ลำดับตอนที่ #113
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #113 : นางในระดับสูง [100%]
ตอนที่ 113 นางในระดับสูง
ถาดอาหารจากนางในห้องเครื่องถูกยกลำเลียงเข้ามาตามพระที่นั่งของฝ่าบาท พระมเหสีรวมถึงเชื้อพระวงศ์ตามลำดับชั้นยศ ตรงกลางทางปูลาดด้วยพรมแดงที่ทอดยาวไปถึงบันไดหินอันเป็นทางขึ้นสู่ตำหนักใหญ่ เหนือขึ้นไปมีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับอาหารหลากหลาย ผ้าบางสีแดง ขาว เหลือง ทอดยาวจากประตูไปสู่ตัวตำหนักอยู่เหนือศีรษะทุกคน ซอฮยอนเองแม้ได้รับอนุญาตให้สามารถเข้ามาในเขตชั้นในได้แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้หมดว่าบนปะรำพิธีมีอะไรประดับอยู่บ้าง
นางยืนประจำอยู่รอบนอกร่วมกับเหล่าบุรุษที่ใส่ชุดสีฟ้าขาว ซึ่งบนศีรษะมีหมวกแปลกๆ ประดับอยู่ หญิงสาวไม่เคยเห็นคนเหล่านี้ในวังเลย นางในชั้นต้นคนอื่นๆ ของห้องเขียนหนังสือพากันโบกมือให้อย่างอิจฉาเมื่อเห็นซอฮยอนยืนอยู่ด้านใน หญิงสาวโบกมือตอบ
"ใต้เท้าแชไปไหน" ชายในชุดขุนนางสีแดงเดินฝ่าคนเข้ามาถามจนซอฮยอนต้องละสายตาจากเพื่อนก่อนจะก้มหัวลง
"ยังไม่มาเลยขอรับใต้เท้ามิน" ชายคนหนึ่งหันมาตอบ
"ฝ่าบาทจะเสด็จอยู่แล้ว ทำไมถึงยังไม่มากัน"
"ใต้เท้าแชคงติดธุระเลยอาจจะมาสายก็ได้นะขอรับ"
"แต่ไม่ควรมาทีหลังฝ่าบาท" ชายชุดแดงหันมองรอบตัวอย่างกระสับกระส่าย "เจ้าทำแทนใต้เท้าแชได้รึไม่ ถ้าเขามาไม่ทัน"
"ไม่ได้หรอกขอรับ" ชายอ่อนวัยกว่าร้องเสียงหลง "ข้าไม่เคยทำมาก่อน อีกอย่างข้าต้องไปคุมทหารที่จะแสดงการยิงปืนด้วย"
"แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า" ใต้เท้ามินกุมขมับ
ฉับพลัน ทุกคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง บรรดานางในและซังกุงรีบจัดแถวทันที ทหารรอบด้านก็หยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะยืนนิ่งไม่ไหวติงประจำจุดของตน
"ฝ่าบาทเสด็จแล้ว" เสียงขันทีคนหนึ่งตะโกนก้อง
ร่มสีแดงขนาดใหญ่ผ่านเข้ามาประตูมา ซอฮยอนเขย่งปลายเท้าเพื่อจะดูบุรุษซึ่งเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่ศีรษะของขุนนางข้างหน้าบังจนนางไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
"ร่วมงานแบบนี้ครั้งแรกหรือ" เสียงถามดังขึ้นจากข้างกาย ซอฮยอนหันไปมอง
คนถามคือบุรุษที่ใส่ชุดฟ้าขาวสวมหมวกแปลกๆ นั่นเอง
"เจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบอายๆ "กิริยาข้าคงเหมือนพวกคนได้เข้าร่วมงานราชพิธีหลวงเป็นครั้งแรกสินะเจ้าคะ ท่านจึงมองออก"
"ปกตินะ" เขาตอบเบาๆ "ครั้งแรกข้าก็ตื่นเต้นแบบเจ้านั่นแหละตอนได้เห็นฝ่าบาทครั้งแรก ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรและทำงานส่วนไหนของฝ่ายในหรือ"
