ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #190 : เส้นขนานระหว่างสองบุรุษ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 592
      41
      26 พ.ค. 63

    ตอนที่ 190 เส้นขนานระหว่างสองบุรุษ




         หน้าตำหนักเซจาพิน หมอหญิงสองคนในชุดยอนจีกำลังเดินขึ้นมาจากตำหนักพระชายาอย่างช้าๆ เพื่อประคองไม่ให้ยาในถ้วยที่ถือมากระฉอกหก ซอฮยอนซึ่งกำลังเดินขึ้นมาอีกด้านหนึ่งพอดีจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย

         "ทำไมจึงมาถวายโอสถอีกชุดเล่า ไม่ได้ถวายชุดเดียวหรือ"

         หมอหญิงมองหน้ากันพลางทำท่าลำบากใจ

         "มีอะไรหรือ บอกข้าได้นะ" หญิงสาวกล่าวเสียงเบา

         "คือ..." หมอหญิงที่ดูจะอาวุโสกว่าพูดออกมา "พระชายาเหมือนกับจะไม่ยอมรับการรักษาใดๆ เลยเพคะ ให้โอสถก็ไม่รับ ข้าจึงพยายามเปลี่ยนสูตรยาเพราะคิดว่าพระนางอาจไม่ชอบกลิ่นยาที่ทำถวาย"

         "อะไรกัน ทำไมจู่ๆ พระนางถึงไม่โปรดกลิ่นยา ตัวยาที่ขมคอกว่านี้ก็เคยเสวยมิใช่หรือ แน่ใจรึว่าที่ไม่ทรงเสวยเกิดจากตัวยา ไม่ใช่ว่ามีใครทำไปอะไรให้พระนางไม่พอพระทัยนะ" ซอฮยอนสงสัย

         "ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ ไหนเลยจะกล้า" 

         หมอหญิงอีกคนทำท่ายุกยิกคล้ายจะพูดอะไร ซอฮยอนไม่พลาดอาการอันน่าสงสัยนี้ นางหันไปถามทันที

         "เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ"

         "คือว่า..."

         "เงียบนะ! ข้าบอกเจ้าไว้ว่าอย่างไรเรื่องนี้ ห้ามพูดจาส่งเดชเด็ดขาด" หมอหญิงอาวุโสหันมาตวาด หมอหญิงวัยสาวก้มหน้าลงทันที 

         "มีอะไรก็บอกข้ามาเถิด เวลาแบบนี้มันไม่ควรมาปิดบังกันรึเปล่า" ซอฮยอนพูดตรงๆ

         "คือนางเพ้อเจ้อน่ะเจ้าค่ะ เป็นหมอหญิงไม่ควรพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าถ้ายังไม่ได้ตรวจโรคอย่างละเอียด จะมาสันนิษฐานเลื่อนลอยได้อย่างไรกัน"

         "ข้าไม่ใช่ท่านหมอใหญ่" ซอฮยอนเอ่ย "พวกเจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ฉะนั้นบอกมาเถิดว่ามีข้อสงสัยอันใดที่ทำให้พระนางไม่เสวยโอสถ เผื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา"

         หมอหญิงผู้อ่อนวัยเหลือบมองนายของตนอยู่แวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า "ข้าคิดว่าที่พระชายาเซจีไม่ยอมเสวยโอสถเพราะเรื่องที่สกุลคิมโดนกวาดล้างเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!" ซอฮยอนตกใจ "แล้วพระชายาจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร พระองค์อยู่ในตำหนักตลอดไม่ได้---" จู่ๆ หญิงสาวก็หยุดพูดกะทันหัน จริงอยู่ที่พระนางเซจีไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนไปเข้าเฝ้าเพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พระนางรับรู้ และหนึ่งในนั้นต้องเป็นคิมซังกุง ช่วงเวลาที่นางก่อเหตุอาจจะเข้ามาที่นี่เพื่อเล่าเรื่องที่ตัวเองทำลงไปให้หลานสาวฟัง

