ตอนที่ 6 : ' F I F T H P A G E '
[ 05 . 06 . xx ]
ภายใต้แสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของหญิงสาว เสียงนกร้องดังเป็นระลอก บ่งบอกว่าเช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใสไม่น้อย
ซอฮยอนพลิกตัวนอนหันหลังให้แสงแดดอ่อนๆ เปลือกตาใสค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นจากความฝัน เธอยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงกว้างในบ้านของเพื่อนสนิทก่อนจะบิดขี้เกียจให้อาการง่วงนอนหายไป วันนี้ก็เป็นวันที่ 4 แล้วที่เธอมานอนค้างบ้านเจสสิก้า ซอฮยอนเองยังไม่อยากกลับไปนอนที่บ้านคนเดียวด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่เมื่อใกล้จะ 1 สัปดาห์ที่เธอไม่อยู่บ้านตนเอง เธอคงต้องตัดสินใจหาเวลาไปหาเบาะแสอื่นๆในบ้านเธอสักครั้ง
ตาเรียวเหลือบไปมองนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียงก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียงกว้าง เพื่อคว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปทำภารกิจตอนเช้า
วันนี้คงต้องวิเคราะห์สมุดบันทึกเล่มนั้นเหนื่อยหน่อยล่ะ
ซอฮยอนที่สวมเสื้อยืดลายกราฟฟิกสีเทาอ่อนและกางเกงขาสามส่วนสีดำก้าวลงจากบันไดกลางบ้านอย่างกระปรี้กระเปร่า ตาใสทั้งคู่สอดส่องมองหาเพื่อนสนิทของตัวเองที่อาจจะตื่นก่อนแล้ว แต่กลับไม่พบ เมื่อลองชายตามองออกไปที่โรงจอดรถก็หายข้องใจ เพราะรถของเจสสิก้าได้หายไปก่อนที่เธอจะตื่น
แล้วการทำอาหารเช้าง่ายๆก็เริ่มขึ้น . . .
หลังจากกินข้าวเช้าจนอิ่มเรียบร้อย ซอฮยอนก็หยิบเอาสมุดบันทึกเล่มนั้นมาดู หน้าของสมุดที่ถูกกางไว้ตั้งแต่เมื่อคืนปรากฏตัวอักษรมากมายอยู่ในนั้นราวกับมีใครเขียนมันลงไปเพื่อบอกเรื่องราว
ความจริงอีกอย่างของสมุดเล่มนี้ที่เธอเพิ่งได้รู้เมื่อวันสองวันมานี้คือการที่ตัวอักษรจะปรากฏขึ้นเอง หากกางหน้ากระดาษที่ต้องการอ่านทิ้งไว้ ซอฮยอนคิดว่าอาจเป็นเพราะหมึกที่เขียนหรืออะไรบางอย่างที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจนัก
ซอฮยอนไล่สายตามองตัวอักษรไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนโดยวันที่ที่ปรากฏเป็นวันที่อีกสองวันถัดไป เธอรู้ดีว่าเรื่องราวในแต่ละวันมีเบาะแสหลายอย่างอยู่ด้านใน ดังนั้นเธอควรจะเปิดกางหนังสือให้ตัวอักษรขึ้นมาเองอย่างใจเย็น หากจะไปกางเอาหน้าสุดท้ายของเล่มเลยก็ได้อยู่แหละ แต่เธอเองคิดว่าคงจะพลาดอะไรหลายๆไปแน่ ดังนั้นค่อยๆเก็บข้อมูลแบบนี้นี่แหละคงจะเป็นทางที่ดีที่สุด
มือเรียวพลิกหน้ากระดาษกลับไปที่หน้าล่าสุดที่เธอยังไม่ได้อ่านอีกครั้ง นิ้วชี้ลากใต้ข้อความเหล่านั้นอย่างพิจารณา ซอฮยอนพอจะสรุปได้ว่าเจ้าของเรื่องราวไปที่ใด แต่เธอไม่รู้ว่าไปเวลาใดนี่สิประเด็นหลัก
ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยว นึกโทษสมุดบันทึกเล่มบางตรงหน้าที่แทบไม่บอกอะไรเกี่ยวกับเวลาและจุดประสงค์ ถ้าจะพูดให้ถูกในสมุดนี้เรียกว่าเขียนแต่สถานที่เลยก็ว่าได้
ซอฮยอนปิดสมุดบันทึกลงก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวี ขายาวก้าวไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างโต๊ะเตี้ยมากดโทรออกหาใครบางคน แต่แล้วก็ต้องเบ้ปากเมื่อปลายสายไม่ยอมรับเสียที
ทำอะไรอยู่นะเจสสิก้า
นิ้วเรียวกดยิกๆหาใครอีกคนที่พอจะเป็นตัวช่วยได้ ก่อนจะเอาโทรศัพท์ยกขึ้นแนบหูอย่างใจจดใจจ่อ
[ฮัลโหลครับ?]
