ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #55 : Rule 45 : ญาติ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.94K
      6
      20 ม.ค. 57

    Rule 45 : ญาติ

     

    ผมนอนเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นสักพักเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น  ผมรีบลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหมอนอย่างหวั่นๆ ทันทีเพราะรู้สึกกลัวว่าจะมีคนที่ผมไม่รู้จักมาหาไอ้คีตะอีก

    “มึงอย่าลากกูได้ไหมเล่า? กูบอกแล้วไงว่าไม่กลับแล้วยังจะลากอยู่ได้ โว้ย!” เสียงทุ้มโวยวายเป็นภาษาไทยพร้อมกับเสียงกุญแจเสียบเข้าประตูพร้อมกับบิดเพื่อเปิดประตูบ้าน

    “แล้วเมื่อกี้ทำอะไร? ไปยุ่งกับนางแบบนั่นทำไมฮะ!?” เสียงทุ้มๆ คุ้นหูอีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆ ของใครบางคนที่ถูกผลักเข้ามาในบ้านก่อนที่ร่างสูงใหญ่อีกร่างจะเดินตามเข้ามาแล้วปิดประตูเสียงดังจนผมสะดุ้ง

    “โอ๊ย! ไม่ได้ไปยุ่งกับใครทั้งนั้นแหละ  ก่อนจะลากกูมาก็หัดฟังอะไรซะก่อนสิ  แล้วงานถ่ายแบบของมึงมันยังไม่เสร็จเลยนะ!” ผู้ชายที่ถูกผลักเข้ามาในบ้านหันไปโวยวายใส่ผู้ชายที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตา  ผู้ชายที่กำลังทำหน้าดุอยู่ก็คือพี่เคย์นั่นเองแต่ผู้ชายอีกคนผมไม่รู้จัก

    “ไม่สนน่ะ! ผมไม่ชอบให้ถังไปยุ่งกับใครทั้งนั้นแหละ  กว่าจะมากันได้ถึงขนาดนี้ผมเจ็บปวดมากแค่ไหนรู้บ้างไหม?  ผมไม่มีทางให้ถังนอกใจผมหรอก” พี่เคย์บีบไหล่คนที่ชื่อว่าถังก่อนจะเขย่าไปมาจนตัวสูงๆ ของเขาสั่นคลอน

    “พอได้แล้วไอ้เคย์! มาถึงขนาดนี้แล้วมึงก็ควรจะเชื่อใจกูได้แล้วนะ  กูก็โตเป็นผู้ใหญ่มีงานมีการทำแล้วกูคงไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอก! ถ้ากูคิดจะนอกใจมึงกูไม่ทำให้มึงเห็นแบบนั้นแต่กูคงบอกเลิกมึงไปแล้วล่ะ!” พี่ถังตบหน้าพี่เคย์เบาๆ เพื่อให้ได้สติซึ่งพี่เคย์ก็เริ่มสงบลง

    “ถัง...ผมขอโทษ  ก็คนมันหึงน่ะ” พี่เคย์รวบตัวพี่ถังไปกอดก่อนจะทำหน้าเหมือนเด็กกำลังสำนึกผิด  โอ้โห ไม่น่าเชื่อที่ผู้ชายมาดกวนแลดูเพลย์บอยอย่างพี่เคย์จะสยบได้เพราะผู้ชายคนเดียว  สรุปคือลูกชายบ้านนี้เขาได้แฟนเป็นผู้ชายทั้งบ้านเลยว่างั้นเถอะ

    “ทีหลังก็อย่างี่เง่าอะไรแบบนี้อีกนะ  ตัวใหญ่ซะเปล่า เฮ้อ...” พี่ถังดันหัวพี่เคย์ออกก่อนจะเดินมาที่ห้องนั่งเล่น  เมื่อพี่ถังเห็นผมนั่งจ้องตาแป๋วอยู่พี่มันก็ชะงักและยืนนิ่งค้างไปจนกระทั่งพี่เคย์เดินตามเข้ามา

    “อ้าวคิทตี้ หวัดดี  ไอ้คิทมันโทรมาบอกพี่แล้วล่ะว่าคิทตี้มาหา” พี่เคย์ทักผมเมื่อเห็นทำให้พี่ถังตะปบบมือไปจิกหัวพี่เคย์อย่างเอาเรื่อง

    “ต่อหน้าต่อตากูเลยนะไอ้กะล่อน!

