ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #189 : ล้างบาง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 723
      49
      25 พ.ค. 63

    ตอนที่ 189 ล้างบาง




         "หม่อมฉันขอออกไปตรวจดูเองเพคะ" ซอฮยอนกล่าวเสียงแผ่วเบา

         "มันอันตรายนะ" อีซึลพูดขึ้นทันที

         "แล้วเราจะนั่งหูหนวกตาบอดอยู่ในนี้ต่อไปกระนั้นหรือ" หญิงสาวย้อนถาม

         "ที่เจ้าพูดก็ถูก" พระมเหสีตรัสสนับสนุน "แต่ให้คนอื่นไปตรวจแทน เจ้านั่งที่เดิมนี่แหละ หากเกิดอันตรายกับเจ้าขึ้นมาจะว่าอย่างไร แผ่นดินนี้ไม่ได้มีซอฮยอนสองคน ผู้ที่ปราดเปรื่องเช่นเจ้าจะหาที่ไหนได้อีก ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปเสี่ยงหรอก"

         ชุงจอนมามะหันไปชี้นิ้วสั่งนางในตำหนักตนเองที่นั่งตัวสั่นอยู่ "เจ้าน่ะ ไปดูข้างนอกตำหนักทีว่าเกิดอะไรขึ้น"

         นางในร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย สายตาหวาดหวั่นจ้องไปที่ประตู

         "เอ๊ะนังนี่ ข้าบอกให้เจ้าไปไม่ได้ยินรึอย่างไร"

         นางบ่าวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ ขาสองข้างสั่นจนสังเกตเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ใต้กระโปรงซีมา ซอฮยอนคิดว่าถ้าตนเองเป็นนางในผู้นี้คงจะรู้สึกแย่มากๆ เพราะต้องเป็นคนที่รับอันตรายแทนคนอื่นราวกับว่าเป็นคนไม่มีค่าอะไร จะตายตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครใส่ใจ เหมือนขยะที่ต้องคอยเป็นตัวรับแทนคนที่มีค่ากว่าในสายตาพระมเหสี

         คิดมาถึงตรงนี้ซอฮยอนก็ใจหายไม่น้อย ตอนนี้นางเองสามารถขึ้นเป็นนางในระดับสูงที่สุดยังไม่พอ ยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทและเชื้อพระวงศ์แทบทุกพระองค์ ที่สำคัญยังรั้งตำแหน่งราชเลขาไว้อีก หญิงสาวคิดว่าตนเองมาไกลพอสมควร ไกลมากจนลืมไปแล้วว่าตอนเข้าวังใหม่ๆ ตนเองก็ไม่ต่างจากขยะสักนิด

         ตอนนั้นนางเผชิญกับความลำบากมากมาย ถูกฮงซังกุงทดสอบจนหัวหมุน ทำงานหนักทุกอย่าง เมื่อความทรงจำเหล่านี้หวนเข้ามา ความเข้าอกเข้าใจในนางบ่าวผู้นี้ก็มีมากนัก

         มนุษย์ทุกคนควรมีค่าเท่ากันมิใช่หรือ...

         "เจ้านั่งเถอะ" ซอฮยอนพูดกับนางบ่าวร่างเล็กและหันไปทางพระมเหสี "หม่อมฉันไปเองได้เพคะพระมเหสี"

         ชุงจอนมามะทำท่าจะเอ่ยขัด แต่ซอฮยอนเดินตัวปลิวออกไปแล้ว ซุนฮวารีบลุกขึ้นตามเพื่อนไปด้วยอีกคน เมื่อทั้งคู่มาถึงประตูก็หยุดชะงักก่อนจะเงี่ยหูฟังสรรพเสียงรอบนอก

         "ทำไมมันเงียบเช่นนี้" ซุนฮวาเปรยขึ้น

         "ไม่รู้สิ" ซอฮยอนตอบตามตรงพลางแง้มประตูออกดูช้าๆ

         ด้านหน้าตำหนักก่อนจะถึงทางลงบันไดปรากฏซากศพทหารหลายคนนอนตายอยู่อย่างน่าอนาจ หลายคนอวัยวะบางส่วนหลุดออกจากร่างเป็นที่น่าสยดสยอง ซอฮยอนเกือบจะเป็นลมเมื่อเห็นภาพนั้น ยังดีที่นางเคยผ่านอะไรแบบนี้ตอนไปอยู่ที่เกาะวัวมาแล้ว จึงไม่ถึงกับกระเจิดกระเจิงเมื่อเจอสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง

