คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : JOKE - (10) จิ๊กซอว์
มันแปลกที่เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่......
แต่พบควบคุมอะไรไม่ได้ ราวกับเป็นกาฝากที่ไม่สามารถสื่อสารอะไรออกไปได้อย่างใจ
ผมมองเห็นทุกคนผ่านดวงตาของชานยอล แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจนอกจากมอง
ราวกับความทรงจำที่กระเด็นเข้ามาอยู่ร่างของคนอื่น
ชานยอลสูญเสียความทรงจำในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุไป เขาจำไม่ได้ในหลายๆเรื่อง และหนึ่งในนั้นคือเรื่องโดคยองซู อาจจะเพราะความเจ็บปวดก่อนหน้าทำให้เขาเลือกที่จะลืมมันไป แต่หัวใจกลับจำสัมผัสของอีกฝ่ายได้ จากที่คิดว่าจะลืมเลยกลายเป็นต่อต้าน ชานยอลเป็นแบบนั้น
ผมถอดใจและสงบนิ่งอยู่ในส่วนลึกนี้ เหมือนอยู่ในหลุมมืดๆที่ไม่มีทางออก ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ อาม่าของผมเคยบอกเมื่อสมัยผมเป็นเด็กว่า “อากงยังอยู่ในใจของอาม่าเสมอ เรารู้สึกถึงกันตลอดเวลา” ผมก็คิดแบบนั้น แต่เมื่อมันมาเกิดขึ้นกับตัวเอง แปลกมากที่คนที่ผมเข้าไปอยู่ในความทรงจำนั้น ไม่ใช่แฟนของผม แต่กลับเป็นเพื่อนของเขา
ครั้งสุดท้ายที่ผมมองเห็นจงอินคือผมยืนอยู่ข้างเตียงและจับมือเขาไว้ บอกเขาว่าไม่เป็นไร ผมยังอยู่ตรงนี้ ผมยังอยู่กับเขา ผมสบายดีและเขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยผมออกมา
ในตอนนั้นเพราะผมรู้สภาพตัวเองดี ผมไม่อยากรอดกลับมาเป็นคนพิการ ไม่อยากเป็นคนน่าเวทนาในสายตาของใคร ร่างกายของผมมันชาเสียจนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เอวลงไป นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงขอร้องให้จงอินจากไปและทิ้งผมเอาไว้......
...........................
“ชานยอลยังไม่กลับเลย เขามาก่อนสิ”
ผมพยักหน้าให้พี่สาวของเพื่อน พี่ยูรามองหน้าผมยิ้มๆ เธอเจอผมที่โรงพยาบาลหลายครั้ง หลังจากที่กลับมาจากญี่ปุ่น เพราะชานยอลประสบอุบัติเหตุ ผมไม่เคยได้เคยคุยกับพี่สาวชานยอลนัก แต่ผมเห็นว่าเธอมองผมอย่างสนใจอยู่บ่อยๆตอนที่ผมเข้าไปเยี่ยมชานยอล
หลังจากที่ผมกลับไปบ้าน ผมค้นหาสายชาร์จแบตฯกล้องถ่ายรูปไม่เจอ ผมไม่ได้ใช้กล้องมานานแล้วตั้งแต่เรียนจบ ผมพยายามหาในห้องจนทั่วแต่ไม่เจอเสียที จนกระทั่งจำได้ว่าเห็นมันครั้งล่าสุดตอนที่เราไปทัศนศึกษากัน ชานยอลยืมมันไปแล้วก็ไม่ยอมคืนจนลืมไปแล้วละมั้ง
“พี่ไม่แน่ใจว่าชานยอลเขาเอาของๆคยองซูไปไว้ไหน เข้าไปหาเองได้ไหมจ๊ะ? ชานยอลเขาจัดห้องใหม่ด้วยเลยงงๆ”
ผมพยักหน้ารักคำพี่ยูราแล้วเดินขึ้นไปชั้นสองห้องของชานยอล นานมากแล้วจริงๆที่ไม่ได้มาที่นี่เพราะปกติชานยอลจะไปนอนบ้านผม...แต่นั่นก็นานแล้วเช่นกัน
