ตอนที่ 8 : Chapter 8 : ความเปลี่ยนแปลง (100%)
**มีคำผิดช่วยเตือนด้วยน้าาา**
โอ้ยรีดไม่ค่อยเม้น ไม่มีแรงแต่งนิยายเลออออออ หึหึ
หมอปุณณ์ไงจะใครล่ะ
บทที่ 8 ความซวยเด้งที่ห้า
นายแพทย์นิธิชัยและแพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์กนกวลีเดินมาถึงยังห้องฉุกเฉิน แต่ทั้งสองกลับเห็นเพียงเตียงผู้ป่วยของเคสที่จำเป็นต้องทำการรักษาถูกม่านกั้นเตียงรูดปิดจนสนิทแน่นเอาไว้ ธินิชัยซึ่งเป็นคนไปตามอีกหมอมาจึงรีบร้องเรียกเพื่อนของเขา ซึ่งชายหนุ่มเดาว่าคงกำลังทำการตรวจร่างกายคราวๆให้แก่คนที่พามาด้วยอยู่ด้านใน
“ปุณณ์ ฉันพาหมอสูมาละ”
นิธิชัยเอ่ยก่อนจะยืนนิ่ง ใจอยากเปิดม่านเข้าไปซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็กลัวคนข้างในทำธุระกันอยู่
บางทีเจ้าสองคนนั้นอาจกำลังช่วยกันถักเปียล่าง…
ทว่าคนคิดพิเรนทร์จำต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น เมื่อนายแพทย์ปุริมรูดม่านกั้นแล้วเดินก้าวออกมา ชายหนุ่มกวาดตามองและยิ้มทักทายแพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์กนกวลีหรือคุณหญิงก้อย เพื่อนร่วมคณะที่กำลังยืนยิ้มแต้รออยู่
“ทำไมแกถึงไปตามหมอสูคนนี้มาหะนนท์ ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ควรใช้งานคนกำลังท้อง”
คุณหญิงก้อยหัวเราะก่อนจะยกมือลูบหน้าท้องตัวเองที่ยังอ่อนอายุครรถ์นัก “พอเลยปุณณ์ คนท้องทำงานไม่ได้หรือไง” หญิงสาวว่าก่อนจะชะเง้อมองเข้าไปหลังม่านกั้นเตียง “อีกอย่างนนท์บอกว่าต้องเป็นหมอสูผู้หญิงเท่านั้น เพราะเคสนี้ปุณณ์คงไม่ยอมให้หมอผู้ชายมาตรวจ”
ปุริมเลิกคิ้วมองนิธิชัย จนอีกฝ่ายเบิกตากว้างแล้วเอียงหน้าเข้ามากระซิบ “ฉันรู้ว่าฉันเดาถูก”
“เรื่อง”
“ก็เรื่องที่แกกับยัยปีศาจบนเตียงนั้นมีซัมติงกันไง”
ปุริมไม่ตอบหรือยอมรับอะไร เขาหันกลับไปมองที่คุณหญิงก้อย ในตาที่มักนิ่งสงบอยู่เสมอปรากฏแววขอร้อง “ฝากด้วยนะก้อย”
คุณหญิงก้อยพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังม่านกั่นเตียง ทิ้งให้สองหนุ่มยืนรออยู่ด้านนอก ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการรักษาได้
ปุริมถอนหายใจ เขาไม่คิดเดินไปไหนเพราะใจยังกังวลต่ออาการป่วยของตรีประดับ ซึ่งคนเป็นแพทย์เช่นเขาดูรู้ว่าไม่ธรรมดาเลย
“เฮ้ยใจเย็น ยัยปีศาจนั้นคงไม่เป็นอะไรหรอก ฤทธิ์เยอะออกขนาดนั้น”
นิธิชัยกล่าวก่อนจะตบไหล่ปลอบหัวใจเพื่อน ปุริมเหลือบตามอง ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แพทย์ ไม่ไกลจากบริเวณนั้น
“ตกลงยัยนั้นคือใครวะ”
“ปริม”
“หื้ม ยัยนั้นคือแฟนคนแรกสมัยวัยใสของแกน่ะเหรอ”
“ปริมคือแฟนคนเดียว”
“ตายๆไอ้ปุณณ์ รสนิยมแกนิโคตรตระห่วย ดูไม่ออกรึว่าแม่นั้นน่ากลัวแค่ไหน คบกันไปแกอาจโดนปาดคอตายโดยไม่รู้ตัว!”
