ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #20 : CHAP 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3K
      28
      23 เม.ย. 56

     

     

    CHAPTER 20

     

     

    ชานมไข่มุกแก้วโตถูกยื่นมาหน้าเด็กตัวบางที่ยังไม่หายหอบหายใจดีด้วยซ้ำ เซฮุนเงยหน้ามองคนยื่นให้ขณะที่กำลังถอดสายคาดเอวไปด้วย จงอินระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักเพยิดให้รับไป

     

    “อันนี้ของพี่ แต่ถ้ารอบชิงได้แชมป์จะมีรางวัลพิเศษจากคนนั้นด้วย”

     

    พูดจบก็หันไปทางกัปตันชมรมฟุตบอลที่กำลังยื่นถุงขนมให้แพคฮยอนกับชานยอล เซฮุนมองตามไปแล้วค่อยหันกลับมาคว้าของรางวัลสุดโปรดในมือคนเป็นพี่ รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนริมฝีปาก

     

    “นี่ไปซื้อมาตอนไหนฮะ? ก็ลงมาพร้อมๆ กัน”

     

    “นู่นนนน เจ้าถิ่นเขาวิ่งไปหาซื้อมาเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว”

     

    พูดแล้วก็หันกลับไปทางเดิม พ่อคนใจดีที่อุตส่าห์เดินไปซื้อชานมไข่มุกร้านอร่อยในมหาลัย แถมยังซื้อขนมนมเนยติดไม้ติดมือมาฝากนักกีฬาทีมน้องชายยังคงวุ่นวายอยู่กับการแจกจ่ายของกินให้สมาชิกในทีม เซฮุนมองภาพนั้นแล้วอมยิ้มกับตัวเองเงียบๆ ก่อนจะก้มลงดูดชานมรสอร่อยในมือ

     

    กัปตันทีมตัวสูงมองคนเป็นน้องพร้อมระบายยิ้ม กะไว้แล้วเชียวว่าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ทั้งๆ ที่คู่แข่งก็ใช่ว่าจะล้มได้ง่ายๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เพียงครึ่งนาทีเซฮุนก็จัดการทุ่มอีกฝ่ายลอยเคว้งคว้างได้อิปป้งมาท่ามกลางเสียงฮือฮาจากคนทั้งโรงยิม จงอินเดาว่าแม้แต่คนถูกทุ่มเองก็คงจะยังงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย

     

    เซฮุนไม่ใช่นักกีฬาที่แข็งแรงเทียบเท่าคนอื่น แต่เป็นนักกีฬาที่ฉลาดมากจนหาคนเทียบได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งลงสนามเป็นครั้งแรกแบบนี้ด้วยแทบจะหาไม่ได้

     

    อย่างเกมส์การแข่งขันเมื่อกี้ เซฮุนเล่นแผนซ้อนแผนอีกที หลอกว่าจะเข้าข้างขวาแต่กลับหมุนมาเข้าข้างซ้าย แต่สุดท้ายกลับหลอกซ้ำด้วยการหลบฉากแล้วหมุนตัวเข้าท่าด้านขวาซ้ำอีกครั้งในท่าไทโอโตชิ (Tai-Otoshi) ซึ่งเป็นท่าเสียบขาขัดกับคู่ต่อสู้ ไม่ต้องเดาเลยว่าหลังจากที่ถูกหลอกซ้ำซ้อนจนตั้งตัวไม่ติดแบบนั้นผลการแข่งขันจะออกมาเป็นยังไง

     

    นอกเหนือจากพรสวรรค์ที่น่าตกใจนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เซฮุนมีในนักกีฬาหน้าใหม่ซึ่งหาน้อยมากที่คนอื่นจะมี คือความกระหายในการแข่งขัน เด็กคนนี้กระหายที่จะเหยียบย่างขึ้นไปบนสังเวียน เนื้อเต้นที่จะได้แข่งมากกว่าตื่นเต้นที่จะเจอการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้บดบังความกลัวความกังวลต่างๆ นานาในใจไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความสนุกในการแข่ง ถามว่าเป็นเรื่องที่ดีมั้ยคงต้องตอบว่าใช่ แต่ก็คงต้องควบคุมไม่ให้มันมากไปกว่านี้ด้วยในอนาคต

     

    จงอินพรูลมหายใจแล้วยีเส้นผมชื้นเหงื่อของน้องเล็กในทีมด้วยความหมั่นเขี้ยว คนตัวขาวเงยหน้ายิ้มตาหยีให้พี่ชายร่วมทีมแม้จะยังอมปลายหลอดไว้ในปาก

     

    “อย่ากินเยอะนักล่ะ อีกไม่นานก็ต้องแข่งรอบชิงแล้ว จุกไม่รู้ด้วยนะ”

     

    เตือนนักกีฬาคนสุดท้ายที่โอกาสไปถึงรอบชิงชนะเลิศจบก็มองเลยไปถึงคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ร่างกายที่ว่าเล็กอยู่แล้วเมื่ออยู่ในเสื้อวอร์มตัวโคร่งของเขายิ่งทำให้ดูตัวเล็กมากขึ้นไปอีก ใบหน้าหวานเรียบนิ่งเสียจนนึกว่าเป็นภาพวาด หากมือขาวนั้นไม่ได้หยิบขวดเกลือแร่มาดื่มจงอินก็คงนึกว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงรูปสลักงดงามชิ้นหนึ่ง

     

    ดวงตากลมดูเล็กลงถนัดตาเมื่อเจ้าตัวหลุบตาต่ำลงราวกับพยายามซ่อนความรู้สึกบางสิ่งไม่ให้ใครเห็น ชานยอลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แอบลอบมองเป็นพักๆ ระหว่างที่ส่งขนมเข้าปากเคี้ยว อยากจะลองสะกิดแบ่งของกินให้แต่ดูท่าแล้วเพื่อนร่วมทีมตัวเล็กเหมือนปิดกั้นโลกภายนอกจนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

     

    จงอินคลี่ยิ้มแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหา คนตัวสูงที่รู้ว่าควรทำอย่างไรในเวลานี้ก็ยอมเขยิบหนีเพื่อนสนิทแล้วเลี่ยงเดินมาทางแพคฮยอน ลู่หาน และเซฮุนที่กำลังตั้งวงกินขนมอยู่แทน

     

    “หายเหนื่อยหรือยัง?” เสียงทุ้มถามสั้นๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

     

    มีเพียงเสียงอือรับในลำคอค่อยๆ โดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกัน ทำเอาคนที่ตั้งใจมาคุยด้วยต้องลอบถอนหายใจเสียงเบา อาการแบบนี้น่ะมีกันทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพียงแต่ต้องให้เวลากับเขาสักหน่อย

     

    “เล่นซึมแบบนี้คนสอนเสียใจแย่”

     

    “ถึงยังไงฉันก็ทำให้นายผิดหวังไปแล้ว” ที่สุดดวงตากลมคู่กันก็ยอมหันกลับมาสบตากัน จงอินเห็นความวูบไหวในดวงตาแดงก่ำเพราะพยายามกลั้นไม่ให้หยดน้ำแห่งความเสียใจไหลออกมา

     

    “แล้วฉันพูดสักคำหรือยังว่าฉันผิดหวัง”

     

    พูดราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรในคำพูดตอนต้น คยองซูกัดริมฝีปากแล้วหันหน้าหนี เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่มองอยู่ได้ไม่น้อย จงอินล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าตัวเองออกมาก่อนจะวางลงบนมือเล็กของอีกฝ่าย

     

    คนที่เพิ่งจะหันหน้าหนียอมหันกลับมาเมื่อสัมผัสได้ถึงพลาสติกเรียบลื่นในมือ ช็อคโกแลตแท่งถูกห่ออย่างดีบ่งบอกว่ามันเพิ่งจะถูกซื้อออกมาจากร้านหมาดๆ ยังไม่มีใครแกะเพื่อลิ้มชิมรสหวานอมขมของขนมสีน้ำตาลข้างใน

     

    “กินของหวานๆ จะได้อารมณ์ดี” คนให้ยังคงระบายยิ้ม ยิ้มจนทำให้คยองซูรู้สึกอึดอัด

     

    “จงอิน ฉันแพ้นะ ฉันเป็นคนแพ้ ทั้งๆ ที่นายอุตส่าห์ฝึกให้ฉันมาขนาดนั้น แต่ฉันกลับ...”

     

    คำพูดจากริมฝีปากเจื้อยแจ้วขาดช่วงไปเมื่อจงอินหยิบช็อคโกแลตในมืออีกฝ่ายมาแล้วแกะเร็วๆ ส่งเข้าปากสีอ่อนเพื่อหยุดคำพูดทำร้ายตัวเอง คยองซูย่นคิ้วมองหน้าคนที่ยังชอบบังคับดื้อๆ เสมอต้นเสมอปลายแต่ก็ยอมเคี้ยวขนมรสหวานในปากไปด้วย

     

    “นายนี่เป็นคนยังไงนะ ขี้หลงขี้ลืม พูดอะไรไปไม่เคยจะจำ” แกล้งทำหน้าตึงก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดเศษช็อคโกแล็ตที่มุมปากบาง

     

    “ฉันบอกแล้วไงว่าแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ การที่นายมาไกลขนาดนี้ต่างหากคือสิ่งที่ดีมากแล้ว  มันไม่ง่ายหรอกนะที่คนเพิ่งเล่นจะทำคะแนนไล่ตามคนที่เล่นมาก่อนได้เร็วแบบนั้น” คยองซูอ้าปากตั้งท่าจะเถียงต่อแต่จงอินก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้โอกาสพูด

     

    “รู้ตัวบ้างมั้ยโดคยองซู...” ดวงตาคมจับจ้องแก้วสีนิลนั้นด้วยแววตาที่จริงจังขึ้น

     

    “นายชนะตัวเองแล้ว...นี่ต่างหากคือสิ่งที่ทำให้ฉันดีใจที่สุด”

     

    จนคำพูดใดๆ เมื่อจงอินส่งความรู้สึกผ่านดวงตาคมเข้มคู่นั้นผนวกเข้ากับเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยถ้อยคำจริงจังดังกล่าว รอยยิ้มมากความหมายฉายชัดบนริมฝีปากหยักได้รูป มีพลังมากเสียจนคนที่ได้เห็นเผลอสะดุดลมหายใจ หลากหลายความรู้สึกตีตื้นจนพูดอะไรไม่ออก

     

    “ครั้งนี้แพ้ครั้งหน้าก็เอาใหม่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นายแพ้โลกก็ไม่ได้แตกสักหน่อย จริงมั้ย?” เปลี่ยนมาหัวเราะสบายๆ จนอีกฝ่ายแทบปรับอารมณ์ไม่ทัน จงอินลอบมองคนที่ไม่พูดอะไรได้แต่ส่งช็อกโกแลตแท่งเข้าปากอีกชิ้นต่อเงียบๆ แล้วก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้

     

    “อีกอย่างนายน่ะ...” ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดทำเอาคนที่เพิ่งจะหันหน้าหลบตาต้องหันควับกลับมามอง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

     

    “...ชนะใจฉันแล้วด้วย”

     

    สิ้นคำพูดคยองซูก็ถึงกับต้องเบิกตากว้างหนักกว่าเดิม เพราะไม่เพียงแต่คำพูดชวนเขินแต่พ่อตำนานของวงการยังหักเอาส่วนหนึ่งของแท่งช็อคโกแลตที่เขางับค้างอยู่เอาไปใส่ปากตัวเองเคี้ยวตุ้ยๆ ต่อหน้าต่อตา

     

    ยิ่งจงอินทำหน้าอย่างคนเหนือกว่าประกอบกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งทำให้คยองซูอยากจะมุดตัวหายไปเป็นไรฝุ่นตามผนังโรงยิมให้ได้ รู้สึกคล้ายกับเลือดพากันขึ้นมากองบนใบหน้าจนร้อนเห่อ หัวใจเต้นแรงอีกครั้งราวกับกำลังจะต้องขึ้นสนามแข่งขันอีกรอบ

     

    “น...นายมันพูดไม่รู้เรื่อง แถมยังแย่งขนมคนอื่นเขากินอีก”

     

    ที่สุดแล้วคำต่อว่าที่ไร้ความน่ากลัวก็ถูกเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ชวนให้คนถูกว่าต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมด จากนั้นรอยยิ้มที่หายไปพักใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีอ่อน และเสียงหัวเราะก็ตามมาต่อจากนั้น พัดเมฆหมอกสีทึมจางหายไปเพียงแค่ได้อยู่ข้างกันตรงนี้

     

    แพคฮยอนเหลียวหันมองพลางคลี่ยิ้มก่อนจะหันกลับมาสู่วงของกิน ดูเหมือนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็กำลังมองไปทางเป้าหมายเดียวกัน และริมฝีปากของทุกคนล้วนมีรอยยิ้มเล็กๆ ฉายชัด

     

    “ไม่นึกเลยนะว่ามันจะไปได้สวยขนาดนี้ ผิดกับเมื่อก่อนอย่างกับคนละคน” เป็นคนอายุมากที่สุดในกลุ่มที่พูดขึ้นมาเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้คุยกับเด็กพวกนี้แต่ไม่ว่าเจอกันกี่ทีเรื่องของจงอินในอดีตก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาคุยเสมอไม่รู้เบื่อ

     

    “ถ้าคราวนี้มันยังปล่อยเขาไปอีกพวกผมก็คงต้องหากระดาษทรายมาขัดเขามันแล้วล่ะครับพี่ลู่หาน เดี๋ยวเพื่อนจะเขาไม่สวยอวดใครไม่ได้”

     

    “โห พี่ชานยอลชมพี่จงอินว่าเป็นกวางมูสด้วยอ่ะ”

     

    “ควายต่างหาก”

     

    ตบมุกกันสองพี่น้องเสร็จสรรพเสียงหัวเราะก็ดังครืน ทั้งคนชงทั้งคนตบรับส่งกันยังกับซ้อมมาเล่นเอาคนนอกอย่างลู่หานหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง แม้กระนั้นนักบอลหน้าหยกก็ไม่ลืมทำหน้าที่ส่งน้ำส่งขนมให้คนตัวขาวที่หมายตาไว้และกำลังเข้าตีสนิทอย่างเป็นไปได้สวย ส่วนฝ่ายคนอายุน้อยกว่าก็ยิ้มแทนคำขอบคุณและรับน้ำใจนั้นมาโดยดี

