ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #113 : นางในระดับสูง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 949
      57
      11 ม.ค. 63

    ตอนที่ 113 นางในระดับสูง







         ถาดอาหารจากนางในห้องเครื่องถูกยกลำเลียงเข้ามาตามพระที่นั่งของฝ่าบาท พระมเหสีรวมถึงเชื้อพระวงศ์ตามลำดับชั้นยศ ตรงกลางทางปูลาดด้วยพรมแดงที่ทอดยาวไปถึงบันไดหินอันเป็นทางขึ้นสู่ตำหนักใหญ่ เหนือขึ้นไปมีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับอาหารหลากหลาย ผ้าบางสีแดง ขาว เหลือง ทอดยาวจากประตูไปสู่ตัวตำหนักอยู่เหนือศีรษะทุกคน ซอฮยอนเองแม้ได้รับอนุญาตให้สามารถเข้ามาในเขตชั้นในได้แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้หมดว่าบนปะรำพิธีมีอะไรประดับอยู่บ้าง

         นางยืนประจำอยู่รอบนอกร่วมกับเหล่าบุรุษที่ใส่ชุดสีฟ้าขาว ซึ่งบนศีรษะมีหมวกแปลกๆ ประดับอยู่ หญิงสาวไม่เคยเห็นคนเหล่านี้ในวังเลย นางในชั้นต้นคนอื่นๆ ของห้องเขียนหนังสือพากันโบกมือให้อย่างอิจฉาเมื่อเห็นซอฮยอนยืนอยู่ด้านใน หญิงสาวโบกมือตอบ

         "ใต้เท้าแชไปไหน" ชายในชุดขุนนางสีแดงเดินฝ่าคนเข้ามาถามจนซอฮยอนต้องละสายตาจากเพื่อนก่อนจะก้มหัวลง 

         "ยังไม่มาเลยขอรับใต้เท้ามิน" ชายคนหนึ่งหันมาตอบ

         "ฝ่าบาทจะเสด็จอยู่แล้ว ทำไมถึงยังไม่มากัน"

         "ใต้เท้าแชคงติดธุระเลยอาจจะมาสายก็ได้นะขอรับ"

         "แต่ไม่ควรมาทีหลังฝ่าบาท" ชายชุดแดงหันมองรอบตัวอย่างกระสับกระส่าย "เจ้าทำแทนใต้เท้าแชได้รึไม่ ถ้าเขามาไม่ทัน"

         "ไม่ได้หรอกขอรับ" ชายอ่อนวัยกว่าร้องเสียงหลง "ข้าไม่เคยทำมาก่อน อีกอย่างข้าต้องไปคุมทหารที่จะแสดงการยิงปืนด้วย"

         "แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า" ใต้เท้ามินกุมขมับ

         ฉับพลัน ทุกคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง บรรดานางในและซังกุงรีบจัดแถวทันที ทหารรอบด้านก็หยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะยืนนิ่งไม่ไหวติงประจำจุดของตน

         "ฝ่าบาทเสด็จแล้ว" เสียงขันทีคนหนึ่งตะโกนก้อง

         ร่มสีแดงขนาดใหญ่ผ่านเข้ามาประตูมา ซอฮยอนเขย่งปลายเท้าเพื่อจะดูบุรุษซึ่งเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่ศีรษะของขุนนางข้างหน้าบังจนนางไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย

         "ร่วมงานแบบนี้ครั้งแรกหรือ" เสียงถามดังขึ้นจากข้างกาย ซอฮยอนหันไปมอง

         คนถามคือบุรุษที่ใส่ชุดฟ้าขาวสวมหมวกแปลกๆ นั่นเอง

         "เจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบอายๆ "กิริยาข้าคงเหมือนพวกคนได้เข้าร่วมงานราชพิธีหลวงเป็นครั้งแรกสินะเจ้าคะ ท่านจึงมองออก"

         "ปกตินะ" เขาตอบเบาๆ "ครั้งแรกข้าก็ตื่นเต้นแบบเจ้านั่นแหละตอนได้เห็นฝ่าบาทครั้งแรก ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรและทำงานส่วนไหนของฝ่ายในหรือ"

         "ปาร์คซอฮยอนเจ้าค่ะ ทำงานห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรม แล้วท่านเป็นใครเจ้าคะ ไม่เคยเห็นคนแต่งตัวเช่นท่านทำงานในวัง" หญิงสาวถามกลับ แต่ชายหนุ่มนั้นเหมือนตกตะลึงจนไม่ได้ฟังคำถามของนางตอนท้ายเลย

