[EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย - นิยาย [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย : Dek-D.com - Writer
×

    [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย

    ชานยอล "มึงไม่ล้อเล่นกันกูแบบนี้ได้ไหม มันไม่ตลกเลยนะ" คยองซู "เวลาพูดว่าชอบมึง กูเคยขำรึเปล่าหละ?" #Chansooตลกร้าย

    ผู้เข้าชมรวม

    16,168

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    37

    ผู้เข้าชมรวม


    16.16K

    ความคิดเห็น


    874

    คนติดตาม


    1.07K
    จำนวนตอน :  31 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ม.ค. 60 / 11:13 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    © themy butter
     
     
     

     


    พระเจ้ามักเล่นตลกเสมอในวันที่ชีวิตเรากำลังอ่อนแอ 

    ผมเคยเชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ 

    นั่นทำให้ผมมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อในแต่ละวัน

    หากแต่ในวันนี้ ผมคิดว่าฟ้าหลังฝนอาจจะไม่สดใสอีกแล้ว....


    เพียงชั่วข้ามคืน ผมกลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากกระเป๋าสตางค์ใบเดียวและโทรศัพท์มือถือ อพาร์ตเม้นท์ที่ผมเช่าอยู่ถูกไฟไหม้..ทุกอย่างหายไปกับกลุ่มควันเบื้องหน้า 

    ผมไม่มีญาติที่ไหน เพราะตั้งแต่เกิดมาผมก็เป็นแค่ “พัคชานยอล” ที่ใช้นามสกุลของคุณพ่อเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมดิ้นรนเรียนจนจบชั้นมัธยม และเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐ โชคดีหน่อยตรงที่ผมบากบั่นมากพอที่จะได้เป็นหนึ่งในเด็กที่ได้รับทุนเรียน แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆผมก็ต้องหาเอง

    และตอนนี้มันก็หายไปหมดแล้ว.....


    ผมไม่กล้าโทรหาเพื่อนในกลุ่มเพราะทุกคนล้วนมีสถานะที่ไม่ต่างกันนัก ผมไม่อยากรบกวนใคร ผมทำได้แค่ทิ้งตัวลงนั่งข้างถนน มองคนวิ่งสวนกันไปมาอย่างน่าเวียนหัว...

    จู่ๆ โทรศัพท์ผมก็สั่น พร้อมกับโชว์เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย หรืออาจจะเป็นเบอร์ที่ผมลบทิ้งไปแล้ว

    “พัคชานยอลครับ”

    (.......)

    “สวัสดีครับ?” ผมข่มเสียงให้เป็นปกติ บางทีอาจจะเป็นลูกค้าที่โทรมาทวงงานจากผมก็เป็นได้ ทั้งที่ตอนนี้เครื่องคอมพ์ของผมคงกลายเป็นเศษเหล็กในกองไฟไปแล้ว

    (ชานยอล นี่เราเองนะ เอ่อ คะ...คยองซู)

    ผมจำเสียงเขาได้ ตั้งแต่คำแรกที่เรียกชื่อผม เสียงที่ไม่ได้ยินมาประมาณสามสี่ปีได้ เหตุผลที่ผมตกใจก็คือ เราจบกันไม่ดีเท่าไหร่


    “อืม ว่าไง”

    (เรา... เอ่อ เดินเข้าไปหาได้ไหม)


    ผมหันควับไปมองรอบตัว ตกใจเล็กน้อยที่เขาเอ่ยแบบนั้น แล้วผมก็เห็นคยองซูในชุดพนักงานร้านไอศครีมกำลังจูงจักรยานเข้ามาหาผม หลังจากที่ผมตอบอืมไปในสาย เขาตัวเล็กมาก จนผมแอบคิดว่า พระเจ้าสต๊าฟคยองซูเอาไว้ที่อายุ 17 รึเปล่า

    เขาเดินเข้ามาหาผมหน้าเศร้าๆ มองอพาร์ตเม้นท์ที่ตอนนี้มีควันโขมงแต่ไม่มีไฟลุกท่วมอีกแล้วหลังจากพนักงานดับเพลิงมาถึง

    “หวัดดี...” เขาเอ่ยด้วยท่าทางขัดเขินเล็กน้อย

    “ไง” ผมทักตอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “เอ่อ...ทำไงดี” อยู่ๆคยองซูก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขามองไปที่อพาร์ตเม้นท์เบื้องหน้าแล้วหันมามองสบตาผม

    “หือ? นายอยู่ที่นี่หรอ?”

    “เปล่า...เราอยู่คอนโดฝั่งตรงข้าม คือ ชานยอลจะทำไงอ่ะ ไฟไหม้หมดเลย”

    “รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่?”


    คำถามที่เหมือนกับหาเรื่อง คยองซูก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด นี่ผมโดนแฟนเก่าตาม

    สโตรเกอร์หรือไงกัน?

    “เราบังเอิญเห็นชานยอลวันก่อน จริงๆเราเพิ่งย้ายมา เลยรู้ว่าชานยอลอยู่ที่นี่ คือ... เรา เห็นไฟไหม้ ก็เลยมาดู แล้วเห็นชานยอลวิ่งออกมา” 


    สภาพผมคงน่าสมเพชมากใช่ไหม? เวลาตีสอง วิ่งลงมาจากอพาร์ตเม้นท์หลังจากได้ยินสัญญาณเตือนภัยดัง โชคที่ผมยังอยู่ในชุดมหาลัยเพราะปกติจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนอนเท่านั้น โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่วิ่งลงมาตอนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

    คยองซูดูเป็นเดือดเป็นร้อนมากขณะที่ผมได้แต่นั่งเฉยๆ ผมเคยหมดตัวมากกว่านี้อีก ตอนที่เรียนจบแล้วรู้ว่าไม่มีเงินจะเรียนต่อมหาลัยแล้ว....