     

    เซฮุนเป็นเด็กคุยง่าย น่ารัก มีอัธยาศัยดี ที่สำคัญรอยยิ้มและเสียงเราะนั้นมีเสน่ห์น่าเอ็นดูเป็นที่สุด ลู่หานจึงไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ในทีมต่างก็รักและเอ็นดูน้องเล็กคนนี้ เพียงคุยกันได้ไม่นานเซฮุนก็เปิดใจทำความรู้จักกับเขาได้ไม่ยาก เขาตามหามานานแล้ว คนที่ดูใสซื่อไร้เดียงสาแต่เมื่อสวมวิญญาณนักกีฬาแววตามุ่งมั่นก็มาแทนที่

     

    คนหน้าหวานเกินนิสัยเผลอมองเทวดาตัวน้อยกำลังหัวเราะสดใสอยู่นานจนไม่อาจรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดยิกๆ ตรงไหล่ กระทั่งแรงสะกิดเบาๆ นั้นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือหนักๆ ที่ประเคนมาให้เสียเต็มรัก เล่นเอาต้องจิ๊ปากขัดใจแล้วหันกลับไปมองไอ้คนที่บังอาจมาประทุษร้ายตอนกำลังฟิน

     

    “แหม มองกะให้ผมได้หลานเลยมั้ย?”

     

    “ยุ่งจริงแกนี่! มีอะไร?” สะบัดเสียงใส่ซะด้วย จงอินอมยิ้มให้กับท่าทางของพี่ชายคนสนิทที่เห็นแล้วมันอดจะเอ่ยปากแซวไม่ได้

     

    “ก็ไม่ได้อยากจะรบกวนหรอกนะ แต่จะวานหยิบกล่องยาให้หน่อย” พยักเพยิดหน้าไปทางกล่องยาที่วางอยู่ใกล้ๆ ลู่หานด้วย คนเป็นพี่มองตามแล้วเอื้อมไปหยิบกล่องยามาให้ พร้อมกันกับที่วงสนทนาหยุดลงชั่วคราวแล้วพร้อมใจกันหันมาทางคนมาใหม่

     

    “ใครเป็นอะไรเหรอจงอิน?” แพคฮยอนถามขึ้นมาระหว่างที่จงอินรับกล่องยานั้นไปเปิดหาของที่ต้องการ

     

    “คยองซูหน้าถูเบาะน่ะ ถลอกนิดหน่อยเลยจะเอาพลาสเตอร์ยาไปให้”

     

    “แหมมมม มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม นี่ถ้ามึงรู้ว่าคยองซูหน้าไปถูกับเบาะผืนไหนมึงไม่ตามไปหามีดมากรีดเบาะนั้นเลยเหรอวะ”

     

    “เดี๋ยวกูถีบ!” ไม่พูดเปล่าเตรียมยกเท้าจะเหวี่ยงใส่หน้าไอ้คนยิ้มโชว์ฟันที่นั่งข้างๆ แพคฮยอนด้วย แต่มีหรือที่ใครจะกลัว ก็เล่นด่าไปหลบตาไป นี่ถ้ามันขาวกว่านี้สักหน่อยคงได้มีเห็นคนปากแข็งหน้าแดงกันมั่งล่ะ

     

    เสียงหัวเราะเฮฮาถูกขัดจังหวะเมื่อประธานชมรมมหาลัยเจ้าภาพหอบหิ้วถุงกล่องข้าวกลางวันมาพร้อมกับนักกีฬาน้องเล็กของทีม ชานยอลกับแพคฮยอนรีบรับของพะรุงพะรังในมืออีกฝ่ายพร้อมกล่าวขอบคุณ เป็นธรรมเนียนกันอยู่แล้วว่าแม็ทซ์เชื่อมความสัมพันธ์มหาลัยเจ้าภาพจะเป็นคนจัดหาอาหารมาให้แต่ละทีม ถึงนี่เป็นแค่แม็ทซ์พิเศษไม่ใช่แม็ทซ์จริงแต่นับว่าจงฮยอนยังคงดูแลเพื่อนนักกีฬาจากทุกทีมดีไม่ขาดตก

     

    “โห ทีมนี้ของกินมันจะเยอะไปป่ะวะ? ลู่หาน  แกมันไส้ศึกนี่หว่า! มหาลัยตัวเองไม่เห็นจะมาบำรุง” จงฮยอนบ่นไม่จริงจังนักซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาคือริมฝีปากที่กระตุกขึ้นอย่างกวนๆ ของประธานชมรมฟุตบอล

     

    “เรื่องดิ!” และนี่คือคำพูดที่ตามมาเล่นเอาจงฮยอนเบ้หน้าแล้วเท้าเอวถอนหายใจเสียงยาว

     

    “แกนี่มันไม่ต่างจากเด็กนั่นเลย เนียนกันทั้งคู่ อ้ะ! น้องเซฮุน มีคนเขาฝากของมาให้” พูดจบก็ยื่นขวดเกลือแร่ไปให้รุ่นน้องตัวขาวของทีมจงอินที่กำลังนั่งชี้นิ้วเข้ามาตัวเอง จงฮยอนพยักหน้าเบาๆ อีกครั้งให้รับไป

     

    “ไอ้นั่นก็กบฏพอกัน ชมรมอยู่ใกล้ๆ กันแท้ๆ ซ้อมเสร็จเจอกันตลอดไม่ยักเคยซื้ออะไรให้ แต่ก็เอาเหอะ พอจะอภัยได้ มหาลัยญาติผู้พี่นี่เนอะ”

     

    “จื่อเทาเหรอ?” ลู่หานถามอีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ “เคยเจอกันอยู่ไม่กี่ทีตอนมีประชุมชมรมกีฬา”

     

    จงอินอยากจะพูดต่อเหลือเกินว่าไม่ต้องห่วงต่อไปเดี๋ยวก็ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ แน่ แล้วคงไม่ได้แค่เจอหน้า เผลอๆ จะได้ทำศึกสงครามกันบ้างเข้าสักวัน แต่เอาเถอะ ถ้าตอนนี้มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะขอเงียบๆ ไปก่อนแล้วกัน เพราะท่าทางเซฮุนน้องรักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเทคะแนนให้ฝ่ายใดเป็นพิเศษด้วย

     

    “จงอิน” เสียงเรียกจากคนที่ตามมาช่วยส่งข้าวด้วยเรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับไป “คยองซูเป็นไงมั่ง?”

     

    “ก็โอเคแล้ว ไม่เป็นไรมาหรอก คงเพราะสนามแรกน่ะ”

     

    “เหรอ อืม...ฝากขอโทษเขาด้วยนะถ้าฉันทำเขาเจ็บตรงไหน” แทมินพูดเสียงเบาทำหน้าเครียดเสียจนจงอินอดจะเดินเข้าไปใกล้แล้วยกมือยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งไม่ได้ นี่ก็เหมือนกัน ว่าแต่แพคฮยอนแต่ตัวเองก็ติดนิสัยห่วงคนอื่นไม่เข้าเรื่อง

     

    “คยองซูน่ะฉันดูแลได้ นายเองเหอะ ถ้าชนะคนของฉันเข้ารอบชิงแล้วยังพลาดแชมป์อีกล่ะก็น่าดู ฉันจะฝากพี่มินโฮอัดรันโดรินายให้น่วม” แกล้งพูดลอดไรฟันทั้งที่ยังฉีกยิ้ม แทมินเบ้หน้าแล้วชกเบาๆ เข้าที่ไหล่กว้าง

     

    “เงียบไปเลย!

