ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "NERDY BOY" มนุษย์แบคฮยอน | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 23 :: My Hobbit (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.3K
      127
      3 มี.ค. 58

     

     

     

    Chapter 23

    My Hobbit

     

     

     

    เราจะสามารถทำใจอยู่กับความสุขได้มากแค่ไหน

    ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานมันจะต้องหายไป?

     

    งานวันจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายปีสาม ในหอประชุมมีเพียงแค่เสียงผู้อำนวยการโรงเรียนที่ดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณ แน่นอนว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ไม่ได้รู้สึกยินดีกับการนั่งฟังคำปราศรัยยาวเหยียดในสคริปท์กระดาษบนโพเดียม

     

    จากตรงนี้มองเห็นชานยอลได้ไม่ยาก เนื่องจากส่วนสูงที่โดดเด่นกว่าใคร ๆ แบคฮยอนมองไหล่กว้างที่เขาเคยเอาคางเกยลงไปเวลานึกอยากออดอ้อน อีกทั้งใบหูของชานยอลที่จื่อเทาชอบล้อว่าเหมือนช้าง แบคฮยอนกำลังจดจำทุกรายละเอียด

     

    เสียงพูดคุยของคนรอบข้างคล้ายยุงที่บินผ่านไปมา แบคฮยอนไม่ได้รู้สึกยินดีกับวันนี้เลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เขาเคยรอให้มันมาถึงตลอด สองมือวางบนหน้าขา เรียวนิ้วค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาจนเปลี่ยนเป็นกำมือแน่นในที่สุด

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนสะพานไม้ชำรุดกลางเหว ซึ่งเป้าหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นช่างมืดมนและอยู่ไกลจนมองไม่ชัด เสียงเชือกตอนสะพานสั่นไหวนั้นน่ากลัว คล้ายว่ามันจะขาดได้ทุกเมื่อ เหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้

     

     

    ที่ไม่อยากให้ชานยอลไป...

     

     

    รู้ว่างี่เง่า...แต่เชื่อเถอะว่าบยอนแบคฮยอนสามารถห้ามปากตัวเองไว้ได้ ซึ่งเขารู้สึกขอบคุณตัวเองเหลือเกิน ที่ยังสามารถยิ้มและใช้เวลาที่เหลืออยู่กับชานยอลได้โดยไม่แสดงออกถึงความเอาแต่ใจ

     

    เพราะฉะนั้นเขาถึงได้จมอยู่กับความรู้สึกหน่วง ๆ แบบนี้สินะ ใช่แล้วล่ะ แบคฮยอนยอมเก็บความรู้สึกต่าง ๆ เอาไว้ในใจ ดีกว่าแสดงออกไปแล้วอีกคนต้องเป็นกังวล

     

     

    ชานยอลสอบเข้าที่นั่นได้แล้ว...

    นั่นคือข่าวดี...ที่ลึก ๆ ในใจไม่อยากให้เกิดขึ้น

     

     

    ขอโทษ

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนรู้สึกว่ากำลังคิดเรื่องไม่ดี กับการที่เขาคอยภาวนาในใจว่าขอให้ชานยอลสอบเข้าที่นั่นไม่ได้ เผื่อว่าแผนการไปเรียนที่อเมริกาจะเลิกล้มไป เขาควรจะรู้สึกยินดี มากกว่าการมานั่งคิดเรื่องแย่ ๆ แบบนี้

     

    หลังจากฟังผู้อำนวยการปราศัยจบ นักเรียนก็ทยอยออกมาข้างนอกเพื่อถ่ายรูปสร้างความทรงจำด้วยกัน เชื่อว่าตอนนี้แต่ละคนคงมีความสุขที่เรียนจบ และทุกข์ใจอยู่ลึก ๆ ที่ต้องแยกจากเพื่อน แบคฮยอนเห็นว่าคนรอบข้างคุยกันมากขึ้น มียิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง ก่อนจะกอดส่งท้ายกัน

     

    ฉันอยากเป็นนักร้องมานานแล้ว นี่กะว่าจะเอาดีด้านดนตรีล่ะ คยองฮีและเซเลปทั้งหลายกำลังรอฉันอยู่ จงแดพูดทำลายความเงียบ หลังจากที่พวกเราสี่คนเอาแต่นั่งมองคนอื่น ๆ ถ่ายรูปสร้างความทรงจำด้วยกัน

     

    นายเข้าไปก็กลายเป็นแค่ขี้มดเท่านั้นแหละจงแด พวกคนรวยเขาไม่แลชนชั้นกลางอย่างนายหรอก คำพูดคำจาของจุนมยอนไม่ได้ดับฝันจงแดเลยเสียทีเดียว เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะขณะมองไปยังเบื้องหน้า ราวกับว่าได้วางแผนมาอย่างดีแล้ว

     

    ผู้หญิงชอบผู้ชายตลก ชอบผู้ชายเล่นดนตรีเป็น แล้วนายดูฉันสิ ทั้งตลก ทั้งร้องเพลงเก่ง มันต้องมีผู้หญิงชนชั้นกลางสักคนที่ชอบผู้ชายอย่างฉันพูดจบจุนมยอนกับคยองซูก็พร้อมใจส่ายหน้ากันอย่างเอือม ๆ ส่วนแบคฮยอนเพียงแค่นั่งฟังเงียบ ๆ โดยไม่ออกความเห็น แล้วพวกนายล่ะ

     

    ฉันอยากเป็นนักข่าว จุนมยอนพูดถึงความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากค้นหาตัวเองมานาน การที่ไม่รู้ตัวว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรนี่มันบัดซบจริง ๆ

     

    ฉันอยากอยู่เฉย ๆ แล้วก็กินกับนอน

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งสามคนหันไปทางโดคยองซูพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เด็กหนุ่มไซส์มินิยังคงทำหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับอนาคตที่ริบหรี่เลยสักนิด

     

    อ่า...โอเค! ฮะฮะฮะ จุนมยอนหัวเราะกลบเกลื่อนบรรยากาศแปลก ๆ ที่มักจะเกิดจากคยองซู ก่อนจะกลอกตามองจงแดเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ

     

    มาทางแบคฮยอนบ้างดีกว่า เด็กหนุ่มทั้งสองคนก้มหน้าลงมองเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่ทางซ้าย และตามด้วยคยองซูที่หันช้าที่สุด นายจะต้องย้ายกลับมกโพแล้วสินะ คงคิดถึงแย่เลย

     

    หมอนี่แค่พูดดีไปอย่างนั้น เดี๋ยวเขาก็ลืมนายแล้ว

     

    ย่าห์ คยองซู!”

     

    ไว้ถ้าเรามาโซลแล้วจะโทรหาทุกคนเลยนะ แบคฮยอนยิ้มขำกับท่าทางของจงแดตอนโดนพูดดัก นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าใจหาย นอกจากชานยอลแล้ว เขาก็ต้องจากเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ไปเหมือนกัน

     

    ฉันได้แต่หวังว่าพวกนายจะไม่ลืมกันน่ะนะ จุนมยอนพูดอย่างถอดใจ เขาพอจะเคยได้ยินจากรุ่นพี่มาบ้างว่าอะไรที่เคยพูดไว้ก็ทำกันไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นว่าจะติดต่อกลับมา แต่พอเจอสังคมใหม่ เจอเพื่อนใหม่ พวกเขาก็กลายเป็นแค่เพื่อนในความทรงจำในวัยมัธยม

     

    ฉันว่านายเป็นคนแรกที่จะลืมเพื่อน

     

    โธ่คยองซู เลิกแขวะกันสักทีเถอะน่า ไหนบอกว่ากลุ่มเราหนักแน่นที่สุดไง จุนมยอนเบ้หน้ามองเพื่อนสนิทที่ยังคงมีสีหน้าไม่ต่างจากในทีแรก ราวกับว่าสายตาคยองซูกำลังพูดคำหยาบกับเขาอยู่ยังไงอย่างนั้น ยกตัวอย่างเช่น ที่หนักแน่นน่ะมือกูเองแหละ

     

    มกโพคงมีของกินอร่อยเยอะ ฉันอยากไปที่นั่น คยองซูว่า บ้านนายพักฟรีใช่ไหม

     

    ทั้งสามคนนิ่งไปอีกครั้งกับคำพูดของคยองซู ก่อนที่แบคฮยอนจะยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ สำหรับเขาแล้ว บ้านหลังนั้นต้อนรับเพื่อนได้เสมอ

     

    ฉันได้ยินมาว่าปาร์คชานยอลติด MIT แล้วล่ะ โชคดีเป็นบ้าเลย จงแดเป็นคนเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมันคงไม่ทำร้ายจิตใจแบคฮยอนมากไปกว่านี้ คนตัวเล็กเพียงแค่นั่งฟังโดยที่ไม่พูดอะไร จนกว่าเพื่อนจะหันมาถาม