    “โอ๊ยๆ ถังปล่อยก่อน  นี่ไม่ใช่กิ๊กแต่เป็นแฟนไอ้คิทมัน โอ๊ยยย” พี่เคย์ร้องลั่นเมื่อถูกแฟนทึ้งผม

    “อ้าว  ก็ไม่รีบบอก  เห็นน่ารักๆ ก็นึกว่าเด็กมึง” พี่ถังพูดก่อนจะมองหน้าผมอย่างพินิจพิเคราะห์

    “สะ...สวัสดีครับ” ผมไหว้อย่างเกร็งๆ เพราะยังไม่รู้จักกับพี่ทั้งสองคนดีนัก

    “หือ? ผู้ชายเหรอ?” พี่ถังเลิกคิ้วอย่างงงๆ เล่นเอาผมเสียเซลฟ์

    “ฮ่าๆๆ หน้าตาน่ารักใช่ไหมล่ะ? ผมเห็นตอนแรกก็ว่าน่ารักเหมือนกัน” พี่เคย์พูดยิ้มๆ ทำให้พี่ถังตวัดสายตาไปมองอย่างเคืองๆ

    “พี่เคย์เขาจะจีบผมด้วยนะครับ” ผมมองพี่เคย์อย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะมองพี่ถังด้วยสายตาบ่งบอกว่าล้อเล่นซึ่งพี่ถังก็พยักหน้าให้ผมแต่หันกลับไปดึงหูพี่เคย์อย่างแรงจนพี่มันร้องโอดครวญไม่หยุด

    “คิทตี้อย่าหาเรื่องให้พี่สิ  โธ่ เพิ่งคืนดีกันหมาดๆ” พี่เคย์ทำหน้ายับพลางลูบใบหูที่ถูกดึงจนแดงเถือกเบาๆ

    “ฮ่าๆ ผมล้อเล่นนิดเดียวเองน่า” ผมหัวเราะขำๆ

    “เอ้อ พี่ชื่อถังนะ” พี่ถังแนะนำตัวผมจึงพยักหน้ารับยิ้ม

    “ชื่อคิทครับ” ผมแนะนำตัวบ้างซึ่งพี่ถังก็พยักหน้ารับ

    “คิทตี้  ตามสบายนะ  ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่ละกัน” พี่เคย์บอก

    “ขอบคุณครับผม”

    “เฮ้อ เห็นหน้าคิทตี้แล้วพี่นึกถึงน้องชายตัวแสบของพี่  หน้าตากับรูปร่างมันก็ประมาณนี้แหละ  มันเป็นตัววุ่นเลยล่ะ” พี่ถังเดินมานั่งบนโซฟาข้างๆ ผมก่อนจะบ่น  ใครกล้ามาเหมือนผมอีกเนี่ยแถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกต่างหาก

    “พี่ถังมีน้องชายด้วยเหรอครับ?” ผมถาม

    “ก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ หรอกนะแต่พี่ก็รักมันเหมือนน้อง  มันชื่อเปอร์  อยากเห็นหน้าไหม? หน้าตาน่ารักเหมือนเราเลยนะ” พี่ถังพูดพลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดหารูป   ผมขยับเข้าไปนั่งใก้ๆ พี่ถังเพื่อดูรูปของคนที่พี่มันบอกว่าหน้าตาคล้ายผม

    “น่ารักจังเลยครับ  พี่เขาเรียนอยู่ไหนเหรอครับ?” ผมถามหลังจากได้เห็นรูปของน้องชายพี่ถัง  เขาหน้าตาน่ารักจริงๆ นะครับ  ดูแสบๆ ซนๆ คล้ายกับผมจริงๆ ด้วย  และที่ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ก็เพราะเขาใส่ชุดนักศึกษาอยู่ส่วนผมเพิ่งจบม.6

    “รู้จักไอ้ลันไอ้ไอไหม?” พี่ถังถามผมจึงพยักหน้ารับ “เรียนอยู่ที่เดียวกัน  เป็นรุ่นพี่ไอ้ไอน่ะ” พี่ถังบอกผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ  หน้ายังละอ่อนอยู่เลยนะเนี่ย

    “ว่าแต่...พวกพี่เป็นแฟนกันเหรอครับเนี่ย? ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพี่เคย์จะยอมพี่ถัง คึๆ” ผมแอบหัวเราะนิดๆ กับท่าทางหมาหงอยของพี่เคย์

    “ก็ต้องยอมแหละ  รักเขานี่  ก็เหมือนกับไอ้คิทที่ยอมเรานั่นแหละ” พี่เคย์พูดทำให้ทั้งผมและพี่ถังหน้าแดงก่ำ

