ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #187 : นางในผู้โค่นล้มขุนนาง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 509
      35
      13 พ.ค. 63

    ตอนที่ 187 นางในผู้โค่นล้มขุนนาง




         คิมซังกุงตกตะลึง มีดสั้นที่จอคอหอยของพระมเหสีอยู่ค่อยๆ ลดลงช้าๆ อย่างไม่รู้ตัว องค์รัชทายาทเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้าใส่นางทันทีก่อนจะปัดมีดในมือให้กระเด็น คิมซังกุงร้องกรี๊ดออกมาคำหนึ่งพลางสะบัดมือเร่าๆ ด้วยความเจ็บปวด แรงผลักทำให้ร่างของนางล้มกระแทกพื้นหมดท่า ส่วนชุงจอนมามะบัดนี้ปลอดภัยแล้วในอ้อมกอดของพระโอรสเรียบร้อย

         "เสด็จแม่!" ดายองกงจูวิ่งออกมาจากตำหนักก่อนจะโผเข้าหาพระมารดา พระมเหสีเองก็รีบสำรวจร่างกายลูบแขนลูบหน้าของพระธิดาน้อยของตนด้วยความเป็นห่วง
       
         "ดายอง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนรึไม่"

         "หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะเสด็จแม่"

         "โธ่..." ชุงจอนมามะดึงร่างองค์หญิงเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ โดยมีองค์รัชทายาทและมหาดเล็กโชคังอินยืนคุมเชิงอยู่

         ซังกุงรับบัญชาที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นมองภาพนั้นด้วยความเกลียดชัง ทำไมหนอ ทำไมตนเองต้องเป็นฝ่ายแพ้ในทุกๆ ครั้ง สวรรค์ไม่ยุติธรรม ไม่เคยยุติธรรมสักนิด

         โดยเฉพาะซอฮยอน นางผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้จองล้างจองผลาญตนเองนัก เคยมีความแค้นกันมาก่อนรึก็ไม่ ทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องคอยขัดขวางและบ่อนทำลายไปเสียทุกเรื่อง จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ตนเองเคยเป็นซังกุงระดับสูงที่มีอำนาจมากมาตลอด ทว่าตั้งแต่ซอฮยอนเข้าวังมา อำนาจของตนก็ร่อยหรอลงไปราวกับซอฮยอนเป็นเงาแค้น

         "ยอมแพ้เถิดคิมซังกุง หยุดดิ้นรนได้แล้ว" องค์รัชทายาทตรัสขึ้น

         "แพ้หรือเพคะ" คิมซังกุงเงยหน้ามอง "หม่อมฉันไม่ได้อยู่ใกล้ความปราชัยสักนิด ทำไมต้องยอมแพ้ด้วยเล่า"

         "ตราหยกของจริงอยู่ในมือซอฮยอน ถ้านางประทับตราลงบนแผ่นกระดาษ ชีวิตเจ้ารวมถึงวงศ์ตระกูลก็จะจบสิ้นลง เจ้าอยากให้เป็นแบบนั้นหรือ"

         "ตราหยกนั่นเป็นของส่วนพระองค์ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เชื่อหรอกว่าในมือนางจะเป็นตราหยกของจริง" คิมซังกุงยังไม่ยอมรับ

         องค์รัชทายาทได้ยินดังนั้นก็หันไปทางซอฮยอนก่อนจะรับสั่งออกไป

         "ซอฮยอน ประทับตราหยกลงบนกระดาษราชโองการเดี๋ยวนี้"

         ซอฮยอนก้มศีรษะ นางค่อยๆ ยกตราหยกทองคำขึ้นสูงเหนือแผ่นกระดาษราชโองการ

         "อย่า... อย่านะ!" คิมซังกุงตะโกนกึกก้อง "อย่าทำแบบนั้น!"

