ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #114 : เจ้ากรมพิธีการ [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 619
      44
      11 ธ.ค. 62

    ตอนที่ 114 เจ้ากรมพิธีการ





         "อะ... อะไรนะ!" ใต้เท้ามินตกตะลึงตัวแข็ง "คือนาง... คือนางเองหรอกหรือ"

         "ใช่ขอรับ คือนางผู้นี้ไม่ผิดแน่นอน" โชคังอินตอบอย่างฉะฉานก่อนจะหันไปหาซอฮยอน "ลำดับการเข้าเฝ้าฝ่าบาทและพระมเหสีของเจ้าจะอยู่ท้ายๆ ฉะนั้นจงเตรียมตัวให้ดี แล้วข้าจะมาเรียกอีกหน" พูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

         ซอฮยอนยืนนิ่งด้วยความคาดไม่ถึง หญิงสาวไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มหาดเล็กคนสนิทประจำองค์รัชทายาทบอกนั้นเป็นความจริง นี่นางได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ.... อีกทั้งยังจะได้เลื่อนเป็นนางในระดับสูงอีกด้วย

         "วิเศษแท้!" ช่างเขียนอินซองปรบมืออย่างดีใจจนหลายคนแถวนั้นสะดุ้ง "เจ้าจะได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทรึนี่ ข้ามั่นใจว่าต้องได้รับปูนบำเหน็จอย่างงามแน่" 

         "ข้าต้องเข้าเฝ้าจริงๆ หรือเจ้าคะ" ซอฮยอนพูดเสียงสั่น "แต่ข้าไม่เคยมาก่อน"

         "คนเราก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ จะตื่นเต้นก็ไม่แปลก แต่คนทั้งแผ่นดินล้วนแล้วแต่อยากเข้าเฝ้าฝ่าบาทนะ ข้ายังไม่มีวาสนาสักที" ช่างเขียนหนุ่มรำพึง

         ใต้เท้ามินที่ยืนฟังอยู่ตลอดนั้นจับจ้องมองดูซอฮยอนอย่างพินิจพิจารณา แววตาแต่เดิมที่มีเพียงความอคตินั้นบัดนี้มันจางหายลงไปช้าๆ ทว่าก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยเจือปน เขาหยุดนิ่งสักพักคล้ายจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจก่อนจะหันไปมองการแสดงบริเวณกลางลานหินที่มีสตรีในชุดหลากสียาวกรุยกรายเริงระบำอยู่

         "ที่ผ่านมาข้าได้ยินแต่เรื่องเล่าและการบอกปากต่อปาก แต่ยังไม่เห็นฝีมือของเจ้ากับตา เช่นนั้นเจ้าช่วยบันทึกเหตุการณ์ในวันนี้ลงไปในหนังสือได้รึไม่" ใต้เท้ามินพูดขึ้นพลางส่งหนังสือเล่มหนาให้หญิงสาว

         ซอฮยอนกับช่างเขียนหนุ่มมองหน้ากันทันที

         "นี่แสดงว่าใต้เท้าเชื่อในฝีมือของแม่นางผู้นี้แล้วใช่รึไม่ขอรับ" อินซองถาม

         "ยังหรอก ข้าแค่อยากเห็นว่านางเก่งสมคำร่ำลือรึไม่ ฉะนั้นจงเขียนออกมาให้ข้าดู"

         เมื่ออินซองเห็นหญิงสาวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่จึงรีบบอกให้นางนั่งลงและส่งแป้นหมึกกับพู่กันให้ "เร็วเข้าสิ ใต้เท้าไว้ใจเจ้าแล้ว"

         ซอฮยอนรับหนังสือสำคัญที่บันทึกเหตุการณ์ในโชซอนมาจากขุนนางชั้นเอกอย่างไม่แน่ใจ นางนั่งลงช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใต้เท้ามิน

         "แล้วใต้เท้าจะให้ข้าเขียนถึงส่วนไหนก่อนเจ้าคะ"

         ใต้เท้าทำทีมองไปทางเหล่าสตรีเริงระบำก่อนจะตอบว่า "เอาการแสดงกลางลานก่อนแล้วกัน แต่ว่า..." เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยจนจบ

         "เจ้าต้องเขียนออกมาให้เป็นกลอนเท่านั้น"

         "อะไรนะเจ้าคะ!" ซอฮยอนตกใจ

         "เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ข้าให้เจ้าเขียนสิ่งที่เห็นลงในหนังสือเป็นกลอน หวังว่าจะไม่เกินความสามารถเจ้าใช่ไหม"

         "เป็นกลอนหรือขอรับ" ช่างเขียนหนุ่มจากที่ดีใจตอนแรกนั้นเปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที "มันจะไม่ยากไปหน่อยหรือขอรับ เขียนสิ่งที่เห็นออกมาให้แจ่มชัดสำหรับคนอ่านก็ยากแล้ว นี่ต้องเขียนเป็นกลอนอีก"

         "ช่างเขียนอินซอง" ซอฮยอนกล่าวขึ้นเบาๆ "ข้าจะทำเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ! นี่มันบันทึกของแผ่นดินนะ เจ้าแน่ใจหรือ"

         "ไหนตอนแรกท่านดูจะผลักดันข้าให้เขียนนักเขียนหนาเล่าเจ้าคะ ตอนนี้ทำไมไม่แน่ใจเสียอย่างนั้น"

         "ก็ข้าไม่รู้นี่ว่ามันจะเป็นกลอน"

         "ข้าจะลองดูเจ้าค่ะ"

         "ดีมาก มั่นใจเช่นนี้ก็ดี ฉะนั้นจงรีบเขียนออกมาเถิด" ใต้เท้ามินพูดตัดบททั้งคู่

         ซอฮยอนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะจัดวางที่นั่งของตนให้สามารถทอดสายตามองไปยังคณะการแสดงตรงกลางลานหินได้อย่างสะดวก จากนั้นก็เริ่มฝนหมึกช้าๆ ตามที่เชวซังกุงเคยสอน นางก้มลงเลือกพู่กันอยู่พักใหญ่และหยิบอันที่เลือกขึ้นมาจุ่มในน้ำหมึก

         คำสอนของใต้เท้ากึมแฮหวนเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง ทุกคำพูด ทุกวลี ทุกประโยค หญิงสาวรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งสำหรับการเขียนในครั้งนี้ จนเมื่อเริ่มมีสมาธิมากขึ้น นางรู้สึกว่าความกลัวในใจมันค่อยๆ เลือนหายไปอย่างน่าประหลาด 

         ซอฮยอนลืมตาขึ้นและเพ่งมองไปที่การแสดง นางพยายามจดจำทุกอิริยาบถของนางระบำจนขึ้นใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ยกแขนขา สะบัดตามจังหวะใดๆ หญิงสาวบันทึกมันทุกอย่างลงในความทรงจำ สิ่งที่ยากตอนนี้คงจะเป็นเครื่องแต่งกายและคาเชที่สูงเด่น เพราะเหล่านักแสดงต่างประดับประดาปิ่นต่างๆ จนไม่สามารถแยกออกว่าใครใส่อะไรบ้าง

         "เจ้าดูหนักใจนะ" ใต้เท้ามินพูดขึ้น

         "เจ้าค่ะใต้เท้า เพราะเป็นครั้งแรกของข้า" ซอฮยอนตอบ

         "บททดสอบของขุนนางที่จะเข้าทำงานในกองงานวรรณกรรมยากกว่านี้หลายเท่านัก ถ้าเจ้าคิดว่าสามารถทำทุกอย่างให้เหมือนผู้ชายได้ เจ้าก็ต้องผ่านสิ่งนี้ไปให้ได้"

         ใต้เท้ามินแอบซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่มิด แม้เขาจะทึ่งที่แม่นางตรงหน้าเป็นผู้ที่ทำให้โชซอนไม่เสียแผ่นดินให้ญี่ปุ่น แต่เขาก็ยังคิดว่าสตรีไม่มีทางที่จะมาทำอะไรได้เหมือนบุรุษแน่นอน จะเป็นไปได้หรือที่จะให้นางในมาทำงานที่เป็นหน้าที่ของใต้เท้า มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวังหลวง และเขาจะต้องทำให้นางรู้ซึ้งในข้อนี้