     

    เสียงหัวเราะคิกจากทั้งคนแกล้งและคนถูกแกล้งรวมไปถึงคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นล้วนอยู่ในสายตาของคนที่กำลังรอพลาสเตอร์ยาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มือเล็กเผลอกำเข้าหากันแน่นจนชื้นเหงื่อ อีกทั้งแฝงฟันคมยังเผลองับลงที่ริมฝีปากล่างโดยไม่รู้ตัว หัวใจวูบไหวราวกับเต้นผิดจังหวะไป

     

    เป็นอีกครั้งที่เกิดความรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองโดยที่ไม่รู้สาเหตุ

     

    คิมจงอินจะเก่งเกินไปแล้ว สามารถทำให้เขาหัวใจพองโตแต่ก็เป็นคนทำให้รู้สึกวูบโหวงหัวใจได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ความอ่อนโยนระคนขี้เล่นนั้นก็ดูเหมือนจะเผื่อแผ่ไปให้ใครที่ไหนก็ได้ หรือแท้จริงแล้วจงอินก็ทำแบบนี้กับทุกคน แล้วถ้าอย่างนั้นไอ้อาการหงุดหงิดรบกวนจิตใจที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่คืออะไร

     

    กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้อีกทีก็ตอนที่ร่างสูงใหญ่ของคนที่กำลังรอมาหยุดยืนยิ้มน้อยๆ อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว คยองซูเงยหน้าเรียบตึงมองคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจได้ถึงขนาดนี้

     

    “เป็นอะไรหน้ามุ่ยอีกแล้ว ไหน ขอดูแผลหน่อย” นั่งลงกำลังจะเอื้อมมือไปแตะใบหน้าใสแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ คิ้วเข้มขมวดยุ่งพร้อมกับเครื่องหมายคำถามขึ้นเต็มหน้า

     

    “เป็นห่วงคนอื่นเถอะ แผลแค่นี้น่ะฉันดูแลตัวเองได้”

     

    พูดจบก็ลุกขึ้นเดินหนีทิ้งให้คนที่จับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกนั่งงงตึบอยู่กับที่ จงอินมองตามแผ่นหลังบางที่เดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างงงๆ ระหว่างนั้นก็แว่วได้ยินเสียงเป่าปากแซวครึกครื้นมาจากทางวงข้าวด้านหลังด้วย เมื่อหันกลับไปมองก็พบทั้งสารพัดรอยยิ้มและเสียงทับถม

     

    “ลักษณะงานจะเข้าเทพนะครับ~

     

    “นายนี่มันโง่จริงจงอิน โง่ๆๆๆๆ สุดๆ ไปเลย วุ้ย!

     

    “พี่จงอิน เดี๋ยวเซฮุนจะไปเตรียมซื้อกระดาษทรายมาให้พี่ชานยอลนะฮะ”

     

    แต่จะอะไรก็ไม่แสบสันเท่าคำพูดไร้เสียงแต่อ่านปากได้ชัดถ้อยชัดคำจากพี่ชายหน้าหวานที่นั่งแสยะยิ้มอยู่ในวงนั้นด้วย เล่นเอาจงอินต้องถอนหายใจยาวพรืดแต่ก็อดยิ้มจางออกมาด้วยไม่ได้

     

    “สม-น้ำ-หน้า”

     

     

     

    เมื่ออีกฝ่ายหลบเลี่ยงที่จะเจรจากับเขาแต่เลือกที่จะคุยกับทุกคนในทีมจงอินก็จนใจ หากแต่พอยอมเป็นควายให้ชานยอลมันลูบเขาเล่นเรียกกับการถามโง่ๆ ถึงเหตุผลของพฤติกรรมที่แปลกไปของคยองซูแล้วมันก็อดดีใจไม่ได้

     

    ก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ คยองซู

     

    เพราะอย่างนี้ถึงจะถูกโกรธอยู่แต่จงอินก็ต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมด บางครั้งแกล้งเดินผ่านก็แอบเห็นว่าคนขี้งอนแอบมองมาที่เขาอยู่ แต่พอจะมองกลับฝ่ายนั้นก็รีบหลบตาราวกับกลัวว่าจะถูกจับได้ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้จงอินรู้สึกดีจนอยากจะวิ่งไปเขย่าชานยอลให้หัวสั่นหัวคลอน

     

    แต่ตอนนี้คงต้องพักเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน เซฮุนกำลังขึ้นแข่งในรอบชิงชนะเลิศ แถมคู่ต่อสู้ก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย เป็นถึงตำนานแห่งท่าเชือดที่ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

     

    “พี่คีย์เก่งท่าล่างมาก พยายามอย่าให้ถูกดึงลงไปเล่นเนวาซ่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เข่าทั้งสองข้างของเราติดพื้นล่ะก็มีโอกาสหลับคาเบาะได้ง่ายๆ เลยนะ” จงอินพูดเสียงเบาขณะรอให้นักกีฬาคู่ก่อนหน้าลงมาจากสนาม

     

    หลับคาเบาะ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากโดนคู่ต่อสู้ใช้เทคนิครัดคอหรือที่เรียกกันวงในว่า เชือดเพื่อให้อีกฝ่ายขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง สิ่งที่ตามมาคือคนถูกเชือดจะหมดสติ ต้องได้รับการปฐมพยาบาลจากกรรมการบนสนามโดยการให้นอนคว่ำแล้วกดแผ่นหลังแรงๆ เหมือนปั้มหัวใจเพื่อให้สติฟื้นคืนกลับมาได้ทันเวลา แต่ถ้าช้ากว่านั้นก็จะมีอันตรายจากการที่ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ

     

    แม้จะรู้ถึงความรุนแรงของเทคนิคนี้ดี ซ้ำคนที่ยืนรออยู่อีกฟากสนามก็คือคนที่ชำนาญเทคนิคนี้มาก แต่รอยยิ้มเล็กๆ มุมปากก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าเด็กนี่ไม่เคยหวั่นแม้จะต้องเจอกับคนที่เก่งกาจแค่ไหน เซฮุนถือความคิดที่ว่ายิ่งเจอกับคนที่เก่งกว่ามากเท่าไหร่ชัยชนะที่ได้มาก็ยิ่งหอมหวานมากขึ้นเท่านั้น เป็นเรื่องท้าทายในชีวิตที่ยินดีจะเจอนัก

     

    “ระวังคอให้ดี เมื่อไหร่ที่โดนกดล็อคหรือทำท่าจะโดนเชือดให้รีบพลิกคว่ำแล้วตั้งเข่ายืนขึ้น กรรมการจะสั่งมาเต๊ะ แต่ถ้าเป็นไปได้พยายามเก็บคะแนนจากท่าทุ่มให้ได้มากที่สุด อิปป้งได้เลยยิ่งดี เข้าใจนะ?”

