ลำดับตอนที่ #183
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #183 : พิธีกรรมอุบาทว์ [100%]
ตอนที่ 183 พิธีกรรมอุบาทว์
"อะไรโชคังอิน เจ้าเห็นอะไร" องค์รัชทายาทลุกขึ้นยืน
มหาดเล็กคนสนิทถอนสายตาออกจากรอยแยกระหว่างไม้ก่อนจะหันมามองเชื้อพระวงศ์หนุ่มและพระมเหสี สีหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
"ทำไมไม่ตอบข้า" ลียิมโฮถามซ้ำอีกรอบ "มีอะไรอยู่ข้างนอกนั่นกันแน่"
"หม่อมฉันว่าพระองค์อย่าทอดพระเนตรเลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" ผู้เป็นบ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา
องค์รัชทายาทเดินไปที่ประตูอย่างสงสัย แต่ทว่าโชคังอินเดินมาขวางไว้
"หลีกทางไปเสีย"
"องค์รัชทายาท หม่อมฉันขอร้อง อย่าไปเห็นเลยพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมต้องกีดกันไม่ให้ข้าไปเห็นด้วยเล่า"
"คือ... หม่อมฉัน"
"ถ้ามันไม่มีอะไร" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัส "ก็ไม่เห็นจะต้องกลัว"
"คิมซังกุงต้องการจะปั่นหัวพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ" โชคังอินเตือน
"ปั่นหัวหรือ หมายความว่าอย่าง---" องค์รัชทายาทพูดยังไม่ทันจบ เสียงของคิมซังกุงจากด้านนอกตำหนักก็ดังลั่นจนทุกคนหยุดพูดโดยกะทันหัน
"องค์รัชทายาท หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์อยู่ในนั้นพร้อมกับเสด็จแม่อันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์และได้ยินเสียงของหม่อมฉัน" น้ำเสียงของซังกุงรับบัญชาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "เรื่องนี้เป็นเรื่องของหม่อมฉันกับพระมเหสี พระองค์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องสักนิด อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยเพคะ"
"เจ้าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ในใจมีแต่ไฟริษยาอาฆาต เรื่องในอดีตมันผ่านมานานแล้ว อีกอย่างข้าก็ยอมอภิเษกกับหลานสาวเจ้าไปแล้ว ทำไมถึงตระบัดสัตย์เอาเรื่องนี้มาขู่พระมเหสีอีกรอบ คนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่น่ะคือเจ้า แม้แต่พระบัญชาของฝ่าบาทก็ปลอมขึ้น เจ้าคิดว่าต่อจากนี้ไปเจ้าจะอยู่ได้อย่างสบายหรือ" องค์รัชทายาทตะโกนตอบกลับไป
"หม่อมฉันวางเดิมพันกับครั้งนี้เอาไว้มาก เสี่ยงทุกอย่าง พระองค์คิดว่าหม่อมฉันจะแพ้หรือ ทุกอย่างมันเตรียมการมาอย่างดี ดีเสียจนคนที่พระองค์คิดว่าฉลาดพอก็ไม่สามารถโค่นล้มแผนนี้ได้"
นางหมายถึงซอฮยอนแน่ ลียิมโฮคิดในใจ
"หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์มีพระปรีชาชาญเป็นเลิศทางด้านการต่อสู้" คิมซังกุงกล่าวต่อไป "แต่ตอนนี้ทหารด้านนอกมีเยอะกว่าตอนที่พระองค์ฝ่าเข้าไปตอนแรกมากนัก ยอมรับเถิดเพคะว่าตอนนี้พระองค์อยู่ภายใต้ฝ่ามือของหม่อมฉัน ฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าตั้งใจฟังว่าหม่อมฉันจะพูดอะไร"
องค์รัชทายาทยืนนิ่งอย่างชั่งใจ แน่นอนเขาไม่กลัวอันตราย แต่ถ้าพวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกัน พระมเหสีก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
