ตอนที่ 9 : Chapter 9 : มาดามไร้รังไข่! (100%)
เนื่องมาจากหยุดอัพไปนาน จึงต้องทวนใหม่ ปรับใหม่หมดเลย บทก่อนๆที่แก้ไปรบกวนกลับไปอ่านซ้ำด้วยน้า ส่วนที่หายไม่ได้ไปไหน จะกลับมาในตอนกลางๆเรื่อง กร๊าก รู้สึกงงกับตัวเอง แต่ตอนนี้โอเคแล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มอัพอย่างเป็นทางการ ขอโทษที่หายไปนาน ขอโทษที่ไม่ยอมทำงาน ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอ นางเอกเฌอมาเป็นคนแบบนี้ จะหานางเอกปกติแนะนำไปอ่านนิยายเรื่องอื่น บอกเลย ไม่พิเศษเฌอมาไม่หยิบมาเล่า กร๊าก ขอบคุณที่ยังรอกัน ขอบคุณี่ให้โอกาศเค้าเล่านิยายเรื่องใหม่
แพลนปีนี้มีงานออกดังนี้น้า
- มาดามคานทอง : https://my.dek-d.com/kodhippie3/story/view.php?id=1544441
- เถารัก (ภาคต่อภรรยาเจ้า) : https://my.dek-d.com/kodhippie3/writer/view.php?id=1382730
- เสน่หากระยาทิพย์ : https://my.dek-d.com/kodhippie3/story/view.php?id=1492560
**แจ้งเรื่องชื่อพระเอก แรกเลยพระเอกมาดามคานทองชื่อปุริม แต่เพราะในตอนนั้นมีอีกเรื่องที่ติดท็อปอยู่มีพระเอกชื่อเดียวกัน เฌอมาจึงเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ไม่สับสน แต่ตอนนี้เรื่องนั้นจบลงแล้ว จึงกลับมาใช้ชื่อเดิมนั้นคือหมอปุริมค่ะ ^^
บทที่ 9 : มาดามไร้รังไข่!
โชคดีที่วันต่อมาคือวันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ตรีประดับจึงไม่จำต้องไปทำงาน ทว่าหลังกรีดร้องกับรอยแผลผ่าตัดที่ยาวเหยียดเป็นล้านๆเมตรไปเมื่อตอนรุ่งสาง เธอก็ทำเพียงนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ ขบคิดเรื่องชีวิตแสนเศร้าของตัวเอง เรื่องการถูกตัดรังไข่ เรื่องการมีลูกไม่ได้ หญิงสาววนเวียนและยอมรับว่าจิตตกอย่างรุนแรงจนเผลอร้องไห้ออกมาในบางครั้ง แต่ต้องพยายามยิ้มแย้มไว้ในเวลาที่บิดาบังเกิดเกล้ามาหา ซึ่งสำหรับตัวตรีประดับ การฝืนตัวเองแบบนั้นมันช่างเหนื่อยเหลือเกิน…
นอกจากคนเป็นพ่อที่มาบ่อยเพราะตรีประดับไม่ยอมให้ลำบากมานอนเฝ้า อีกหนึ่งคนที่มาถี่ไม่แพ้กันคือนายแพทย์ปุริม รายนั้นมักเอาหน้านิ่งๆ ของเขามาเยี่ยมหญิงสาวทุกสามมื้อ คนเป็นหมอไม่ได้หยุดยาวอย่างเช่นคนอื่นๆ เพราะต้องเข้าเวร ตรีประดับทราบว่างานหมอของปุริมค่อนข้างหนักเพราะปัจจุบันหมอเด็กมีอยู่น้อยมาก แต่เขาก็ยังมีน้ำใจปลีกตัวมาเยี่ยม แม้บางครั้งจะมาเพื่อมานอนงีบ หรือมาเพื่อหาที่กินกาแฟระหว่างพักก็ตาม
วันเวลาหมุนไปอย่างเชื่องช้าในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของปี แพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์กนกวลีหรือคุณหญิงก้อยซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้บอกว่าพรุ่งนี้ตรีประดับสามารถกลับบ้านได้แล้ว ทว่าตรีประดับกลับไม่ค่อยแฮปปี้นัก เพราะช่วงหัวค่ำของวันนั้นตัวแทนจากบริษัทคีย์นิวเอจได้ยกกระเช้ามาเยี่ยมไข้ เธอสงสัยอยู่เหมือนกันว่าใครเป็นคนไปบอก แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะตัวแทนที่เอากระเช้ามาส่งมอบคือเบญจาภา นังปลิงหัวดำนั้นเอง!
