คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : CHAP 19
CHAPTER 19
“ตามที่เคยบอกไว้นะ เคารพตรงขอบเบาะก่อนขึ้นสนามหนึ่งครั้ง ไปที่เส้นขอบนอกเคารพอีกครั้ง หลังจากนั้นเดินเข้าไปข้างใน ยืนกลางเบาะแต่ห่างจากคู่ต่อสู้ประมาณหนึ่งช่วงแขนแล้วเคารพอีกครั้ง หลังจากนั้นฟังกรรมการสั่ง”
จงอินทวนสิ่งที่ต้องปฏิบัติก่อนทำการแข่งขันให้คนที่ยืนหันหลังให้เขาเพื่อหันหน้ามองการแข่งขันบนสนาม เกมส์บนสนามแข่งกำลังดุเดือดได้ที่ ผลัดกันทำคะแนนอย่างสนุก แต่ถึงแม้ตาจะมองแต่ในหัวคยองซูกลับไม่มีการคิดวิเคราะห์ตามแต่อย่างใด เขารู้แค่ว่าคู่ถัดไปก็จะถึงคราวของตัวเองแล้ว
อีแทมินยืนอยู่อีกฝั่งของสนามแข่ง รออยู่ในที่พักนักกีฬาเตรียมเข้าสนามเช่นกัน โดยด้านหลังมีคิมจงฮยอนประธานชมรมกำลังช่วยตบแขนขาให้อยู่ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้สบตากัน มองไปยังสนามแข่งเหมือนๆ กันแต่ใบหน้าเรียบขึงนั้นทำให้รู้ได้ว่าคงกำลังกังวลไม่ต่างกันนัก
“ถ้ากรรมการไม่สั่งมาเต๊ะก็ไม่ต้องหยุด เวลาจะหยุดต่อเมื่อกรรมการสั่ง แต่ยิ่งหยุดถี่เท่าไหร่นายก็จะยิ่งเหนื่อยเท่านั้น พยายามหาจังหวะจับดีๆ แต่ก็อย่าลนเกินไป จำไว้ว่าทำเหมือนตอนรันโดริ ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ”
คยองซูพยักหน้าทั้งที่ยังไม่หันกลับมาหาผู้พูด มือหนาวางบนไหล่เล็กและเริ่มนวดให้อีกครั้ง ไล่บีบคลึงไปเรื่อยจนถึงมือเย็นๆ ที่ยังคงเย็นเยียบจรดปลายนิ้ว
“แล้วฉันจะคอยช่วยคอนโทรลอยู่ข้างสนามเอง พยายามฟังด้วยล่ะ”
สองฝั่งฟากสนามตรงข้ามกันจะมีเก้าอี้วางไว้ด้านละหนึ่งตัวสำหรับผู้ฝึกสอนหรือคนที่ต้องขึ้นมาโค้ชให้นักกีฬา ซึ่งคนๆ นี้มีหน้าที่คอยตะโกนบอกคอนโทรลแก้เกมส์ให้นักกีฬาบนสนาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนด้วย บางคนอาจจะนั่งเงียบ บางคนอาจจะคอยบอกหลังจากกรรมการสั่ง ขณะที่นักกีฬากับคนนั่งโค้ชบางทีมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแค่หันมาสบตากันระหว่างเกมส์ก็เข้าใจกันได้
บนสนามแข่งจะมีกรรมการทั้งสิ้น 3 คน สองคนนั่งอยู่คนละมุมเบาะด้านในตรงข้ามกันเรียกว่าจัส ส่วนกรรมการกลางจะยืนเป็นผู้ตัดสิน ผลการตัดสินเด็ดขาดจะมาจากกรรมการกลาง ส่วนจัสจะแค่สนับสนุน มีหน้าที่ให้คะแนนเวลาที่การกระทำของนักกีฬาก้ำกึ่งไม่ชัดเจน ซึ่งอาจไม่ชัดเจนด้วยมุมยืนของกรรมการกลาง หรือความเห็นที่แตกต่างจากกรรมการกลาง หากจัสหนึ่งในสองเห็นด้วยกับคะแนนที่กรรมการกลางให้ก็จะไม่มีการเปลี่ยนคะแนน แต่ถ้าจัสทั้งสองคนเห็นพ้องแตกต่างจากกรรมการกลางก็จะมีการแก้ไขคะแนนตามความเห็นของจัสส่วนใหญ่
เรื่องพวกนี้คยองซูพอได้ยินมาบ้างแล้วจากจงอินก่อนหน้านี้ แต่เขาเชื่อได้เลยว่าเมื่อได้ย่างเหยียบขึ้นไปบนเบาะสี่เหลี่ยมนั่นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องหายวับไปหมดแน่ๆ แค่ตอนนี้ที่ยืนอยู่ข้างสนามหัวใจคยองซูยังสั่นไปหมด ถ้าไม่มีจงอินคอยตบแขนขากระตุ้นกล้ามเนื้อให้แล้ว คงไม่พ้นต้องสั่นรัวไปทั้งตัว
ตื้ดดดดดด...
