ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #184 : ความหลังของคนทรง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 498
      41
      1 พ.ค. 63

    ตอนที่ 184 ความหลังของคนทรง






         คนทรงยิ้มมุมปาก ซึ่งนั่นมันทำให้นางดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า "คนธรรมดาสามัญอย่างเจ้าไม่มีทางล่วงรู้หรอก ข้าคือคนที่ฟ้าเลือกมาให้ทำการนี้ มันคือการต้องของเทพเบื้องบน จงสำนึกเอาไว้ให้มากข้าคือคนที่จะมาปลดปล่อยพวกเจ้า"

         "ไร้สานะ ท่านพูดอะไร ท่านเป็นบ้าหรือ" ซอฮยอนสวนกลับ

         "อย่านะ!" นางใช้มือข้างที่กระพรวนชี้หน้าหญิงสาว "อย่าบังอาจมาดูหมิ่นข้า หาไม่เทพเจ้าจะลงโทษเจ้า"

         "ท่านต้องเป็นบ้าแน่ๆ" ซอฮยอนพูดต่อไป "จงหยุดการกระทำของท่านเสีย แล้วข้าจะช่วยพูดให้ว่าท่านถูกใต้เท้าคิมแทซุนบังคับมา"

         "ฮะฮ่า" มูดังสูงอายุร้องออกมาดังลั่นจนซอฮยอนตกใจ สักพักนางก็ค่อยๆ เริ่มร่ายรำพลางสะบัดกระพรวนในมือไปด้วย ปากก็พร่ำพูดภาษาอะไรสักอย่างที่ฟังดูสยดสยอง

         "หยุดนะ!" หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหู "หยุดเดี๋ยวนี้!"

         "เจ้ากล้ารุกล้ำพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมอันเข้มขลังของข้า ตอนนี้คำสาปกำลังกลุ้มรุมทำร้ายเจ้า อ้อนวอนข้าสิ อ้อนวอนให้ข้าล้างคำสาปนั้นให้" คนทรงพูดเสียงดัง

         ผู้หญิงคนนี้ต้องวิปลาสไม่ก็ป่วยอย่างแน่แท้ ซอฮยอนคิดในใจ "ท่านเลิกบ้าได้แล้ว ไม่มีพลังอะไรทั้งนั้น ที่ท่านทำก็แค่พิธีกรรมอุบาทว์ เลิกเพ้อเจ้อกับไสยศาสตร์มนตร์ดำเสียที แล้วบอกข้ามาตามตรงว่าท่านทำอะไรกับฝ่าบาท"

         "ถุย!" นางคนทรงเจ้าเข้าผีบ้วนน้ำจากปากตัวเองให้พุ่งใส่ซอฮยอน โชคดีที่นางเอี้ยวตัวหลบทันมันจึงไม่ได้กระเด็นมาเลอะเนื้อตัวนาง

         "นี่ท่าน..." ซอฮยอนเริ่มโมโห "ถ้าท่านไม่หยุด อย่าหาว่าข้ารังแกคนแก่นะ"

         แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจไม่ นางยังคงร่ายรำและแหกปากร้องตะโกนสุดเสียง บางจังหวะก็ทำเสียงครืดคราดในลำคอพร้อมกับตาเหลือกลาน 

         ซอฮยอนส่ายหน้าไปมา นี่แหละหนาคนงมงายหลงผิด เมื่อหลงหนักเข้าก็กลายเป็นหลอกตัวเองสะกดจิตตัวเอง ดูๆ ไปก็น่าเห็นใจเหมือนกัน เพราะมูดังสตรีก็คือพวกชนชั้นทาส หาทางทำมาหากินอย่างอื่นหรือไปใช้แรงงานไม่ได้ ความสวยก็ไม่มีพอจะเป็นนางโลมจึงต้องมาทำอาชีพนี้  บางคนก็ทำเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ แต่บางคนก็ตั้งตนว่าเป็นผู้วิเศษหลอกลวงผู้อื่นเพื่อกอบโกยเงินทอง หลายคนสามารถดูดเงินในถุงของเหล่าขุนนางและภริยาขุนนางผู้งมงายมาได้นักต่อนัก มูดังผู้นี้ก็คงจะเป็นประเภทเดียวกัน ซึ่งซอฮยอนเองก็อยากจะสงสารนาง แต่การลบหลู่ฝ่าบาทถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ

         ในช่วงจังหวะที่คนทรงกำลังหมุนตัวร่ายรำ ซอฮยอนก็ก้มลงไปคว้าอ่างทองเหลืองที่เต็มไปด้วยน้ำตาเทียนก่อนจะยกขึ้นสาดใส่อีกฝ่ายอย่างแรงทันที

         มูดังวิปลาสหยุดการกระทำทุกอย่างทันที เนื้อตัวผมเผ้าเต็มไปด้วยน้ำชุ่มโชก นางลูบหน้าตัวเองไปมาและทิ้งกระพรวนลงพื้น  

         "แก... แกกล้าดีอย่างไร แกกล้าทำลายพิธีข้ารึ" 

         "มีสติเสียบ้าง!" ซอฮยอนตะโกน "ดูสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เสียบ้าง!"

         หญิงสูงอายุกะพริบตาก่อนจะเหลือบมองไปยังฝ่าบาทที่บรรทมอยู่บนเตียง ตอนนี้อากัปกิริยานางดูจะเหมือนคนปกติมากที่สุดตั้งแต่ซอฮยอนเข้ามาในห้องลับ

         "ทำไม" นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เจ้าคิดว่าข้าเสียสติหรือ คิดว่าข้าไม่รู้ตัวหรือว่ากำลังทำอะไรอยู่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นบ้า ทำอะไรประหลาดอย่างนั้นหรือ เข้าใจผิดแล้วแหละ ข้ารู้ตัวทุกอย่างว่าทำอะไรลงไป"

         "ฉะนั้นก็หยุดเสียสิ" ซอฮยอนรีบพูด

         "ไม่" อีกฝ่ายตอบกลับมาสั้นๆ "เพราะคนคนนี้คือต้นเหตุทุกอย่าง" 

         "ฝ่าบาทเกี่ยวอะไรด้วย"

         คนทรงมองซอฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า

         "เจ้าคงจะเป็นนางใน เสวยสุขอยู่ในวังจนเคยตัว คงไม่เคยรู้สินะว่าราษฎรข้างนอกอยู่กันอย่างไร"

         "ท่านจะพูดอะไร" หญิงสาวถามตรงๆ

         "ที่ผ่านมา" นางเล่า "คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้นี้ไม่เคยเลยที่แยแสประชาชนของเขา รู้ไหม ว่าที่เขาอยู่ได้ไม่ใช่เพราะแค่พวกขุนนาง แต่เป็นชาวบ้านตาดำๆ ทั้งหลาย ชนชั้นล่างอย่างข้าทั้งชายหญิงต้องทำงานแทบตายเพื่อส่งส่วยให้คนคนนี้ แล้วเขารู้อะไรบ้าง ข้ามั่นใจว่าเขารู้ แต่แกล้งหูหนวกตาบอดทำเป็นมองไม่เห็น ถนัดแต่โอบอุ้มคนรวยเศรษฐีเพราะมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกัน แล้วถามหน่อย เงินทองผลผลิตมาจากไหนถ้าไม่ใช่มาจากพวกข้า แล้วพวกข้าได้อะไร ไหนตอบสิได้อะไร"

         ซอฮยอนยืนนิ่ง หญิงสาวรู้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังระบายสิ่งใดออกมา เพราะมันเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในอาณาจักรนี้มาอย่างยาวนานและแก้ยากที่สุด

         "ชนชั้นล่างที่ทำการเกษตร มีการส่งผลผลิตเข้าวังหลวงทุกปีก็จริง แต่หารู้ไม่ว่าพวกขุนนางท้องที่กลับเรียกผลผลิตเองบ่อยมาก บางครั้งเป็นฤดูหนาวที่พืชผักบางชนิดออกดอกออกผลไม่ได้ ก็ต้องถูกทางการบุกครัวเรือนเอาผลผลิตที่เก็บไว้เป็นเสบียงในยามอดอยากเอาไปใช้ แล้วพวกเขาจะกินอะไรกัน ที่สำคัญไม่เคยมีใครมาดูแลหรือตอบแทนอะไรให้เลย หลายคนอดตายบ้าง หนาวตายกลางหิมะบ้าง ที่รอดก็ต้องไปขายตัวเป็นทาสหรือเป็นขอทาน เจ้ารู้ไหมว่าโชซอนเรามีขอทานเกลื่อนเมืองขนาดไหน ไม่เคยมีใครแก้ปัญหาพวกนี้ และยิ่งคนเหล่านี้เพิ่มจำนวน ความเสื่อมโทรมสกปรกก็มากขึ้น แล้วอะไรตามมา โรคระบาดอย่างไรเล่า แล้วสิ่งที่ทางการทำเป็นอย่างเดียวคือทอดทิ้งประชาชน ปิดประตูวังหลวง กักกันเขตโรคระบาดโดยไม่ส่งหมอมาสักคน ปล่อยให้เราตาย นี่หรือสิ่งที่ทางการมอบให้กับพวกข้า"