"ปาร์คซอฮยอนเจ้าค่ะ ทำงานห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรม แล้วท่านเป็นใครเจ้าคะ ไม่เคยเห็นคนแต่งตัวเช่นท่านทำงานในวัง" หญิงสาวถามกลับ แต่ชายหนุ่มนั้นเหมือนตกตะลึงจนไม่ได้ฟังคำถามของนางตอนท้ายเลย
"เจ้า... เจ้าบอกว่าเจ้าคือซอฮยอนหรือ"
"เจ้าค่ะ ทำไมหรือเจ้าคะ"
"เจ้าเองหรือที่เป็นคนเขียนแต่งจดหมายเกี่ยวกับภูตผีปิศาจจนทำให้พวกญี่ปุ่นแพ้สงคราม"
ซอฮยอนชะงัก "ท่านรู้จัก--"
"ศึกเกาะวัวใครจะไม่รู้จักบ้างเล่า แต่เป็นไปได้รึนี่ว่าเจ้าคือคนคนนั้นจริงๆ" เขายังคงตกตะลึง
"เจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้เก่งปานนั้น ข้าแค่แต่งเรื่องและฝากคนไปเผยแพร่ ส่วนที่ทำให้พวกญี่ปุ่นกลัวนั้นต้องพึ่งคนบนเกาะด้วยเจ้าค่ะ ที่ช่วยสร้างอุบายบนภูเขา"
"แต่จดหมายเจ้ามีคนเล่าลือว่าทำลายขวัญกำลังใจพวกนิจิฮงได้มากโขทีเดียวนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมาเจอตัวจริง"
"ข้าก็แค่คนเบื้องหลัง เหล่าทหารที่ออกไปสู้ศึกต่างหากที่ควรยกย่อง"
แต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่ได้ฟังที่หญิงสาวพูดเลย เขาหันไปพูดคุยกับเพื่อนเพื่อนที่มาด้วยกันว่านางคือใครด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เหล่าคนรอบตัวจึงชะเง้อคอมองซอฮยอนอย่างอยากรู้อยากเห็น
"แล้วท่านกับคนเหล่านี้เป็นใครหรือเจ้าคะ" นางถามชายหนุ่มเพื่อแก้อาการเก้อเขินจากการโดนจับจ้อง
"ข้าชื่ออินซอง เป็นจิตรกรทำงานที่ศูนย์ศิลปะ คนเหล่านี้ก็เช่นกัน"
"ท่านมาจากที่นั่นหรอกหรือ ข้าเคยได้ยินแต่ชื่อ"
"ใช่ เวลามีงานพิธีข้าจะมีหน้าที่มาเขียนภาพตลอด"
ซอฮยอนก้มลงมองกระดาษตรงหน้าของช่างเขียนหนุ่ม ก็เห็นว่าเขาเริ่มวาดปะรำพิธีและร่างลายผู้คนลงไปแล้วบางส่วน
"ท่านทำได้อย่างไรกัน" ซอฮยอนกล่าวเบาๆ ด้วยความทึ่ง
"ทำอะไรหรือ"
"ก็วาดรูปพวกนี้อย่างไรเล่า ท่านวาดราวกับพวกเขาเคลื่อนไหวได้ในกระดาษ ท่านฝึกมาหลายปีแล้วหรือ"
"หลายปีพอดู แต่ฝีมือข้ายังห่างชั้นนักกับเหล่าจิตรกรเอก" ช่างอินซองตอบ
"แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฝีมือท่านต้องฉมังแน่ๆ ถึงได้มีโอกาสมาวาดในงานสำคัญเช่นนี้---จริงสิ ท่านวาดเชื้อพระวงศ์มาหมดทุกพระองค์แล้วหรือ" ซอฮยอนถามต่อ
"ก็หลายพระองค์อยู่แต่ยังไม่ครบหรอก"
"ท่านเคยวาดรูปอดีตพระชายาฮวารยอนไหมเจ้าคะ"
ช่างเขียนหนุ่มเงียบไป
"เจ้าหมายถึงอดีตพระชายาขององค์รัชทายาทลียิมโฮน่ะหรือ"
"ใช่เจ้าค่ะ ท่านเคยวาดพระนางไหม"
"ข้าเคยวาดตอนพระนางได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายา แต่ไม่เคยวาดทั้งสองพระองค์คู่กัน" อินซองตอบ
"ปกติต้องมีภาพเขียนคู่กันไม่ใช่หรือเจ้าคะ"
