ลำดับตอนที่ #163
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #163 : ความเปลี่ยนแปลง
ณ ราชวังของโรฮาน
"ท่านพี่วันนี้ข้าจะกลับไปยังตระกูลบุสโซ่แล้ว เห็นแชลเทียแจ้งมาว่านางต้องการที่จะกลับไปเยี่ยมมารดาของนางที่ตระกูลเรนเดลข้าเลยคิดว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนกับท่านป้านีน่าแทนนาง ทางพี่จะร่วมทางไปด้วยหรือไม่" ซิลเวียย่างเท้าพาร่างบอบบางเข้ามายังห้องของผู้เป็นพี่สาวพร้ามทั้งเอ่ยถามขึ้น
"เขากลับมาแล้วหรือยัง?" เบลล่าเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังเลือกทดสอบน้ำหอมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง นับตั้งแต่ที่กาเล็ทนำผู้คนเดินทางเข้าสู่หุบเขาอสูรฟ้านี่ก็นับว่าเป็นวันที่ 3 แล้ว
ซิลเวียได้ฟังเช่นนั้นในดวงตาก็ทอประกายซุกซนขึ้น "หืม ข้าพึ่งรู้ว่าท่านพี่เองก็สนใจสิ่งของเหล่านี้ด้วย เมื่อก่อนท่านพี่มิใช่เอ่ยบอกว่าน้ำหอมเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งของสิ้นเปลืองไม่จำเป็นหรอกหรือ?"
เบลล่าได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นน้องสาวก็เกิดความรู้สึกกระดากเขินอายขึ้นมา "พ..เพียงแต่มีผู้นำมาให้เป็นของขวัญก็เท่านั้น หากว่าไม่ทดสอบใช้ดูก็จะเสียน้ำใจของพวกเขา" เบลล่าเอ่ย
"อืมมเป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ว่าเขาเคยบอกแก่ข้าว่าเขาไม่ค่อยชอบกลิ่นของน้ำหอมเท่าใดนัก" ซิลเวียเอ่ยขึ้น
ได้ฟังเช่นนั้นเบลล่าก็ละจากการทดสอบสูดกลิ่นน้ำหอมพร้อมทั้งหันมาทางผู้เป็นน้องสาว "จริงหรือ?" แต่เมื่อได้สบเข้ากับดวงตาที่มีประกายซุกซนหยอกล้อของผู้เป็นน้องสาวเบลล่าก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด
"เจ้า" เบลล่าเอ่ยค้อนผู้เป็นน้องสาว
"ท่านพี่ทราบหรือไม่ว่าท่านพี่เปลี่ยนไปมากมายถึงเพียงไหน เมื่อก่อนนั้นข้าแทบจะไม่เคยเห็นถึงรอยยิ้มของท่านพี่เลยแต่ว่านับตั้งแต่ที่ท่านพี่ได้รู้จักกับกาเล็ทท่านพี่ก็ยิ้มบ่อยขึ้นจนมาในปัจจุบันนี้ท่านพี่แทบจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาแล้ว" ซิลเวียเอ่ยกล่าวสัพยอกหยอกล้อต่อผู้เป็นพี่สาวขณะที่ก้าวเดินเข้าไปหาเบลล่า เห็นพี่สาวของตนเองมีความสุขตนเองก็พลอยมีความรู้สึกเบิกบานใจไปด้วย
เบลล่าได้ฟังคำเอ่ยของผู้เป็นน้องสาวก็หวนนึกกลับไปถึงคำบอกกล่าวของกาเล็ท "ข้าต้องการเห็นเจ้ายิ้มแย้ม? รู้หรือไม่ว่ารอยยิ้มของเจ้างดงามยิ่ง" นึกถึงคำพูดนี้ของชายคนรักเบลล่าก็เกิดความรู้สึกเขินอายหน้าแดงขึ้น "อย่าได้กล่าวเหลวไหลมากความ ข้าก็เป็นของข้าเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว" เบลล่าเอ่ยกล่าว
"ฮิ ฮิ ท่านพี่ กาเล็ทน่ะไม่ชอบน้ำหอมที่มีกลิ่นแรง ข้าคิดว่าท่านพี่ใช้ตัวนี้เถอะ" ซิลเวียซึ่งเดินเข้ามาถึงด้านหลังของเบลล่าเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมทั้งก้มลงหยิบน้ำหอมหนึ่งในหลายขวดที่เบลล่ากำลังเลือกเฟ้นอยู่ยื่นส่งให้แก่ผู้เป็นพี่สาว