รอไม่ถึงนาทีเสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังเข้ามาในสาย ซอฮยอนยกยิ้มอย่างดีใจที่เธอเลือกโทรไม่ผิดคน
"อยู่ไหน? แล้ววันที่ 8 ว่างมั้ย?"
[อา โทษทีนะ วันนั้นติดธุระกับน้องน่ะ ตอนนี้ก็เกิดเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย]
ซอฮยอนเลิกคิ้วขึ้นข้างกับสิ่งที่คริสพูด วันที่ 8 ไม่ว่าง เธอก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ไหงตอนนี้กลับบอกว่ามีเหตุฉุกเฉินซะล่ะ ?
"มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?"
[คนรู้จักถูกรถชน ฉันกับน้องขับมาพอดี ที่ใกล้ๆบ้านซูยอนนั้นแหละ]
"หะ? จริงหรอ?"
ตากลมเบิกกว้างอย่างลืมตัว ซอฮยอนเองเหมือนจะนึกอะไรขึ้นออก เอื้อมมือไปหยิบสมุดบันทึกที่เพิ่งไปขึ้นมาเปิดหาหน้าของวันนี้อย่างเร่งรีบ ...และทุกอย่างก็ทำให้เธอทั้งแปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
[อืม ฉันจะโกหกทำไมล่ะ]
"รอฉันแป๊บเดียว เดี๋ยวจะรีบออกไป"
[อ่าว เฮ่ย! มะ..]
เสียงของคริสถูกตัดไปทันทีที่ซอฮยอนกดตัดสาย มือบางยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะคว้าเอากระเป๋าสะพายคู่ใจและกุญแจบ้านสำรองแล้วรีบเดินออกจากบ้านเจสสิก้าโดยไม่ลืมล็อกประตู
บางทีใครคนนั้นอาจจะใกล้ตัวกว่าที่ฉันคิดก็ได้...
ไม่ถึงสิบนาทีร่างบางของซอฮยอนก็ลงจากแท็กซี่และก้าวสู่ที่เกิดเหตุอย่างตกใจ บริเวณโดยรอบมีผู้คนมากมายยืนมุงอยู่ เสียงไซเรนดังไปทั่วเหมือนกับบรรยากาศในวันนั้นที่เธอไม่รู้ว่าพี่แทยอนจากไปไม่มีผิดเพี้ยน ต่างก็แค่ระยะเวลา
ซอฮยอนมองไปโดยรอบก่อนจะเห็นร่างสูงคุ้นตาของคริสยืนกอดอกอยู่กับใครอีกคนที่ยืนหันหลังให้เธอไม่ใกล้ไม่ไกล ขาเรียวจึงรีบก้วยไปหาคนที่เธอมาหาอย่างเร่งรีบ
"ตกลงว่าใครเป็นอะไร?"
ยังไม่ทันที่คริสจะหันมาสังเกตเห็นเธอ เสียงหวานของซอฮยอนก็เอ่ยทักอีกคนพร้อมมือที่เอื้อมไปสะกิดไหล่คนตัวสูง คริสที่ใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังคิดไม่ตกหันไปมองผู้มาใหม่อย่างแปลกใจ แขนแกร่งเลิกกอดอกแล้วปล่อยทิ้งข้างลำตัว ก่อนจะหันมาไปมองจุดที่รถชน
"ญาติห่างๆน่ะ เขาไม่เป็นไรหรอก แต่คนที่ผิดท่าทางจะตาย"
"ตายเลยหรอ?"