เสียงออดพร้อมตัวเลขดิจิตอลบนสกอร์หยุดลงที่เลขศูนย์บอกให้รู้ว่าเวลาการแข่งขันได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ชนะคือฝ่ายน้ำเงินนักกีฬาจากมหาวิทยาลัย t โดยชนะไปด้วยคะแนน 1 วาซาอาริ ขณะที่อีกฝ่ายทำได้แค่ 2 ยูโกะ แต่ไม่ว่าใครจะชนะหรือใครจะได้คะแนนอะไรมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับว่าถึงเวลาที่คยองซูจะต้องขึ้นสังเวียนบ้างแล้ว
ตากลมไหวริกมองแผ่นหลังของนักกีฬาคู่เมื่อกี้ฝ่ายขาวที่กำลังถอยหลังเคารพเบาะลงมาฝั่งเขา ถึงตอนนี้จงอินไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก ลำโพงกำลังประกาศชื่อของเขาก้องตามมาด้วยชื่อคู่ต่อสู้อีกฝ่ายพร้อมนามมหาวิทยาลัย คยองซูรู้สึกราวกับไหล่ทั้งสองข้างหนักหน่วงจนแทบทรุด ไม่ได้มีแค่ตัวเขาที่ขึ้นไปสู้ แต่หมายถึงชื่อของสถาบันการศึกษาด้วย
อีแทมินจ้องเขม็งมาที่เขาแล้ว พร้อมทั้งถูเท้าทั้งสองข้างกับขอบเบาะยูโด ร่างบางในชุดยูโดกำลังขยับกายเพื่อกระตุ้นโสตประสาทพร้อมรับการแข่งขันอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ส่วนจงฮยอนที่อยู่ด้านหลังก็ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้โค้ชเรียบร้อย ฝ่ายนั้นเข้าสู่โหมดจริงจังพร้อมแข่งขันเต็มที่
วินาทีที่สมองไร้การประมวล วินาทีที่หัวใจหดเล็กลงเหลือเพียงเศษเสี้ยว วินาทีที่ทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบราวถูกแช่แข็ง...มืออุ่นๆ ของคนข้างหลังกอบกุมเบาๆ ที่ฝ่ามือไร้ความมั่นใจ
“ฉันอยู่ตรงนี้”
และมีเพียงคำพูดสั้นๆ ที่เอ่ยเสียงเบาราวเสียงกระซิบท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องรอบข้าง มือหนาละจากมือเย็นแล้วตบเบาๆ ตรงลาดไหล่เล็ก จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้โค้ชด้านหลัง กระทั่งกรรมการส่งสัญญาณให้นักกีฬาทั้งสองฝ่ายเคารพและขึ้นมาบนสนามแข่ง
คยองซูก้าวเท้าเหยียบบนเบาะด้วยหัวใจที่กลับมาเต้นรัวเร็วอีกครั้ง มันเต้นแรงและเร็วจะกลัวจะหลุดออกมาข้างนอก ภายในช่องท้องปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่ก้าวระหว่างเขาและแทมินเหลือน้อยลงทุกที รู้สึกตัวอีกทีเบื้องหน้าของเขาคือคนตัวเล็กในชุดยูโดและซ้ายมือคือกรรมการผู้ตัดสินเสียแล้ว
“ฮาจิเมะ!”