"ใช่ แต่องค์รัชทายาทยิมโฮไม่เคยมาให้ช่างเขียนวาดภาพพระองค์คู่กับพระชายาตนเองเลย ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร"
ซอฮยอนนิ่งเงียบไป ช่างเขียนหนุ่มก้มลงจัดพู่กันก่อนจะพูดต่อว่า
"แต่หลังพระราชพิธีนี้ องค์รัชทายาทยิมโฮก็ต้องทรงมีรูปวาดคู่แน่นอน"
"ทำไมหรือเจ้าคะ"
"ก็ทรงดำรงตำแหน่งวังเซจาแล้ว เป็นประมุขของเซจากุงอย่างไรก็ต้องมีพระชายาเคียงข้าง พระมเหสีต้องให้พระโอรสแต่งงานโดยเร็วแน่นอนเพื่อความมั่นคงของสายพระโลหิต" ช่างเขียนหนุ่มตอบ
"พระชายาหรือ" ซอฮยอนกล่าวออกมาอย่างโหวงๆ ข้างในอกรู้สึกสั่นระรัวพิกล "เช่นนั้น... แล้วคนที่จะคัดเลือกพระชายา เป็นใครหรือเจ้าคะ"
"หลักๆ เลยก็คือพระมเหสีและผู้ใหญ่ในราชวงศ์ รองลงมาก็พวกขุนนาง เพราะพระชายาต้องคัดเลือกมาจากยังบันที่เป็นครอบครัวขุนนางใหญ่และมีอิทธิพลพอสมควร"
ซอฮยอนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ข้างในรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ทว่าฉับพลันก็บังเกิดเสียงพลุไฟดังระเบิดอันเป็นสัญญาณแห่งฤกษ์งามยามดี ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนคำนับพระราชาแห่งโชซอนที่กำลังเสด็จขึ้นบันไดหิน และนี่เป็นครั้งแรกที่ซอฮยอนเห็นพระองค์จริงของฝ่าบาทเป็นครั้งแรก
พระเจ้าโจจงเป็นกษัตริย์ที่ดูแข็งแรงแม้พระเกศาจะมีสีขาวมากกว่าสีดำแล้ว ดวงตากล้าแข็งเปล่งปลั่งทอดมองไปที่ข้าราชบริพารทุกคน พระฉวีขาวผ่องตัดกับสีแดงของชุดคลุมฮง-รยงโพ หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้างประดับเป็นลายมังกรทอง 5 เล็บหรือที่เรียกว่าโอโจ-รยงโบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์เท่านั้น
หมวกที่สวมใส่ก็ไม่ใช่หมวกดำทรงสูงที่เคยใส่ยามว่าราชการ แต่กลับเป็นมยอน-รยู-กวาน(1) ซึ่งมีสายลูกปัดห้อยลงมา 9 เส้น
พระมเหสีฮโยฮันก็เสด็จมาในชุดทังอีมังกรสีน้ำเงินเข้ม พระนางอยู่เคียงข้างสวามีในทุกอิริยาบถก่อนจะประทับบนโต๊ะปะรำพิธี
เห็นเท่านี้ก็คุ้มแล้ว ซอฮยอนคิดในใจ ได้เห็นแค่นี้ก็ปลาบปลื้มใจที่สุดแล้วในชีวิต โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ทว่าความคิดของซอฮยอนก็หยุดชะงักไปกลางคันเมื่อเห็นทหารอีกขบวนเดินเข้าประตูมา เชื้อพระวงศ์ที่เดินนำหน้ามานั้นทำให้หญิงสาวแทบลืมหายใจ... ในที่สุดบุรุษหน้าคมเข้มเย็นชาแววตาขี้เล่นก็ปรากฏกายแล้ว
องค์รัชทายาทยิมโฮอยู่ในฉลองพระองค์คลุมสีดำที่เรียกว่าฮึก-รยงโพ หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้างมีซาโจ-รยงโบซึ่งก็คือตราสัญลักษณ์มังกร 4 เล็บอันหมายถึงตำแหน่งรัชทายาท พระเศียรประดับหมวกมยอน-รยู-กวานเหมือนฝ่าบาท ต่างกันแค่ของรัชทายาทยิมโฮจะมีสายลูกปัดแค่ 8 เส้น