"ให้หม่อมฉันฝ่าออกไปคนเดียวก่อนก็ได้พ่ะย่ะค่ะ การฟังนางนั้นไม่มีประโยชน์อันใดเลย" โชคังอินทูล
"ข้าเห็นด้วยกับมหาดเล็กโชนะยิมโฮ คิมซังกุงน่ะเป็นคนร้อยเล่ห์ นางกำลังจะปั่นหัวเจ้าชัดๆ" พระมเหสีพูดสนับสนุน
"แล้วเจ้าจะออกไปฆ่าตัวตายหรือ" เชื้อพระวงศ์หนุ่มพูดใส่คนสนิท "พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเหมือนกันนั่นแหละ"
"ที่หม่อมฉันออกไป ไม่ได้จะไปสู้นะพ่ะย่ะค่ะ แต่จะฝ่าไปเพื่อส่งสัญญาณให้กองกำลังของเราบุกเข้ามาต่างหาก" มหาดเล็กชี้แจง
"แต่มันก็อันตรายอยู่ดี แล้วถ้าระหว่างนั้นคนพวกนี้ตัดสินใจว่าจะแลกเลือด ข้าจะเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะปกป้องเสด็จแม่ เจ้าคิดว่าข้าเองจะยื้อได้นานขนาดไหนกว่ากองกำลังด้านนอกจะบุกเข้ามาถึงตำหนักกลาง" ผู้เป็นนายอธิบายเหตุผล
มหาดเล็กประจำพระองค์ยืนนิ่ง ตอนนี้ทุกอย่างดูจะมืดแปดด้านไปเสียทั้งหมด เมื่อไม่มีใครค้านอะไรอีกองค์รัชทายาทก็เดินไปที่ประตูก่อนจะร้องถามออกไปว่า
"เจ้าต้องการอะไรคิมซังกุง"
"พระองค์รู้อยู่แก่ใจเพคะว่าหม่อมฉันต้องการอะไร"
"อย่าเล่นลิ้นกับข้าคิมซังกุง"
ซังกุงรับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านนอกหัวเราะร่วน "พระองค์เป็นคนฉลาด น่าจะย่อมรู้ดีว่าหม่อมฉันต้องการสิ่งใด แต่ถ้าพระองค์จะแสร้งทำเป็นไม่รู้เพื่อถ่วงเวลา หม่อมฉันก็ยินดีจะบอกเพคะ"
องค์รัชทายาทยืนรอฟัง ผ่านไปชั่วครู่คิมซังกุงก็เอ่ยว่า
"หม่อมฉันจะปล่อยให้พระองค์ออกมาพร้อมกับคนสนิท ออกมาแค่สองคนเท่านั้น อันตรายใดๆ จะไม่เกิดขึ้น เพราะคนที่หม่อมฉันต้องการคือพระมเหสีพระองค์เดียวเท่านั้น"
"แล้วเจ้าจะทำอะไรกับเสด็จแม่ของข้าต่อไปหรือ" ลียิมโฮถามทันที
"หม่อมฉันว่าเวลานี้องค์รัชทายาทควรห่วงองค์เองก่อนนะเพคะ"
"เสด็จแม่ของข้าทั้งคน เจ้าคิดว่าข้าจะทิ้งพระนางหนีไปอย่างนั้นหรือ คิดผิดไปแล้วคิมซังกุง บอกความจริงมาดีกว่าว่าเจ้ารออะไรเพราะก่อนหน้านี้จนถึงบัดนี้เจ้าเอาแต่กักขังเสด็จแม่ข้าเอาไว้โดยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง เกิดเรื่องผิดแผนอะไรขึ้นมาอย่างนั้นหรือ"
คิมซังกุงเป็นฝ่ายเงียบบ้างแล้วคราวนี้ องค์รัชทายาทยังคงจับทางได้ถูกต้องเสมอ ขนาดตนเองตกอยู่ในอันตรายยังสามารถอ่านแผนการของคู่ต่อสู้ออกจนทะลุปรุโปร่ง แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้องค์รัชทายาทปราดเปรื่องขนาดไหนก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเราต้องการอะไรถ้าไม่ใช่เทพยดาที่อ่านใจคนออก
"พระองค์ตรัสเหมือนกับว่ามีเวลาให้ถ่วงมากพอ แต่มันไม่เป็นผลหรอกเพคะ ในตอนนี้ไม่ว่าพระองค์จะทรงรู้ทันว่าหม่อมฉันกำลังมัวรออะไรมันไม่มีความหมายอีกแล้ว จงออกมาจากตำหนักแต่โดยดีเถิดเพคะ"
"เหมือนเจ้าจะฟังข้าไม่รู้ความนะคิมซังกุง อย่างไรข้าจะไม่มีวันออกไปจากตำหนักนี้เด็ดขาดเว้นแต่พวกเจ้าจะล่าถอยไปเสีย" องค์รัชทายาทตรัสเสียงเข้ม
"หม่อมฉันคาดไว้แล้วเพคะว่าพระองค์จะต้องตรัสเช่นนี้ หม่อมฉันจึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อไม่ให้พระองค์ปฏิเสธหม่อมฉันได้" คิมซังกุงกล่าวพลางหันไปสั่งองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "เอาดาบออกมา"