     

    จะเรียกว่าโชคช่วยก็คงไม่ถูก มหาลัยนั่นน่ะใช่ว่าจะหลับหูหลับตาเข้าได้ซะเมื่อไหร่

     

    ค่าเทอมหมอนั่นซื้อข้าวกินได้เป็นปีเลย คยองซูว่า หลังจากลงทุนเสียเวลาคำนวณค่าใช้จ่ายของคนอื่นอยู่หลายนาที ใจจริงก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้

     

    คนมีต้นทุนนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ

     

    ไม่เอาน่า จบที่ไหนก็มีงานทำเหมือนกันนั่นแหละ หมอนั่นยึดติดสถาบันชัด ๆ จุนมยอนเบ้ปาก ขณะมองไปยังแก๊งสามทหารเสือที่ถูกน้อง ๆ ปีหนึ่ง ปีสองรุมล้อมขอถ่ายรูปด้วย

     

    ถ้าสูงเท่าสามคนนั้น ฉันก็จะถูกผู้หญิงรุมล้อมบ้างใช่ไหม จงแดมองตาลอย

     

    แต่ถ้าฉันดีดนิ้ว นายก็อาจจะตื่นจากความฝัน พูดจบคยองซูก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ ก่อนที่จุนมยอนจะระเบิดหัวเราะออกมา

     

    ละแวกนี้ครึกครื้นไปด้วยนักเรียนชายหญิง แบคฮยอนมองไปยังคนตัวสูงที่กำลังยิ้มให้กล้องกับรุ่นน้องที่เข้าไปขอถ่ายรูปด้วย ชานยอลไม่ได้แสดงท่าทีว่าหงุดหงิดตอนที่พวกเธอขอให้โอบไหล่ ผู้ชายคนนั้นใจเย็นพอที่จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงส่งเสียงอยู่ใกล้ ๆ

     

    เฮ้ย

     

    ร่างเล็กหันไปตามต้นเสียง แล้วก็เห็นคิมนัมจุนและเพื่อน ๆ ล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาทางนี้ แก๊งห้องสมุดอีกสามคนไม่ได้ตกอกตกใจมากนักกับท่าทางขี้เต๊ะของนักเลงจีนแดง ที่เก่งแต่ปาก มือไม้ไม่เคยถึงตัว

     

    แบคฮยอนยังจำความรู้สึกตอนที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาทักทายในวันแรกได้เป็นอย่างดี น้ำเสียงโผงผาง กับสายตาที่จ้องจะหาเรื่องอยู่ตลอดเวลานั่นน่ะ แต่วันนี้มันต่างอออกไป เมื่อนัมจุนเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นให้กับเขา

     

    ให้

     

    แบคฮยอนเลิกคิ้วทำตาปริบ ๆ กับอมยิ้มหลากสีที่อีกคนยื่นให้ สีหน้านัมจุนยังคงเก๊กเหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ พอเห็นว่าแบคฮยอนรับอมยิ้มเอาไว้ เด็กหนุ่มตัวสูงก็ชี้นิ้วมาตรงหน้าแล้วทำท่ายิงปืน

     

    ขอบใจนะนัมจุน

     

    แล้วเจอกันใหม่ นัมจุนและเพื่อนจิ๊กโก๋ในกลุ่มเดินถอยหลังไปพร้อมรอยยิ้ม แบคฮยอนได้แต่มองตามเพื่อนร่วมห้องก่อนจะโบกมือลา

     

    และหวังว่าสักวันหนึ่ง โลกจะเหวี่ยงเราทุกคนให้มาเจอกันอีก

     

     

     

     

    ถ้าพูดถึงความสุข คนเรามักจะพยายามทำทุกอย่าง

    เพื่อยืดเวลาออกไปให้ได้มากที่สุดสินะ?

     

    เสียงไม้แขวนเสื้อกับเสียงซิปกระเป๋าคือเสียงเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยความทรงจำ แต่ไหนแต่ไรที่แบคฮยอนรู้สึกไม่ดีกับการเห็นกระเป๋าเดินทาง ครั้งแรกคือตอนที่เขาลากมันออกมาจากบ้านที่มกโพ และครั้งที่สองคือตอนนี้ ตอนที่ชานยอลกำลังเก็บของใส่กระเป๋า

     

    ร่างเล็กนั่งอยู่บนเตียง เพราะถูกสั่งให้นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วมองหน้าชานยอลเอาไว้ จะได้ไม่ลืมว่ามีแฟนแล้ว

     

    แบคฮยอนเก็บกระเป๋าเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วไททันตัวโตแทบจะเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง แม้แต่การพับเสื้อผ้าที่เจ้าตัวไม่ถนัด ชานยอลก็พยายามนั่งพับอย่างตั้งใจ

     

    เราตกลงกันว่าจะไปพร้อมกัน ออกจากบ้านพร้อมกัน แต่ปลายทางของเราต่างกัน ซึ่งชานยอลมีเที่ยวบินตอนบ่ายโมง ส่วนเขาต้องไปขึ้นรถไฟ KTX ที่สถานียงซานตอนบ่ายสามห้าสิบ

     

    ...!!” แบคฮยอนสะดุ้งหลุดออกจากความคิด เมื่ออีกคนดีดนิ้วตรงระดับใบหน้า ชานยอลหยัดตัวนั่งลงบนเตียงพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะวางสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ลงบนมือเขา

     

    ใช้หนี้

     

    หนี้? ร่างเล็กเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ และชานยอลก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะตอบคำถามในทันที

     

    ก็ที่ยืมไปจ่ายค่าเสียบอลเมื่อคราวนั้น ทั้งต้นทั้งดอกเลยออกมาเป็นมือถือเครื่องนี้ไง ชานยอลแตะปลายนิ้วหัวแม่มือลงไปตรงปุ่มโฮม แค่ครู่เดียวก็เข้าสู่หน้าจอหลัก คนตัวสูงง่วนอยู่กับระบบเครื่อง ก่อนจะประคองร่างแบคฮยอนให้ขยับมานอนพิงกับแผงอกตัวเอง แล้วแตะนิ้วหัวแม่มือลงไป

     

    ชานยอลทำอะไรอ่ะ

     

    สแกนนิ้วไง สำหรับมือถือเครื่องนี้ มีแค่กูกับมึงที่ทำแบบนี้ได้ ชานยอลยิ้มขณะสบตากับคนรักที่ช้อนตามองเขา

     

    ชานยอลจะให้เราจริง ๆ เหรอ มันแพงเกินไป

     

    ก็ใครใช้ให้ซื้อมือถือที่เฟซไทม์กันไม่ได้ล่ะ? ชานยอลขมวดคิ้ว

     

    มันก็มีโปรแกรมสไกป์ไม่ใช่เหรอ จุนมยอนก็เคยเปิดกล้องอวดผ้าปูเตียงผืนใหม่ให้เราดูเมื่อเดือนก่อนอ่ะ

     

    เออน่า รับไว้โดยไม่ต้องถามให้มากความได้ไหม แฟนซื้อให้ก็หัดรับไว้โดยที่ไม่ต้องสงสัยไม่ได้เหรอวะ จูบหัวคนที่กำลังเรียนรู้การใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ไปทีนึงอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    ไปขอให้คุณลุงซื้อให้หรือเปล่าเนี่ย

     

    เงินกูค่ะ อยากจะขบหัวคนขี้สงสัยจริง ๆ ให้ตายเถอะ ชานยอลจับมืออีกคนที่ถือสมาร์ทโฟนเอาไว้ทั้งที่ยังคลอเคลียกลุ่มผมนุ่มอยู่ ลงแอพ Between ให้เรียบร้อยแล้วด้วย

     

    หา?