     

    ไม่มีคำตอบอะไรมากไปกว่าการพยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นไปเคารพที่ขอบเบาะ จงอินตบไหล่น้องหนักๆ อีกสองครั้งแล้วทิ้งตัวนั่งเก้าอี้โค้ช มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของน้องเล็กสุดในทีมขณะที่ฝายตรงข้ามที่กำลังเดินเข้ามาสู่กลางเบาะก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหวั่นไหวเลยสักนิด

     

    และมันก็เป็นไปตามคาด เกมส์ของเซฮุนและคีย์สนุกได้ใจสมกับเป็นคู่ชิง แม้คีย์จะรู้ว่าหากพาอีกฝ่ายลงมาเล่นท่าล็อคด้วยกันได้ตนเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ตัวเต็งมหาลัย s ยังมีสปิริทมากพอที่จะเล่นท่าบนกับเซฮุนเมื่อคนอายุน้อยกว่าไม่ยอมให้ลากลงไปนอนบนเบาะง่ายๆ

     

    เซฮุนพยายามใช้เทคนิคลูกเล่นต่างๆ เท่าที่พอคิดและเล่นได้ในการเดินเกมส์แต่ถ้าเทียบกันแล้วประสบการณ์ในการแข่งขันยังน้อยกว่าคีย์มาก รุ่นพี่ตัวบางหลบหลีกได้ทุกการกระทำจนเวลาล่วงผ่านไปเกินครึ่งทาง คะแนนบนสกอร์ยังหยุดอยู่ที่เลขศูนย์ มีเพียงตัวเลขจับเวลาเท่านั้นที่ยังเดินถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

     

    “เซฮุนระวังจังหวะนี้!” เสียงจงอินแทบถูกกลบด้วยเสียงฮือฮาเมื่อจังหวะที่เซฮุนกำลังเข้าท่าแต่คีย์กลับรู้ทันดึงเซฮุนลงมาคุกเข่าอยู่บนพื้นได้สำเร็จ

     

    ไม่ต้องประวิงเวลาไปมากกว่านี้ คีย์หมุนตัวยึดสาบเสื้ออีกฝ่ายด้วยความฉับไว พริบตาเดียวก็เข้าสู่ท่ารัดคอได้อย่างสมบูรณ์แบบ สาบเสื้อหนารัดตึงพาดลำคอขาวเนียนของเซฮุนพอเหมาะพอเจาะ เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้องเมื่อทุกฝ่ายรู้ดีว่าผลแพ้ชนะคงปรากฏในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้

     

    “ตั้งเข่าแล้วยืนขึ้นเซฮุน! เร็ว!”  จงอินไม่รู้ว่าเสียงตัวเองตอนนี้จะส่งไปถึงคนที่คงจะมีสติเหลือน้อยเต็มทีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ออกซิเจนในร่างของเซฮุนคงเดินไม่สะดวกเพราะถูกปิดหลอดลม แต่เขาก็ยังอยากเสี่ยง มองจากมุมนี้มองไม่เห็นหน้าเซฮุนเลย เด็กนั่นจะไหวหรือเปล่า

     

    ขณะที่กำลังห่วงนักกีฬาของตัวเองเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาอีกระลอกเมื่อจู่ๆ ร่างเล็กที่เหมือนจะแน่นิ่งไปครู่หนึ่งกลับค่อยๆ บิดตัวพลิกคว่ำแล้วพยายามจะชันตัวลุกขึ้นยืน จริงอยู่ว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้กรรมการสั่งมาเต๊ะแล้วมาเริ่มต้นชิงจับกันใหม่แต่ความเป็นไปได้ก็แทบไม่มี ในเมื่อท่ายังสมบูรณ์แบบนี้และคนทำก็เป็นคนที่ทุกคนให้การยอมรับ

     

    แต่ทว่า...โอเซฮุนคือผู้สร้างปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง

     

    ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแม้จะสั่นไปทั้งร่าง ช่วงลำคอไปถึงศีรษะยังถูกมือเหนียวยึดเอาไว้แน่น และมันก็เหนียวแน่นมากพอที่จะถึงตัวคีย์ที่รัดรึงอยู่ลอยขึ้นมาตามเซฮุนได้ ไม่เพียงแต่คีย์ที่เป็นผู้กระทำ แต่คนทั้งสนามก็กำลังเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตะลึงไปตามๆ กัน

     

    “มาเต๊ะ!

     

    สิ้นเสียงคำสั่งนี้คีย์จำต้องปล่อยมือทันใดเพื่อให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ ใบหน้าที่ถูกซ่อนอยู่ในมุมอับขณะที่ถูกเชือดปรากฎออกมาให้เห็นจนได้ ราวกับว่าเลือดทั้งร่างไปกองรวมกันอยู่ที่ใบหน้าหวานนั้น มันแดงก่ำจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเซฮุนยังสามารถกลับมาแข่งได้อย่างปกติโดยที่ยังมีสติครบถ้วน

     

    “เซฮุน! เซฮุน! ได้ยินพี่มั้ย!? โอเซฮุน!!” จงอินตะโกนระหว่างที่น้องพาร่างโอนเอนเดินกลับมาเส้นฝั่งตัวเอง เขากลัวเหลือเกินว่าเซฮุนที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นแค่ร่างเปล่าๆ ที่ไร้สติสัมปชัญญะจากการขาดออกซิเจนไปช่วงเวลาหนึ่ง

     

    หากเมื่อมีปฏิกิริยาตอบกลับมาคือการพยักหน้าให้แม้จะหันหลังมัดสายให้เรียบร้อยและหลังคำสั่งฮาจิเมะเขายังแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากน้องชายร่วมทีม จงอินก็ยอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วส่ายหัวเบาๆ พลางระบายยิ้มโล่งใจ...เด็กนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ซะด้วย

     

    เกมส์เริ่มต่อพร้อมด้วยเสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าใต้ใบหน้าที่ราวกับว่าไร้ความหวาดเกรงใดๆ ยังแอบฉายความสั่นไหวของอวัยวะที่เป็นไปตามกลไกลตอบสนองของร่างกาย ลมหายใจคล้ายจะติดขัดจากความพยายามปรับเอาอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด แม้กระนั้นรอยยิ้มเล็กๆ นั้นก็ยังไม่จางหายไป

     

    ทันทีที่ถูกคว้าแขนเสื้อได้ คนที่ตอนแรกเกือบจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะไปยิ่งลนจนประมวลอะไรไม่ทัน ไม่แปลกสำหรับอาการแบบนี้ ทั้งที่ทุ่มทุกสิ่งไปจนหมดด้วยคาดว่าจะคว้าชัยมาได้กลับตาลปัตรย่อมต้องสับสนเป็นธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่ามันจะมากน้อยเพียงใด แต่ดูแล้วคีย์คงจะยังไม่หายตกตะลึงกับเรื่องเหนือความคาดหมายที่เซฮุนสร้างขึ้นเมื่อครู่  สติของคนอายุมากกว่าถึงยังได้กระเจิดกระเจิงอยู่แบบนี้

     

    คู่ต่อสู้ทุกคนที่เคยแข่งมา แทบไม่มีใครสามารถหลุดเชือดของคีย์ได้

     

    “คีย์! ใจเย็นๆ มีสติสิคีย์!” สิ่งเดียวที่จงฮยอนทำได้คือเร่งให้ความคิดความอ่านลูกทีมกลับสู่ภาวะคงที่โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถบอกคอนโทรลอะไรได้อีกหากสมองยังไม่พร้อมรับต่อไปเช่นนี้

     

    “อย่าช้านะเซฮุน จับจังหวะได้ใส่เลย! เยี่ยม!