         "ทำไมหน้าซีดแบบนั้น เห็นอะไรหรือ" ซุนฮวาถามทันทีที่เพื่อนปิดประตูลงตามเดิม

         "เจ้าอย่ารู้เลยดีกว่า" ซอฮยอนบอก

         "บอกข้ามาเถอะ"

         "ศพเต็มไปหมดเลยน่ะสิ"

         ซุนฮวายกมือปิดปาก

         "ข้าจะออกไปก่อน ถ้าได้เรื่องอย่างไรจะรีบกลับมาบอก" ซอฮยอนพูด

         "ไปด้วยกันสิ" ซุนฮวาอ้อนวอน

         "ไม่ต้อง เจ้าอยู่ดูแลพระมเหสีที่นี่แหละ"

         ยังไม่ทันที่ซุนฮวาจะโต้ตอบอะไร ประตูตำหนักก็ถูกเปิดผางออกอย่างเร็วจากด้านนอก ทั้งคู่เกือบจะหวีดร้องออกมาแต่ยั้งตนเองได้ทัน

         ใต้เท้ามุนนั่นเองที่เป็นคนเปิดประตู แขนข้างซ้ายของเขามีบาดแผลลึกพร้อมคราบเลือดที่ดูเหมือนยังไหลไม่หยุด

         "ใต้เท้า!" ซอฮยอนร้อง "เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"

         "พวกเรา..." เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก ดูเหมือนพิษบาดแผลจะทำให้ชายหนุ่มหมดแรงลง "พวกเราชนะแล้ว"

         "จริงหรือเจ้าคะ!" ซุนฮวาตาโต "ท่านพูดจริงหรือ"

         "องค์รัชทายาทสามารถเอาใต้เท้าคิมลงได้ คนของเขาจึงยอมสยบตาม ตอนนี้ด้านล่างกำลังจัดการกับศพ องค์รัชทายาทจึงสั่งให้ข้ามาบอกว่าให้ทุกคนอยู่ในตำหนักก่อน อย่าเพิ่งออกมา"

         "แสดงว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้วหรือ" ซอฮยอนพึมพำออกมา

         แต่ใต้เท้ามุนดูจะเสียเลือดมากจนไม่สามารถครองสติได้อีกต่อไป เขาล้มฟุบลงหน้าประตูตำหนักนั่นเอง ซุนฮวาร้องกรี๊ดก่อนจะวิ่งไปตามหมอหลวง ส่วนซอฮยอนก็กลับเข้าไปในตำหนักและแจ้งข่าวดีให้กับทุกคนเพื่อที่จะได้สบายใจ

         เมื่อราตรีกาลผ่านไป เช้าตรู่วันใหม่ก็คืบคลานเข้ามา แสงแดดรำไรส่องกระทบประตูหน้าต่างของตำหนักคล้ายจะขับไล่ความมืดและภัยร้ายของเมื่อคืนให้หายสูญ ทั้งหมดในตำหนักรอคอยอย่างใจจดใจจ่อจนกระทั่งล่วงเข้าสู้ยามสาย องค์รัชทายาทที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยเข้ามาทูลพระมเหสีว่าทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ศพถูกนำไปรอฝังที่นอกวังและแยกว่าเป็นฝ่ายไหน และแน่นอนว่าฝ่ายกบฏจะไม่ได้รับการทำพิธีศพที่ถูกต้องเพราะจัดเป็นนักโทษ ส่วนผู้บาดเจ็บอย่างใต้เท้ามุนยองนัมตอนนี้อยู่ในการดูแลของหมอหลวงที่ตอนนี้ต้องเรียกหน่วยแพทย์ชุมชนจากนอกวังมาช่วยด้วยเพราะงานล้นมือ 