     

    มันคือแอพแชทเห็นแก่ตัวน่ะ แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง แอดใครไม่ได้ แล้วก็รับแอดใครไม่ได้ด้วย มีแค่กูกับมึงเท่านั้นที่ใช้แอพนี้ได้

     

    ไหงงั้นอ่ะ

     

    ดูนะ ชานยอลกดเข้าโปรแกรมแล้วสอนให้คนตัวเล็กเล่น ถ้าจะคุยกันให้กดเข้าตรงนี้

     

    อ๋อ ตรงนี้

     

    ถ้าคิดถึงกันเมื่อไหร่ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตัวเองแล้วก็อัพโหลดลงในนี้ ไม่ต้องไปลงเฟซบุ๊ค อินสตาแกรมนะ ให้คิดว่ากล้องคือกู

     

    เราไม่ได้บ้าถ่ายรูปเหมือนจื่อเทาสักหน่อย คิดถึงก็ส่วนคิดถึงสิ ถ้าเกิดเราคิดถึงชานยอลตอนตื่นตอน งี้ไม่ต้องถ่ายตอนหน้ามึน ๆ หรอกเหรอ

     

    ก็ถ่ายทั้งอย่างนั้นแหละ นอนมาด้วยกันเกือบปีนึงแล้วยังจะอายอะไรอีกวะ

     

    เราเขินอ่ะ แบคฮยอนเกาหัว ก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อถูกอีกคนงับมือเข้าให้ อะไรของชานยอลเนี่ย

     

    ก็แล้วแต่ ถ้ามึงไม่ถ่ายรูปลง กูก็จะไม่ถ่ายเหมือนกัน

     

    หูย ไหงงั้นอ่ะ ชานยอลจะปล่อยให้เราคิดถึงจนตายให้ได้เลยใช่ไหม เห็นคิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วก็นึกขำในใจ เด็กตัวสูงกระชับวงแขนที่กอดรอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้ให้แน่นยิ่งขึ้นแล้วลอยหน้าลอยตา

     

    ก็รอดูว่าใครจะตายเพราะความคิดถึงก่อนกัน

     

    เราไม่ตายง่าย ๆ หรอก

     

    เอ้อ เดี๋ยวรู้เรื่องเลย

     

    แผนสูงอ่ะ ชานยอลเป็นคนแบบนี้ตลอดเลย

     

    ถ้าทำตามที่บอกแต่แรกก็จบแล้ว ทำไมต้องเถียง ทำตัวน่ารักกับแฟนบ้างมันจะตายไหมหื้อ พูดจบก็ก้มลงฟัดแก้มแฟนแรง ๆ ทีนึง หมั่นเขี้ยว

     

    ก็ได้

     

    ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัว แล้วอยู่กับสัมผัสอุ่น ๆ ที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ตรงนี้ ชานยอลถอนหายใจเบาหวิว เขารู้ว่าในระดับไหนที่จะซ่อนความรู้สึกไม่ให้อีกฝ่ายรู้ได้ ว่าตัวเขาเองก็กำลังปวดหัวใจ ที่พรุ่งนี้เราต้องแยกกันแล้ว

     

    ช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน จะว่านานก็นาน แต่มันก็สั้นสำหรับเด็กสองคนที่ต้องแยกจากกัน ทั้ง ๆ ที่เราต้องการกันและกันมากขนาดนี้ ชานยอลหลับตาลงแล้วหอมกลุ่มผมนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วบอกกับตัวเองว่าในอนาคตเขาจะกลับมาทำแบบนี้อีกครั้ง

     

    ดูแลตัวเองให้ดีนะ ถ้ามีปัญหารีบโทรบอกไอ้จงอินกับไอ้เทาเลย จากโซลไปมกโพนั่ง KTX แค่สามชั่วโมงครึ่ง พวกมันรับปากแล้วว่าจะไปทันทีขอแค่มึงบอก

     

    เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไง จงอินกับจื่อเทาก็มีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกันอ่ะ

     

    บอกเผื่อไว้ไง ถ้าวาร์ปจากเมกาไปมกโพได้ก็จะไม่พูดงี้หรอก

     

    แบคฮยอนพยักหน้า เขายังคงนั่งพิงอกแกร่งอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ขยับตัวไปไหน ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ ที่ชานยอลใส่ใจเขาถึงขนาดนี้ แบคฮยอนวางสมาร์ทโฟนลงบนเตียงแล้วกุมมืออีกคนเอาไว้

     

    ชานยอล

     

    ว่าไง

     

    เราเคยคิดว่าความรู้สึกทุกอย่างมันจะรุนแรงแค่ช่วงแรก ๆ ทั้งความสุขที่คงพีคสุด ๆ ในตอนนั้น แล้วก็ความทุกข์ที่ทำให้เจ็บหนักในช่วงเจอเรื่องราวเลวร้าย

     

    ...

     

    เราคิดว่าถ้าทำใจอยู่กับสิ่งนั้นให้ได้สักวันหนึ่งก็คงชินไปเอง แต่เราไม่อยากรู้สึกอย่างนั้นกับเรื่องของเราหรอกนะแบคฮยอนผละตัวออกจากอ้อมกอดอีกคน ก่อนจะหันหน้าเข้าหาอย่างจริงจัง วันนั้นเราฟังชานยอลพูดทั้งหมดแล้ว งั้นวันนี้ชานยอลเป็นฝ่ายฟังเราบ้างนะ

     

    แบคฮยอนมองมาด้วยแววตาจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบเดือน หลังจากได้รับรู้ข่าวร้ายจากปากเขาในวันนั้น ชานยอลไม่ได้ปฏิเสธ แน่นอนว่าเขาอยากฟังทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือร้าย ขอแค่มาจากคน ๆ นี้ก็พอ

     

    เราไม่อยากชินกับความรู้สึกตอนไม่มีชานยอล แล้วเราก็จะไม่พยายามหาอะไรทำเพื่อไล่เรื่องของชานยอลออกไปจากหัวเราด้วยเด็กตัวสูงก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ เพราะถ้ารู้สึกคิดถึงน้อยลง เรากลัวว่าสักวันหนึ่งความเคยชินจะทำให้เราเปลี่ยนไป

     

    ...

     

    เพราะงั้นชานยอลไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ ถึงมันจะเศร้ามาก ๆ แต่เราก็ยังอยู่ได้

     

    สีหน้าของคนตัวเล็กยังคงจริงจัง ราวกับจะบอกให้เขารู้ว่าคำพูดทุกอย่างที่ออกมาจากปากบยอนแบคฮยอนนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริง

     

    อย่างตอนเวลาใกล้สอบ เราก็ยังต้องอ่านหนังสือเพราะยังจำเนื้อหาที่ครูสอนไปทั้งหมดไม่ได้ แต่ชานยอลรู้ไหมแบคฮยอนยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พอเป็นสิ่งที่ชานยอลเคยพูด เรากลับจำได้หมดเลย

     

    ...

     

    อีกสี่ปีเราจะได้อยู่ด้วยกัน เราจะบอกตัวเองอย่างนี้ตอนที่รู้สึกท้อ

     

    ...

     

    เพราะงั้น ชานยอลต้องตั้งใจเรียนแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร หรือที่จริงแล้วคำพูดของคนตรงหน้าทำให้เขากลายเป็นใบ้ขึ้นมา เด็กหนุ่มได้แต่ถามตัวเองว่า มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่คนรักเข้าใจเราอีกนะ? ชานยอลยิ้มบาง ๆ แล้วก้มลงมองมือคนตัวเล็ก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือนั้นแทน

     

    “Of course.” (แน่นอนอยู่แล้ว)

     

     

     

    50%

      
     

    ดูแลสุขภาพด้วยนะครับคุณลุง

     

    เราเองก็เหมือนกันล่ะ ติดต่อกลับมาบ้างนะ อย่าเงียบหายไปเลย

     

    หลังจากใช้เวลาร่ำลากันอยู่สักพัก ปาร์คจองซูก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ แน่นอนว่าคนทำงานอย่างเขามักจะจริงจังกับการตรงต่อเวลา ซึ่งการเตรียมตัวไปให้ถึงสนามบินก่อนกำหนดมันก็เป็นเรื่องที่ดี

     

    แบคฮยอนยิ้มก่อนจะโค้งหัวเคารพเจ้าของบ้านที่ยืนอยู่ข้างรถเบนซ์สีดำคันหรู โดยมีชานยอลยืนอยู่ขนาบข้าง วันนี้จงอินกับจื่อเทาก็มาด้วย ลู่หานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าครูสอนภาษาเกาหลีของเขา ก่อนจะวางมือลงบนไหล่เล็กแล้วยิ้มบาง ๆ

     

    เราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?

     

    ถ้าเกอยังอยากเจอผม ก็ได้ทุกเมื่อเลยครับ แหะ... แบคฮยอนยิ้มตาหยีแล้วปล่อยให้คนตรงหน้ายีหัว

     

    แน่ใจนะว่าจะไม่ไปส่งชานยอลด้วยกัน เราขึ้นรถไฟตั้งเกือบสี่โมงไม่ใช่เหรอ?

