ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #188 : โคมลอยจากซอฮยอน [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 528
      38
      15 พ.ค. 63

    ตอนที่ 188 โคมลอยจากซอฮยอน





         ซอฮยอนอ้าปากค้าง นางทำผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว เพราะนอกจากตราหยกจะหลุดร่วงออกจากมือไป ผู้ที่เก็บได้ก็กลับเป็นคิมซังกุง คนสุดท้ายในโลกที่หญิงสาวจะมอบของสำคัญชิ้นนี้ให้

         "ข้าไม่ต้องเหนื่อยสักนิด" ซังกุงรับบัญชายิ้มเยาะ "ในที่สุดมันก็มาอยู่ในมือข้าแบบง่ายๆ"

         ซอฮยอนรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว "เอาคืนมาให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ท่านไม่มีสิทธิ์ถือมัน"

         "เจ้าเคยเห็นเสือยอมทิ้งเนื้ออันโอชะที่คาบติดปากไว้อย่างนั้นหรือ" คิมซังกุงย้อนถาม

         ซอฮยอนรู้ทันทีว่าไม่อาจเจรจาดีๆ กับผู้หญิงตรงหน้าได้อีกแล้ว หญิงสาวย่างสามขุมเข้าไปหาเพื่อจะชิงตราหยกกลับมา แต่คิมซังกุงเองก็รู้เท่าทัน เพราะนางค่อยๆ ถอยหลังเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างชุลมุน

         "ไม่นะ..." ซอฮยอนร้องออกมาเมื่อร่างของซังกุงรับบัญชาหายไปจากสายตา นางแฝงตัวหนีไปแล้วรึนี่

         ชั่วเวลาแห่งความอกสั่นขวัญแขวน หญิงสาวเห็นใครบางคนในชุดฮวาลยอสีเขียวเข้มกระโดดเข้าใส่คิมซังกุงที่พยายามใช้ร่างของทหารบังตนเองอยู่ ทำให้ทั้งคู่กลิ้งหลุนๆ ออกมาจากกองทหารซึ่งกำลังปะทะกันอย่างยุ่งเหยิง ซอฮยอนจ้องมองด้วยความตกตะลึง

         เชวซังกุงนั่นเองที่กระโดดเข้าใส่คิมซังกุง นางดูจะสังเกตเห็นเช่นกันว่าตราหยกตกอยู่ในมือของซังกุงรับบัญชาจึงตัดสินใจเข้ายื้อแย่งอย่างฉับพลัน ซึ่งนายหญิงดูสู้สุดใจเหลือเกินในยามนี้ ส่วนคิมซังกุงเหมือนจะตกตะลึงไปครู่ใหญ่เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเชวซังกุงจะกล้าพุ่งเข้าใส่ตนเช่นนี้

         "หยุดนะ! กล้าทำร้ายซังกุงระดับสูงอย่างข้ารึเชวซังกุง ข้าเป็นนายเจ้านะ!" คิมซังกุงตะโกน พยายามปัดป้องมือของอีกฝ่ายที่พยายามยื้อแย่งตราแผ่นดินไป

         "นายของข้าไม่ทำเรื่องเนรคุณแผ่นดินเช่นนี้หรอก" ซังกุงห้องเขียนหนังสือโต้กลับก่อนจะยึดแขนของคู่ต่อสู้ไว้และฉวยตราหยกคืนมาได้ในที่สุด

         "นังสารเลว เอาคืนมานะ!" คิมซังกุงตะโกนออกมาอย่างคั่งแค้น

         "ซอฮยอน!" เชวซังกุงหันมา "รับ!"

         นางโยนตราแผ่นดินลอยข้ามหัวเหล่าทหารมายังซอฮยอน หญิงสาวตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่านายหญิงจะกล้าโยนมาให้ตนเอง การต่อสู้ดูเหมือนจะหยุดไปสักพักเพราะทุกคนเอาแต่มองตราหยกที่ค่อยๆ โค้งตกลงสู่อุ้งมือของซอฮยอนตามเดิม

         "ข้ารับได้แล้วเจ้าค่ะ" หญิงสาวตะโกน

         เชวซังกุงผละออกจากร่างของคิมซังกุงที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้นทันที โดยไม่ทันมองว่าใต้เท้าคิมแทซุนกำลังก้าวเข้ามาด้านหลังอย่างโกรธแค้นพลางเงื้อดาบขึ้นหมายจะฟันร่างของซังกุงห้องเขียนหนังสือให้ขาดเป็นสองท่อน

         เลือดในกายของซอฮยอนแทบจับเป็นก้อนแข็งเมื่อเห็นภาพนั้น นางไม่สามารถเอ่ยปากตะโกนเพื่อเตือนนายหญิงได้ทันเพราะมันรวดเร็วเหลือเกิน เพราะกว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องทำอะไร ใบดาบก็ฟาดลงมาเสียแล้ว...

