ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #162 : หุบเขาอสูรฟ้าคือแหล่งทรัพยากร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.98K
      386
      31 ม.ค. 61




    เมื่อถูกมิร่าสยบลงจนยอมศิโรราบแล้ว หมาป่าขนแดงทั้ง 8 ตัวก็ถูกกาเล็ทกวาดต้อนให้เข้าไปอยู่ภายในมิติเทพเจ้า เมื่อกาเล็ทและมิร่าสำรวจตรวจดูจนแน่ชัดแล้วกลับพบว่าหนึ่งในหมาป่าขนแดงนั้นเป็นแม่ลูกอ่อน ภายใต้เรือนขนที่หนาเตอะของมันกลับมีลูกน้อยหลายตัวซุกซ่อนอยู่ เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยินดีปรีดา นี่มิใช่จะกลับกลายเป็นการส่งเสริมให้การเพาะเลี้ยงและทดลองฝึกฝนสัตว์อสูรของตัวเองก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว?

    "ปะป๋ายังเหลือขนมเม็ดกลมๆที่มิร่าชอบกินอยู่บ้างไหม?" มิร่าเอ่ยถามขึ้นในขณะที่อยู่ในมิติเทพเจ้า

    กาเล็ทได้ฟังคำถามเช่นนั้นก็ได้แต่นึกสงสัยใจ "ขนมเม็ดกลมๆ?" ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งกาเล็ทจึงนึกออกว่าขนมเม็ดกลมๆที่นางเอ่ยกล่าวถึงนั้นหมายถึงเม็ดยาเทพโอสถทลายสวรรค์ที่ตนเองมักจะนำออกมาให้ตัววิเศษน้อยนี้ขบเคี้ยวเล่น ตัวยานี้หากว่าได้กินเป็นครั้งคราแรกจะส่งผลให้ระดับพลังของแก่นจิตวิญญาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูรก็ตามทีแต่หากว่าทดลองกินซ้ำดูผลที่ได้จากการกินซ้ำนั้นกลับแสดงออกมาได้ไม่ถึง 1/100 ส่วนของครั้งแรกที่รับประทานเข้าไป

    "ยังพอมีเหลืออยู่" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับมิร่า ช่วงหลังนี้เนื่องจากสมุนไพรหายากที่เริ่มหร่อยหรอลงพร้อมทั้งกับตัวยาที่ตนเองมีเหลือกักตุนไว้ก็เหลือไม่มาก กาเล็ทจึงไม่ได้นำตัวยานี้ออกมาให้มิร่ากินเล่นระยะหนึ่งแล้ว

    "มิร่าขอหน่อยนะจะมอบให้แก่พวกมัน" มิร่าแบมือเล็กจ้อยร้องขอต่อกาเล็ท

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่ลังเล นำตัวยาเทพโอสถทลายสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ออกมา 8 เม็ดและส่งมอบให้แก่มิร่า

    มิร่ารับตัวยานั้นจากกาเล็ทจากนั้นจึงเดินเข้าหาหมาป่าขนแดงทั้ง 8 ตัวและค่อยๆส่งเม็ดยาเข้าปากของพวกมัน ภาพที่เด็กหญิงตัวน้อยซึ่งกำลังป้อนเม็ดยาให้แก่หมาป่าขนแดงตัวเขื่องด้วยมือของตนเองทีละตัวดูไปแล้วช่างน่าตื่นตระหนกตกใจแก่ผู้พบเห็นนัก

    "ปะป๋าที่ต้องให้พวกมันก็เพราะว่าพวกมันนั้นนับว่ามีสติปัญญาอย่างจำกัด แม้ว่ามิร่าจะพอสื่อสารกับพวกมันได้บ้างแต่ว่าหากมิร่าไม่อยู่พวกมันก็อาจจะเปลี่ยนใจหรือทรยศหลบหนี การทำให้พวกมันได้รู้ถึงผลประโยชน์ที่เชื่อฟังคำสั่งและติดตามมิร่ากับปะป๋าจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด" มิร่าเอ่ยกล่าวอธิบายขณะที่ป้อนเม็ดยาให้แก่หมาป่าขนแดงตัวสุดท้ายและลูบหัวของมัน ท่าทางของหมาป่าขนแดงซึ่งปกติจะมีนิสัยแข็งกร้าวดุร้ายเมื่ออยู่ตัวหน้าของมิร่ากลับดูเชื่องเชื่อเหมือนสัตว์เลี้ยง