สิ้นเสียงคำสั่งได้ยินเสียงปรบมือพร้อมเสียงตะโกนเรียกชื่อพร้อมคำให้กำลังใจดังมาจากปาร์คชานยอลและสมาชิกคนอื่นของมหาลัย s สั้นๆ ก่อนที่บริเวณโดยรอบจะกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง แทมินย่อตัวลง ก้าวเท้าขวานำพร้อมยกสองมือตั้งท่าเตรียมชิงจับ ทุกอย่างไม่ต่างจากเวลาต้องเล่นรันโดริ
คยองซูสูดอากาศเข้าปอดให้ลึกที่สุดแล้วบอกให้ตัวเองตั้งสติให้ดี ย่อตัวลง ก้าวข้านำขาตาม แล้วยกมือขึ้นตั้งท่าเตรียมชิงจับบ้าง สำคัญที่จังหวะแรก เขาต้องหาจังหวะให้ดีแล้วเข้าจับ
ทว่าเวลายังเดินไปไม่ทันเท่าไร มือขวาของแทมินก็ฉวยแขนเสื้อด้านซ้ายของคยองซูไปได้ การกระชากเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีการรีรอ คยองซูเซถลาไปตามแรงลากนั้นพร้อมๆ กับที่ต้องใช้แขนขวาป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาจับสาบเสื้อได้
“ดี! คุมให้อยู่” เสียงจงฮยอนตะโกนทันทีเมื่อนักกีฬาฝ่ายตนเองจับได้เปรียบ
คยองซูกำลังลน แทมินไม่ได้กระชากไร้ทิศทางแต่กำลังลากบังคับให้เข้าจังหวะที่ตนเองวางไว้ ตอนนี้เขาเดาไม่ได้เลยว่าเสี้ยววินาทีไหนแทมินจะหมุนตัวเข้าท่ามา แล้วจะเข้าท่าไหน ซ้ายหรือขวา ข้างบนหรือข้างล่าง ความคิดทุกอย่างสับสนในวินาทีที่ถูกดึงกระชาก
เมื่อถึงจุดที่ใจไม่กล้าเสี่ยงรอถูกกระทำ มือขวาที่คอยป้องกันการจู่โจมก็เป็นฝ่ายเอื้อมคว้าสาบเสื้อคู่แข่งทันทีโดยที่เผลอลืมคำเตือนของจงอินตอนซ้อมไปหมดสิ้นในชั่ววินาทีที่ตัดสินใจ
“อย่า! อย่าเอื้อมไปแบบนั้น!!”
เสียงจงอินช้ากว่า คยองซูถลาพุ่งเข้าไปหมายจะคว้าเสื้ออีกฝ่ายแล้ว แทมินจับจังหวะนั้นได้แล้วรีบหมุนตัวเข้าท่าทันที ดวงตากลมเบิกกว้างพร้อมความวูบโหวงในช่องท้องเมื่อแทมินหมุนตัวมาเร็วกว่าที่คิด และเดาได้ว่าอีกไม่กี่วินาทีทั้งร่างจะต้องลอยเคว้งอยู่กลางอากาศแน่ๆ
“เบี่ยงตัวหลบออกมา! อย่าขึ้นหลัง!”
สติที่กำลังเตลิดถูกดึงกลับมาได้ไวมากพอ คยองซูรีบเหวี่ยงตัวเองหลบฉากการดึงของแทมินได้ทันก่อนที่หลังจะกระแทกลงพื้น แต่กระนั้นก็ยังช้าเกินไป เสียงตึงดังสนั่นเมื่อร่างเล็กกระแทกลงกับเบาะยูโด
นับว่าโชคยังดี ผลจากการหลบก่อนจะขึ้นไปอยู่บนหลังอีกฝ่ายทำให้แผ่นหลังเพียงครึ่งกระทบพื้น มือขวายึดสาบเสื้อของแทมินเอาไว้เพื่อเป็นหลักในการหลบหลีก เสียงหอบกระชั้นจากคนทั้งคู่ดังแว่วมาให้ได้ยิน มือเล็กของแทมินจับมั่นที่แขนเสื้ออีกฝ่ายด้วยหมายไม่ให้คนที่ไล่ต้อนหนีรอด
“วาซาอาริ”
คำสั่งของกรรมการพร้อมกับเหยียดแขนออกไปด้านข้างตั้งฉากกับเบาะเป็นสัญญาณบอกว่าฝ่ายน้ำเงินได้คะแนนนำไปก่อนแล้ว จากนั้นตามมาด้วยคำสั่งมาเต๊ะเพื่อให้นักกีฬาทั้งสองแยกออกจากกันแล้วไปยืนรอที่จุดยืนกลางเบาะของฝ่ายแต่ละคนเหมือนเดิม
ริมฝีปากสีอ่อนเผยอระบายลมหายใจออกมาเป็นจังหวะเร็ว หันไปมองทางสกอร์บอร์ดด้านข้างปรากฏเลขหนึ่งใต้สัญลักษณ์ตัว W ของฝั่งน้ำเงินเป็นการบอกว่าแทมินคะแนนนำอยู่โดยที่เวลาเพิ่งจะหยุดอยู่ที่ 4.43 เพียงแค่ 17 วินาทีแทมินก็ทำคะแนนนำเขาไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
“ไม่เป็นไร คยองซู! ไม่ต้องสนใจ เวลายังมีอีกมาก ใจเย็นๆ” เสียงจงอินดังมาจากทางด้านหลัง คยองซูพยักหน้ารับโดยที่ไม่หันกลับไปมอง สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งพร้อมจังหวะที่กรรมการกลางสั่งเริ่มแข่งขันต่อ