         ซอฮยอนหลังจากจดจำทุกอย่างที่เห็นไว้เป็นมโนภาพเรียบร้อย นางก็ค่อยๆ จรดปลายพู่กันลงบนกระดาษอย่างช้าๆ

         ช่างเขียนภาพอินซองชะเง้อคอมองในกระดาษที่ซอฮยอนกำลังเขียน เขาค่อนข้างตกใจที่นางเริ่มต้นแต่งกลอนได้ไวขนาดนี้

         แต่นั่นปกติสำหรับใต้เท้ามิน เขามองว่าการที่หญิงสาวเริ่มแต่งอย่างรวดเร็วนั้นไม่ได้บ่งชี้ว่าเก่งกาจอะไร เขาจึงทำสีหน้าเย็นชาตามเดิม

         ซอฮยอนเขียนคำศัพท์ต่างๆ ลงในกระดาษอีกแผ่น ก่อนจะเรียบเรียงทีละวรรค จะเห็นได้ว่านางมิได้ประมาทเขียนลงไปในสมุดบันทึกของจริงทันที ซึ่งนั่นก็ถูกต้องแล้วเพราะการแต่งกลอนย่อมมีโอกาสการแก้ไขสูง

         ไม่นาน หญิงสาวจากห้องเขียนหนังสือก็แต่งกลอนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะบรรจงคัดลอกลงในหนังสือบันทึกเล่มหนา เมื่อตรวจทานดูอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้วจึงส่งให้ใต้เท้ามินรับไปอ่าน

         ใต้เท้าในชุดสีแดงรับหนังสือมาก่อนจะกวาดตาไปที่กลอนของซอฮยอน ซึ่งมีใจความดังนี้

         "โบกสะบัดพัสตร์พลิ้วลิ่วลอยเลื่อน

    สองเท้าเคลื่อนเข้าจังหวะพร้อมหัตถา

    เวียนหมุนต่อรอบวงสิบกัลยา

    กลองมหึมาตั้งกลางวางสำคัญ

    มือนางชูบวงสรวงสู่ห้วงฟ้า

    กอบบุปผาร้อยเลิศเชิดดวงขวัญ

    บั้นเอวคอดคอระหงอยู่ครามครัน

    แววตาพลันสิ้นแสงแรงยินดี"

         ใต้เท้ามินรู้สึกเหมือนถูกอะไรต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงหนหนึ่ง เขาสะบัดศีรษะก่อนจะตั้งต้นอ่านอีกที คราวนี้ดูตั้งใจกว่าเดิม ดวงตาหรี่แคบลงทุกบรรทัดที่อ่าน

         ซอฮยอนจับสังเกตได้ว่าเขาตกตะลึงไม่น้อย หลายหนที่อากัปกิริยาของเขาจะอ่านไปด้วยและหันมามองหน้าซอฮยอนไปด้วยเหมือนจะไม่อยากเชื่อ

         "กลอนสองบทนี้" ใต้เท้ามินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงคลางแคลง "เจ้าแต่งเองแน่หรือ"

         "เจ้าค่ะใต้เท้า"

         "ไม่ได้จำ หรือไปลอกใครมาใช่รึไม่"

         "ไม่ใช่เจ้าค่ะ"

         ใต้เท้ามินเพ่งมองหน้าซอฮยอนราวกับจะจับผิด แต่เมื่อหญิงสาวสู้สายตากลับมาเขาจึงพูดว่า

         "ถือเป็นกลอนที่ไพเราะมาก ดึงความงามของนางระบำออกมาได้อย่างดี สรรคำได้เก่งนัก" เขาหยุดไปพักหนึ่งพลางยิ้มมุมปาก "แต่ถ้านี่เป็นการสอบ ข้าจะไม่ให้เจ้าผ่าน"

         ซอฮยอนก้มหน้าลง ส่วนช่างเขียนภาพอินซองได้ยินก็ขมวดคิ้ว

         "กลอนนางไพเราะปานนั้น เหตุใดใต้เท้าจึงไม่ให้ผ่านขอรับ"