เบลล่ารับน้ำหอมขวดนั้นมาจากนั้นจึงเอ่ยกล่าว"เจ้ารอข้าสักครู่ข้าจะร่วมทางกับเจ้าไปยังตระกูลบุสโซ่ด้วย"
ขณะที่คนรักทั้งสองของตนเองกำลังเอ่ยกล่าวพูดคุยกันเกี่ยวกับรสนิยมในเรื่องกลิ่นของตนเองอยู่กาเล็ทซึ่งอยู่ที่หุบเขาอสูรฟ้าก็นำพาผู้คนเดินหน้าเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้อย่างมากมาย
"นี่ก็นับว่าเป็นที่ที่สามแล้ว หุบเขาอสูรฟ้านับว่าลี้ลับยากหยั่งถึงจริงๆ หากว่าพวกเราสามารถเก็บเกี่ยวทรัพย์ยากรจากหุบเขาแห่งนี้ออกไปใช้ได้เรื่อยๆ โรฮานจะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างก้าวกระโดดแน่นอนนับว่าเป็นโชคดีของโรฮานจริงๆที่มีอาณาเขตอยู่ติดกับป่าอสูรฟ้า" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นขณะเหลียวมองดูผู้คนของตนเองที่กำลังกระจายตัวกันไปเก็บเกี่ยวสมุนไพรหายาก
เทลเล่อซึ่งยืนมองอยู่ด้านข้างได้ฟังผู้เป็นศิษย์เอ่ยกล่าวเช่นนั้นก็เหลียวมองไปที่กาเล็ทด้วยสายตาแปลกประหลาด "นี่นับว่าเป็นเรื่องราวใดกัน? มีอาณาเขตอยู่ติดกับป่าอสูรฟ้านับว่าโชคดี? คงมีแต่ศิษย์ผู้นี้เท่านั้นแหล่ะที่จะกล้าเอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกมา" เทลเล่อคิดกับตนเองในใจ
"ท่านอาจารย์ สมุนไพรที่เก็บเกี่ยวได้ในครั้งนี้จะกล่าวไปแล้วต่อให้ใช้ไปอีกนับปีก็ยังไม่หมดสิ้น สมุนไพรจำนวนที่เก็บเกี่ยวได้ในครั้งนี้นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับที่จะผลิตตัวยาแจกจ่ายให้กับทหารของตระกูลบุสโซ่และทหารของโรฮาน นี่เพียงแต่เก็บเกี่ยวในอาณาเขตที่มิร่าน้อยคุ้นเคยเท่านั้น ในหุบเขาอสูรฟ้าแห่งนี้ยังมีเขตพื้นที่อีกมากซึ่งยังไม่ได้ถูกมนุษย์ใดเข้าสำรวจ" กาเล็ทเอ่ย
"ครั้งนี้ข้าคิดว่าพอแต่เพียงนี้เถอะ นี่เราก็ออกมาเกือบจะเข้าวันที่สี่แล้วหากว่ารวมเวลาที่ต้องเดินทางกลับไปก็เป็นห้าวันคิดว่าท่านหญิงนีน่าคงจะเป็นห่วงเจ้าแทบแย่แล้ว" เทลเล่อเอ่ย
"คงเป็นเช่นนั้น" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งยื่นส่งผลไม้รูปร่างประหลาดให้แก่เทลเล่อ ผลไม้ที่กาเล็ทยืนส่งให้นี้จะกล่าวไปแล้วมีสีและรูปร่างคล้ายกับลูกพลับอยู่หลายส่วนทว่าขนาดของมันกลับใหญ่โตกว่าลูกพลับหลายเท่าตัว "การมาในครั้งนี้ข้ายังได้บังเอิญไปพบเจอกับผลไม้ประหลาดนี่ท่านอาจารย์ลองกัดกินดู" กาเล็ทเอ่ยบอกมา
เทลเล่อเห็นเช่นนั้นก็รับผลไม้ประหลาดนั่นมาพร้อมทั้งกัดกินมันจนแหว่งไป "มีรสหวานมันนับว่าถูกปากข้านัก"
"ท่านอาจารย์ผลไม้นี้ข้าเองก็ไม่ทราบว่าสมควรเรียกขานมันว่าเช่นไร หากว่ารับประทานเปล่าเข้าไปก็นับว่ามีรสชาติกลมกล่อมถูกปากอีกทั้งมันยังช่วยฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณที่สูญเสียไปให้กลับมาเติมเต็มรวดเร็วขึ้นได้อีกด้วย" กาเล็ทเอ่ย
เทลเล่อได้ฟังเช่นนั้นก็เริ่มสำรวจตรวจดูแก่นจิตวิญญาณของตนเอง "น..นี่" เทลเล่อส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