ซอฮยอนลองหันไปมองจุดเกิดเหตุบ้าง สิ่งที่เห็นคือรถยนต์สองคันเละบู้บี้เกยฟุตบาท รถสีออกดำคันหนึ่งที่ดูเหมือนจะผ่านไฟแดงของซอยหน้าบ้านเจสสิก้าเละจนดูไม่ได้โดยเฉพาะด้านคนขับ ส่วนสีขาวอีกคันที่ขับมาชน ด้านหน้ารถยุบไปจนเกือบครึ่งคัน ดูท่าทางก็รู้ว่าขับมบด้วยความแรงพอๆกันทั้งคู่
ซอฮยอนละสายตาจากสภาพคนขับรถสีดำไปทางอื่นอย่างใจเสีย ด้วยสภาพที่หน้าเละไปเกือบครึ่งหน้า รอยฟกช้ำดำเขียวมีให้เห็นทุกส่วนของร่างกาย ขาที่อยู่ผิดที่ผิดทางนั่นอีก ไหนจะเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดทำให้เธอเบ้หน้าหนี
นี่ฉันต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่เว้นอาทิตย์เลยรึไงกันนะ ?
ซอฮยอนลอบมองบริเวณโดยรอบเพื่อเบี่ยงเบนภาพติดตาของสภาพเละนั่น สายตาสอดส่องมองไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ผู้ชายร่างสูงผิวขาวคนหนึ่งที่อาจมองเธอมาอยู่ก่อนแล้ว คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นก่อนจะยิ้มบาง แล้วเอ่ยทักทายเมื่อรู้ว่าอีกคนคือใคร
"ว่าไงชานยอล"
เจ้าของชื่อไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มรับเหมือนทุกๆครั้ง ชานยอลมองซอฮยอนด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึกก่อนจะเปลี่ยนไปมองพี่ชายของเขาแล้วหันมาหาซอฮยอนอีกครั้ง
"ทำไมมาถึงเร็วจังครับ? ฮ่ะๆ"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก พี่อยู่บ้านเจสสิก้าพอดีน่ะมันเลยใกล้"
ซอฮยอนตอบอีกคนกลับไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ อันที่จริงชานยอลเป็นคนที่สมองไวและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหนเธอก็พอรู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้ถึงความจริงที่ทำให้เธอรีบมาที่นี้ ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรหรอก ทั้งๆที่ก็คนกันเองทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ ซอฮยอนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตนเองเหมือนกัน
ชานยอลอา สักวันเดี๋ยวนายก็ได้รู้เรื่องทั้งหมดเอง
ชานยอลมองรุ่นพี่ที่ดูก็รู้ว่าไม่อยากจะตอบคำถามแบบนั้นเท่าไหร่ ปากหยักยกยิ้มกว้างแบบที่ชอบทำก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ สายตาละจากพี่ชายของตนเองไปมองภาพเหตุการณ์อีกครั้ง
คราบน้ำมันที่มีให้เห็นเล็กน้อยที่น้อยคนจะสังเกตได้หนองอยู่ใต้ท้องรถคันสีดำ
ใบหน้าคมติดหวานของชานยอลมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา
โดนเจาะท่อน้ำมันแน่นอนไม่เห็นต้องสงสัย
ตาคมละไปมองป้อมตำรวจเล็กๆใกล้สี่แยกหน้าซอยด้วยใบหน้าที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรถูกเปิดแง้มไว้พร้อมกุญแจที่เสียบคาตู้ ทำให้อะไรๆในสายตาชานยอลเริ่มเด่นชัดขึ้น พลันข้อมูลและสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ทั้งหมดก็ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นความคิดภายในหัวสมองของเขา