         เชวซังกุงกรีดร้องออกมาคำหนึ่งก่อนจะล้มคว่ำหน้าลงบนพื้นหิน นางรีบคลำเนื้อตัวร่างกายตนเองเพื่อตรวจว่าเกิดอันตรายอะไรรึไม่แต่ก็ไม่พบ ด้วยความฉงนสงสัยจึงทำให้ต้องหันไปมอง

         ใบดาบของใต้เท้าคิมไม่ทันได้แตะต้องกายของเชวซังกุงเพราะถูกขัดขวางจากดาบอีกเล่ม เมื่อขุนนางชั้นเอกสังเกตเห็นว่าด้ามดาบนั้นมีความวิจิตรเหนือกว่าอาวุธธรรมดาของทหารทั่วไป เขาก็รีบชักดาบกลับทันที

         "องค์รัชทายาท..." ใต้เท้าคิมร้องขึ้น

         "ทำไมไม่ต่อสู้กับคนที่คู่ควรหน่อยเล่า ทำร้ายสตรีลับหลังไม่ดีนะรู้รึไม่" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัส

         "หม่อมฉันไม่อยากต่อสู้กับพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ" ขุนนางอาวุโสกล่าว

         ลียิมโฮยิ้มออกมา

         "สู้กันสักหน่อยจะเป็นไรไป" ตรัสจบก็ตวัดใบดาบเข้าใส่ผู้นำตระกูลคิมทันทีโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว ใต้เท้าคิมถึงกับถอยกรูดเพราะไม่สามารถต้านทานพละกำลังของพระองค์ได้ ช่วงจังหวะนั้นเองซอฮยอนก็รีบวิ่งฝ่าฝูงทหารเข้าไปพยุงเชวซังกุงขึ้นมาจากพื้น

         "นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

         "ข้า... ข้าไม่เป็นไร" นางตอบ "รีบเข้าไปในตำหนักกันเถิด"

         ทั้งคู่รีบวิ่งไปที่บันไดหน้าตำหนักอีกครั้ง คราวนี้สามารถขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยไร้สิ่งขัดขวาง เมื่อมาถึงชั้นบนสุดของบันไดก็เห็นซุนฮวากับอีซึลยืนบีบมืออยู่อย่างกังวลใจ

         "นายหญิง! ซอฮยอน!" สองสาววิ่งกรูกันเข้ามาด้วยความเป็นห่วง "เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้ากับนายหญิงไม่ขึ้นมาพร้อมเราล่ะ"

         "มีเหตุให้พลัดหลงกันนิดหน่อย" เชวซังกุงรีบพูด ดูเหมือนนางจะไม่อยากเอ่ยถึงเหตุการณ์ข้างล่างอีก "แล้วนี่ใต้เท้ามุนไปไหนรึ"

         "ใต้เท้าหยิบอาวุธไปช่วยองค์รัชทายาทต่อสู้กับคนของใต้เท้าคิมเจ้าค่ะ" ซุนฮวารายงาน

         "อะไรนะ!" ทั้งเชวซังกุงและซอฮยอนร้องขึ้นพร้อมกัน

         "จริงๆ นะเจ้าคะ ข้าไม่ได้พูดเล่น ตอนแรกข้าก็ตกใจเหมือนท่านนี่แหละ ไม่คิดว่าบุรุษเจ้าสำอางสุขุมจะมีฝีมือในการต่อสู้ด้วย" 

         "ข้าทำงานกับใต้เท้ามาหลายปี ทำไมไม่เห็นรู้ว่าเขาใช้อาวุธเป็น" เชวซังกุงงุนงง

         "ข้าก็ไม่รู้เข้าค่ะ แต่อีซึลนางก็ถามอยู่ และใต้เท้าก็ตอบมาว่าเคยฝึกกับอดีตองค์รัชทายาทลีซองแจมาก่อน" ซุนฮวาตอบ