    “อืม เห้อ เดี๋ยวไฟมอดคงเข้าไปดูของอีกทีว่าเหลืออะไรมั่ง” 

    “จะบ้าหรอ เขาไม่ให้เข้าไปหรอก” คยองซูทำท่าเหมือนกับผมเป็นเด็กไม่รู้ประสา....ท่าทางเดิมๆเหมือนตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกัน

    “ก็ต้องรอ ให้ทำไง” ผมยักไหล่แล้วหรี่ตามองดูคยองซูที่เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กล้าๆกลัวๆ สุดท้ายเขาก็เดินเข้ามาใกล้ผม ริมฝีปากสวยที่ผมเคยสัมผัส ใบหน้าแสนน่ารักที่ผมเคยมองไม่เบื่อ อยู่ใกล้ผมแค่ลมหายใจกั้นเมื่อผมก้มหน้าลงไปมอง


    “ถ้าไม่มีที่ไป ไปอยู่กับเราก่อนไหม?”


    เขาไปเอาความกล้าขนาดนี้มาจากไหน?

    คนที่เดินจากผมไปด้วยประโยคทิ้งท้ายว่า “ชานยอลมันเฮงซวย คิดถึงแต่ตัวเอง ถ้าจะเป็นแบบนี้ก็เลิกกันเถอะ”

    เขากล้าชวนผมไปอยู่ด้วยได้ยังไงกัน..โดคยองซูที่ทิ้งผมไปอย่างไม่สนใจใยดี 

    คนที่สะบัดมือจากผมแล้ววิ่งไปหาผู้ชายอีกคนนึงที่สามารถทำให้ชีวิตเขาสบายขึ้นได้ ในขณะที่ผมไม่มีอะไรเลย และไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง สองปีที่เราคบกัน และสี่ปีที่เขาจากผมไป ผมจะต้องเดินถอยหลังไปและนับหนึ่งใหม่อีกทีหรอ? ไม่มีทาง


    “ขอบใจ ไม่เป็นไร” 

    ผมปฏิเสธออกมาโดยไม่ต้องคิดซ้ำ ไม่ประโยชน์ที่จะพูดตัดพ้ออะไรในเมื่อเรื่องของเรามันจบไปแล้ว ในวันที่ผมทุกข์ที่สุดลำบากที่สุดเขาทิ้งผมไปไม่ใยดี แล้วตอนนี้ต่อให้ผมต้องนอนตากน้ำค้างอยู่ข้างถนนผมก็ไม่มีวันไป

    “เรา....ขอโทษ” 

    คยองซูหน้าเสียและเริ่มตาแดง ผมกัดปากตัวเองจนเจ็บ ไม่อยากยอมแพ้ไม่ว่ายังไง ต่อให้ผมหวั่นไหวแต่ผมจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

    “ฮึก เราเสียใจ เราไม่น่า...มาวุ่นวายเลย ปะ ไปก่อนนะ” 

    คยองซูร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ เขาป้ายหลังมือถูจมูกจนแดงก่ำ แล้วค่อยๆเข็นจักรยานหันกลับไป

    ผมยืนอยู่ตรงนั้นมองเขาหันหลังให้ เสี้ยววินาทีผมเห็นสร้อยคอสีเงินที่ถูกหมุนมาด้านหลัง จี้เงินรูปตัว C ในวงแหวน ส่องประกายชัดเจน หัวใจของผมเต้นแรงและไม่อาจจะถอนสายตาไปจากมันได้ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่เห็นมัน


    สร้อยเส้นนี้เคยเป็นของผม และเมื่อเลิกกันผมปาทิ้งไปแล้ว....มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีจี้ตัวอักษรดีไซน์นี้อีกอันในเมื่อคยองซูเป็นคนสั่งทำให้ผมเองในวันเกิดปีที่ 17 


    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงหรือเพราะแรงดึงดูดที่ผมไม่อาจมองเห็น เสียงจักรยานล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างเล็กของคนที่เพิ่งเดินก้มหน้าก้มตาไปอยู่ในอ้อมกอดผม....

    ผมวิ่งมากอดเขา โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากตอนที่ขาของผมพาร่างของผมพุ่งทะยานมาคว้าตัวคยองซูไว้และกอดเขาจากด้านหลัง ผมได้ยินเสียงร้องไห้ของคยองซูชัดเจน ตัวเล็กในอ้อมกอดผมสั่นสะท้านไปตามแรงสะอื้น เมื่ออยู่ใกล้ในระดับสายตาผมแน่ใจว่าสร้อยที่คยองซูใส่มันเป็นของผม


    เขาหามันเจอได้ยังไง....ตอนผมเอามันไปทิ้ง ผมไปคนเดียวแน่นอน ผมเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ และพาตัวเองจมดิ่งไปกับห้วงอารมณ์ของความคิดถึงและเกิดคำถามว่า


    ฟ้าหลังฝนของผม.....จะเป็นแบบไหนกัน



    © themy butter

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น