ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #139 : ความช่วยเหลือจากพ่อบุญธรรม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 762
      60
      16 ม.ค. 63

    ตอนที่ 139 ความช่วยเหลือจากพ่อบุญธรรม




         องค์รัชทายาทลียิมโฮเสด็จมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ตำหนักใหญ่แต่เช้าตรู่เพื่อทูลถึงหน้าที่การงานส่วนของเซจากุงที่ตนเองปกครองอยู่ว่ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง อย่างแรกคือเรื่องฝ่ายงานที่มีการทำหน้าที่ซ้ำซ้อนและทำงานเช้าชามเย็นชาม ฝ่ายงานเหล่านี้จะถูกยุบออกหมด แล้วไปขยายหน่วยราชองครักษ์ซึ่งมีหน้าที่ถวายความอารักขาแก่เชื้อพระวงศ์แทนเพราะหน่วยนี้ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเท่าไรนักในสมัยที่ลีซองแจเป็นรัชทายาท ดำริอีกอย่างของพระองค์คือการฝึกปรือทหารและยามชายฝั่งให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกาะวัวเป็นบทเรียนได้อย่างดี ส่วนนางในก็มีการโยกย้ายเยอะพอสมควรเพราะมีหลายห้องที่เรียกได้ว่าว่างงาน องค์รัชทายาทจึงจัดการย้ายไปแนเมียงบูสำหรับห้องที่ขาดคนงาน

         "แล้วกับเซจาพินเป็นอย่างไรบ้าง" ฝ่าบาทตรัสถามออกมาราวกับว่ารอคอยที่จะถามคำถามนี้มานาน

         "ก็ดีพ่ะย่ะค่ะ" องค์รัชทายาทตอบส่งๆ

         "ดีแน่หรือ" ฝ่าบาทเลิกคิ้ว "ข้าได้ยินมาว่าชีวิตคู่เจ้ามีอะไรแปลกๆ นะ"

         "หมายความว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"

         "เจ้าเป็นคนมาขอนางจากข้าไปเอง แสดงว่าเจ้าพร้อมที่จะมีชีวิตคู่ไปกับนาง แต่ที่ข้าเห็น เจ้าเหมือนไม่ได้มีความพิศวาสอะไรนางด้วยซ้ำ"

         "เหตุใดพระองค์ถึงคิดเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" ลียิมโฮสงสัย

         "ก็เห็นกันชัดๆ อยู่มิใช่หรือ เจ้าไม่ได้แสดงความรักกับเซจาพินแบบที่ผู้ชายพึงปฏิบัติต่อสตรีสักนิด เจ้าเลือกนางขึ้นมาเป็นพระชายาเพื่อทิ้งขว้างกระนั้นหรือ"

         "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันหาได้มีความหมางเมินต่อพระชายาแม้เพียงนิด ทุกราตรีนับตั้งแต่พิธีอภิเษก หม่อมฉันก็ไปหานางที่ตำหนักตลอดนะพ่ะย่ะค่ะ"

         "แต่ที่ข้าได้ยินมา" พระเจ้าโจจงจ้องหน้าพระโอรส "เจ้าไปตำหนักนางก็จริง แต่ไปนั่งอ่านหนังสือเฉยๆ หาได้ทำอย่างอื่นไม่ จะเจรจาพาทีกับนางก็ไม่มีเลย พอตกดึกก็กลับตำหนักตงกุง การทำแบบนี้อาจหลอกเหล่าข้าราชบริพารได้ แต่หลอกข้าไม่ได้นะ"

         "ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ได้---"

         "รู้สิ" พระองค์ชิงตรัสขึ้นก่อน "พระชายาเจ้าฟ้องเรื่องนี้กับใต้เท้าคิม แล้วใต้เท้าคิมก็มาบอกข้าอีกที ทำไมข้าจะไม่รู้เล่า ข้าน่ะเป็นพระราชาก็จริงแต่ก็เป็นพ่อเจ้าด้วย ทำไมจะไม่รู้เล่าว่าโอรสมีความสุขหรือไม่มีความสุข"

