ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #138 : ท้าพนัน [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 633
      56
      15 ม.ค. 63

    ตอนที่ 138 ท้าพนัน







         เจ้ากรมพิธีการกับใต้เท้าจุนซาตกตะลึงก่อนจะมองหน้ากันด้วยความคาดไม่ถึง ส่วนฝ่าบาทจ้องมองทั้งสามคนอย่างงุนงง

         "นี่มันอะไรกัน" พระองค์ตรัสถาม "ท่านทั้งสองเพิ่งมาบอกข้าว่าซอฮยอนปฏิเสธไม่รับตำแหน่งไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆ นางจึงโผล่มาบอกว่าพร้อมรับตำแหน่งแบบนี้เล่า"

         "ทูลฝ่าบาท" ซอฮยอนก้มศีรษะ "เป็นความไม่เอาไหนของหม่อมฉันเองเพคะ ใต้เท้าทั้งสองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย"

         "หมายความว่าอย่างไร"

         "ก่อนหน้านี้ตอนการทดสอบเพื่อชิงตำแหน่งราชเลขาจบลง หม่อมฉันเป็นผู้ชนะก็จริง แต่ตอนนั้นหม่อมฉันคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับงานนี้ ทว่าพอมาถึงวันนี้หม่อมฉันลองทบทวนดูก็คิดว่าตัวเองน่าจะรับมือได้จึงมาทูลขอรับตำแหน่งโดยตรงเพคะ"

         "ทำไมเจ้าจึงเปลี่ยนใจ" เจ้ากรมพิธีการถามหญิงสาว

         "หม่อมฉันคิดว่าการรับตำแหน่งจะเป็นการปกป้องตนเองและพวกพ้องเจ้าค่ะ"

         "ปกป้องตนเองและพวกพ้องอย่างนั้นหรือ" ท่านเจ้ากรมขมวดคิ้ว "หมายถึงอะไรกัน"

         ซอฮยอนเป่าปากระบายความตื่นเต้น เมื่อผ่านไปสักครู่นางจึงหันไปทางฝ่าบาทก่อนจะเอ่ยออกมา

         "หม่อมฉันขอรับตำแหน่งราชเลขาเพื่อป้องกันไม่ให้กองงานวรรณกรรมถูกยุบเพคะ"

         ฝ่าบาทขมวดคิ้วทันที

         "เจ้าพูดอะไร กองงานวรรณกรรมถูกยุบหมายถึงอะไร"

         "ตอนนี้ทุกอย่างน่าจะยังมาไม่ถึงพระเนตรพระกรรณฝ่าบาท แต่หม่อมฉันรับรองได้นะเพคะ คำสั่งที่จะยุบกองงานวรรณกรรมจะเกิดขึ้นแน่แต่จะเปลี่ยนไปแค่นางใน ผู้ชายยังคงทำงานอยู่ตามเดิมเพคะ"

         "เปลี่ยนไปแค่นางในหรือ"

         "เพคะ นางในทุกคนของกองงานวรรณกรรมจะถูกโยกย้ายและขับออกจากวัง"

         "นี่เป็นคำสั่งใคร" ฝ่าบาทถามเสียงดัง "พระมเหสีหรือ"

         "ไม่ใช่เพคะ คำสั่งนี้ลงมาจากผู้ที่รับอำนาจมาจากพระมเหสีอีกทีเพราะพระนางทรงประชวร ด้วยเหตุนี้การบัญชาฝ่ายในเวลานี้จึงเปลี่ยนไปมากเพราะไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากชุงจอนมามะ" ซอฮยอนทูล

         "เรื่องของฝ่ายในข้าไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้เพราะมอบหมายให้มเหสีดูแล เมื่อพระนางประชวรผู้ที่ต้องบัญชาทุกอย่างแทนก็ต้องเป็นเซโจซังกุง ฉะนั้นข้าจะบอกเรื่องนี้แก่นางเองว่าให้หยุดคำสั่งนั้นเสียไม่ว่ามันจะมาจากใคร"