         "กลอนของนางดูดีทั้งหมด ยกเว้นวรรคสุดท้ายที่ว่า แววตาพลันสิ้นแสงแรงยินดี ซึ่งความหมายเป็นเชิงไม่ดี แปลคร่าวๆ แววตาของนางระบำหาได้มีความสุขไม่ ซึ่งถ้าอ่านตั้งแต่วรรคแรก จะเห็นว่าซอฮยอนพรรณนาด้านดีและดึงความงามต่างๆ ออกมามากมาย แต่วรรคสุดท้ายกลับขัดกับทุกอย่าง และโผล่มาเหมือนจะตัดอารมณ์ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสับสนกับคำศัพท์รึไม่ แต่ที่รู้ๆ ที่ข้าไม่ให้เจ้าผ่านเพราะจุดนี้" ใต้เท้ามินตอบ

         ช่างเขียนหนุ่มมองหน้าซอฮยอนเงียบๆ แอบผิดหวังในใจเล็กน้อยว่าทำไมนางถึงเข้าใจในความหมายของคำผิดไปได้ถึงขนาดนั้น 

         "ฉะนั้นจงกลับไปศึกษาให้มากพอเถิดก่อนจะมาอยู่จุดนี้" ใต้เท้ามินพูดปิดท้ายพลางหันหลังเดินจากไป

         "ใต้เท้าเจ้าคะ" ซอฮยอนเรียก ขุนนางชั้นเอกหยุดกึก "วรรคสุดท้าย ที่ข้าแต่งไปแบบนั้น ข้าไม่ได้เข้าใจผิดเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าตั้งใจใช้แบบนั้น"

         "อะไรนะ! รู้ว่าผิดก็ยังใช้อย่างนั้นหรือ"

         "ไม่ใช่เจ้าค่ะใต้เท้า ที่ข้าใช้เพราะไม่คิดว่ามันผิดต่างหากเจ้าค่ะ"

         ใต้เท้ามินหันกลับมามอง

         "เหตุใดถึงมั่นใจนักว่าตนเองไม่ผิด"
         
         "กลอนที่ข้าแต่ง ใต้เท้าเข้าใจถูกแล้วเจ้าค่ะว่าส่วนมากล้วนกล่าวถึงความงดงามของนางระบำและองค์ประกอบต่างๆ  ทั้งกลอง ดอกไม้ อาภรณ์ในด้านดี ส่วนวรรคสุดท้ายที่ข้าแต่งไปแบบนั้นเพราะเห็นแววตานางระบำเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าค่ะ"

         ใต้เท้ามินชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองการแสดงตรงกลางลานหินอีกครั้ง

         "ข้าแค่เขียนทุกอย่างที่เห็นออกมา" ซอฮยอนพูดต่อไป "แววตาของพวกนาง ถ้าหากใต้เท้าดูดีๆ จะพบว่ามีความอิดโรยอย่างหนัก คล้ายเหนื่อยหน่ายเต็มกำลัง แม้ปากจะแย้มยิ้มหรือร่างกายร่ายรำให้อ่อนช้อยเพียงใด แววตาที่ส่งออกมาก็ไม่มีทางโกหกได้เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าพวกนางอดนอนกันก่อนจะมาแสดงในงานนี้หรือไม่ แต่ที่รู้ๆ คือ แววตาพลันสิ้นแสงแรงยินดี ดังที่ข้าแต่งไว้ทุกประการเจ้าค่ะ"

         ใต้เท้ามินอ้าปากค้าง พอซอฮยอนพูดขึ้นมา เขาก็เห็นจริงดังนางว่า พวกนางระบำดูอ่อนเพลียจริงๆ แววตานั้นหม่นหมองหาได้ยินดีในงานฉลองไม่

         "เจ้าเห็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ"

         "คนอื่นก็เห็นได้เหมือนข้ากันทั้งนั้นเจ้าค่ะถ้าสังเกตดีๆ ใต้เท้ากึมแฮสอนข้าว่าการเขียนอะไรออกมาต้องมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่จะจรดพู่กันเขียน หากเห็นอย่างหนึ่ง แต่เขียนอย่างหนึ่ง สิ่งที่เขียนออกมาก็ไม่ต่างจากคำลวง สำหรับครั้งนี้ ข้าเห็นว่าไม่ควรเขียนให้ผิดจากความเป็นจริง จึงตัดสินใจแต่งไปแบบนั้นเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบพลางก้มศีรษะ