         ลียิมโฮนิ่งเงียบไป

         "เช่นนั้นจงบอกข้ามาเร็วเข้า ทำไมเจ้าถึงขอนางไปเป็นชายาทั้งๆ ที่ไม่ได้รักนาง" ฝ่าบาทตั้งคำถาม

         องค์รัชทายาทมั่นใจว่าพระบิดาต้องดูออก ไม่แน่ว่าที่พระมเหสีทรงประชวร ฝ่าบาทก็คงจะรู้ได้เช่นเดียวกันว่าเกี่ยวพันกับการแต่งตั้งเซจาพิน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังต้นสายปลายเหตุนั้นแน่นอนว่าไม่รู้ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของเสด็จแม่ เขาจะยังไม่สามารถทูลความจริงกับฝ่าบาทได้ตอนนี้

         "หม่อมฉันไม่ได้ไม่รักนางนะพ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี"

         ฝ่าบาทเพ่งมองหน้าพระโอรสของตัวเองอยู่สักพัก

         "ถ้าเจ้ายืนยันเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้หายห่วง แต่ถ้าเป็นไปได้รีบมีทายาทหน่อยก็ดี เจ้าก็รู้ว่าสายพระโลหิตเพื่อสืบทอดบัลลังก์นั้นสำคัญแค่ไหน"

         องค์รัชทายาทก้มศีรษะ ขณะนั้นเองก็มีเสียงของขันทีหน้าตำหนักดังขึ้นก่อนจะทูลว่ามีหมอหลวงขอเข้าเฝ้า

         หมอใหญ่แห่งสำนักหมอหลวงในชุดสีน้ำเงินก้าวเข้ามาในตำหนักพลางถวายคำนับก่อนจะทูลถวายรายงานเกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระมเหสีโดยละเอียด

         "พระฉวียังคงหม่นหมองพ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องการเสวย จากตอนแรกที่ไม่เสวยพระกระยาหารแม้แต่เพียงนิด ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่เสวยน้ำด้วยพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งพระโอสถไม่ต้องพูดถึงเพราะพระนางปฏิเสธท่าเดียวเลย"

         "การฝังเข็มพอจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่" ฝ่าบาทถามอย่างวิตกกังวล

         "ช่วยได้แต่ไม่มากพ่ะย่ะค่ะ เพราะพระมเหสีไม่ยอมเสวยโอสถไม่ว่าจะขนานใด"

         "ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ" ฝ่าบาทตรัสออกมาเบาๆ

          องค์รัชทายาทเมื่อได้ยินพระอาการประชวรอันย่ำแย่ของพระมารดาตนเองก็บังเกิดอาการสองจิตสองใจขึ้นมาทันที ใจหนึ่งนั้นยังคงโกรธเสด็จแม่ของตนอยู่ ส่วนอีกใจก็เริ่มสงสารขึ้นมาบ้างทีละนิด

         "เดี๋ยวเย็นนี้ข้าจะไปเยี่ยมนางที่ตำหนักกลาง" ฝ่าบาทตรัสกับหมอหลวง "แล้วเจ้าเล่ายิมโฮ จะไปพร้อมกันเลยรึไม่ หรือว่างานที่ตำหนักตงกุงมีเยอะจนไม่ว่าง"

         "มิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไปได้" องค์รัชทายาทตอบ และเมื่อหมอหลวงขอประทานอนุญาตตรวจพระวรกายฝ่าบาทประจำวัน เชื้อพระวงศ์หนุ่มก็ขอตัวทูลลาออกมา

          เมื่อออกมาอยู่นอกตำหนักเรียบร้อยแล้ว มหาดเล็กโชคังอินก็รีบเข้ามาทูลถามทันที 

         "ได้ทูลถามฝ่าบาทเรื่องซอฮยอนรึไม่พ่ะย่ะค่ะ"

         "ไม่ได้ถาม" องค์รัชทายาทตอบสั้นๆ

         "ทำไมเล่าพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็น่าจะทูลให้ฝ่าบาททรงรู้ว่าคนในวังพากันเกลียดและกลั่นแกล้งซอฮยอนมากแค่ไหนหลังจากประกาศว่าจะรับตำแหน่งราชเลขา"
       
