คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 9 วิวาห์ล่ม (100%) รีไรท์
“นายรวยขนาดจ่ายค่าที่จอดรถเป็นพันเลยเหรอ” ราคาของที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวก็ประมาณนี้ แต่ที่คริสมองว่ามันแพงเกินไปก็เพราะ… มาวินเพียงแวะมาจอดรถเท่านั้น ไม่ได้คิดจะค้างคืน
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เดินลงชายหาดไปเงียบ ๆ แววตาบ่งบอกว่าต้องการอยู่คนเดียว
เขาอยู่กับเพื่อนมาหลายปี แม้จะห่างกันไปพักใหญ่ แต่ก็มองออกว่าเวลาเช่นนี้มาวินน่าจะต้องการอยู่กับตัวเอง
หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจึงแยกตัวไปหามุมสงบของตัวเอง ทิ้งเวลาหลายชั่วโมงที่เหลือในวันแต่งงานให้เพื่อนได้ใช้อย่างที่ใจต้องการ
มาวินเดินเงียบ ๆ มาจนถึงชายหาด มองท้องทะเลที่คลื่นซัดสาดรุนแรงแล้วม้วนตัวกลับลงไปสู่ความเวิ้งว้างก็ทอดถอนใจ ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารที่ปิดเสียงปิดสั่น ก่อนจะตั้งเป็นโหมดเครื่องบินตั้งแต่เมื่อคืนออกมา เขาปิดโหมดเครื่องบิน หน้าจอก็เด้งข้อความเข้ามาเป็นร้อย ๆ ข้อความ ส่วนใหญ่จะเป็นของมารดา บิดา กวินตรา
คนสุดท้ายก็คือ… วาคิน
สายจากน้องชายมีเพียงครั้งเดียว ส่วนข้อความก็สั้นกระชับบอกความรู้สึกออกมา
“อยู่ไหน เป็นห่วง”
มาวินหัวเราะขมขื่นระคนยินดีในส่วนลึก ก่อนเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง จากนั้นปิดเปลือกตาลงพร้อมทรุดตัวลงคุกเข่า ร่ำไห้ออกมาโดยไม่มีเสียง
ความอึดอัดคับแน่นในอกที่อยากระบายทะลักทลายออกมาจนอกข้างซ้ายแทบปริแตก
ก่อนที่จะตัดสินใจ ‘ทิ้ง’ ภาระให้คนเบื้องหลัง เขาเคยลองพยายามส่งสัญญาณให้คนรอบข้างหลายต่อหลายครั้ง เคยเปรยกับบิดาเรื่องยังไม่พร้อมแต่งงาน ขอร้องมารดาว่ายังไม่อยากใช้ชีวิตคู่ ทว่าดูเหมือนความต้องการในใจลึก ๆ ของเขาจะถูกคนอื่นปัดทิ้ง กระทั่งวาคินเอง เขาก็เคยเปรยถึงเรื่องนี้ หากน้องก็เมินเฉยเช่นที่เป็นเสมอมา
กำแพงความรู้สึกระหว่างเขากับวาคินไม่อาจทลายลง ต่อให้พยายามแค่ไหน สุดท้ายความสัมพันธ์ของลูกคนละพ่อก็ยังเป็นเส้นขนาน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นยืนเหม่อมองท้องทะเลตอนกลางวันอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
สับสน อึดอัด ไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องเดินไปทางไหน หากกลับไปอีกครั้ง ทุกคนจะมองเขาเช่นไร กลอยใจเองจะรู้สึกอย่างไรต่อการกระทำของเขา ยิ่งคิดชายหนุ่มก็ยิ่งหวาดหวั่น ทว่าไม่อาจหันกลับไปได้อีก
สองขาคู่ยาวก้าวออกไปช้า ๆ เสียงคลื่นซัดสาดเข้าชายหาดผ่านเลยไปราวกับหัวใจไร้ซึ่งความรู้สึก ยิ่งเดินลึกลงไป ความเย็นฉ่ำของกระแสน้ำกลับไม่ทำให้สติหลุดลอยกลับมาได้ ในใจมีเพียงความต้องการหลุดพ้น หรือหายไปจากโลกใบนี้…
ทว่า…
“มาวิน!” เสียงตะโกนลั่น พร้อมฝีเท้าว่องไวมาถึงตัวเขาได้ทัน
ฝ่ามือของคริสตบลงใบหน้าเหม่อลอยของเพื่อนอย่างแรง กระแสเสียงยามตวาดถามด้วยความกรุ่นโกรธสั่นเทาจนเจ้าตัวต้องขบกรามแน่น
“ทำบ้าอะไร!”