         "อะไรกัน..." ลียิมโฮแสร้งเลิกคิ้ว "ไหนตอนแรกเจ้าไม่เชื่อว่านั่นคือตราหยกของจริงนี่นา เหตุใดตอนนี้ถึงหวาดกลัวนักเล่า"

         คิมซังกุงลุกขึ้นยืนช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่ตัวประกันในลานด้านล่าง นางทำท่าครุ่นคิดอะไรอยู่สักพัก

         "ข้าจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดไป แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ประทับตราหยกลงในราชโองการนั่น รับปากข้าสิซอฮยอน"

         หญิงสาวยิ้มเย็น

         "ข้าไม่รับปากเจ้าค่ะ"

         "อะ... อะไรนะ"

         "ข้าบอกว่าไม่รับปากเจ้าค่ะ"

         "โอหัง คิดว่าตนเองเป็นราชเลขาแล้วจะสามารถอวดดีท้าทายข้าได้อย่างนั้นหรือ" คิมซังกุงตะโกน

         "ข้าไม่ได้อวดดีเจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนเหยียดยิ้ม "แต่ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องตกลงหรือมีข้อแลกเปลี่ยนกับคนเลวในเมื่อข้ากำลังจะชนะอยู่แล้ว"

         "นังนี่!"

         ระหว่างนั้น ลียิมโฮพยักหน้ากับโชคังอินเงียบๆ ก่อนจะเอามือแตะด้ามดาบอย่างแผ่วเบา

         "ยิมโฮ อย่า!" พระมเหสีที่เห็นอากัปกิริยานั้นรีบพูดขึ้นทันที

         "เสด็จแม่ ตอนนี้คิมซังกุงไร้คนปกป้องคุ้มครอง นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่หม่อมฉันจะฆ่านางเสีย ได้โปรดทรงอนุญาตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

         "ไม่ได้ เจ้าฆ่านางไม่ได้" พระนางตรัส

         "ทำไมเล่า โทษของนางตอนนี้คือกบฏ อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี" พระโอรสเถียง

         "แม่ยังต้องมีเรื่องที่ต้องสะสางกับนาง อีกอย่างถ้ายังไม่มีรับสั่งฝ่าบาท การที่เจ้าฆ่านางจะเป็นการไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง ข้าราชบริพารทั้งหลายจะติฉินเจ้าเอาได้" พระมเหสีอธิบาย

         องค์รัชทายาทปล่อยมือจากด้ามดาบอย่างขัดใจก่อนจะหันไปส่งสัญญาณกับโชคังอินให้ถอยออกมา แน่นอนว่าในใจของลียิมโฮไม่เห็นด้วย เพราะถ้าสามารถฆ่าคิมซังกุงได้ตั้งแต่ตอนนี้ เรื่องทั้งหลายก็จะจบลง การละเว้นชีวิตนางจึงเท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าชัดๆ

         "แล้วทำไมถึงไม่รับข้อแลกเปลี่ยนนี้ ตัวประกันทั้งหลายนี่ก็เป็นทั้งอาจารย์และสหายเจ้ามิใช่หรือ รึว่าเจ้าจะปล่อยให้พวกเขาตาย" คิมซังกุงกล่าวเสียงดัง

         "ไม่เกี่ยวกับประกันหรอกเจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนหัวเราะ "เพราะกำลังคนของท่านใจเริ่มคลอนแคลนแล้วต่างหาก ไม่มีใครสนใจคำสั่งเพราะอำนาจในมือท่านตอนนี้มันเทมาอยู่ในมือข้าแล้ว"

         "เหลวไหล อย่ามาทำพูดจาให้คนของข้าไขว้เขวนะนังตัวดี" ซังกุงรับบัญชาตะเบ็งเสียง

         "อย่างนั้นหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนเลิกคิ้วก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าสามสี่ก้าวเพื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังทั้งหลาย "หน่วยราชองครักษ์ ทหาร รวมถึงกรมวัง พวกท่านทำงานขึ้นตรงต่อฝ่าบาทและรับใช้พระองค์มิใช่หรือ เวลานี้ฝ่าบาทได้ลงพระบัญชาอันเป็นของจริงมาแล้ว ตราหยกในมือข้าก็เป็นของจริง ทำไมพวกท่านยังยืนอยู่ข้างคิมซังกุง พวกท่านอยากเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาทหรือเจ้าคะ"

         เหล่าข้าราชบริพารมองหน้ากัน และในชั่วเวลาอันน่าเคร่งเครียดนั้นเอง ขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในลานหน้าตำหนักพระมเหสีอย่างเหนื่อยหอบ เขารีบโค้งคำนับไปที่องค์รัชทายาทก่อนจะกล่าวว่า

         "เจอตัวฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ถูกขังอยู่กับมูดังหญิงคนหนึ่งในห้องลับบนตำหนักใหญ่ตามที่ราชเลขากล่าวทุกประการ ตอนนี้หมอหลวงกำลังดูพระอาการอยู่พ่ะย่ะค่ะ"