         ทั้งใต้เท้ามินและช่างเขียนภาพต่างอ้าปากค้างกับคำพูดของหญิงสาว แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมา มหาดเล็กโชคังอินก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยว่า

         "ซอฮยอน ถึงเวลาเจ้าเข้าเฝ้าแล้ว"

         "อะ... อะไรนะเจ้าคะ" ซอฮยอนตั้งตัวไม่ถูก 

         "อะไรกัน ลืมที่ข้าสั่งไปรึอย่างไร รีบตามข้ามาเร็วเข้า" โชคังอินพูดรัวเร็วพลางเดินนำหน้า หญิงสาวคำนับให้ใต้เท้ามินก่อนจะเดินตามโชคังอินไปทันที ทิ้งให้ขุนนางชั้นเอกมองตามอย่างไม่ละสายตา

         "เจ้าพูดอะไรกับใต้เท้ามินชางคูอย่างนั้นหรือ" โชคังอินถามหญิงสาวเมื่อเดินออกมาได้ไกลพอสมควร "ทำไมเขาจ้องเจ้าเช่นนั้นเล่า"

         "ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ข้าแค่อธิบายถึงกลอนที่แต่งให้เขาฟังแค่นั้น" ซอฮยอนตอบ

         "กลอนอะไรหรือ" มหาดเล็กหนุ่มสงสัย

         "เขาให้ข้าแต่งกลอนขึ้นมาเจ้าค่ะ เกี่ยวกับนางระบำในงานฉลอง ซึ่งเขาคิดว่าข้าเข้าใจความหมายของคำผิด ข้าจึงอธิบายเจ้าค่ะ"

         "เจ้านี่นะ ช่างไม่กลัวเกรงอะไรเลย รู้รึไม่ว่านั่นคือใคร"

         "ไม่รู้เจ้าค่ะ แต่คงเป็นขุนนางชั้นเอกคนหนึ่ง"

         "ขุนนางชั้นเอกคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ" โชคังอินทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ "นั่นไม่ใช่ขุนนางชั้นเอกธรรมดานะ แต่เป็นเจ้ากรมพิธีการมินชางคู"

         ซอฮยอนตาเบิกค้าง

         "นั่น... นั่นคือเจ้ากรมพิธีการหรือเจ้าคะ"

         "ถูกต้อง เขาเป็นใต้เท้าสูงสุดที่ดูแลงานพิธีการทุกอย่างในวังหลวง อย่างกองงานวรรณกรรมก็เป็นหนึ่งในความควบคุมของเขา เวลาจะมีใครขึ้นลงตำแหน่งต่างๆ ก็จะขึ้นอยู่กับใต้เท้ามินชางคูบัญชาแต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าหากเจ้าจะไม่สร้างเรื่องบาดหมางกับเขา"

         สีหน้าซอฮยอนสลดลง

         "คงไม่ทันแล้วแหละเจ้าค่ะ เพราะข้าเถียงเขาไว้เยอะมาก"

         "เอาเถอะ ข้าว่าตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลย เตรียมตัวเข้าเฝ้าฝ่าบาทเถิด ถัดจากคนข้างหน้า ก็เป็นเจ้าแล้ว อย่าทำตัวเปิ่นต่อหน้าพระพักตร์เด็ดขาด เข้าใจรึไม่" 

         "อะไรนะเจ้าคะ แล้วท่านไม่ไปพร้อมข้าหรือ" ซอฮยอนตกใจ

         "ไม่ เจ้าคนเดียว"

         "ปาร์คซอฮยอน เชิญเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้" เสียงขันทีที่ยืนหน้าปะรำพิธีประกาศก่อนจะผายมือให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านใน นางหันมามองโชคังอินก็เห็นเขาพยักหน้าให้กำลังใจก่อนจะเดินหายไป

         ซอฮยอนตัดสินใจพลางเป่าปากช้าๆ รู้สึกตัวสั่นเทาทีเดียวเมื่อก้าวขาเข้าไปข้างใน






    โปรดติดตามตอนต่อไป



         

         







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×