ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #46 : การเปลี่ยนแปลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 45
      5
      19 ต.ค. 61

     


    ร่างบางรอคอยฤดูหนาวมาอย่างใจจดใจจ่อเพราะเธอรู้สึกเบื่อและอยากออกไปจากที่แห่งนี้เสียเต็มทนเธอรอการปรากฏตัวของอาโอยูกิและทาโร่มานานแล้วจนผ่านไปหลายเดือน หากที่นี่ไม่มียูกิอยู่แล้วเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในที่แห่งนี้ต่อไป เมื่อยามฤดูร้อนมาถึงที่แห่งนี้ก็ยังอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งเช่นเดิม ไม่มีใครรู้ว่าภายนอกนั้นจะเป็นเช่นไรบ้าง ยูกิอนนะมีสิทธิ์ได้แค่เห็นภาพทิวทัศน์ในฤดูหนาวเท่านั้น ซึ่งก็มีแค่ทุ่งหิมะสีขาวขนาดใหญ่ และต้นไม้ไร้ใบดูไร้ชีวิตชีวา ชิโระยูกิยืนมองออกไปที่ด้านหน้าคฤหาสน์และหวังให้ยูกิปรากฏตัวขึ้น แต่ก็ไม่เป็นดังนั้นเธอรอคอยคนทั้งสองที่เดินจากไปในทุ่งหิมะเบื้องหน้าคฤหาสน์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแต่ก็ไม่มีวี่แววจะมีใครโผล่มาเลย ทุกวันที่อยู่ที่นี่เธอกลับพูดคุยหรือผูกมิตรกับใครไม่ได้เลย การเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ แต่การที่ทักไปแล้วและถูกมองข้ามมันทำให้เธออยู่คนเดียวจะดีกว่า หญิงสาวนั่งกอดเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยความเศร้าสร้อย เวลาผ่านไปนานที่เธอนั่งนิ่งจนเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ไร้ชีวิตชีวา จนเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาพลบค่ำแล้วหญิงสาวลุกขึ้นยืนมองไปที่ท้องฟ้าอันมีดวงดาวเจิดจรัสมากมายดูสวยงาม และนี่คงเป็นสิ่งสวยงามอย่างเดียวเท่านั้นที่เธอเห็นที่นี่ ชิโระยูกิจ้องมองท้องฟ้าเบื้องบนอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงคนเดินมากลางทุ่งหิมะ เสียงที่ย่ำลงและเป็นรอยเท้าไปตามทางนั้นกำลังดังขึ้น ชิโระยูกิที่ประหลาดใจ ว่าจะมีมนุษย์เข้ามาในที่แห่งนี้ จึงรีบออกไปดูด้วยความแน่ใจ ก่อนจะพบกับร่างชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยอย่างดี ร่างนั้นคราวนี้สวมชุดสีดำและมีทีท่าสงบนิ่ง เขาเองก็ดูประหลาดใจที่เธอยังอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์เช่นนี้

    "ทาโร่เองหรือเจ้าคะ"ชิโระยูกิกล่าวออกมาด้วยความโล่งอกทั้งดีใจที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้บุกรุก และในที่สุดก็พบคนที่เธอพอจะคุยด้วยได้เสียทีหนึ่ง แต่คำพูดของทาโร่นั้นกลับทำให้ชิโระยูกิชะงักไปในทันที

    ท่านยูกิเสียแล้วเขากล่าวออกมา ชิโระยูกิเองก็นิ่งไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น รู้สึกภายในใจของเธอมันเจ็บปวด แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้พบอีกฝ่ายแต่ ยูกิเป็นคนที่คอยดูแลเธอมาตลอด เมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบกันอีกแล้ววก็อดใจหายไม่ได้

    นางป่วย ไม่ค่อยสบายเท่าใดนักและไม่กี่วันก่อนอาการนางก็ทรุดลง แต่นางยังเป็นห่วงเจ้ามากนักจนกระทั่งนางสิ้นลม ข้าจึงมาดูว่าเจ้าสบายดีไหมตามความปรารถนาของนาง ก่อนที่ข้าจะกลับไปรับใช้ท่านไดกิอีกครั้งหนึ่งทาโร่กล่าวออกมาและเมื่อเขาพบในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาที่นี่อีก แน่นอนว่าาการที่เขากลับไปรับใช้ท่านไดกิ เขาเองก็จะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนอีกฝ่ายอีก

    ท่านยูกิ…”เธอนึกถึงหญิงชราที่คอยดูแลเธอ และรู้สึกเศร้าใจนัก

    นางจากไปอย่างสงบ ข้าจึงรีบตรงมาบอกเจ้า และห้ามบอกเรื่องนี้กับใครว่าข้าแอบมาที่นี่ ในวันรุ่งขึ้นคนอื่นๆเองก็คงจะรู้ข่าวนี้ และจะเกิดเรื่องแย่งชิงการเป็นผู้นำตระกูลแน่นอนทาโร่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบ เขาเองก็เห็นชิโระยูกิเป็นงานเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่เขาต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น

    อย่างนั้นหรือ?”ชิโระยูกิรู้ตัวว่าเธอต้องถูกคนอื่นๆเพ่งเล็งอย่างแน่นอนแค่ตอนนี้เธอก็ถูกกลั่นแกล้งจนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นถูกปาหิมะใส่บ้าง หรือถูกล้อเลียนบ้าง คำดูถูกและเหยียดหยามต่างๆมากมายมันทำให้ชิโระยูกินึกไม่ออกเลยจริงๆว่าเธอจะเป็นคนในคำทำนายได้อย่างไรกัน