ทันทีที่เดินเข้าห้องอีกฝ่ายผมเดินถอยหลังออกมาทันที และมองประตูห้องอีกครั้งให้แน่ใจว่าผมไม่ได้เข้าห้องผิด
มันไม่เหมือนห้องของชานยอลเลย ถ้าพี่ยูรายืนยันว่าชานยอลจัดห้องด้วยตัวเอง มันก็เหลือเชื่อเกินไปจริงๆ ห้องทั้งห้องถูกจัดด้วยสีโทนดำ แม้แต่ม่าน และผ้าคลุมเตียง หนังสือและข้าวของจัดอยู่ในตู้ ไม่มีของวางระเกะระกะเหมือนแต่ก่อน ถ้าชานยอลจะเปลี่ยนสไตล์การจัดห้องมันก็ดูหลุดไปจากเดิมมากราวกับคนละคน ผมเดินสำรวจไปทั่วห้องจนกระทั่งมาที่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมเปิดออกดูและพบว่าว่ามันถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียงเช่นกัน เสื้อผ้าแบบที่ผมไม่เคยเห็นก็อยู่ในนั้น ช่วงเสาร์อาทิตย์ผมไม่ค่อยได้ไปไหนกับเพื่อนเลยไม่รู้ว่าชานยอลเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวไปแล้ว
ผมเปิดลิ้นชักหาสายชาร์จของตัวเองไปด้วยความสงสัย ผมต้องหาของที่ตั้งใจมาหาให้เจอก่อน มันคงไม่ดีถ้าผมจะขึ้นมาห้องของเขานานเกินไปในขณะที่เจ้าตัวไม่อยู่
เดินหาไปทั่วแต่ไม่พบเลย มันหายไปแล้วหรือไง ผมถอนใจและนั่งลงบนเตียงของชานยอล เตียงที่ถูกปูด้วยผ้าผูที่นอนสีดำสนิท ผมลูบมือไปบนผืนที่นอนช้าๆ นึกไม่ออกเลยว่าชานยอลชอบสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่....ปกติเขาเป็นคนชอบสีสว่างและค่อนข้างเหมือนเด็กเสมอ ตุ๊กตามากมายที่เคยกองอยู่บนเตียงก็หายไปด้วย
ผมมองไปรอบๆห้องของชานยอลอย่างรู้สึกไม่คุ้นเคยเลย จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นสมุดเล่มนึงที่สอดเอาไว้ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับตู้หนังสือ ผมเอื้อมไปหยิบมัน สมุดยังใหม่เอี่ยมและถูกเขียนขึ้นหลายหน้าแล้ว มันเป็นไดอารี่ของชานยอล แปลกดีที่อยู่ๆคนแบบนั้นจะเขียนไดอารี่ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ชานยอลเกลียดการเขียนอะไรแบบนี้ที่สุด เพราะเขาเคยบอกผมว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลา
ผมเปิดอ่านไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็เรื่องชีวิตประจำวัน และเรื่องของจงอิน ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุชานยอลที่จริงก็สนิทกับจงอินอยู่แล้วก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม ผมคิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่จงอินเสียพี่จื่อเทาไปทำให้ชานยอลห่วงเพื่อนมากกว่าเดิม...
จนกระทั่งมาถึงหน้านึงความรู้สึกแปลกใจในตัวชานยอลก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ....