องค์รัชทายาทที่อยู่ในตำหนักหรี่ตา นี่คิมซังกุงคิดจะทำอะไรกันแน่ เมื่อผ่านไปสักพักซังกุงรับบัญชาก็พูดต่อไปว่า
"ถ้าพระองค์ยังถ่วงเวลาอยู่เช่นนี้ ข้าจะสั่งให้องครักษ์สังหารคนพวกนี้ทีละคน อ้า เริ่มจากใครดี"
ลียิมโฮถลันไปที่ประตูพลางแอบมองผ่านช่องแยกระหว่างไม้ทันที เมื่อเชื้อพระวงศ์หนุ่มเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ถึงกับเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น เลือดในกายคล้ายจะจับเป็นก้อนแข็งอย่างฉับพลัน นี่กระมังคงเป็นสาเหตุที่มหาดเล็กโชคังอินไม่อยากให้เขามาเห็นด้วยตาตนเอง
เบื้องหน้าตำหนักตอนนี้นอกจากเหล่าทหารที่คับคั่งและดวงไฟจากคบเพลิงแล้ว ยังปรากฏร่างมากมายนั่งคุกเข่าอยู่ตรงทางขึ้นตำหนัก หลายคนถูกมัด อีกหลายคนก็เหมือนบาดเจ็บสาหัส องค์รัชทายาทไล่สายตาดูทีละร่างก็พบว่าทุกคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฮยอนด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเซโจซังกุง ยุนซังกุง เชวซังกุง ใต้เท้ามุนยองนัม อิมอีซึล แชซุนฮวา และยังมีนางในกับใต้เท้าอีกหลายคนที่น่าจะเป็นคนของกองงานวรรณกรรมอยู่ด้วย
แต่ที่สะเทือนใจลียิมโฮที่สุดคือร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็กในชุดทังอีสีฟ้าสดใส นางนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แววตาอันหวั่นวิตกฉายบนดวงเนตรน้อยๆ ดุจลูกกวางติดกับดักนายพราน สภาพของนางเหมือนเพิ่งถูกลากตัวออกมาจากที่บรรทมอย่างชัดเจน
"ดา... ดายอง" องค์รัชทายาทตกตะลึง พระขนิษฐาสุดที่รักตอนนี้ตกเป็นตัวประกันของคิมซังกุงไปแล้ว เขาลืมน้องสาวตนเองไปเสียสนิทเพราะมัวแต่เป็นห่วงพระมารดา
สีหน้าอันตกตะลึงของพระโอรสทำให้พระมเหสีสงสัย "ยิมโฮ ข้างนอกมีอะไร"
"ไม่... ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ" องค์รัชทายาทพยายามกลบเกลื่อน แต่มีหรือจะปิดบังผู้เป็นมารดาได้ ชุงจอนมามะผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาที่ประตูทันทีโดยไม่สนใจคำทัดทานของพระโอรสกับมหาดเล็กโชคังอินแม้แต่น้อย
มันแย่กว่าที่ลียิมโฮคิดเอาไว้มาก เพราะทันทีที่พระมเหสีแนบดวงตากับรอยแตกของช่องประตู พระนางก็ถึงกับทรุดลงกับพื้นทันทีอย่างคนหมดแรง พระพักตร์ซีดเผือดไร้สีเลือด
"เสด็จแม่!" องค์รัชทายาทรีบก้มลงประคองพระมารดา
"ดายอง... ดายองลูกแม่" ชุงจอนมามะร่ำร้อง "ทำไมพวกนั้นถึงได้กล้า... ทำไมพวกเขาถึง..."
เสียงสะอื้นไห้ของพระนางดังออกมาด้านนอกจนคิมซังกุงได้ยิน นางยิ้มเยาะอย่างสะใจก่อนจะเอ่ยว่า
"พระมเหสีคงทอดพระเนตรเห็นแล้วใช่ไหมเพคะ อย่าทรงคิดเด็ดขาดว่าหม่อมฉันไม่กล้าสั่งให้องครักษ์ลงดาบ ขนาดลากดายองกงจูมาที่นี่ยังกล้า นับประสาอะไรกับสังหารในฉับเดียว"
"นังสารเลว!" พระมเหสีตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น "ลูกสาวข้าไปทำอะไรให้กับเจ้า นางยังเป็นแค่เด็ก แต่เจ้ากลับดึงนางเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้ เจ้ามันคนใจทรามซิลวา สวรรค์จะลงโทษเจ้า!"