         "จริงรึนี่!" เสียงราชองครักษ์ร้องขึ้นด้วยความตกใจ

         "เห็นรึยังเจ้าคะ" ซอฮยอนประกาศ "ที่ข้าพูดคือความจริงทั้งหมด ฉะนั้นได้โปรดวางดาบลงเถิดเจ้าค่ะ เพราะว่าศัตรูที่แท้จริงคือนาง" 

         หญิงสาวชี้ไปที่คิมซังกุง

         ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจวางดาบในมือลงอย่างพร้อมเพรียง พวกทหารก็วางหอกวางทวนตามลงไปด้วย ส่วนพลธนูบนหลังคาตำหนักก็เก็บคันธนูก่อนจะไต่ลงมาที่พื้นแต่โดยดี

         "นี่พวกเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ไม่เชื่อข้าที่เป็นซังกุงรับบัญชา แต่ไปเชื่อนางในเล็กๆ คนนั้นเนี่ยนะ พวกเจ้ามันบ้าไปแล้ว" คิมซังกุงกรีดเสียง

         "หุบปากนะ!" หัวหน้ากรมวังตะโกนออกมาพลางชี้ดาบในมือตรงมาที่คิมซังกุง "หลอกใช้พวกข้ายังไม่พอ ยังกล้าปลอมพระบัญชาฝ่าบาทและปองร้ายพระองค์อีก จงลงมาข้างล่างเสีย หรือจะให้พวกข้าขึ้นไปจับเจ้าเอง"

         "สามหาว กล้าเสียมารยาทกับข้าหรือ สิ่งที่เกิดขึ้นที่ตำหนักใหญ่คือการจัดฉากของซอฮยอนต่างหาก ข้าไม่เกี่ยวสักนิด อย่ามาใส่ร้ายข้า"

         "ถ้าเช่นนั้นก็ไปกรมอาญา ไต่สวนทุกอย่างให้กระจ่างสิเจ้าคะ" ซอฮยอนพูดขึ้นบ้าง

         "ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมข้าต้องไปที่นั่น" คิมซังกุงตวัดเสียง

         "เช่นนั้น ข้าก็คงต้องประทับตราหยกลงไปบนราชโองการนะเจ้าคะ เพราะท่านดื้อรั้นเอง" ซอฮยอนกล่าว "ใต้เท้าคิมและตระกูลท่านจะเดือดร้อนไปด้วย นี่จะเป็นครั้งแรกเลยนะเจ้าคะที่นางในสามารถโค่นล้มขุนนางได้"

         แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะประทับตราลงไป ลูกธนูไฟนับสิบดอกก็พุ่งผ่านกำแพงรอบตำหนักกลางเข้ามาก่อนจะปักใส่ผู้คนที่ยืนอยู่ในลาน ทหารหลายคนถูกลูกธนูก็ทรุดลงไปกับพื้น ส่วนธนูที่ไม่โดนใครก็ปักไปติดกองฟางจนเกิดไฟเป็นหย่อมๆ ทุกคนรีบหยิบอาวุธขึ้นมาทันทีโดยมิได้นัดหมาย

         ซอฮยอนที่ยังไม่ทันได้ประทับตราหยกลงไปก็รีบหันมองรอบตัวทันทีอย่างระมัดระวัง นี่มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหนอ

         "นั่นฝีมือใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!" องค์รัชทายาทตะโกน

         ประตูทางเข้าตำหนักกลางด้านหลังซอฮยอนเปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนของกองงานวรรณกรรมทันทีซึ่งตอนนี้ถูกปล่อยตัวกันเรียบร้อยแล้ว

         "ซอฮยอน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เชวซังกุงถามทันที "ข้าไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะเจอห้องลับในตำหนักใหญ่เข้าจริงๆ"

         "นั่นสิ แล้วมูดังอะไรนั่นอีก ในวังมีเรื่องสยองแบบนั้นด้วยหรือ" ซุนฮวาถามบ้าง

         "ข้าว่าเรื่องพวกนั้นไว้คุยทีหลังเถิด" ซอฮยอนตอบเบาๆ พลางจ้องไปที่ประตูทางเข้าตำหนัก "มีใครบางคนกำลังมา"

         ทุกคนในลานพากันเงียบ สักพักก็ปรากฏร่างชายชราในชุดขุนนางชั้นเอกยืนอยู่ที่ซุ้มประตูโดยมีทหารติดตามมาด้วย

