คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : [OS] - Forever love #Chansoo #Sekai
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะแค่ OS แก้เครียดของไรเตอร์
มีคำกล่าวว่า “แม่งร่างกายดับสลาย แต่วิญญาณและความรู้สึกยังคงติดอยู่ ณ ที่เดิม กับความทรงจำเดิม”
ผมไม่เคยเชื่อจนกระทั่งย้ายเข้ามาในบ้านบ้านหลังนี้
ผมชื่อพัคชานยอลเป็นนักศึกษาปีสอง ผมจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะช่วยปิดเทอมผมไม่มีที่อยู่ เพราะหอพักในมหาลัยปิด เมื่อปีที่แล้วผมไปค้างบ้านญาติ แต่พวกเขาก็ย้ายออกไปไม่บอกไม่กล่าว แต่ผมไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะตอนที่ผมไปอาศัยบ้านเขา พวกเขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่เคยแม้แต่จะเรียกกินข้าวด้วยซ้ำ
ผมจึงย้ายมาอยู่ที่นี่จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อีก...
บ้านหลังนี้เป็นบ้านสไตล์ตกแต่งสไตล์ยุโรป ไม่ได้มีบริเวณมากนัก เป็นเพียงบ้านสองชั้นสีขาวที่ทำจากไม้ทั้งหลัง ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าของมันคือใคร ผมไม่เคยเจอเขา แต่ผมก็โอนเงินค่าเช่ากับค่ามัดจำไปตามที่เขายื่นข้อเสนอมา
ในคืนหนึ่งหลังจากอยู่มาได้หลายเดือน ผมก็เจอดีเข้าให้ ผมลงมาหาอะไรกินเพราะรู้สึกท้องว่างหลังจากที่นั่งอ่านหนังสือเรียนแบบนันสต๊อปตั้งแต่2ทุ่ม จนตอนนี้ปาเข้าไป ตีสองกว่าแล้ว ผมย่างเท้าลงมาและพบว่าห้องครัวมีเสียงแปลกๆ ผมเม้มปากและข่มใจไม่ให้แต๋วแตกกรี๊ดออกมาขณะที่เดินเข้าไปในครัว
เด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าผมยืนปิ้งขนมปังอยู่ เขาหันมามองผมด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน เขาดูไม่ได้น่ากลัวเหมือนผีในจินตนาการผม จนผมคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดา จนกระทั่งเขาเดินผ่านทะลุผมไป
“นายก็หิวหรอ? กินด้วยกันไหม?”
เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มที่ทำเอาผมใจเต้นแรง รอยยิ้มที่แสนหวานจากริมฝีปากรูปหัวใจสวย ผมคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วที่รู้สึกแบบนั้นกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเช่นเขา
“เป็นผีกินได้ด้วยหรอ?” ผมถามไปตรงๆ เขาน่ารักเกินกว่าที่ผมจะรู้สึกกลัว
เขาเหลือบมองผมด้วยดวงตากลมโต ขาดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่ผมเรียกเขาแบบนั้น
“อื้ม” เขาบอกแล้วเลื่อนจานมาให้ผมตรงหน้า แต่ผมกลับรู้สึกหายหิวไปแล้วและทำได้แค่นั่งเท้าคางมองเขากิน
“ชื่ออะไรหรอ?” ผมถามเขาขณะที่มองเขาเคี้ยงขนมปังปิ้งตุ้ยๆไม่สนใจ
“คยองซู” เขาตอบสั้นๆแล้วหันไปสนใจขนมปังตรงหน้าต่อ
เขาดูมีเลือดเนื้อจนผมคิดว่า มนุษย์เราคงเข้าใจโลกของวิญญาณผิดเพี้ยนไปมากเลยทีเดียว
“อยู่ที่นี่มานานรึยัง?” ผมถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาจัดการกับขนมปังในมือหมดแล้ว คยองซูเหลือบมองผมเขาทำท่าลำบากใจนิดหน่อยตอนที่ผมมองหน้าเขาตรงๆ
“ก็ไม่นาน เพิ่งอยู่ได้ไม่นาน นายชื่อชานยอลสินะ”
เขาตอบและเอ่ยถามผม ผมไม่แปลกใจนักที่เขารู้ชื่อผม วิญญาณก็คงรู้ทุกอย่างนั่นแหละ
“ใช่ แล้วนี่นายจะไปไหนหรอ?” ผมถามเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเก็บจานวางไว้ในซิงค์ล้างจานและทำท่าจะเดินไปชั้นสอง
“นอนไง จะนอนต่อแล้ว”
“ข้างบนมีห้องเดียว....”