"หม่อมฉันผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้วเพคะ นั่นคือตอนที่ถูกพระนางทรยศในครั้งอดีต ถูกทุบตีแล้วโยนทิ้งไว้ข้างถนน ตอนนี้หม่อมฉันไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว ทำหม่อมฉันน่ะทำได้ แต่อย่าไปลงกับหลานสาวหม่อมฉัน"
"ข้าไม่เคยแตะต้องคิมเซจี" พระมเหสีพูดออกไป "เจ้ามีศัตรูมากมาย ทำไมถึงคิดว่าเรื่องเลวร้ายจะต้องมาจากข้าตลอด"
"เลิกโกหกเสียทีเพคะ ในวังนี้คนที่กล้าทำเรื่องร้ายแรงกับฝ่ายตรงข้ามก็มีแค่พระนางเท่านั้น ฉะนั้นตอนนี้หม่อมฉันจะทำให้พระนางได้รู้ว่าการเห็นคนรักถูกทำร้ายนั้นมันรู้สึกอย่างไร"
"คิมซังกุง" องค์รัชทายาทตรัสขึ้นบ้าง "เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็โดนประหารทั้งครอบครัวได้แล้ว ยังจะกล้าบังอาจพาตัวดายองกงจูมาเป็นองค์ประกันขนาดนี้อีก เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ"
"องค์รัชทายาทเลยต้องมอบพระมเหสีให้หม่อมฉันอย่างไรเล่าเพคะ แล้วหม่อมฉันก็จะไม่แตะองค์หญิงรวมถึงทุกคนที่ถูกจับมาด้วย" คิมซังกุงยื่นข้อเสนอ
ลียิมโฮหลับตาลง ในที่สุดซังกุงรับบัญชาก็ใช้วิธีนี้ในการเล่นงานเขาจนได้
ส่วนพระมเหสีนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือเพื่อเปิดประตูตำหนักออก มหาดเล็กโชเห็นเข้าก็รีบทูลถามทันที
"ชุงจอนมามะ พระองค์จะทรงทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ลูกสาวข้าทั้งคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เจ้าจะปล่อยให้ข้านิ่งดูดายหรือ ถ้าคิมซังกุงต้องการตัวข้า ข้าก็จะไป"
"ถ้าเสด็จแม่ถูกพวกเขาจับตัวได้อีกครั้ง" องค์รัชทายาทเอ่ยออกมา "พวกเขาก็จะชนะทันที"
"แล้วมันมีทางเลือกอื่นอีกหรือยิมโฮ" พระนางตรัสอย่างทุกข์ใจ "แม่จะปล่อยให้ดายองมารับกรรมในสิ่งที่แม่ก่อไม่ได้"
"หม่อมฉันว่าเราควรรอ---"
"รอใคร รอซอฮยอนหรือ เจ้าคิดว่านางจะช่วยอะไรได้ ป่านนี้อาจจะหาทางหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ก็ได้"
"อย่างน้อยนั่นคือสัญญาณที่ดีนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะเมื่อครู่หม่อมฉันมั่นใจว่าซอฮยอนไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่โดนจับ และนางก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่เอาแต่หนีปัญหา หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้นางกำลังหาทางช่วยพวกเราแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"
ชุงจอนมามะหลับตาลง ภาวนาในใจขอให้พระโอรสของตนเองคิดถูกด้วยเถิด
"อะ... อะไรกัน" ซอฮยอนอุทานออกมาเมื่อแสงเทียนเจิดจ้าสว่างไปทั้งห้องลับ นางยืนตัวแข็งไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่ามีสิ่งใดบ้างที่อยู่ในนี้
กลางห้องมีผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปียืนจังก้าอยู่ มือข้างหนึ่งถือเชิงเทียน อีกมือถือกระพรวนขนาดใหญ่ นี่เองคงเป็นที่มาของเสียงกระดิ่งที่ซอฮยอนได้ยินทีแรก ซอฮยอนค่อยๆ ไล่สายตามองหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ นางเพิ่งเคยเห็นคนใส่ชุดฮันบกที่มีสีแปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก กระโปรงก็เป็นลายทางดูพิกล บริเวณใบหน้ายิ่งแล้วใหญ่ เพราะตรงช่วงเปลือกตาถูกทาด้วยสีแดงจนเป็นปื้นน่าตลก
