คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 10 กลายร่าง (50%) รีไรท์
บทที่ 10 กลายร่าง
“ว่าอะไรนะ!”
เสียงของมาวินตวาดลั่นจนร่างของชายสูงวัยผู้ทำหน้าที่ดูแลบ้านสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตั้งแต่พบกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านอารมณ์รุนแรงขนาดนี้
“คุณทัศนัยฝากเอาไว้ให้ครับ”
มาวินกำการ์ดแต่งงานที่เคยเป็นของเขา แต่ถูกขีดฆ่าชื่อของเขา และกวินตราออกแล้วใส่ชื่อของ ‘น้องชาย’ กับ ‘กลอยใจ’ เอาไว้แทน ใบหน้าของชายหนุ่มดำทะมึน กรามแกร่งบดจนเป็นสันนูน เส้นเอ็นขึ้นเขียวเสียจนคนมองกลัวว่ามันจะแตก
คริสเข้าใจอะไรกระจ่างชัด เพียงเหลือบมองไปข้าง ๆ ส่งสัญญาณให้คนดูแลบ้านจากไป อีกฝ่ายคล้ายรอเวลา พุ่งตัวจากไปทันที
คล้อยหลังคนดูแลบ้านพ้นสายตา นัยน์ตาสีฟ้าจึงกลอกกลับมามองเพื่อน ไม่พูดอะไร ไม่ถามอะไร เพียงเดินตามอีกฝ่ายที่หุนหันไปที่รถ แล้วเอ่ยเพียงสั้น ๆ ว่า
“ไปตอนนี้จะได้อะไร”
ฝีเท้าที่ก้าวไปอย่างหุนหันหยุดชะงักทันที ใบหน้าดำทะมึนคล้ายตื่นจากภวังค์ ดวงตาวาวโรจน์อ่อนแสงลง
“เพราะฉันขี้ขลาดอีกแล้วสินะ”
คริสไม่ได้ตอบอะไร เพียงเดินไปตบไหล่เป็นเชิงปลอบ
เพียงเท่านั้น มาวินก็ได้คำตอบกับตัวเอง เขาหนีมาตลอด หนีทุกอย่าง หนีทั้งร่างกาย และหัวใจ ถ้าเขากล้าพอ เดินเข้าไปบอกมารดาว่าต้องการแต่งงานกับกลอยใจ ถ้าเขามั่นใจในความรู้สึกของตนเอง ทุกอย่างจะจบลงเช่นนี้ไหม
กลอยใจจะแต่งงานกับน้องชายเขาหรือไม่
“กลอยอยากไปจากที่นี่ค่ะ”
ความปรารถนาเดียวของกลอยใจที่เขาไม่เคยทำให้เธอได้เลย ทว่าวาคินทำได้ และทำได้ดี
ร่างสูงเดินเลื่อนลอยออกไปยังบริเวณสวนหลังบ้านริมน้ำอันเป็นที่นั่งประจำ เขาทิ้งกายลงบนม้านั่ง เหม่อมองอาทิตย์อัสดงตรงหน้า แล้วเม้มปาก กำมือที่วางบนตักแน่น
“ฉันควรต้องทำยังไง”
เขาถามออกไปอย่างคนขลาดเขลา ไม่รู้ว่าถามตนเองหรือถามใครกันแน่ หากคริสที่เพิ่งเดินตามมาก็ไร้ซึ่งคำตอบ อีกฝ่ายยืนมองนิ่ง ๆ ก่อนถอนหายใจ แล้วผละออกไปเพื่อให้เพื่อนมีเวลาเป็นของตัวเอง
ทว่า… ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา คนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัว
วาคินเดินเข้ามาในบ้าน สอบถามคนดูแลบ้านที่ทัศนัยแจ้งว่าคือคนรับเรื่องก็เดินตามเส้นทางที่อีกฝ่ายบอก พอได้เดินดูรอบบ้านอย่างจริงจังถึงพบว่าบ้านริมน้ำของมาวินนั้นกว้างใหญ่ และร่มรื่นสมกับที่อีกฝ่ายใช้เงินเก็บทั้งหมดแอบซื้อไว้ เขาคิดถึงใบหน้าของ ‘เจ้าสาว’ ตนเองแล้วผุดรอยยิ้มมุมปาก
บ้านหลังนี้พี่ชายของเขาคงซื้อไว้รอเธอ เสียดายที่บัดนี้กลอยใจกลับอยู่อาศัยในบ้านของเขา และในฐานะภรรยาของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ฝีเท้าของเขาเข้าใกล้แผ่นหลังห่อเหี่ยวพอสมควร คนที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่กลายเป็นความมืดมิด รอบข้างระยิบระยับไปด้วยดวงไฟดวงน้อยริมน้ำฝั่งตรงข้าม ได้ยินเสียงแผ่วเบาเอ่ยถามอย่างเลื่อนลอยขึ้นมาราวกับรอคอยการมาของเขาอยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอ”
“เมื่อเช้าคุณทัศบอกว่าพี่ไม่ได้อยู่ที่นี่”
บ้านหลังนี้เป็นสถานที่แรกที่เขาสั่งให้ทัศนัยมาตรวจสอบ แต่เลขานุการคนสนิทกลับไปพร้อมความล้มเหลว
“ก็ไม่ได้อยู่ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