         ต้องใช่แน่ๆ ซอฮยอนคิดในใจ เพราะเมื่ออยู่ๆ คิมซังกุงหายตัวไปหลังจากมาบอกว่าตนเองได้ทำการใหญ่ สำหรับพระชายาเซจีคงวิตกกังวลมากแน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร แต่อย่างไรเสียก็เป็นสายเลือดเดียวกัน

         หลังจากหมอหญิงทั้งสองคนก้มศีรษะและเดินเข้าไปในตำหนัก ซอฮยอนก็รีบวิ่งลงจากบันไดและมุ่งไปที่ตำหนักตงกุงทันที ในใจนางคิดว่าเวลานี้ยังไม่ควรอย่างยิ่งที่จะบอกทุกอย่างให้พระชายาฟัง เพราะอาการอาจจะทรุดหนักลงไปอีก วิธีเดียวคือยื้อเวลาไปก่อน แต่จะยื้อได้นานแค่ไหนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะคิมซังกุงเองก็รอดจากโทษประหารได้ยากมาก

         









         นางกำนัลยอนบีเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบเรือนพักนางในอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่านางในกลุ่มสุดท้ายเดินหัวร่อต่อกระซิกกันไปอาบน้ำแล้ว หญิงสาวก็รีบเลื่อนบานประตูห้องหนึ่งออกอย่างไวและผลุบกายเข้าไปพลางปิดประตูดังเดิม

         ในห้องปรากฏซงฮวันนั่งอยู่ ใบหน้านางว่างเปล่าอย่างประหลาด ดูเหมือนจะไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าน้องสาวตัวเองเพิ่งเข้ามาในห้อง ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่ผนังรางกับคนไร้วิญญาณ

         "พี่ใหญ่!" ยอนบีทักก่อนจะนั่งลงตรงหน้า "ทำไมถึงเงียบไปเจ้าคะ ข้าพยายามจะมาพบพี่ก็ไม่ยอมให้พบ เก็บตัวอยู่แต่ในนี้ตั้งแต่เกิดเรื่อง นี่มันอะไรกันแน่เจ้าคะ"

         ซงฮวันหลับตาแต่ไม่ตอบอะไร

         "พี่ใหญ่!" น้องสาวร้องออกมาอย่างเหลืออด "มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ นี่เป็นเวลาที่เราควรจะดีใจไม่ใช่หรือเจ้าคะ"

         เงามฤตยูฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าซงฮวันอยู่แวบหนึ่งเมื่อได้ยินคำนั้น ดวงตาแข็งกร้าวหันมาสบตาน้องสาวตรงๆ

         "ดีใจหรือ เจ้าคิดว่าข้าควรดีใจอย่างนั้นรึ" นางถาม

         "ก็..." ยอนบีทำหน้าสับสน "เราทั้งคู่แค้นสกุลคิมกันมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ โดยเฉพาะคิมซังกุง ตอนนี้นางกำลังรอความตายอยู่ที่คุกหลวง จะมีเวลาไหนที่ควรจะยินดีได้เท่าเวลานี้อีกเล่าเจ้าคะ"

         "เจ้านี่โง่ดักดานนัก สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้น่ายินดีสักนิด เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ" ซงฮวันกระซิบผ่านไรฟัน

         "ข้าไม่เข้าใจ ก็ท่านเป็นยุคิมซังกุงให้ทำแบบนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ"

         "แต่มันไม่ได้เป็นไปตามแผน" พี่สาวตะคอก "จริง ใช่ ข้าเป็นคนยุนางให้ทำการใหญ่ แต่ที่คาดหวังไว้คือจะให้นางโค่นล้มพระมเหสีให้ได้และขึ้นเป็นใหญ่ในฝ่ายในโดยใช้อิทธิพลของตระกูลคุมองค์รัชทายาทอีกที เพราะแผนของข้าคือต้องการกำจัดพระมเหสีและซอฮยอนให้พ้นทาง"

