NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ใต้อาณัติ

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 9 วิวาห์ล่ม (100%) รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.03K
      79
      22 ม.ค. 66

    (ต่อ)

    นายรวยขนาดจ่ายค่าที่จอดรถเป็นพันเลยเหรอ” ราคาของที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวก็ประมาณนี้ แต่ที่คริสมองว่ามันแพงเกินไปก็เพราะ… มาวินเพียงแวะมาจอดรถเท่านั้น ไม่ได้คิดจะค้างคืน

    อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เดินลงชายหาดไปเงียบ ๆ แววตาบ่งบอกว่าต้องการอยู่คนเดียว

    เขาอยู่กับเพื่อนมาหลายปี แม้จะห่างกันไปพักใหญ่ แต่ก็มองออกว่าเวลาเช่นนี้มาวินน่าจะต้องการอยู่กับตัวเอง

    หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจึงแยกตัวไปหามุมสงบของตัวเอง ทิ้งเวลาหลายชั่วโมงที่เหลือในวันแต่งงานให้เพื่อนได้ใช้อย่างที่ใจต้องการ

    มาวินเดินเงียบ ๆ มาจนถึงชายหาด มองท้องทะเลที่คลื่นซัดสาดรุนแรงแล้วม้วนตัวกลับลงไปสู่ความเวิ้งว้างก็ทอดถอนใจ ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารที่ปิดเสียงปิดสั่น ก่อนจะตั้งเป็นโหมดเครื่องบินตั้งแต่เมื่อคืนออกมา เขาปิดโหมดเครื่องบิน หน้าจอก็เด้งข้อความเข้ามาเป็นร้อย ๆ ข้อความ ส่วนใหญ่จะเป็นของมารดา บิดา กวินตรา

    คนสุดท้ายก็คือ… วาคิน

    สายจากน้องชายมีเพียงครั้งเดียว ส่วนข้อความก็สั้นกระชับบอกความรู้สึกออกมา

    อยู่ไหน เป็นห่วง”

    มาวินหัวเราะขมขื่นระคนยินดีในส่วนลึก ก่อนเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง จากนั้นปิดเปลือกตาลงพร้อมทรุดตัวลงคุกเข่า ร่ำไห้ออกมาโดยไม่มีเสียง

    ความอึดอัดคับแน่นในอกที่อยากระบายทะลักทลายออกมาจนอกข้างซ้ายแทบปริแตก

    ก่อนที่จะตัดสินใจ ‘ทิ้ง’ ภาระให้คนเบื้องหลัง เขาเคยลองพยายามส่งสัญญาณให้คนรอบข้างหลายต่อหลายครั้ง เคยเปรยกับบิดาเรื่องยังไม่พร้อมแต่งงาน ขอร้องมารดาว่ายังไม่อยากใช้ชีวิตคู่ ทว่าดูเหมือนความต้องการในใจลึก ๆ ของเขาจะถูกคนอื่นปัดทิ้ง กระทั่งวาคินเอง เขาก็เคยเปรยถึงเรื่องนี้ หากน้องก็เมินเฉยเช่นที่เป็นเสมอมา

    กำแพงความรู้สึกระหว่างเขากับวาคินไม่อาจทลายลง ต่อให้พยายามแค่ไหน สุดท้ายความสัมพันธ์ของลูกคนละพ่อก็ยังเป็นเส้นขนาน

    เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นยืนเหม่อมองท้องทะเลตอนกลางวันอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย

    สับสน อึดอัด ไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องเดินไปทางไหน หากกลับไปอีกครั้ง ทุกคนจะมองเขาเช่นไร กลอยใจเองจะรู้สึกอย่างไรต่อการกระทำของเขา ยิ่งคิดชายหนุ่มก็ยิ่งหวาดหวั่น ทว่าไม่อาจหันกลับไปได้อีก

    สองขาคู่ยาวก้าวออกไปช้า ๆ เสียงคลื่นซัดสาดเข้าชายหาดผ่านเลยไปราวกับหัวใจไร้ซึ่งความรู้สึก ยิ่งเดินลึกลงไป ความเย็นฉ่ำของกระแสน้ำกลับไม่ทำให้สติหลุดลอยกลับมาได้ ในใจมีเพียงความต้องการหลุดพ้น หรือหายไปจากโลกใบนี้

    ทว่า…

    มาวิน!” เสียงตะโกนลั่น พร้อมฝีเท้าว่องไวมาถึงตัวเขาได้ทัน

    ฝ่ามือของคริสตบลงใบหน้าเหม่อลอยของเพื่อนอย่างแรง กระแสเสียงยามตวาดถามด้วยความกรุ่นโกรธสั่นเทาจนเจ้าตัวต้องขบกรามแน่น

    ทำบ้าอะไร!”