         "ซอฮยอนนางเลือกทางเดินของนางเอง ข้าว่าช่างนางเถิด ทีนางยังไม่สนใจคนอื่น ทำไมเราต้องสนใจนาง" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัสเสียงห้วนก่อนจะเดินนำขบวนเสด็จออกไปจากตำหนักใหญ่ ทิ้งให้โชคังอินยืนนิ่งอย่างอึดอัดใจอยู่เช่นนั้น









         ซอฮยอนจ้องมองไปที่ห้องทำงานของขุนนางกรมการคลัง นางไม่เคยย่างกรายมาบริเวณนี้เลยตั้งแต่เข้าวังมา หญิงสาวต้องถามทางทหารยามถึงสามทอดกว่าจะมาถึงได้ 

         นางค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดช้าๆ พลางเหลียวซ้ายแลขวา หญิงสาวไม่อยากเจอใครในเวลานี้เพราะเบื่อแล้วกับการมองเหยียดและคำพูดดูถูกดูแคลนต่างๆ นานา

         "ขอโทษเจ้าค่ะ มีใครอยู่ข้างในบ้างเจ้าคะ" ซอฮยอนส่งเสียงเรียก

         เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่ดูคุ้นตาซอฮยอนมากยื่นหน้าออกมา

         "ใต้เท้าปาร์คฮาวอน!" ซอฮยอนร้องออกมา "ใต้เท้าจริงๆ ด้วย" (หากนักอ่านท่านใดจำไม่ได้ ขอให้ย้อนไปอ่านตอนที่ 12 กฎใหม่และซังกุงประหลาด)

         "เจ้า..." ชายหนุ่มเพ่งตามอง "ซอฮยอน... นั่นเจ้าหรือ"

         "ใช่เจ้าค่ะ คือข้าเอง"

         "อะไรกันนี่ ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าใคร"

         ซอฮยอนหัวเราะก่อนจะถามว่า

         "ท่านสบายดีรึไม่เจ้าคะ ตั้งแต่เข้าวังมาข้ายังไม่เคยมาหาท่านเลย"

         "สบายดี ส่วนเจ้าคงจะมีแต่เรื่องยุ่งสินะ ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าตลอดเลย กลายเป็นคนดังไปเสียแล้ว" ฮาวอนกล่าวยิ้มๆ

         "ดังในทางที่ไม่ดีน่ะสิเจ้าคะ"

         "เจ้าก็พูดไป ว่าแต่มาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ"

         "คือ... คือข้ามาขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าปาร์คฮาซองเจ้าค่ะ" หญิงสาวตอบ

         "ท่านพ่อยังไม่เข้าวังตอนนี้ น่าจะมาตอนบ่ายๆ ทำไมรึ เจ้าจะให้พ่อข้าช่วยเรื่องอะไรหรือ" เขาถาม

         "ความจริงข้าต้องพบเขาด้วยตัวเอง แต่ไม่เป็นไร..." ซอฮยอนล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาส่งให้ปาร์คฮาวอน "ท่านช่วยนำจดหมายฉบับนี้ส่งให้ใต้เท้าแทนข้าหน่อยได้ไหมเจ้าคะ"

         "ได้สิ" ชายหนุ่มรับจดหมายฉบับนั้นมาไว้ในมือ

         "ฝากบอกใต้เท้าด้วยนะเจ้าคะว่าข้าต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ"

         "ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงไปท่านพ่อข้าน่ะช่วยเจ้าได้อยู่แล้ว" ฮาวอนตอบ "ถึงเจ้าจะไม่ใช่ลูกจริงๆ แต่ใต้เท้าเขาก็ยอมรับให้เจ้าเป็นลูกบุญธรรมนะ ตอนใต้เท้าซินวานให้พ่อข้ารับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม พ่อข้าก็ยอมอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะสงสารเจ้าที่เพิ่งเสียพี่สาวต่างมารดาไป"

         "ขอบคุณมากนะเจ้าคะที่ช่วยเหลือ" ซอฮยอนโค้งคำนับ นางอยู่สนทนากับใต้เท้าปาร์คฮาวอนครู่หนึ่งก็ขอตัวลากลับด้วยกลัวคนจะมาเห็น หญิงสาวไม่อยากให้คนอื่นต้องถูกเหมารวมว่าอยู่ข้างนาง เพราะเวลานี้มีแต่คนเกลียดนางกันทั้งนั้น