         ซอฮยอนมีทีท่าอึดอัดใจเล็กน้อย

         "เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ" ฝ่าบาทถาม

         "หม่อมฉันคิดว่า เซโจซังกุงไม่สามารถหยุดคำสั่งนั้นได้เพคะ"

         "ทำไมเล่า เจ้าคิดว่าเซโจซังกุงเป็นคนไม่เอาไหนหรือ"

         "ไม่ใช่เพคะ" ซอฮยอนรีบพูดทันที "หม่อมฉันเองก็รู้จักเซโจซังกุง นายหญิงไม่ใช่คนเช่นนั้นแน่เพคะ"

         "แล้วเจ้ากลัวอะไร"

         "ทูลฝ่าบาท" เจ้ากรมพิธีการขัดขึ้น "หม่อมฉันขออนุญาตทูล ถ้าหม่อมฉันคิดไม่ผิด สิ่งที่ซอฮยอนพยายามจะกราบทูลฝ่าบาทก็คือ คำสั่งยุบกองงานวรรณกรรมนั้นน่าจะมาจากกลุ่มทรงอำนาจซึ่งมีอิทธิพลเหนือกว่าเซโจซังกุงพ่ะย่ะค่ะ"

         ฝ่าบาทชะงักไปทันทีเมื่อฟังท่านเจ้ากรมกล่าวจบ พระองค์เงียบไปสักครู่คล้ายจะมีดำริอะไรบางอย่างอยู่ในพระทัย

         "ถ้าเจ้าหวาดหวั่นในข้อนั้น" พระเจ้าโจจงหันไปตรัสกับซอฮยอน "ข้าก็จะเป็นคนต่อต้านคำสั่งนั้นเองเมื่อมันมาถึง"

         "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่กรุณาเพคะ แต่หม่อมฉันคิดว่านั่นไม่สามารถแก้ปัญหาได้เฉียบขาดเพคะ" หญิงสาวทูลตอบ

         "พระบัญชาฝ่าบาทถือเป็นที่สุด ผู้ใดต่อต้านเท่ากับกบฏ เป็นเช่นนี้แล้วก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อีกหรือ" เจ้ากรมพิธีการหันมาถามนาง

         "ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การหยุดยั้งคำสั่งนั้นเจ้าค่ะใต้เท้า ปัญหาอยู่ที่ความคิดคน พวกเขาคิดว่านางในกองงานวรรณกรรมนั้นไม่มีประโยชน์ อยู่ไปก็เปลืองเบี้ยเลี้ยงทางการ ไม่สามารถสร้างคุณค่าให้แก่ราชสำนัก และข้าก็ไม่ได้ยินสิ่งเหล่านี้มาจากพวกเขาแค่กลุ่มเดียว คนอื่นๆ ในวังก็พูดกัน ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าต่อให้ฝ่าบาทหยุดยั้งคำสั่งยุบกองงานได้ ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่หาทางอื่นในการยุบกองงาน ที่สำคัญอนาคตมันอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้"

         "ใครจะกล้าทำเช่นนั้นกัน" ท่านเจ้ากรมตกจะลึง

         "ข้าคิดว่าที่ซอฮยอนพูดก็มีเหตุผล" ฝ่าบาทพยักหน้า "พระบัญชาจะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็เป็นได้แค่พระบัญชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดคนได้ ยิ่งเป็นความคิดที่มีอคติด้วยแล้วยิ่งยากนัก"

         "แล้วเจ้าจะแก้ปัญหานี้ด้วยการเป็นราชเลขาอย่างนั้นหรือ" ใต้เท้าจุนซาถามซอฮยอน

         "เจ้าค่ะใต้เท้า"

         "ข้าไม่เข้าใจว่าตำแหน่งนี้จะช่วยอะไรได้"

         "ช่วยได้สิเจ้าคะ เพราะข้าจะท้าพนันเหล่าขุนนางและทุกคนในราชสำนักให้ได้รู้ว่าผู้หญิงก็เป็นราชเลขาได้เหมือนกัน" ซอฮยอนตอบ