         เหล่าคนของสกุลคิมที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ถูกจับขังทั้งหมดแม้แต่ใต้เท้าคิมแทซุน แม้แต่ขุนนางคนอื่นๆ ทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นคนสกุลคิมหรือคนสนับสนุนสกุลคิมก็ถูกจับขังทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น ดูเหมือนพระบัญชาจากฝ่าบาทตอนนี้จะเด็ดขาดและตั้งใจจะล้างบางเลยทีเดียว พวกกรมวัง ราชองครักษ์ที่ถูกใต้เท้าคิมหลอกใช้แม้จะไม่ถือว่ามีเจตนาร้าย แต่ก็ต้องมีการไต่สวนเพื่อพิสูจน์ว่าที่ทำไปเพราะหลงเชื่อในพระบัญชาลวงหรือเพราะสกุลคิมมีอะไรมอบเป็นของกำนัลให้กันแน่

         ตอนซอฮยอนออกมาจากตำหนักพร้อมพระมเหสีและคนของกองงานวรรณกรรม ก็ทันเห็นพอดีว่าคิมซังกุงกำลังถูกจับมัดด้วยเชือกสีแดงเส้นเขื่องที่เคยมัดตนมาก่อนอย่างแน่นหนา นางดูเยือกเย็นอย่างประหลาดเมื่อถูกพาตัวไปเรือนจำฝ่ายใน

         "จบง่ายจบดายเหมือนกันนะ" เชวซังกุงกล่าวขึ้นพลางมองไปรอบด้าน

         "ข้าว่าไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนตอบเบาๆ นางเองรู้สึกว่านี่มันง่ายไป ง่ายผิดปกติ ง่ายแบบเงียบงัน และหลังความเงียบงันนั้นเองมักจะมีความปั่นป่วนตามมาด้วยเสมอ

         แม้รอบตำหนักกลางและลานด้านหน้าจะถูกเก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อย แต่ความโหดร้ายและกลิ่นคาวเลือดดูจะวนเวียนหลอกหลอนผู้คนในวังหลวงจนพระมเหสีต้องเชิญไต้ซือที่ศรัทธาจากวัดนอกวังมาทำพิธีไล่ความอัปมงคลให้ออกไป นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนตำแหน่งของบางอย่างในตำหนักกลางเพื่อความเชื่อและความสบายใจของทุกคนรวมถึงตัวพระมเหสีเอง

         หลังจากเกิดเหตุทั้งพระมเหสีและองค์รัชทายาทต่างพากันไปดูพระอาการฝ่าบาททุกวัน ทำให้ราชสำนักเงียบเชียบผิดปกติ เพราะไม่มีการทรงงานใดๆ จากเชื้อพระวงศ์เลย ตำหนักพระสนมทั้งหลายก็ปิดเงียบ พวกขุนนางเองก็ยุ่งเหยิงกับการไต่สวนเรื่องกบฏ หลายคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ปิดปากไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตาทำงาน ช่วงเวลานั้นของวังหลวงจึงเงียบผิดปกติ แม้แต่ราษฎรที่อยู่นอกวังเองก็รู้สึกว่าเกิดเรื่องผิดปกติบางอย่างในราชสำนัก

         แต่ในที่สุดฝ่าบาทก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พระองค์เสด็จเข้าท้องพระโรงและเริ่มสะสางปัญหาต่างๆ ที่พระองค์ไม่อยู่จนเสร็จสิ้น ซอฮยอนเองก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดเพราะทำงานคนเดียวในฐานะราชเลขาโดยไร้ผู้ช่วย แต่นางเองก็รู้สึกแปลกๆ เพราะปกติในท้องพระโรงจะมีขุนนางสองฝ่ายคือใต้เท้าคิมและใต้เท้าซินปะทะคารมกันเสมอ แต่เวลานี้ในท้องพระโรงมีแต่คนของสกุลซินเท่านั้น บริเวณที่ใต้เท้าคิมและคนของเขาเคยยืนอยู่บัดนี้มันโล่งโจ้งอย่างน่าใจหาย

         สามวันหลังจากเหตุร้ายในวัง ทุกคนนึกว่ามันจบสิ้นแล้ว แต่จริงๆ มันเพิ่งเริ่มต้น เพราะหลังจากฝ่าบาทจัดการราชกิจน้อยใหญ่จนเสร็จสมบูรณ์ ก็นั่งแท่นไต่สวนพวกบฏด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านใต้เท้ากรมอาญาอีกต่อไป การประหารและการจับกุมจึงเริ่มต้นขึ้นทันที