         "หา!" ซังกุงห้องเขียนหนังสืองุนงงหนักขึ้นไปอีก "อดีตองค์รัชทายาทลีซองแจหรือ ใต้เท้ามุนไปรู้จักกับพระองค์ได้อย่างไรกัน"

         "ข้าว่าช่างเถิดเจ้าค่ะ อีซึลอาจฟังผิดก็ได้" ซอฮยอนรีบพูดกลบเกลื่อนเพราะเคยรับปากกับคนคนหนึ่งไว้เรื่องความลับของใต้เท้ามุนยองนัม "บุรุษชนชั้นยังบันส่วนมากมีการฝึกใช้อาวุธและบังคับม้าตั้งแต่เด็ก ข้าว่าไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะที่ใต้เท้ามุนจะมีวิชาเหล่านี้ติดตัว การเป็นหัวหน้ากองงานวรรณกรรมไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันตัวเองด้วยวิชารบไม่เป็นนะเจ้าคะ"

         "อืม มันก็จริง" เชวซังกุงพูดเบาๆ

         ประตูตำหนักกลางเปิดผางออกจนทั้งสี่คนสะดุ้งโหยง มหาดเล็กโชคังอินยื่นหน้าออกมาก่อนจะเอ่ยว่า

         "รีบเข้ามาข้างในตำหนักก่อนเร็วเข้า องค์รัชทายาทสั่งไว้ อยู่ตรงนั้นอาจโดนลูกหลงเอาได้"

         ทั้งสี่คนได้ยินดังนั้นก็รีบกุลีกุจอเข้าไปในตำหนักทันที ส่วนซอฮยอนที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายนั้นพอเห็นใบหน้าเนื้อตัวของมหาดเล็กเต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจ

         "นั่นเลือดท่านรึเจ้าคะ!"

         "ไม่ใช่ เลือดคนอื่นต่างหาก"

         "ค่อยยังชั่ว ข้าก็นึกว่าท่านกำลังบาดเจ็บสาหัสเสียอีก" หญิงสาวกล่าวก่อนจะเดินตามเพื่อนไปแต่แล้วก็ชะงัก นางหยุดก้มมองมือข้างหนึ่งของโชคังอิน มันสั่นหงึกๆ อย่างผิดประหลาด

         "มหาดเล็กโช..." ซอฮยอนเรียกเบาๆ "เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือเจ้าคะ"

         "อะไรหรือ" เขาหันมาถาม

         "มือข้างซ้ายของท่าน ทำไมมันสั่นเช่นนั้นเจ้าคะ มีอะไรอย่างนั้นหรือ"

         เหมือนมหาดเล็กหนุ่มจะรู้ตัวว่ามือข้างซ้ายของตนเองกำลังสั่น เขารีบสะบัดมันก่อนจะพูดกลบเกลื่อน "ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ตื่นเต้นเท่านั้นเอง"

         "ท่านเนี่ยนะตื่นเต้น" ซอฮยอนพูดอย่างไม่เชื่อ "ออกศึกหนักกับองค์รัชทายาทมามากมาย ข้าว่าท่านไม่ได้ตื่นเต้นหรอกเจ้าค่ะ"

         โชคังอินนิ่งไป เขาจ้องหน้าหญิงสาวตรงๆ ก่อนจะเอ่ยว่า

         "ข้า... ข้าแค่รู้สึกไม่ดีน่ะ"

         "เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะหรือเจ้าคะ"

         "ใช่" ชายหนุ่มพยักหน้า "ที่แล้วมาข้าสังหารคนมามาก แต่นั่นเพราะพวกเขาเป็นศัตรูแผ่นดิน ข้าจึงถือว่ามันเป็นหน้าที่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ทุกครั้งที่ข้าฟันดาบลงไปคือคนโชซอนเหมือนกัน เลือดเนื้อที่เสียไปก็คือคนแผ่นดินเดียวกัน ข้าไม่อยากจะทำมันเลย"