    "โบล๊ๆๆๆๆๆๆ" เมื่อพวกมันได้กินตัวยาเทพโอสถทลายสวรรค์ที่มิร่ามอบให้จนครบถ้วนแล้ว เหล่าหมาป่าขนแดงก็ทยอยส่งเสียงหอนร้องออกมาเนื่องเพราะพวกมันนั้นสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แล่นผ่านเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นพวกมันจึงค่อยๆทยอยหมอบตัวลง

    "อยู่ในนี้ไปก่อน" มิร่าเอ่ยกล่าวกับหมาป่าขนแดงตัวจ่าฝูงด้วยคำพูด ไม่ทราบว่าหมาป่าขนแดงตัวนั้นเข้าใจหรือไม่หากแต่มันกลับส่งเสียงเห่าหอนร้องตอบกลับมาแก่มิร่าคราหนึ่ง

    "มิร่าน้อยของปะป๋าเก่งมาก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งเดินเข้าหาและอุ้มมิร่าขึ้นมาสวมกอดไว้ มิร่าที่ถูกผู้เป็นที่รักโอบกอดก็แสดงท่าทางออดอ้อนอย่างมีความสุขออกมา หมาป่าขนแดงทั้ง 8 ซึ่งเฝ้ามองอยู่ ดวงตาของพวกมันซึ่งดูฉลาดเฉลียวก็ทอแววประหลาดคล้ายว่าเข้าใจถึงบางสิ่งออกมา

    เมื่อจัดการกับหมาป่าขนแดงทั้งแปดเรียบร้อยแล้วกาเล็ทก็นำมิร่าออกจากมิติเทพเจ้า เป้าหมายในการมาเยือนหุบเขาอสูรฟ้าของตนเองกลับเสร็จสิ้นไปอย่างง่ายดายแล้วเรื่องหนึ่ง

    "มิร่าน้อยครั้งก่อนเห็นมิร่าน้อยบอกว่ามีสถานที่อีกหลายแห่งที่มีสมุนไพรต่างๆขึ้นอยู่เยอะกว่าที่ซึ่งพาปะป๋าไปครั้งก่อน ครั้งนี้มิร่านำทางพาพวกเราไปได้หรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่าในอ้อมแขน ในครั้งก่อนที่ตนเองได้พบกับมิร่านั้นเนื่องด้วยเรื่องของเงื่อนเวลาที่มีอย่างจำกัดประกอบเข้ากับตนเองพึ่งจะรอดพ้นจากห้วงแห่งความเป็นตายมา กาเล็ทจึงเลือกที่จะจากไปโดยยังไม่สำรวจพื้นที่อื่นซึ่งมิร่าเอ่ยบอกต่อตนเอง

    "ได้สิ ได้สิ ฮิ ฮิ เป็นของปะป๋ากาเล็ทหมดเลยนะ พื้นที่ทั่วหุบเขานี้เป็นหุบเขาของปะป๋ากาเล็ท มิร่าจะยึดมาให้หมดเลย สัตว์อสูรตัวไหนต่อต้านก็ต้องมีชะตาแบบเจ้าสิงโตนั่น" มิร่าเอ่ยกล่าวอย่างเริงร่า การเดินทางมายังหุบเขาอสูรฟ้าครั้งนี้นั้นตนเองนับว่าได้เป็นที่พึ่งและประโยชน์ให้แก่ผู้เป็นบิดาอย่างมากทำให้มิร่าเกิดความรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ด้วยระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นอีกขีดขั้นหนึ่งกว่าครั้งเมื่อตนเองอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ยังมีในตอนนี้ระดับพลังแก่นจิตวิญญาณของตนเองก็มาถึงขีดสุดของระดับจักรพรรดิ์ขั้นกลางแล้วอีกไม่นานแก่นจิตวิญญาณของตนเองก็จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตของระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงทำให้มิร่ามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะครอบครองหุบเขาอสูรฟ้าแห่งนี้ หุบเขาซึ่งเป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงของมุนษย์ในทวีปแห่งนี้มานับพันๆปี