“เราก็อยู่ห้องเดียวกันมานานแล้วชานยอล...” เขาเอ่ยในสิ่งที่ทำให้ผมขนลุก
ผมพยักหน้าแล้วเดินตามขึ้นไป ผมไม่รู้ว่าเขานอนอยู่ตรงไหนแล้วทำไมผมถึงไม่เห็น ผมรู้แค่เพียงผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้คืนเดียวและเอาแต่อ่านหนังสือ
บางทีเวลาในโลกของเขากับผมอาจจะไม่เท่ากัน
หลังจากคืนนั้นผมก็เจอคยองซูบ่อยๆในช่วงหลังเที่ยงคืน เขาจะมาเวลานี้เสมอ พอหลังเที่ยงคืนผมจะได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นมาหาอะไรกินไม่ก็เปิดทีวีดูบอล ผมมานั่งข้างเขาและเราก็เริ่มสนทนาเรื่องต่างๆด้วยกัน คยองซูไม่เคยบอกผมว่าเขาเรียนที่ไหน เขาบอกเพียงว่าเขาอยู่ที่นี่ และผมไม่เซ้าซี้พอที่จะถามว่าเขาตายได้ยังไง
จากตอนแรกที่คุยเล่นเป็นเพื่อนกัน กลับกลายเป็นความสนิทสนม เราใช้เวลาคุยกันบ่อยๆ เขาจะนอนอยู่บนเตียงในขณะที่ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือและหมุนเก้าอี้กลับไปมองเขาพูดถึงเรื่องเกมการแข่งขันฟุตบอลที่เราเพิ่งดูด้วยกัน และตามด้วยเรื่องเยอะแยะมากมาย
คยองซูผมยาวเร็วมาก ผมเพิ่งสังเกตุว่าจากวันแรกที่เจอกันมันน่าจะไม่ถึงสองสัปดาห์ดี คยองซูก็บอกว่าจะไปตัดผม ตอนแรกผมหัวเราะขำเขา ที่พูดแบบนั้น....วิญญาณจะตัดผมไปทำไมนะ
“นายมีเพื่อนบ้างไหมชานยอล”
“ไม่มีหรอก ตั้งแต่สอบเอ็นได้ ฉันก็อยู่คนเดียวมาตลอด” ผมบอกไปตามความรู้สึก มันเป็นเรื่องจริง.....
ผมเรียนอยู่คณะแพทย์ก่อนจะได้เข้ามาเรียนที่นี่ ผมเครียดมากจนแทบบ้า แต่ผมก็ผ่านมันมาได้เพียงลำพัง ผมอยากเรียนหมอเพราะผมแม่ของผมที่ป่วยเป็นมะเร็ง ตอนนี้พ่อและแม่อยู่ต่างประเทศเพื่อพักผ่อน ผมอยากเรียนจบให้เร็วจะได้ไปดูแลแม่
“ไม่เป็นไร ฉันจะเป็นเพื่อนกับนายเอง” เขาบอกผมและยิ้มให้ สายตาเขาเศร้าเหลือเกิน ผมคิดว่าโลกของวิญญาณคงโดดเดี่ยวไม่ต่างกัน
ผมยิ้มตอบคยองซูและเอื้อมมือไปจะแตะมือเขา......แต่มันกลับมีเพียงความว่างเปล่าเบื้องหน้า จู่ๆคยองซูก็หายไป หายไปนานมาก จนผมกังวล และเริ่มลุกขึ้นเดินไปรอบๆบ้านเพื่อตามหาเขา
“คยองซู!” ผมตะโกนเรียกและมองดูนาฬิกา ตอนนี้เวลาตีสอง ผมว่าเราคุยกันมาหลายชม.มากๆ แต่มันยังคงแค่ตีสองเองหรอ? แปลกจัง
ผมเดินไปหยุดที่หน้าประตู รู้สึกถึงความอบอุ่นจากด้านหลัง ก้มลงมองที่เอว แขนเล็กๆของคยองซูกอดเอวผมไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เราถึงเนื้อถึงตัวกัน และเป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสกับเขาได้
“ตัวนายอุ่นดี” เขาพูดพลางซบหน้าลงที่หลังผม ความรู้สึกเปียกชื้นทำให้ผมรู้สึกว่าคยองซูกำลังร้องไห้....