ชานยอลยกยิ้มกับข้อมูลที่ดูท่าว่าเขาจะได้รู้ก่อนใครเพื่อนอย่างภูมิใจ ขายาวของเขาเริ่มก้าวเดินถอยห่างจากจุดเกิดเหตุไปยังรถของพี่ชายอย่างคริสที่ตนเองนั่งมา ก่อนจะหยิบเอาไอพอดขึ้นมาใส่หูฟังฟังเพลงและลืมเรื่องราวที่หากเอาไปบอกตำรวจคงจะได้ความดีความชอบอยู่ไม่น้อย
เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีที่รู้อะไรก็เก็บไว้คนเดียวหรอกแต่เขาก็แค่ไม่อยากเอาชีวิตไปวุ่นเกี่ยวกับคดีแบบนี้ และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรที่จะต้องพยายามเป็นสายสืบให้ตำรวจซะหน่อย : )
ผมก็มีเหตุผลของผมละกัน
ซอฮยอนมองตามชานยอลที่เดินกลับไปนั่งรอในรถคริสอย่างแปลกใจ จะบอกว่าเธอสังเกตท่าทางของน้องชายตัวโย่งคนนี้อยู่ตลอดก็เห็นจะได้ ชานยอลเป็นคนที่ลึกลับพอสมควร ไม่ได้ลึกลับจนน่ากลัวแต่แค่น่าสงสัย ด้วยท่าทางไม่ค่อยพูดแถมยังชอบยิ้มกลบเกลื่อนแบบนั้น สำหรับซอฮยอนเองมันกลับให้ความรู้สึกว่าคนๆนี้รู้อะไรมากกว่าที่เห็นอีกเยอะแน่นอน
ซอฮยอนหยุดพักเรื่องของชานยอลไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะหันไปมองสถานการณ์ต่อ เสียงไซเรนยังดังอยู่ไม่ขาด ร่างของคนเจ็บที่เป็นญาติห่างๆกับคริสกำลังถูกหามใส่รถของทางโรงพยาบาลไป ส่วนอีกร่างที่ซอฮยอนเองก็ไม่รู้ว่าหายใจอยู่รึเปล่ากำลังถูกบุรุษพยาบาลสามสี่นายห่ามใส่เปลไปเหมือนกัน
ถนนหน้าซอยที่เคยมีคนมุงดู ตอนนี้เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5-6 นาย คอยวนเวียนอยู่ ทำให้ถนนเส้นเล็กที่ไม่ค่อยมีรถดูแคบลงไปถนัดตา
ตอนนี้คริสกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคน เธอเห็นเขาเป่าลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดอยู่หลายหนก่อนจะยกโทรศัพท์หรูออกจากใบหู ยัดมันกลับใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ใส่ใจ
"เจ้าชานยอลล่ะ?"
"เข้าไปอยู่ในรถแล้ว ตกลงเรื่องมันยังไงกัน?"
ซอฮยอนเอ่ยถามคนที่เดินมาหลอย่างสงสัย คริสยกมือขึ้นเสยผมแล้วตีหน้ายุ่ง
"ชั่งมันเถอะ เดี๋ยวญาติฉันก็มาแล้ว เราไปกันเถอะ ไม่ชอบอยู่ที่แบบนี้นานๆ"
"หมายความว่าไง?"
"มันเสียวสันหลังจะตายไป อุบัติเหตุคนเกือบตายเลยนะ"
ซอฮยอนขำเล็กน้อยกับท่าทางของอีกคนที่พยายามลากให้เธอเดินตามไป คริสเป็นแบบนี้เสมอ ชอบบอกว่าไม่กลัวไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอาเข้าจริงก็กลัวหัวหดเหมือนคนอื่นๆนั้นแหละ
"แค่นี้เอง เล็กน้อยหน่า"
ซอฮยอนเอ่ยแหย่อีกคน ทำให้คริสหันหน้ามามองเธอตาขวาง
"เล็กน้อยอะไรล่ะ? เหอะ แล้วทำไมมาถึงเร็ว?"
"ถามเหมือนน้องชายเลยนะ ฮ่ะๆ จริงๆเพราะมีบางอย่างน่ะ"
"อะไร?"
ซอฮยอนไม่ตอบ เธอแค่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพานเพื่อจะหยิบบางอย่างออกมา แต่ก็ต้องชะงักมือ เธอลืมหยิบสมุดเล่มนั้นใส่กระเป๋ามานี่
"อะไรหายรึเปล่า?"
"ไม่ได้หายหรอก มันอยู่ที่บ้านเจส ส่วนเรื่องที่รีบมา เอาเป็นว่าเพราะเหตุการณ์มันตรงกับในสมุดนั่นละกัน"
"แล้วยังไง?"