“หายไวๆนะจ้ะปริม…พรืดดดด อุ๊บ!”
“เธอหัวเราะอะไร!”
เบญจาภาแสร้งยิ้มก่อนจะจัดแจ้งวางกระเช้าอันใหญ่โตไปที่ข้างเตียงของตรีประดับ
“ก็หัวเราะเธอน่ะสิที่โดนตัดรังไข่”
หล่อนว่าก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง ยกมือกอดอกยกขาไขว้ห้าง เริ่มพูดจาถากถางตรีประดับเพราะในห้องมีเพียงแค่สองคน
“เอ้อ! คนเรานี้ก็แปลกเน้อ ครั้งแรกโดนแฟนบอกเลิก ครั้งสองโดนหัวหน้าลดตำแหน่ง แล้วล่าสุดยังซวยถึงขั้นโดนตัดรังไข่มีลูกไม่ได้อีก ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรจะเห็นใจหรือหัวเราะสะใจกับชีวิตของเธอดี แม่มาดามไร้รังไข่!”
ตรีประดับกำหมัดแน่นแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ด้วยทั้งใจและร่างกายกำลังอ่อนแอเหลือเกิน
ใจเธอโดนทำร้ายด้วยความคิดที่ว่าตัวเองคงมีลูกไม่ได้ ร่างกายยังระบมเพราะแผลผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะหายดี แล้วยังคำสั่งแพทย์ที่ว่าหลังผ่าตัดห้ามจาม ห้ามไอ ห้ามวิ่ง ห้ามหัวเราะ ห้ามนอนคว่ำ ห้ามยกของหนัก ทั้งหมดนั้นทำเธอจะเป็นบ้า! แล้วดูสิ นอกจากเธอจะต้องพยายามใช้ชีวิตดุจคนพิการหยิบจับทำอะไรไม่ได้ เธอยังต้องมาโดนเพื่อนร่วมงานโรคจิตย้ำให้คิดเรื่องมดลูกของตัวเองอีก
“ผมว่าคุณมากกว่ามั้งที่จะซวย”
ทว่าจู่ๆปุริมที่มาเยี่ยมตรีประดับพอดีก็พูดขึ้นขณะก้าวเข้ามาในห้อง เบญจาภาลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะมองฝ่ายตรงข้าม และด้วยการแต่งตัวบวกกับมาดได้ ทำให้เบญจาภาตระหนักว่าชายหนุ่มต้องเป็นหมออย่างแน่นอน แต่หมออะไรถึงได้หล่อเบอร์นี้!
“เอ่อ คุณหมอว่ายังไงนะคะ”
ปุริมยกมือขึ้นอังหน้าผากของตรีประดับแต่สายตายังจับจ้องที่เบญจาภาไม่ละไปไหน
“ผมบอกว่าคุณมากกว่าที่จะซวย…ถ้ายังไม่หยุดพล่าม”
น้ำเสียงนิ่งๆบวกกับไม่หลบสายตาทำให้เบญจาภาถึงกับวางหน้าไม่ถูก สุดท้ายเธอยันตัวลุกจากเตียงของคนไข้ที่กำลังปั่นประสาทจนได้ที่ แสนเสียดายที่ไม่สามารถแกล้งตรีประดับได้มากกว่านี้ แต่ก็จำต้องละ เพราะหมอหล่อท่าทางดีคนนี้ดูจะออกโรงปกป้องหากหล่อนจะพูดบั่นทอนตรีประดับต่อไป
“เอ่อ ถ้าหมอมาแล้วเบ็ทตี้ขอตัวดีกว่า ไม่อยากรบกวนการรักษาน่ะค่ะ”
“อยู่ต่อสิครับ…ผมว่าคุณดูตลกดี”
ปุริมกล่าวอย่างสื่อความนัยว่าอีกฝ่ายช่างดูตลบตะแลงไม่เหมือนมนุษย์ปกติ แน่นอนว่าเบญจาภารู้ความหมายนั้นจึงเร่งที่จะออกจากห้องโดยไว แม้ในใจจะเริ่มสงสัยว่าหมอหล่อท่าทางดีคนนี้เป็นอะไรกับอริของหล่อน ทำไมถึงได้ดูปกป้องกันขนาดนั้น