    ตอนที่ท่านยูกิยังไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลเอง ก็เคยถูกลอบทำร้ายเช่นกัน ข้าเองก็เคยก็คอยแนะนำท่านยูกิอยู่เสมอว่าจะต้องทำเช่นไร จนกระทั่งท่านยูกิได้เข้ามาเป็นผู้นำตระกูล แต่ก็ยังมีคนไม่ชอบท่านยูกิอยู่มากเช่นกัน เพราะท่านยูกิไม่อยากเป็นปิศาจ นางเพียงอยากเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังมาเป็นผู้นำตระกูลจนกว่าเจ้าจะปรากฏตัวตามคำทำนาย ตอนนี้นางสิ้นใจแล้ว เจ้าจะถูกคนอื่นอิจฉาริษยาอย่างแน่นอน

    ข้าไม่มีความสำคัญขนาดนั้นหรอก ข้าไม่ได้อยากเป็นผู้นำตระกูล สิ่งที่ข้ามีคือพลังปิศาจที่มากแต่ข้ากลับใช้มันแทบจะไม่เป็น ข้าคงจะมีหน้าที่เพียงเกิดมาตามคำทำนายเท่านั้นและอาจจะถูกจับให้เป็นของกำนัลให้ไปเป็นเจ้าสาวของไดเทนกุเท่านั้น ซึ่งข้าก็ไม่รู้จักเขา ข้ารู้ตัวดีว่าถ้าจะให้ข้าเป็นเจ้าสาวก็คงย่อมได้เพื่อตระกูล แต่ข้าไม่คิดว่าข้าจะเป็นผู้นำตระกูลได้ แท้จริงแล้วข้าคงมีประโยชน์ได้เพียงเท่านี้ และไม่เห็นว่ายูกิอนนะตนอื่นๆก็จะด้อยไปกว่าข้าอย่างไร พวกนางเก่งกว่าข้านัก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเห็นข้าเป็นคู่แข่งแต่อย่างใด ข้าต่างหากล่ะที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง...ข้าทำท่านยูกิผิดหวังหรือเปล่านะชิโระยูกิกล่าวออกมา เพราะเธอถูกยูกิอนนะส่วนมากรังเกียจไปเสียแล้วและถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำ จนไม่เหลือความเชื่อมั่นใจตนเองแล้ว ขนาดความคิดจะเป็นเจ้าสาวของเทนกุอย่างที่มิยูกิบอกยังเลือนราง การเป็นผู้นำตระกูลตามความต้องการของยูกิมันยิ่งยากสำหรับเธอ

    เจ้าเลือกไม่ได้หรอก ยังไงท่านยูกิก็คอยดูแลเจ้าเป็นพิเศษมากเสียกว่าคนอื่น เจ้าจะต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ว่าคนอื่นๆจะไม่ชอบเจ้านัก แม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องการเป็นผู้นำตระกูลเลยก็ตามทีทาโร่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

    แล้วข้าจะไปที่แห่งใดต่อหรือทำเช่นไรต่อ ข้าเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ชิโระยูกิกล่าวออกมา

    เจ้าต้องอยู่จนถึงฤดูหนาว เมื่อนั้นเจ้าจะมาพบท่านไดกิเสียก็ได้”ทาโร่กล่าวออกมา

    ท่านไดกิ?”เธอสงสัย ทาโร่คงรู้จักเขาเป็นอย่างดี

    ข้าอยู่เคียงข้างท่านไดกิ เป็นเสมือนเงาของเขาถ้าเจ้าไม่มีที่ไปก็ลองขอร้องท่านไดกิดูเสียสิ ข้าเองจะช่วยพูดให้อีกแรงหนึ่ง

    แล้วท่านไดกิอยู่ที่ไหนเจ้าคะ?”

    ป่าไม้ทางใต้จากที่นี่ จะมีหุบเขาที่เป็นที่อยู่ของท่านไดกิอยู่ เมื่อฤดูหนาวมาถึงเจ้าจงไปที่นั่นเสียเขากล่าวออกมาและเดินจากไปในทันที เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนักเพราะอากาศที่หนาวเหน็บเกินทนเมื่อเห็นหญิงสาวยังมีชีวิตอยู่ดีเขาก็พอใจแล้ว

    ข้าไปกับท่านด้วยได้ไหม?”เธอถามขึ้นและรีบวิ่งตามมาติดๆ

    ไม่ได้เจ้ายังใช้พลังได้ไม่ดีนัก ถ้าเจ้าออกไปจากที่นี่ตอนฤดูร้อนแล้ว เจ้าจะตายเสียก่อน ข้าเองก็หมดหน้าที่ที่นี่แล้ว และข้าจะไม่กลับมาอีก เจ้าเองก็รอเมื่อหน้าหนาวมาถึง แล้วค่อยออกไปก็ได้…”ทาโร่กล่าวออกมาและจากไปอย่างไม่ใยดี ชิโระยูกิได้เพียงมองอีกฝ่ายหันหลังและเดินจากไปเท่านั้นเท่านั้น ก่อนการาสุเทนกุจะกลับร่างเดิมและบินจากไปในที่สุด ร่างบางถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวอยู่เช่นนั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงรอให้ฤดูหนาวมาถึง และออกไปหาท่านไดกิซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาจะเป็นใคร หน้าตาเป็นเช่นไร และระหว่างนี้ก็ต้องระวังยูกิอนนะตนอื่นๆด้วย มันช่างหนักหนาสำหรับเธอนัก