"ก็แบบเผื่อจะเจอเจ้าของเรื่องราวในสมุดนั่นไง เอาหน่าเดี๋ยวว่างๆจะเอาสมุดหน้านั้นให้ดู"
ซอฮยอนพูดตัดบทสนทนาเมื่อเดินมาถึงรถของคริสที่ภายในมีชานยอลนั่งเล่นเกมรออยู่ เจ้าของรถมองซอฮยอนอย่างไม่เข้าใจสักพักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ผู้หญิงอะไรพูดไม่รู้เรื่อง…
ร่างบางที่ใส่แว่นตากรอบสีดำผลัดประตูห้องผู้ป่วยที่คุ้นตาเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ภายในห้องสีขาวที่ไม่มีการเคลื่นไหวใดๆยกเว้นแต่ก็เสียงผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอของคนเป็นน้าทำให้เธออมยิ้ม
เจสสิก้าวางถุงอาหารต่างๆที่เธอแวะซื้อระหว่างทางมาโรงพยาบาลไว้ที่เคาท์เตอร์ขนาดเล็กในห้อง ก่อนจะเดินไปนั่งปักหลักที่โซฟาตัวเดิมใกล้ๆเตียงผู้ป่วย
ตาเรียวภายใต้แว่นกรอบดำมองหาใครคนหนึ่งที่มักจะเดินเข้าออกห้องนี้ราวกับตนเองเป็นคนรู้จักของคุณน้า ความจริงที่เธอขุดตัวเองออกมาจากเตียงในเวลาสายแบบนี้เป็นเพราะเพื่อนของเธอวานให้มาฟังผลชันสูตรศพพี่แทยอนต่างหาก คิดๆแล้วตัวเธอเองก็อดลุ้นไม่ได้ อยากรู้จริงๆว่าตกลงพี่แทฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมกันแน่...
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเกือบบ่ายสอง เปลือกตาบางของเจสสิก้าค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงซีรีย์ดังเข้ากระทบโสตประสาท เธอมองไปทางโทรทัศน์ที่เปิดหนังไว้ก่อนจะเลื่อนไปมองคนที่นอนดูทีวีอยู่บนเตียง
"อ้าวตื่นแล้วหรอหลานรัก"
"ค่ะ น้าไม่ยอมปลุกเจสเลย"
"ก็เห็นว่าหลับสบายนินะ"
น้ายิ้มให้หลานรักด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนจะหันไปสนใจหนังตรงหน้าต่อ เจสสิก้าชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะถามถึงเซฮุนดีหรือไม่ ยังไงเธอก็ต้องเอาผลชันสูตรศพที่แพทย์ผู้ชันสูตรฝากเอาไว้จากเขาอยู่แล้วนี่นะ แต่จะให้เธอถามออกไปมันก็ยังไงๆอยู่
"อ่อ.. น้าคะ เด็กนั่นวันนี้ไม่เข้าหรอคะ?"
"เด็กไหนหรอหลาน?"
คุณน้าหันมาถามหน้าตาใสซื่อ เจสสิก้าเลิ่กลั่กอยู่ครู่ก่อนจะตอบออกไปอย่างเลี่ยงๆ ทำไมน้าต้องมาแกล้งเธอเรื่องแบบนี้ด้วย
"ก็..คนนั้นแหละค่ะ คุณหมอที่น้าชอบไง"
เจสสิก้าเบ้ปาก ดูก็รู้อยู่วย่าเธอไม่อยากถามถึงเด็กนั่นสักนิด
"โอเคๆ น้าไม่แกล้งแล้ว ฮ่ะๆ"
"น้านะน้า..."
"วันนี้เซฮุนเข้าเกือบเย็นนู้นแหน่ะ เรามีอะไรรึเปล่า?"
"เกือบเย็นเลยหรอคะ?"
"น้าเองก็ไม่แน่ใจหรอก หลานลองรอไปอีกสักครึ่งชั่วโมงนะ"
เจสสิก้ายิ้มผิดหวัง ก่อนพยักหน้าไปให้น้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วเตรียมนอนกลางวันต่ออย่างไม่รีบร้อน
ถ้าบ่าย3ยังไม่มาจะกลับบ้านจริงๆด้วย ซอฮยอนนะซอฮยอนพรุ่งนี้มาเอาเองแล้วกัน!
ตุบ!
เสียงกระเป๋าสะพายหล่นลงไปกองกับพื้นห้องทำเอาเจสสิก้าลืมตาตื่น มือเรียวยกขึ้นหยิบแว่นตาออกก่อนขยี้ตาพร้อมบิดขี้เกียจ
เมื่อตื่นเต็มตาเจสสิก้าก็สอดส่องมาหาคนที่ต้องการพบมากที่สุดในเวลานี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของโอเซฮุน
นี่มันบ่ายสามครึ่งแล้วนะ! ไม่สนมันแล้วบอกให้ซอฮยอนมาเอาเองละกัน
"คุณน้าคะ เจสกลับแล้วนะ"
เจสสิก้าเอ่ยบอกอีกคนที่หันมามอง น้าของเธอเพียงแต่เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้างุนงงกับหลานของตัวเองที่พอตื่นขึ้นมาก็รีบหุนหันพลันแล่นจะกลับบ้านท่าเดียว
"เจสรีบไปไหนต่อรึเปล่าลูก?"