“คยองซูร้องไห้ทำไม?”
“ฉัน....คิดถึงนาย”
ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ราวกับคำว่าคิดถึงมันเป็นมนต์สะกดที่นำพาให้ผมหัวหมุนไป ผมหลับตาลงเพราะอาการแปลกๆที่ลำคอราวกับมีอะไรรัดอยู่ และหายใจไม่ออก.....
“เราจะอยู่ด้วยกันนะ” คยองซูพูดและกอดผมไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ
“คะ...คยองซู ฉัน....ฉันหายใจไม่ออก” ผมทรุดตัวลงนอนบนพื้นอย่างทรมานราวกับจะขาดใจตาย เขายังคงกอดผมไว้ มือเล็กๆลูบแก้มของผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรชานยอล แปบเดียวเท่านั้น เจ็บแค่แปบเดียว....”
“กะ...เกิดอะไรขึ้น” ผมถามและมองเขาผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้ผมมองเห็นทุกอย่างพล่าเลือนไปหมด
แต่ก่อนที่ผมจะได้คำตอบ เสียงระเบิดดังลั่นก็มาจากในครัว พร้อมกับเปลวไฟที่โหมเข้ามาชั่วพริบตา ผมมองเห็นคยองซูทรุดตัวลงนอนหนุนหัวแนบหน้าอกผมไว้
“หลับซะนะ...หลับซะชานยอล”
“เกิดอะไรขึ้น.....คยองซู”
“อย่าไปนึกถึงมันเลย อย่าไปคิดถึงมันเลยนะชานยอล”
ผมหลับตาลงด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ......
.........................
และอีกครั้งที่ผมลืมตาขึ้น ผมมองเห็นคนแปลกหน้า กำลังเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับสัมภาระมากมาย พวกเขาเลือกที่จะย้ายเข้ามาในเวลากลางคืน กระเป๋าเสื้อผ้าพะรุงพะรัง
“ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้วะ ไอ้เหี้ยถึงว่าค่าเช่าถูกสัด” เสียงเด็กผิวขาวซีดหันไปพูดกับเพื่อนตัวเล็กผิวคล้ำ
“พูดมากไอ้ฮุน ในโซลจะหาบ้านเช่าราคาถูกขนาดนี้ได้ยังไงวะ อยู่ๆไปเหอะอย่าเรื่องมาก”
“โหแม่ง....ถ้ากูเจอผีขึ้นมานะ กูจะบอกให้ผีไปหลอกมึงก่อนเลยจงอิน”
ผมฟังบนสนทนาของพวกเขาและทำได้แค่เงียบฟัง คนที่ชื่อเซฮุนเดินสำรวจบ้านไปมาจนกระทั่งเปิดประตูหลังบ้านไปสู่สวนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาด้านหลัง ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านมีสวนแบบนี้ด้วย
“”จงอิน.... คิมจงอิน!!!!!!!!!!!” เด็กที่ชื่อเซฮุนแหกปากเรียกเพื่อนด้วยอาการตกใจสุดขีด เขาเดินถอยหลังและมองไปที่อะไรบางอย่างที่พื้นดิน
“อะไรของมึงวะ?” จงอินเดินมองสีหน้าเอือมระอา เขาดูไม่กลัวอะไรเหมือนเพื่อนเลย
“มึงหลุมฝังศพอ่ะ!”
“แล้วไงวะ? มึงอย่าป๊อดได้ป่ะ มันก็แค่แผ่นหินสลักจงอินบอกพลางจิกคอเสื้อเพื่อนกลับเข้าบ้าน
“แต่...”