ความกดดันทั้งหมดถาโถมเข้าใส่ แม้จะรู้ว่าเวลาเหลือมากพอที่จะไล่ตามแต่ด้วยกำลังของเขามันจะเป็นไปได้แค่ไหน อีกฝ่ายจัดเจนสนาม ประสบการณ์ก็มากกว่า ทุกอย่างกลายเป็นคลื่นลูกโตที่พร้อมพัดสติของคยองซูให้แตกกระเจิงได้ทุกเมื่อ
“หาจังหวะจับทีละมือแล้วค่อยๆ ไล่ไป มั่นใจแล้วค่อยเข้า” จงอินตะโกนมาอีกครั้ง
แผงฟันคมงับกับริมฝีปากล่างแน่น เม็ดเหงื่อไหลมาตามโครงหน้า มือที่เคยเย็นเฉียบก่อนหน้านี้กำลังชื้นเหงื่อ คยองซูพยายามควบคุมลมหายใจ รอดูท่าทีเพื่ออ่านเกมส์ของอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
มือซ้ายคว้าปลายแขนเสื้ออีกฝ่ายบ้าง เป็นไปตามที่คำนวณไว้ แทมินพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการควบคุมจนไม่ทันระวังสาบเสื้อของตัวเอง เป็นจังหวะเพียงชั่ววินาทีให้คยองซูเอื้อมไปคว้าเอาไว้ได้
“ดี! ลากมา!”
ราวกับกดรีโมทคอนโทรล ทันทีที่ฉวยสาบได้คยองซูดึงอีกฝ่ายจนเซตามมา มือซ้ายที่ยึดไว้แต่แรกพยายามยืดบังคับไม่ให้มือแทมินเอื้อมถึงปลายแขนเสื้อของเขาได้ พาเดินถอยมาซ้ายทีขวาทีจนอีกฝ่ายเริ่มจับจังหวะไม่ถูก
“โมโรเต้!” ความคิดของคยองซูไวพอกับเสียงคำสั่งหลังอ่านเกมส์ของจงอิน
ร่างบางหมุนตัวด้วยความเร็วเท่าที่มีบิดตัวเข้าท่าที่ซ้อมมาอย่างหนักทันทีที่ควบคุมจังหวะได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีประสบการณ์ที่มากพอแทมินจึงหมุนตัวหลบได้ทัน แต่นั่นยิ่งเข้าทาง จุดประสงค์แต่แรกของทั้งคยองซูและจงอินไม่ใช่ท่าทุ่มไปข้างหน้า แต่เป็น...
“แทมินระวังหลัง!!”
กว่าจะได้ยินเสียงโค้ชฝั่งตัวเองก็ไม่ทันเสียแล้ว
แทมินหลุดเสียงร้องออกมาก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายหลอกหลังเข้าโมโรเต้แต่กลับใช้จังหวะเผลอเกี่ยวขาแทน สัญชาตญาณจากสนามแข่งมีมากพอที่จะบอกให้แทมินรีบปล่อยมือข้างหนึ่งออกขากคยองซูก่อนที่จะหงายหลังล้มไปทั้งตัว
“ยูโกะ” มือเหยียดผายลง 45 องศา หลังสิ้นเสียงกระแทกเบาะ ตามมาด้วยคำสั่งมาเต๊ะ
“เยี่ยม! ดีแล้วคยองซู” เสียงปรบมือรัวๆ ไม่กี่วินาทีมาพร้อมคำชมสั้นๆ “ค่อยๆ ตามไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ เล่นอย่างนี้ ใจเย็นๆ”
คยองซูพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะยัดปลายชายเสื้อเข้าสายยูโดเมื่อกรรมการให้คำสั่งแต่งตัวก่อนจะเริ่มการแข่งขันต่อ ตอนนี้ทั้งเขาและแทมินต่างก็เริ่มหอบกระชั้น ทั้งที่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่แต่กลับรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าซ้อมติดกันหลายชั่วโมง ร่างทั้งร่างแทบไร้ความรู้สึก ได้ยินแค่เสียงหอบของตัวเองกับปลายนิ้วที่เต้นตุบๆ ตามจังหวะหัวใจ
เกมส์การแข่งขันดำเนินต่อแต่คราวนี้กลับไม่มีใครทำคะแนนได้อีก ต่างคนต่างระวังตัวกันมากขึ้น มีเพียงการจับและกระชากหาจังหวะเข้า แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้ากระทำก็ต้องรีบหมุนตัวออกมาด้วยระแวงว่าจะถูกอีกฝ่ายหลอกอีกหรือไม่ พอเป็นอย่างนี้แล้วกลายเป็นทุกท่าที่กระทำไม่ได้ดึงจนสุดแรงให้สามารถทุ่มได้
เวลาผ่านไปแล้วครึ่งทาง ร่างกายเริ่มอ่อนล้าตามกลไกของธรรมชาติ คยองซูรู้สึกได้ทันทีว่าแรงตัวเองเริ่มหายไปทุกทีในตอนที่จับสาบเสื้อแทมินแล้วกระชาก หากแทมินยืดตัวแล้วดึงเขากลับเพียงนิดคยองซูคิดว่าตัวเองต้องล้มลงไปกองอยู่บนพื้นแน่ๆ
“เวลาเริ่มน้อยแล้วคยองซู! เราตามอยู่ เร่งเข้าท่าได้แล้ว ไม่ต้องกลัว เข้าไปเลย ทีเดียว!”