"เจสต้องไปร่างแบบส่งให้แม่น่ะค่ะ สัปดาห์นี้ยังไม่ได้ส่งสักชุดเลย"
"อ๋องั้นไปดีมาดีนะลูก"
เจสสิก้ายิ้มรับคำอวยพรก่อนจะผลักประตูเดินออกไปทันที
ตอนนี้การที่เธอจะต้องร่างแบบชุดให้แม่ของเธอที่อยู่ต่างประเทศมันกลายเป็นงานของเธอไปแล้วเพราะแม่ของเธอที่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าชื่อดังที่มีแนวความคิดสร้างสรรค์มากมายทำให้สิ่งเหล่านั้นถ่ายทอดมาสู่ลูก ทั้งเจสสิก้าจึงมีงานอดิเรกเป็นการออกแบบต่างๆนานา และเพราะเธอเรียนเกี่ยวกับออกแบบค่อยข้างมากทำให้แม่ของเจสสิก้ามักจะให้เจสสิก้าออกแบบชุดสัก 3-4 ชุดส่งไปให้เธอทุกอาทิตย์และส่งเงินค่าแรงมาให้ลูก จนกลายเป็นว่าเจสสิก้ากำลังทำงานภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดังของแม่ตนเองไปซะอย่างนั้น
ร่างบางของเจสสิก้าเดินผ่านพยาบาลและหมอเพื่อไปยังที่จอดรถอย่างรีบร้อน มือเรียวคว้านหากุญรถพร้อมๆกับที่ประตูอัตโนมัติเปิดออก
แต่ดูท่าโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อพอถึงหัวมุมที่เลี้ยวไปยังรถของตัวเอง เธอกลับชนกับใครบางคนจนกุญแจรถในมือหล่นลงไปบนพื้นคอนกรีต
ให้ตายเถอะ! มาโรงพยาบาลฉันเคยเจอเรื่องดีบ้างไหมเนี้ย?
เจสสิก้าส่ายหัวเพลีย ครั้งนี้ดีหน่อยที่แว่นยังไม่หล่นไปด้วย ไม่งั้นเธอจะกระโดดงับหัวคนที่มาชนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เจสสิก้าไม่ได้สนใจคนตรงหน้าที่ยืนจังกล้ามองมาทางเธออยู่แต่กลับก้มตัวไปหมายจะหยิบกุญแจรถของตนเอง แต่มือใหญ่ของคนตรงหน้ากลับฉวยเอากุญแจรถของเธอตัดหน้าไปอย่างไร้มารยาท คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ ก่อนจะลากสายตาไปมองคนตรงหน้า พลันดวงตาทั้งสองข้างก็เบิ่กกว้างด้วยความตกใจ
"ไง :)"
"... !!"
75 %
"จะรีบไปไหนล่ะ อยากเจอผมไม่ใช่หรอ?"
"ย๊ะ! โอเซฮุน! มาให้เห็นหน้าเอาตอนนี้เนี้ยนะ?"
เสียงหวานของเจสสิก้าตวาดลั่นหลังจากได้เห็นใบหน้ากวนเบื้องล่างของคนเด็กกว่าอย่างชัดเจน มือเรียวเอื้อมไปหมายจะเอากุญแจรถคืน แต่ก็ต้องคว้าอากาศเปล่าเมื่ออีกคนชักมือหนีด้วยความรู้ทัน
ปากยักของเซฮุนยกยิ้มล้อเลียนขึ้นอีกครั้งทันทีที่เจสสิก้ากลอกตาไปมาอย่างหมดหนทางต่อกร
"ผมว่าป้าคงไม่ได้มาเพราะแค่อยากเห็นหน้าผมหรอกใช่มั้ย?"
"ใครอยากเจอหน้านายกันหะ ฉันมาเยี่ยมน้ากับจะทวงผลชันสูตรต่างหาก"
"เออใช่ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย งั้นไปหาดูจุนฮยองกัน"
เด็กหนุ่มพูดเองเออเองเสร็จสับ มือใหญ่ก็จับแขนของเจสสิก้าให้เดินตามเขาไปตามทางเอาเองดื้อๆ ปล่อยให้เธอทำหน้าเหวอ ใครคือดูจุนที่เซฮุนพูดถึง? แล้วนายนี่กำลังจะพาเธอไปไหน ได้ข่าวว่าเธอกำลังจะกลับบ้านนะ !