     

    ยังไม่ทันตะโกนประโยคแรกจบดี เซฮุนก็อาศัยจังหวะที่คีย์ยังไม่เข้าที่เข้าทางหมุนตัวเข้าท่าไปแล้ว ทว่าจุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่จังหวะแรก จังหวะที่สองต่างหากที่เขาตั้งใจ ขายาวกำลังดีของเซฮุนตวัดเกี่ยวข้อเท้าของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ลากมาในทิศทางที่พอเหมาะ และจบลงด้วยการส่งคู่ต่อสู้ถึงเบาะอย่างสวยงามและปลอดภัย

     

    “อิปป้ง”

     

    เสียงเฮดังลั่นสนามพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าน่ารักของผู้ชนะ คีย์ที่ถูกทุ่มไปเมื่อครู่หอบหายใจพร้อมกับระบายยิ้มออกมา มือเล็กยื่นไปคว้าแขนพี่ชายตัวบางแล้วฉุดให้ขึ้นมายืนด้วยกัน จากนั้นค่อยกลับไปประจำที่แล้วทำความเคารพ จบด้วยกันสมกอดแสดงความยินดีขอโทษขอโพยกันบนสนามก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละฝั่ง

     

    “เซฮุนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ” แพคฮยอนเอ่ยเสียงเบาทั้งที่ยังอ้าปากค้างด้วยความทึ่งอยู่

     

    “ไม่ยักรู้เลยนะว่าเรามีเพชรน้ำงามอยู่ในทีมด้วย” ชานยอลช่วยเสริมอีกแรง ขณะที่ตามองตามคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาในทีมของเขาแต่ตอนนี้กลับวิ่งปรี่ถือแก้วน้ำกับผ้าเย็นไปรอนักกีฬาเหรียญทองที่ข้างสนามพร้อมแล้ว

     

    “แถมยังทำท่าจะเปล่งประกายน่าดู นายว่ามั้ยคยองซู?”

     

    ท้ายประโยคหันไปถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ หากแต่คนถูกถามกลับไม่ได้สนใจฟังคำถามนั้นเลยสักนิด คยองซูเม้มริมฝีปากแน่นขณะที่ดวงตากลมโตนั้นกำลังสบเข้ากับดวงตามากเสน่ห์ของคนที่กำลังเดินตามหลังเซฮุนมาติดๆ รอยยิ้มที่ชักจะเรี่ยราดเกินไปถูกส่งมาให้ยิ่งชวนให้เขาหงุดหงิดใจ

     

    ท้ายที่สุดเขาก็หลบเลี่ยงดวงตามคมชวนให้เผลอใจเต้นนั้นด้วยการหันหน้าเรียบตึงหนี โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ได้เห็นจะยิ่งยิ้มจนแทบจะกลายเป็นพวกเสียสติเข้าไปทุกที

     

     

     

    หลังจากผ่านการแข่งขันประเภทบุคคลไปจนจบซึ่งมีชัยชนะของแทมินปิดสนามก็ถึงเวลาเริ่มการแข่งประเภททีม แม้การเป็นแชมป์ของแทมินครั้งนี้จะเรียกรอยยิ้มยินดีจากคยองซูที่ส่งไปให้เพื่อนใหม่จากการแข่งขันแต่สำหรับคนที่ไม่เข็ดจำเดินไปยีหัวแทมินก็เจอกับการหลบหน้าหนีของคยองซูกลับมาเหมือนเคย

     

    แทมินหันมองคนที่เดินฉับๆ หนีไปอีกทางหลังจากมาร่วมยินดีกับตนแล้วจึงหันกลับมามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาของเขาคงจะมีคำถามขึ้นอยู่เต็มที่ จงอินถึงได้ส่ายหัวแล้วพูดว่าไม่มีอะไรทั้งที่แทมินยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ

     

    “สรุปก็มีกันอยู่สองทีม โหยยยย นี่อุตส่าห์เอาตัวจี๊ดมาแข่งทีมได้เลยนะ”

     

    ชานยอลแกล้งบ่นปิดแปดระหว่างรับสายน้ำเงินแบ่งฝ่ายจากจงฮยอนมาและส่งต่อให้จงอินกับแพคฮยอนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าตัวจี๊ดที่ถูกพาดพิงแถมศอกหนักๆ ทำร้ายนักกีฬาก่อนแข่งไปเสียหนึ่งที

     

    “สมน้ำหน้า พูดมากจริงแกนี่ ก็แม็ทซ์มันกะทันหันคงไม่พร้อมกันแหละ” พูดพลางหันไปมองอีกทีมอีกฝั่งสนามซึ่งจินกิกำลังแจกจ่ายสายขาวให้อยู่ “จริงๆ ก็ไม่เห็นต่างเลยเหอะ ทุกทีรอบชิงก็มีแค่แกสองทีม ทำเป็นเป็นบ่น”

     

    ถึงแม้เอซของทีมอย่างคริสหรือหมากตัวสำคัญของทีมอย่างอี้ชิงจะไม่ได้ลงแข่งด้วย แต่การแข่งขันระหว่างมหาลัย m กับมหาลัย k ก็ยังเป็นที่จับตาของทุกคน มหาลัย m ขึ้นชื่อว่านักกีฬาทุกคนถูกฝึกให้อ่านเกมส์มาอย่างดีจากการนำทีมของกัปตันที่อ่านเกมส์ขาดทุกสนาม ส่วนมหาลัย k ก็ได้ชื่อว่าเก่งและเฉียบคมจากกัปตันที่เป็นหนึ่งในตำนานเช่นกัน

     

    เมื่อพร้อมแล้วนักกีฬาหกคนจากทั้งสองทีมก็ขึ้นมาบนสนาม ก้มเคารพพร้อมๆ กันเหมือนตอนแข่งประเภทบุคคล แต่เมื่อเคารพครั้งสุดท้ายตรงกลางเบาะ คนที่จะต้องแข่งคนแรกจะยืนอยู่ที่เดิมส่วนสองคนทีเหลือจะถอยลงไป

     

    และตอนนี้คนที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่คือแพคฮยอนและจงแด

     

    “ฮาจิเมะ!