-ผมรู้ภาษาจีน มันเป็นเรื่องบังเอิญตอนที่เข้าไปอ่านการ์ตูนที่ชอบ ปกติผมจะใช้วิธีเดาก่อนที่มันยังไม่ถูกแปล แต่วันนี้หลังจากที่เปิดเข้าไป ผมกลับอ่านมันออกทุกตัวหนังสือเลย ผมไม่แน่ใจว่าเรียนมาตอนไหน หรืออุบัติเหตุมันทำให้ผมรู้ขึ้นมาวะเฉยๆ แปลกดีนะ
แปลกสิ....ชานยอลจะรู้ภาษาจีนได้ยังไงในเมื่อชานยอลไม่เคยเรียนเลย เขาเรียนมัธยมมาด้วยกันมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ชานยอลจะไปแอบเรียน ในเมื่อช่วยเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ชานยอลก็มีแต่เพื่อนกับร้านเกม ถึงตอนขึ้นปีหนึ่งจะแยกไปเรียนกีตาร์คลาสสิคแต่มันไม่ได้มีสอนภาษาจีนแน่ๆ
....................
ชานยอลกลับมาถึงบ้านราวๆหกโมงกว่า พี่สาวร้องบอกว่าคยองซูมาหาแต่วินาทีนี้ชานยอลไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว หูอื้อและสับสนไปหมดทุกอย่างราวกับไม่ใช่ตัวเอง....
เขาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้และพูดตอบจงอินกับเซฮุนไม่ได้ว่าเขารู้ไอดีพาสเวิร์สของพี่จื่อเทาได้ยังไงกัน เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้และเดินออกมาจากร้าน หนีเพื่อนมาในสภาพนี้ เขางงไปหมดแล้ว....
เมื่อชานยอลเปิดประตูเข้าห้องไป คยองซูที่นั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่สะดุ้งตกใจ ชานยอลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหงุดหงิดและเริ่มชวนทะเลาะ เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาหงุดหงิดที่เห็นคยองซูทุกครั้ง จิตใต้สำนึกมันต่อต้านและพยายามบอกกับเขาว่าไม่อยากเจอคยองซูเลย ไม่อยากคุยกันด้วยซ้ำ
แต่พอเขาตวาดใส่และผลักอีกฝ่ายแรงๆจนล้มไปนั่งที่พื้น วินาทีที่เห็นคยองซูร้องไห้ออกมา หัวใจของเขาก็อ่อนยวบและสั่นไปหมด
มันเกิดอะไรขึ้น.....
“นายไม่ใช่ชานยอล! ชานยอลจะไม่วันทำแบบนี้กับฉัน ฮืออออ ชานยอลจะไม่ทำ นายเป็นใคร ฮึก เป็นใคร!!”
คำถามที่ไร้คำตอบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร ชานยอลหลับตาลงและพยายามคิด มันเปิดอะไรกับเขาหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
ขอโทษนะ...แต่ว่า นายได้ยินพี่ไหม ชานยอล
เสียงที่ดังอยู่ในหัวทำเอาตกใจจนร่างสูงทรุดตัวลงและกุมหัวไว้ ชานยอลจำเสียงนั้นได้ แล้วมันเข้าไปอยู่ในตัวเขาได้ยังไงกัน...
“ชะชานยอล เกิดอะไรขึ้น” คยองซูปาดน้ำตาและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตื่นตระหนก ชานยอลหน้าซีดมากเพราะตกใจกับเสียงที่อยู่ในหัว
“จับมือฉันหน่อย....” ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง คยองซูขยับเข้าไปแตะตัวอีกฝ่าย มือของชานยอลจับมือของเขาแน่น
“เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น บอกฉันสิ” คยองซูลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง สีหน้าของชานยอลมันทำให้เขารู้สึกกลัวไปด้วย
“ฉันได้ยินเสียงพี่จื่อเทา”
“อะไรนะ นายเมาหรอ?”
“ไม่ๆ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันได้ยินเสียงพี่เขาในหัวของตัวเอง....เหมือนพี่เขาต้องการความช่วยเหลือ เชื่อฉันนะคยองซู..ได้โปรด ฉันไม่ได้บ้า” ชานยอลร้องไห้ออกมาในที่สุด ความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหลือเชื่อจนไม่อาจจะบอกใครได้ แต่เขาเลือกที่จะพูดกับคยองซู
เพราะคยองซูเป็นคนเดียวที่เขารู้สึกว่า “รักเขามากพอที่จะเชื่อในคำพูดของเขา”
.......................