    “...” ผมก้มหน้าเขินๆ

    “มันรักเรามากนะรู้ไหม  ตอนที่มานี่แรกๆ มันกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ  เอาแต่บ่นว่าคิดถึงเรา  ขนาดพี่ชวนไปเที่ยวมันยังไม่ไปเลย...อ๊ะ! ไม่ใช่นะถัง  ผมไม่ได้นอกใจน้า” เมื่อพี่เคย์หลุดพี่ถังก็วิ่งไล่เตะพี่เคย์ซะรอบบ้านส่วนผมก็มองคนแก่นิสัยเด็กอย่างขำๆ แล้วก็คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา

    ไอ้คีตะมันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนนะ? ช่วงเวลาที่ผมเย็นชาใส่มัน มันจะเจ็บปวดทรมานมากเหมือนผมไหม?  โชคดีจริงๆ ที่เรายังรักกันอยู่  ถ้าผมมาหามันที่นี่แล้วพบว่ามันเปลี่ยนใจผมคงรักใครไม่ได้อีก  ผมรักมันมากจริงๆ  คิดถึงมากด้วย  ตอนไหนมันจะโทรมานะ

    RRRRRRRRR

    ผมสะดุ้งทันทีที่โทรศัพท์บ้านดัง  ผมมองเวลาก่อนจะยิ้มแล้วถือวิสาสะรับโทรศัพท์เสียเอง  คิดถึงปุ๊บก็โทรมาปั๊บเลยนะ

    “ฮัลโหล!” ผมกรอกเสียงลงไปตามสายอย่างตื่นเต้น

    [กินข้าวหรือยัง?] แหม...คำถามแรกก็ทักกันแบบเป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกิน

    “ยังเลย  เดี๋ยวชวนพี่เคย์กับพี่ถังไปกิน  แล้วนายล่ะ  กินข้าวยัง?” ผมถามกลับ  แปลกแฮะ ผมไม่เคยถามอะไรมันแบบนี้เลย  เขินจัง

    [กำลังจะไปกินแล้ว  อีกไม่นานก็จะกลับแล้วนะ  รออยู่ที่บ้านนะ] ไอ้คีตะบอก

    “อื้อ รออยู่นี่แหละ  รีบกลับมาละกัน” ผมบอกเสียงแผ่วๆ

    [คิดถึงนะ] ไอ้คีตะบอกทำเอาผมเขิน  บ้าที่สุดเลย  มาหวานใส่กันแบบนี้ผมจะต้านทานยังไงไหววะเนี่ย?

    “อื้ม  ไปกินข้าวได้แล้ว  เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันนะ” ผมบอกพลางจิกกางเกงตัวเองอย่างเขินๆ

    [อืม งั้นวางนะ]

    “อื้ม” ผมพยักหน้านิดๆ ก่อนจะยิ้มให้โทรศัพท์  ไอ้คีตะมันอ่อนโยนกับผมขึ้นมากๆ เลยล่ะครับ  น้ำเสียงและคำพูดมันฟังดูอบอุ่นมากจริงๆ

     

    หลังจากวางสายจากไอ้คีตะไปพี่เคย์กับพี่ถังก็มาชนไปกินข้าวและต่อจากนั้นไม่นานไอ้คีตะก็กลับมาซึ่งพอเห็นหน้าผมมันก็เข้ามากอดไว้ทันที

    “อะไรวะคิท? คิดถึงขนาดนั้นเลย?” พี่ถังแซวขึ้นเมื่อเห็นไอ้คีตะมันพุ่งมากอดผมเหมือนคนบ้า

    “คิดถึงสิครับ  ก็ผมรอเวลานี้มันตั้งสองปีแน่ะ” ไอ้คีตะผละออกจากผมแล้วปัดปอยผมที่ตกปิดหน้าผากผมออกอย่างแผ่วเบา

    “สองปีน่ะจิ๊บๆ” พี่เคย์เบะปากพลางเอามือปัดที่ไหล่ของตัวเอง

    “กูว่าอย่างมึงน่าจะรอต่ออีกซักสิบปีเนอะ” พี่ถังกอดอกพูดทำหน้าพี่เคย์ทำหน้าหงอยๆ

    “เรียนเหนื่อยไหม?” ผมถามพลางปัดผมที่ปรกหน้าออกให้มันบ้าง

    “เหนื่อยมาก” ไอ้คีตะทำหน้าอ้อนแล้วเนียนเอาหน้ามาใกล้ๆ แต่ผมก็รีบถอยออกเพราะอายพวกพี่ๆ