         คนสกุลคิมไม่ว่าจะเป็นขุนนาง ทหาร องครักษ์ ขันที นางใน บัณฑิต มหาดเล็กล้วนแต่ถูกจับไปไต่สวนทั้งหมดไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องรึไม่ ใครที่ต่อต้านจะถูกสังหารทันทีเพราะถือว่าขัดรับสั่ง มีคืนหนึ่งมีคนสกุลคิมที่ทำงานในหอตำรามาซ่อนตัวในห้องเขียนหนังสือจนเกิดความวุ่นวายและอกสั่นขวัญแขวนไปทั่ว  ภาพที่กรมวังมาลากตัวเขาไปนั้นค่อนข้างสะเทือนใจนางในทุกคนที่ออกจากเรือนพักมายืนมองอย่างยิ่ง

         ข่าวการล้างบางยังคงมีต่อไป แม้แต่นางกำนัลเด็กที่เป็นคนสกุลคิมก็โดนจับ บางคนไม่อยากถูกจับก็หนีออกจากวังไปยามวิกาลแต่ก็ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้ ตอนนี้คนสกุลคิมที่ไม่ได้ถูกจับก็คงมีแต่พระชายาเซจีที่ยังคงไม่หายขาดจากยาพิษที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ 

         เมื่อการล้างบางในวังเพื่อรอการลงโทษจบสิ้น ต่อไปก็เป็นทั่วทั้งโชซอน กิจการไม่ว่าจะเป็นแขนงไหนแต่ถ้าเป็นของสกุลคิมจะถูกริบเข้าหลวงทั้งหมด เงินตรา ข้าวของ วัตถุดิบทางการเกษตร พืชผล รวมถึงอาวุธทั้งหลายนั้นจึงไม่มีทางรอด บ้านใหญ่ที่เป็นของสกุลคิมในฮันยางก็ถูกกรมอาญายึด จวนขุนนางโดนปิดตาย บ่าวไพร่และทาสของสกุลคิมได้รับการปลดปล่อย ส่วนฮูหยินและสตรีในตระกูลนี้เมื่อไม่มีที่ไปจึงต้องไปอาศัยอยู่ที่อารามบนเขาแทน บางคนที่หนีทันก็ไปจัดแจงหนีไปเมืองจีน แต่สุดท้ายก็โดนฆ่าตายที่ชายแดนทั้งหมด ทุกอย่างมันดำเนินไปไวมากกับการล่มสลายของวงศ์ตระกูลที่ยึดอำนาจในราชสำนักมาตลอดหลายชั่วอายุคน

         ใต้เท้ามุนยองนัมหายจากอาการบาดเจ็บและกลับมาทำงานตามเดิม เขาสั่งคนในกองงานวรรณกรรมอย่างเด็ดขาดว่าห้ามพูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีก เพราะมันเป็นเรื่องโหดร้ายและจะส่งผลกระทบทางจิตใจไปถึงนางในหลายๆ คนที่เคยถูกจับเป็นตัวประกัน ใต้เท้าไม่อยากให้ความทรงจำอันเลวร้ายนั้นถูกกระตุ้นขึ้นมาอีก ด้วยคำสั่งนี้จึงทำให้เชวซังกุงเองก็ไม่ได้คำตอบเสียทีว่าทำไมใต้เท้ามุนถึงได้เคยไปฝึกการใช้อาวุธกับอดีตรัชทายาทลีซองแจ

         ระหว่างที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไป ใต้เท้าซินก็มาพบซอฮยอนอย่างเงียบๆ และถามไถ่ถึงเรื่องในคืนนั้นอย่างละเอียดยิบ เขาโล่งใจพอสมควรที่รู้ว่าซอฮยอนยังไม่หลุดปากกับใครไปว่าซินซังซอนหัวหน้ากองกำลังที่บุกเข้ามาช่วยองค์รัชทายาทภายหลังคือบิดาแท้ๆ ของนาง