“มึงใจเย็นๆก่อน กูไม่คิดว่าชานยอลมันจะโกหกหรอกนะ ถ้ามึงยืนยันว่ามันเป็นเรื่องที่มึงรู้กันสองคนกับพี่จื่อเทาจริง มันต้องมีเหตุผลดิที่มันรู้ หรือบางที แฟนมึงอาจจะบอกชานยอลมันไปก็ได้”
“มันเป็นไปไม่ได้เว้ย พี่เขาเพิ่งเปลี่ยนพาสเวิร์ดกับกูก่อนเขาเสีย เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกไอ้ชาน!”
จงอินเถียงกลับเสียงหลง เขาเชื่อว่าจื่อเทาไม่มีทางบอกกับชานยอล อีกอย่างเหตุผลที่ตั้งพาสเวิร์ดแบบนั้นก็มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้แน่ๆ อีกอย่างชานยอลก็บอกว่ารู้เองไม่ได้พูดว่าจื่อเทาบอก ถ้ารู้เอง มันจะมีกี่สาเหตุที่จะทำให้รู้
“เอาเป็นว่ามึงใจเย็นๆแล้วกัน อย่าเพิ่งไปด่าไอ้ชานมัน สมงสมองยิ่งไม่ดีอยู่ช่วงนี้ เรียนมันยังเรียนไม่ได้เลย” เซฮุนพูดปลอบอย่างหมดหนทาง เขาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง มันเป็นเรื่องแปลกมากจริงๆ
“ถ้า...กูพูดว่าถ้านะ ถ้าแฟนกูอยู่ในร่างไอ้ชาน แล้วไอ้ชานไปไหน?”
“จงอินมึงบ้าหรอ มันเป็นไปไม่ได้เว้ย มันไม่มีผีบนโลกนี้หรอก”
“กูไม่ได้พูดว่าแฟนกูเป็นผี แต่ถ้าเกิด แบบ....จิตสัมผัสไรแบบนี้”
“ชานจิตสัมผัสหรอ? คุณริวตกงานเลยนะมึง” เซฮุนพูดแล้วหัวเราะร่วน ขณะที่จงอินหวดมือใส่เขาอย่างแรง เซฮุนขำและล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาดู แบคฮยอนโทรมาแล้ว
“แบคฮยอนหรอ?” จงอินถามเบาๆ
“อืม กูกลับก่อนนะ” เซฮุนบอกและยิ้มบางให้ก่อนจะกดรับสายแบคฮยอน
มันไม่ชินเลยนะที่อยู่ๆเซฮุนก็มีแฟนและดูจะให้เวลากับแฟนมากกว่า แต่ถึงยังไง จงอินก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว.....