         "ใต้เท้าคิม!" หลายคนร้องเสียงดัง

         คิมซังกุงยิ้ม ในที่สุดก็มีคนมาช่วยนางแล้ว

         เหล่ากรมวังขยับตัวทันทีเมื่อเห็นใต้เท้าคิมแทซุนก้าวเข้ามา เขายืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน และสิ่งสุดท้ายที่จับจ้องคือองค์รัชทายาทและพระมเหสีบนบันไดหน้าตำหนัก

         "องค์รัชทายาท" ผู้นำแห่งสกุลคิมก้มศีรษะ "ยังทรงปรีชาเหมือนเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับไปเป็นของพระองค์เองได้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ"

         "ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ ท่านก็รู้มิใช่หรือ" พระองค์ตรัสตอบมา

         "หากแต่คราวนี้ไฟกำลังจะชนะ เพราะคนของหม่อมฉันที่มีสายเลือดสกุลคิมกำลังล้อมที่นี่อยู่และพร้อมจะบุกเพียงแค่หม่อมฉันสั่ง"

         "คนของเจ้ารู้เรื่องฝ่าบาทแล้ว เขาไม่ยอมรับคำสั่งเจ้าแล้ว" ลียิมโฮบอก

         "ถ้าหมายถึงคนพวกนี้..." ใต้เท้าคิมมองกองกำลังที่ยืนอยู่ในลาน "เขาไม่ใช่คนของหม่อมฉัน คนของหม่อมฉันจริงๆ ตอนนี้อยู่ข้างนอกประตู และพวกเขาไม่สนว่าหม่อมฉันจะทำอะไรกับฝ่าบาท เพราะว่าทุกคนเป็นคนของสกุลคิมทั้งหมด"

         "ชั่วช้านัก เจ้ากำลังเอาคนมาล้มตายโดยเปล่าประโยชน์รู้ตัวรึเปล่า" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัสเสียงเข้ม

         "ถ้าไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ ก็ยอมแพ้เสียสิพ่ะย่ะค่ะ รวมถึง---" ใต้เท้าคิมเบนสายตาไปที่ซอฮยอน "เอาตราหยกมาและเผาราชโองการที่ลงโทษสกุลคิมนั่นทิ้งเสียด้วย"

         ซอฮยอนยืนนิ่งก่อนจะตอบออกไป "ตราหยกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทประทานให้ข้าเพียงคนเดียว ท่านไม่มีสิทธิ์ครอบครอง"

         "เช่นนั้นก็ได้" ใต้เท้าคิมแทซุนพูดจบก็หันไปกระซิบกับทหารร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา 

         ฉับพลัน ทหารร่างเล็กแต่ฝีมือร้ายกาจได้ปลดคันธนูจากบ่าและหยิบลูกธนูมาประทับเล็งเป้า ซึ่งหัวลูกศรนั้นชี้ไปที่ซอฮยอน

         "จะส่งมาให้โดยดี หรือจะตายตรงนี้" ใต้เท้าคิมกล่าวอย่างสงบ

         "อย่านะ!" เชวซังกุงกับซุนฮวาตะโกนขึ้นพร้อมกัน ส่วนองค์รัชทายาทก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะว่าตอนนี้ตนเองอยู่ห่างจากซอฮยอนพอสมควร

         "รีบส่งมาเร็วเข้า" ใต้เท้าคิมเร่งเร้า "ข้าไม่เคยขู่ เจ้าก็รู้ดี"

         ซอฮยอนส่ายหน้า "ต่อให้ท่านฆ่าข้าได้ ตราหยกก็ไม่มีวันตกไปอยู่กับท่านหรอกเจ้าค่ะ"

         ขุนนางชั้นเอกยืนนิ่ง เขามองหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา นางเป็นคนที่ใจกล้ายิ่งนัก แต่เสียดายที่อายุสั้น

         "ฆ่านางเสีย" เขาสั่ง

         ทหารติดตามเล็งธนูอีกครั้งแต่ทว่าคราวนี้เขาหยุดชะงัก สีหน้าฉงนบ่งบอกว่าโสตประสาทกำลังได้ยินเสียงแปลกประหลาดอะไรสักอย่างก่อนจะลดคันธนูลง ใต้เท้าคิมเองก็หยุดชะงักพลางเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แต่ความจริงแล้วทุกคนก็เหมือนจะได้สรรพสำเนียงประหลาดเหมือนกันหมด