     

    คฤหาสน์โบราณขนาดใหญ่ท่ามกลางหุบเขาอันเขียวชะอุ่มยามปลายฤดูร้อน ร่างที่นอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่อย่างหมดอาลัยตายอยากนั้นทอดสายตามองไปที่ผ้าพันคอสีขาวสะอาดตา ร่างกายของเขาแม้จะพยายามฝืนลุกขึ้นมาทำงานสักเท่าไร่ แต่จิตใจที่ยังไม่พร้อมดีนักก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงไปอีกเสียได้ เขานึกโทษตนเองที่ทั้งอ่อนแอ และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเหล่าการาสุเทนกุได้ไม่ดีเสียอีก จนอากาเนะที่เห็นสภาพที่น่าอดสูของเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

    ท่านไดกิเจ้าคะ พักผ่อนให้มากๆเสียเถอะค่ะร่างนั้นกล่าวขึ้น

    ไม่หรอกข้ายังมีงานต้องทำอีก ขอแค่เวลาพักนิดหน่อยเท่านั้น นี่เป็นงานในฐานะที่ข้าเป็นไดเทนกุเลยนะ ข้าต้องทำให้ไหวสิมือนั้นวางบนหน้าผากของท่านไดกิ

    ตัวท่านร้อนเสียขนาดนี้ ท่านพักเถิดเจ้าค่ะอากาเนะกล่าวออกมา และลุกออกไปเพื่อตระเตรียมยาให้ชายหนุ่ม หญิงในชุดเฮอันเดินลงมาไปยังห้องขนาดเล็กที่ไม่ไกลจากห้องครัวมากนัก ด้านในมีขวดยาเต็มไปหมด และเธอใช้เวลาสักพักใหญ่ในการตระเตรียมยาสมุนไพรเหล่านั้น  ก่อนจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยทั้งสามที่เธอต้องพามาเลี้ยงถึงในคฤหาสน์เพราะต้องคอยดูแลผู้นำของเธอตลอดทั้งวันทั้งคืนจนไม่ได้กลับบ้าน ส่วนคาบูโตะเองก็เช่นกัน เมื่อทาโร่ไม่อยู่ก็ไม่มีใครคอยเปลี่ยนกะกับเขา ถึงขนาดอากาเนะยังเคยเห็นสามีของเธอยืนหลับอยู่ด้านหน้าห้อง เสียงของสึบาสะดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นและวิ่งมาหามารดาของเขาอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอีกสองคนวิ่งตามมาติดๆอย่างพร้อมเพรียงกัน

    ท่านแม่ น้าทาโร่กลับมาแล้ว!!”เสียงเด็กน้อยตะโกนลั่นทำลายความเงียบสงบของคฤหาสน์ไปจนสิ้น

    พวกเจ้าเบาๆเสีย ท่านไดกิกำลังนอนพักอยู่อากาเนะตำหนิอีกฝ่าย แต่ก็รู้สึกประหลาดใจนัก ที่การาสุเทนกุตนนั้นกลับมา ทาโร่ในร่างของการาสุเทนกุเองก็เดินเข้ามาในห้องยา พร้อมกับสวมชุดสีดำ ทำให้อากาเนะรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เธอพยักหน้ารับและตอบอีกฝ่าย

    ไปหาท่านไดกิเสียเถิด เขาเองก็ดูไม่ค่อยจะดีนักเธอจัดสำรับยาจนเสร็จเรียบร้อยแต่ทาโร่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

    ข้าไปพร้อมเจ้าจะดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าหลังจากที่ข้าออกมาข้าจะกลายเป็นคนนอกไปแล้วหรือยัง?”เขากล่าวออกมา อากาเนะเพียงพยักหน้ารับและเดินนำอีกฝ่ายไปที่ประตูห้องนอนของท่านไดกิ หญิงรับใช้นั่งลงและกล่าวขึ้นหน้าประตูเลื่อน

    ท่านไดกิเจ้าคะ ทาโร่กลับมาแล้วเจ้าค่ะเธอกล่าวขึ้น ไม่นานนักก็มีเสียงตอบกลับมา

    เข้ามาสิ…”ทาโร่ที่ได้ยินจึงเปิดประตูเข้าไปและนั่งลง อย่างเรียบร้อย สายตาเขามองไปที่ร่างที่ดูอิดโรยก็ถึงกับมีสีหน้าตกใจอย่างมาก ส่วนอากาเนะก็จัดแจงเตรียมยาให้ท่านไดกิ

    ท่านไดกิ ป่วยหนักเช่นนี้เลยรึขอรับ?”ทาโร่ดูจะตกใจกับสภาพของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าคนที่เคยรบเคียงบ้าเคียงไหล่เมื่อหลายสิบปีก่อนจะทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้

    ข้าก็คงเป็นเช่นนั้นแหละ แล้วเจ้าล่ะไม่ได้เจอกันเสียนาน ได้ข่าวว่าเจ้าช่วยแนะนำอาโอยูกิจนนางได้เป็นผู้นำตระกูลเลยนี่…”ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินมาหาอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นทาโร่สวมชุดดำขลับก็ถอนหายใจออกมา แล้วเข้าใจว่าชีวิตของมนุษย์ช่างสั้นเสียจริง