มือเล็กหยิบโทรศัพท์มากดเปิดหน้าจอ รูปล็อคสกรีนยังเป็นรูปเขากับพี่จื่อเทาที่ถ่ายด้วยกันในรถตู้คันที่เกิดเหตุ จงอินยังจำได้สัมผัสที่ไหล่ยามที่พี่จื่อเทาโอบไว้แล้วขยับเข้ามาเพื่อถ่ายรูปในเฟรมเดียวกัน หากในวันนั้นจงอินรู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ เขาจะไม่รบเร้าขอไปทะเล และอยู่ฉลองที่ห้องของจื่อเทาตามที่อีกฝ่ายต้องการ
ลึกๆจงอินเชื่อว่าชานยอลไม่ได้โกหก แต่มันจะมีเหตุผลอะไรที่จู่ๆชานยอลก็สามารถรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟนของเขาเหมือนกับรับรู้เรื่องอีกฝ่ายผ่านกระแสจิตอะไรแบบนั้น
ความจริงนอกจากเรื่องชานยอลแล้วก็มีเรื่องครอบครัวของพี่จื่อเทาอีกที่เขายังรู้สึกสับสน หลายต่อหลายครั้งที่จงอินพยายามจะขอเบอร์โทรหรือขอให้เพื่อนที่ทำงานของจื่อเทาติดต่อครอบครัวที่จีนของจื่อเทาให้ แต่ดูเหมือนทางนั้นจะปฏิเสธหรือไม่ก็บอกว่าไม่สะดวกคุยด้วยอยู่เสมอ
จงอินเข้าใจดีเพราะว่าตัวเองไม่เคยได้เจอครอบครัวของจื่อเทา แต่หลังจากคบกันแล้วจื่อเทาก็บอกเขาเองว่าครอบครัวรู้เรื่องแล้วและหลายครั้งบ้านจื่อเทาที่จีนส่งของมาให้และหนึ่งในนั้นเขียนชื่อจงอินด้วย แม้จะไม่เคยพูดคุยแต่เขาก็คิดว่าทางครอบครัวจื่อเทารับทราบความสัมพันธ์ของเขากับลูกชายคนเดียวของตระกูลหวง
ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือจงอินต้องไปเจอพ่อแม่ของจื่อเทาด้วยตัวเอง ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากรู้ว่าที่ๆจื่อเทาเกิดและเติบโตเป็นอย่างไร อย่างน้อยเขาก็อยากขอบคุณครอบครัวของจื่อเทาที่ทำให้ครั้งนึงจงอินได้รับความรักจากคนที่แสนดีที่สุด ...ที่ชื่อหวงจื่อเทา
.......................
โดคยองซูไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือจิตวิญญาณอะไรประเภทนี้ เขาคิดแค่ว่าชานยอลอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองหลังจากประสบอุบัติเหตุมากกว่า ถึงแม้นิสัยใจคอจะเปลี่ยนไปมากจนคิดว่าเป้นคนละคนแต่มันก็ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมดตามที่ชานยอลบอกว่า
“ฉันรับรู้ถึงความคิดพี่จื่อเทาตลอด มันแปลกมา ฉันเห็นแม้แต่บ้านเขาที่จีน ทุกอย่างที่เป็นตัวเขารวมทั้งเรื่องครอบครัวด้วย ฉันคิดว่าเขาอยากสารภาพกับจงอินเรื่องครอบครัว เขาถึงอยากสื่อสารผ่านฉัน”
ชานยอลเล่าด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกและสับสน เขาจับมือคยองซูไว้แน่นราวกับต้องการกำลังใจ คยองซูไม่ได้เอ่ยปากขัดออกไป เพียงแต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนเป็นคนป่วยมากกว่า แต่เพราะรักชานยอลไปแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงทำได้แค่หยุดและฟังอีกฝ่าย ยิ่งประเด็นที่ชานยอลพูดเรื่องจื่อเทาแล้วเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะมันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่จงอินจะคบอีกฝ่ายโดยไม่รู้อะไร....
หลังจากที่พูดคุยกันชานยอลก็นอนพักหลังจากกินยาตามเวลาที่หมอสั่ง คยองซูนั่งอยู่ที่ริมขอบเตียงมองคนหลับสนิทอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งรักและสงสาร ส่วนหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา ถ้าตอนที่เกิดอุบัติเหตุชานยอลไม่กอดเขาเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้โดคยองซูคนนี้จะยังมีลมหายใจอยู่ไหม เพราะเขาชานยอลถึงต้องมีสถาพแบบนี้
มือเล็กไล้หลังมือสัมผัสแก้มของคนบนเตียง ขยับกายเข้าไปฟังเสียงลมหายใจใกล้ๆ ได้แต่คิดว่า นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ใกล้กันแบบนี้ รู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้เขาทิ้งชานยอลไปคบกับแบคฮยอน ถ้าหากย้อนเวลาได้ เขาจะบอกปฏิเสธแบคฮยอนไป และไม่ประชดชานยอลด้วยการไปคบคนอื่น
มืออุ่นทาบทับมือของคยองซูทั้งที่หลับตาอยู่ ก่อนจะดึงข้อมือเล็กให้คนที่นั่งอยู่เอนกายลงไปนอนทับอกกว้าง อ้อมกอดของชานยอลช่างอบอุ่นเหลือเกิน คยองซูคิดและหลับตาลง ซึมซับสัมผัสอ่อนโยนในช่วงเวลานี้ก่อนที่ชานยอลจะกลับมาผลักไสเขาอีก ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ คยองซูก็กลัวสายตาที่เย็นชาของชานยอลที่มองมาในช่วงเวลาที่ไม่ใช่พัคชานยอลคนเดิม มันเจ็บปวดจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อถูกคนที่รักเอ่ยปากไล่ให้ไปให้พ้น
.................