         "เจ้า... เจ้าบอกว่าเจ้าคือซอฮยอนหรือ"

         "เจ้าค่ะ ทำไมหรือเจ้าคะ"

         "เจ้าเองหรือที่เป็นคนเขียนแต่งจดหมายเกี่ยวกับภูตผีปิศาจจนทำให้พวกญี่ปุ่นแพ้สงคราม"

         ซอฮยอนชะงัก "ท่านรู้จัก--"

         "ศึกเกาะวัวใครจะไม่รู้จักบ้างเล่า แต่เป็นไปได้รึนี่ว่าเจ้าคือคนคนนั้นจริงๆ" เขายังคงตกตะลึง

         "เจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้เก่งปานนั้น ข้าแค่แต่งเรื่องและฝากคนไปเผยแพร่ ส่วนที่ทำให้พวกญี่ปุ่นกลัวนั้นต้องพึ่งคนบนเกาะด้วยเจ้าค่ะ ที่ช่วยสร้างอุบายบนภูเขา"

         "แต่จดหมายเจ้ามีคนเล่าลือว่าทำลายขวัญกำลังใจพวกนิจิฮงได้มากโขทีเดียวนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมาเจอตัวจริง"

         "ข้าก็แค่คนเบื้องหลัง เหล่าทหารที่ออกไปสู้ศึกต่างหากที่ควรยกย่อง"

         แต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่ได้ฟังที่หญิงสาวพูดเลย เขาหันไปพูดคุยกับเพื่อนเพื่อนที่มาด้วยกันว่านางคือใครด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เหล่าคนรอบตัวจึงชะเง้อคอมองซอฮยอนอย่างอยากรู้อยากเห็น

         "แล้วท่านกับคนเหล่านี้เป็นใครหรือเจ้าคะ" นางถามชายหนุ่มเพื่อแก้อาการเก้อเขินจากการโดนจับจ้อง

         "ข้าชื่ออินซอง เป็นจิตรกรทำงานที่ศูนย์ศิลปะ คนเหล่านี้ก็เช่นกัน"

         "ท่านมาจากที่นั่นหรอกหรือ ข้าเคยได้ยินแต่ชื่อ"

         "ใช่ เวลามีงานพิธีข้าจะมีหน้าที่มาเขียนภาพตลอด"

         ซอฮยอนก้มลงมองกระดาษตรงหน้าของช่างเขียนหนุ่ม ก็เห็นว่าเขาเริ่มวาดปะรำพิธีและร่างลายผู้คนลงไปแล้วบางส่วน

         "ท่านทำได้อย่างไรกัน" ซอฮยอนกล่าวเบาๆ ด้วยความทึ่ง
     
         "ทำอะไรหรือ"

         "ก็วาดรูปพวกนี้อย่างไรเล่า ท่านวาดราวกับพวกเขาเคลื่อนไหวได้ในกระดาษ ท่านฝึกมาหลายปีแล้วหรือ"

         "หลายปีพอดู แต่ฝีมือข้ายังห่างชั้นนักกับเหล่าจิตรกรเอก" ช่างอินซองตอบ

         "แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฝีมือท่านต้องฉมังแน่ๆ ถึงได้มีโอกาสมาวาดในงานสำคัญเช่นนี้---จริงสิ ท่านวาดเชื้อพระวงศ์มาหมดทุกพระองค์แล้วหรือ" ซอฮยอนถามต่อ

         "ก็หลายพระองค์อยู่แต่ยังไม่ครบหรอก"

         "ท่านเคยวาดรูปอดีตพระชายาฮวารยอนไหมเจ้าคะ"

         ช่างเขียนหนุ่มเงียบไป

         "เจ้าหมายถึงอดีตพระชายาขององค์รัชทายาทลียิมโฮน่ะหรือ"

         "ใช่เจ้าค่ะ ท่านเคยวาดพระนางไหม"

         "ข้าเคยวาดตอนพระนางได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายา แต่ไม่เคยวาดทั้งสองพระองค์คู่กัน" อินซองตอบ

         "ปกติต้องมีภาพเขียนคู่กันไม่ใช่หรือเจ้าคะ"

         "ใช่ แต่องค์รัชทายาทยิมโฮไม่เคยมาให้ช่างเขียนวาดภาพพระองค์คู่กับพระชายาตนเองเลย ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร"