"หากว่านำมันไปสกัดเป็นเม็ดยา ท่านอาจารย์ลองคิดคำนวนดูว่าถ้าเราต้องพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อต่อสู้กันจนพลังจิตวิญญาณเหือดแห้งถดถอย หากว่ามีคนผู้หนึ่งผู้ใดมีเม็ดยาซึ่งสามารถฟื้นฟูเติมเต็มพลังที่สูญเสียไปได้ย่อมสามารถเป็นการกำหนดผลแพ้ชนะของการต่อสู้ได้" กาเล็ทเอ่ยชี้ให้เห็นถึงความวิเศษของผลไม้ประหลาดนี้
เทลเล่อที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ตระหนักรู้ได้ทันทีถึงมูลค่าของผลไม้ประหลาดที่ตนเองกำลังกัดกินอยู่ มือที่ถือผลไม้ประหลาดนั่นพลันสะดุดหยุดลงไม่กล้านำมันเข้าปากไปคบเคี้ยวให้เสียเปล่าอีก
กาเล็ทเห็นถึงท่าทีของผู้เป็นอาจารย์ก็ยิ้มออกมา "ท่านอาจารย์กินได้อย่างเต็มที่ ข้ายังมีกักตุนไว้อีกเยอะพอสมควรและต่อให้ที่กักตุนไว้หมดลงก็สามารถกลับมาเก็บเกี่ยวได้อีกเมื่อเวลาผ่านไป"
ใบหน้าของกาเล็ทตอนนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่ตนเองเก็บเกี่ยวได้จากหุบเขาอสูรฟ้าในครั้งนี้มีมากจนเกินไป มากจนทำให้กาเล็ทไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง สมุนไพรหายากต่างๆที่เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาเทพโอสถวิถีฟ้า ยาเทพโอสถทลายสวรรค์ ในครั้งนี้นั้นตนเองล้วนสามารถเก็บเกี่ยวมาได้อย่างมากมาย ไม่เพียงแต่สมุนไพรพวกนั้นยังมีหญ้าเหมันต์ซึ่งตนเองพบเจอโดยไม่คาดคิดและผลไม้ประหลาดที่อยู่ในมือของตนเองนี้อีก หากว่าวางแผนและดำเนินการบริหารจัดการอย่างดีด้วยทรัพย์ยากรเหล่านี้กาเล็ทคาดคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถฝึกฝนกองกำลังของตนเองให้กล้าแข็งเทียบเทียมกับของขุมกำลังอื่นในดินแดนยูยานแห่งนี้ได้
"เอาล่ะสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวมาได้นับว่าพอเพียงแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อยและเตรียมเก็บข้าวของเพื่อนเดินทางกลับกัน" กาเล็ทเอ่ยเสียงก้องเพื่อบอกกล่าวกับผู้คนของตนเอง "ท่านอาจารย์รบกวนท่านดูแลทางด้านนี้สักครู่ข้าขอตัวเข้าไปดูก่อนว่าสภาพภายในมิติเทพเจ้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว"
"ไปเถอะข้าจะนำพวกมันเดินทางกลับไปยังจุดจอดเรือเหาะแล้วเจ้าก็ตามมาสบทบทีหลังก็แล้วกัน" เทลเล่อเอ่ย
วูบ ร่างของกาเล็ทปรากฎเข้ามาภายในมิติเทพเจ้า
ทันทีที่กาเล็ทปรากฎตัวขึ้นมิร่าก็โผเข้ามาหาทันที "ปะป๋า"
"เป็นอย่างไรบ้างมิร่าน้อย" กาเล็ทเอ่ยถามถึงความคืบหน้า
"ฮี ฮี่ ราบรื่นดีปะป๋า มิร่าสอนพวกมันหลายอย่าง ในตอนนี้พวกมันพอจะเข้าใจคำสั่งพื้นฐานที่ปะป๋าบอกให้มิร่าสอนกับพวกมันบ้างแล้ว" มิร่ากล่าวพร้อมทั้งผละจากกาเล็ทและเดินไปยังกลุ่มของหมาป่าขนแดงซึ่งกำลังยืนส่ายหางไปมาอยู่ มิร่าเดินเข้าไปอุ้มลูกหมาป่าขนแดงซึ่งบัดนี้มีขนาดตัวเท่าสุนัขตัวหนึ่งแล้วขึ้นมา