         "นี่แสดงว่า..." ซอฮยอนถามบิดาของตนก่อนที่จะแยกกัน "นี่คือจุดจบของสกุลคิมหรือเจ้าคะ"

         "ข้าไม่แน่ใจ แต่ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น" ขุนนางชั้นเอกตอบ

         "แต่คนพวกนี้ทำเรื่องร้ายแรงมากมาย ทำไมถึงเพิ่งมีการล้างบางเล่าเจ้าคะ"

         "เพราะโทษมันไม่ได้ครอบคลุมและชี้ชัดขนาดนั้น แต่คราวนี้มันไม่ใช่ ทุกอย่างเห็นชัดกับตาว่าพวกเขาทำเรื่องยึดอำนาจจริง ข้อหาที่โดนนั้นคือกบฏ การออกคำสั่งล้างบางจึงเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างฝ่าบาทดูเหมือนจะเอาจริงในคราวนี้เพราะทรงลงดาบหนักเหลือเกิน ข้าคิดว่าการทำแบบนี้ต้องมีผลกับราชสำนักเพราะตระกูลฝังรากลึกในวังมายาวนาน แต่เมื่อฝ่าบาทเลือกแล้วก็คงต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อครู่ก่อนข้ามาได้ยินข่าวลือด้วยซ้ำว่าอาจมีการทำลายสุสานประจำตระกูลคิม"

         "คนที่ตายไปแล้วก็ไม่น่าจะเอามายุ่งเกี่ยวนะเจ้าคะ" ซอฮยอนออกความเห็น

         "คงมองว่าถ้าบรรพบุรุษไม่กรุยทาง ลูกหลานจะเข้ามาทำเรื่องชั่วได้หรือ การทำลายประวัติศาสตร์ของตระกูลนี้จึงมีขึ้น เฮ้อ จะว่าไปก็น่าใจหายนะ ข้าอุตส่าห์อยากจะต่อกรกับใต้เท้าคิมและล้มเขาด้วยตัวเอง แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขาสะดุดขาตัวเองก่อนเสียอย่างนั้น" ใต้เท้าซินพูดอย่างเสียดาย

         "คิมซังกุงเองก็ด้วย" ผู้เป็นบุตรสาวเอ่ย "นางยังไม่ได้ชดใช้ให้กับท่านพี่ฮวารยอนเลย แต่ถ้านางจะต้องถึงฆาตตอนนี้ก็สมควรแล้ว"

         "พูดถึงคิมซังกุง จะว่าไปนางก็เดินหมากผิดนะ แทนที่จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป กลับรีบใจร้อนทำการใหญ่ นางพลาดตรงจุดนี้ ทำอะไรเกินตัว ไม่ประมาณตน ใต้เท้าคิมแทนที่จะห้ามปรามก็ดันไปสนับสนุน ทุกอย่างจึงออกมาเละเช่นนี้" ใต้เท้ากล่าว "เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว เจ้าเองก็รีบกลับกองงานวรรณกรรมเถิด"

         "เอ่อ ท่านพ่อเจ้าคะ" ซอฮยอนเรียกไว้ "คือตอนนี้นอกจากพระชายาเซจีที่ไม่ได้รับโทษ ข้าคิดว่าจริงๆ ก็มีอีกคนที่ไม่ควรรับโทษด้วยเจ้าค่ะ นั่นคือใต้เท้าคิมจีมุน"

         "ผู้ช่วยเจ้าน่ะหรือ ที่เป็นอาลักษณ์หนุ่ม"

         "ใช่เจ้าค่ะ คิมจีมุนเป็นคนของทางเรามาตลอด และไม่ได้มีส่วนกับเรื่องนี้ ได้ยินว่าเขาเองก็ถูกคิมซังกุงจับตัวไว้ตอนนางก่อเหตุ ไม่ยุติธรรมเลยนะเจ้าคะที่เขาจะถูกคุมขังและลงโทษเพียงแค่เพราะเป็นคนสกุลคิม ได้โปรดท่านพ่อช่วยเขาด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

         ใต้เท้าซินนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบว่า

         "ก็ได้ ข้าจะลองช่วยเขาดู"

         "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ" ซอฮยอนก้มศีรษะขอบคุณผู้เป็นบิดา

         


    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×