    ด้วยการนำทางของมิร่า เดินทางอยู่ครึ่งค่อนวันขบวนผู้คนของตระกูลบุสโซ่ก็มาถึงบึงน้ำตกขนาดใหญ่ กาเล็ทรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นมีความชื้นอยู่พอสมควร "ช่างเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะเจาะสำหรับการเติบโตของสมุนไพร ความชื้นที่อยู่ในบรรยากาศคงมาจากน้ำตกที่สูงเสียดฟ้านั่นสินะ" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเองแต่แล้วสายตาของกาเล็ทก็ไปประสบพบเจอเข้ากับประกายแสงประหลาดแสงหนึ่งที่อยู่ระหว่างโขดหินซึ่งยื่นออกมาจากหน้าผาสูงผ่านน้ำตก "หญ้าเหมันต์" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้คนในโลกยูยานแห่งนี้อาจจะไม่รู้จักกับหญ้าเหมันต์ แต่มีหรือที่กาเล็ทในตอนนี้ซึ่งเปรียบเสมือนกับหอสมุดเคลื่อนที่ในเรื่องของสมุนไพรเพราะได้อ่านความรู้ระดับสูงจากหนังสือในมิติลึกลับนั่นมาจะไม่รู้จักกับหญ้าเหมันต์นี้ กาเล็ทค่อยๆลอยตัวสูงขึ้นเพื่อไปยังชง่อนที่ยื่นออกมาจากหน้าผาตัดผ่านสายน้ำที่ร่วงหล่นลงมาอย่างระมัดระวัง ยิ่งเข้าใกล้ชง่อนผาที่ยื่นออกมาเท่าไหร่กาเล็ทยิ่งสำผัสได้กับไอเย็นที่แผ่พุ่งออกมาจากมันเท่านั้น เมื่อเข้ามาใกล้กาเล็ทก็สังเกตุเห็นว่าพื้นที่บริเวณโดยรอบหญ้าเหมันต์นั้นมีอุณหภูมิที่ลดต่ำลงกว่าพื่นที่รอบนอกหลายองศา "ไม่ผิดแน่นี่ต้องเป็นหญ้าเหมันต์ซึ่งในตำรานั่นเอ่ยบอกกล่าวว่ายากที่จะหาพบได้และใช้เวลาเติบโตกว่าจะมาถึงขั้นนี้นับร้อยๆปี แต่ทว่าสมุนไพรหายากระดับนี้ไม่สมควรที่จะมาปรากฎอยู่ในดินแดนยูยานซึ่งมีระดับความหนาแน่นของพลังจิตวิญญาณต่ำเช่นนี้นี่" กาเล็ทคิดสังสัยกับตนเองแต่ไม่ว่าจะอย่างไรที่เบื้องหน้าของตนเองนี้ต้องเป็นหญ้าเหมันต์ไม่ผิดแน่

    กาเล็ทเคลื่อนเข้าใกล้หญ้าเหมันต์ด้วยความระมัดระวัง เมื่อก้มลงมองดูอย่างชัดตากาเล็ทกลับพบว่าหนึ่งในใบของมันนั้นแหว่งไปเสมือนว่าถูกกัดกิน เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่ง "ไม่ทราบว่าสัตว์อสูรหน้าโง่ตนไหนไม่รู้ค่าของหญ้าวิเศษนี้จนถึงกับมากัดกินมันไป" กาเล็ทครุ่นคิดแต่แล้วก็มีเสียงเล็กดังขึ้นที่เบื้องหน้า "หญ้าเย็น ไม่อร่อย ขม กินแล้วรู้สึกเย็นและอึดอัด"

    กาเล็ทพลันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับมิร่าน้อยซึ่งจ้องมองไปที่หญ้าเหมันต์ด้วยสายตาเสมือนเด็กน้อยที่หวาดผวากับการกินผักขม

    "มิร่าหนูเคยกินหญ้าวิเศษนี้?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    "ช่ายไม่อร่อยขมกินเข้าท้องแล้วอึดอัดไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะ นั่นรอยกัดของมิร่าเองแหละ" มิร่าเอ่ยอธิบายพร้อมทั้งชี้มือเล็กจ้อยไปยังใบหญ้าวิเศษที่ขาดแหว่ง

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็แทบจะตบหน้าผากตนเองจนล้มหงายไป สัตว์อสูรหน้าโง่ซึ่งกัดกินหญ้าวิเศษนี้กลับเป็นบุตรสาวของตนนี่เอง ย่อมไม่แปลกที่นางจะเอ่ยกล่าวเช่นนี้ หญ้าเหมันต์นี้หากว่ากินเปล่าไปย่อมไม่เกิดผลอันใดมีแต่จะทำให้ผู้กินถึงแก่ชีวิตก็เท่านั้น หากนึกคิดกลับไปหากว่าเป็นสัตว์อสูรธรรมดากินเข้าไปคงไม่เพียงแต่รู้สึกอึดอัดเช่นที่นางเอ่ยบอกเท่านั้นแน่ หญ้าเหมันต์นี้คือวัตถุดิบหลักในการปรุงยาขั้นสูงล้ำ ด้วยพลังงานจากไอเย็นที่มันแผ่ออกมาเมื่อปรุงเข้ากับส่วนผสมที่ลงตัวจะสามารถดึงพลังงานภายในของมันออกมาใช้ประโยชน์ได้ หากกล่าวว่าโสมโลกันต์เป็นสมุนไพรที่ให้พลังงานมากแล้วแต่หญ้าเหมันต์นี้กลับให้พลังงานมากกว่าโสมโลกันต์นับพันเท่า ตระหนักได้เช่นนั้นกาเล็ทก็ค่อยๆถอนดึงเก็บเกี่ยวหญ้าวิเศษนี้อย่างระมัดระวังและเก็บมันเข้าสู่แหวนมิติไป "มิร่าน้อยพบเห็นหญ้าเย็นนี้อยู่ที่อื่นอีกบ้างหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามมิร่า แม้ในจิตใจจะรู้ว่าการพบเจอหญ้าเหมันต์นี้ในที่นี้นับว่าเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเชื่อมากแล้วแต่กาเล็ทก็ยังไม่วายที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นว่าจะมีหญ้าวิเศษเช่นนี้ต้นอื่นอยู่อีกนี่คือความโลภของมนุษย์