     

    ใช่ครับ แต่ชานยอลไม่ให้ผมไปน่ะ... ร่างเล็กมองไปยังคนตัวสูงที่เอาแต่ยิ้มตั้งแต่ออกมาจากบ้าน ชานยอลยังไม่ยอมละสายตาไปไหนเลยแบคฮยอนรู้สึกได้

     

    ซึ่งเหตุผลที่ชานยอลไม่อยากให้ไปส่งก็คล้าย ๆ กับตอนนั้น ที่เราต้องแยกกันอยู่ครั้งแรกหลังจากชานยอลกลับไปอยู่บ้าน ที่แบคฮยอนขอปั่นจักรยานไปส่ง แต่ชานยอลกลับปฏิเสธ พร้อมให้เหตุผลว่า

     

    ไม่อนุมัติ เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่ทำงานพิเศษเอง

    แล้วชานยอลจะนั่งรถกลับเองเหรอ เราอยากไปส่งชานยอลที่บ้าน

    อืม กูอยากเห็นมึงเดินเข้าไปในร้านมากกว่าเห็นมึงปั่นจักรยานกลับบ้านคนเดียว มันไกลจากที่นี่

     

    และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันนัก ชานยอลไม่อยากให้เขาต้องมองตามหลังตอนที่ชานยอลเดินไป มันน่าตลกดีนะที่ไม่เชื่อเรื่องงมงายอย่างชานยอล จะมีความคิดว่าการมองคนรักเดินจากไปมันเป็นลางไม่ดี แถมเจ้าตัวยังบอกอีกว่าสนามบินมีไว้เพื่อยืนรอคนเดินออกมาจากเกทเท่านั้น

     

    ถึงแล้วก็ติดต่อมาด้วยล่ะ

     

    ถ้าเจอแหม่มสวย ๆ ก็ให้นึกถึงเพื่อนเป็นคนแรกนะครับ บทสนทนาของสามหนุ่มแผ่วเบา ดูเหมือนคนเป็นพ่อจะรู้ว่าตอนนี้เด็ก ๆ อยากมีเวลาส่วนตัว เขาเลยขึ้นไปรอบนรถ และตามด้วยลู่หาน

     

    ชานยอลกอดลาเพื่อนสนิททั้งสองคน เด็กหนุ่มทั้งสามมองหน้ากันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรอีก พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอะไรยังไง หลังจากใช้เวลาคุยกันส่งท้ายไปกับขวดเหล้าเมื่อคืนวานก่อน

     

    ฝากด้วยนะ

     

    จะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงก็ไม่ได้ด้วยดิ คนแถวนี้แม่งห่วงแฟนกว่าเพื่อนอีก คำพูดของจื่อเทายังพอเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่กำลังทำหน้าเหมือนจะสำลอกความทุกข์ได้บ้าง แม้ว่าเจ้าตัวจะแสร้งทำเป็นยิ้มอยู่ตลอดเวลา

     

    ถึงกูจะชอบเตือนสติมึง แต่ก็ใช่ว่าที่พูดไปกูจะทำได้ทั้งหมด ชานยอลรู้ว่าจงอินต้องการจะสื่ออะไร หลายต่อหลายครั้งที่มันมักจะพูดปิดท้ายแบบนี้หลังจากสั่งสอนเขาด้วยประโยคว่า

     

     

    พอเป็นเรื่องของคนอื่น คนปลอบเลยพูดให้มันง่าย แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองเท่านั้นแหละ หันไปทางไหนก็มองเห็นสีดำเต็มไปหมด

     

     

    มันบอกว่าคนเราสามารถปลอบคนอื่นด้วยคำพูดดี ๆ สารพัด จุดประสงค์ของคนปลอบคือต้องการให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้น แม้ว่าคำเหล่านั้นจะช่วยไม่ได้เลยก็ตาม

     

    กูจะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องยากกว่านี้ ชานยอลรับปากย้ำอีกครั้ง เขายังจำได้ว่าคืนก่อนพวกเราเมากันมากแค่ไหน ตอนที่คุยเรื่องราวบ้า ๆ ในชีวิตวัยมัธยมที่ผ่านมาด้วยกัน เด็กหนุ่มชาวจีนตบบ่าเพื่อนตัวสูงแล้วหันไปทางร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลัง

     

    เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์กูจะหาเวลาไปเยี่ยมแบคฮยอนที่มกโพ

     

    ขอบใจ บุญคุณนี้จะทดแทนอย่างดีตอนทำงานมีเงินแล้ว เหมือนจะพูดติดตลก แต่ชานยอลก็ยังอยู่ในสีหน้าจริงจัง

     

    พ่อมึงก็ไปด้วยสินะ

     

    เออ ยังมีอะไรที่เด็กอย่างกูยังต้องให้ผู้กำเนิดช่วยจัดการอยู่

     

    กูจะไม่สั่งเสียอะไรมาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวมึงคงกลับมาอ้อนตีนเร็ว ๆ นี้ เอาเป็นว่าโชคดีแล้วกันเพื่อน จื่อเทาแท็กมือกับเพื่อนตัวสูงแล้วถอยหลังออกมา ก่อนจะกระซิบบอกแบคฮยอนว่าจะไปรอในรถ

     

    จงอินล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วยิ้มให้เพื่อนสนิท แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่เขาได้มีโอกาสมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ปาร์คชานยอลก็ยังคงเป็นปาร์คชานยอล ไอ้เพื่อนหัวดื้อที่เอาแต่ขวางโลกไปวัน ๆ เพราะน้อยใจครอบครัว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว และเขาเชื่อว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดี

     

    พยายามเข้าล่ะว่าที่อัยการ

     

    มึงก็เหมือนกัน กว่าจะเข้าที่นั่นได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ อย่าเสือกโดนดีดกลับมาเพราะความดักดานล่ะ

     

    เออ แต่ละคำนี่เป็นกำลังใจทั้งนั้น ชานยอลหัวเราะแล้วแท็กมือกับเพื่อนสนิท

     

    จงอินเดินไปขึ้นรถแล้ว ที่ยืนอยู่ตรงนี้มีเพียงแค่เขากับแบคฮยอนเท่านั้น ทั้งคู่เอาแต่มองหน้ากันแล้วปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะชานยอลจะวางมือลงบนศีรษะคนตรงหน้าแล้วโคลงเบา ๆ

     

    ต้องไปแล้วนะ

     

    เราก็จะไปแล้วเหมือนกัน

     

    ถ้าไม่สบายจนลุกไม่ไหวก็โทรตามไอ้แว๊นให้มันพาไปโรงพยาบาลนะ อย่าเอาแต่นอนซม ห้ามตายก่อนกูกลับมา

     

    เราจะไม่ตาย เราจะดูแลตัวเองให้ดีเลย ดวงตาคู่นี้ส่องประกายสดใส และมันทำให้คนที่กำลังจะไปอยู่ที่ไกลรู้สึกดีได้

     

    เวลาป่วยอนุญาตให้งอแงได้

     

    ทำไมถึงได้อ่ะ

     

    เพราะตอนกูป่วย กูก็จะเฟซไทม์ไปงอแงกับมึงเหมือนกัน คำพูดของชานยอลทำเอาคนฟังหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันเป็นอีกเครื่องหนึ่งที่แบคฮยอนเคยห้ามตัวเองเอาไว้ ว่าจะไม่งอแงให้ชานยอลรำคาญใจเด็ดขาด แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังเลยแฮะเวลาป่วยคนทั้งโลกเขาก็อ้อนแฟนกันทั้งนั้นแหละ

     

    เราจะแช่งให้ชานยอลป่วยบ่อย ๆ เลย

     

    ดี กูจะได้หยุดเรียนบ่อย ๆ แล้วก็โดนไล่ออก กลับมาอยู่มกโพกับมึง ทำอาชีพเก็บเศษเหล็กไปขาย ชานยอลยังคงไม่ละสายตาจากใบหน้าซน ๆ ของคนตัวเล็ก เขาโล่งอกไปบ้างที่อย่างน้อยไอ้บ้านนอกก็ไม่ได้ทำหน้าหงอยเหมือนคนฝืนยิ้มอย่างก่อนหน้านี้

     

    ถ้าถึงแล้วจะรีบติดต่อมานะ

     

    คับ

     

    อยากพูดอะไรอีกไหม?

     

    ประโยคนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าเวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว พอเห็นว่าคนตัวเล็กดูเกร็ง ๆ ราวกับกำลังคิดหาคำพูดในเวลาจำกัดแล้วก็เป็นกังวลใจ แต่ไม่ใช่แค่แบคฮยอนหรอกที่รู้สึกอย่างนั้น ปาร์คชานยอลเองก็ไม่ต่างกันนัก ถึงริมฝีปากกำลังยิ้ม แต่ในใจนั้นอยากเข้าไปกอดแน่น ๆ แล้วกระซิบข้างหูว่ารอกูกลับมานะ แต่ก็ทำไม่ได้

     

    พอไปถึงชานยอลก็ต้องปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับเวลาที่นั่น ไหนจะอาหารอีก แต่ชานยอลคงกินได้ง่ายอยู่แล้วเพราะไม่ต้องฝืนกินรามยอนทุกวัน

     

    นั่นดิ ที่นั่นคงไม่มีรามยอนห่วย ๆ ฝีมือมึงให้กิน

     

    ช่าย ต้องกลับมามกโพก่อนถึงจะได้กินนะ คนตัวเล็กยิ้มตาหยี ชานยอลของเราเก่งอยู่แล้วอ่ะ สู้!” แบคฮยอนกำมือทำหน้ามุ่งมั่น เด็กตัวสูงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ไอ้บ้านนอกของเขาเป็นคนเข้มแข็งเสมอ เรื่องนี้ปาร์คชานยอลรู้ดี

     

    แบคฮยอนยังคงยิ้มแม้ว่าแววตาคู่นั้นจะกำลังสั่นไหว แต่มันคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแยกกันเดินไปคนละทาง เพื่อที่จะได้พบกันอีกครั้งที่จุดหมายปลายทางข้างหน้า

     

    แบคฮยอน

     

    คับ

     

    อย่าจดจ่อกับปฏิทินมากนะ มันจะทำให้เวลาเดินช้าลง

     

     

     

     

    หลังจากมาถึงสนามบินพ่อลูกตระกูลปาร์คตรงไปเช็กอินโหลดกระเป๋าลงเครื่อง เด็กตัวสูงวางกระเป๋าเป้เพื่อให้พนักงานเช็กสิ่งของ ก่อนจะกางแขนออกเพื่อตรวจร่างกาย

     

    ชาล...ยอล...