“แทมินไม่ต้องรอ! อีกแค่วาซาอาริเดียว มั่นใจหน่อย!”
โค้ชทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนคอนโทรลนักกีฬาของตัวเอง หากปล่อยให้เวลาไหลไปมากกว่านี้จะไม่เป็นผลดี จริงอยู่หากปล่อยไปจนหมดเวลาแทมินที่คะแนนนำอยู่ถึงหนึ่งวาซาอาริอาจชนะแต่ใครจะเดาได้ว่าคยองซูจะฮึดเข้าท่ามาในนาทีไหนก่อนจบเกมส์ และไม่อาจเดาได้เลยว่าผลจากการเข้ากระทำในแต่ละครั้งของคยองซูจะกลายเป็นแต้มไหน หากคยองซูทำได้หนึ่งวาซาอาริเกมส์จะพลิกทันที จากคนตามจะกลายเป็นคนนำด้วยคะแนน 1 วาซาอาริ 1 ยูโกะ ในขณะที่แทมินมีเพียงแค่ 1 วาซาอาริ ยูโดเป็นกีฬาที่วัดกันเสี้ยววินาที ถ้าพลาดไปล่ะก็ต่อให้คะแนนนำก็มีสิทธิแพ้ได้ง่ายๆ
เมื่อแรงก๊อกหนึ่งถูกใช้ไปจนหมด ก๊อกสองก็จำเป็นต้องขึ้นมาแทนที เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ในก๊อกสำรองนี้ถูกเรียกขึ้นมาใช้ แรงกระชากทำให้อีกฝ่ายไร้การควบคุมจนดูเหมือนตุ๊กตาผ้า
“คยองซู! อย่าเดินตามนะ!!”
จงอินตะโกนออกไปโดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเสียงของตนจะเข้าโสตการได้ยินของคนบนสนามแข่งหรือไม่ คยองซูดูเหนื่อยมาก ใจดวงเล็กนั่นต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลเป็นครั้งแรก เขาไม่กล้าเดาเลยว่าคยองซูจะรับสิ่งที่ส่งไปให้จากข้างสนามได้มากแค่ไหน
ทว่าวินาทีถัดมาเสียงฮือฮาก็ดังก้องสนามเมื่อแทมินใช้แรงเฮือกที่เหลือเก็บไว้อยู่โอบเอวบางของคยองซูแล้วยัดสะโพกเข้าท่าโอโกชิเต็มที่ ร่างเล็กลอยหวืดอยู่บนหลังคู่ต่อสู้ คยองซูเบิกตากว้างทั้งพยายามสะบัดตัวให้หลุดแต่ก็ช้าไปแล้ว ทุกจุดหมุนในร่างกายแทมินยึดและควบคุมเอาไว้ได้หมด
ตำนานแห่งวงการผุดลุกขึ้นยืนข้างสนามแต่กลับไม่เปล่งเสียงใดๆ ออกมา ไม่ต่างจากชานยอลที่ลุกขึ้นยืนอยู่กลางที่นั่งของทีมมหาลัย k ยืดตัวมองพลางอ้าปากกว้างแต่ไร้เสียงตะโกน สีหน้าเคลือบความกังวลแสดงออกชัดแจ้ง ต่างจากคนตัวขาวที่มารักษาการประธานชมรมของอีกมหาลัยที่ยืนมองการแข่งขันด้วยท่าทีสงบนิ่ง ก่อนที่วินาทีต่อมาจะส่ายหัวช้าๆ พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ บนเรียวปากบาง
“อิปป้ง”
ไหวพริบดี แต่ไม่ทันการเสียแล้ว...