    ขอรับ…”ทาโร่กล่าวออกมา ก่อนทั้งสองจะไม่มีใครกล่าวสิ่งใดขึ้นเป็นเวลาสักพัก

    ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป เช่นนั้นก็กลับมาอยู่เสียที่นี่เถิด กลับมาทำหน้าที่เป็นมือขวาของข้าทาโร่รีบคำนับท่านไดกิที่กล่าวเช่นนั้นอย่างซาบซึ้งใจนัก

    ขอรับ ข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดขอรับ…”ทาโร่คำนับ ก่อนจะกล่าวเรื่องยูกิขึ้น

    ท่านยูกิได้ฝากฝังข้าอยู่เรื่องหนึ่งขอรับ ก่อนที่นางจะจากไปอย่างสงบ นางหวังว่าอยากให้….ให้ ท่านดูแล ยูกิอนนะตนหนึ่งที่นางรักเหมือนลูก ได้ไหมขอรับ?”ทาโร่กล่าวขึ้น ครั้นจะบอกเขาไปตามตรงยูกิต้องการให้ชิโระยูกิมาเป็นผู้นำตระกูลต่อจากนางไดกิก็คงปฏิเสธแน่นอนเพราะไม่ใช่เรื่องของเขา และหากจะบอกตามความเชื่อของคนอื่นที่ว่านางต้องเจ้าสาวของท่านไดกิก็ตาม แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องปฏิเสธแน่นอน

    ข้ากับนางไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกัน ข้าขอไม่รับ แม้ว่านั้นจะเป็นความต้องการครั้งสุดท้ายของนางก็ตามเขากล่าวขึ้น พร้อมรับถ้วยยาจากหญิงรับใช้มาดื่มและกระซดรวดเดียวเสมือนเขากำลังดื่มน้ำเปล่า ทาโร่คำนับอีกฝ่ายหนึ่งและไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ

    ว่าแต่ เจ้าสินะที่เขียนจดหมายมาหาข้าให้ข้าสอนวิชาดาบแก่นางเมื่อคราวก่อน ข้าก็ปฏิเสธไปแล้ว เจ้าก็รู้ดีว่าข้าไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับพวกยูกิอนนะมากนัก และนางยิ่งเป็นคนสนิทของยูกิเสียแล้วด้วย หากข้าช่วยนางข้าจะมีปัญหากับผู้นำตระกูลยูกิอนนะคนใหม่ด้วยชายหนุ่มกล่าวขึ้น

    ขอรับ…”ทาโร่คำนับ และเห็นเป็นดั่งเช่นที่ชายหนุ่มกล่าว ตอนนี้ชายหนุ่มเองก็กำลังครุ่นคิดถึงแผนการณ์บางอย่างอยู่ ถ้าทำเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลก็คงดีไม่น้อย น่าเสียดายที่เขาป่วยเช่นนี้จนพลาดโอกาสไปจนได้ แต่เรื่องวิธีการคงต้องคิดอีกทีหนึ่งหลังจากยูกิอนนะได้ผู้นำคนใหม่แล้ว

     

    ร่างบางได้รับจดหมายของทาโร่ไม่กี่วันที่เขาได้จากไป หญิงสาวนั่งอ่านอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่ายังไงเสียเธอก็ต้องอยู่ที่แห่งนี้ต่อไปแม้จะเป็นฤดูหนาวแต่ก็คงไม่มีที่ไหนให้เธอไปพ้นจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้แล้ว สายตาที่ไม่เป็นมิตรหลากหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ หลังจากข่าวการเสียผู้นำมาถึงในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ชิโระยูกิทราบดีว่าเธอจะถูกปองร้ายได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เธอไร้ที่ไปแล้ว แต่นั่นก็หมายถึงว่าจะไม่มีใครห้ามเธอให้ออกไปข้างนอกคฤหาสน์ในยามนี้แน่นอน ร่างบางนั่งนิ่งอยู่ที่ระเบียงเฉกเช่นทุกวันและคอยฟังเสียงของยูกิอนนะที่มักจะดูถูกดูแคลนเธอจนเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว วันนี้ก็เช่นกัน ยูกิอนนะกลุ่มหนึ่งเดินมาหาเธอ ดวงตาสีเงินของชิโระยูกิทำเป็นมองไปทางอื่นไม่อยากสนใจอีกฝ่ายหนึ่ง

    ได้ข่าวว่านางใช้พลังแทบจะไม่เป็นเลยนี่นา ท่าทางข้าคงจะกังวลมากไปเสียกระมังเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ด้านหลังร่างบางที่นั่งลงที่ริมระเบียงไม่ไกลนัก

    นั่นสินะ ที่แท้ก็โง่กว่าที่ข้าคิดอีกสินะ เอได้ข่าวว่านางจะต้องไปแต่งงาน? เอ….กับเทนกุใช่ไหม แบบนี้เขาต้องปฏิเสธแน่นอนเลย คิกๆๆๆ ไม่เคยมียูกิอนนะตนไหนที่ถูกผู้ชายหยามเช่นนี้มาก่อน นางคงไม่อกแตกตายหรอกนะ" 

    "นั่นสิข้าได้ข่าวว่าทาโร่กับยูกิส่งจดหมายไปหาไดกิถึงสองรอบ เขาก็ปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ใยดี ช่างน่าสงสารเสีย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ยูกิอนนะในกลุ่มนั้นกล่าวออกมา