    “ท่าทางไม่เห็นจะเหนื่อยนี่” ผมทำปากยื่นใส่มัน

    “โอ๊ย เหนื่อยจังเลย” ไอ้คีตะแกล้งทำเป็นอ่อนเพลียแล้วเซมาชนผมทำให้ผมต้องรับมันไว้อย่างช่วยไม่ได้

    “คนตอแหล” ผมแขวะ

    “แล้วรักไหมครับ?” ไอ้คีตะโน้มหน้ามากระซิบถาม

    “เกลียดต่างหากล่ะ” ผมทำปากยื่นก่อนจะผลักมันออกห่างๆ อย่างหมั่นไส้

    “ฮึๆ เกลียดก็เกลียดสิ  แต่ฉันรักซะอย่าง” ไอ้คีตะยักไหล่เหมือนไม่แคร์  ก็แหงสิ มันรู้อยู่เต็มอกนี่นาว่าผมรักมันมากแค่ไหน  ถ้าไม่รักผมคงไม่ตามมาถึงนี่หรอก

    “เน่าว่ะคิท  มึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนวะ? ปกติเห็นทำตัวนิ่งๆ เป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าพี่มึงซะอีก” พี่ถังพูดผมจึงหันไปมองหน้ามันเพื่อฟังคำตอบ

    “ถ้าไม่หวานเดี๋ยวแฟนไม่รัก” ไอ้คีตะตอบผมจึงถีบมันเข้าให้  เขินแล้วเส้นกระตุกครับ ฮ่าๆ

    “ไม่รักอยู่แล้ว” ผมแลบลิ้นใส่มันก่อนจะรีบวิ่งหนีเพราะมันวิ่งไล่ตะครุบผมซะทั่วบ้าน

     

    ตกเย็นไอ้คีตะกับพี่เคย์และพี่ถังก็พาผมไปที่สตรีทบาสไม่ไกลจากบ้านนักและที่นั่นผมก็เจอกับเพื่อนๆ ของไอ้คีตะที่มีแผลกันถ้วนหน้าแต่ก็ยังอุตส่าห์มาดูคนอื่นๆ เล่นบาสกัน  แต่ที่มันไม่น่าตื่นเต้นก็ตรงที่มีไอ้เด็กนิกตัวแสบอยู่ด้วยน่ะสิ  พอมันเห็นพวกเรามันก็รีบเข้ามาเกาะแกะไอ้คีตะทันที  ผมก็เลยถือซะว่าแฟนผมมันหล่อก็เลยมีคนมายุ่ง

    “ไง ทนเอาหน่อยนะ  เจ้านั่นมันชอบเกาะแกะคีตะมันตั้งแต่แรกแล้วล่ะ  แต่คีตะไม่ได้สนใจมันหรอกนะ” คริสเดินเข้ามาพูดกับผมเมื่อเห็นผมยืนกอดอกทำหน้าบูดบึ้งอยู่

    “เมื่อคืนหมอนั่นก็ไปที่บ้านแล้วบอกว่าพ่อไล่ออกจากบ้าน” ผมกัดฟันพูดด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นเพราะตอนนี้ไอ้เด็กนั่นมันกำลังอ้อนไอ้คีตะใหญ่เลยครับ  ทั้งกอดแขน ทั้งกอดเอว  ระวังไว้เถอะมึง  กอดไปกอดมากูจะหักแขนเข้าให้

    “หมอนั่นชอบคีตะมากน่ะเพราะคีตะเคยช่วยหมอนั่นไว้จากพวกรีดไถ” คริสบอก

    “เอาเถอะ  ต่อให้ไอ้เด็กนั่นพยายามทำให้คีตะชอบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางสำเร็จหรอก” ผมกอดอกพูด

    “ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ?”

    “ก็เพราะฉันกับเขาผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะไงล่ะ  กว่าจะได้มาเจอกันมันลำบากมากเลยนะ” ผมระบายยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงอดีต

    ไม่ว่าจะเรื่องสนุก ทุกข์ เศร้า และเหงาเราต่างก็ผ่านมาด้วยกันแล้ว  ทั้งประชดประชันคืนดีกันรู้กี่ครั้งต่อแต่ครั้งแต่ความรู้สึกที่เรียกว่ารักก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง  ถ้าไม่มีมันผมก็ไม่รู้ว่าจะรักใครได้  มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้  แม้แต่พ่อของพวกเราก็ยังรักกันเลย

    “ฉันดีใจด้วยนะ  ตลอดเวลาที่รู้จักกับคีตะมาฉันยังไม่เคยเห็นหมอนั่นมีความสุขขนาดนี้เลย  ตอนที่นายเข้ามาช่วยพวกเราเอาไว้น่ะ  สีหน้าของหมอนั่นเต็มไปด้วยความหวังเลยล่ะ” คริสมองหน้าไอ้คีตะแล้วหันมายิ้มให้ผม