         ยอนบีคิดตามช้าๆ ส่วนซงฮวันก็พูดต่อไป

         "คิมซังกุงจะต้องอยู่ในอำนาจต่อไปเพราะนางจะช่วยหนุนให้ข้าเป็นสนมได้ในที่สุด แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับพลิกผันเพราะซอฮยอน นางชนะได้อย่างไรกัน ข้าไม่เข้าใจ ชนะคิมซังกุงพอเข้าใจ แต่ชนะใต้เท้าคิมด้วยนี่มันเป็นไปได้หรือ"

         "ข้าเองก็พิศวงในผู้หญิงคนนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ ในหมู่นางกำนัลดูเหมือนซอฮยอนจะเป็นที่ชื่นชอบที่สุด ทุกคนอยากเป็นแบบนาง ยิ่งเรื่องที่เพิ่งจบไปก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงนางกระฉ่อน การพบเจอห้องลับในตำหนักใหญ่ทำเอาข้าตะลึงไปเลยเจ้าค่ะ" ยอนบีกล่าวออกมาด้วยความทึ่ง

         ซงฮวันกำหมัดแน่นและเอ่ยต่อไป

         "ข้าเองเกลียดคิมซังกุงยิ่งกว่าอะไร อยากสังหารนางใจจะขาด แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา และคนที่จะฆ่านางต้องเป็นข้าเพียงคนเดียว นางจะมาตายสบายแบบนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมดเพราะซอฮยอน แล้วเวลานี้สกุลคิมทั้งแผ่นดินกำลังถูกลากไปลานไต่สวนเพื่อสำเร็จโทษกันทั้งหมด หากฝ่าบาทสืบสาวราวเรื่องมาเรื่อยๆ ข้าเองที่ติดตามรับใช้คิมซังกุงตั้งแต่เข้าวังมาจะไม่ถูกเพ่งเล็งไปด้วยหรือ ทีนี้เจ้ายังจะยินดีอยู่รึไม่ ยอนบี"

         นางกำนัลผู้เป็นน้องสาวชะงักไป ในที่สุดก็เข้าใจเหตุผลของพี่สาวตนเอง

         "แล้ว... แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ท่านจะหนีไปตอนนี้เลยรึไม่"

         "หนีหรือ" ซงฮวันขึ้นเสียง "ไม่ ข้าจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น มาถึงขนาดนี้แล้วข้าไม่ยอมแพ้หรอกน่า ที่สำคัญ ข้ามั่นใจว่าสกุลคิมจะไม่ยอมล่มสลายไปจากแผ่นดินโชซอนง่ายๆ เจ้าคอยดูก็แล้วกัน"

         ยอนบีเอียงหัวไปมา นางพยายามขบคิดว่าสิ่งที่พี่สาวตนพูดนั้นหมายถึงอะไร สกุลคิมโดนหนักขนาดนี้โอกาสรอดมันไม่น่าจะมีเหลือแล้ว ทำไมจึงยังคิดว่ายังมีทางรอดอยู่ หญิงสาวสงสัยแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะอย่างน้อยซงฮวันก็ผ่านโลกมามากกว่าตน นางอาจจะเล็งเห็นอะไรเข้าก็เป็นได้











         หน้าคุกหลวงของฝ่ายชาย ซอฮยอนกำลังยืนอยู่ที่ป้อมทหารยามเพื่อถามหาอาลักษณ์คิมจีมุน เมื่อผู้คุมชี้เข้าไปด้านในหญิงสาวก็ก้มศีรษะคำนับก่อนจะเดินเข้าเขตคุกหลวงอย่างสำรวมเพราะเป็นอาณาบริเวณที่เข้มงวดมากในช่วงเวลานี้

         เมื่อนางเลี้ยวโค้งหักศอกที่จะนำไปสู่หน้าเรือนจำของผู้ชาย ก็เห็นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์สีดำลายมังกรกำลังยืนกับคิมจีมุน ทั้งคู่คุยอะไรบางอย่างที่หญิงสาวไม่ได้ยิน ซอฮยอนมองชายทั้งคู่สลับกันไปมาด้วยความแปลกใจ

