ตอนที่ 34 : บทที่ 13 เจ้านายคนใหม่ (70%)
“วีคลอเซ็ทขาดทุนมาหลายปี ไตรมาสหน้าผมกำลังพิจารณาว่าจะปิดตัวบริษัทนี้ลงดีหรือเปล่า ลองให้ตี๋เล็กเข้าไปทำงานดูดีไหมครับอาป๊า”
วีคลอเซ็ท (V-Closet) คือหนึ่งในธุรกิจของวาณิชย์การทอ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าขนาดเล็กที่มีชื่อไม่คุ้นหู ดำเนินธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป รายได้แต่ละไตรมาสย่ำแย่จนถึงขั้นติดตัวแดง แต่เนื่องจากเป็นบริษัทลูกของวาณิชย์การทอ ขั้นตอนการผลิตล้วนมาจากโรงงานในเครือทั้งหมดทำให้วีคลอเซ็ทยังคงประคับประคองตนเองอยู่ได้ แต่ทว่าหลายปีที่ผ่านมาไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแม้แต่น้อย ในฐานะหัวเรือใหญ่ของวาณิชย์การทอธีรพงษ์มีความตั้งใจจะปิดบริษัทนี้ลงในไตรมาสหน้า
ถ้าน้องชายคนเล็กอยากทำธุรกิจตามที่ตัวเองพูดมาจริง วีคลอเซ็ทถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นธุรกิจของกงสีแล้ว หากธีรเทพสามารถพลิกฟื้นบริษัทที่กำลังจะปิดตัวลงขึ้นมาได้ น้ำหนักในสายตาของพนักงานวาณิชย์การทอและบุคคลภายนอกย่อมเปลี่ยนไป และถ้าวันใดวันหนึ่งธีรเทพต้องเข้ามาทำงานในตำแหน่งใดๆ ในวาณิชย์การทอย่อมไม่เป็นที่ครหาของใครอีก หรือต่อให้เลวร้ายที่สุดวีคลอเซ็ทต้องปิดตัวลงก็ไม่มีใครกล่าวโทษธีรเทพ เพราะเดิมทีธุรกิจนี้ก็มีทิศทางที่จะไปไม่รอดอยู่แล้ว
“อืม ก็ดีนะ”
เห็นท่าทางคล้อยตามของบิดา ธีรเทพก็ไม่รอช้าที่จะโวยวาย “จะให้ผมไปทำงานในบริษัทที่กำลังจะเจ๊งนี่นะครับ ติดตัวแดงมาตั้งหลายปี เฮียคิดว่าผมเก่งถึงขนาดจะทำให้มันมีกำไรขึ้นมาได้ภายในไตรมาสเดียวเหรอครับ”
“แล้วนายมีความสามารถหรือเปล่าล่ะ”
“ผม...”
โดนย้อนกลับเข้าให้ ธีรเทพก็ถึงกับไปไม่เป็น พยายามหันไปหาตัวช่วยแต่ก็พบว่าธีรพลนั้นมีสีหน้าเห็นด้วยกับพี่ชายคนโต ส่วนธีรดานั้นยังคงมีสีหน้าราบเรียบแต่แววตากำลังมีความคิดบางอย่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาของน้องชายคนเล็กที่กำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าพี่สาวสุดที่รักอย่างธีรดาย่อมไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ถ้าภายในไตรมาสนี้ตี๋เล็กทำกำไรให้วีคลอเซ็ทได้ เรื่องแต่งงานก็ไม่จำเป็นแล้วใช่ไหมคะอาป๊า”
สิ้นคำของธีรดา สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนไป ประมุขของบ้านศุภวณิชย์ ธีรพงษ์ และธีรพลนั้นแสดงออกชัดว่าไม่เห็นด้วย ในขณะที่ธีรเทพกำลังประมวลกำไรขาดทุนจากข้อเสนอดังกล่าว ตอนแรกเขาแค่อยากให้พี่สาวช่วยแย้งเรื่องการไปทำงานในบริษัทที่กำลังจะปิดตัวลง แต่เมื่อธีรดาเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานขึ้นมาก็ชักเริ่มลังเล
“เรื่องนั้นมัน...”