คำตอบที่ได้ส่งผลให้หัวคิ้วคนฟังขมวดแน่น “ทำไมต้องหนี”
ถ้าจะหนีทำไมไม่หนีให้พ้น “แล้วทำไมกลับมา”
คำตอบของคำถามนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก… กลอยใจ
มาวินไม่ได้ตอบคำถามใด เพียงเงยหน้าขึ้นถาม
“นายแต่งงานกับน้องกลอยเหรอ”
วาคินถอนหายใจ เดินมานั่งลงข้างกายพี่ชายเงียบ ๆ เหลือบมองเสี้ยวหน้าที่สะท้อนแสงไฟจากตัวบ้านไม่วางตา เห็นชัดว่าในใจคงมีหลายเรื่องอยากระบาย
“ใช่ ผมแต่งงานกับกลอยใจ”
ใบหน้าที่สะท้อนแสงไฟเพียงพยักรับ รอยยิ้มปั้นยากกับแววตาระโหยไห้เหลือบมองมา วาคินก้มหน้าลงอย่างจนใจ
“ผมไม่มีทางเลือก”
“พี่เข้าใจ” มาวินตอบกลับมาเสียงเบา ใบหน้ายังคงทึ่มทื่อเช่นเดิม หากแววตาไหวระริกบอกความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
คาดว่าคงสะเทือนใจกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก
วาคินถอนหายใจอีกครั้ง มองใบหน้าของพี่ชายเขม็ง ค้างคาใจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ
“กลอยใจไม่รู้หรือว่าพี่รักหล่อน”
คำถามของวาคินธรรมดามาก แต่คนตอบกลับสีหน้าหมองลง
“ไม่รู้”
“ทำไมไม่บอก”
บอกแล้วได้อะไร เป็นคำถามที่ตอกหน้ามาวินได้อย่างดี
“ไม่มีประโยชน์” เขารู้จุดจบของความสัมพันธ์ดี มารดาไม่มีวันยอมรับกลอยใจ ต่อให้เขาฝืนรับหล่อนเข้ามาในฐานะภรรยา ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักก็คงทุกข์ตรม และเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าการเป็นเพียงกาฝากในบ้านวรโชติพงศ์หลายเท่า ซึ่งเขาไม่ปรารถนา ที่สำคัญเขากลัว… กลัววันข้างหน้าที่มองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง
“ต่อให้พี่ต่อต้านคุณแม่ ฝืนรับน้องกลอยเข้ามาเป็นภรรยา แต่มันก็คงไม่มีความสุขหรอก กลอยต้องทุกข์ใจกับแม่สามีที่ไม่ยอมรับ ส่วนคุณแม่ก็คงเจ็บปวดกับการอาศัยร่วมชายคากับภรรยาของพี่”
วาคินนิ่งเงียบ มองพี่ชายด้วยสายตาเวทนาเช่นเดียวกับที่มอบให้กลอยใจเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“มันยากนักหรือไงกับความรักเนี่ย” เขาถามเสียงติดตลก หากข้างในไม่ได้ตลกด้วย สงสารพี่ชายพอ ๆ กับที่สงสารตัวเอง เรื่องมันจะไม่ยุ่งยากขนาดนี้เลยหากคุณหญิงวารีไม่ถือทิฐิ และห่วงหน้าตาทางสังคม ทว่ามารดาของเขาเหมือนไม้แก่ดัดยาก การจะเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติของผู้สูงวัยนั้นยากกว่าให้กลอยใจตัดใจจากมาวินเสียอีก
“ถ้ามันยาก พี่จะอยากมีมันทำไม”
มาวินหัวเราะขื่น ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำสนิทที่เงียบเหงา และอ้างว้าง ก่อนตอบ “ถ้านายมีมันแล้วนายจะเข้าใจพี่เอง”
วาคินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยเรียกพี่ชายออกมา “พี่วิน”
เขากลืนความรู้สึกของ ‘ส่วนเกิน’ ทิ้งไปแล้วเอ่ยต่ออย่างยากเย็น
“ผมเป็นแค่เจ้าบ่าวตัวแทน พี่ต่างหากคือเจ้าบ่าวตัวจริง”
มาวินหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้า ก่อนตอบเสียงร้าวราน
“วาต่างหากเจ้าบ่าวตัวจริง”
เขาก็แค่… คนขี้ขลาดที่เอาแต่หนีทุกอย่างราวกับหมาจนตรอก ไม่เคยเงยหน้าขึ้นต่อสู้กับความไม่ต้องการของตัวเองสักครั้ง สิ่งที่ทำได้มีเพียงก้มหน้ายอมรับ หรือไม่ก็… หนี เช่นที่ทำวันนี้เท่านั้นเอง เขาไม่มีความกล้าหรือพลังมากพอจะปกป้องใคร แม้กระทั่งตัวเอง