ไม่รู้ว่าเพราะชุด หรือเพราะตำแหน่งหรือเพราะอะไรก็ไม่อาจรู้ได้ ซอฮยอนรู้สึกรัชทายาทยิมโฮดูสง่างามและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำทั้งๆ ที่นางเองก็เคยใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์หนุ่มมานับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดหนอคราวนี้จึงใจสั่นสะท้านนัก
เมื่อรัชทายาทคนใหม่เสด็จไปถึงหน้าโต๊ะปะรำพิธีหน้าตำหนัก ราชเลขาก็ส่งราชโองการให้เจ้ากรมพิธีการเพื่อประกาศเนื้อความแต่งตั้ง ซอฮยอนอยากเข้าไปใกล้กว่านี้เพราะนางไม่ได้ยินเสียงที่ท่านเจ้ากรมประกาศเลยเนื่องจากอยู่ไกลเกินไป ที่ได้เห็นก็แค่เหล่าขุนนางก้มศีรษะลงและเปล่งวาจาทรงพระเจริญเท่านั้น ส่วนพระมเหสีก็แย้มพระสรวลอย่างปลื้มปีติที่ลูกชายได้เป็นวังเซจาเสียที
เสียงกลองและนางระบำแห่งวังหลวงเริ่มการแสดงทันที นางในห้องเครื่องก็กุลีกุจอยกสำรับอาหารเข้ามาในแถวของเหล่าขุนนางอย่างพร้อมเพรียง ช่างเขียนรอบตัวซอฮยอนก็บรรจงวาดภาพลงในกระดาษสีขาวทันทีอย่างรู้งาน
"อะไรกันนี่!" ใต้เท้าชุดแดงคนเดิมโผล่เข้ามาพลางมองไปรอบตัว "ใต้เท้าแชยังไม่มาอีกหรือ!"
"ใต้เท้าคงไม่มาแล้วขอรับใต้เท้ามิน มาช้าเช่นนี้ แสดงว่าอาจติดเรื่องด่วน" บัณฑิตนายหนึ่งหันมาตอบ
"ไม่เอาไหนจริงๆ พิธีแต่งตั้งรัชทายาทสำคัญแค่ไหนเขาไม่รู้หรือ นอกจากต้องมีช่างวาดภาพคอยวาดงานพิธี ก็ต้องมีคนเขียนบันทึกเหตุการณ์จากห้องเขียนหนังสือมาคอยจดทุกสิ่งในพระราชพิธีอีกด้วย หนอย จบงานเมื่อใดข้าจะไปแจ้งเรื่องนี้ให้หัวหน้ากองงานวรรณกรรมให้รับรู้" ใต้เท้ามินกล่าวอย่างโกรธเคือง "แล้วนี่ไม่มีคนของห้องเขียนหนังสือมาอีกแล้วหรือ"
"ไม่มีเลยขอรับ พวกเขาอยู่ที่ลานด้านนอกหมด"
"ทำงานกันประสาอะไรนะ" ใต้เท้ามินร้องออกมาอย่างหมดความอดทน
ช่างเขียนภาพอินซองที่นั่งฟังอยู่หันมาสะกิดซอฮยอน
"เจ้าคะ?" หญิงสาวหันไปถาม
"เจ้าเองก็มาจากห้องเขียนหนังสือไม่ใช่หรือ"
ซอฮยอนรู้ทันทีว่าช่างเขียนหนุ่มหมายถึงอะไร นางรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
"ไม่เจ้าค่ะ ข้าทำไม่ได้เจ้าค่ะ"
"นี่เจ้ารู้รึไม่ว่าการบันทึกเหตุการณ์สำคัญในวังหลวงนั้นมีความจำเป็นมากแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนทำ" อินซองพูดเตือนสติ
"ข้าเป็นแค่นางในนะเจ้าคะ หน้าที่นี้ต้องเป็นของใต้เท้าในกองงานเท่านั้น"
"ก็เห็นอยู่ว่าใต้เท้าแชอะไรนั่นไม่มา ตรงนี้ก็มีเจ้าเพียงคนเดียว จะรอให้ใครมาทำแทนอีกเล่า"
"แต่ข้าทำไม่เป็นนะเจ้าคะ"
"อะไรกัน" ช่างเขียนหนุ่มขมวดคิ้ว "เป็นนางในห้องเขียนหนังสือประสาอะไรถึงจดบันทึกไม่เป็น ข้าไม่เชื่อหรอก ที่เจ้ากำราบพวกญี่ปุ่นได้เพราะไม่ใช่ฝีมือในการเขียนหรอกหรือ"
ซอฮยอนนิ่งไป
"นั่นมันโชคช่วยนะเจ้าคะ" นางรีบพูด "แต่ความจริงข้าเองก็ผ่านการอบรมมาบ้างเหมือนกัน แต่ว่า..."