“มึงจะอยู่นี่หรือจะไปนอนข้างถนนก็เลือกเอา กูไปจัดห้องนอนและ”
หลังจากที่พวกเขาไป...ผมก็เดินไปดูสิ่งที่พวกเขาบอกว่ามันคือหลุมฝังศพ แต่มันก็แค่แผ่นหินสลักไว้
มันแปลกดีที่ผมมารู้เอาตอนที่ผมมั่นใจว่าตัวเองคงตายกลายเป็นผีไปแล้ว แต่เมื่อมองมันก็แค่แผ่นหินที่สลักไว้เป็นภาษาเกาหลีว่า “ชั่วนิรันดร์” และไม่มีอะไรมากกว่านั้น....
ผมไม่รู้ว่าควรจะถามใครเพราะหลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอคยองซูอีกเลย
ผมคิดว่าตัวเองคงเป็นตัวตายตัวแทน อย่างเรื่องผีสางเหนือธรรมชาติที่อ่านมา.....
เมื่อตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ คอยงซูก็คงไปเกิดใหม่แล้ว.....แบบนั้นรึเปล่า
.....................
“มึงเลิกกอดกูเถอะเซฮุน” จงอินหันมาตีแขนเพื่อนสนิท
“พิเรนท์อะไรวะถึงมาเช่าบ้านหลังนี้อ่ะ”
“ก็เจ้าของเขาให้เช่าถูก”
“ย้ายออกเหอะมึง....”
จงอินถอนใจและหันไปหยิบแลปท็อปมาวางไว้บนตักขณะที่เพื่อนตัวโตกอดเขาไม่ยอมปล่อย
นิ้วมือเรียวเสิร์ชเลขที่บ้านลงในกูเกิ้ลเพื่อมองหาข่าวของบ้านนี้ มันก็จริงที่บ้านเช่ามันราคาถูกเกินไป....แต่มันใหม่มากราวกับสร้างขึ้นมาใหม่ในพื้นที่เดิม บ้านทรงโมเดิลที่มีบริเวณมากพอที่เขาจะได้เลี้ยงหมาอย่างที่ต้องการ ถึงจะมีแผ่นหินสลักไว้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นหลุมฝังศพเสียหน่อย
“นี่ไงเจอแล้ว” จงอินไล้นิ้วไปตามตัวหนังสือในหน้าจอเพื่ออ่านข่าวที่หาเจอด้วยการค้นหาจากเลขที่บ้าน มันเป็นข่าวเมื่อสามสิบปีที่แล้ว.....
นักศึกษาชายเครียดจัดเพราะเอ็นฯไม่ติดเผาบ้านวอดทั้งหลัง
วันที่ 11 พ.ย. 1984 เวลาตี2ครึ่ง เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี บ้านเลขที่ 11 ถนน xxx เกิดเพลิงไหม้ขึ้น สาเหตุเบื้องต้นมาจากแก๊สภายในบ้านที่เปิดทิ้งไว้อย่างตั้งใจ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อภาพหลังว่านายพัคชานยอล คนรักของผู้เสียชีวิตให้การว่าอีกฝ่ายเครียดกับการสิบเข้ามหาวิทยาลัยจนไม่เป็นอันกันอันนอน เอาแต่อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งผมสอบออกมาแล้วไม่ได้คณะที่หวังไว้และเกิดเหตุดังกล่าว
จากการชันสูติภายหลังพบว่า ผู้เสียชีวิตผูกคอไว้กับคานในห้องครัวหลังจากเปิดเกิดรมไว้ แต่แก๊สเกิดปฏิกิริยาและเกิดการระเบิดขึ้นหลังจากนั้น
“เห็นมะบ้านหลังเก่ามันไหมไปแล้วมึง นี่เขาสร้างใหม่แล้ว” จงอินพูดก่อนจะเลื่อนสกอร์เม้าลงมา เซฮุนยังนั่งเบียดเขาเหมือนเดิมราวกับเด็ก สายตาเหลือบเห็นข่าวต่อมาจากเลขที่บ้านเดิม แต่คราวนี้ไม่มีใครตาย....
............................