         ซอฮยอนนิ่งเงียบไป ช่างเขียนหนุ่มก้มลงจัดพู่กันก่อนจะพูดต่อว่า

         "แต่หลังพระราชพิธีนี้ องค์รัชทายาทยิมโฮก็ต้องทรงมีรูปวาดคู่แน่นอน"

         "ทำไมหรือเจ้าคะ"
         
         "ก็ทรงดำรงตำแหน่งวังเซจาแล้ว เป็นประมุขของเซจากุงอย่างไรก็ต้องมีพระชายาเคียงข้าง พระมเหสีต้องให้พระโอรสแต่งงานโดยเร็วแน่นอนเพื่อความมั่นคงของสายพระโลหิต" ช่างเขียนหนุ่มตอบ

         "พระชายาหรือ" ซอฮยอนกล่าวออกมาอย่างโหวงๆ ข้างในอกรู้สึกสั่นระรัวพิกล "เช่นนั้น... แล้วคนที่จะคัดเลือกพระชายา เป็นใครหรือเจ้าคะ"

         "หลักๆ เลยก็คือพระมเหสีและผู้ใหญ่ในราชวงศ์ รองลงมาก็พวกขุนนาง เพราะพระชายาต้องคัดเลือกมาจากยังบันที่เป็นครอบครัวขุนนางใหญ่และมีอิทธิพลพอสมควร"

         ซอฮยอนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ข้างในรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ทว่าฉับพลันก็บังเกิดเสียงพลุไฟดังระเบิดอันเป็นสัญญาณแห่งฤกษ์งามยามดี ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนคำนับพระราชาแห่งโชซอนที่กำลังเสด็จขึ้นบันไดหิน และนี่เป็นครั้งแรกที่ซอฮยอนเห็นพระองค์จริงของฝ่าบาทเป็นครั้งแรก

         พระเจ้าโจจงเป็นกษัตริย์ที่ดูแข็งแรงแม้พระเกศาจะมีสีขาวมากกว่าสีดำแล้ว ดวงตากล้าแข็งเปล่งปลั่งทอดมองไปที่ข้าราชบริพารทุกคน พระฉวีขาวผ่องตัดกับสีแดงของชุดคลุมฮง-รยงโพ หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้างประดับเป็นลายมังกรทอง 5 เล็บหรือที่เรียกว่าโอโจ-รยงโบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์เท่านั้น

         หมวกที่สวมใส่ก็ไม่ใช่หมวกดำทรงสูงที่เคยใส่ยามว่าราชการ แต่กลับเป็นมยอน-รยู-กวาน(1) ซึ่งมีสายลูกปัดห้อยลงมา 9 เส้น

         พระมเหสีฮโยฮันก็เสด็จมาในชุดทังอีมังกรสีน้ำเงินเข้ม พระนางอยู่เคียงข้างสวามีในทุกอิริยาบถก่อนจะประทับบนโต๊ะปะรำพิธี

         เห็นเท่านี้ก็คุ้มแล้ว ซอฮยอนคิดในใจ ได้เห็นแค่นี้ก็ปลาบปลื้มใจที่สุดแล้วในชีวิต โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ทว่าความคิดของซอฮยอนก็หยุดชะงักไปกลางคันเมื่อเห็นทหารอีกขบวนเดินเข้าประตูมา เชื้อพระวงศ์ที่เดินนำหน้ามานั้นทำให้หญิงสาวแทบลืมหายใจ... ในที่สุดบุรุษหน้าคมเข้มเย็นชาแววตาขี้เล่นก็ปรากฏกายแล้ว

         องค์รัชทายาทยิมโฮอยู่ในฉลองพระองค์คลุมสีดำที่เรียกว่าฮึก-รยงโพ หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้างมีซาโจ-รยงโบซึ่งก็คือตราสัญลักษณ์มังกร 4 เล็บอันหมายถึงตำแหน่งรัชทายาท พระเศียรประดับหมวกมยอน-รยู-กวานเหมือนฝ่าบาท ต่างกันแค่ของรัชทายาทยิมโฮจะมีสายลูกปัดแค่ 8 เส้น

         ไม่รู้ว่าเพราะชุด หรือเพราะตำแหน่งหรือเพราะอะไรก็ไม่อาจรู้ได้ ซอฮยอนรู้สึกรัชทายาทยิมโฮดูสง่างามและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำทั้งๆ ที่นางเองก็เคยใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์หนุ่มมานับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดหนอคราวนี้จึงใจสั่นสะท้านนัก