         "ข้าเข้าใจท่านนะ" ซอฮยอนพยายามพูด "แต่ว่า---"

         "ไม่ เจ้าไม่เข้าใจ" มูดังขัดขึ้น "เจ้าไม่มีทางเข้าใจหัวอกคนอย่างพวกเรา จะบอกให้ว่าไอ้พวกที่พูดปาวๆ ว่าเข้าใจผู้อื่นยามเดือดร้อน ร้อยทั้งร้อยมันไม่เข้าใจทั้งนั้นแหละ ต้องเจอกับตัวถึงจะรู้สึก"

         "ท่านเชื่อเถอะว่าข้าเข้าใจ" ซอฮยอนพูดอย่างสงบ

         "นางในอย่างเจ้าเนี่ยนะ"

         หญิงสาวจ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ

         "ข้าเองก็เคยเป็นไพร่ ทำไมข้าจะไม่รู้เล่า"

         "อะไรนะ!" มูดังมองซอฮยอนอย่างไม่เชื่อ "โกหกแล้ว นางในรับแต่ชนชั้นขุนนาง ไพร่จะมาเป็นได้อย่างไร"

         "ก่อนข้าเข้าวังข้าเคยเป็นไพร่มาก่อน ชีวิตข้าอาจจะไม่แร้นแค้นขัดสนเท่าท่านเพราะมีคนอุปถัมภ์ แต่ข้าก็ถูกดูหมิ่นดูแคลนและถูกทำร้ายมาไม่ต่างจากท่านเพราะเป็นเพียงไพร่ ตอนเด็กๆ ข้าต้องไปแอบเรียนหนังสือใต้ถุนเรือนที่เป็นดินทราย เวลาทำอะไรก็จะเดินตีคู่กับชนชั้นยังบันไม่ได้ จะเหยียบย่างลงในเขตบ้านของขุนนางก็ไม่ได้ ทุกอย่างตอนนั้นเหมือนจะเป็นปรปักษ์กับข้าไปเสียทั้งหมด" หญิงสาวตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง

         "แล้วทำไมเจ้าถึงเข้าวังได้เล่า" 

         "เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก" ซอฮยอนสั่นหัว "ที่ข้าจะพยายามจะบอกท่านก็คือฝ่าบาทอาจจะมีส่วนผิดก็จริงที่ดูแลอาณาประชาราษฎร์ได้ไม่ทั่วถึง แต่ขุนนางเองก็ผิด หลายก๊กหลายเหล่าต่างขูดรีดประชาชนยิ่งกว่าทรราชย์เสียอีก ฝ่าบาทที่บรรทมอยู่ตรงหน้าท่านก็เคยล้างบางขุนนางขี้ฉ้อพวกนั้นออกไปจากราชสำนักอยู่หลายครั้ง ฉะนั้นท่านจะโทษว่าเป็นความผิดของฝ่าบาทอย่างเดียวไม่ได้"