    “ขอบใจนะ” ผมหันไปยิ้มกว้างให้คริส   คริสดูใจดีและอ่อนโยนมากเลยครับ  ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพี่ชายเลยล่ะ

    “นี่ คุณอะไรกันน่ะ?” ผมกับคริสสะดุ้งนิดๆ เมื่อไอ้คีตะเดินดุ่มๆ เข้ามาหาด้วยสีหน้าโมโหโดยมีไอ้เด็กนิกเดินตามมาติดๆ

    “เปล่านี่  ก็คุยเรื่องทั่วไป” คริสยักไหล่นิดๆ

    “อืม แล้วนี่พี่เคย์กับพี่ถังไปไหนซะล่ะ?” ผมถามพลางมองหาพี่ๆ ที่ไม่เห็นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

    “ไปเล่นอีกคอร์ทน่ะ  เพื่อนของไอ้เคย์มันเล่นอยู่ฝั่งนั้น” ไอ้คีตะพูดพลางเดินมาแทรกกลางระหว่างผมกับคริส

    “ฮึๆ อะไรจะหึงขนาดนั้น  ฉันไม่ได้จีบซักหน่อย  อีกอย่าง...ถ้าฉันจะจีบก็ไม่ผิดนี่  พวกนายยังไม่คบกันไม่ใช่เหรอ?” คริสพูดเย้าหยอก

    “ใครบอก? คบกับแล้วโว้ย” ไอ้คีตะพูดพลางตวัดแขนโอบรอบเอวผมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของผมจึงตบหน้าผากมันเบาๆ อย่างหมั่นไส้

    “ไม่เห็นจะเหมาะกันเลย!” ไอ้เด็กนิกกระทืบเท้าปึงปังพร้อมมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง

    “ไม่เหมาะตรงไหน?” ผมถามเสียงเขียว

    “คีตะน่ะทั้งสูงทั้งดูดี หล่อและมีดีกรีเป็นถึงหมอส่วนนายก็แค่ไอ้เอเชียหน้าจืด ตัวก็เตี้ย ผอมก็ผอม ผมก็สั้น หน้าตาไม่เห็นน่ารักเลย!” ไอ้นิกมันว่าผมรัวๆ จนผมฟังไม่ทัน  แต่ได้ยินแว่วๆ ว่ามันว่าผมเตี้ย  แต่เดี๋ยวก่อนนะไอ้หนู...มึงเตี้ยกว่ากูอีก!!

    “นิก!” ไอ้คีตะหันไปมองไอ้นิกด้วยสายตาดุๆ “ที่บอกว่าไม่น่ารักน่ะคัดค้าน  แต่อย่างอื่นน่ะถูกหมด” ไอ้คีตะหลุดยิ้มขำๆ ผมจึงเม้มปากแล้วกระโดดขึ้นขี่หลังมันจากนั้นก็ดึงทึ้งหัวมันอย่างเจ็บใจ

    “ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้น่ารักเว้ย! ฉันหล่อ!!” ผมโวยวายโดยมีไอ้คีตะหัวเราะขำๆ อยู่ไม่ห่าง

    “ยอมรับความจริงเถอะน่า  น่ารักขนาดนี้จะบอกว่าหล่อได้ไงล่ะฮึ?” ไอ้คีตะหัวเราะแล้วกระชับอ้อมแขนที่โอบรัดตัวผมที่อยู่บนหลังแน่น

    “ไอ้บ้า!” ผมทึ้งหัวไอ้คีตะอย่างหมั่นไส้

    “โอ๊ย! เจ็บนะ  ทำร้ายสามีแบบนี้ได้ยังไง  เดี๋ยวก็เป็นหม้ายหรอก!” ไอ้คีตะร้องโวยวายแบบขำๆ

    “บ้าเอ๊ย!! พอแล้ว  ไปเล่นบาสดีกว่า  ปล่อย” ผมเม้มปากกลั้นยิ้มก่อนจะทุบไหล่มันรัวๆ เพื่อให้ปล่อยผม

    “ไม่ปล่อย” ไอ้คีตะลอยหน้าลอยตาพูดแล้วออกวิ่งวนไปมาท่ามกลางสายตาคนอื่นมากมาย

     