         เมื่อรัชทายาทคนใหม่เสด็จไปถึงหน้าโต๊ะปะรำพิธีหน้าตำหนัก ราชเลขาก็ส่งราชโองการให้เจ้ากรมพิธีการเพื่อประกาศเนื้อความแต่งตั้ง ซอฮยอนอยากเข้าไปใกล้กว่านี้เพราะนางไม่ได้ยินเสียงที่ท่านเจ้ากรมประกาศเลยเนื่องจากอยู่ไกลเกินไป ที่ได้เห็นก็แค่เหล่าขุนนางก้มศีรษะลงและเปล่งวาจาทรงพระเจริญเท่านั้น ส่วนพระมเหสีก็แย้มพระสรวลอย่างปลื้มปีติที่ลูกชายได้เป็นวังเซจาเสียที

         เสียงกลองและนางระบำแห่งวังหลวงเริ่มการแสดงทันที นางในห้องเครื่องก็กุลีกุจอยกสำรับอาหารเข้ามาในแถวของเหล่าขุนนางอย่างพร้อมเพรียง ช่างเขียนรอบตัวซอฮยอนก็บรรจงวาดภาพลงในกระดาษสีขาวทันทีอย่างรู้งาน

         "อะไรกันนี่!" ใต้เท้าชุดแดงคนเดิมโผล่เข้ามาพลางมองไปรอบตัว "ใต้เท้าแชยังไม่มาอีกหรือ!"

         "ใต้เท้าคงไม่มาแล้วขอรับใต้เท้ามิน มาช้าเช่นนี้ แสดงว่าอาจติดเรื่องด่วน" บัณฑิตนายหนึ่งหันมาตอบ

         "ไม่เอาไหนจริงๆ พิธีแต่งตั้งรัชทายาทสำคัญแค่ไหนเขาไม่รู้หรือ นอกจากต้องมีช่างวาดภาพคอยวาดงานพิธี ก็ต้องมีคนเขียนบันทึกเหตุการณ์จากห้องเขียนหนังสือมาคอยจดทุกสิ่งในพระราชพิธีอีกด้วย หนอย จบงานเมื่อใดข้าจะไปแจ้งเรื่องนี้ให้หัวหน้ากองงานวรรณกรรมให้รับรู้" ใต้เท้ามินกล่าวอย่างโกรธเคือง "แล้วนี่ไม่มีคนของห้องเขียนหนังสือมาอีกแล้วหรือ"

         "ไม่มีเลยขอรับ พวกเขาอยู่ที่ลานด้านนอกหมด"

         "ทำงานกันประสาอะไรนะ" ใต้เท้ามินร้องออกมาอย่างหมดความอดทน
         
         ช่างเขียนภาพอินซองที่นั่งฟังอยู่หันมาสะกิดซอฮยอน

         "เจ้าคะ?" หญิงสาวหันไปถาม

         "เจ้าเองก็มาจากห้องเขียนหนังสือไม่ใช่หรือ"

         ซอฮยอนรู้ทันทีว่าช่างเขียนหนุ่มหมายถึงอะไร นางรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

         "ไม่เจ้าค่ะ ข้าทำไม่ได้เจ้าค่ะ"

         "นี่เจ้ารู้รึไม่ว่าการบันทึกเหตุการณ์สำคัญในวังหลวงนั้นมีความจำเป็นมากแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนทำ" อินซองพูดเตือนสติ

         "ข้าเป็นแค่นางในนะเจ้าคะ หน้าที่นี้ต้องเป็นของใต้เท้าในกองงานเท่านั้น"

         "ก็เห็นอยู่ว่าใต้เท้าแชอะไรนั่นไม่มา ตรงนี้ก็มีเจ้าเพียงคนเดียว จะรอให้ใครมาทำแทนอีกเล่า"

         "แต่ข้าทำไม่เป็นนะเจ้าคะ"

         "อะไรกัน" ช่างเขียนหนุ่มขมวดคิ้ว "เป็นนางในห้องเขียนหนังสือประสาอะไรถึงจดบันทึกไม่เป็น ข้าไม่เชื่อหรอก ที่เจ้ากำราบพวกญี่ปุ่นได้เพราะไม่ใช่ฝีมือในการเขียนหรอกหรือ"

         ซอฮยอนนิ่งไป

         "นั่นมันโชคช่วยนะเจ้าคะ" นางรีบพูด "แต่ความจริงข้าเองก็ผ่านการอบรมมาบ้างเหมือนกัน แต่ว่า..."