“คุณวาย้ายออกไปแล้วเหรอคะนมแม้น” เสียงของอัยรินไม่เบานัก จนนมแม้นที่กำลังได้รับการบีบนวดจากสาวน้อยต้องจุ๊ปากดุเบา ๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็เอ่ยตอบ
“ใช่ค่ะ คุณวาสั่งให้คุณทัศหาบ้านให้หรือมีบ้านอยู่แล้วนมก็ไม่แน่ใจ หอบข้าวหอบของที่ติดตัวมาตั้งแต่เมืองนอกกับของที่คุณตามอบให้ติดตัวไปแค่นั้น พวกของที่ซื้อหาหรือได้มาจากเงินของส่วนกลาง เธอไม่ได้เอาไป แม้กระทั่งรถเบนซ์คันที่ใช้ประจำค่ะ”
อัยรินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พอจะรู้ว่าพี่ชายคนนี้เป็นคนเช่นไร ถ้าจะไป ต่อให้มีแค่ตัวเขาก็จะไปแค่ตัวจริง ๆ
“แบบนี้อัยย์ก็คงเจอพี่วายากแล้วใช่ไหมคะ แต่งงานแล้ว มีภรรยาแล้วแบบนี้”
นมแม้นยิ้มบาง ๆ เอื้อมมือมาลูบแก้มนวลแล้วเอ่ยตอบ “เจอได้ค่ะ แต่ก็บ่อยมากไม่ดี เข้าใจไหมคะ”
ต่อให้นมแม้นไม่บอก เธอก็ไม่คิดจะล้ำเส้นของคำว่าน้องนอกไส้อย่างแน่นอน ยิ่งวาคินมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว แม้ทั้งสองจะแต่งงานกันเพราะความจำเป็น แต่อย่างไรพี่ชายนอกไส้ของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มไม่โสดไปแล้ว แต่กับอีกคน…
“แล้วคุณมาวินละคะนม ไม่ใช่ว่ามีใจให้พี่กลอยเหรอคะ”
แม้จะเคยพบกันไม่กี่ครั้ง แต่สำหรับอัยรินแล้วกลอยใจน่าเรียกว่า ‘พี่’ มากกว่าคนบางคนหลายเท่านัก
นมแม้นนิ่งไปพักใหญ่ จึงค่อย ๆ เอ่ยตอบออกมาเสียงเบา
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”
ไม่ว่าอย่างไรก็ยากเย็น ทิฐิในใจของคุณหญิงวารี แม้แต่ท่านที่ดูแลกันมานานก็ยังไม่อาจทำลายลง ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษการเลี้ยงดูจากต้นตระกูลอันสูงศักดิ์ซึ่งขาดมารดาเป็นผู้สั่งสอนนั่นแหละ
ถ้าคุณหญิงวารีเรียนรู้ความรักจากแม่ได้มากกว่านี้ ก็คงไม่กลายเป็นภูเขาหินที่เยือกเย็น แข็งแกร่ง หากก็ด้านชา แสดงความรักที่มีต่อบุตรไม่เป็นเช่นนี้ แต่จะให้ตนสั่งสอนผู้เป็นนายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ทำได้ก็คือตักเตือนอย่างใจเย็น ทว่าก็ยังไม่เห็นผลของมันสักเท่าไร
“เราก็รู้ว่าเหตุผลคืออะไร เฮ้อ”
อัยรินพยักหน้า เข้าใจความหมายของนมแม้นเป็นอย่างดี การได้ใกล้ชิดคุณหญิงวารีมานาน และท่านมักเปิดเปลือยความในใจให้ฟังตั้งแต่ยังเด็กจึงส่งผลให้หญิงสาวรับรู้นิสัยใจคอของผู้มีพระคุณพอสมควร
“พี่กลอยเป็นคนดี” อัยรินบอกอย่างสัตย์จริง ตั้งแต่ได้รับรู้ความยากลำบากของพี่สาวคนนั้น ชีวิตในวันวานของเธอกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปทันที เมื่อสมัยเด็กเธอทุกข์มาก หากก็ไม่ยาวนานจนเกือบเป็นทั้งชีวิตเช่นกลอยใจ
นมแม้นถอนหายใจตาม มองสาวน้อยที่กำลังเติบใหญ่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “คุณกลอยเป็นคนดีมากค่ะ แต่บางครั้งความดีก็เอาชนะทิฐิในใจของคนบางคนไม่ได้ นมเข้าใจคุณกลอย แต่นมก็เข้าใจคุณหนูของนมเหมือนกันค่ะ”
คุณหญิงวารีกับกลอยใจเติบโตมาต่างกันเกินไป และมาวินกับกลอยใจยืนอยู่ในจุดยืนที่แตกต่างกันเกินไปเช่นกัน
อัยรินไม่ได้โต้แย้ง เพียงพยักหน้าเข้าใจ แล้วก้มหน้าลงนวดขา นวดเท้าให้หญิงสูงวัยเงียบ ๆ หากในใจกำลังครุ่นคิดถึงผลที่จะตามมา
ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ
เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด
อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ
รัก... เอริณ
ความคิดเห็น