    หึปิศาจเทนกุรึ ก็เหมาะสมดีนี่ ปิศาจป่าเถื่อนอาศัยกลางป่าไร้อารยธรรม อยู่ไปล่ะก็คงจะน่าเบื่อแน่นอน วันๆไม่มีอะไรทำหรอก หรือจะไปเดินป่าเล่นกันล่ะ แต่ว่าขนาดเทนกุยังไม่รับยัยนี่เลย คงจะแย่สุดๆ ถ้าเป็นข้านะ ข้ายอมกัดฟันและกลายร่างเป็นก้อนน้ำแข็งตายไปเลยดีกว่า...ชิโระยูกิทำหูทวนลมไม่ฟังอีกฝ่ายที่กล่าวออกมา และก็ขุ่นเคืองในใจนัก

    เขาป่าเถื่อนรึ? ก็ยังดีกว่าฝืนอยู่ที่นี่กับพวกเจ้าร่างบางพึมพำกับตนเอง เพราะหากอีกฝ่ายได้ยินเธอคงถูกทำร้ายแน่นอน ชิโระยูกิที่ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับชะตากรรมของตน ว่าเธออยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว ชิโระยูกิได้เรียนรู้ความรู้สึกมากมายจากการที่เธอมาอยู่ร่วมกับผู้อื่น เธอได้รับรู้ถึงความ โกรธ ความเศร้า ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความว้าเหว่ ความหวาดระแวง และความโดดเดี่ยว แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอเคยได้รับความรู้สึกดีๆบ้าง สำหรับเธอนั้นเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าความรู้สึกดังกล่าวมันมีอยู่บนโลก

    แม้ว่าข้าอยากไปจากที่นี่ก็เถอะแต่ว่าข้าไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว ท่านไดกิคงไม่ยอมรับข้าแน่นอนนั่นสินะ ข้าจะไปหวังให้คนอื่นมาช่วยให้ข้าพ้นจากที่นี่ได้อย่างไรกัน...ข้ามันไม่มีดีอะไรสักอย่างเธอถอนหายใจออกมา 



    เทพมังกรฟ้านั่งอยู่ที่ห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยวจัตุรัสของปิศาจไดเทนกุที่ถูกปูด้วยเสื่อทาทามิ ด้านตรงข้ามเขามีเพียงเบาะนั่งที่ว่างเปล่าไร้วี่แววเจ้าของคฤหาสน์แต่อย่างใด ห้องที่เต็มไปด้วยของมากมายแต่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบเช่นเดิมนั้น กองเอกสารขนาดใหญ่นั้นถูกขนย้ายไปมาอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่แม้ร่างกายจะไม่แข็งแรงนักแต่ก็ยังหอบงานไปทำต่อที่ห้องนอน ดวงตาสีเงินเรียว จับจ้องไปที่ถ้วยชาที่มีน้ำชาสีเขียวอยู่ด้านใน ไอควันจากถ้วยนั้นลอยขึ้นมาและสลายหายไปในอากาศ และรอเจ้าบ้านออกมาพบเขาสักทีหนึ่ง เพียงไม่กี่อึดใจ ไดกิก็เข้ามาในห้องและขอโทษเขา

    ขอโทษที่ทำให้รอขอรับเขาคำนับและนั่งลงตรงหน้าเซริว

    เออๆ ไม่เป็นไรแต่สภาพของเจ้าดูไม่ไหวเสียจริงเขามองเส้นผมสีดำที่ยาวมากลางหลังของอีกฝ่าย และร่างกายที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมแต่ยังไม่ถือว่ากลับมาแข็งแรงดีนัก เซริวไม่เห็นเขามานานแล้ว เพราะไดกิทำงานได้น้อยลง เขาเองรู้สึกได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปงานมันต้องล้นมาถึงมือของเขาอย่างแน่นอน และเหล่าจตุรเทพไม่ยอมเช่นนั้นเด็ดขาด ดังนั้นเขาถึงมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของเหล่าเทพ และนำของกำนัลมาให้ เป็นของกำนัลที่ไดกิปฏิเสธไม่ได้ เขามาที่นี่เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจขึ้นได้บ้างและยอมทำงานรับใช้พวกเขาต่อก็เท่านั้น และเรื่องเดียวที่จะทำให้ไดกิกลับมายอมรับใช้พวกเขาได้ก็คือเรื่องของมายุ

    นั่นสิขอรับ ข้าพยายามจะให้หายไวๆ จะได้กลับมาทำงานต่างๆและดูแลพวกการาสุเทนกุได้ดังเดิมขอรับไดกิยังคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เนือยๆ แต่ดวงตาสีดำกลับจ้องคนตรงข้ามอย่างแข็งกร้าวและดุร้าย

    ใช่แล้วจิตใจเจ้าคงดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมเขาถามไถ่

    ก็ข้าแก้ไขอดีตอะไรไม่ได้แล้ว เป็นสามีที่ดีให้คนรักของข้าไม่ได้แล้ว แต่ว่าข้ายังสามารถเป็นผู้ปกครองที่ดีได้ ข้าจึงอยากจะทำในสิ่งที่ข้าทำได้ในตอนนี้เซริวพยักหน้าเมื่อได้ฟัง