“ถ้าตี๋เล็กทำได้” ธีรดาย้ำคำขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่บิดาจะทันได้คิดให้รอบครอบ ไล่กวาดสายตามองผู้ร่วมขบวนการทีละคนอย่างต้องการปรามไม่ให้ปฏิเสธ ซึ่งทำให้ธีรพงษ์และธีรพลถึงกับต้องหุบปากฉับไม่กล้าเอ่ยแย้ง
ทางเจ้าสัวธนพัฒน์ผู้เป็นบิดานั้นเมื่อถูกย้ำถึงสองครั้งสองคราก็จำเป็นต้องตรึกตรองตามที่ธีรดาเสนออย่างไม่อาจเลี่ยง แน่นอนว่าการแต่งงานระหว่างสองบ้านนั้นย่อมไม่อาจยกเลิก แต่เมื่อคิดถึงแรงจูงใจในการทำงานของธีรเทพแล้วประเด็นนี้ย่อมน่าสนใจไม่น้อย ระหว่างบังคับฝืนใจ กับค่อยๆ ทำให้เปลี่ยนความคิด วิธีหลังย่อมมีน้ำหนักมากกว่า เนื่องจากยังมีทั้งเวลา และแรงจูงใจ ไหนจะงานแต่งงานที่กำลังถูกจัดเตรียมอย่างลับๆ เช่นนั้นก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปก็แล้วกัน
“ได้ ถ้าลื้อทำได้นะอาตี๋เล็ก” ท้ายประโยคนั้นหันมาจ้องสบสายตากับลูกชายคนเล็กที่กำลังนั่งคำนวณผลกำไรขาดทุนจากข้อเสนอของธีรดาอยู่
และเมื่อธีรเทพเงยหน้าขึ้นสบสายตาตอบก็ไม่รอช้าที่จะขอคำยืนยัน “อาป๊าสัญญานะครับ”
“ลื้อไปทำให้ได้ก่อน”
“สัญญาด้วยครับ”
“เอ๋... อาตี๋ ลื้อนี่มัน” เห็นได้ชัดว่าบิดาพยายามเลี่ยงไม่เอ่ยคำสัญญา ซึ่งนั่นทำให้ธีรเทพต้องท้วงถามเอาให้ได้
“ว่าไงครับ”
“ก็ได้ๆ อั๊วสัญญา ลื้อพอใจหรือยัง”
“พอใจมากครับ” ธีรเทพยิ้มแก้มแทบปริ แอบสบสายตากับพี่สาวในจังหวะหนึ่ง แม้ธีรดาจะมีท่าทีเฉยเมยไม่สนใจไยดีต่อการแต่งงานของเขากับคน ‘บ้านโน้น’ แต่จากเหตุการณ์ในวันนี้เห็นได้ชัดว่าธีรดาอยู่ข้างเขา เพียงแค่อาจจะออกตัวมากไม่ได้ และเมื่อเห็นมุมปากที่แอบยกยิ้มของอีกฝ่าย ธีรเทพก็ใจชื้นเป็นกำลัง
ธีรพงษ์จึงว่าขึ้นเพื่อตัดบทอย่างไม่ต้องการให้น้องชายเรียกร้องเรื่องใดๆ ได้อีก “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยววันนี้ผมจะแจ้งฝ่ายบุคคลให้เขาจัดการเรื่องตำแหน่งงานของตี๋เล็กเลยนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนครับ” ธีรเทพรีบขัด “เรื่องภายในวีคลอเซ็ทถือเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของผม ห้ามทุกคนเขามาวุ่นวายเด็ดขาดนะครับ”
“ตี๋เล็ก วีคลอเซ็ทเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของวาณิชย์การทอ ยังไงก็อยู่ในกงสี ไม่ให้พวกเฮียเข้าไปยุ่งไม่ได้”
“ไม่ได้สิครับ หากพวกเฮียอยากแกล้งให้ผมแต่งงานแล้วมาขัดขวางแผนการธุรกิจ จากที่ควรจะทำกำไรกลายเป็นติดตัวแดงเพิ่ม ผมก็แย่สิครับ”
เห็นได้ชัดว่าธีรเทพมองออกว่าพี่ชายคนโตนั้นมีแผนร้าย เพราะข้อตกลงคือเขาต้องทำกำไรให้กับบริษัทบิดาถึงจะยอมยกเลิกการแต่งงาน หากวีคลอเซ็ทยังอยู่ภายใต้กงสีที่มีพี่ชายคอยควบคุม ต่อให้พยายามทำงานแทบตาย เผลอๆ อาจจะติดตัวแดงยิ่งกว่าเดิมหนำซ้ำยังต้องแต่งงานกับยายหมูผีอัปลักษณ์เป็นของแถมอีกต่างหาก
“แล้วนายจะเอายังไง”
“ผมต้องมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดการทุกเรื่องภายในวีคลอเซ็ท พวกเฮียห้ามยุ่ง”
“ได้”
“แต่เรื่องเงินทุนผมยังต้องให้วาณิชย์การทอสนับสนุนอยู่นะครับ”
“เอาอย่างนี้ เฮียจะให้เงินวีคลอเซ็ทสามล้าน ไม่สิ...ห้าล้านเลยดีกว่า ภายในสามเดือนทำให้บริษัทนี้มีกำไรให้ได้ ถ้านายทำได้ ข้อตกลงระหว่างนายกับอาป๊า ให้อาป๊าเป็นคนตัดสินใจ ตกลงไหม”
“ดีล”
สิ้นคำตอบตกลง ธีรดาก็หันขวับไปมองพี่ชายคนโตตาถลน ซึ่งธีรพงษ์ก็หันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปพูดกับบิดาเรื่องการแต่งตั้งธีรเทพเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารของวีคลอเซ็ท ก่อนหันกลับมาสั่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีของวาณิชย์การทอด้วยใบหน้าเป็นต่อ
“อย่าลืมอนุมัติเงินให้วีคลอเซ็ทด้วยนะยาหยี”
ความเจ้าเล่ห์ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมแน่ๆ เฮียพงษ์ไม่ได้กล่าวไว้
ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของบ้านสินิท-สิรินด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