“อืม”
นิธิชัยมองคนตอบหน้าตายอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนบทสนทนาจะหยุดลง เมื่อม่านกั่นเตียงที่คุณหญิงก้อยหายเข้าไปถูกเลิกออกอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก้อย”
ปุริมร้องเรียกสูตินารีแพยท์ที่พอก้าวออกจากหลังม่านกั่นได้ก็ทำท่าจะวิ่งไปอีกทาง
“แย่แล้ว! เราต้องเตรียมห้องผ่าตัดเดี๋ยวนี้! พยาบาลค่ะ ขอใบยินยอมรับการผ่าตัด แล้วก็แจ้งห้องผ่าตัดรับเคสด่วนทีค่ะ!”
สิ้นเสียงแพทย์หญิงกนกวลี ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ยืนขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ โดยเฉพาะปุริมที่ร้องถามอย่างตระหนก ไม่อาจรักษาอารมณ์ทางสีหน้าเอาไว้ได้
“ปริมเป็นอะไรก้อย”
“เดี๋ยวค่อยอธิบาย นนท์ โทรเรียกพี่ทศให้เราที ด่วนเลยนะ เร็วสิ!!”
“ปุณณ์ฉันเป็นอะไร! แล้วทำไมเราต้องรีบไปห้องผ่าตัดด้วย!”
ตรีประดับร้องถามขณะถูกบุรุษพยาบาลเข็นเตียงไปตามทางสู่ห้องผ่าตัด มือบางของเธอกุมแน่นอย่างเจ็บปวดไปบนมือร้อนแข็งแรงของปุริม ชายหนุ่มซึ่งวิ่งอยู่ข้างๆเตียงเธอมาตั้งแต่ออกจากห้องฉุกเฉิน
ปุริมมองสบตาหม่อมราชวงศ์กนกวลีที่ร่วมทางมาด้วย และโดยไม่ต้องถาม อีกฝ่ายก็รู้ในทันทีว่าเพื่อนหมอต้องการอะไร
“Rupture ovarian cyst”
เพียงแค่นั้นชายหนุ่มที่เป็นหมอเหมือนกันก็เข้าใจทุกอย่าง “ถุงน้ำรังไข่แตก”
“ใช่” คุณหญิงก้อยกล่าวก่อนจะก้มมองตรีประดับที่ยังส่งสายตาไม่รู้ไปทั่วอย่างต้องการคำตอบ “แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ พี่ทศเป็นหมอสูติที่เก่งมาก คุณจะปลอดภัยและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างเดิม”
ตรีประดับมองตอบใบหน้าใจดีที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงของหมอสูติ ทว่าเธอกลับไม่เชื่อคำพูดนั้น จึงหันไปมองใบหน้าของปุริม และเห็นว่าเขากำลังกัดฟันจนกรามซีกซ้ายขึ้นเป็นสัน
“มันคือโรคอะไรปุณณ์ ร้ายแรงถึงขนาดต้องรีบผ่าตัดเลยเหรอ”
ปุริมยอมสบตาตรีประดับในที่สุด เขาพูดเสียงเรียบ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“Rupture ovarian cyst หรือ ถุงน้ำรังไข่แตก เป็นถุงน้ำที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ ปกติมันจะโตแล้วยุบหายไปตามรอบเดือน แต่ในกรณีของแก นอกจากมันจะไม่ยุบ มันยังแตกออกอีกด้วย”