    งั้นข้ามีหน้าที่ที่เหล่าเทพอยากให้เจ้าทำ ที่จริงแล้วมันเป็นของกำนัลจากการที่เจ้าปลดปล่อยมนุษย์ แต่เจ้าบ่ายเบี่ยงมาตลอด ฉะนั้นเหล่าเทพจึงเห็นว่าควรจะบังคับเจ้าเสียไดกิมีแววตาที่ดูไม่พอใจเท่าใดนักเมื่อได้ฟัง

    ข้าไม่ต้องการของกำนัลใดๆทั้งสิ้น ข้าถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น งานที่แสนน่ารังเกียจนั้นท่านไม่จำเป็นต้องเอาของใดๆมาให้ข้าทั้งสิ้นเพื่อปลอบใจข้าหรอก!!!”ไดกิกล่าวออกมาทันทีโดยยังไม่ทันฟังว่าของกำนัลคืออะไร

    เจ้าต้องแต่งงาน…”เซริวกล่าวขึ้นมาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยากทราบหรือไม่ ดวงตาสีดำเบิกโพลงด้วยความตกใจ

    อะไรนะ?!!”เขาร้องเสียงหลงเมื่อได้ฟัง ก่อนจะรีบกล่าวขึ้น

    ข้าแต่งงานกับมายุไปแล้ว ข้าไม่แต่งงานใหม่กับใครทั้งสิ้นไดกิกล่าวออกมา เซริวเหยียดยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง

    เจ้ายังตัดใจจากนางไม่ได้จริงๆ อย่างที่ข้าคิดไว้ไม่มีผิด ยิ่งเห็นเจ้าทำหน้าตกใจเช่นนี้แล้ว ข้าล่ะสนุกเสียจริงเซริวยักไหล่เพราะตั้งแต่หลังจากเรื่องดังกล่าวผ่านพ้นไป ไดกิก็ไม่เคยยอมรับงานเอกสารของเขาอีกเลย จนเทพประจำทิศคนอื่นๆก็เริ่มเดือดร้อนเช่นกัน ไม่มีใครอยากมาทำงานหนักขึ้นหรอก หากตนมีอำนาจหน้าที่มากพอจะสั่งผู้อื่นได้

    แน่นอนอยู่แล้วขอรับ ในช่วงชีวิตหนึ่งเรามีคู่ครองเพียงคนเดียวเท่านั้นนะขอรับไดกิหมายรวมถึงตนเอง การาสุเทนกุและอีกาด้วย ซึ่งพวกเขาต่างนับถือในความรักที่มั่นคงต่อคู่ชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น

    เจ้าก็พูดไปเรื่อย ไดกิอย่างน้อยเลือดมนุษย์ที่อยู่ในกายเจ้าครึ่งหนึ่งนั้นต้องมีที่ว่างให้เจ้าแต่งงานใหม่ได้บ้างแหละน่าเซริวเถียงกลับในทันที

    แต่ข้าไม่แต่ง ข้าจะแต่งงานใหม่ต่อเมื่อนางคือมายุเท่านั้น ถ้าท่านฝืนจะพานางมาล่ะก็ นางจะไม่ได้รับการตบแต่งให้สมเกียรติของนางแต่อย่างใด!!!”ไดกิยื่นคำขาด มังกรฟ้ากลับแสยะยิ้มออกมาด้วยเลศนัย

    แบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบดีเขาหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย และยืนขึ้นก่อนจะเดินไปที่ระเบียง

    “ไม่นานนางจะมาที่นี่ เจ้าก็รอดูไว้แล้วกัน...พวกข้าที่เป็นถึงจตุรเทพ มีสิทธิสั่งให้ยูกิอนนะตนนั้นถูกส่งตัวมาที่นี่ได้ในทันที พวกข้าเห็นโชคชะตาของเจ้ากับนางดูเหมือนจะเข้ากันได้อยู่นะ ลองพบนางก่อนดีไหมล่ะ นางสวยนะไดกิ ข้าเคยพบเจอนางเมื่อปีก่อน จนตอนนี้ข้ายังสลัดภาพใบหน้าที่งดงามของนางออกไปจากโสตประสาทข้าไม่ได้เลยไดกิมีสีหน้าที่งุนงงกับคำพูดอีกฝ่าย ไม่นึกว่ามังกรฟ้าจะเป็นถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องผู้หญิงแล้วด้วย

    "ท่านเป็นอะไร? นางสวยขนาดนั้นเลยรึ?อยากได้นางนักก็ไปแต่งกับนางเองเสียสิ!!"เขาถอนหายใจออกมาจนบรรยากาศมาคุ เซริวชะงักไปไม่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาพบไดกิตัวเป็นๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขาจนไม่หลงเหลือความเคารพใดๆแแล้ว

    "แกนี่มัน....เสียของจริงๆ ข้าก็อยากรับนางไปอยู่ที่วิหาร...แต่ข้าตกลงกับเหล่าเทพคนอื่นๆไว้แล้วว่าจะพานางมาให้เจ้า เอาเช่นนี้แล้วกันถ้าเจ้าเห็นนางแล้วไม่อยากรับไว้ ก็มอบนางให้กับข้าเถิด"ทาโร่นิ่งไปเมื่อได้ฟัง เขารอคำตอบของไดกิอย่างระทึกใจเสียเหลือเกิน อีกฝ่ายเงียบไปสักพักใหญ่ก่อนจะกล่าวออกมา