     

    การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว ต่างฝ่ายต่างใช้งัดเอาสิ่งที่ฝึกซ้อมออกมาใช้อย่างชาญฉลาด จงแดน้ำหนักน้อยที่สุดในทีมเหมือนแพคฮยอนการเคลื่อนไหวจึงไวมาก แพคฮยอนใช้เวลาอยู่นานทีเดียวในการจับเสื้ออีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี

     

    “อย่าเร่งจังหวะตามเขา คุมจังหวะตัวเองไว้” จงอินที่นั่งอยู่หลังเบาะเหลืองพูดบอกคนที่กำลังแข่งอยู่ ถ้าเป็นการแข่งประเภททีมแล้วจะมีโค้ชหรือไม่ก็ได้ เพื่อนนักกีฬาอาจเป็นฝ่ายบอกคอนโทรลคนในทีมเอง

     

    คำสั่งมาเต๊ะดังขึ้นเป็นรอบที่สามเมื่อไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจับได้ ตามมาด้วยการให้โทษชิโด้คนละหนึ่ง เท่ากับว่าถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดนโทษชิโด้อีกครั้ง คะแนนยูโกะจะไปขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายทันที เทคติคนี้ถูกนำมาใช้ไม่น้อยในการแข่งขันไม่ว่าจะระดับเล็กหรือใหญ่ แต่หลักสำคัญคือต้องทำให้เนียน ไม่ดูเป็นการหนีมากไปและต้องใจเย็นอยู่มาก

     

    ชานยอลหรี่ตามองการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนบนสนามหลังจากคำสั่งฮาจิเมะ แพคฮยอนเริ่มแสดงอาการหอบมาเล็กน้อยแล้ว ขณะที่เจ้าตัวพยายามจะหาช่องทางจับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง

     

    “ปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังโดนอีกชิโด้แน่” จงอินพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนแม้ตาจะยังจับจ้องไปบนสนาม

     

    “ตัดจังหวะก่อนดีกว่า” พูดจบชานยอลพยักหน้า เป็นฝ่ายเอามือป้องปากแล้วพูดออกไป

     

    “ตัดล่าง!

     

    ไม่เชิงเป็นโค้ดลับแต่แพคฮยอนก็ไวพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ชานยอลบอกมาหมายถึงอะไร เท้าเล็กที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างลังเลจัดการปัดเท้าอีกฝ่ายอย่างแรงจนจงแดเซเสียจังหวะ

     

    “จังหวะนี่แหละ!” เป็นไปตามคาด แพคฮยอนอาศัยจังหวะนั้นคว้าสาบเสื้ออีกฝ่ายแล้วเข้าท่าอย่างรวดเร็ว แต่ก็นับว่าจงแดปฏิกิริยาไวพอตัว ฝ่ายขาวหลบฉากหลบการบุกนั้นได้ทันท่วงที

     

    “ไม่เป็นไรแพคฮยอน! อย่าหยุด เข้าท่าให้บ่อยไว้”

     

    เกมส์เริ่มเดินมากขึ้นเมื่อจงแดรู้แล้วว่าจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้ามคืออะไร เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้งแพคฮยอนก็ใช้เทคนิคเดิม ตัดปัดจังหวะเพื่อเข้าจับเรื่อยๆ คนเราถ้าโดนรบกวนจากข้างล่างก็มักจะไม่ทันระวังข้างบน เรื่องง่ายๆ ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามแต่ไม่ใช่กับเทพไค

     

    “ชิโด้” กรรมการใช้สองมือหมนุวนเข้าหากันแล้วผายมือชี้ฝ่ายขาว จงแดก้มหัวรับแล้วเริ่มเคลื่อนไหวต่อหลังคำสั่งฮาจิเมะ รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนริมฝีปากเรียวของแพคฮยอนไม่ต่างจากอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างสนาม

     

    นี่สิจุดประสงค์ของการให้หมั่นเข้าท่าแม้จะไม่หวังผลคะแนนแต่สิ่งที่ได้มาคือคะแนนจากโทษของอีกฝ่ายต่างหาก เมื่อจงแดโดนชิโด้ 2 ครั้งแล้วแบบนี้เท่ากับว่าฝั่งเขามีคะแนนสะสมไว้แล้ว 1 ยูโกะ ที่เหลือก็ระวังอย่าให้ตัวเองโดนชิโด้อีกเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายทำแต้มตามได้ ระหว่างนี้ก็ต้องระวังตัวให้ดีควบคู่กับการเข้าท่าอย่างเริ่มหวังผลได้แล้ว เพราะอีกฝ่ายคงจะบุกมากขึ้นเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายตาม

     

    เวลาถอยหลังมาเรื่อยๆ จนเหลือนาทีสุดท้าย คะแนนบนสกอร์ดิจิตอลจังอยู่ที่ 1 ยูโกะ แม้กระนั้นก็ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าแพคฮยอนจะเป็นฝ่ายชนะ เวลาทุกวินาทีมีค่าและจงแดอาจจะใช้มันโยกย้ายชัยชนะนั้นมาอยู่ที่ตัวเองก็ได้

     

    “พยอนแพค!! ซ้าย!!

     

    เสียงชานยอลคงจะช้าไปเมื่อจงแดหมุนตัวเข้าท่าอิปป้อนด้านซ้ายมาเรียบร้อยแล้ว แพคฮยอนแทบร้องเหวอแต่ด้วยปฏิกิริยาที่ไวพอทำให้สะบัดมือออกข้างหนึ่งจนส่งผลให้ลำตัวเพียงเสี้ยวลมกระแทกเบาะ

     

    “ยูโกะ” ...คะแนนตามกันทันแล้ว

     

    เสียงเฮลั่นสนามไม่ได้ทำให้สมาธิของผู้แข่งขันวอกแวกเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับชานยอลและจงอินที่ถึงแม้รู้ดีว่ากำลังถูกไล่ตามขณะที่เวลากำลังจะหมดแต่ก็ยังนิ่งเงียบ วางตัวให้สงบที่สุดเหมือนเสือกำลังรอเหยื่อ ดวงตาจับจ้องไปที่ตัวแทนของทีมบนสนาม เขาเชื่อว่าแพคอยอนรู้ดีว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์นี้

     

    เพียงแค่ไม่กี่นาทีหลังจากเป็นฝ่ายถูกทุ่ม แพคฮยอนรีบพลิกตัวคว่ำ คว้าสาบเสื้อของจงแดแล้วกระชากจนหน้าอีกฝ่ายทิ่มติดเบาะ มือซ้ายล้วงเข้าใต้ไหล่อีกฝ่ายแล้วช้อนบิดขึ้นจนคนที่ถูกดัดไหล่จำต้องยอมพลิกตามไปนอนหงายอยู่กับเบาะ

     

    “โอไซโกมิ!