         เมื่อกลับมาถึงกองงานวรรณกรรม ซอฮยอนก็พบว่านางในของห้องเขียนหนังสือหลายต่อหลายคนยืนออกันอยู่หน้าห้องทำงานของซังกุง ทุกคนหันมามองนางทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ไม่รู้ว่าซอฮยอนคิดไปเองรึเปล่าแต่สีหน้าทุกคนเหมือนจะจงเกลียดจงชังนางอย่างหนัก บางคนก็จ้องหน้าอย่างหยาบคาย

         "เกิด... เกิดอะไรขึ้นหรือ"

         "ซอฮยอน..." ซุนฮวาเดินแหวกฝูงชนออกมาก่อนจะคว้าข้อมือเพื่อนหญิง "เจ้าออกไปจากที่นี่ก่อน เร็วเข้า"

         "อะไรนะ ทำไมข้าต้องออกไปด้วยเล่า"

         "ออกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง"

         ซอฮยอนพยายามมองผ่านศีรษะของนางในเข้าไปแต่ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี

         "ซุนฮวา เกิดอะไรขึ้นกันแน่"

         "ไม่มีอะไร" ซุนฮวาบ่ายเบี่ยง

         ซอฮยอนสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของซุนฮวาอย่างแรง นางเดินฝ่าเหล่านางในเข้าไปยังใจกลางแห่งเหตุการณ์วุ่นวายทั้งปวง เมื่อหญิงสาวเข้าไปถึงบริเวณนั้นก็เห็นเชวซังกุงนั่งคุกเข่าเอามือปิดหน้าอยู่ ไหล่ทั้งสองข้างของซังกุงแห่งห้องเขียนหนังสือสั่นสะท้าน

         "นายหญิง..." ซอฮยอนตกตะลึง

         เชวซังกุงเงยหน้าขึ้นมา นางกำลังร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมาที่หญิงสาวพร้อมหยาดน้ำใสที่ไหลรินลงอาบแก้มช้าๆ 

         "นายหญิง ทำไมถึงได้---"

         เชวซังกุงส่ายหน้าพลางสะอึกสะอื้น นางพยายามโบกมือไล่ให้ซอฮยอนออกไปจากตรงนี้แต่หญิงสาวไม่สนใจ 

         "นายหญิง เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ" 

         "ยังจะกล้าถามอีกรึ" เสียงนางในรอบตัวร้องขึ้น "แหกตาดูตรงนั้นสิ"

         พวกนางพากันชี้ไปที่กำแพงห้องเขียนหนังสือ ตรงนั้นที่แต่เดิมเป็นที่ปิดประกาศเรื่องสำคัญของกองงานวรรณกรรม ตอนนี้มันถูกมือดีเอาน้ำหมึกมาเขียนจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด ข้อความหลายต่อหลายข้อความแทบจะอ่านไม่ออก ที่อ่านออกก็อ่านได้ความว่า

         "หญิงชั่ว สั่งสอนลูกศิษย์ได้เลวมาก"

         "เชวซังกุง ซังกุงชั้นต่ำ ไม่ควรอยู่ในวัง"

         "มีอย่างที่ไหนสนับสนุนให้นางในของตัวเองเป็นราชเลขา โทษของเจ้าถึงเนรเทศ"

         ซอฮยอนรู้สึกมวนในท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง รู้ทันทีเลยว่านี่เป็นฝีมือของพวกที่ชิงชังนาง แต่เมื่อพวกเขาทำอะไรนางไม่ได้ก็เริ่มมาลงกับคนใกล้ชิดของนางแทนโดยเริ่มที่เชวซังกุงก่อนเพื่อน

         "ทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ..." ซอฮยอนเสียงสั่นระรัวอย่างโกรธแค้น มือทั้งสองข้างกำแน่นเข้าหากันอย่างลืมตัว

         "เพราะเจ้านั่นแหละถึงทำให้นายหญิงต้องโดนด่าแบบนี้" นางในร่างสูงคนหนึ่งตะโกนขึ้น หลายเสียงในที่นั้นร้องเห็นด้วย