ตรีประดับค้างไปชั่วขณะกับคำอธิบายที่ได้ฟัง แต่เพราะคำว่าซีสต์ รังไข่ และสถานะการณ์ที่ดูเข้าขั้นวิกิต หญิงสาวจึงพอเดาได้ว่าโรคที่เป็นคงไม่ใช่ธรรมดาๆ
“แล้ว...จะต้องรักษายังไง”
ปุริมบีบมือของคนเสียงสั่นแน่นขึ้น เขาอยากที่จะส่งกำลังใจให้หญิงสาว ทว่าจะส่งออกไปอย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองยังรู้สึกถึงความน่ากลัวที่อาจจะเกิดขึ้น
“แพทย์จะผ่าตัดเอามันออก แต่ถ้าเป็นหนัก…ก็จำเป็นต้องตัดรังไข่ทิ้งเพื่อทำการรักษา”
“ตัดทิ้ง…” หญิงสาวกล่าวซ้ำเสียงแผ่ว “ถ้าตัดรังไข่ทิ้ง…งั้นฉันก็มีลูกไม่ได้สิ”
ไม่ทันที่จะมีใครตอบ เตียงโรงบาลก็มาถึงห้องผ่าตัดที่ถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน หม่อมราชวงศ์กนกวลีรั้งแขนของปุริมเอาไว้ไม่ให้เดินตามเข้าไปทางด้านในพร้อมกับเตียงผู้ป่วย
“ปุณณ์ ฮึก ฉันจะมีลูกไม่ได้งั้นเหรอ ปุณณ์!”
ปุริมมองประตูห้องผ่าตัดที่ถูกปิดลง เขาหันกลับมาที่หม่อมราชวงศ์กนกวลีด้วยความร้อนใจ
“ปริมเป็นหนักมากเลยเหรอก้อย”
“ถุงน้ำน่าจะแตกออกแล้วคนป่วยเลยทรมานขนาดนั้น” คุณหญิงก้อยกล่าว “แต่ยังไงเราก็ต้องรีบทำการผ่าตัดเพื่อเลาะถุงน้ำนั้นออก ถ้าเลาะยาก หรือมีพังผืดเกาะ ก็จำเป็นต้องตัดรังไข่ทิ้ง”
หมอปุณณ์ไม่ออกความเห็นสำหรับประโยคเหล่านั้น เขาสบตาแพทย์สูติตรงหน้าก่อนจะพูดขอร้อง “…ฝากปริมด้วยนะก้อย”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“อื้อ…”
การผ่าตัดกินเวลากว่าสามชั่วโมง ระหว่างนั้นนายแพทย์ปุริมจึงจัดการเดินเรื่องติดต่อห้องพิเศษและโทรไปแจ้งข่าวกับที่บ้าน หลังทราบข่าวว่าตรีประดับจำเป็นต้องรับการผ่าตัดโดยด่วน แม่ของเขาร้องไห้จ้า ทว่าคนที่ดูน่าเป็นห่วงที่สุดคือลุงผกายฤทธิ์พ่อของตรีประดับ เพราะรายนั้นนอกจากจะไม่ร้องจะไม่พูด จะไม่แสดงท่าทีใดๆแล้ว ยังขับรถทะยานออกจากบ้านก่อนใคร ซึ่งเขาเป็นห่วงด้านอุบัติเหตุ แต่ก็เชื่อว่าฟ้าคงไม่ใจร้ายกับตรีประดับมากไปกว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนี้แล้ว
ปุริมคิดขณะที่นัยน์ตาคู่คมยังจ้องมองอย่างรอคอยไปยังประตูห้องผ่าตัด ภายในใจของเขาภาวนาให้หญิงสาวปลอดภัยและไม่ต้องสูญเสียสิ่งใดไปทั้งนั้น ทว่าเพราะร่ำเรียนแพทย์มา และเห็นอาการของเธอมาตั้งแต่ต้น
เขาพบว่าบางทีคำภาวนาของเขาอาจช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย
‘แกร๊ก’