    "เดี๋ยวนี้ท่านขอของต่อจากข้าแล้วรึขอรับ...."คำพูดสั้นๆแต่ความหมายเจ็บแสบทำให้เซริวถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะ ก่อนไดกิจะกล่าวต่อ

    "นางล่ะ อยากมาเป็นเจ้าสาวของข้ารึ ท่านถามนางหรือยัง และถามนางด้วยว่าอยากเป็นเจ้าสาวของท่านด้วยหรือไม่ สิขอรับ หรือกลัวนางจะปฏิเสธกันล่ะ ตลกเสียจริงถ้าเทพอย่างท่านถูกนางปฏิเสธ...ข้าก็คงจะรับนางมาเป็นเจ้าสาวแน่นอนถ้านางกล้าทำเช่นนั้น"ไดกิหัวเราะออกมาใส่เทพเบื้องหน้า มังกรฟ้ามีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมากจนอยากจะสู้กับอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดกับคำพูดที่ดูถูกเขาถึงเพียงนั้น ส่วนเซริวเองกำลังคิดถึงความทรงจำที่ได้พบนางเมื่อครั้งแรก เขาเองนี่แหละที่พบเธออยู่ที่ยอดเขาตามคำบอกเล่าของเหล่าเทพและบอกทางไปคฤหาสน์ของยูกิ โดยตั้งใจบอกทางผิดให้นางมาที่นี่ตั้งแต่แรก ไม่น่าเชื่อว่าไดกิจะคลาดกับนางเสียได้ และกำลังคิดว่าใบหน้าที่งดงามนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน ให้รอจนกว่าวันในคำทำนายใกล้จะถึงก็แล้วกัน หากไดกิยังไม่ได้รับนางเป็นภริยา เขาเองนี่แหละจะพานางไปอยู่ที่วิหารของตนให้ได้ ก่อนไดกิจะนึกเรื่องราวบางอย่างได้

    ยูกิอนนะ….นางเคยมาที่นี่ตอนฤดูหนาวปีที่แล้วนี่? ข้าได้ยินคนกล่าวถึงนางเช่นกันดวงตาสีดำขลับหันไปสบตาทาโร่อย่างต้องการคำตอบจากเขาเช่นกัน จนอีกฝ่ายเหงื่อตก ชายหนุ่มรู้อย่างแน่นอนว่าที่ทาโร่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวังเป็นที่สุด

    ที่แท้เจ้าเองก็จะหาเมียใหม่ให้ข้ารึ!!!!”เขาตะคอกเสียงดังใส่ทาโร่ ส่วนคาบูโตะที่ยืนอยู่ข้างๆก็มีสีหน้าเลิกลั่กไม่รู้จะช่วยใครดี จะซ้ำทาโร่หรือจะปกป้องดี

    ข้าเปล่านะขอรับ ข้าเพียงถามไถ่ท่านไดกิเท่านั้นเองขอรับ นางน่าสงสารยิ่งนัก ถูกยูกิอนนะตนอื่นกลั่นแกล้งตลอดเวลาขอรับ ข้าไม่เคยคิดจะให้นางมาอยู่ที่นี่ในฐานะภริยาของท่านนะขอรับ เพียงแต่อยากให้นางมีที่ไปบ้างเมื่อฤดูหนาวมาเยือนทาโร่ลงไปคำนับเขา

    พอเถอะไดกิยังไงไม่นานนักนางก็จะมาที่นี่ ถ้าเจ้าจะรับหรือไม่รับนางไว้ที่นี่หรือจะอย่างไรก็ตาม เมื่อนั้นเจ้าตัดสินใจเองเสียเถิดและพูดคุยกับนางเสียให้รู้เรื่องเซริวปรามเขา

    นางจะมาที่นี่ตอนฤดูร้อนเช่นนี้รึ? นางคงตายเสียก่อนมาถึงที่นี่ เพราะความดึงดันของนางเองแท้ๆ….ทำอะไรไม่ประเมินตนเองเลยไดกิกล่าวขึ้นและนึกถึงตอนที่ตนเองเคยกล่าวคำนั้นออกมาเมื่อนานมาแล้ว

    ถือว่าข้าขอแล้วกัน ให้เจ้าไปพบนางเสียก่อน จากนั้น...ถ้าไม่ชอบ ก็ยกให้ข้าเซริวกล่าวทิ้งท้ายไว้และเป็นมังกรตัวใหญ่ทยานขึ้นท้องนภาสีครามไป ทิ้งไดกิไว้ที่ตรงนั้น เขาหันมามองทาโร่ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน การาสุเทนกุตนนั้นรีบคุกเข่าคำนับขอโทษเขาและกล่าวขึ้น

    ข้าขอโทษขอรับท่านไดกิ ข้ามิได้ตั้งใจจะพานางมาในฐานะเช่นนี้ขอรับ ข้าทราบและเข้าใจดีว่าท่านไดกิไม่ต้องการให้นางมาที่นี่ ข้าจึงส่งจดหมายไปถึงนางแล้วขอรับ นางคงจะไม่มาแล้วก็ได้นะขอรับทาโร่กล่าวขึ้น

    เจ้าก็รู้ว่าข้าแต่งงานแล้ว หากข้าไม่มีใครจะรับนางมาเป็นภริยาก็คงได้ แต่ว่าข้าจะไม่แต่งงานใหม่ ไม่อยากทำอะไรลับหลังมายุทั้งนั้น…”เขาดูเศร้าใจเมื่อกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่ถ้ามายุยังอยู่ บางทีนางก็อาจจะมีอายุขัยพอๆกับยูกิ ถ้าเช่นนั้น นางคงมีอายุเกือบจะแปดสิบปี