"ไม่มั่นใจหรือ" เขาถาม "ถ้าไม่มั่นใจ เจ้าจะมาเป็นนางในห้องเขียนหนังสือเพื่ออะไร ตอนข้าเขียนภาพใหม่ๆ ก็เหมือนเจ้านั่นแหละ แต่ข้าก้าวข้ามความกลัวได้ จนในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจให้เข้าวังมาเขียนภาพได้"
ความกลัวหรือ... ซอฮยอนนึกถึงใต้เท้าซอกึมแฮผู้เป็นอาจารย์ทันที คำสอนที่ว่าให้ดับความกลัวและทลายกำแพงในใจได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
"มัน... มันไม่เหมือนกันนะเจ้าคะ"
"ไม่เหมือนกันตรงไหน" อินซองถามก่อนจะหันไปทางใต้เท้าผู้กำลังฉุนเฉียว "ใต้เท้าขอรับ"
ใต้เท้ามินหันมามอง
"มีอะไร"
ช่างเขียนหนุ่มชี้มาที่ซอฮยอน
"นางในผู้นี้มาจากห้องเขียนหนังสือขอรับ"
ซอฮยอนตาเบิกค้าง
"แล้วมาบอกข้าเพื่ออะไร" ใต้เท้ามินย้อนถาม
"ก็ใต้เท้าหาคนจดบันทึกเหตุการณ์พระราชพิธีอยู่ไม่ใช่หรือขอรับ"
"ก็ใช่ แต่ข้าหมายถึงใต้เท้าที่ทำงานในห้องเขียนหนังสือ ไม่ได้ถามหานางใน"
"ใต้เท้าก็รู้ว่าไม่มีใครมาแล้ว ทำไมไม่ให้นางจดบันทึกไปก่อนเล่าขอรับ"
"นี่เจ้าพูดเล่นหรือเสียสติกันแน่" ขุนนางในชุดสีแดงถลึงตา "ก็เห็นอยู่ว่านางเป็นผู้หญิง จะมาทำได้อย่างไร"
"ผู้หญิงแล้วมันทำไมหรือขอรับ จิตรกรหญิงที่เขียนภาพงานพิธีในวังก็มีมากมาย"
"หุบปากนะ นี่มันงานพิธีหลวง จะให้การจดบันทึกทำโดยสตรีไม่ได้ มือผู้หญิงที่จับพู่กันเขียนเรื่องราวสำคัญของบ้านเมืองไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์โชซอน เจ้าเป็นแค่จิตรกรนอกวังจะมารู้อะไร" ใต้เท้ามินตะคอก
"ทำไมต้องกีดกันเพียงแค่ว่าไม่ใช่บุรุษด้วย เข้าใจผิดไปรึไม่ขอรับว่าผู้หญิงจะต้องฉลาดน้อยกว่าผู้ชาย"
"นี่เจ้าบังอาจ!"
"พอเถิดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนกระซิบปรามช่างเขียนหนุ่ม
"ดี รู้ที่ต่ำที่สูงก็ดี" ใต้เท้ามินกล่าวอย่างดูหมิ่น "แล้วเจ้าเป็นเพียงนางในชั้นต้น ทำไมถึงมาอยู่ในลานชั้นในได้"
"เพราะฝ่าบาทมีรับสั่งให้นางเข้าเฝ้าขอรับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังใต้เท้ามิน เขาหันไปมอง
โชคังอินนั่นเอง เขาเดินมาพร้อมกับถือกระดาษใบหนึ่งเข้ามาด้วย
"เจ้าว่าอะไรนะ! ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นางในผู้นี้เข้าเฝ้าหรือ"
"ใช่ขอรับใต้เท้า เพราะนางทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินและมีราชโองการถึงพระมเหสีให้เลื่อนนางจากนางในชั้นต้นเป็นนางในชั้นสูงขอรับ"
"คุณ... คุณประโยชน์ต่อแผ่นดินหรือ"
"ใต้เท้ามินน่าจะเคยได้ยินเรื่องญี่ปุ่นบุกเกาะวัว ที่ว่าโชซอนสามารถปกป้องเกาะวัวได้ก็เพราะสตรีคนหนึ่ง" โชคังอินกล่าวยิ้มๆ "สตรีคนนั้นก็คือแม่นางผู้นี้นี่แหละขอรับ"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
(1) มยอน-รยู-กวาน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น