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกพร้อมกับร่างของนายแพทย์ทศพลและแพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์กนกวลีที่ก้าวออกมา ปุริมยกมือไหว้แพทย์รุ่นพี่ก่อนอีกฝ่ายจะรับไหว้ตอบ
“ปริมเป็นยังไงบ้างพี่ทศ”
เขาถามทันทีไม่มีรีรอ ทว่าทศพลผู้เป็นนายแพทย์ใหญ่กลับหันไปมองคุณหญิงก้อยแทน
ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปที่หญิงสาว ขณะที่อีกฝ่ายถอด mask ออกพร้อมกับยื่นใบยินยอมรับการผ่าตัดที่มีลายเซ็นของตรีประดับปรากฏอยู่มาให้
“เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ ปุณณ์”
สัมผัสแรกที่ตรีประดับรู้สึกคือความมึนและชาที่กระจายไปทั่วร่าง หญิงสาวเหลือบตาขึ้นลงก่อนจะพลิกใบหน้าไปมาอย่างสะลึมสะลือ เสียงเข็นเตียงโรงพยาบาลดังขึ้นข้างหู เธอรู้สึกว่าตนเองถูกยกจากอีกเตียงไปสู่อีกเตียง ก่อนนัยน์ตาปรือจะพยายามมองภาพรางเลือนที่จำแนกไม่ออกว่าคืออะไร ทว่าเธอกลับได้ยินเสียงเรียกแสนคุ้นหูของใครบางคน เสียงเรียกที่มาพร้อมฝ่ามืออบอุ่นยืนมากอบกุมมือเธอเอาไว้
“ปริม”
ใบหน้าซีดเซียวพยักหน้าน้อยๆให้คนเรียกขาน เธอเดาได้ว่าเสียงนั้นคือปุริมแต่สองตากลับมองไม่เห็นเขา สุดท้ายเธอพ่ายแพ้ให้แกยาสลบที่ยังคงออกฤทธิ์อยู่ หลับลึกลงราวกับร่างกายที่แสนบอบช้ำกำลังต้องการให้เธอได้พัก
พัก เพื่อตื่นขึ้นมาพบกับความจริงว่าเธอได้สูญเสียสิ่งมีค่าบางสิ่งไป
เนินนานกว่าที่ยานอนหลับจะหมดฤทธิ์ ในที่สุดตรีประดับก็รู้สึกตัวอีกครั้ง เปลือกตาสีอ่อนที่คลายความหนักอึ้งลงไปมากค่อยๆกระพริบตื่น ก่อนจะเผยนัยน์ตากลมโตแสนอ่อนล้าที่กวาดมองไปรอบห้อง หญิงสาวค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผ่านมา จำได้ว่าตนเองปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และในทันทีที่หญิงสาวลองขยับด้วย พลันนั้นความเจ็บแปลบก็เสียดแทงสู่ร่างกายเป็นหลักฐานยืนยันว่าสิงที่เกิดขึ้นเป็นความจริง
“โอ๊ย”
เสียงครางอันอ่อนแรงของคนบนเตียงเรียกให้ร่างสูงโปรงของปุริมซึ่งกำลังก้าวออกจากห้องน้ำรีบเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มจับแขนคนตัวบางให้นอนราบลงก่อนจะตำหนิเสียงนิ่ง
“อย่าพึ่งลุก”
ตรีประดับทิ้งศีรษะลงบนหมอนอย่างเชื่อฟังก่อนจะผ่อนลมหายใจ หน้าผากเนียนผุดเม็ดเหงื่อเพราะความเจ็บปวดซึ่งเกิดจากการรีบลุกกะทันหัน แต่ยังไม่ทันที่คนเป็นหมอจะช่วยซับมันให้ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างของร็อครุ่นใหญ่ที่เดินดิ่งเข้ามา
