังนั้นแล้วพวกมันจึงรู้ซึ้งยิ่งกว่าใครว่าการให้อำนาจแก่คนผู้หนึ่งหรือหน่วยงานหนึ่งๆมากเกินไปนั้นจะเกิดผลเช่นไร ยกตัวอย่างเช่นการให้อำนาจในการจับกุมผู้คนหรือสืบสวนสอบสวนกับหน่วยงานที่มีชื่อว่าตำรวจนั้น หากว่าผู้คนในหน่วยงานนี้เที่ยวใช้อำนาจที่มีไปในทางที่ผิด ใช้อำนาจในการข่มเหงผู้คนเรียกรับผลประโยชน์เล่าจะทำเช่นไร? จากการคิดจะปฎิรูปให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมิใช่จะกลับกลายเป็นทำร้ายชาวบ้านร้านถิ่นให้แสนสาหัสยิ่งกว่าเดิมไปเพราะเหตุนี้แล้วเมื่อได้ฟังแนวคิดของกาเล็ทเหล่าขุนนางเก่าเหล่านี้ล้วนคัดค้านออกมาอย่างพร้อมเพรียงและเสนอว่าผู้ที่เหมาะสมจะกุมอำนาจและทำหน้าที่นี้ที่สุดนั้นคือการเล็ทแต่เพียงผู้เดียวไม่สามารถให้ผู้อื่นทำแทนได้ เรื่องราวเช่นนี้หาได้เกิดแต่เฉพาะกับแนวคิดการจัดตั้งหน่วยงานตำรวจเท่านั้น หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศาลเองก็ล้วนแล้วแต่ถูกเหล่าขุนนางเก่าคัดค้านอย่างหัวชนฝาเช่นกัน

    ในมุมมองของกาเล็ทแล้วความรู้สึหวั่นเกรงของเหล่าขุนนางตงฉินนั้นย่อมถือว่าสมเหตุและผล ยกตัวอย่างเช่นในโลกเก่าของตนเองนั้นก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง เรื่องที่มีการตัดสินคดีความอย่างไม่เป็นธรรม เรื่องที่มีการใช้อำนาจรัฐไปในทางมิชอบ แต่ว่านั่นคือในโลกเก่าที่คนผู้หนึ่งหาได้มีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอันใดได้แต่ในโลกยูยานแห่งนี้นั้นแตกต่าง บัดนี้ตนเองนั้นมีพลังอำนาจมากพอและตนเองย่อมจะไม่ทนนิ่งเฉยให้เกิดเรื่องเช่นในโลกก่อนขึ้นดังนั้นแล้วคำตอบที่กาเล็ทให้แก่เหล่าขุนนางตนฉินคือ "พวกท่านวางใจเถอะมีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องที่พวกท่านหวั่นเกรงขึ้นเด็ดขาด อีกทั้งหนึ่งในผู้ที่จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลจัดการหน่วยงานเหล่านั้นย่อมมาจากพวกท่านเอง หรือว่าพวกท่านนั้นไม่ไว้วางใจต่อข้าและไม่ไว้วางใจแม้กระทั่งตนเองเล่า?" ด้วยคำกล่าวนี้ของกาเล็ทจึงทำให้เหล่าขุนนางตงฉินทั้งหลายค่อยๆยินยอมโอนอ่อนคล้อยตามในที่สุด

    สำหรับกับกาเล็ทแล้วรู้ดีว่าระบบหรือกฎเกณฑ์ต่างๆนั้นหาใช่ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนแนวความคิดต่างๆให้ออกมาประสบผลหากแต่เป็นผู้คนที่ใช้มันต่างหาก ต่อให้ระบบมีความรัดกุมหรือว่ากฎเกณฑ์มีความเข้มงวดรุนแรงมากเพียงไรทว่าหากผู้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลหรือบังคับใช้กฎเกณฑ์นั้นขาดซึ่งคุณธรรมและความสุจริตแล้วคนเหล่านั้นก็ย่อมที่จะพยายามหาช่องว่าของกฎและใช้ระบบเพื่อผลประโยชน์ของตนเองอยู่ดี ในคราครั้งนี้แม้ว่าตนเองจะแบ่งแยกกระจายอำนาจออกไปทว่าตนเองก็จะยังคงทำหน้าที่เป็นเสาหลักคอยดูแลค้ำจุนทั้งระบบไว้ ตราบใดที่ตนเองยังคงอยู่ระบบเหล่านี้จะไม่มีวันพังทลายหรือบิดเบี้ยวไปนั่นคือความคิดของกาเล็ท

    ในสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ไม่เพียงแต่แนวความคิดและหน่วยงานต่างๆของกาเล็ทจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา หมู่บ้านบุสโซ่เองก็คึกคักขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทั้งยังมีการก่อสร้างอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ได้รับมาจากราชาเบรุททำให้กาเล็ทสามารถใช้จ่ายเงินทองได้อย่างมือเติบรอบอาทิตย์ที่ผ่านมานี้กาเล็ทยังให้ผู้คนของตระกูลบุสโซ่จำนวนมากไปขุดลอกทางน้ำขึ้นเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำอีสเตอซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบสามกิโลเมตรให้ไหลผ่านเข้ามายังเขตบุสโซ่ เรื่องนี้นั้นนับว่าเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองหลวงของโรฮาน ด้วยการเติบโตพัฒนาอย่างรวดเร็วของเขตบุสโซ่ทำให้ตระกูลขุนนางน้อยใหญ่ในโรฮานนั้นต้องการที่จะเข้ามาครอบครองพืิ้นที่ภายในเขตบุสโซ่เป็นจำนวนมากยิ่งโดยเฉพาะเขตชั้นในที่เป็นจุดศูนย์กลางอย่างหมู่บ้านบุสโซ่แต่น่าเสียดายสำหรับตระกูลเหล่านั้นที่ในตอนนี้กาเล็ทยังไม่มีความคิดที่จะปันแบ่งพื้นที่ใดๆออกขายให้คนภายนอกจับจอง

    ทหารนักบู๊ของตระกูลบุสโซ่ต่างค่อยๆทยอยได้รับการส่งมอบบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จกันอย่างถ้วนหน้า ภายในเขตพื้นที่หมู่บ้านบุสโซ่นั้น แผงขายของ ร้านรวงขายสินร้าน หรือแม้กระทั่งพ่อค้าขาจรที่มาขายอาหารและขนมหวานกลับกลายเป็นไม่ใช่สิ่งแปลกตาอีกต่อไป ไม่ว่าจะมาขายอะไรที่หมู่บ้านบุสโซ่นั้นล้วนแล้วแต่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าส่งผลให้เรื่องนี้มีการบอกกล่าวปากต่อปากออกไป เมื่อมีรายได้ที่มากพอประกอบกับมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ผู้คนย่อมเริ่มที่จะซื้อหาสิ่งของต่างๆมากขึ้น ทั้งยังกล้าใช้จ่ายไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือยต่างๆอีกด้วย เพราะรายได้ที่มากโขกว่าทหารของทางการกว่าสองเท่าและรายจ่ายที่แทบจะเป็น 0 ของผู้คนตระกูลบุสโซ่ประกอบกับมีทหารนักบู๊จำนวนหนึ่งที่เริ่มได้รับการส่งมอบบ้านช่องจึงส่งผลให้ผู้คนเหล่านั้นเริ่มจับจ่ายซื้อสิ่งของเครื่องใข้เข้าสู่บ้านช่องของตนเอง ด้วยปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงสามอาทิตย์นี้แล้วจำนวนพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาขอตั้งร้านขายของในหมู่บ้านบุสโซ่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าสามเท่า




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×