         "ข้าคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกท่านได้" ซอฮยอนเอ่ยเสียงแผ่ว "แต่อย่างน้อยที่ท่านทำคือการรับใช้ปกป้องเชื้อพระวงศ์ของราชสำนักซึ่งเป็นหน้าที่หลักของข้าราชบริพาร เจตนาท่านดีแต่ต้นอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะ"

         มหาดเล็กโชยิ้มก่อนจะพยักหน้า "เจ้านี่ช่วยพูดให้ข้าสบายใจได้เสมอเลยนะ"

         หญิงสาวก้มศีรษะให้ "ว่าแต่จากสถานการณ์ด้านนอกตอนนี้ฝั่งไหนได้เปรียบเจ้าคะ"

         "กำลังคนของเราเยอะกว่าใต้เท้าคิมมาก ยิ่งมีใต้เท้าซินมาช่วยหนุนยิ่งดีใหญ่ แต่คนของใต้เท้าคิมเองก็มีฝีมือร้ายกาจและเก่งเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด ฉะนั้นจึงไม่สามารถคาดเดาผลแพ้ชนะได้เลย ข้าเองก็ยังพูดกับองค์รัชทายาทอยู่เลยว่าโชคช่วยยิ่งนักที่กองกำลังของใต้เท้าซินเข้ามาทันเวลาพอดี"

         ซอฮยอนยิ้ม "ท่านคิดว่าโชคช่วยหรือเจ้าคะ"

         "ก็ใช่น่ะสิ" ชายหนุ่มตอบ

         "โชคไม่ได้ช่วยหรอกเจ้าค่ะ ข้าต่างหากที่ช่วย"

         "อะไรนะ!" โชคังอินตกตะลึง

         "ข้านี่แหละเจ้าค่ะที่ทำให้กองกำลังของใต้เท้าซินเข้ามาได้ทันเวลา" ซอฮยอนเฉลย

         "แต่ว่าเจ้าไปตามหาฝ่าบาทที่ตำหนักใหญ่ไม่ใช่หรือ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนรีบไปที่เขตพระราชฐานชั้นนอกเล่า"

         "ใครจะไปที่นั่นกันเล่าเจ้าคะ เหนื่อยตายพอดี" ซอฮยอนหัวเราะ

         "แล้วเจ้าพาพวกเขาเข้ามาได้อย่างไร"

         "ส่งสัญญาณผ่านโคมลอยเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!"

         "ท่านลืมไปแล้วรึเจ้าคะ ว่าตอนที่ท่านกับองค์รัชทายาทมาช่วยข้ากับยุนซังกุงที่เรือนจำฝ่ายใน ท่านกับพระองค์เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังเอง"

         โชคังอินตาเบิกค้างอยู่ชั่วครู่ เขาดูคาดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นจะยังคงอยู่ในหัวของหญิงสาวตรงหน้าอย่างแม่นยำ

         "ข้าได้เตรียมโคมลอยไว้หน้าตำหนักตงกุกเพื่อเตรียมจุดเป็นสัญญาณให้กองกำลังด้านนอกบุกเข้ามา ตอนแรกก็ยังกังวลอยู่เพราะข้ากับองค์รัชทายาทติดอยู่ที่ตำหนักกลาง ใครจะไปช่วยจุดโคมลอยนั่นได้ แต่สรุปเจ้าไปที่ตำหนักตงกุงแล้วเป็นคนจุดมันเองหรอกหรือ"

         "ถูกต้องเจ้าค่ะ ข้าออกจากตำหนักใหญ่มาก็นึกขึ้นได้พอดีว่ายังไม่มีใครส่งสัญญาณที่ท่านทำไว้ให้กองกำลังด้านนอกรู้แน่ๆ ข้าจึงแวะไปที่ตำหนักตงกุงเพื่อจุดโคมลอยก่อนจะมาที่ตำหนักกลางเจ้าค่ะ"

         "ช่างมหัศจรรย์นัก!" มหาดเล็กหนุ่มร้องออกมา "เจ้านี่เองที่อยู่เบื้องหลัง ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมันถึงประจวบเหมาะนัก นี่แสดงว่าเจ้าได้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้เลยนะเนี่ย"

         "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ เรื่องการส่งโคมลอยให้สัญญาณก็เป็นความคิดของท่านกับองค์รัชทายาท ถ้าไม่มีตรงนี้ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ" ซอฮยอนรีบพูด