"ทำไมห้องถึงปิดไฟเงียบแบบนี้ล่ะ?"
เสียงหวานตีบของเซฮุนดังขึ้น ส่งผลให้เจสสิก้าที่ยืนพึงผนังอยู่อดหันไปมองไม่ได้ ปากเรียวพ่นลมหายใจออกมาด้วยอาการเซงอย่างเปิดเผย ไหนจะผู้คนหรือพยาบาลที่เดินผ่านไปมามองทั้งคู่ด้วยแววตาฉงนที่อยู่ๆก็มีว่าที่หมอในชุดนักศึกษาและคนนอกมายืนอยู่หน้าห้องของยุนดูจุนนายแพทย์แผนกชันสูตรที่ปิดเงียบและปิดล็อกราวกับห้องร้างยังไงยังงั้น
"เฮ้อ"
"อ้าวคุณเซฮุน ไหนบอกจะไม่เข้านี่คะ?"
"หวัดดีครับพี่โชรง"
เด็กหนุ่มตัดสินใจเลิกชะเง้อมองหาบุคคลที่คิดว่าจะอยู่ภายในห้องมาโค้งให้ผู้หญิงที่เป็นรุ่นพี่ในชุดเสื้อพยาบาลแบบผู้หญิง เจ้าหล่อนยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะนิ่งต่อเพื่อรอให้คนรุ่นน้องพูดให้จบ
"ผมมาหาดูจุนฮยองครับ ไม่ทราบว่าเขาไปไหน?"
น้ำเสียงสุภาพและท่าทางนอบน้อมที่เซฮุนกระทำต่อผู้หญิงอายุมากกว่าที่ชื่อโชรงทำให้เจสสิก้าอดไม่ได้ที่จะลอบมองอย่างหมั่นไส้
ครับหรอ ไม่ทราบว่าหรอ แหม่ ไอ้เด็กสองมาตรฐาน
"อ๋อนายแพทย์ดูจุนถูกย้ายให้ไปสังกัดอยู่นอกเมืองกะทันหันแบบไม่มีกำหนดเมื่อเช้าน่ะ เพิ่งขนของออกไปหมดก็บ่ายนี่เอง เพราะต้องรีบส่งสรุปผลชันสูตรของคิมแทยอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน่ะ"
"อ่า จริงหรอครับ ขอบคุณครับ ว่าแต่ใครจะมาทำหน้าที่แทนล่ะครับ?"
"พี่ก็ยังไม่แน่ใจนักหรอก แต่ดูเหมือนว่าหมอดูจุนจะพูดคุยเรื่องนี้กับหมออี้ชิ้งไปนะ"
"อา รุ่นพี่จางอี้ชิงหรอครับ? ขอบคุณมากๆครับ"
สิ้นเสียงของเซฮุน เจ้าตัวก็โค้งตัวให้โชรงอีกครั้ง พลันเสียงโวกเวกโวยวายก็ดังขึ้นพร้อมๆกับกลุ่มนางพยาบาลและนายพยาบาลเข็นรถที่มีผู้ป่วยทางจิตไปทางแผนกจิตเวช
"ไม่ .. ไม่ ออกไป ! มันจะฆ่าฉันแล้ว ๆ !!"
ปัง!
เสียงของผู้หญิงที่ดูท่าทางยังอายุไม่เลยเลข 3 กรี้ดออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง และสักพักเสียงของผู้หญิงที่มีอาการหลอนประสาทก็หายไปเสียเฉยๆ
"แอบสงสารจิตแพทย์นะคะ ถ้าจะต้องปราบผู้ป่วยจิตเวชทุกชั่วโมงคงเสียพลังงานไปเยอะแน่ๆ"
"ฮ่ะๆ นั่นสิครับ"
เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วกลับมาดังอีกครั้ง คุณพยาบาลสาวก็หันกลับมาคุยสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องภายในโรงพยาบาลและนายแพทย์ยุนดูจุนกับเซฮุนต่อ ผิดกับเจสสิก้าที่ยังมองจ้องประตูห้องของแผนกจิตเวชไม่วางตา
ภาพของหญิงสาวประสาทหลอนยังติดตาเธอไม่หาย ไหนจะท่าทางหรือน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เธอคุ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเจสสิก้าก็ส่ายศีรษะอย่างไม่ใส่ใจ
บางทีอาจจะคิดไปเองล่ะมั้ง
เสียงครืดคราดดังแว่วมาจากทางเดินไปห้องจิตเวชทางด้านขวา เจสสิก้าที่ยืนใช้หลังพิงผนังอยู่ก็รู้สึกขนตั้งชันถึงมาเองเฉยๆ หางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างยืนจ้องมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แน่นอนว่าเจสสิก้าทำเป็นมองไม่เห็นแต่เหมือนกับว่ายิ่งทำท่าทางไม่สนใจ วิญญาณตนนั้นกลับยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
"ครืดคราด..."