เพราะความดื้อดึงของคิมจงอิน เซฮุนเลยต้องมาเป็นล่ามให้ทั้งที่รู้สึกว่าครอบครัวของจื่อเทาไม่ได้เปิดรับให้เพื่อนเขาติดต่อไปเลย แต่ที่สุดแล้ว เพื่อนของเขาก็ดึงดันที่จะมาจีนก่อนกำหนดการที่เคยบอกว่าจะมาหลังจากจบคอร์สเรียนภาษาจีน เซฮุนเอ่ยปากชวนแบคฮยอนแล้ว แต่แฟนเขาไม่ต้องการจะเข้ามายุ่งกับเพื่อนของเขาอีก มองหน้าจงอินก็นึกถึงคยองซูอีก แบคฮยอนบอกแบบนั้นแล้วเขาก็ขัดใจอะไรไม่ได้ เพราะเพิ่งคบกันช่วงนี้ก็ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอกันไปก่อน เขาเลยตามใจแบคฮยอน
“บ้านหลังนี้แน่หรอ?” เซฮุนอ่านที่อยู่ในมือที่จงอินส่งให้ เมืองชิงเต่าเป็นเมีองเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วมาก ตึกรามบ้านช่องมีแต่สไตล์โมเดิร์นแทบจะทั้งหมดแล้ว การมองหาบ้านของใครสักคนตามที่อยู่ก็ไม่ยากนักเพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็อยู่คอนโดฯ ไม่ก็อพาร์ตเมนต์กันหมด เหลือบ้านหลังใหญ่ไม่กี่หลัง
เซฮุนชะเง้อคอมองผ่านรั้วอัลลอยด์เข้าไปเห็นจักรยานสามล้อคันเล็กๆกำลังวิ่งไปมา พร้อมกับเจ้าของๆมันที่ใส่กระโปรงสีขาวพิมพ์ลายดอดไม้เล็กๆดูน่ารัก
“ขอโทษครับ นี่ใช่บ้านคุณหวงรึเปล่า?” เซฮุนเอ่ยถามอย่างสุภาพเป็นภาษาจีน จงอินสะกิดถามว่าเซฮุนพูดอะไรแล้วเขาก็แปลบอกอีกฝ่ายขณะที่รอคนมาเปิดประตู
“มาหาใครคะ?” หญิงสาวชาวจีนเดินมาหยุดที่ประตูบ้านแต่ยังไม่ได้เปิดให้พวกเขาเข้าไป
“ผมเป็นรุ่นนี้ของพี่จื่อเทาครับ เรามาจากเกาหลี ผมอยากมาเยี่ยมครอบครัวเขา” เซฮุนตอบกลับไปขณะที่มองเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล้กผ่านช่องประตู
ความรู้สึกตกใจมันมากพอๆกับความสับสน เด็กผู้หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนแฟนของเพื่อนเขาราวกับหวงจื่อเทาย่อส่วน เพียงแต่เด็กผู้หญิงตรงหน้าช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู ยิ้มรอยยิ้มที่แอบอมยิ้มน้อยๆตอนที่แอบมองเขาผ่านช่องว่างของรั้ว ถ้าบอกว่าพี่จื่อเทามีลูกสาวเขาก็เชื่อ....แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อพี่จื่อเทาเป็นแฟนกับจงอิน จู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็วิ่งไปกอดหญิงสาวที่กำลังลังเลอยู่หน้าประตูและเริ่มพูดคุยกัน
“เป้ยเป้ยเข้าบ้านลูก”
“หม่าม้า คนนั้นเพื่อนป่าป๊า”