    ถ้ามายุยังอยู่กับข้า จนถึงในตอนนี้ นางคงแก่มากๆเลย คงเป็นคุณยายที่เฝ้ามองดูเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และข้าเองก็จะอยู่เคียงข้างนางไปเรื่อยๆ…”ไดกิพึมพำกับตนเอง เมื่อนึกถึงภาพในจินตนาการขึ้น แต่เขาก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และเมื่อใจเย็นลงแล้วจึงค่อยหันไปถามทาโร่

    แล้วที่ผ่านมาเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง กับยูกิทาโร่คำนับเขาก่อนจะกล่าวขึ้นมา

    ข้ายังชื่นชมความสามารถของนางขอรับ หากจะกล่าวว่าข้ารักนางหรือไม่ ก็คงจะตอบว่าข้ารักและชื่นชมนางเป็นที่สุด ข้าอยากเห็นว่าผู้หญิงมนุษย์ผู้นั้นจะได้ไปไกลสักเพียงใด นางทั้งร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบปิศาจ แต่ก็สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลได้โดยฝีมือของนาง นั่นทำให้ข้าหลงใหลในความตั้งใจของนางขอรับ

    แล้วเจ้าไม่ได้รักนางแบบคนรักหรอกรึ?”ไดกิถามขึ้น แต่คาบูโตะนั้นรีบปิดปากของตนมิให้หัวเราะออกมา หากอากาเนะอยู่ด้วยนางคงมีสภาพไม่ต่างจากเขา

    คนรัก? ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นหรอกขอรับ ท่านยูกิก็ไม่คิดกับข้าเช่นนั้นเหมือนกันขอรับ ทั้งข้าและท่านยูกินั้นเห็นพ้องเหมือนกันว่าความรัก และการมีครอบครัวไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตขอรับ ข้าอยู่กับนางเหมือนข้าเป็นคนสนิทเท่านั้นขอรับ ส่วนนางเห็นข้า เออ...นางบอกว่าชอบข้าเพราะหน้าตาน่ารักขอรับทาโร่มีอาการเขินนิดหน่อย ชายหนุ่มถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ คาบูโตะเองก็หันไปกลั้นขำทางอื่น จนร่างสั่นเทาไปทั้งตัว

    เจ้าช่างเหนือความคาดหมายของข้าเสียจริงไดกิกล่าวออกมา

    แล้วไปเรียนรู้สิ่งใดกลับมาบ้างล่ะ เจ้าหายไปนานหลายสิบปีเช่นนี้ คงจะมีเรื่องราวมากมายปิศาจเทนกุถามต่อด้วยความอยากรู้

    ยูกิอนนะ เป็นตระกูลใหญ่ตระกูลเดียว จึงมักมีการแก่งแย่งชิงดีอยู่ตลอดเวลาขอรับ เพื่อให้ได้เป็นผู้นำตระกูลแล้วพวกนางมักจะเข่นฆ่ากันเองอย่างเลือดเย็น คฤหาสน์ของยูกิอนนะตั้งอยู่ทางเหนือสุดของแผ่นดิน ที่แม้แต่ต้นไม้ยังกลายเป็นน้ำแข็งขอรับ ทำให้ไม่มีใครเข้าไปรุกรานมากนัก พวกยูกิอนนะนอกจากจะดุร้ายกับพวกเดียวกันแล้ว ยังชอบล่ามนุษย์ผู้ชายในยามฤดูหนาวอีกด้วย และข้าได้ยินพวกนางเคยคุยกันว่าแม้แต่ปิศาจด้วยกันเองก็อาจถูกนางสูบพลังได้เช่นกันขอรับ แม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองก็ตามทาโร่ยังคงเล่าเรื่องเกี่ยวกับยูกิอนนะต่อไปเรื่อยๆ อยู่นานสักพักใหญ่ ขณะที่ไดกิกำลังก้มหน้าก้มตาจดบันทึกอยู่ จนกระทั่งทาโร่ได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็เกือบสามชั่วโมงได้

    อย่างน้อยข้อมูลของเจ้าก็มีประโยชน์ ข้าคิดถูกแล้วที่ให้เจ้าไปอยู่ที่นั่นหลายสิบปีชายหนุ่มถึงกับจดเรื่องราวยูกิอนนะลงบันทึกทุกตัวอักษร

    ขอรับท่านไดกิทาโร่คำนับอีกฝ่าย ร่างนั้นนั่งครุ่นคิดสักพักหนึ่ง

    ถ้าเป็นดั่งที่เจ้าเล่ามา ชิโระยูกิคงจะถูกกำจัดในไม่ช้าแน่นอน เพราะว่ายูกิทำให้นางสำคัญเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ และจะถูกเพ่งเล็งโดยง่าย เป็นเด็กที่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรก็ต้องมาอยู่ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจ  ทาโร่ เจ้าเลยเป็นห่วงนางสินะ แต่ข้าไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับปิศาจตนอื่นๆได้หรอก ข้ารับมาก็จะทำให้มีแต่ความวุ่นวายเสียเปล่าไดกิยังคงยืนยันคำเดิม แต่ก็ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากครั้งก่อน ครั้งนี้เขาเชื่อว่าทาโร่คงเป็นห่วงหญิงสาวแน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×