     

    กริ๊ง ๆ

     

    เด็กหนุ่มลดระดับสายตาลงพลางมองไปยังเงาจาง ๆ ที่นั่งอยู่บนจักรยาน ในมือของคนตัวเล็กมีไอติมแท่งรสส้ม และภาพที่เห็นมันทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    ซ้อนท้ายเราไหม เราจะพาชานยอลไปอเมริกาเอง

     

    เสียงนั้นแผ่วเบาแต่กลับก้องอยู่ในหัว ชานยอลเพียงแค่มองคนที่กำลังปั่นจักรยานวนรอบตัวเขาอย่างเอ็นดู อีกทั้งเสียงกระดิ่งเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของคนคุ้นเคย

     

    ถ้าช้ากว่านี้ เราไม่รอแล้วนะ

     

    ตอนนี้เงาจาง ๆ อยู่ห่างจากเขาไม่มากนัก ชานยอลอมมองคนตัวเล็กที่กำลังกัดไอติมที่เหลืออยู่ครึ่งแท่ง ส่วนมืออีกข้างยื่นตลับเมตรออกมา ก่อนที่ใบหน้าซน ๆ จะแลบลิ้นที่กลายเป็นสีส้มใส่เขา

     

    กฎสองเมตร

     

    ชานยอลรู้ดีว่าภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่จินตนาการที่สร้างขึ้นเอง แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้หัวใจเต้นแรงก่อนจะแผ่วเบาลงอย่างน่าใจหาย เมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะไปอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก และมันห่างไกลกับหัวใจของเขา

     

    วูบหนึ่งมีความคิดอยากวิ่งกลับไป แต่ปาร์คชานยอลก็ได้แต่ย้ำบอกกับตัวเองว่าอย่า เด็กหนุ่มจะทำให้ความตั้งใจทุกอย่างพังเพราะความต้องการในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะต้องเข้มแข็ง และอดทนเพื่อให้ถึงวันนั้น

     

     

     

     

    คนตัวเล็กลากกระเป๋าลงมาจากรถไฟเมื่อถึงปลายทาง สองขาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ สถานีที่เงียบสงบในเวลาเกือบสองทุ่ม หลังจากที่ผู้คนทยอยกันออกไปจากชานชาลาแล้ว

     

    เสียงล้อลากครูดไปกับพื้นซีเมนต์ บรรยากาศที่นี่ไม่ได้ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าจากที่นี่ไปนานเหมือนกัน

     

    ร่างเล็กหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก ผู้ชายคนนั้นกำลังยิ้มขณะมองมายังเขา ก่อนจะโบกมือทักทายกับการได้พบเจอกันอีกครั้ง

     

    ยินดีต้อนรับกลับบ้าน เพื่อนรัก

     

    เด็กหนุ่มตัวผอมตรงเข้ามาช่วยเพื่อนสนิทลากกระเป๋า แบคฮยอนยิ้มแล้วปล่อยให้แทฮยองกอดคอเดินไปด้วยกันเหมือนอย่างเคย เขาได้ยินเสียงเพื่อนสนิทถอนหายใจราวกับว่าโล่งอก หลายครั้งที่แทฮยองเอาแต่หันมามองหน้าแล้วก็ยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร

     

    หิวไหม?

     

    หิวมากเลยอ่ะ เราอยากไปกินข้าวร้านคุณลุงหน้าโรงเรียน ไปกินกันนะ

     

    ตามนั้น อยากไปไหนขอให้บอก วันนี้คิมแทฮยองจะเป็นสารถีให้เอง สองหนุ่มหัวเราะแล้วเดินกอดคอไปด้วยกัน

     

    คิมแทฮยองทำให้บยอนแบคฮยอนรู้ว่าเพื่อนสนิท ไม่ว่าเราจะห่างกันไปนานแค่ไหน แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ความรู้สึกของเราก็ยังคงเหมือนเดิม

     

     

     

     

    แทฮยองพอจะรู้ไหมว่าลุงกับป้าเราย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

     

    สองสามวันแล้วมั้ง

     

    อ่า...ทำไงเป็นอย่างนั้นไปได้นะ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย เพราะท่าทางของญาติหน้าเลือดที่จ้องจะกอบโกยผลประโยชน์นั้นไม่น่าจะย้ายออกไปได้ง่าย ๆ แบคฮยอนอุตส่าห์เตรียมคำพูดมาซะดิบดีเพื่อที่จะได้เชิญคนเหล่านั้นออกไป

     

    แบคฮยอนกวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิด บรรยากาศมันไม่เหมือนเดิม เพราะข้าวของถูกย้ายที่วาง อีกทั้งฝุ่นและหยากไย่ที่เกาะอยู่บนมุมเพดานนั่นอีก ลุงกับป้าไม่ดูแลบ้านเลยหรือไงนะ

     

    แน่ใจเหรอว่าเขาเพิ่งย้ายออก

     

    ใช่ เมื่อวานฉันมาก็ไม่เห็นรถแล้ว คืองี้นะ แทฮยองถูปลายจมูกแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองแหละ

     

    หา?

     

    ฉันไม่อยากให้นายต้องมาเจอคนพวกนี้ทั้งที่นั่งรถไฟมาเหนื่อย ๆ ถึงนายจะตั้งใจมาเพื่อไล่พวกเขาออกไปก็เถอะ

     

    แบคฮยอนเดินไปค้นหาอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไปเจอไม้กวาดที่นอนอยู่ใต้บันได ก่อนจะเดินกลับมาปัดกวาดบ้าน

     

    เมื่อหลายวันก่อนฉันมาที่นี่ ตอนแรกที่เห็นว่าฉันเป็นเพื่อนของนาย ไอ้คนเป็นลุงทำท่าจะไล่ออกไปให้ได้ ฉันเลยบอกกับพวกนั้นว่า คุณมีเวลาสองวันในการเก็บของย้ายออกไป ก่อนที่ตำรวจจะมา ตอนนั้นสองผัวเมียถึงกับเหวอไปเลยล่ะ นายน่าจะได้เห็นสีหน้าพวกมันนะ ซีดจนเป็นไก่ต้ม แทฮยองหัวเราะ ฉันเลยบอกอีกว่า แบคฮยอนอายุยี่สิบแล้ว เขามีสิทธิ์ไล่สัมพเวสีอกไปจากบ้านได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกสองวันถ้าพวกคุณยังไม่ยอมย้ายออกไป เขาจะมาลากคอพวกคุณเข้าตารางทุกคน ตอนแรกฉันก็แค่ขู่ไปเล่น ๆ ใครจะคิดว่าพวกนั้นจะเชื่อกันล่ะ แต่ดูท่าทางจะไม่ได้แกล้งโง่นะ คือโง่จริง รู้งี้น่าจะทำตั้งนานแล้ว นายจะได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่โซล

     

    แทฮยองยังคงนึกขำไม่หาย กับเรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อน ใครจะไปเชื่อว่าสองผัวเมียจะกลัวจนหัวหดเข้าไปในกระดอง โผล่มาอีกทีขนของกลับหลังเขากันหมดแล้ว คนเห็นแก่ตัวมันต้องเจออย่างนี้

     

    เป็นวิธีที่ใจร้าย แต่ก็ดีเหมือนกันนะ เราก็ไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องของคนที่เรียกตัวเองว่าญาติพี่น้องแค่ในนาม แบคฮยอนไม่คิดว่าที่แทฮยองทำมันเป็นเรื่องผิด

     

    คนตัวเล็กยังคงง่วนอยู่กับการจัดของในบ้าน โดยที่ไม่คิดจะเอากระเป๋ากลับไปเก็บในห้องของตัวเองแล้วพักผ่อน แบคฮยอนมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ถ้าเขายังจัดการอะไรไม่เสร็จก็จะไม่ยอมนอนเด็ดขาด เด็กหนุ่มผมสีสว่างเอนตัวลงนอนกับโซฟาแล้วผิวปาก