“ไว้โอกาสหน้านะคะ พอดีว่าเบ็ตตี้มีธุระต้องไปทำต่อ” เบญจาภายิ้มก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่ตรีประดับซึ่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียงไม่พูดไม่จากับใคร
“งั้นฉันกลับก่อนนะจ้ะปริม หายไว้ๆล่ะ แล้วพบกันที่บริษัท”
เมื่อเห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญกลับไปแล้ว ปุริมก็กลับมาให้ความสนใจหญิงสาวบนเตียง มองคนก้มหน้านิ่งและจิตตก ซึ่งคนเป็นหมอดูออกว่าอีกฝ่ายคงถูกผู้หญิงที่ดูร้ายๆเมื่อครู่ทำร้ายจิตใจมา
“โอเคไหม”
“…อื้อ”
“แม่โทรมาบอกว่าวันนี้ที่บ้านจะมาจัดงานเคาท์ดาวน์ที่นี้ พวกนั้นเตรียมของกินที่แกชอบมาเยอะเลย”
ตรีประดับไม่กระดิกตัวแม้แต่น้อยถึงแม้หมอหนุ่มจะพูดถึงงานรื่นเริงซึ่งคนที่บ้านจะแห่มาจัดให้ “ฉันไม่อยากเจอใครตอนนี้…”
ปุริมขมวดคิ้ว มองท่าทีที่แปลกไปของตรีประดับ “ทำไมล่ะ”
“เพราะฉัน…อยากร้องไห้มากกว่า”
“…”
ชายหนุ่มเบื่อนหน้าออกจากใบหน้าที่ดูย้ำแย่ของตรีประดับ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปปิดไฟห้อง แล้วลวงโทรศัพท์ออกมาต่อสายโทรหามารดา
‘ใจร้อนจริงปุณณ์ แม่กำลังจะออกจากบ้านแล้ววว’
อรุนรำไพกล่าวเสียงสดชื่นผ่านเครื่องมือสื่อสาร
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องมาแล้วนะ”
‘อ้าว ทำไมอย่างนั้นละ’
ชายหนุ่มหันกลับไปมองหญิงสาวบนเตียงที่ยังคงก้มหน้านิ่งแบบเดิม เขาถอนหายใจก่อนจะตอบกลับมารดาไป
“ปริมหลับไปแล้วนะครับ สงสัยหมอให้ทานยาไปเมื่อหัวค่ำ”
‘อ้าว แย่จังเลย…งั้นไม่เป็นไร ถ้าปริมตื่นฝากบอกด้วยว่าพรุ่งนี้เจอกันที่บ้าน เราจัดงานปีใหม่แทนงานเคาท์ดาวน์ก็ได้เน้อ’
“ครับแม่ ปุณณ์จะบอกปริมให้”
‘จ้า อ่อ แล้ววันนี้ปุณณ์เข้าเวรไหมลูก’
“เปล่าครับ แต่คิดว่าวันนี้คงไม่กลับบ้าน…จะอยู่เป็นเพื่อนปริม”
‘คิคิ จ้าๆ สู้ๆนะลูก’
นิ้วเรียวกดวางสายก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ที่เดิม ขายาวของคนมีส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้าวยาวๆเข้าไปหาคนบนเตียงที่ยังก้มหน้านิ่งไม่ยอมให้ตัวเขามองเห็นรอยน้ำตา
ปุริมนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะจับใบหน้าของตรีประดับให้เงยขึ้น เผยสองข้างแก้มที่เปียกปอนไปด้วยน้ำสีใส ซึ่งเขาแปลกใจเหลือเกินว่ามันมาปรากฏบนใบหน้าเล็กๆนี้ได้อย่างไร
“ทำไมถึงร้อง”
ตรีประดับเสหลบก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง เธอไม่ได้อยากร้องไห้ให้ใครเห็นโดยเฉพาะกับชายหนุ่มตรงหน้า แต่เพราะปุริมเข้ามาตอนเบญจาภาตอกลิ่มฝังหัวใจของเธอพอดี เธอจึงไม่อาจกลั้นความผิดหวังเอาไว้ได้