ผมเดินขึ้นในห้องนอน หลังจากที่พวกเขาหายไปแล้ว มันแปลกดีที่ผมพบพวกเข่าเพียงแค่ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ผมไม่ได้แยแสอะไรมาก ทำเพียงแค่เดินขึ้นมาและอ่านหนังสือ....
ที่โต๊ะหนังสือคอมพิวเตอร์เปิดค้างเอาไว้ หน้าจอมันเปิดค้างไว้ เหมือนโหลดอะไรทิ้งไว้สักอย่าง ผมถือวิสาสะยื่นหน้าไปมอง มันเป็นหน้าเพจของข่าว ปี 1986
บ้านเลขที่11 ถนนxxx เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งในเวลาตีสองครึ่งจากเพื่อนบ้านเนื่องจากมีเสียงโครมครามมากจากในบ้าน เมื่อเข้าไปตรวจสอบ พบนักศึกษาชายอายุ 23ปี นอนอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ในสภาพหมดสติ ในบริเวณใกล้เคียงพบยานอนหลับตกอยู่ คาดว่านักศึกษาคนดังกล่าวจะตั้งใจกินยาเข้าไปเพื่อหวังจะฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จเพราะมีเพื่อนบ้านโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เสียก่อน น่าแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาต้นเหตุของเสียงดังลั่นที่ทำให้เพื่อนบ้านตกใจไม่พบ
นักศึกษาคนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายโดคยองซู ปัจจุบันเรียนคณะแพทย์ม.โซล ได้เข้ามาเช่าบ้านหลังนี้หลังจากที่เจ้าของบ้านได้บูรณะบ้านขึ้นมาใหม่หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อสองปีก่อน
สาเหตุเพราะเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นหลานชายเจ้าของบ้าน ที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว นายคยองซูได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ตนเองคิดสั้นเนื่องจากคิดถึงเพื่อนชายมากและบอกว่าหลังจากเข้ามาเช่าบ้านอยู่ก็ได้พบอีกฝ่ายในบางคืน แต่แพทย์ผู้ดูแลสัณนิษฐานว่า อาการของนายโดคยองซูเป็นผลข้างเคียงมาจากความเครียดหลังจากสูญเสียคนรัก
....................................
“สรุปคือคนที่ชื่อคยองซูเขาหลอนไปเอง เขามาเช่าบ้านหลังนี้แล้วเจอผีแฟนไง ไอ้แผ่นหินนั่นเขาก็ทำขึ้นมาเอง” จงอินสรุปข่าวที่อ่านเมื่อคืนให้เพื่อนฟังเพราะหลังจากที่เขาอ่านจบก็พบว่าเซฮุนที่นั่งสั่นกลัวใจจะขาดนั้นหลับไปแล้ว
“คือคนชื่อชานยอลนี่ตายไปก่อนแล้วมาเรียกแฟนให้ตายตามงี้หรอวะ?”
“ไม่ใช่เว้ย คนชื่อคยองซูอ่ะยังไม่ตาย เขาพยายามจะตายแหละก็มาเช่าบ้านอยู่ได้สองเดือนแล้วก็กินยาตายแต่มันยังไม่ถึงที่ตาย ก้เลยรอด ตอนนี้เห็นว่าอยู่โรงพยาบาลบ้ามั้ง”
จงอินเล่าจบก็ถอนใจให้กับสติปัญญาของเพื่อนสนิท เขาเองหลังจากอ่านข่าวแล้วก็หดหู่ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่สอนเอ็นติด ไม่งั้นคงเครียดไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้น.....
...............................
ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม อ่านหนังสือเล่มเดิมที่ไม่มีวันอ่านจบ ผมยังรู้สึกเช่นเดิม ว่ามันช่างเหงาเหลือเกิน ผมรอเวลากลับไปเรียน แต่ก็รู้สึกว่าเวลาของช่วงปิดเทอมนี้ ช่างยาวนาน เหลือเกิน.......
พัค ชานยอล
THE END
ไม่งงเนาะ? หรืองง? เม้นแท็ก #chansooตลกร้าย เลยนะคะ อยู่ในซีรี่ส์ตลกร้ายค่ะ 5555555555555
ความคิดเห็น