         "นี่เจ้าล้อข้าเล่นหรือ" คนทรงเอ่ยเสียงดัง "ไม่ให้ข้าโทษเขาอย่างนั้นรึ เจ้ารู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ข้าเป็นใคร ข้าเคยเป็นคนชนชั้นชุงอิน มีลูกชายอยู่คนหนึ่งอีกทั้งข้ายังเป็นผู้หญิงที่มีฝีมือในการทำเครื่องดนตรี ตอนนั้นพวกชนชั้นสูงต่างชื่นชมในความสามารถของข้าและรับเข้าเป็นช่างทำเครื่องดนตรีในตระกูลหนึ่ง ต่อมาหัวหน้าตระกูลนั้นถูกใส่ร้าย ทุกคนในครอบครัวโดนประหาร ข้ากับบ่าวคนอื่นๆ ถูกปลดเป็นทาสทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วรู้ไหมพระบัญชานั้นมาจากใคร มันมาจากคนที่นอนอยู่ตรงนี้อย่างไรเล่า คนคนนี้มีอำนาจที่จะวินิจฉัยความจริงได้แต่ไม่ทำ เขาปล่อยให้ทุกคนรับโทษที่ไม่ได้ก่อ ข้ากับลูกต้องทนทุกข์ทรมานกับฐานะทาส เมื่อลูกชายอายุ 16 ก็ถูกทางการเกณฑ์ไปช่วยงานซ่อมแซมถนนและหลุมฝังศพของกษัตริย์ สร้างเขื่อนกันน้ำท่วม ขุดเหมืองฝาย สร้างป้อมปราการต่างๆ นานา และที่เลวร้ายที่สุดคือลูกชายข้าถูกลากตัวไปเป็นทหารเพื่อสู้กับพวกญี่ปุ่น แล้วศึกนั้นพวกแม่ทัพนายกองต่างพากันหนีเอาตัวรอด ปล่อยให้ทหารระดับล่างถูกฆ่าตาย" 

         ถึงตรงนี้นางเริ่มสะอื้น ทั้งกายสั่นสะท้าน เสียงที่ออกมาแหบพร่าเพราะกำลังร้องไห้

         "เวลานั้นลูกชายข้าหนีกองทัพกลับมาบ้านด้วยอาการที่บาดเจ็บสาหัส ด้วยเพราะเป็นทาสจึงหายาและอาหารมาให้เขาไม่ได้ ทำได้แต่น้ำต้มผักจืดๆ ให้ลูกชายกินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะขาดใจตาย เจ้าคิดว่าหัวอกของคนเป็นแม่จะทนไหวหรือ"

         มูดังสูงอายุทรุดลงกับพื้น นางร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่สนใจว่าซอฮยอนจะยืนมองอยู่ ไหล่ทั้งสองข้างสะท้านเป็นจังหวะตามแรงสะอื้น ความจองหองแต่เดิมนั้นไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ที่มีอยู่ก็เพียงแต่ความอ่อนแอของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทนทุกข์ทรมานในชีวิตที่ผ่านมา

         ซอฮยอนเดินเข้าไปใกล้ๆ นางก่อนจะนั่งลงข้างๆ

         "สิ่งที่ท่านได้รับ เป็นอะไรที่หนักหนานัก" หญิงสาวพูดขึ้น "ไม่มีใครสามารถชดเชยสิ่งที่ท่านเสียไปในอดีตได้ ท่านคือคนที่ควรได้รับคำขอโทษอย่างแท้จริง"

         "ที่ข้ามาเป็นมูดัง แกล้งทำตัวเหมือนมีอะไรวิเศษก็เพื่อยังชีพ คิดหรือว่าข้ามีความสุข ทุกครั้งที่ทำพิธีบ้าๆ นี่ข้าเกลียดตัวเองยิ่งนัก แต่จะทำอะไรได้เล่า ข้าไม่มีทางเลือก" นางเอ่ยออกมาพลางยกมือขึ้นปิดหน้า

         "แล้วทำไมต้องท่านต้องมาทำเช่นนี้กับฝ่าบาท ท่านต้องการจะแก้แค้นอย่างนั้นหรือ" ซอฮยอนถาม

         "ตอนใต้เท้าคิมแทซุนอะไรนั่นมาหาข้าที่บ้าน ก็บอกแต่ว่าจะให้ข้าไปทำของใส่คนคนหนึ่งให้เขานอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตื่น ข้าตกใจมากเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือฝ่าบาท แต่อีกใจก็อยากจะให้เขารู้รสความเจ็บปวดบ้าง จึงตัดสินใจยอมทำ แต่ความจริงแล้วข้าไม่ได้มีวิชาอะไรที่ทำให้คนหลับได้ทั้งนั้น ข้าแค่ใช้กำยานพิษรมควันฝ่าบาทในตำหนักใหญ่ เมื่อพระองค์หมดสติก็พาขึ้นมาบนห้องลับนี้ รู้สึกว่าใต้เท้าเขาจะเป็นค้นพบห้องนี้"

         "แล้วเครื่องเสวยในห้องโถงข้างล่าง จริงๆ แล้วก็แอบเอามาถวายฝ่าบาทบนนี้หรือ" 