    วันต่อมา

    พ่อวิคกับพ่อวายุก็มาหาพวกเราที่บ้านแต่ไอ้คีตะต้องออกไปเรียนตั้งแต่เช้า  พี่เคย์ก็มีงานเช้าส่วนพี่ถังก็ต้องไปกับพี่เคย์ทำให้ผมต้องอยู่รอพ่อๆ อยู่คนเดียว  พอมาถึงพ่อวิคของผมก็เข้ามากอดผมแถมอุ้มแล้วเหวี่ยงไปมาอีกด้วย ผมเองก็กอดพอแน่นเลยครับ  ผมคิดถึงพ่อมาก  ถึงจะได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่พ่อทำงานหนักจนไม่ได้พักได้ผ่อนเลยล่ะครับและพอผมย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแบบนี้ยิ่งจะไม่ได้เจอกัน

    “วิค นี่หลานใช่ไหม?” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมกับพ่อเลิกกอดกันแล้วหันไปมอง  ผมเอียงคอมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังสวยอยู่อย่างงงๆ ก่อนจะยกมือไหว้

    “วิว พี่ลม นี่ลูกของผม  ชื่อคิท” พ่อหันไปแนะนำผมให้ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นรู้จักและแนะนำให้ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างผู้หญิงรู้จักด้วย

    “น่ารักมากเลยนะ ฮึก แกน่าจะพาหลานมาให้ฉันรู้จักเร็วๆ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยชมทั้งน้ำตาแล้วปิดปากร้องไห้ทำให้ผู้ชายที่พ่อเรียกว่าพี่ลมต้องโอบปลอบใจ

    “พ่อ...?” ผมหันไปมองพ่อด้วยสายตางุนงง

    “คิท นี่ป้าวิวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของป๊ะป๋าเองส่วนนั่นลุงลมเป็นสามีป้าวิวน่ะ” พ่อแนะนำยิ้มๆ ทำให้ผมถึงกับอึ้ง  พี่สาว...ของพ่องั้นเหรอ?  ครอบครัวของพ่อที่ผมไม่เคยรู้จัก  ครอบครัวที่ผมคิดว่าผมไม่มี

    “สะ...สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้อีกครั้ง

    “คิท มาให้ป้ากอดหน่อยนะ ฮึก ป้าอยากเจอคิทมาโดยตลอด  ตั้งแต่ที่พ่อวิคของหนูออกจากบ้านไปป้าก็คิดตลอดว่าพวกหนูจะเป็นยังไง? จะอยู่กันยังไง? พ่อหนูใจร้ายมากเลยนะ  ไม่ยอมกลับมาที่บ้าน ฮึก ป้า...ฮึก...คิดถึงเหลือเกิน” ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้หนักขึ้นและสะอื้นจนน่าสงสาร

    “คุณป้าเหรอครับ?” ผมถามเสียงเบาพลางค่อยๆ เดินเข้าไปหา

    “จ้ะ ฮึก มาลูกมา” ป้าวิวเดินออกจากอ้อมแขนของคนเป็นสามีแล้วโผเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้หนัก

    “พ่อของผม...มีครอบครัวใช่ไหมครับ?” ผมถามเสียงแผ่ว

    “มีสิจ๊ะ ฮึก พ่อของหนูมีครอบครัว มีป้า มีคุณปู่คุณย่าและมีหนูนะลูก” ป้าวิวลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

    “มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผมเหรอครับ? เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ?” ผมถามพลางผละออกจากป้าวิวแล้วจูงมือป้าไปนั่งพักที่โซฟาด้วยกันทำให้ พ่อวิค พ่อวายุและลุงลมตามมาด้วย

    “วิค ฉันว่าคิทควรจะรู้เรื่องครอบครัวของเราได้แล้วนะ  คุณพ่อเองก็อยากเจอหลาน  คุณพ่ออยากเจอแกกับหลานนะ” ป้าวิวนั่งจับมือผมแล้วหันไปหาพ่อ 

    “เฮ้อ เพิ่งจะมาอยากเจอเนี่ยนะ?” พ่อถอนหายใจแต่ก็พยักหน้านิดๆ ทำให้ป้าวิวหันมาหาผมแล้วเริ่มเล่า