         "ที่พูดน่ะมันง่าย แต่เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าพวกขุนนางเวลาต่อต้านอะไรพร้อมกันนั้นมันน่ากลัวแค่ไหน" เจ้ากรมพิธีการเตือนสติ

         "ข้าอาจจะไม่เข้าใจ แต่มันทางเลือกอื่นนี่เจ้าคะ อีกอย่างถ้าข้าทำสำเร็จขึ้นมา นางในทั้งหลายในกองงานวรรณกรรมก็จะได้รับการยอมรับไปด้วย" ซอฮยอนเอ่ย

         "แล้วเจ้าจะท้าพนันอะไรกับพวกเขา" ฝ่าบาทตรัสถาม

         "หม่อมฉันจะท้าพนันเรื่องระยะเวลาการทำงานเพคะ กล่าวคือภายในเวลาสามวันแรกที่หม่อมฉันรับตำแหน่งถ้าไม่สามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้ว่าหม่อมสามารถทำงานนี้ได้จริง หม่อมฉันจะยอมแพ้ แต่ถ้ามีคนเชื่อมั่นมากพอ หม่อมฉันจะถือว่าตัวเองชนะ"

         "แล้วเจ้าจะใช้อะไรตัดสินความเชื่อมั่นของคน" ใต้เท้าจุนซาสงสัย

         "ท้องพระโรงแห่งนี้นี่แหละเจ้าค่ะใต้เท้าที่จะตัดสิน เมื่อครบสามวันจะให้ทุกคนเข้ามาในนี้เพื่อบอกว่าข้านั้นเหมาะสมกับตำแหน่งรึไม่" ซอฮยอนตอบ

         "ไม่คิดว่ามันจะเสี่ยงไปหน่อยหรือ" ฝ่าบาทถาม "ให้ผู้หญิงมาเป็นราชเลขาพวกเขาก็ตั้งป้อมรังเกียจแล้ว ต่อให้เจ้าเก่งแค่ไหนพวกเขาก็คงจะไม่ยอมรับ โอกาสแพ้เจ้าสูงมากเลยนะ"

         "หม่อมฉันรู้ดีเพคะ จึงตัดสินใจใช้วิธีนี้ ซึ่งถ้าหม่อมฉันแพ้จริง จะยอมให้กองงานวรรณกรรมถูกยุบเพคะ"

         "แล้วถ้าเจ้าชนะล่ะ"

         "ถ้าหม่อมฉันชนะ กองงานวรรณกรรมจะขึ้นตรงต่อฝ่าบาทเท่านั้นโดยที่ผู้ใดจะแตะต้องไม่ได้อีก ส่วนตัวหม่อมฉันจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ทำงานในท้องพระโรงตำแหน่งราชเลขาประจำพระองค์โดยมีผู้ช่วยร่วมทำงานหนึ่งคนเพคะ"

         เจ้ากรมพิธีการกับใต้เท้าจุนซามองหน้ากันก่อนจะหันมาจ้องซอฮยอนอย่างรู้สึกทึ่งในความกล้าหาญของหญิงสาว

         "เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า" ฝ่าบาทตรัส "แต่ข้าจะไม่เข้าข้างเจ้าหรือช่วยเหลือเจ้าในการพนันครั้งนี้นะ เจ้าต้องช่วยตัวเองเท่านั้น"

         "เพคะฝ่าบาท" ซอฮยอนก้มศีรษะ "หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุดเพคะ"













         "โอ๊ย! หยุดนะซุนฮวา! เลิกตีข้าได้แล้ว!" ซอฮยอนร้องดังลั่นพลางยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันการตบตีจากเพื่อนสาว

         "ไป-ทูล-ฝ่า-บาท-แบบ-นั้น-ได้-อย่าง-ไร-กัน-หา!" ซุนฮวาฟาดมือลงไปบนตัวซอฮยอนตามจังหวะการออกเสียง

         "ก็ข้าจำเป็นนี่นา" ซอฮยอนโอดครวญ

         "จำเป็นบ้าบออะไรกัน เจ้าไปท้าพนันกับพวกขุนนางและคนในวังซึ่งมันเสี่ยงที่จะแพ้มากนะ เจ้าไม่รู้หรือ" เพื่อนสาวกล่าวพลางหอบเพราะออกแรงตีมากไป

         "ชีวิตมันต้องเสี่ยงนะ"

         "ยังจะมาพูดเล่นอีก!"