     

    นี่แบคฮยอน

     

    เราฟังอยู่

     

    ฉันเลิกกับแฟนแล้วนะ

     

    ปาร์คจองฮวาเหรอ

     

    ใช่ เด็กหนุ่มตอบเสียงเอื่อย แบคฮยอนไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเพียงแค่เปิดเช็กของในตู้เย็น แล้วเก็บของเน่าเสียทิ้งลงถุงขยะเป็นอย่างนี้ทุกคนเลย พอคบได้สามเดือน ฉันก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเธออีกแล้ว

     

    แทฮยองเลยบอกเลิกเธอใช่ไหม

     

    เปล่า ฉันจงใจมีคนอื่นให้รู้ เธอถึงได้บอกเลิก

     

    แบคฮยอนเดินกลับมาพร้อมน้ำดื่ม แทฮยองหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรับแก้วมาถือไว้ แล้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว

     

    วิธีบอกเลิกมีตั้งเยอะ ไม่เห็นต้องทำร้ายจิตใจเธอขนาดนั้นเลย

     

    ฉันมันขี้ขลาดเองแหละ เรื่องนี้ยอมรับผิด แทฮยองยกน้ำดื่มไปครึ่งแก้ว พูดก็พูดเถอะ เหมือนมันเป็นอาถรรพ์สามเดือนยังไงอย่างนั้น เขาเรียกว่าอะไรนะ...หมดโปรเหรอ? หรือฉันจะตายด้านกับเรื่องความรักไปแล้ว

     

    ไม่หรอก แทฮยองอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่จริง ๆ ทันทีที่พูดจบเจ้าของชื่อก็หัวเราะออกมาราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องตลก

     

    บางทีคนที่ใช่สำหรับฉันอาจจะยังไม่เกิด

     

    ถ้าเราเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ต้องการ โลกนี้ก็คงไม่มีคนอกหัก ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นแทฮยองก็หันไปมองเจ้าของคำพูดที่กำลังนั่งจ้องมือถือ ราวกับว่ากำลังรอใครโทรมา

     

    แล้วนายล่ะ เจอหรือยัง? แทฮยองรู้ว่าช่วงเวลาที่ห่างกัน ยังมีอะไรอีกมากมายที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับแบคฮยอนแต่มันคงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่เดียว ถ้าเจ้านี่ตอบว่าใช่ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเจ้าตัวไม่เคยแสดงท่าทีเลยว่าจะมีความรัก

     

    เจอแล้ว

     

    พูดจริง?

     

    ใช่ หมายถึงตอนนี้นะ แบคฮยอนหัวเราะคน ๆ นั้นคือคนที่ใช่สำหรับเรา แต่ในอนาคตก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พอถึงตอนนั้นก็คงให้เวลาตัดสิน ว่าเราเป็นคนที่ใช่หรือเราแค่ผ่านเข้ามาในชีวิตกันและกันเพื่อให้รู้จักความรักมากขึ้น

     

    ให้ตายเถอะ นายทำให้ฉันอยากรู้ว่าแล้วนะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? แทฮยองจะไม่ยอมละสายตาออกห่างเพื่อนสนิทเด็ดขาดจนกว่าเขาจะได้คำตอบ

     

    สิ่งที่เราจะพูดมันอาจจะทำให้แทฮยองตกใจ แบคฮยอนยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาตรงระดับใบหน้าตัวเองแล้วก็ยิ้มให้กล้อง ก่อนที่เสียงชัตเตอร์จะดังในวินาทีถัดมา

     

    ...

     

    แต่คน ๆ นั้นไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ

     

     

    ตอนนี้ชานยอลคงอยู่บนเครื่องบิน แล้วก็คงไม่เห็นข้อความนี้ แต่เราคิดถึงชานยอลแล้วนะ (แนบรูป)

     

     

     

     

    นาฬิกาของคนรอนั้นช้าเสมอ แบคฮยอนนึกขอโทษอยู่ในใจที่เขาเอาแต่กากบาทวันที่ในปฏิทิน และมันก็เป็นอย่างที่ชานยอลพูดจริง ๆ ว่าการเอาแต่หันไปมองมันในแต่ละครั้งจะทำให้เวลาเดินช้าลง

     

    แบคฮยอนมีที่เรียนแล้ว คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ สาขาไบโอเทคโนโลยีอาหารและสัตว์ ซึ่งเป็นมหาลัยเล็ก ๆ ในมกโพ สังคมที่นี่ก็ไม่ต่างจากโซลมากนัก แต่มันก็ยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง

     

    แบคฮยอนโชคดีที่มีแทฮยอง เพื่อนสนิทที่ลงเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่ยังไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด แทฮยองแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อนใหม่ที่มีความสามารถเรื่องกีฬา บางคนเป็นถึงแชมป์เหรียญทองในแต่ละประเภท รวมไปถึงแฟนใหม่ของแทฮยองที่พบรักกันในวันปฐมนิเทศ

     

    แบคฮยอนเริ่มปรับตัวให้อยู่ได้อย่างมีความสุข หลังจากที่ได้คุยกับคนรักทุกวันก่อนนอน ซึ่งมันเป็นเวลาที่เอาเปรียบชานยอลอย่างสิ้นเชิง เขาเคยเสนอว่าให้สลับกันบ้าง แต่ไททันโลกแดงก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าไม่อยากให้ฮอบบิทเตี้ย ๆ อย่างเขาต้องเสียการเรียนเพราะมัวแต่มองความหล่อของแฟนที่นอนอ่อยอยู่บนเตียง

     

    และนั่นเป็นเหตุผลที่น่ารักเกินกว่าที่จะขัดใจได้ แบคฮยอนได้รู้จักเพื่อนใหม่ของชานยอลซึ่งเป็นคนอเมริกาทั้งหมด คนตัวโตเล่าให้ฟังว่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มเป็นนักอเมริกันฟุตบอลทั้งหมด แต่ชานยอลคงไม่ถึกพอที่จะร่วมด้วย เพราะสภาพร่างกายก็ใช่ว่าจะหนาแน่นเหมือนฝรั่ง แต่ชานยอลบอกว่ามีกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งก็คือฮอกกี้น้ำแข็ง ที่เจ้าตัวเพิ่งรู้ผลว่าได้ร่วมเข้าทีมไปเมื่อตอนกลางวัน

     

    ช่วงแรก ๆ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เรายังคงรู้สึกว่ามีกันและกันเมื่อได้ได้ยินเสียงและเห็นหน้ากันผ่านจอสี่เหลี่ยมของสมาร์ทโฟน แม้ว่าจะเดินไปไหนมาไหนในมหาลัย หรือแม้แต่ตอนกำลังนั่งเรียนอยู่ ชานยอลขอเปิดเฟซไทม์ไว้โดยที่เราไม่ได้คุยกัน ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ได้เห็นหน้าเขาตอนหลับ

     

    ชานยอลดูมีเนื้อมีหนังขึ้น สังเกตได้จากกล้ามแขนอ่อน ๆ ตอนใส่เสื้อแขนกุด เจ้าตัวบอกว่าอาจเป็นผลพวงจากโปรตีนปั่นที่เหมือนกับอ้วกที่พวกเพื่อน ๆ นักกีฬาบังคับให้ดื่ม

     

    แบคฮยอนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้รู้สึกไม่ดีเพียงเพราะเห็นรูปชานยอลถ่ายกับเพื่อน ๆ วูบหนึ่งมันมีความคิดแปลก ๆ ขึ้นมาว่าชานยอลกำลังห่างออกไป ให้ตายเถอะ เขากำลังคิดอะไรบ้า ๆ อีกแล้ว

     

     

    ไม่...มันไม่ใช่แค่ความคิด

     

     

    พอถึงช่วงปีใหม่ที่น่าจะเป็นช่วงปิดเทอม ชานยอลก็ไม่ได้กลับเกาหลี ซึ่งเจ้าตัวอ้างเหตุผลว่าคุณลุงตามไปเยี่ยมถึงที่แมสซาชูเซตส์ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนคิดมากโล่งใจไปได้ กับบทสนทนาในหลาย ๆ ครั้งที่ต้องหยุดลงเพราะชานยอลอ้างว่าแบตหมดบ้าง จะต้องอ่านหนังสือบ้าง ง่วงบ้าง

     

     

    กลัว...

     

     

    หนึ่งปีครึ่งที่บยอนแบคฮยอนฝังความกลัวเอาไว้ และความกลัวเหล่านั้นกำลังย้อนกลับมาทำร้ายเขาในวันนี้ เราคุยกันน้อยลง เฟซไทม์วันละไม่ถึงสิบนาที แบคฮยอนได้แต่บอกตัวเองว่าชานยอลคงเรียนหนักมากกว่าคนอื่นเพราะเป็นคนเอเชีย แต่...