สิ้นเสียงโครมใหญ่กรรมการก็เหยียดแขนตรงขึ้นฟ้าเพื่อบอกว่าฝ่ายน้ำเงินทำคะแนนอิปป้งได้ คำสั่งยุติการแข่งขันแทบกลืนไปกับเสียงเฮดังลั่นสนาม แทมินยิ้มกว้างพลางหอบหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งยื่นไปดึงคยองซูที่นอนตบเบาะอย่างปลอดภัยให้ลุกขึ้นมาด้วย
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบให้กับคำถามเสียงค่อยเจือเสียงหอบหายใจของคู่ต่อสู้
ทั้งสองต้องกลับไปยืนตำแหน่งเดิมของตัวเองแล้วเคารพกัน หลังจากนั้นค่อยถอยหลังไปที่เส้นระหว่างเบาะต่างสีกันเพื่อเคารพอีกครั้ง แล้วจึงกลับไปเคารพที่ขอบเบาะ
จงอินที่ยืนอยู่ระบายลมหายใจแล้วคลี่ยิ้มบางมองคนที่กำลังถอยหลังเคารพตามจุดต่างๆ เมื่อมาถึงขอบเบาะและก้มเคารพเบาะตรงหน้าเก้าอี้โค้ช คยองซูหมุนตัวกลับมาหาคนตัวสูงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว แพคฮยอนกำลังวิ่งถือขวดน้ำกับผ้าเย็นหนึ่งผืนมาให้
คนตัวบางหอบหายใจถี่ชั้นจนชุดยูโดหลุดลุ่ยขยับตาม เหงื่อไหลไปทั่วใบหน้าขาว ข้างแก้มมีรอยแดงที่คาดว่าน่าจะเกิดจากการไถลไปกับเบาะเป็นริ้ว คล้ายคนตรงหน้าเป็นเงือกไร้เสียง เพียงแค่ได้สบตากันเท่านั้นแต่ไม่มีคำพูดใดเลยออกจากปากเจื้อยแจ้ว
มือหนารับน้ำกับผ้าเย็นในมือแพคฮยอนมาก่อนจะเปิดขวดแล้วส่งให้นักกีฬาที่เพิ่งลงจากสนาม มือสั่นๆ เอื้อมมารับไว้ พร้อมกันนั้นจงอินก็โอบไหล่ไหวระริกให้เดินลงมาจากเบาะเพื่อให้คู่ต่อไปได้เตรียมทำการแข่งขันต่อ ค่อยๆ ทาบผ้าขนหนูชื้นน้ำเย็นลงบนใบหน้าขาวแล้วเช็ดให้เบามือ
“ค่อยๆ ดื่มนะ หายใจลึกๆ” เอ่ยหลังจากเช็ดหน้าให้เสร็จแล้ว
คยองซูยกมือสั่นเทากระดกน้ำลงลำคอแห้งผาก เพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าปวดหนึบที่ข้อมือจรดปลายนิ้ว รู้สึกแสบผิวแก้มเมื่อเม็ดเหงื่อไหลผ่าน อาการเหนื่อยหอบไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยพอกับร่างกายที่เริ่มกลับมารับความรู้สึกได้อีกครั้ง
“เซฮุนแข่งคู่ถัดไป มึงไปโค้ชให้น้องด้วย”
เมื่อมาถึงที่นั่งของทีม ชานยอลก็พูดกับคนที่เพิ่งมาถึงขณะที่ตนกำลังช่วยนวดแขนขาให้น้องเล็กของทีมที่ดูพร้อมกับการแข่งเต็มที่แล้ว จงอินพยักหน้าก่อนจะส่งคยองซูให้เพื่อนตัวสูง สายตาที่มองทอดมาตามแผ่นหลังไหวเป็นจังหวะหอบหายใจทำให้ชานยอลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“เดี๋ยวกูดูให้เองน่า ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้ครับเทพ” มีเสียงหัวเราะเบาๆ จากนักกีฬาพร้อมขึ้นแข่งมาช่วยสนับสนุนด้วย จงอินยิ้มบางให้เพื่อนแล้วดึงไหล่เล็กของเซฮุนเข้ามาใกล้พร้อมกับบีบคลายกล้ามเนื้อให้