เสียงนั้นดังจนลำคอของคริสแสบร้อน หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองใบหน้าคล้ายไม่มีสติของเพื่อนแล้วบีบมือที่จับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ จนดวงตาคมกล้าที่มองออกไปไกลแสนไกลคล้ายได้สติ
“มะ มาวิน ฮึก” ริมฝีปากหนาสีเข้มเม้มแน่น ก้มหน้าลงความรู้สึกใจหาย
เกือบไป… เกือบไปจริงๆ
วินาทีที่เดินกลับมาจากซื้อน้ำให้เพื่อน แลเห็นร่างคุ้นตาเดินลงไปในทะเลเช่นนั้น ช่างเป็นความตื่นตระหนกที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้จริงๆ
คริสสูดลมหายใจ ดวงตาแดงก่ำมองเพื่อน พร้อมฝ่ามือหนาบีบไหล่กว้างอย่างแรง
“นายยังมีฉัน ลืมไปแล้วเหรอ”
มาวินรู้สึกตัวในที่สุด ชายหนุ่มก้มลงมองเพื่อนที่บีบไหล่ตนเองแน่น ความหนาวเย็น และรสเค็มปร่าของน้ำทะเลราวกับค้อนหนัก ๆ ทุบลงมาบนศีรษะของเขา
“คะ คริส” เขาเอ่ยเรียกเพื่อนด้วยความสบสัน เห็นอีกฝ่ายตัวเปียกปอน มองมาด้วยดวงตาเข้มจัดก็เม้มปาก
คลื่นน้ำรสเค็มสาดซัดจนร่างทั้งสองเซซวนไปตามแรงปะทะ ดวงตาแสบร้อนจนต้องเงยหน้าขึ้นสูง ไม่รู้เพราะน้ำทะเลหรือเพราะความขมขื่นตีตื้นขึ้นมาอีกระลอก
“ฉะ ฉัน”
ลำคอแหบแห้งจนเสียงที่เอ่ยพร่าสั่น
มาวินพึ่งตระหนักได้ว่า… ส่วนลึกของจิตใจเขามีความคิดบ้าคลั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูดลมหายใจ มองสบตาเพื่อนแล้วเอ่ย
“ฉันขอโทษ!”
คริสส่ายหน้า รู้ว่าเพื่อนไม่สบายจึงเปล่งสะอื้นปนข้างในออกมา
“นายจะตายทั้งแบบนี้เหรอ ตายโดยที่นายยังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!”
มาวินไม่มีคำตอบ ทำได้เพียงอึกอักในลำคอ
“ฉะ ฉัน”
ร่างสูงกว่าเขาไม่รอคำตอบ กึ่งลากกึ่งจูงเขาขึ้นมาบนชายหาด แล้วสะบัดมือที่บีบต้นแขนเอาไว้ออก ตวัดหางตาเหลือบมองมาอย่างขุ่นเคือง หากก็ไม่ได้พูดอะไรทำร้ายจิตใจเพื่อน
มาวินถอนหายใจ ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นทรายรับแรงสาดซัดของคลื่นน้ำทะเลเงียบ ๆ คริสเหลือบมอง ก่อนทิ้งกายลงนั่งข้างกัน
“ฉันอุตส่าห์ไปซื้อน้ำมะพร้าวมาให้” พูดจบก็หันกลับไปมองมะพร้าวสองลูกนอนกลิ้งอยู่ไม่ไกล ถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันมองเพื่อน
“ถ้าไม่มีฉัน นายจะตายจริง ๆ เหรอ”
มาวินไม่ได้ตอบ ไม่หันมองสบตาเพื่อนด้วยซ้ำ
เขาละอายใจ… ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด เขาเกือบจะสิ้นสติ ทำเรื่องแบบนั้นลงไปอย่างไม่รู้ตัว… หรือไม่ก็อาจรู้ตัว และตั้งใจทำ
คริสมองเพื่อน มองเนิ่นนานจึงถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง ละสายตากลับมามองทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้าเป็นเพื่อนกัน
“มาวิน” อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงจนใจระคนห่วงใยในการเอ่ยถาม “กลัวการเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้เหรอ”
คลับคล้ายกับว่ามาวินไม่อยากมีวันพรุ่งนี้ เขาเข้าใจดี เพราะอดีตก็เคยรู้สึกเช่นนั้น “อนาคตมันมืดมนใช่ไหมล่ะ กลัวว่าถ้ากลับไปแล้ว การตัดสินใจของนายจะส่งผลต่อสายตาที่คนอื่นมองนาย กลัวคนมากมายจะผิดหวังในตัวของนาย ฉันพูดถูกไหม”
มาวินพยักหน้ารับเบา ๆ แววตาอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