จู่ๆเสียงหอบหายใจแบบคนขาดอากาศก็ดังขึ้นข้างแก้มขวาจนหญิงสาวสะดุ้งตัว เจสสิก้ากลั้นใจใช้หางตามองสิ่งนั้นอย่างใจเย็น
"กรี้ดดด!"
ใบหน้าที่มีหนองผุพองพร้อมรอยยิ้มที่แสยะจนเห็นกระดูกปุออกมาปรากฏขึ้นแก่หางตาของเจสสิก้า เสียงครืดคราดยังคงดังเล็ดลอดออกมาจากจมูกที่เนื้อนังมังสาเปิดจนเห็นไปถึงกระดูกชั้นใน หญิงสาวหลับตานิ่งหลังจากที่เผลอกรี้ดออกไปโดยไม่รู้ตัวทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างหันมามองเธอเป็นตาเดียว
เสียงหัวเราะแหบพร่าแต่กลับแฝงไปด้วยความสะใจที่สามารถทำให้เจสสิก้าถูกมองว่าเป็นบุคคลประหลาดดังขึ้นสะท้อนไปมาในประสาทรับเสียงทั้งๆที่เธอยกมือปิดหูทั้งสองข้างไว้แน่น
"ยืนโง่อยู่ทำไม โดนเขาหลอกไปถึงไหน ยังไม่รู้ตัว หึๆ"
สักพักเสียงครืดคราดหลอนประสาทก็เงียบไปพร้อมกับแรงเขย่าที่หัวไหล่ทั้งสองข้างที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เจสสิก้าลืมตาโพร่งอย่างตื่นกลัว ว่าวิญญาณตนนั้นอาจจะทำร้ายเธอเหมือนครั้งแรกที่เจอดีโอ
"นี่ยัยป้าไม่สบายรึเปล่า?"
เฮ่อ ให้ตายสิ ฉันดีใจที่เป็นนายนะไอ้เด็กหัวสายไหม...
Author 's Side
หน้า 5 สุดท้ายก็ครบ #ปรบมือ
คือแบบพิมพ์ลบๆอยู่หลายรอบมาก มันไม่ใช่ตามที่วางไว้สักทีอะ หงุดหงิดลบแม่ม
การบ้านก็เยอะ พอวันไหนการบ้านน้อยก็เป็นหวัด เออฮาดี =__=
เราจะพยายามอัพนะ อัพทีละหน่อยๆห้ามโกรธเราโด้ยย ; __ ;
#กองทัพเดินด้วยท้องคนแต่งเดินด้วยเม้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วผีต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
ใครหลอก ??? น่าจะใกล้ตัวนาง
แล้วผู้หญิงที่เป็นโรคประสาทคือใครรรร? สงสัยยยยยยยยยยยยย
เเล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอะไรยังไง ???
เรื่องซับซ้อนมากเรย
ฮุนก็เรียกสิก้าว่าป้าอยู่ได้555
รอนะคะ ฮุนสิก คริสซอ
มีอะไรที่แผนกจิตเวช?
อัพเถอะนะไรเตอร์ ~ T_T ~ อยากอ่านแล้วอะ
คริสซอ รอค่ะ
ใครทักจ่าอะ
ค้างอะ
มาต่อไวไวนะคะไรเตอร์ ><
รอที่เหลือนะคะ ><
ชานยอลนี้มีรวามลับใช่มั้ย 555555
้ป็นคนลึกลับมาก แล้วสิก้าอีกไปไหน =_=
รอค่ะๆ เราว่าจงอินเหม๊อนเหมือนนะหมาป่าอะ *0* 555
รอคริสซอค่ะ
คริสซอ >< ติดตามนะคะ ^^
ผญ พูดไม่าู้เรื่องแต่ก็ชอบไม่ใช่าึไง~ รอค้าา