    เสียงนั้นดังจนลำคอของคริสแสบร้อน หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองใบหน้าคล้ายไม่มีสติของเพื่อนแล้วบีบมือที่จับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ จนดวงตาคมกล้าที่มองออกไปไกลแสนไกลคล้ายได้สติ

    มะ มาวิน ฮึก” ริมฝีปากหนาสีเข้มเม้มแน่น ก้มหน้าลงความรู้สึกใจหาย

    เกือบไปเกือบไปจริงๆ

    วินาทีที่เดินกลับมาจากซื้อน้ำให้เพื่อน แลเห็นร่างคุ้นตาเดินลงไปในทะเลเช่นนั้น ช่างเป็นความตื่นตระหนกที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้จริงๆ

    คริสสูดลมหายใจ ดวงตาแดงก่ำมองเพื่อน พร้อมฝ่ามือหนาบีบไหล่กว้างอย่างแรง

    นายยังมีฉัน ลืมไปแล้วเหรอ”

    มาวินรู้สึกตัวในที่สุด ชายหนุ่มก้มลงมองเพื่อนที่บีบไหล่ตนเองแน่น ความหนาวเย็น และรสเค็มปร่าของน้ำทะเลราวกับค้อนหนัก ๆ ทุบลงมาบนศีรษะของเขา

    คะ คริส” เขาเอ่ยเรียกเพื่อนด้วยความสบสัน เห็นอีกฝ่ายตัวเปียกปอน มองมาด้วยดวงตาเข้มจัดก็เม้มปาก

    คลื่นน้ำรสเค็มสาดซัดจนร่างทั้งสองเซซวนไปตามแรงปะทะ ดวงตาแสบร้อนจนต้องเงยหน้าขึ้นสูง ไม่รู้เพราะน้ำทะเลหรือเพราะความขมขื่นตีตื้นขึ้นมาอีกระลอก

    ฉะ ฉัน”

    ลำคอแหบแห้งจนเสียงที่เอ่ยพร่าสั่น

    มาวินพึ่งตระหนักได้ว่า… ส่วนลึกของจิตใจเขามีความคิดบ้าคลั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูดลมหายใจ มองสบตาเพื่อนแล้วเอ่ย

    ฉันขอโทษ!”

    คริสส่ายหน้า รู้ว่าเพื่อนไม่สบายจึงเปล่งสะอื้นปนข้างในออกมา

    นายจะตายทั้งแบบนี้เหรอ ตายโดยที่นายยังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!”

    มาวินไม่มีคำตอบ ทำได้เพียงอึกอักในลำคอ

    ฉะ ฉัน”

    ร่างสูงกว่าเขาไม่รอคำตอบ กึ่งลากกึ่งจูงเขาขึ้นมาบนชายหาด แล้วสะบัดมือที่บีบต้นแขนเอาไว้ออก ตวัดหางตาเหลือบมองมาอย่างขุ่นเคือง หากก็ไม่ได้พูดอะไรทำร้ายจิตใจเพื่อน

    มาวินถอนหายใจ ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นทรายรับแรงสาดซัดของคลื่นน้ำทะเลเงียบ ๆ คริสเหลือบมอง ก่อนทิ้งกายลงนั่งข้างกัน

    ฉันอุตส่าห์ไปซื้อน้ำมะพร้าวมาให้” พูดจบก็หันกลับไปมองมะพร้าวสองลูกนอนกลิ้งอยู่ไม่ไกล ถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันมองเพื่อน

    ถ้าไม่มีฉัน นายจะตายจริง ๆ เหรอ”

    มาวินไม่ได้ตอบ ไม่หันมองสบตาเพื่อนด้วยซ้ำ

    เขาละอายใจ… ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด เขาเกือบจะสิ้นสติ ทำเรื่องแบบนั้นลงไปอย่างไม่รู้ตัว… หรือไม่ก็อาจรู้ตัว และตั้งใจทำ

    คริสมองเพื่อน มองเนิ่นนานจึงถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง ละสายตากลับมามองทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้าเป็นเพื่อนกัน

    มาวิน” อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงจนใจระคนห่วงใยในการเอ่ยถาม “กลัวการเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้เหรอ”

    คลับคล้ายกับว่ามาวินไม่อยากมีวันพรุ่งนี้ เขาเข้าใจดี เพราะอดีตก็เคยรู้สึกเช่นนั้น อนาคตมันมืดมนใช่ไหมล่ะ กลัวว่าถ้ากลับไปแล้ว การตัดสินใจของนายจะส่งผลต่อสายตาที่คนอื่นมองนาย กลัวคนมากมายจะผิดหวังในตัวของนาย ฉันพูดถูกไหม”