แม้ว่าแม่ของลูกหมาป่าขนแดงจะแสดงเค้าลางของความรู้สึกกังวลใจออกมาให้เห็นทว่ามันก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด มันได้แต่ปล่อยให้มิร่าอุ้มลูกของมันตัวหนึ่งจากไปและใช้สายตามองตามเงาหลังของมิร่าที่อุ้มลูกของมันเคลื่อนเข้าหากาเล็ท
"ปะป๋าดู ตอนแรกที่เข้ามายังมิติเทพเจ้าขนาดตัวของพวกมันยังเล็กกว่านี้ตั้งเยอะ" มิร่าอุ้มลูกหมาป่าขนแดงซึ่งมีขนาดตัวไม่ค่อยต่างจากนางในร่างเด็กหญิงเท่าใดขึ้นแสดงต่อกาเล็ท
กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่บ้าง "พวกมันกลับเติบโตรวดเร็วถึงเพียงนี้?" กาเล็ทคิดกับตนเองในใจ คิดไปคิดมากาเล็ทก็ได้ข้อสรุปแม้ว่าเวลาภายนอกจะผ่านพ้นไปเพี่ยง 4 วันแต่ในมิติเทพเจ้านี้ก็เป็นเวลานับเดือนแล้วประกอบกับในมิติเทพเจ้านี้มีความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณมากกว่าภายนอกถึงสามเท่า นี่นับเป็นครั้งแรกที่กาเล็ทได้สำรวจตรวจดูลูกหมาป่าขนแดงอย่างถนัดชัดตา ทุกครั้งที่กาเล็ทเข้ามาเยี่ยมมิร่าลูกหมาป่าเหล่านี้ล้วนเอาแต่หลบอยู่หลังแม่ของพวกมันไม่ยอมเผยตัวออกมา
"ปะป๋า มานี่ปะป๋าลองออกคำสั่งกับพวกมัน" มิร่าจูงมือกาเล็ทให้มาหยุดยืนอยู่หน้ากลุ่มของหมาป่าขนแดงทั้งแปด
"นั่ง" กาเล็ทออกคำสั่ง สิ้นเสียงของกาเล็ทหมาป่าของแดงทั้งแปดก็นั่งลง
"หมอบ" กาเล็ททดลองสั่งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำสั่งของกาเล็ทหมาป่าขนแดงทั้งแปดก็เปี่ยนเป็นหมอบกายลู่ต่ำลง เห็นเช่นนั้นกาเล็ทพลันเดินเข้าไปหายังข้างกายของหมาป่าขนแดงตัวจ่าฝูงที่หมอบกราบอยู่และกระโดดขึ้นไปเพื่อขี่หลังมัน
มิร่าที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในสายตาก็เกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
"มิร่าน้อยมานี่" กาเล็ทพลัยเอ่ยเรียกขานมิร่าให้ขึ้นมาบนหลังของหมาป่าขนแดงนี่ด้วย
เห็นสัญญาณที่กาเล็ทเรียกหามิร่าก็กระโดดขั้นไปนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของกาเล็ท
กาเล็ทพลันใช้มือของตนเองตบไปที่สีข้างของหมาป่าขนแดง "ลุกขึ้น" สิ้นคำสั่งของกาเล็ทหมาป่าขนแดงก็ลุกขึ้น
กาเล็ททดลองควบขี่หมาป่าขนแดงอยู่ครู่ใหญ่ "มิร่าน้อยของปะป๋าเก่งที่สุดเลย รู้ความจนสามารถแบ่งเบาภาระของปะป๋าได้แล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวชมเชยมิร่า
"ฮี ฮี่" มิร่าส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุข
เพียงระยะเวลาหนึ่งเดือนก็สามารถฝึกฝนหมาป่าขนแดงที่ดุร้ายหมายขวัญให้รู้ความและเข้าใจถึงภาษาของมนุษย์ได้ถึงเพียงนี้นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่หากจะทำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันและเข้าสู่สมรภูมิยังนับว่าห่างไกลอยู่มาก
"มิร่าน้อยจะอยู่ฝึกฝนพวกมันต่อในมิติเทพเจ้าหรือว่าจะออกไปเดินทางกลับสู่โรฮานกับปะป๋า" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น
"ออกไปกับปะป๋า" มิร่าเอ่ยตอบทันควันจากนั้นจึงหันไปเอ่ยบอกกับหมาป่าขนแดง "อยู่ในนี้ไปก่อน"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น