    “คิทจ๊ะ คุณพ่อกับป้าเกิดมาในครอบครัวที่ดีนะ  คุณปู่ของหลานเป็นท่านทูตและคุณปู่อยากจะให้คุณพ่อของหนูเป็นทูตด้วยแต่เจ้าวิคไม่ชอบก็เลยเลือกเรียนสายการแพทย์ แต่คุณปู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรจนกระทั่งวันหนึ่งคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูมีหนูทำให้คุณปู่ไม่ยอมรับเพราะคุณแม่ของหนู เอ่อ...เป็นลูกแม่บ้านทำให้คุณปู่ตัดขาดจากคุณพ่อ  หลังจากนั้นป้าก็ติดต่อกับพ่อของหนูไม่ได้อีกเลย  ป้ารู้สึกผิดมากที่ช่วยอะไรพ่อกับแม่ของหนูไม่ได้  และป้าเพิ่งจะได้มาเจอกับพ่อของหนูเมื่อสองปีที่ผ่านมานี่เอง” ป้าวิวพูดพลางกลั้นน้ำตา  ผมเองก็มองพ่อเป็นระยะเพราะรู้สึกเสียใจและสงสารที่พ่อถูกตัดขาดออกจากครอบครัว

    “ป๊ะป๋าดร็อปเรียนและออกมาทำงานหนึ่งปีเพื่อเก็บเงินทั้งเรียนต่อและดูแลแม่ปิ่น  พอลูกคลอดแม่ก็เสีย  ป๊ะป๋าเองก็เรียนต่อให้จบและได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก  ป๊ะป๋าปฏิเสธทุนและหางานทำเพื่อดูแลลูก  พอลูกโตป๊ะป๋าจึงหาทุนไปเรียนต่อและทำงานไปด้วย  ป๊ะป๋าขอโทษนะที่ไม่ได้ดูแลลูกเลย” พ่อพูดเสียงนิ่งแต่สายตาบ่งบอกว่าเจ็บปวดเหลือเกิน

    “ฮึก วิค ถ้าแกลำบากขนาดนั้นทำไมถึงไม่กลับมา  คุณพ่อ คุณแม่ ฉันและทุกคนรอแกอยู่นะ ฮึก ฮือ” ป้าวิวร้องไห้อีกครั้งพลางใช้อกผมเป็นที่ซับน้ำตา  ผมมองป้ากับพ่อสลับกันก่อนจะเม้มปากเพราะรู้สึกตื้นตัน  พ่อต้องเจอเรื่องลำบากมามากมายแต่พ่อก็ดูแลผมมาจนโต  ผมไม่รู้สึกขาดความอบอุ่นเลย  ผมอบอุ่นเสมอเพราะผมมีพ่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

    “พ่อครับ ขอบคุณนะครับที่ยอมลำบากเพื่อผม” ผมพูดเสียงสั่นๆ

    “วิว ถึงตอนนี้ผมก็ไม่กล้ากลับไปที่บ้านอีกแล้ว  ผมออกมานานเกินที่จะกล้าแบกหน้ากลับมาหาทุกคน” พ่อพูดพลางหลบสยตาป้าวิว

    “รู้ไหมว่าตั้งแต่ที่แกออกไป  แม่ร้องทุกวัน  พ่อก็เอาแต่เครียดไม่ยอมพูดจากับใคร  ทุกคนไม่เคยลืมแกนะวิค” ป้าวิวพูดไปสะอื้นไป

    “เกือบยี่สิบปีแล้วนะ  คงไม่มีใครจำผมได้” พ่อพูดอีก

    “แม่นมทำกับข้าวที่แกชอบทุกวัน  หวังจะให้แกกลับมากิน  คุณพ่อกับคุณแม่ก็มักจะไปนั่งรอให้แกกลับมา  จนตอนนี้พวกท่านก็ยังทำนะวิค” ป้าวิวพูด  ผมมองหน้าพ่อแล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำตาออกมาเพราะสงสารพ่อเหลือเกิน  พ่อคงเจ็บมากที่คิดว่าตัวเองไม่มีหน้าจะกลับไปที่นั่นอีก  คนที่บ้านเองก็คงไม่ได้คิดจะตัดพ่อออกไปจริงๆ

    “ผมไม่รู้  ตอนนี้ผมมีครอบครัวแล้ว  ผมมีลูก มีไอ้วายุและมีลูกๆ ของมัน  ผมมีความสุขดี” พ่อพูดอย่างเย็นชาแต่ตากลับไม่นิ่ง

    “พ่อครับ ฮึก ผมอยากรู้จักครอบครัวของพ่อนะ ฮือ เอาไว้เรากลับไปหาคุณปู่กับคุณย่าด้วยกันนะครับ” ผมผละออกจากป้าวิวแล้วเดินเข้าไปกอดพ่อที่กำลังยืนพิงเสาอยู่