คริสกลับระบายยิ้ม เอื้อมมือไปแตะไหล่หนา แล้วออกแรงตบเล็กน้อย ปลอบโยนอีกฝ่ายพร้อมให้กำลังใจ
“มาวิน” เขาหวนนึกถึงความรู้สึกของตัวเองในครั้งนั้นจึงตัดสินใจเอ่ย “ไม่ว่าวันข้างหน้าสายตาของคนรอบข้างจะมองมายังไง มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถ้าการที่นายตัดสินใจ ‘ปฏิเสธ’ ความต้องการของคนอื่นเป็นครั้งแรกกลับเป็นเรื่องไม่สมควรในสายตาของหล่อน นั่นแปลว่าหล่อนไม่ได้รักนายจริง ๆ”
เขาเชื่อว่ากว่ามาวินจะตัดสินใจหนีงานแต่งได้ อีกฝ่ายต้องขบคิดจนหัวแทบแตก ใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างยากลำบาก แถมต้องใช้ความกล้ามากมายทีเดียวกว่าจะลงมือทำได้
“นายเหนื่อยมากไม่ใช่เหรอ แววตานายอ่อนแสงลงทุกวัน ตั้งแต่ฉันมาที่นี่ ฉันไม่เคยเห็นนายยิ้มจริง ๆ สักครั้ง นอกจากครั้งแรกที่เราเจอกันที่สนามบิน”
ไม่ใช่แค่การตัดสินใจในวันนี้ที่น่ากังวล แต่ความเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจของเพื่อนก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน
“มาวิน” เขาบีบไหล่หนาที่ลู่ลง ใบหน้าหล่อเหลาที่สาว ๆ เคยชมชอบกับแววตาหยิ่งทะนงในอดีตยามกวาดมองเขาเลือนหายไปนานแล้ว คริสเม้มปาก ถอนหายใจแล้วคลายมือที่บีบไหล่ออก
“ตัวนายเองก็เหมือนกัน หากรักตัวเองบ้าง มองเห็นตัวเองในเงาบนกระจกบ้าง นายจะไม่คิดแบบนี้”
แววตาตอนที่มาวินเดินลงทะเลไปมันยังฝังแน่นในสมองของเขา คริสไม่เคยเห็นเพื่อนสิ้นหวังถึงเพียงนี้มาก่อน
“ชีวิตทั้งชีวิตของนายขึ้นอยู่กับตัวนายนะ กลับไปเถอะ”
กลับไปเผชิญกับทุกอย่างอย่างกล้าหาญ แล้วเขาจะยืนเคียงข้าง บางครั้งเป็นเกราะป้องกันแรงกระแทกจากคนรอบข้างให้อีกด้วย
“นายรักคนอื่นได้ แต่นายต้องรักตัวเองเหมือนกัน หากผู้หญิงที่นายรักคนนั้น มองนายเปลี่ยนไป นายก็ควรต้องทำใจแล้วก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ใช้ชีวิตที่นายปรารถนา อยู่ให้ได้ ขอแค่นายยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ตำหนินาย ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม”
คำพูดตอนท้ายนี้ หากคริสในวันข้างหน้าหวนกลับมาแก้ไขได้ เขาจะไม่เอ่ยมันออกมาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ทว่าแววตาของมาวินกลับมาสว่างวาบอีกครั้ง เขาหันมองใบหน้าของเพื่อน ฝืนยิ้มออกมาจาง ๆ แต่ในใจฟกลับปั่นป่วนไม่ต่างจากเดิม ทว่ามีสิ่งที่ต่างไปจากเดิมก็คือ… ความกล้า
เขาอยากกลับไปเผชิญกับปัญหา และอยากรู้ด้วยว่าในสายตากลอยใจจะมองเขาเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่
มาวินจึงคลี่ยิ้ม หันกลับมาตอบเพื่อนด้วยสีหน้าคลายกังวล
“กลับกันเถอะ”
คริสไม่รู้ว่าในแววตาอ่อนแสงที่อยู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมานั้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้อีกไหม ทว่าเมื่อเขากับมาวินกลับมาเผชิญหน้ากับทุกอย่างอีกครั้ง
เพื่อนของเขา… ก็ได้เผชิญกับสิ่งที่เหนือกว่าความเจ็บปวด และอีกฝ่ายคล้ายกับเปลี่ยนไปราวกับคนละคนกัน
**** เนื้อหายังมีติดขัดต้องขออภัยนะคะ
ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ
เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด
อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ
รัก... เอริณ
ความคิดเห็น