         "ข้าไม่ได้พูดเล่นนะ" ซอฮยอนบอก 

         หญิงสาวเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้มาแล้ว เพราะทันทีที่ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าราชเลขาประจำพระองค์คนใหม่เป็นนางในจากห้องเขียนหนังสือ ทุกฝ่ายของวังหลวงก็พร้อมใจกันบุกตะลุยเข้าไปในตำหนักใหญ่เพื่อให้ถอนรับสั่ง ฎีกากว่าร้อยฉบับถูกส่งเข้ามาจากทุกมุมเมืองเพื่อให้ฝ่าบาททรงพิจารณาเรื่องนี้ใหม่เหมือนกัน ส่วนเหล่าบัณฑิตมากมายต่างพากันคุกเข่าหน้าตำหนักเพื่อทัดทานให้พระองค์ถอนพระบัญชา

         พระเจ้าโจจงหยุดยั้งจราจลในครั้งนี้ด้วยการนำคำพูดของซอฮยอนมากล่าวว่า ถ้าการทำงานสามวันแรกของนางยังไม่เหมาะกับตำแหน่งในสายตาทุกคน นางก็จะยอมลาออกเอง พวกท่านจงมาที่ตำหนักใหญ่เมื่อครบสามวันแล้วเถิด เมื่อฝ่าบาทตรัสไปดังนี้พวกขุนนางและข้าราชบริพารฝ่ายอื่นๆ ก็ล่าถอยไป บางคนที่ดูฮึดฮัดมากกว่าใครอื่นอย่างใต้เท้าคิมแทซุนก็ไม่วายทิ้งคำพูดไว้ว่า ไม่ว่านางในคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ก็จะไม่มีใครยอมรับนางเป็นราชเลขาแน่นอน

         แต่ถึงพวกเขาจะหยุดก่อกวนฝ่าบาท ทว่าก็ไม่ได้หยุดกับซอฮยอน เวลานางไปบริเวณไหนของฝ่ายในก็จะถูกมองอย่างชิงชังรังเกียจราวกับเป็นแมลงสาบ พวกผู้ชายและใต้เท้าฝ่ายต่างๆ จะพูดจาหยาบคายใส่เสมอเวลานางเดินผ่าน ไม่วายแม้แต่นางในด้วยกันก็จะจับกลุ่มคุยนินทาเวลาเห็นหญิงสาวเดินมาแต่ไกล ซังกุงหลายคนก็มายืนตะโกนด่าซอฮยอนหน้าห้องเขียนหนังสือตอนดึกๆ ว่าเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายคิดใฝ่สูงเกินศักดิ์

         โชคดีที่ใต้เท้าของกองงานวรรณกรรมทุกคนรวมถึงเชวซังกุงยังอยู่ข้างนาง แม้ซอฮยอนจะดูออกว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับการพนันครั้งนี้แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเพื่อรักษาน้ำใจหญิงสาว

         ยังมีเซโจซังกุงอีกคนที่เข้าข้างนาง นายหญิงได้เรียกหญิงสาวเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อชื่นชมในความกล้าหาญและอวยพรให้ชนะการพนันในครั้งนี้ให้จงได้ 

         ส่วนเพื่อนนางในตอนนี้มีคนพูดกับซอฮยอนแค่สองคนเท่านั้นคือซุนฮวาและอีซึล

         "พวกเขาคงโกรธข้ามากสินะ" หญิงสาวกล่าวอย่างเศร้าๆ พลางมองไปทางเพื่อนคนอื่นๆ ที่ไม่ยอมมองแม้แต่หน้าของนาง