     

     

    ถ้าไม่เคยได้รับความใส่ใจตั้งแต่แรก...บยอนแบคฮยอนก็คงไม่คิดมากขนาดนี้ กับสิ่งที่ขาดหายไป

     

     

    วันนี้ไปไหนหรือเปล่า?

     

    ไม่ไปหรอก ทำไมเหรอ?

     

    ไม่เอาน่า พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้ว เราต้องทำอะไรให้มันพิเศษหน่อยสิ แทฮยองว่าแล้วกอดคอเพื่อนสนิทให้เดินไปด้วยกัน

     

    ทำอะไรอ่ะ

     

    ปีก่อนนายก็เอาแต่นอนเฟซไทม์คุยกับหมอนั่นทั้งคืน แต่แล้วยังไงล่ะ ปีนี้หายหัวตั้งแต่ก่อนคริสต์มาสซะอีก ดูหน้าตัวเองบ้างสิ เหมือนกับคนไม่เคยรู้จักรอยยิ้ม แทฮยองจับหัวไหล่อีกคนให้หันหน้าเข้าหากระจกใสร้านเสื้อผ้า

     

    ร่างเล็กมองตัวเองในกระจก มันถูกอย่างที่แทฮยองว่าไม่มีผิดเลย สภาพเขาตอนนี้ดูไม่จืดเลยสักนิดเดียว มันก็คงจริงอย่างที่ใครเขาว่า ที่สภาพจิตใจดิ่ง สภาพร่างกายก็จะดิ่งไปด้วย

     

    ไปแปลงโฉมกันเถอะ ฉันจะแนะนำแฟนใหม่ให้นายรู้จักด้วย

     

    แบคฮยอนปล่อยให้เพื่อนสนิทลากไปโดยที่ไม่ยื้อดึง ร่างเล็กถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า แบคฮยอนเกลียดความคิดในหัวที่มันกำลังปั่นประสาทให้เขาแทบเป็นบ้า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยปล่อยให้ความคิดทำร้ายตัวเอง แต่สิ่งที่เห็นและความห่างไกล มันทำให้ความฟุ้งซ่านเข้ามาแทนที่ความเชื่อใจได้ยังไง

     

    จะเข้าปีที่สองแล้วนะที่เราจะไม่ได้เจอกัน ชานยอลรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า บยอนแบคฮยอนได้เพียงแค่ยิ้มให้กล้องอย่างอารมณ์ดีตอนที่เราเฟซไทม์กัน พอหลังจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป

     

    ความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวมันเคยทำให้ต่อเวลาให้คนรอได้ แต่พอถูกความกลัวครอบงำเมื่อไหร่ ความสุขเหล่านั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องเจ็บปวดขึ้นมา

     

     

    ชานยอลไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เลิกคิดบ้า ๆ สักที

     

     

    แบคฮยอนได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ เขามองตัวเองในกระจกขณะที่หญิงสาวร่างผอมเพรียวกำลังตัดผมให้หลังจากทำสีเสร็จ นี่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กปล่อยให้สารเคมีลงบนหัวเขา

     

    โอเคไหม?

     

    เยี่ยมเลย

     

    แทฮยองกับแฟนหันไปคุยกัน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการหอมแก้มสักฟอดเพื่อแสดงความรัก แบคฮยอนก้มหน้ามองสมาร์ทโฟนในมือที่ยังคงเงียบ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงรอการติดต่อมาจากคนที่อยู่อีกซีกโลกอย่างลม ๆ แล้ง ๆ

     

    พอทำผมใหม่เรียบร้อยคนตัวเล็กก็ขอตัวกลับบ้าน ซึ่งแทฮยองก็ไม่ได้เซ้าซี้หลังจากรบเร้าให้ทำสีผมได้ดั่งใจแล้ว ผมสีน้ำตาลทำให้แบคฮยอนหน้าสว่างขึ้น ถึงจะดูแปลกตาไปหน่อย แต่ก็โอเคดี

     

    ฮัลโหลจุนมยอน ว่างคุยสักสองนาทีไหมอ่ะ

     

    ( ว่างสิว่าง ว่าไงเหรอ? อ๋า มันวิ่งไปโน่นแล้วครับแม่! กลับมาก่อนไมเคิล! เดี๋ยวฉันโทรกลับนะแบคฮยอน หมาของฉันมันวิ่งออกไปนอกถนนแล้ว ขอโทษนะ เดี๋ยวรีบโทรกลับ! )

     

    โอ...เค... ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ดูเหมือนว่าจุนมยอนจะวิ่งตามไมเคิลโดยที่ไม่ได้หยิบมือถือไปด้วยสินะ

     

    ฮัลโหลจงแด ยุ่งอยู่หรือเปล่า

     

    ( แบคฮยอนนน )

     

    อ่า...นั่น...ซอนฮวา? แบคฮยอนไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยที่ได้ยินเสียงเธอในตอนนี้ พอละมือถือออกจากหูก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าที่โทรออกก็คือเบอร์ของจงแด

     

    ( ใช่ ฉันเองแหละ เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ )

     

    เราสบายดี แล้วซอนฮวาล่ะเป็นไงบ้าง

     

    ( ก็เรื่อย ๆ น่ะ คิดถึงนายจัง )

     

    คิดถึงเหมือนกัน ว่าแต่ทำไมซอนฮวาถึงรับโทรศัพท์แทนจงแดได้ล่ะ

     

    ( อ๋อ เรื่องนั้น )

     

    หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะคิกคักเบา ๆ

     

    ( ฉันคบกับหมอนี่ได้สองอาทิตย์แล้ว ตอนนี้จงแดกำลังไปซื้อป๊อปคอร์น เรามาดูหนังกันน่ะ )

     

    อ๋า จริงเหรอเนี่ย? ร่างเล็กเบิกตาโพลง คนหนึ่งคือคนที่เคยบอกว่าชอบเขา ส่วนอีกคนก็เพื่อนสนิทที่ไม่มีทีท่าว่าจะจีบใครติดได้ง่าย ๆ อ้างอิงจากคำพูดของจุนมยอนเลย

     

    ( อื้ม... ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่านายคือคนที่ใช่ โดยที่มองข้ามผู้ชายห่วย ๆ อย่างหมอนั่นตลอด )

     

    พูดไปนั่นเลย จงแดต้องดูแลซอนฮวาได้แน่ ๆ อ่ะเราเชื่อ

     

    ( ขอบใจนะ )

     

    งั้นซอนฮวาไปดูหนังกับจงแดเถอะ เราแค่โทรมาสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าน่ะ ขอให้รักกันนาน ๆ นะ

     

    ( เช่นกันนะจ้ะ รักนายนะ )

     

    แบคฮยอนกดวางสายแล้วมองหน้าจอมือถือ เขาควรจะโทรหาคยองซูดีไหมนะ ถ้าโทรไปแล้วจะฟลุ๊คโดนด่ากลับมาหรือเปล่า เพราะจากปีที่แล้วก็ได้ยินจงแดเล่าให้ฟังว่าคยองซูนอนข้ามวันโดยไม่มีการเคาน์ดาวน์อะไรทั้งนั้นเพื่อทำสถิติ

     

    สุดท้ายก็เลิกล้มความคิดนั้นไป ร่างเล็กมองไปยังทะเลที่กว้างสุดหูสุดตาก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปตัวเอง แบคฮยอนมองรูปที่เพิ่งถ่ายเสร็จอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลังเลว่าจะกดส่งให้ชานยอลดูดีหรือเปล่า

     

    ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้กันล่ะ ทำไมถึงได้คิดว่าบางทีชานยอลอาจจะไม่อยากรู้ก็ได้ว่าบยอนแบคฮยอนจะทำผมสีอะไร และตัดผมใหม่ตอนไหน

     

    RRRrrrrr!!!!

     

    ...!!!”