    มาวินพยักหน้ารับเบา ๆ แววตาอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด

    คริสกลับระบายยิ้ม เอื้อมมือไปแตะไหล่หนา แล้วออกแรงตบเล็กน้อย ปลอบโยนอีกฝ่ายพร้อมให้กำลังใจ

    มาวิน” เขาหวนนึกถึงความรู้สึกของตัวเองในครั้งนั้นจึงตัดสินใจเอ่ย “ไม่ว่าวันข้างหน้าสายตาของคนรอบข้างจะมองมายังไง มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถ้าการที่นายตัดสินใจ ‘ปฏิเสธ’ ความต้องการของคนอื่นเป็นครั้งแรกกลับเป็นเรื่องไม่สมควรในสายตาของหล่อน นั่นแปลว่าหล่อนไม่ได้รักนายจริง ๆ”

    เขาเชื่อว่ากว่ามาวินจะตัดสินใจหนีงานแต่งได้ อีกฝ่ายต้องขบคิดจนหัวแทบแตก ใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างยากลำบาก แถมต้องใช้ความกล้ามากมายทีเดียวกว่าจะลงมือทำได้

    นายเหนื่อยมากไม่ใช่เหรอ แววตานายอ่อนแสงลงทุกวัน ตั้งแต่ฉันมาที่นี่ ฉันไม่เคยเห็นนายยิ้มจริง ๆ สักครั้ง นอกจากครั้งแรกที่เราเจอกันที่สนามบิน”

    ไม่ใช่แค่การตัดสินใจในวันนี้ที่น่ากังวล แต่ความเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจของเพื่อนก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน

    มาวิน” เขาบีบไหล่หนาที่ลู่ลง ใบหน้าหล่อเหลาที่สาว ๆ เคยชมชอบกับแววตาหยิ่งทะนงในอดีตยามกวาดมองเขาเลือนหายไปนานแล้ว คริสเม้มปาก ถอนหายใจแล้วคลายมือที่บีบไหล่ออก

    ตัวนายเองก็เหมือนกัน หากรักตัวเองบ้าง มองเห็นตัวเองในเงาบนกระจกบ้าง นายจะไม่คิดแบบนี้”

    แววตาตอนที่มาวินเดินลงทะเลไปมันยังฝังแน่นในสมองของเขา คริสไม่เคยเห็นเพื่อนสิ้นหวังถึงเพียงนี้มาก่อน

    ชีวิตทั้งชีวิตของนายขึ้นอยู่กับตัวนายนะ กลับไปเถอะ”

    กลับไปเผชิญกับทุกอย่างอย่างกล้าหาญ แล้วเขาจะยืนเคียงข้าง บางครั้งเป็นเกราะป้องกันแรงกระแทกจากคนรอบข้างให้อีกด้วย

    นายรักคนอื่นได้ แต่นายต้องรักตัวเองเหมือนกัน หากผู้หญิงที่นายรักคนนั้น มองนายเปลี่ยนไป นายก็ควรต้องทำใจแล้วก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ใช้ชีวิตที่นายปรารถนา อยู่ให้ได้ ขอแค่นายยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ตำหนินาย ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม”

    คำพูดตอนท้ายนี้ หากคริสในวันข้างหน้าหวนกลับมาแก้ไขได้ เขาจะไม่เอ่ยมันออกมาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

    ทว่าแววตาของมาวินกลับมาสว่างวาบอีกครั้ง เขาหันมองใบหน้าของเพื่อน ฝืนยิ้มออกมาจาง ๆ แต่ในใจฟกลับปั่นป่วนไม่ต่างจากเดิม ทว่ามีสิ่งที่ต่างไปจากเดิมก็คือ… ความกล้า

    เขาอยากกลับไปเผชิญกับปัญหา และอยากรู้ด้วยว่าในสายตากลอยใจจะมองเขาเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่

    มาวินจึงคลี่ยิ้ม หันกลับมาตอบเพื่อนด้วยสีหน้าคลายกังวล

    “กลับกันเถอะ”

    คริสไม่รู้ว่าในแววตาอ่อนแสงที่อยู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมานั้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้อีกไหม ทว่าเมื่อเขากับมาวินกลับมาเผชิญหน้ากับทุกอย่างอีกครั้ง

    เพื่อนของเขา… ก็ได้เผชิญกับสิ่งที่เหนือกว่าความเจ็บปวด และอีกฝ่ายคล้ายกับเปลี่ยนไปราวกับคนละคนกัน


    **** เนื้อหายังมีติดขัดต้องขออภัยนะคะ


    ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ 

    เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด 

    อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ

    ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ

    รัก... เอริณ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×