ตลอดชีวิตการเป็นตรีประดับ เธอใช้ชีวิติอย่างคนที่ไม่หวาดกลัวสิ่งได้ ใช้มันสมองเอาตัวเองพุ่งไปข้างหน้า ตัดสินใจทุกอย่างอย่างฉับไวไม่มีคำว่าลังเล เธอไม่เคยกลัวคำว่าผิดหวัง เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรก็มีครอบครัวและบรรดาลุงๆป้าๆคอยโอบอุ้มอยู่ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอกลับได้พบว่ามันมีบางเรื่องเช่นกันที่เธอต้องเผชิญหน้ามันด้วยตัวเอง
จริงอยู่ที่หญิงสาวมุ่งแต่งานและไม่เคยคิดถึงการมีลูก ใจคิดแต่ว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าไม่อยากมี ทว่าวันนี้ เธอกลับพบว่าตัวเองไม่สามารถมีลูกได้อีก ครั้งแรกที่หมออธิบายว่าการผ่าตัดอาจทำให้เธอต้องเสียรังไข่ เธอยอมรับว่าตกใจแต่ไม่คิดว่าดวงจะซวยขนาดนั้น แต่พอลืมตาแล้วพบว่าตนเองไม่เหลือสิ่งใดแล้ว นั้นละ เธอถึงได้พบว่าเธอประมาณกับชีวิของตัวเองเหลือเกิน
ตรีประดับคิดก่อนจะยกมือลูบหน้าท้องของตัวเอง
'ลูก' คำนี้ดูห่างไกลกับชีวิตของเธอเหลือเกิน เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ไม่เคยคิดว่าจะให้แกใช้ชื่ออะไร ต้องมีอักษรเหมือนชื่อพ่อหรือชื่อแม่ มันก็เรื่องปกติธรรมดามิใช่หรือ เมื่อคนเราโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้ มีหน้าที่การงานที่ดี มีคนรักที่ดี ก็จะถึงเวลาแต่งงานและมีลูก ชีวิตล้วนดำเนินไปตามจังหวะที่เหมาะสมของมัน แต่วันนี้เวลานี้เธอกลับพบว่า ไม่ทันที่เธอจะพบรักแท้หรือแต่งงานด้วยซ้ำ
เธอก็ถูกตัดสิทธิจากคำว่าแม่เสียแล้ว...
หากถามว่าเสียใจไหมคงตอบไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกว่าเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องการมีเด็กซักคน แต่มันเป็นความรู้สึกหน่วงๆ มันใจหาย มันโหวงๆ เสียงในใจร้องถามเป็นพันๆครั้งว่านี้ฉันจะมีลูกไม่ไดังั้นเหรอ จริงเหรอ ฉันจะต้องเฉาตายโดยไม่มีเลือดเนื้อเกิดมาเพื่อรับสมบัติเงินทองที่สู้อุส่าห์หามาใช่ไหม แล้วพ่อของเธอเล่า พ่อเป็นเด็กกำพร้า ชีวิตพ่อมีเพียงเธอเท่านั้น ถึงแม้พ่อไม่พูด แต่เธอรู้ว่าพ่อเองก็หวังอยากมีหลาน หากบั้นปลายของพ่อได้อุ้มเด็กน้อยที่เป็นสายเลือดตัวเอง พ่อจะดีใจแค่ไหนกัน ทว่ากว่าจะคิดได้มันก็สายไปแล้ว ตัวเธอไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป เธอเป็นเพียงมาดามไร้รังไข่ เป็นอย่างที่ยัยเบ็ตตี้พูดไว้จริงๆ!