ส่วนที่ใกล้ตัวนางที่สุดตอนนี้คงจะเป็นเตียงไม้ขนาดใหญ่ บนเตียงปรากฏร่างฝ่าบาทในชุดสีแดงลายมังกรทองบรรทมสงบนิ่งอยู่ ชั่ววูบแรกซอฮยอนคิดว่าฝ่าบาทอาจสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าบริเวณท้องของพระองค์ยังคงมีการพองและยุบอันบ่งบอกถึงลักษณะการหายใจ นางจึงเริ่มสังเกตพระพักตร์และพระฉวีส่วนอื่นบนวรกายแทน แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติหรือร่องรอยของอาการบาดเจ็บใดๆ อีก ถ้าจะว่ากันตามจริง ดูผิวเผินก็เหมือนกับว่าฝ่าบาทกำลังบรรทมอยู่เท่านั้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ พระองค์จะขึ้นมานอนบนห้องลับนี่เองย่อมเป็นไปไม่ได้ แสดงว่าต้องมีคนทำเรื่องพวกนี้ขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้ซอฮยอนตกใจที่สุดคือสภาพแวดล้อมของห้อง ตามขื่อคาด้านบนถูกผูกด้วยผ้าสีต่างๆ ละลานตาห้อยระโยงระยาง ผนังห้องทุกด้านถูกแปะด้วยยันต์ที่เขียนเป็นอักษรฮันกึล ชามขนาดใหญ่ปรากฏน้ำตาเทียนลอยฟ่องวางอยู่รอบเตียงที่บรรทมของฝ่าบาท นอกจากนี้ยังมีไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ธูปขนาดใหญ่ โคมไฟทรงประหลาดวางอยู่มุมห้องด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเป็นโถกำยานที่ปล่อยควันสีขาวออกมาฟุ้งตลบอบอวลไปหมด กลิ่นมันทำให้เกิดอาการเวียนหัวพิกล
"เจ้าขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร" หญิงสูงอายุถามขึ้นทันที สายตาแข็งกร้าวจ้องมาที่ซอฮยอน
"ท่าน... ท่านเป็นมูดังหรือ" ซอฮยอนถามออกไปโดยไม่สนใจว่านางตรงหน้าจะตกใจแค่ไหนที่ตนเองเจอหนทางขึ้นมาห้องลับได้
(มูดัง หมายถึง คนทรง)
"เจ้าไม่ใช่คนของใต้เท้าคิมแน่ๆ แล้วขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร" หญิงในชุดแปลกประหลาดยังไม่คลายสงสัย
"ข้าคือคนที่จะมาเปิดโปงความจริงที่ใต้เท้าคิมพยายามซุกซ่อนไว้ และท่านเองก็จะต้องโทษหนัก ทำไมถึงได้กล้าทำกับฝ่าบาทแบบนี้ ใต้เท้าคิมไม่ใช่คนดีท่านต้องรู้สิ" หญิงสาวพูดออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าใต้เท้าคิมกล้าเอาเรื่องคุณไสยมนตร์มืดมาเกี่ยวข้องด้วย ซอฮยอนนึกถึงสมัยก่อนตอนที่ตนยังไม่เข้าวัง ถึงจะเป็นแค่ไพร่แต่ไม่เคยข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยเพราะถือว่าเป็นของต่ำและสกปรก
"แส่ไม่เข้าเรื่อง" มูดังตะคอกใส่ "แต่มันสายไปเสียแล้ว ฝ่าบาทของพวกเจ้าตกอยู่ใต้อาณัติข้าเรียบร้อยแล้ว"
"อะไรนะ!" ซอฮยอนตกตะลึง "ท่าน... ท่านทำอะไรฝ่าบาท บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ"
โปรดติดตามตอนต่อไป
*แจ้งนักอ่านทุกท่าน ตอนนี้กลรักวังหลวง เล่ม 7.5 ได้วางขายใน meb e-book เรียบร้อยแล้วนะครับ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่ 168 ถึงตอนที่ 184 (ในเว็บอัปถึงแค่ตอนที่ 183) ท่านใดสนใจซื้ออ่านก่อนหรือซื้อเก็บไว้เป็นเล่มสามารถกดเข้าได้จากตรงนี้นะฮะ เข้าตรงนี้เลยนะครับเพราะเวลานี้มีโปรลดราคาอยู่ คลิกที่ Get it now เลยฮะ
|
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น