         "ใช่" คนทรงพยักหน้า "ใต้เท้าไม่ต้องการให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แต่ก็ไม่อยากให้ฟื้น จึงต้องทำเช่นนี้"

         "แล้วท่านก็ทำไปโดยที่ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเลยสักนิดหรือ" ซอฮยอนถามต่อ

         "ข้ารู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายข้าต้องตาย ทำแบบนี้กับพระราชาอย่างไรก็ต้องตาย แต่ก่อนตายถ้าสามารถทำให้พระราชาสัมผัสถึงความเจ็บปวดบ้าง ข้าก็พร้อม"

         "ชีวิตท่านมีค่ามากกว่านี้นะ ทำไมต้องเลือกวิธีเช่นนี้ ถ้าลูกชายท่านรับรู้ คิดว่าเขาจะดีใจหรือ" 

         หญิงสูงอายุเงียบไป ซอฮยอนจึงรีบพูดต่อไปว่า

         "ลูกชายท่านลาโลกไปอย่างทรมาน แต่ท่านคิดหรือว่าเขาจะยินดีที่ท่านต้องตายตามไป วิญญาณของเขาจะไม่สงบ สิ่งที่ลูกชายท่านต้องการคือการที่ท่านอยู่รอดอย่างมีความสุขต่างหาก"

         "ข้ารู้..." อีกฝ่ายสะอื้น "ทำไมข้าจะไม่รู้"

         "สิ่งที่ข้าจะบอกท่านก็คือ แม้แต่คนที่พาท่านให้มาทำเช่นนี้ ก็เป็นคนที่กดขี่ชนชั้นล่างเหมือนกัน"

         "อะไรนะ! ใต้เท้าคิมแทซุนน่ะหรือ"

         ซอฮยอนพยักหน้า

         "เขาเป็นขุนนางจริงข้ารู้ แต่เขาอ้างว่าฝ่าบาทคนนี้ไม่ได้ปกครองด้วยความยุติธรรม และเขารู้มาว่าข้ามีอดีตอันเลวร้ายกับฝ่าบาทจึงอยากให้ข้าแก้แค้น นี่แสดงว่าใต้เท้าเขาโกหกข้าหรือ" นางตกตะลึง

         "แน่นอน เขาหลอกใช้ท่าน เพราะความจริงแล้วพวกที่โกงกินบ้านเมืองคือคนของสกุลคิมต่างหาก สกุลคิมคือตระกูลที่ฮุบทุกอย่างของคนอื่นมาเป็นของตน เอาเปรียบหยาดเหงื่อแรงงานชนชั้นล่างเพื่อหนุนลูกหลานตัวเองให้เป็นใหญ่ในวังรุ่นต่อรุ่น มีคนมากมายที่ถูกสกุลคิมกระทำอย่างแสนสาหัส ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้ที่ข้ารักคนหนึ่งก็ถูกคนในสกุลคิมสังหารอย่างโหดเหี้ยม" ซอฮยอนเฉลยความจริง

         มูดังหญิงหลับตาลง นางกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น "ทำไมนะ... ทำไมข้าถึงโง่เง่าเช่นนี้ ถูกคนหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า"

         "ท่านไม่ได้โง่เขลาหรอกเจ้าค่ะ ท่านแค่หลงทางชั่วคราวเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้ท่านกลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกที่ควรแล้ว ข้าก็อยากให้ท่านทำในสิ่งที่ถูกเจ้าค่ะ" ซอฮยอนบอก หญิงสูงอายุชะงักไปก่อนจะหันหน้ามามองอย่างไม่เชื่อหู

         "เจ้าพูดเจ้าค่ะกับข้าหรือ"

         "เจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบอย่างสงบ "ข้าไม่สนใจเรื่องชนชั้น และท่านเองก็อายุมากกว่าข้ามากนัก"

         ผู้อาวุโสกว่าปาดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากใบหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนมองฝ่าบาทอยู่ชั่วครู่ สักพักนางก็เดินไปมุมห้องและยกชามใส่น้ำสะอาดใบหนึ่งเข้ามาพลางเอ่ยว่า

         "ปลุกฝ่าบาทขึ้นมาและถวายน้ำชามนี้ให้เสวย พระองค์จะฟื้นคืนกำลังตามเดิม"



    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×