         "เสียงอะไรกัน..." ใต้เท้าคิมกระซิบ

         ยิ่งเสียงใกล้เข้ามาก็ยิ่งจำแนกออกว่าเป็นอะไรบ้าง ทีนี้มีทั้งเสียงอาวุธ กีบเท้าม้ากระทบพื้น เสียงคนวิ่ง เสียงโห่ร้องอึกทึกแทรกเข้ามาด้วย

         ซอฮยอนยิ้มออกมาทันที "กองกำลังที่อยู่ด้านนอกพระราชฐานชั้นใน กำลังมาถึงที่นี่แล้ว"

         "อะไรนะ!" เชวซังกุงหันมามอง "เจ้ารู้ได้อย่างไร"

         "ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายเจ้าค่ะ รีบเข้าไปในตำหนักกลางก่อน เพราะอีกไม่นานลานหินตรงนี้จะมีการฆ่าฟันเกิดขึ้นแน่นอนเจ้าค่ะ เพราะทหารของใต้เท้าซินซังซอนกับทหารของใต้เท้าคิมแทซุนจะปะทะกัน" ซอฮยอนเตือน

         ใต้เท้ามุนยองนัมวิ่งนำเชวซังกุงกับซอฮยอนไปที่บันไดหินทางขึ้นตำหนักกลางโดยมีซุนฮวาและอีซึลตามมาติดๆ แต่ทว่าซอฮยอนคาดการณ์ผิดไป กองกำลังของใต้เท้าซินบุกเข้ามาก่อนที่พวกนางจะไปถึงตีนบันไดเสียอีก

         เสียงอาวุธปะทะกันดังกึกก้องไปในราตรีพร้อมด้วยเสียงคำรามของมนุษย์ แสงไฟจากลูกธนูและคบเพลิงสว่างวาบเป็นจุดๆ เหล่าทหารที่อยู่ในลานตัดสินใจเลือกอยู่ฝั่งของใต้เท้าซินทันทีเพราะถือว่าเป็นข้ารองบาทพระเจ้าโจจงเหมือนกัน แต่ด้วยกองกำลังของใต้เท้าคิมเองก็มีมากประมาณ การต่อสู้ขับเคี่ยวกันครานี้จึงไม่อาจคาดเดาผลได้เลย

         องค์รัชทายาทรีบพาพระมเหสีกับองค์หญิงดายองเข้าไปในตำหนักกลาง ก่อนจะโผทะยานเข้าสู่สังเวียนรบทันทีพร้อมกับมหาดเล็กโชคังอิน ซอฮยอนทันเห็นเชื้อพระวงศ์หนุ่มแวบหนึ่งแต่ไม่ได้ร้องเรียกเพราะกลัวทำให้พระองค์เสียสมาธิ

         การต่อสู้ถอยร่นมาถึงบันไดทางขึ้นเรื่อยๆ เหล่าคนของกองงานวรรณกรรมต่างพากันหลบการต่อสู้ที่ชุลมุนแล้วพาเพื่อนขึ้นมาบนบันได ตอนนี้ซุนฮวาและอีซึลอยู่ข้างบนเรียบร้อยแล้ว

         "ซอฮยอน ส่งมือมา" ใต้เท้ามุนเรียกหญิงสาว

         ทว่ายังไม่ทันที่ซอฮยอนจะยื่นมือออกไป นางก็ถูกกระแทกอย่างแรงจากใครไม่รู้ ร่างบอบบางล้มลงบนพื้นแบบไม่รู้ทิศทาง เสียงเรียกชื่อหายไป ตอนนี้รอบตัวมีแต่เท้าของทหารที่ต่อสู้กันอยู่ มีหลายคนทีเดียวที่เตะโดนซอฮยอนจนนางต้องยกมือกุมศีรษะ

         "เคร้ง"

         ตราหยกสีทองกระเด็นหลุดจากมือไปไกล 

         "ไม่นะ..." หญิงสาวร้องก่อนจะถลาไปหาตราหยก แต่ไม่ทันเสียแล้ว ตราแผ่นดินโดนหยิบขึ้นไปก่อนที่นางจะไปถึง

         "ขอบใจที่ส่งให้ข้า" คิมซังกุงเหยียดยิ้มก่อนจะลูบตราหยกในมือไปมา




    โปรดติดตามตอนต่อไป

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×