     

    และนี่คือสิ่งยืนยันได้ดีว่านักกีฬาของทีมมหาลัย k มีมีไหวพริบและสติมากพอที่จะนำมาใช้บนสนามแข่ง

     

    เสียงเฮดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือของชานยอลข้างสนาม นักยูโดตัวสูงตะโกนบอกให้คนตัวเล็กก้มหน้าล็อกท่าเคซ่ากาตาเม่นิ่งๆ แต่ดูจากรูปการแล้วต่อให้ดิ้นยังไงก็คงหลุดยากแล้วล่ะ แพคฮยอนยึดจุดหมุนทุกส่วนไว้ราวกับคีมเหล็ก กัปตันผิวเข้มมองตัวเลขดิจิตอลที่เดินเข้าสู่วินาทีที่ยี่สิบพลางยกยิ้ม

     

    “อิปป้ง โซเรมาเระ”

     

    ครบ 25 วินาทีคำขานคะแนนพร้อมคำสั่งเสร็จสิ้นการแข่งขันก็ดังขึ้น แพคฮยอนถอนหายใจยาวพรืดแล้วลุกขึ้นจากจงแด ไม่ลืมจะฉุดคนที่นอนหอบอยู่ด้านล่างให้ลุกขึ้นมาด้วย ตบไหล่เบาๆ ให้กันแล้วจึงกลับไปประจำที่แล้วเคารพ

     

    จงแดเป็นฝ่ายถอยหลังกลับลงไป คิมจุนมยอนก้าวขึ้นมาแทนที่ ส่วนแพคฮยอนยังยืนอยู่ที่เดิม สองมือวางพักไว้ที่เอวแล้วพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ควบคุมระบบการหายใจให้ใกล้เคียงสภาพปกติโดยไว

     

    “พยอนแพคหายใจลึกๆ” พยักหน้าพลางเลียริมฝีปากแห้งผากโดยที่ตาจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้คนใหม่ที่ก้าวขึ้นมา

     

    การแข่งขันแบบขุนพลร่างกายต้องพร้อมอยู่พอตัว การแข่งแต่ละครั้งหมดพลังงานไปมาก ทั้งการหายใจ กล้ามเนื้อ รวมถึงสมองที่ใช้อ่านเกมส์ ยิ่งชนะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องยืนสู้ต่อ ขณะที่ฝ่ายที่แพ้จะส่งคนต่อไปมาในสภาพร่างกายที่พร้อมแข่งกว่า ปัญหาหลักอยู่ตรงนี้ แพคฮยอนจะยังสามารถยืนสู้กับคู่ต่อสู้อีกคนโดยที่น้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ไหวหรือไม่

     

    การแข่งขันเริ่มมาพักใหญ่แล้ว แพคฮยอนดูท่าจะสะบักสะบอมเกินกว่าจะรับมือไหว ไม่ใช่แค่น้ำหนักที่ห่างกันเพิ่มขึ้นแต่เพราะกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าจากการต่อสู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า ไม่ว่าจะเข้าท่าอะไรก็ดูเหมือนมือที่ใช้ดึงนั้นไร้เรี่ยวแรงไปหมด จนตอนนี้คะแนนฝั่งขาวขึ้นมาถึง 2 ยูโกะแล้ว ขณะที่ฝั่งน้ำเงินยังเป็นศูนย์

     

    แพคฮยอนเหนื่อยหอบเกินไป เวลายิ่งเดินถอยไปเรื่อยๆ แต่สภาพร่างกายจุนมยอนยังดีกว่ามาก ชานยอลคลี่ยิ้มเล็กๆ แล้วหันไปหาเพื่อนที่นั่งข้างๆ จงอินกำลังระบายยิ้มออกมาเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานเสียงออดหมดเวลาก็ดังขึ้น

     

    กรรมการสั่งจบการแข่งขันพร้อมกับผายมือขึ้นไปทางฝั่งขาว การตัดสินของคู่นี้เป็นอันสิ้นสุดด้วยชัยชนะของจุนมยอน เจ้าของผิวขาวจัดโค้งแล้วเดินแล้วมากอดแพคฮยอนพลางตบหลังเบาๆ ให้กำลังใจ คนตัวเล็กถอยกลับไปเคารพเส้นด้วยอาการหอบหายใจจนหน้าซีด

     

    “อ่อนจริงนายนี่ บอกว่าอย่าให้ถึงมือฉัน”

     

    “เงียบไปเลย! ฉันเป็นคน ไม่ใช่เทพ!” ขึ้นเสียงแยกเขี้ยวใส่นักยูโดสายดำที่กำลังบิดไม้บิดมือสะบัดแขนขาเตรียมเป็นรายต่อไปที่ต้องแข่งขันแม้จะยังหอบฮัก จงอินยิ้มแล้วตบหลังเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะดันส่งไปให้ชานยอลที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว

     

    “แค่นี้ก็เก่งแล้ว เก็บปอดไว้หายใจเหอะ เดี๋ยวที่เหลือเคลียร์ให้”

     

    “กะไม่ให้กูแข่งเลยป่ะ”

     

    ชานยอลส่งเสียงขัดใจแบบไม่จริงจังนัก คนถูกแขวะยักคิ้วกวนใส่ ดึงปลายสายดำให้กระชับและก้าวเท้าไปข้างหน้า เคารพเส้นขอบสนามแล้วก้าวต่อไปข้างใน

     

    ช่วงเวลาก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น ใบหน้าหล่อคมหันไปมองฝั่งข้ามสนาม ตรงที่ใครคนหนึ่งกำลังย่นหัวคิ้วมองตรงมา ริมฝีปากสีอ่อนเผลอเม้มเป็นเส้นตรง มือสองข้างกำแน่นบนหน้าตัก ลืมไปชั่วขณะว่าคนที่กำลังลุ้นเอาใจช่วยอยู่นั้นคือคนที่ตัวเองกำลังโกรธอยู่

     

    รู้ตัวอีกทีก็ตอบที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากหยัก วินาทีถัดมาใบหน้าหวานก็ต้องร้อนผ่าว เมื่อปากคู่นั้นขยับพูดไร้เสียงกลางสนามแข่งก่อนจะหันไปเคารพคู่ต่อสู้และการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

     

     

     

    ฉันจะเอาชัยชนะมาให้นายเอง  




     

    TBC.

     






     

    Mirror* talk : ยาวตาเปียกตาแฉะกันเลยทีเดียว TTvTT นี่รวบกันสุดๆ แล้วนะเนี่ย แต่หลายคนเรียกร้องอยากดูฝีมือน้องเซฮุนของเรากันเลยเอารอบชิงมาให้อ่านกันเลย ส่วนแพคฮยอนรอบนี้อาจเล่นไม่เฉียบแต่ก็เล่นได้ฉลาดนะ อิอิ มารอลุ้นกันต่อไปว่าการแข่งขันของพ่อประธานจะเป็นอย่างไร คยองซูจะยอมให้อภัยพ่อกวางมูสหรือไม่(?) แล้วพี่ลู่กับน้องเทานี่จะยังไงต่อไป ส่วนอี้ชิงจะออกมาแค่ฉากเดียวใช่หรือไม่(?) 55555*

    ทางด้านการแข่งยูโดมีใครไม่เข้าใจตรงไหนไหมคะ? ถ้าไม่เข้าใจสามารถถามในคอมเม้นมาได้เลยนะ แล้วตอนหน้าเราจะมาตอบให้ครบถ้วนเลยจ้า อย่างที่บอกค่ะ ส่วนใหญ่สามารถเสิร์จหาในยูทูปได้เลยจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ ส่วนถ้าเราเขียนแล้วงงอย่างไรขอน้อมรับความผิดพลาดไว้ค่ะ

    จริงๆ มีอะไรอยากคุยเยอะ แต่ตอนนี้เพลียมาก นี่เหมือนลงไปแข่งเอง TvT แต่เราปลื้มใจมากจริงๆ ค่ะกับทุกคอมเม้นท์ในตอนที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนเหนื่อยตามคยองได้นี่ถือว่าประสบความสำเร็จเลยนะ ฮืออออ

     

    ขอบคุณทุกสายตาที่ไล่กวาดทุกตัวอักษรค่ะ รักคนอ่านจริงจัง ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เป็นแรงใจให้คนเขียนนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×