     

    ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวกับสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่คอลไลน์มาเป็นคนในความคิด สองขาหยุดยืนอยู่ข้างฟุตปาธทางยาวติดทะเล กระแสลมหนาวช่วงปลายธันวานั้นเพิ่มความโดดเดี่ยวให้เด็กหนุ่มตัวคนเดียวได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนไม่รู้ว่ามือของเขากำลังสั่น

     

    ว่าไงชานยอล แบคฮยอนเม้มปากแน่นหลังจากพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติในการทักทาย

     

    นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ชานยอลเลือกคอลไลน์แทนการเฟซไทม์ แบคฮยอนไม่อยากงี่เง่าเลยจริง ๆ แต่การไม่เปิดกล้องเหมือนเคยมันคือการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่ชวนให้คิด ทั้งที่พยายามทำความเข้าใจและบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่การห้ามความคิดนี่มันยากจัง

     

    ( อยู่ไหน ทำไมมีเสียงลม )

     

    เราออกมาข้างนอกอ่ะ วันนี้แทฮยองพามาทำสีผมด้วย สีคล้าย ๆ ชานยอลเลยนะ แต่ของเราสว่างน้อยกว่า แบคฮยอนรู้ว่ากำลังยิ้มเหมือนคนโง่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินแค่เสียงของเขา

     

    ( ทำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมไม่ลงรูปให้ดู )

     

    เพิ่งเสร็จเมื่อกี้เอง แล้วเราเพิ่งถ่ายรูป พอจะกดส่งชานยอลก็โทรมาพอดีอ่ะ

     

    ( ขี้โม้ว่ะฮอบบิท )

     

    ไม่ได้โม้จริง ๆ นะ ชานยอลนั่นแหละ

     

    พูดจบก็รีบตะปบปากตัวเอง แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ เหมือนคนถูกสาปให้แข็งเป็นท่อนไม้หลังจากหลุดปากออกไป ถึงมันจะไม่ชัดเจน แต่ก็คงทำให้เกิดความสงสัยว่าไอ้บ้านนอกคนนี้เป็นอะไรถึงได้โพล่งออกมาอย่างนั้น

     

    ( กูทำไมเหรอ )

     

    เปล่า เราแค่จะบอกว่าเราหิว

     

    ( เรื่องกูกับเรื่องหิวมันโยงเข้ากันได้มากเลยดิ แล้วนี่กินข้าวเที่ยงไปตอนกี่โมง )

     

    ยังไม่ได้กินเลยอ่ะ เราไม่รู้ว่าทำสีผมมันจะใช้เวลานานขนาดนี้ ว่าแต่ทำไมชานยอลยังไม่นอนอีก ตอนนี้จะตีสองแล้วไม่ใช่เหรอแบคฮยอนมองนาฬิกาข้อมือ แต่ก็ได้ยินเพียงแค่ความเงียบ

     

    ( อยากได้ยินเสียงเลยโทรหา )

     

    แบคฮยอนเบ้ปาก เขาต้องบีบจมูกตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อไล่น้ำตาให้กลับคืนไป เขาไม่เคยรู้เลยว่าแค่คำพูดประโยคเดียวจะทำให้คนคิดมากรู้สึกดีขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนถูกถีบตกเหวเลย

     

    เราก็อยากได้ยินเสียงชานยอลเหมือนกันนะ

     

    ( เหมือนกันเหรอ? )

     

    ใช่ เราเฟซไทม์กันได้ไหมอ่ะ...

     

    ( ... )

     

    สุดท้ายหัวใจก็กลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง แบคฮยอนกัดริมฝีปากจนห้อเลือดเพราะถูกความเงียบเล่นงาน ถ้าชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงติดตลกว่ากำลังเปลือยอยู่ เขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็ได้ หรือเหตุผลอีกเป็นร้อยเป็นพันข้อที่ขอเพียงแค่พูดออกมา แบคฮยอนก็พร้อมจะเข้าใจ

     

    แต่ทำไม...ถึงเงียบแบบนี้ล่ะ

     

    ถ้ายุ่งก็ไม่เป็นไรนะ เราแค่ถามเฉย ๆ แค่ได้ยินเสียงเราก็พอใจแล้ว...แหะ

     

     

    ชานยอลคงไม่ได้อยู่กับใครหรอก บางทีชานยอลอาจจะไม่อยากเปิดกล้องเพราะกำลังจะเข้านอนก็ได้ ซ้อมฮอกกี้มาเหนื่อย ๆ ช่วงนี้คงกลัวโดนแซวว่าโทรมแหง ๆ

     

    แต่...ทำไมถึงรู้สึกว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่เลยล่ะ

     

    เราคงหิวมากเลยเอาแต่พูดอยู่คนเดียว...อ่า...ที่นี่หนาวจัง แบคฮยอนปล่อยให้เสียงรถยนต์บนถนนลอดเข้าไปในสาย ถ้าขืนพูดบ้า ๆ ออกไปอีกชานยอลอาจจะรำคาญได้ เพราะฉะนั้นเขาควรหยุดพูดสักที

     

    ( ของขวัญวันเกิดที่ส่งไปให้กูน่ะ ถึงเร็วกว่ากำหนดสองวันนะ )

     

    อ่ะ...เหรอ ไม่เห็นชานยอลเล่าให้ฟังเลย

     

    พอนึกไปถึงของขวัญวันเกิดที่ส่งไปเมื่อเดือนก่อนแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาส่งสมุดไดอารี่ที่เขียนถึงชานยอลไปให้ จากที่หาข้อมูลในเน็ตเวลาการจัดส่งก็น่าจะคลาดเคลื่อนบ้าง แต่พอเห็นว่าชานยอลไม่พูดถึงก็เลยไม่ได้ถาม

     

    แต่ทำไมชานยอลถึงใช้คำว่า ส่งไป ล่ะ

     

    มันควรจะเป็นคำว่า ส่งมา ไม่ใช่หรือไงกัน?

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก แต่คราวนี้มีเสียงกระดิ่งลอดเข้ามาในสายแทน หลังจากนั้นไม่ถึงสองวินาทีแบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนเสียงมันซ้อนทับกัน ราวกับว่า...

     

     

    เราสองคน...ยืนอยู่ในที่เดียวกัน...

     

     

    ...

     

    แบคฮยอนหันไปทางฝั่งตรงข้ามถนน หลายครั้งที่จำคนผิดคิดว่าคนที่เดินผ่านไปมาคือชานยอล และสุดท้ายก็พบกับความผิดหวัง ตอนนั้นเขาได้แต่บอกตัวเองว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ชานยอลจะมาที่นี่ มันเป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่เหมือนในละครที่พระเอกจะมาหานางเอกได้ทุกที่ทุกเวลา

     

    แต่คราวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น ภาพผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามถนนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากจินตนาการ สายตาที่กำลังมองมาทางนี้ อีกทั้งมือข้างหนึ่งที่ยังคงยกโทรศัพท์แนบหู นั่นเป็นสิ่งบ่งบอกว่า...บยอนแบคฮยอน...ไม่ได้ตาฝาด

     

    ชานยอล...

     

    ( จากอเมริกาวาร์ปมามกโพได้ด้วยนะรู้ยัง? )

     

    ...

     

    สิ้นสุดความอดทนแล้ว แบคฮยอนกัดริมฝีปากแน่นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างดีใจ เขารู้สึกเหมือนคนบ้าที่กำลังร้องไห้และยิ้มอย่างมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน คนตัวสูงเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเดินมาหยุดอยู่ริมฟุตปาธพร้อมหันซ้ายขวา

     

    ชานยอลระวังรถด้วยนะ!”

     

    โว้ว ๆ

     

    ใจเย็นก่อน เดี๋ยว ๆ ทางซ้าย!”

     

    ร่างเล็กยกมือขึ้นป้องปากอย่างหวาดเสียวเมื่อไททันตัวโตรีบข้ามถนนมาจนเกือบโดนรถเฉี่ยว แค่ครู่เดียวเท่านั้นที่แบคฮยอนรู้สึกว่าการรอคอยที่แท้จริงเป็นยังไง จนกระทั่งคนตัวสูงวิ่งข้ามถนนมาฝั่งนี้ได้สำเร็จ

     

    เรายืนสบตากันแล้วปล่อยให้เสียงรถขับผ่านทำลายความเงียบในตอนนี้ ชานยอลดูเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย แต่โดยรวมแล้วหล่อขึ้นจนเขารู้สึกเขิน คนตัวสูงถอดแว่นที่เลอะน้ำตาออกมาเช็ดให้ เหมือนกับฉายภาพเก่าซ้ำ ๆ กับความทรงจำที่เราเคยมีร่วมกัน

     

    ชานยอลเซถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นระดับใบหน้า เมื่ออีกฝ่ายโผเข้ากอดเขาทั้งที่ยังเช็ดแว่นไม่เสร็จ เด็กหนุ่มนักเรียนนอกยิ้มขำก่อนจะเกยคางลงบนศีรษะทุย เมื่อวงแขนนี้กอดรัดแน่นยิ่งขึ้นราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไปไหน

     

     
     

    มาใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันปีใหม่กันเถอะฮอบบิท



     

     

    TBC

     

     

     

    ตอนหน้าตอนจบแล้ว และจะมีสเปอีก 1 ตอนนะคะ ซึ่งฟิคอีนี่แปลกมาก จะจบบริบูรณ์ในสเปเชียลค่ะ 555555555555555555 คือจบแบบธรรมดาก็คือจบแหละ แต่จบแบบเต็มๆ ก็จบในสเปนะคะ

     

    ไททันมึง ไปแก้ตัวเลยนะทำให้คนอื่นเค้าคิดมาก ซั้ซ #อ้าวเมนท์ฟิคตัวเองอีกแล้ว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×