“เออ ฝากด้วยแล้วกัน แต่คงจะอีกพักใหญ่ ท่าทางจะยังไม่กลับมา”
อะไรที่ ‘ยังไม่กลับมา’ ไม่ต้องขยายความสำหรับนักกีฬาที่ผ่านการแข่งขันมาอย่างโชกโชนก็พอจะรู้ความหมาย คยองซูยังนิ่งเงียบ ดวงตากลมโตยังเหมือนทุกๆ วันที่เห็นกันเพียงแต่ดูไร้แววไม่ต่างจากเสียงใสที่จนตอนนี้ยังกลับคืนมา ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากเสียงหอบหายใจ ไม่ว่าใครจะพาไปที่ไหนก็เดินตามไปราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิต
ชานยอลดึงคยองซูให้เดินตามมาตรงที่แพคฮยอนกับลู่หานนั่งอยู่ พี่ชายนักบอลมองน้องชายในตำแหน่งประธานแล้วยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้าให้เบาๆ จงอินยิ้มกลับแล้วพาเซฮุนไปยืนฝั่งน้ำเงินตามที่สายบอกฝั่งคาดที่เอว
แม้ลู่หานจะไม่เคยเป็นนักยูโดมาก่อน แต่ก็เป็นถึงกัปตันทีมฟุตบอลและคลุกคลีอยู่กับจงอินมานานหลายปีตั้งแต่เจ้าเด็กนี่ยังไม่เป็นโล้เป็นพายเลยทำให้พอรู้ว่าพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง มือไม่ใหญ่ของหนุ่มหน้าหวานชาวจีนแกะสายขาวออกให้เด็กปั้นของน้องชายคนสนิทก่อนจะรับเสื้อยืดของคยองซูที่แพคฮยอนส่งมาให้ ถอดเสื้อยูโดหนักๆ ออกจากร่างเล็กแล้วส่งเสื้อให้คยองซูใส่ ลู่หานหันไปหยิบเสื้อวอร์มของจงอินแล้วสวมทับร่างที่ยังหอบหายใจถี่อีกชั้น
ถ้าปล่อยให้ร่างกายที่เพิ่งออกแรงอย่างหนักอีกทั้งยังชุ่มเหงื่อเจอกับอากาศเย็นทันทีจะทำให้ไม่สบายได้ จงอินมันรู้ดีอยู่แล้วถึงได้ฝากเสื้อวอร์มของตัวเองไว้กับลู่หาน คนที่เป็นกัปตันดูแลนักกีฬาในทีมมาก่อนเหมือนกันย่อมรู้อยู่แล้วว่าควรดูแลคนของตัวเองยังไง
“พี่รู้ว่านายไม่ตื่นเต้น” ประโยคที่ออกจากปากคนที่กำลังตบหลังกระตุ้นกล้ามเนื้อทำเอาเซฮุนหลุดยิ้ม
“อะไรล่ะ เซฮุนตื่นเต้นนะพี่จงอิน”
“ไม่จริงหรอก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งๆ ที่จะแข่งอยู่แล้วเนี่ยนะอาการของคนตื่นเต้น” จงอินอยากจะต่อท้ายด้วยซ้ำว่านี่มันพฤติกรรมของคนเจนสนามโดยแท้เลยต่างหากล่ะ
เซฮุนไหวไหล่ก่อนจะโคลงหัวบิดคอและยืดกล้ามเนื้อช่วงแขนระหว่างที่จงอินไล่ลงไปตบกล้ามเนื้อช่วงขาให้ มองเลยเกมส์บนสนามคู่แข่งของเขาก็มายืนรออยู่แล้ว แอลโจจากมหาลัย t
“ถ้ายังไงช่วยแข่งให้เสร็จไวๆ ก็จะดีมาก”
“โหยยย อยากรีบไปหาพี่คยองซูอ่ะดิ” เซฮุนแกล้งทำเสียงเง้างอดแต่กลับไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะคิกของตัวเองได้
“มันใช่เวลามาแซวกันป่ะเนี่ยเซฮุน?” คนเป็นพี่ทำหน้าระอาก่อนจะวกกลับมาบีบไหล่ให้น้องเล็กอีกรอบ “อย่างนายน่ะไม่ถึงนาทีหรอก พี่เชื่อ”
“ขอชานมไข่มุกแก้วนึง โอเคป่ะ?”