“ปริม”
เสียงเรียกเบาๆทางด้านหลังดึงให้ตรีประดับมีสติและหันกลับไปมองเขา หญิงสาวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเจ็บปวด และนั้นเป็นสายตาที่ปุริมไม่อยากเห็นเลยจริงๆ
“ปุณณ์”
“…หื้ม”
“ฉันมันโง่มากใช่ไหม”
คนเป็นหมอนิ่งไปเมื่อโดนตั้งคำถาม “…ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“เพราะฉันพึ่งรู้เอาตอนนี้ว่าฉันอยากมีลูก…ฉันอยากมีลูกชายหลายๆคน”
เสียงสั่นที่เอ่ยความในใจทำเอาปุริมค้างไปห้าวิ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร คนฟูมฟายก็เริ่มพูดต่อ
“มันคงดีใช่ไหม ถ้ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเกิดมาหน้าตาคล้ายฉันหรือคล้ายคนที่ฉันรัก เขาคงจะรักฉัน ไม่ทิ้งฉันไปไหนเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เราคงได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทุกวันแม่ฉันก็จะได้ดอกมะลิที่ครูให้เขาทำในชั่วโมงเรียน”
“ปริม”
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่ด้วยซ้ำ แต่ปุณณ์ ตอนนี้ฉันอยากมีลูกแล้ว ละ…แล้ว แล้วฉันควรทำยังไงดี”
ตรีประดับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาโดยไม่คิดปิดบังมันอีกครั้ง เธอมองปุริมอย่างเว้าวอนและขอร้องให้เขาช่วยหาทางแก้ สุดท้ายเธอยกสองมือขึ้นปิดบังใบหน้า สะอื้นไห้กับความจริงที่ว่า…
ทุกอย่างมันสายเกินไป
“เดี๋ยวนะ” คนเป็นหมอที่พึ่งตั้งสติได้หยุดบรรยากาศดราม่าที่ตรีประดับเป็นคนก่อ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมดึงฝ่ามือบางออกจากใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้น
“ถ้าอยากมีลูกแกก็มีสิ...จะร้องไห้ทำไม”
ตรีประดับชะงักก่อนจะหันมองปุริมที่กำลังขมวดคิ้วมองเธอ สองมือของเขายื้อมือตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ปิดหน้าร้องไห้แบบเมื่อครู่ ทว่าตรีประดับผู้คิดว่าตนเองมีลูกไม่ได้กลับนั่งนิ่งไม่เข้าใจ รู้สึกเหมือนตนถูกของแข็งตีเข้าที่หัว จึงไม่สามารถเข้าใจและตรัสรู้อะไรง่ายๆเช่นกาลก่อน เป็นเหตุให้นายแพทย์ปุริมจำต้องเอื้อมมือมานวดขมับให้ นวดจูนสมองอยู่นานจนสติของเธอกลับมาดั่งเดิม
“เมื่อกี้ แกพูดว่าอะไรนะปุณณ์”
“…ฉันบอกว่า ถ้าอยากมีลูกแกก็มีสิ จะร้องแหกปากทำไม”
“ตะ แต่ฉันมีลูกไม่ได้ แกก็รู้นี้ เพื่อนแกตัดรังไข่ฉันไปแล้ว!”
หลังจากฟังคำกล่าวของหญิงสาว ปุริมก็เปลี่ยนจากนวดขมับอีกฝ่าย มานวดขมับให้ตัวเองแทน
“ปริม…เฮ้อ ฉันจะพูดยังไงกับแกดี ถามจริงนะ เรียนจบปริญญาตรีมาได้ยังไงเนี่ย”
“อะไรของแก!”
“ฟังนะ ร่างกายผู้หญิงมีรังไข่สองข้าง ถุงน้ำของแกมันเป็นที่รังไข่ข้างซ้าย หมอเขาเลยตัดรังไข่ข้างซ้ายแกทิ้งไป…เข้าใจหรือยัง”
“ถะ…ถ้างั้น”
ปุริมมองคนเก่งของบ้านที่ดูบ้าใบ้ไปเสียแล้วก่อนจะส่ายหัว และนั้นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า แท้จริงแล้วคนตรงหน้าไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย เป็นเพียงผู้หญิงโก๊ะๆคนหนึ่งที่มักจะโง่ในเรื่องที่ไม่สมควรจะโง่
“หมายความว่าในตัวแกยังเหลือรังไข่อีกข้าง เพราะงั้น…”
“…”
“แกยังมีลูกได้”
“กะ…กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!”
เสียงกรี๊ดลั่นที่ดังขึ้นในยามวิกาลทำให้นางพยาบาลซึ่งประจำการอยู่ในชั้นรีบรุดเข้ามาดู ครั้นเห็นนายแพทย์ของโรงพยาบาลเช่นปุริมกำลังกดหัวกดปากคนไข้ท่าทางสติแตกเอาไว้ พลางทำหน้าราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่าเขาเอาอยู่ สองนางพยายาลต่างไซส์ก็พยักหน้าพร้อมกันก่อนจะถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
ปุริมก้มมองคนที่ยังกรี๊ดทั้งที่เขาใช้มือปิดปากเอาไว้ “ถ้ายังไม่หยุดกรี๊ดฉันจะปิดจมูกแกด้วย”
“อื้อๆ”
ตรีประดับพยักหน้าเชื่อฟัง และในทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยปากและหัวของเธอให้เป็นอิสระ สองมือของฝ่ายหญิงก็รีบคว้ามือของปุริมเอาไว้ กุมขึ้นเสมออกอย่าขอร้องให้พูดอีกที
“แกพูดจริงเหรอ! ฉันยังมีลูกได้จริงๆใช่ไหมปุณณ์!”