    "งือ" มิร่าส่งเสียงร้องครางออกมาด้วยความลำบากใจ สาเหตุก็เพราะว่านางนั้นนึกไม่ออกว่ามีหญ้าประหลาดนี่อีกหรือไม่

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงยกมือไปลูบหัวมิร่าน้อย "ไม่เป็นไร เพียงแค่หญ้าต้นนี้เพียงต้นเดียวก็ทำให้การมาเยือนหุบเขาอสูรฟ้าครั้งนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว มิร่าน้อยเก่งที่สุดเลย" กาเล็ทเอ่ย

    เทลเล่อกับผู้คนของตระกูลบุสโซ่ซึ่งยืนแหงนมองอยู่ด้านล่างก็เฝ้ามองกาเล็ทอย่างสงสัยใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่

    "เหตุใดจึงยิ้มหน้าบานถึงเพียงนี้" เทลเล่อเอ่ยกล่าวถามกาเล็ทขึ้นเมื่อเห็นว่ากาเล็ทลดระดับลงมา

    "ท่านอาจารย์ ข้าพบเจอสมุนไพรหายาก ความหายากของมันนั้น ยากจนข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ช่วงชีวิตของผู้คนจะสามารถพบเจอกับมันได้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอย่างลิงโลด

    "เช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี" เทลเล่อเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมาแต่กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นยินดีเท่าใดนักสาเหตุก็เพราะตัวเทลเล่อนั้นไม่เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของหญ้าเหมันต์นี้เท่ากับกาเล็ท

    "เอาล่ะแยกย้ายกันไปสำรวจตรวจดูพื้นที่โดยรอบพร้อมทั้งเก็บเกี่ยวสมุนไพรต่างๆที่ข้าเอ่ยบอกสอนไว้" กาเล็ทเอ่ยสั่งการจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับลูกน้องทั้งสี่ของตนเองเป็นพิเศษ "โรส เจฟ มาร์ติน เรน่า ถึงแม้บริเวณโดยรอบจะดูเหมือนปลอดภัยไร้วี่แววของสัตว์อสูรดุร้ายแต่ก็อย่าได้ประมาทจนทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น ให้พวกเจ้าตื่นตัวและเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา" กาเล็ทเอ่ยบอก

    "ขอรับ/ค่ะนายน้อย" ทั้งสี่ขานรับ

    "หุบเขาอสูรฟ้านับว่าเป็นขุมทรัพย์แห่งทรัพยากรณ์จริงๆ" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเองในใจพร้อมทั้งหวนนึกทบทวนถึงตัวยาวิเศษซึ่งสามารถใช้หญ้าเหมันต์นี้เป็นส่วนประกอบหลอมสร้างขึ้น ตัวยาที่จะช่วยให้ผู้กินสามารถทะลวงฝ่าด่านกำแพงซึ่งยากลำบากของการฝึกฝนได้ แม้แต่ผู้ฝึกฝนในระดับราชันย์จักรพรรดิ์ หรือระดับปฐมแห่งเทพก็ตามอย่าว่าแต่เพียงระดับจักรพรรดิ์เลย



    ปล.เรื่องระดับพลังขั้นต่างๆในเรื่องผมไม่อยากประกาศบอกอย่างละเอียดเท่าไหร่นะครับ และชื่อระดับพลังขีดขั้นต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมแต่ที่ผมตั้งไว้คือต่อจากระดับจักรพรรดิ์คือระดับ ราชันย์จักรพรรดิ์ นี่คือแน่นอนแล้ว ต่อจากราชันย์จักรพรรดิ์ อาจจะเป็นระดับปฐมแห่งเทพ หรืออาจะเปลี่ยนเป็นระดับเซียน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×