         "ไม่มั่นใจหรือ" เขาถาม "ถ้าไม่มั่นใจ เจ้าจะมาเป็นนางในห้องเขียนหนังสือเพื่ออะไร ตอนข้าเขียนภาพใหม่ๆ ก็เหมือนเจ้านั่นแหละ แต่ข้าก้าวข้ามความกลัวได้ จนในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจให้เข้าวังมาเขียนภาพได้"

         ความกลัวหรือ... ซอฮยอนนึกถึงใต้เท้าซอกึมแฮผู้เป็นอาจารย์ทันที คำสอนที่ว่าให้ดับความกลัวและทลายกำแพงในใจได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

         "มัน... มันไม่เหมือนกันนะเจ้าคะ"

         "ไม่เหมือนกันตรงไหน" อินซองถามก่อนจะหันไปทางใต้เท้าผู้กำลังฉุนเฉียว "ใต้เท้าขอรับ"

         ใต้เท้ามินหันมามอง

         "มีอะไร"

         ช่างเขียนหนุ่มชี้มาที่ซอฮยอน

         "นางในผู้นี้มาจากห้องเขียนหนังสือขอรับ"

         ซอฮยอนตาเบิกค้าง

         "แล้วมาบอกข้าเพื่ออะไร" ใต้เท้ามินย้อนถาม

         "ก็ใต้เท้าหาคนจดบันทึกเหตุการณ์พระราชพิธีอยู่ไม่ใช่หรือขอรับ"

         "ก็ใช่ แต่ข้าหมายถึงใต้เท้าที่ทำงานในห้องเขียนหนังสือ ไม่ได้ถามหานางใน"

         "ใต้เท้าก็รู้ว่าไม่มีใครมาแล้ว ทำไมไม่ให้นางจดบันทึกไปก่อนเล่าขอรับ"

         "นี่เจ้าพูดเล่นหรือเสียสติกันแน่" ขุนนางในชุดสีแดงถลึงตา "ก็เห็นอยู่ว่านางเป็นผู้หญิง จะมาทำได้อย่างไร"

         "ผู้หญิงแล้วมันทำไมหรือขอรับ จิตรกรหญิงที่เขียนภาพงานพิธีในวังก็มีมากมาย"

         "หุบปากนะ นี่มันงานพิธีหลวง จะให้การจดบันทึกทำโดยสตรีไม่ได้ มือผู้หญิงที่จับพู่กันเขียนเรื่องราวสำคัญของบ้านเมืองไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์โชซอน เจ้าเป็นแค่จิตรกรนอกวังจะมารู้อะไร" ใต้เท้ามินตะคอก

         "ทำไมต้องกีดกันเพียงแค่ว่าไม่ใช่บุรุษด้วย เข้าใจผิดไปรึไม่ขอรับว่าผู้หญิงจะต้องฉลาดน้อยกว่าผู้ชาย"

         "นี่เจ้าบังอาจ!"

         "พอเถิดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนกระซิบปรามช่างเขียนหนุ่ม

         "ดี รู้ที่ต่ำที่สูงก็ดี" ใต้เท้ามินกล่าวอย่างดูหมิ่น "แล้วเจ้าเป็นเพียงนางในชั้นต้น ทำไมถึงมาอยู่ในลานชั้นในได้"

         "เพราะฝ่าบาทมีรับสั่งให้นางเข้าเฝ้าขอรับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังใต้เท้ามิน เขาหันไปมอง

         โชคังอินนั่นเอง เขาเดินมาพร้อมกับถือกระดาษใบหนึ่งเข้ามาด้วย

         "เจ้าว่าอะไรนะ! ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นางในผู้นี้เข้าเฝ้าหรือ" 

         "ใช่ขอรับใต้เท้า เพราะนางทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินและมีราชโองการถึงพระมเหสีให้เลื่อนนางจากนางในชั้นต้นเป็นนางในชั้นสูงขอรับ"

         "คุณ... คุณประโยชน์ต่อแผ่นดินหรือ"

         "ใต้เท้ามินน่าจะเคยได้ยินเรื่องญี่ปุ่นบุกเกาะวัว ที่ว่าโชซอนสามารถปกป้องเกาะวัวได้ก็เพราะสตรีคนหนึ่ง" โชคังอินกล่าวยิ้มๆ "สตรีคนนั้นก็คือแม่นางผู้นี้นี่แหละขอรับ"




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    เชิงอรรถ

    (1) มยอน-รยู-กวาน 




       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×