“อืม”
“ถึงฉันจะถูกตัดรังไข่ไปข้างหนึ่ง แต่ฉันยังมีอีกข้างชัวร์ใช่ไหม!”
“อืม”
“เย่!” ตรีประดับทิ้งมือหมอ ก่อนชูมือทั้งสองข้างขึ้นพลางโห่ร้องดีใจ คราวนี้ต่อให้ปุริมคิดจะอุดปากเธออีกก็ไม่ทันแล้ว
“ฉันยังมีลูกได้!ยังมีลูกได้!!” ตรีประดับตะโกนพลางหลบเลี่ยงมือของปุรืมไปด้วย
“แต่เดี๋ยว! นี้ไม่ใช่เวลามาดีใจนะ!”
ปุริมที่ตั้งใจจะอุดปากหญิงสาวอีกครั้งเลิกคิ้วให้ความสนใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของตรีประดับ ท่าทีที่เริ่มขรึม สีหน้าที่เริ่มมีรอยคิดใคร่ครวญ ทำให้ชายหนุ่มรู้ในใจว่าคนตรงหน้ากำลังวางแผนอะไรอีกแล้ว
พวกหัวสมองไม่หยุดคิด
“จริงด้วยสินะ นี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมานั่งดีใจเลย ไม่ควรๆ”
“...อะไรอีก”
ตรีประดับเงยหน้ามองปุริม แต่สมองกลับคิดไปถึงเรื่องอื่น พักหนึ่งกว่าเธอจะยอมตอบคนรอฟัง
“จริงอยู่ที่ฉันยังมีลูกได้ แต่ใครจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้ฉันอาจซวย ถูกตัดมดลูกไปอีกข้างก็ได้!”
“โอกาสน้อยมากที่จะเกิดซ้ำกับข้างที่เหลือ”
“ใครจะรับประกันได้ล่ะ! ถึงได้ฉันก็ไม่เชื่อ! ฉันจะไม่ยอมเสี่ยงกับความดวงซวยของตัวเองอีกแล้ว!”
หญิงสาวสวนทันควันก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางตัวเอง เธอครุ่นคิดแล้วนิ่งนาน นึกย้อนถึงช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ที่เธอรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นกับการมีลูกไม่ได้!
เธอเคยรับรู้ความรู้สึกของการเป็นมาดามไร้รังไข่มาแล้ว การต้องใช้ชีวิตอย่างไร้ทายาท ไร้ลูกน้อยสืบทอดสมบัติและนามสกุลมันเป็นทุกข์เช่นไร เธอยอมรับว่าเสียใจ เสียใจที่ก่อนหน้านั้นเธอรู้ตัวช้า เธอบอกตัวเองว่าหากมีโอกาส หากย้อนเวลากลับไปได้ซักนิด ให้เธอแลกอะไรเธอก็ยอมทั้งนั้น! แต่วันนี้ตอนนี้โอกาสนั้นได้กลับมาหาเธอแล้ว เธอสามารถมีลูกได้อย่างคนปกติ แล้วเธอจะยอมเสียโอกาสนั้นไปเหรอ! จะกลับไปใช้ชีวิตไม่สนอะไรเหมือนที่ผ่านมาอีกงั้นเหรอ!
ไม่!
มี!
ทาง!
ตรีประดับเชิดหน้าขึ้นมองตอบนายแพทย์ปุริมที่ยืนกอดอกหลวมๆมองเธออยู่ข้างเตียง
“ฉันตัดสินใจแล้ว!”
“หืม”
“ฉันจะมีลูกให้เร็วที่สุด! มีก่อนที่รังไข่ของฉัน! จะถูกเพื่อนของแกตัดไปอีกข้างหนึ่ง!”
------------------------------
ฝากเพจด้วยจ้า จะแจ้งอัพนิยาย + ลง NC ในนั้นน้า คลิ๊ก! >> เพจเฌอมา <<
ฝากเพจด้วยจ้า
__________________________________________________________________________________________________________________________________________
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจิตนาการและความคิดของผู้แต่งเท่านั้น ทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง สถานที่ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสเนื้อหาของนิยายให้มีความน่าสนใจขึ้นเท่านั้น ผู้อ่านที่รักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งใน นิยายไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด
[ สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สมาคมนักเขียน ]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รู้สึกเครียดเลยค่ะ
หมอ
ถามพ่อของลูกยังว่าโอเคไหม