         "เพราะข้าหรือ" ซอฮยอนหันไปถามอย่างไม่อยากเชื่อ

         "เพราะความอวดดีของเจ้าที่อยากจะเป็นราชเลขาไม่ใช่หรือถึงทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมดแบบนี้"

         ซอฮยอนตกตะลึง

         "เจ้าน่ะดีแต่สร้างความวุ่นวาย ทำอะไรไม่เคยคิดถึงคนข้างหลัง ไม่เคยปรึกษาใคร มั่นใจว่าตัวเองเก่งจนข้ามหน้าข้ามตาทุกคน"

         "ใช่ๆ" หลายเสียงตะโกน

         "พอ... พอแล้ว" เสียงของเชวซังกุงร้องขึ้น "จะมาทะเลาะกันเองทำไม"

         "จะให้พวกเราอยู่เฉยหรือเจ้าคะนายหญิง ตั้งแต่นางคนนี้เข้ามาทำงานกับเราก็มีเรื่องเดือดร้อนตลอด ทั้งโดนค้นห้อง ทั้งถูกเพ่งเล็ง ล่าสุดก็กำลังทำให้กองงานเราโดนยุบ แล้วดูสิ่งที่นายหญิงได้รับสิเจ้าคะ ท่านเป็นถึงซังกุง แต่โดนใครไม่รู้มาเขียนด่าประจานให้เสื่อมเกียรติ ไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงคนนี้หรือ" นางในร่างสูงยกนิ้วชี้หน้าซอฮยอน

         เชวซังกุงก้มหน้าร้องไห้โฮ

         "ฉะนั้น..." นางพูดต่อไป "ข้าจึงขอเสนอว่าซอฮยอนควรออกไปจากกองงานของเราเสียเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!" เชวซังกุงตกตะลึง

         "นี่คือทางออกที่ดีที่สุดเจ้าค่ะนายหญิง เราต้องขับนางออกไป แล้วก็ไปทูลขออภัยฝ่าบาท ทุกอย่างจะได้จบ"

         เชวซังกุงริมฝีปากสั่นระริก นางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า

         "จะไม่มีการไล่ใครออกไปทั้งนั้น" นางส่ายหน้า "ข้าเหนื่อยมากพอแล้ว อีซึล พาข้าไปพักที"

         อีซึลเดินเข้ามาประคองแขนนายหญิงออกไปจากบริเวณนั้นช้าๆ เมื่อทั้งคู่เดินจากไป ซุนฮวาก็เดินเข้ามาคว้าแขนซอฮยอนออกไปอีกคน

         "ทุกอย่างจะได้จบอย่างนั้นหรือ" หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองนางในร่างสูง

         "ซอฮยอน อย่าเลย..." ซุนฮวาห้ามปราม แต่ซอฮยอนไม่สนใจ นางเดินไปประจันหน้ากับนางในผู้นั้นก่อนจะพูดต่อไปว่า

         "เจ้าคิดว่าถ้าข้าออกไปจากกองงานวรรณกรรมแล้ว ทุกอย่างจะจบอย่างนั้นหรือ"

         "ใช่ จบแน่นอน" นางตอบกลับ

         "พวกเจ้าทุกคนมันไม่รู้เรื่องอะไรสักนิด ไม่เคยรู้อะไรเลย!" จู่ๆ ซอฮยอนก็ตะโกนขึ้นมาจนทุกคนสะดุ้งโหยง "งมโง่จนไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อให้พวกเจ้ากำจัดข้าไปได้ กองงานนี้ก็ต้องถูกยุบอยู่ดีด้วยรับสั่งจากเซจาพินคนใหม่"