         "ซอฮยอน" ซุนฮวาเดินเข้ามาเรียกเพื่อน "พระมเหสีอยากพบเจ้าน่ะ"

         หญิงสาวโค้งให้โชคังอินเป็นเชิงขอตัวก่อนจะเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้องโถงของตำหนัก ในห้องมีพระมเหสีประทับอยู่กับองค์หญิงดายองที่ทรงบรรทมอยู่ โดยมียุนซังกุง เชวซังกุง อีซึลและนางในของตำหนักกลางนั่งล้อมรอบ

         "ซอฮยอน" ชุงจอนมามะลุกขึ้นยืนและก้าวเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นนาง

         หญิงสาวหยุดอยู่กับที่เพื่อถวายบังคม แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไร พระมเหสีก็เข้าสวมกอดนางแน่นจนซอฮยอนทำอะไรไม่ถูก

         "ขอบใจเจ้ามาก ขอบใจเจ้าจริงๆ คราวนี้เจ้าได้ช่วยทุกคนให้รอดจากภัยใหญ่หลวงได้ ทั้งฝ่าบาท ทั้งข้า ทั้งยิมโฮและดายอง ทุกคนติดหนี้เจ้า เจ้าช่างเก่งจริงๆ"

         "เอ่อ... พระมเหสี"

         ชุงจอนมามะคลายอ้อมกอดช้าๆ ก่อนจะตรัสต่อไปว่า "ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร เอาล่ะ รีบเข้ามานั่งเถิด ข้าอยากรู้เรื่องทั้งหมดเต็มทีแล้ว"

         ซอฮยอนเข้ามานั่งตรงหน้าพระพักตร์ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ซึ่งแต่ละคนก็มีการตอบสนองกับสิ่งที่ซอฮยอนค้นพบเป็นระลอก อย่างตอนที่นางค้นหาทางขึ้นห้องลับจากฉากหลังที่ประทับฝ่าบาท ดายองกงจูก็ถึงกับตื่นลืมตาขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ หรือจะเป็นตอนที่ซอฮยอนขึ้นไปบนห้องลับเจอมูดังและของแปลกๆ บนนั้น คราวนี้ยุนซังกุงกับเชวซังกุงถึงกับเอามือปิดปากด้วยความตกใจ

         "พวกสกุลคิมนี่ช่างชั่วร้ายนัก ชั่วเสียจนไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบ" พระมเหสีตรัสออกมาอย่างโกรธเคือง

         "แต่โชคดีที่ฝ่าบาทเตือนสติเจ้าว่ายังมีตราหยกที่สามารถเป็นตัวแทนพระองค์ได้ เพราะถ้ามัวรอหมอหลวงรักษาฝ่าบาทอยู่คงไม่ทันการณ์" อีซึลพูดออกมา

         "ถึงได้บอกอย่างไรเล่าว่าข้าเองก็ไม่ได้ทำทุกอย่างคนเดียว ฝ่าบาทก็ทรงช่วยชี้แนะ คนอื่นๆ ก็ช่วยด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะซังกุงและนางในของห้องเครื่องที่ช่วยวางยาในอาหารจนทหารรอบตำหนักใหญ่หลับใหลกันไปหมด" หญิงสาวว่า

         "แต่เจ้าคงจะเหนื่อยมากที่สุด และทุกคนก็ไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรถึงจะพอ" พระมเหสีมองซอฮยอนอย่างชื่นชม

         จู่ๆ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของทหารก็ดังสนั่นไปทั้งตำหนักกลาง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะ

         "การต่อสู้จบสิ้นแล้วหรือ" ยุนซังกุงพูดขึ้น

         "ข้าว่านั่นไม่ใช่คำถามที่เราอยากจะรู้หรอก" พระมเหสีตรัสเบาๆ "คำถามที่อยากรู้ตอนนี้คือเสียงนั่นเป็นของฝ่ายไหนมากกว่า"

         ทุกคนเริ่มวิตกกังวลทันที ซอฮยอนหันไปมองที่ประตูตำหนัก ถ้าฝั่งใต้เท้าซินเป็นฝ่ายชนะ ทำไมโชคังอินหรือองค์รัชทายาทยังไม่เข้ามากันนะ 

         หรือ... หรือว่า



    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×