ร่างเล็กหมุนตัวกลับมาทำตาวิบวับพลางยกนิ้วชี้เพื่อบอกสิ่งที่ต้องการหากตนเองทำได้อย่างที่จงอินพูดจริงๆ กัปตันผิวเข้มระบายยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนในความทะเล้นของเด็กคนนี้แล้วยอมพยักหน้าตกลง เซฮุนยิ้มแก้มปริก่อนจะหันกลับไปวอร์มตัวเองอีกครั้ง
เสียงคำสั่งยุติการแข่งขันดังขึ้นหลังออดหมดเวลา เสียงเฮดังอีกระลอกเมื่อรู้ตัวผู้ชนะ เซฮุนอมยิ้ม ยกสองมือเข้าหากันแล้วยืดบิดทุกข้อนิ้ว นาทีนี้เขาพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม
“พี่รู้ว่านายรู้ดีว่าตัวเองควรจะทำยังไง เพราะฉะนั้นพี่จะไม่บอกอะไรนาย เล่นตามใจตัวเอง เต็มที่ไปเลยนะโอเซฮุน”
นักกีฬาที่อยู่บนเบาะถอยหลังเคารพเบาะลงมาแล้ว เซฮุนเคารพขอบเบาะหลังจากที่คนเป็นพี่ตบแรงๆ ลงบนแผ่นหลังเรียกแรงฮึดอีกครั้ง
“เตรียมซื้อชานมไข่มุกไว้ให้เซฮุนได้เลย พี่จงอิน”
TBC.
Mirror* Talk : เหนื่อยมั้ยคะแข่งไปพร้อมคยองซูขนาดนี้(?) 5555* เราไม่รู้ว่าเราเขียนทำให้ทุกคนเข้าใจได้ขนาดไหนอ่ะ TvT ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจอย่างไรขอน้อมรับไว้คนเดียวนะคะ ฮืออออ ต่อไปอาจจะไม่ได้บรรยายเต็มแบบนี้แล้ว จะลดทอนไปตามสมควรนะคะ ไม่อย่างนั้นฟิคเรื่องนี้ไม่จบแน่ๆ ฮา
สำหรับใครที่อาจไม่เห็นภาพการแข่งขันอย่างไรลองเสิร์จหาในยูทูปได้เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งในระดับเล็กหรือเรื่อยไปถึงโอลิมปิค ระเบียบการแข่งขันจะไม่ต่างกันค่ะ พวกการเคารพ กรรมการ สถานที่แข่งขัน ยิ่งการแข่งขันจริงนั้นการเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เคยดูการแข่งขอโอลิมปิคหายใจยังไม่ทันทั่วท้องเลยชนะกันแล้ว TvT กีฬานี้ตัดสินกันชั่ววินาทีจริงๆค่ะ ประมาทไม่ได้ หลายครั้งที่คนที่คะแนนนำชะล่าใจกลายเป็นโดนนำในวินาทีสุดท้าย บางทีแข่งๆ กันอยู่หันกลับมาอีกทีถูกจับล็อคหรือหักแขนรัดคอจนตบเบาะยอมแพ้ไปแล้วก็มีค่ะ แต่อย่างไรแล้วยูโดไม่ใช่กีฬาที่โหดร้ายอะไรนะคะ TvT อย่างที่เห็นว่าเมื่อแข่งเสร็จยังไม่ลงจากเบาะเราก็เป็นเพื่อนกัน แสดงน้ำใจนักกีฬาออกมาให้เห็นแบบแทมินนั้นเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ในทุกการแข่งขันค่ะ
เรื่องบีบนวดหรือตบแขนขาเตรียมพร้อมนักกีฬานี่ก็เรื่องปกติค่ะ ถ้ามีโอกาสได้เห็นการแข่งขันจริงจะเห็นได้เลยค่ะว่าโค้ชแทบทุกทีมจะทำแบบนี้ ถ้าโค้ชไม่ทำนักกีฬาก็ทำเอง มันเหมือนเป็นการกระตุ้นอย่างหนึ่งนะคะ บางคน(รวมถึงกระจกเองด้วย)ถึงกับต้องหน้าตัวเองเลยก็มีค่ะ คือไม่ได้ตบเพี๊ยะๆ แบบนั้นนะ คือเอามือแนบข้างแก้มแล้วตบๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเองค่ะ จะบอกว่าเป็นอาการตื่นสนามแบบหนึ่งก็ได้นะ ยอมรับ TvT 5555*
เอาล่ะ การแข่งขันก็ดำเนินต่อไปเนอะ มาลุ้นน้องเซฮุนพร้อมกับลุ้นการแข่งประเภททีมกันเถอะ แล้วมาลุ้นกันด้วยว่าคยองซูจะเป็นอย่างไรต่อไป ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกสายตาที่ไล่กวาดทุกตัวอักษรค่ะ รักคนอ่านมากกกกก
ความคิดเห็น