         "อะไรนะ!" หลายคนร้องเสียงหลง

         "ก็นั่นอย่างไร พวกเจ้าไม่เคยรู้อะไรเลย ทั้งชีวิตสนใจอยู่แต่เรื่องเดียวคืออิจฉาริษยากันเอง คิดว่าข้าอยากทำนักหรือ คิดว่าข้าอยากทำอย่างนั้นหรือตำแหน่งราชเลขาเนี่ย คิดว่าข้าสบาย ไร้ภาระ ไร้กังวลหรือ คิดว่าข้าไม่กดดันหรือ ข้ารู้สึกหมดนั่นแหละ แต่ทำไมข้าถึงทำเล่า เพราะข้าต้องการให้กองงานเราคงอยู่ต่อไป ข้าเสียสละทำในเรื่องนี้ก็เพื่อกองงานนี้ แต่พวกเจ้าที่ไม่เคยทำอะไรเลยกลับมาชี้หน้าตำหนิข้า พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาด่าว่าข้าทั้งๆ ที่พวกเจ้าก็ไม่เคยจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง!"

         นางในแทบทุกคนยืนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟังซอฮยอนระเบิดอารมณ์

         "ถ้าครั้งนี้ข้าไม่บากหน้าไปท้าพนันคนในวัง ที่นี่ก็ถูกล้างบาง แล้วถึงตอนนั้นใครจะมาเสียสละให้ทุกคน เจ้าหรือ!" ซอฮยอนหันไปตะคอกใส่นางในร่างสูงซึ่งตอนนี้ปิดปากเงียบ "เมื่อครั้งที่ข้าสอบได้ที่ 1 ไม่ว่าจะเซ็งกักชิหรือออซองเคียงวอน ตลอดจนแก้ปัญหาต่างๆ จนสำเร็จ พวกเจ้าทุกคนชื่นชมข้า ทำดีกับข้า แต่วันนี้กลับมาบอกว่าข้าเป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนต่างๆ ให้กับกองงาน พวกเจ้าถามใจตัวเองดูดีๆ เถิดว่ามันเป็นความจริง หรือแค่ความคิดเห็นแก่ตัวของพวกเจ้าเอง"

         ซอฮยอนพูดจบก็เดินแหวกทุกคนออกไป ซุนฮวารีบสาวเท้าตามอย่างรวดเร็ว

         นางในทุกคนในที่นั้นได้แต่ยืนก้มหน้าและไม่เอ่ยวาจาอันใดออกมาอีกเลย

       






         หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ก็แทบจะไม่มีใครเห็นซอฮยอนออกมาจากห้องพักนางในอีกเลย นางจะปรากฏตัวข้างนอกห้องก็ต่อเมื่อเป็นเวลากินข้าวหรืออาบน้ำเท่านั้น

         "จะครบสามวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ" อีซึลถามซุนฮวาเมื่อเห็นซอฮยอนเดินหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง "ข้าไม่เห็นนางจะทำอะไรเลย ไหนว่าจะเอาชนะใจคนในวังให้ได้ไม่ใช่หรือ"

         "ข้าก็คิดว่านางคงทำอะไรบางอย่างอยู่ แต่ตอนที่แอบเข้าไปในห้องนาง ก็ไม่เห็นว่านางจะมีแผนหรือลงมือทำอะไรเลยเหมือนกันนะ" ซุนฮวาตอบ

         "แปลกจริง---เอ๊ะหรือว่า นางจะยอมแพ้" อีซึลยกมือขึ้นปิดปาก

         "ไม่ใช่แน่นอน นางไม่ยอมแพ้หรอก แต่ที่ข้ากลัวคือนางจะเลินเล่อประมาทพวกคนในวังไปรึเปล่าถึงดูสบายๆ ไม่คิดจะทำอะไรเสียที" ซุนฮวาตั้งข้อสังเกต

         เมื่อกลางคืนของวันที่สามมาถึง จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งเข้ามาถึงซอฮยอนในเรือนพัก หญิงสาวรีบเปิดออกอ่านทันที

         "วิเศษแท้ ในที่สุดใต้เท้าปาร์คก็ช่วยข้า" นางร้องออกมาด้วยความดีใจ

         "ใต้เท้าปาร์ค?" ซุนฮวาที่กำลังปูที่นอนอยู่หันมาถาม "พ่อบุญธรรมเจ้าใช่ไหม ใต้เท้าคนที่ดูแลท้องพระคลัง"

         ซอฮยอนพยักหน้า "ใช่ พ่อบุญธรรมของข้าได้ช่วยข้าแล้ว"




    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×