        นางขอร้องให้ใต้เท้าซินบิดาเป็นคนปล่อยตัวคิมจีมุนไม่ใช่หรือ ทำไมจึงกลายเป็นองค์รัชทายาทไปได้เล่า... หญิงสาวคิดในใจ

         องค์รัชทายาทหันมาเห็นซอฮยอนพอดี เชื้อพระวงศ์หนุ่มหยุดพูดกับอาลักษณ์คิมกะทันหันพลางทำสีหน้าเป็นเชิงถาม หญิงสาวเดินเข้าไปช้าๆ ก่อนจะถวายการคำนับ

         "เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ" 

         "คือหม่อมฉัน..." ซอฮยอนอึกอัก "ได้ยินว่าใต้เท้าคิมจีมุนถูกจับ เลยมาเยี่ยมที่คุกหลวงเพคะ" แต่ทว่าความจริงไม่ใช่เลยสักนิด นางรู้อยู่แล้วว่าคิมจีมุนจะถูกปล่อยตัววันนี้ แต่ที่มานี่คือจะมาขอให้อาลักษณ์หนุ่มไปช่วยพูดกับพระชายาเซจีเพื่อที่พระนางจะได้สบายใจขึ้นต่างหาก

         "เจ้าห่วงข้าขนาดนี้เชียวหรือ" คิมจีมุนร้องขึ้น "แน่ล่ะ ความผูกพันของเราแน่นแฟ้นนัก ไม่แปลกที่เจ้าจะห่วงข้าขนาดนี้ ข้าไม่เป็นไรหรอกแม่นาง"

         ซอฮยอนทำสีหน้าเหลอหลา นางจ้องคิมจีมุนเขม็งราวกับจะบอกว่าพูดบ้าบออะไรออกมา แต่ชายหนุ่มดูเหมือนจะสนุกสนานเสียมากกว่า

         "แม่นางซอฮยอนไม่ต้องมารับข้าหรอก ข้ามิได้เป็นอะไรมาก เจ้าเล่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่าคราวนี้สร้างผลงานใหญ่เลยใช่รึไม่ ช่างเก่งจริงๆ รูปงามอย่างเดียวไม่พอ ยังฉลาดอีกต่างหาก"

         "เอ่อ ท่านพูดอะไรของท่านเจ้าคะ" ซอฮยอนเอ่ย ทั้งๆ ที่ความจริงอยากเอามือไปทุบหลังคิมจีมุนมากเลยตอนนี้

         "ก็ชมเจ้าอย่างไรเล่า ทุกวันนี้ได้ทำงานร่วมกับเจ้าจึงเป็นโชคดีของข้าจริงๆ"

         ลียิมโฮหัวเราะพรืด และดูเหมือนจะตรัสคำบางคำออกมาที่ดูเหมือนจะฟังได้ความว่า "ปัญญาอ่อน"

         "ตรัสว่าอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ" คิมจีมุนหันมาถามทันที

         "อ๋อเปล่า ข้าแค่ยินดีกับเจ้าน่ะ" องค์รัชทายาทตอบยิ้มๆ

         อาลักษณ์คิมหรี่ตาลงเล็กน้อย ทำให้ซอฮยอนรู้ทันทีว่าที่คิมจีมุนพูดจาแปลกๆ เมื่อครู่นี้คือการข่มองค์รัชทายาท

         "แต่น่าแปลกเหมือนกันนะ" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัสต่อไป "ทำไมจู่ๆ ใต้เท้าซินถึงมีคำสั่งให้ปล่อยท่านออกมาทั้งๆ ที่เป็นสกุลคิม รึว่าท่านมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับเขา"

         คืมจีมุนยิ้มมุมปากก่อนจะหันมาทูลว่า

         "เพราะใต้เท้าซินรู้ว่าหม่อมฉันเป็นคนดีน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ คนอย่างเขารู้จักแยกแยะเป็น แต่ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะอคติกับหม่อมฉันมากที่รอดมาได้" 

         ซอฮยอนมองคนทั้งคู่ไปมา

         "พอดีข้าไม่ไว้ใจสกุลคิม ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าไม่ไว้ใจทั้งนั้น" องค์รัชทายาทตอบโต้

         "มีคนในสกุลคิมมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ถ้าหากจะลงโทษทั้งหมด หม่อมฉันว่าไม่สมควร พระองค์ในฐานะองค์รัชทายาทที่จะเป็นพระราชาอนาคตเห็นด้วยกับวิธีนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ"

         "กับวงศ์ตระกูลที่ทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดเกาะเชื้อพระวงศ์และราชสำนัก ผิดตรงไหนหรือที่จะกำจัดให้สิ้นซาก" ทันทีที่ลียิมโฮพูดจบ คิมจีมุนก็ถึงกับตาลุก เขากัดฟันก่อนจะตอบออกไป

         "หม่อมฉันไม่สงสัยเลยพ่ะย่ะค่ะ ว่าทำไมเมื่อก่อนพระองค์ต้องอยู่นอกวัง เป็นเพราะไม่ไว้ใจและไม่คบใครนี่เอง พระอุปนิสัยเช่นนี้รึเปล่าพ่ะย่ะค่ะที่ทำให้อดีตพระชายาฮวารยอนต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีความเบื่อหน่ายในชีวิตคู่"

         ซอฮยอนรู้ทันทีว่าคิมจีมุนล้ำเส้นเกินไปแล้ว เพราะองค์รัชทายาทกำลังเลื่อนพระหัตถ์ไปแตะด้ามดาบอย่างช้าๆ

         "เอ่อ อาลักษณ์คิม ข้าว่าท่านหยุดพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนเตือน "ที่ข้ามาที่นี่เพราะมีปัญหาเร่งด่วนอยากให้ท่านช่วย ข้าไม่ได้อยากมาเพื่อเห็นท่านทะเลาะกับใครนะเจ้าคะ"

         คิมจีมุนขบกรามแน่นก่อนจะหันไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์ เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่เขาจึงถามขึ้นว่า "มีอะไรให้ข้าช่วยหรือซอฮยอน"

         "ข้าคิดว่าพระชายาเซจีอาจจะระแคะระคายเรื่องคิมซังกุงเจ้าค่ะ พระนางอาจกังวลว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายกับน้าของตน ข้าไม่อยากให้อาการพระชายาทรุดหนักไปกว่านี้ จึงอยากให้คนในครอบครัวอย่างใต้เท้าไปช่วยพูดเผื่อพระนางจะสบายใจขึ้นบ้าง"

         "พระชายารู้เรื่องทั้งหมดได้อย่างไรกัน" อาลักษณ์คิมสงสัย

         "ช่วงที่คิมซังกุงยึดอำนาจ นางคงจะเข้าไปเล่าเรื่องทุกอย่างฟังแน่นอนเจ้าค่ะ แล้วพอตอนนี้คิมซังกุงหายไป มันก็น่าสงสัย หรือไม่นางในตำหนักเซจาพินก็คงจะปากบอนซุบซิบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจนได้ยินถึงพระชายา" ซอฮยอนคาดเดา

         "ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงช่วยอะไรไม่ได้มาก คิมซังกุงถูกจับรอประหารอยู่แบบนี้จะหลอกยื้อเวลาเพื่อสร้างความสบายใจกับพระนางไปได้นานเท่าไรกันเชียว" คิมจีมุนย้อนถามหญิงสาว

         "แต่เวลานี้คนที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับพระชายาได้มีแค่ท่านนะเจ้าคะ เพราะอย่างน้อยก็ครอบครัวเดียวกัน"

         "พูดถึงครอบครัวเดียวกัน" ชายหนุ่มเหลือบมององค์รัชทายาท "พระองค์ในฐานะพระสวามีก็ควรจะไปทำหน้าที่นี้มากกว่าหม่อมฉันอีกนะพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาที่พระชายาทุกข์ระทม พระองค์ก็น่าจะไปคอยปลอบโยนมิใช่หรือ นั่นคือสิ่งที่องค์รัชทายาทควรทำ ไม่ใช่มายุ่งกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ชายาของตน"




    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×