“ปริม”
ผกายฤทธิ์ร้องเรียกบุตรสาวซึ่งเมื่อช่วงเช้ายังปกติดีอยู่แท้ๆ แต่บัดนี้กลับนอนสิ้นเรียวแรงอยู่บนเตียงโรงพยาบาล บนแขนถูกเจาะน้ำเกลือ ใบหน้าก็ซีดเผือดจนมองไม่เห็นสีระเรื่ออย่างที่ควรจะเป็น ความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดที่ปรากฏบนใบหน้า ทำเอาคนเป็นพ่อนึกโทษตัวเองในใจ
“ไอ้หนูของพ่อ…”
ฝ่ามือใหญ่ยกลูบศีรษะเล็กของตรีประดับ น้ำตาเคลือบไปทั่วทว่าคนเป็นพ่อกลับกลั่นไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ตรีประดับมองท่าทีของบิดาก่อนจะยกยิ้ม มือเรียวเอื้อมกุมมืออีกฝ่าย แม้จะเจ็บตัว จะรู้สึกอ่อนเพลียแทบตาย เธอก็ตัดสินใจจะไม่แสดงออกไปให้บิดาเป็นห่วง
“อาการปริมเป็นยังไงบ้าง”
ผกายฤทธิ์ได้เห็นรอยยิ้มบุตรสาวก็ค่อยเบาใจ เขาเอ่ยถามก่อนจะหันไปเอาความจากปุริมซึ่งยืนจ้องใบหน้าตรีประดับไม่ยอมพูดจาคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่
ปุริมเดินเข้ามาชิดเตียงโรงพยาบาลเมื่อบิดาของตรีประดับหันมาเอ่ยกับเขา เขาสบตาหญิงสาวประเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่ทุกคนค้างคา
“หมอไม่สามารถเลาะถุงน้ำที่แตกออกมาได้ จึงจำเป็นต้องตัดรังไข่ข้างซ้ายทิ้งไปครับ”
ผกายฤทธิ์นิ่งงันโดยที่สายตายังจ้องมองที่ดวงหน้าของบุตรสาว ความสงสารฉายชัดออกมา ทว่าเจ้าตัวที่นอนราบอยู่กลับไม่แสดงท่าทีใดๆทั้งสิ้น ทว่าหากสังเกตุดีๆจะเห็นว่ามือบางอีกข้างกำลังกำชายผ้าห่มแน่นจนสั่นเทา
“แผลผ่าตัดใหญ่มากหรือเปล่า”
บิดาของคนป่วยถามต่อราวกับการที่บุตรสาวต้องเสียอวัยวะสำคัญไปไม่ได้ทำให้เขาสนใจไปกว่าอาการเจ็บป่วยจากบาดแผลบนร่างกาย
“ไม่ถึงห้าเซ็นครับ”
ผกายฤทธิ์พยักหน้าก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ในขณะที่ตรีประดับนอนนิ่งฟังไม่พูดไม่จาไม่ถามอะไรเพิ่มเติม และการที่หญิงสาวไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือไม่แสดงอาการณ์ตกใจอะไร ทำให้ปุริมเลือกที่จะไม่อธิบายต่อว่าถึงแม้จะถูกตัดรังไข่ไปแล้วหนึ่งข้าง มันก็ยังเหลืออีกข้างที่จะทำหน้าที่เหมือนเดิม
ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องพิเศษเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ผู้ปรากฏตัวคือไกรราชและอรุนรำไพ พ่อและแม่ของปุริม
“ปริม ปริมของป้า!”
อรุนรำไพเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาถึงตัวตรีประดับ ฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออันเกิดจากความเครียดตลอดการเดินทางมาโรงพยาบาลกอบกุมมือน้อยของตรีประดับเอาไว้ “ป้าตกใจแทบแย่ โธ่ปริมเอ้ย”
ไกราสเดินมาถึงขอบเตียงพร้อมรอยยิ้มอ่อน คนเป็นนักธุรกิจซึ่งปกติจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาส่งกระเช้าผลไม้ให้บุตรชายเช่นปุริมรับไปเก็บ ขณะทักทายและหันมายิ้มให้ตรีประดับที่นอนเงียบเดาอารมณ์ไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างปริม”
หญิงสาวไม่ได้ตอบรับคำถามในทันที แต่ใช้เวลาครู่นึ่งกว่าจะเงยหน้ามองแล้วยิ้มตอบ
“เจ็บแค่นี้…ปริมสบายมากค่ะลุงราช”
ทว่าคนที่คอยสังเกตตรีประดับมาตั้งแต่เด็กเช่นปุริมกลับมองท่าทีแปลกตานั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง เพียงแต่เขาคิดว่า หญิงสาวอาจยังมึนยาสลบอยู่ จึงดูเซื่องซึมไม่สดใสร่าเริงเช่นปกติ
--------------------------------------
สะหวัดลีทุกๆคน วันนี้ดูอัพน้อยอัพช้า เพราะกำลังจัดกระป๋าแหละแกร้ วันที่ 29 ไรท์จะบินไปต่างประเทศ กลับก็หลังปีให่ไปแล้ว แต่ยังคงอัพนิยายอยู่นะคะ ยังไงใครไม่ได้ออกไปไหนมารออ่านมาดามคานทองกันได้เลย สำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ไรท์ตั้งใจให้หมอเอารังไข่มาดามเราไป เพราะนางจำเป็นต้องตระหนักว่า อีกข้างที่เหลือมันจะหายไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เพราะงั้นฉันต้องรีบมีสะมี๊และมีลูกก่อนจะสายเกินปายยยยย
เอาล้าวๆๆๆ ความเผ็ด ความแซ่บ ความฮ่าจิเริ่มจากตรงนั้นต่างหาก ยังไงฝากเป้นกำลังใจให้ด้วย นิยายเฌอมานางเอกบ้าบอแบบนี้หมดนะ จะมีก็แต่เจ้าเอยกับคุณหญิงก้อยอะเน้อที่ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขา ยังไงฝากเอ็นดูคนเอาแต่ใจอย่างมาดามด้วย
แต่ถ้าใครไม่ชอบรสนี้ แนะนำให้ไปต่อแถวรอ >> เถารัก << ได้เลยจ้า ไม่นานจะได้อ่านเน้อ รักๆ
เฌอมา
*ขอบคุณหมอเมและพี่หมอวี่ผู้ให้ข้อมูล และบก.ที่หาหมอๆ มาให้ถาม 555
ฝากเพจด้วยจ้า จะแจ้งอัพนิยาย + ลง NC ในนั้นน้า คลิ๊ก! >> เพจเฌอมา <<
ผลงานของเฌอมา
ฝากเพจด้วยจ้า
__________________________________________________________________________________________________________________________________________
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจิตนาการและความคิดของผู้แต่งเท่านั้น ทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง สถานที่ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสเนื้อหาของนิยายให้มีความน่าสนใจขึ้นเท่านั้น ผู้อ่านที่รักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งใน นิยายไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด
[ สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สมาคมนักเขียน ]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกจนวางไม่ลงเลยค่ะ
ชอบมากกกก
ไม่ใช่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อันนี้ภายในถุงจะไม่ใช่น้ำ แต่เป็นเลือดเรียกว่าโรค endometriosis หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า chocolate cyst ซึ่งเยื่อบุโพรงมดลูกนี้ มีโอกาสเกิดที่รังไข่ก็ได้ค่ะ อาจทำให้มีอาการคล้ายกันได้ หากเกิดการแตกขึ้นมา แต่ความจริงแล้วมันเป็นคนละโรคกันนะคะ
หน้าบ้าน
น่าอิจฉา
เนรมิต
วิกฤติ
พ่อปริมรีบมา แต่ยังมาถึงหลังผ่าเสร็จอีกเหรอคะ
มีคำผิดเน้อ ตรงที่ มีซัมติงรองอ่ะ จะมีคำว่า "กับ" เราว่าเป็น "กัน" ป่าว
??love u
สงสารมาดามอ่ะ
อ่อนอายุครรภ์ เป็น อายุครรภ์ยังอ่อน
อ่อนอายุครรภ์ เป็น อายุครรภ์ยังอ่อน