         "แน่นอนสิ พวกนางโกรธ ข้าเองก็โกรธ แต่จะให้ตัดขาดกับเจ้าไปเลยมันก็ไม่ใช่เรื่อง เลยต้องตีเจ้าแทนนี่อย่างไร" ซุนฮวาแหวใส่

         "ข้าเจ็บมากพอแล้ว" ซอฮยอนลูบแขนที่ถูกทุบไปมาเบาๆ

         "ทำไมนะซอฮยอน ทำไมต้องไปท้าพนันแบบนั้นด้วย เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางชนะ" ซุนฮวาร่ำร้อง

         "ทำไมถึงคิดว่าข้าจะไม่ชนะเล่า"

         "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเจ้านะซอฮยอน รู้อยู่ว่าเจ้าเก่งแต่พนันแบบนี้มันไม่เห็นหนทางชนะเลย พวกคนในวังน่ะตั้งแง่เกี่ยวกับชนชั้นและเพศยิ่งกว่าอะไร ต่อให้เจ้าสามารถสร้างผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่กว่าราชเลขาทุกคนของโชซอนซึ่งเคยมีมาภายในสามวัน พวกเขาก็ไม่ยอมรับเจ้าอยู่ดี"

         "ก็ดูกันต่อไป นี่เพิ่งวันแรก บอกอะไรได้ที่ไหนกัน" ซอฮยอนเอ่ย

         "โอ๊ย!" ซุนฮวาร้องออกมาอย่างเหลืออด "ข้าไม่รู้จะอธิบายถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้อย่างไรให้เจ้าเข้าใจได้แล้ว มันเป็นเรื่องของเจ้าที่จะตัดสินใจก็จริง แต่การที่เจ้าเอากองงานวรรณกรรมไปผูกติดกับผลการแพ้ชนะมันไม่ถูกนะ เพราะถ้าแพ้ขึ้นมากองงานของเราจะถูกยุบทันที"

         "แต่ถ้าเราชนะก็จะไม่มีใครมายุ่งกับเราได้อีกนะ" หญิงสาวค้าน

         "ถ้าชนะมันก็ดี แต่ปัญหาคือโอกาสแพ้มันมีเยอะมาก ในขณะที่โอกาสชนะนั้นริบหรี่นัก ถ้ากองงานวรรณกรรมถูกยุบเจ้าคิดว่าเหล่านางในเพื่อนเราจะไปอยู่ไหนถ้าไม่ใช่ต้องถูกขับออกจากวัง แต่ละคนแทบไม่มีที่จะไปแล้วนอกจากวังหลวง เจ้าไม่สงสารพวกนางหรือ" ซุนฮวากล่าว

         ซอฮยอนนิ่งไป นางหันไปมองทุกคนบนเรือนชางวีก่อนจะถอนหายใจ

         "เพราะแบบนี้แหละข้าถึงยิ่งต้องทำซุนฮวา เจ้าลองคิดดูสิ ถ้าข้าไม่ท้าพนันกับคนในวังด้วยวิธีนี้ แล้วใครจะป้องกันการยุบกองงานเราจากคำสั่งพระชายาเซจีได้ ไม่มีใครช่วยเราได้เลยนะ"

         ซุนฮวาทำสีหน้าหนักใจเมื่อได้ยินคำกล่าวจากเพื่อน เพราะใจลึกๆ ของตนก็รู้ดีว่าซอฮยอนนั้นพูดถูก ที่ผ่านมานั้นนางก็เป็นคนแก้ปัญหายากๆ ได้อย่างลุล่วงเสมอ ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงเป็นเรื่องเกาะวัวซึ่งสร้างชื่อให้ซอฮยอนจนเป็นที่รู้จักไปทั้งราชสำนัก

         "หวังว่าเจ้าคงจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่นะ" ซุนฮวาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินลงจากเรือนชางวีไป




    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×