“ไม่ใช่สักหน่อย จำผิดแล้ว ใครก็ไม่รู้เนี้ยไม่เห็นรู้จักเลย รออาอี้กลับมาก่อนดีกว่า”
“ใช่สิ เป้ยเป้ยจำได้เคยเห็นรูปตอนที่ป่าป๊าส่งมาให้เราดูไง”
บทสนทนาภาษาจีนที่เซฮุนมั่นใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิดเพี้ยนไป แต่เขาไม่กล้าแปลให้จงอินฟัง
“เขาพูดอะไรกันหรอ?” จงอินกระซิบถามด้วยหน้าตาอย่างรู้อยากเห็น แต่เซฮุนก็ยังเงียบและอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ
เซฮุนคิดว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำไมพี่จื่อเทาไม่เคยพาจงอินมาหาพ่อแม่ที่ชิงเต่า ไม่เคยเอ่ยปากชวนจงอินมาเที่ยวบ้าน และเมื่อพี่จื่อเทาเสีย ทำไมคนทางบ้านของพี่จื่อเทาถึงทำเรื่องของรับศพไปทำพิธีที่บ้านโดยไม่คิดที่จะบอกจงอินสักนิด
“ผมชื่อโอเซฮุน ส่วนคนที่มากับผมชื่อคิมจงอิน ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้จักจงอินดีนะครับ คุณนายหวง”
ทันทีที่เซฮุนแนะนำตัว หญิงสาวที่ยืนอยู่กับเด็กหญิงตัวน้อยก็ค่อยๆเปิดประตูรั้วและมองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองจงอินด้วยท่าทางแปลกใจไม่น้อย แต่ที่ตกใจกว่าเขาน่าจะเป็นจงอินที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาปขณะที่จ้องใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ใบหน้าเหมือนกับพี่จื่อเทาราวกับพิมพ์เดียวกัน เซฮุนคิดว่าเขาคงไม่ต้องอธิบายกับจงอินอีกแล้ว ว่าเด็กตรงหน้าเป็นอะไรกับแฟนของเพื่อนเขา
“เห็นไหมหม่าม้า เป้ยเป้ยบอกแล้ว ว่านี่เพื่อนป่าป๊าแน่ๆ หนูจำได้”
TBC…..
#Chansooตลกร้าย
ตลกร้ายกว่าคู่ชานซู ก็ซีนที่จงอินเจอเป้ยเป้ยนี่แหละ.........=____=;;
[เปิดจอง] All About Chansoo Vol. 1 ราคา 350 บาท ราคารวมค่าจัดส่งแล้ว
เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 25 มีนาคม จัดส่งทั่วประเทศ 9 เมษายนเป็นต้นไป
- ในเล่มประกอบด้วย
#chansooแฟนเก่า 11 ตอน
#chansooตลกร้าย 12 ตอน
Special ที่ไม่ได้ลงในเว็บเด็กดี 3 ตอน
- ขนาดเล่ม A5 ปกพิมพ์ 4 สี กระดาษอาร์ตการ์ด 260 แกรม พร้อมเคลือบด้าน
เนื้อในพิมพ์ขาวดำ 272 หน้า ใช้กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม
เข้าเล่ม ไสกาว
- ของแถม โปสการ์ด Chansoo 2 แบบ
ตัวอย่างหน้าปกจะอัพเดทเร็วๆนี้ค่ะ ^^ มีคำถามเมนชั่นถามได้ที่ @Huggyu หรือเมล์ Praegyu@gmail.com ค่ะ
ความคิดเห็น