    “นะครับพ่อ  ตอนนี้ผมยังไม่เปิดเทอมเพราะฉะนั้นผมจะกลับไปพร้อมพ่อนะครับ” ผมกอดพ่อแน่น  ผมอยากให้พ่อมีความสุข  ผมไม่แคร์คนที่นั่นหรอกครับแต่ผมแคร์พ่อ  ผมรู้ว่าพ่อเองก็อยากกลับบ้าน

    “คิท...” พ่อเรียกชื่อผมอย่างลำบากใจ

    “นะครับ” ผมเขย่าตัวพ่อเพื่อตื๊อ

    “อืม แต่ถ้าโดนไล่ออกมาเราต้องรีบออกมานะ” พ่อบอกผมจึงพยักหน้ารัวๆ

    “เฮ้อ อย่างนี้ลูกชายพ่อก็เสียใจแย่สิ” เสียงพ่อวายุพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศแสนเศร้า

    “ไปไม่นานหรอกเดี๋ยวคิทก็กลับมาหาคีตะแล้วล่ะน่า” พ่อผมหันไปพูดกับพ่อวายุที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่างกันนัก

    “จะว่าไปคิทอายุเท่าลูกของป้าเลย  อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย  ไม่รู้ว่าจะรู้จักกันหรือเปล่า?” ป้าวิวเช็ดน้ำตาแล้วพูดออกมายิ้มๆ

    “ชื่ออะไรเหรอครับ?” ผมปาดน้ำตาแล้วถาม  ลูกของป้าวิวแสดงว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมน่ะสิ  ดีจัง ผมจะมีพี่น้องกับเขาแล้ว

    “ชื่อวาน่ะ เป็นน้องเจ้าคิทลูกของวายุน่ะ” เมื่อได้รับคำตอบผมถึงกับอึ้ง  วา...ไอ้วาอ่ะนะ!?! ผมกับไอ้วาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเหรอเนี่ย!?!

    “ไอ้วาเหรอครับ!?! วา...วัชระ?” ผมถามซ้ำอีกครั้ง

    “ใช่จ้ะ” ป้าวิวพยักหน้า

    “อ่า...มันเป็นเพื่อนสนิทผมเลยล่ะครับ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจพลางคิดไปว่าโลกเราช่างแคบเหลือเกิน

    “ไอ้เจ้าวานั่นเหรอ? เฮ้ยวายุ! ทำไมไม่เคยบอกวะว่าไอ้วามันเป็นหลานฉัน?” พ่อทำตาโอย่างตกใจเพราะพ่อสนิทกับพวกเพื่อนๆ ของผมทุกคนรวมถึงไอ้วาด้วยครับ

    “แกรู้จักหลานด้วยเหรอ?” ป้าวิวหันไปมองหน้าผมอย่างตกใจ

    “ก็ไอ้วามาเที่ยวบ้านผมบ่อยจะตาย  ก็ว่า...หน้าคุ้นๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นลูกของวิว” พ่อตบหน้าผากตัวเอง

    “แล้วทำไมไอ้วาถึงเป็นญาติกับไอ้คีตะได้ล่ะครับ?” ผมขมวดคิ้วถาม  ก็ถ้าไอ้วามีสายเลือดเดียวกันกับผมแล้วทำไมถึงได้ไปเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้คีตะล่ะ

    “ก็พ่อของวาเป็น...พี่ชายของพ่อเอง” พ่อวายุพูดยิ้มๆ ทำเอาผมตกใจยิ่งกว่าเดิม  ทำไมลุงลมหน้าไม่เห็นเหมือนพ่อวายุเลยล่ะ? โธ่ โลกกลมพรหมลิขิตจริงๆ

    “ถ้าไอ้วารู้ต้องตกใจแน่เลยครับ  แต่ผม...ดีใจนะครับที่ผมยังมีญาติเหมือนคนอื่นเขา  ผมฝันมาโดยตลอดว่าอยากจะมีวันรวมญาติอยากจะคุยอวดคนอื่นได้บ้างว่าวันนี้ได้ไปเที่ยวบ้านญาติ  ผมดีใจ...มากเลยครับ” น้ำตาผมรื้นขึ้นมาอีกครั้ง

    “โธ่ หลานป้า” ป้าวิวดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ  คราวนี้ผมกอดป้าแน่นเลยครับ  ผมรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยกับป้าวิวเหลือเกิน  อาจจะเป็นเพราะเรามีสายเลือดเดียวกันก็ได้มั้งครับ

    “วิค ตอนนี้บ้านฉันกับบ้านแกก็ดีกันแล้วเพราะฉะนั้น...กลับไปด้วยกันนะ” พ่อวายุพูดพลางส่งยิ้มให้พ่อวิค

    “บ้านนี้กับบ้านนั้นไม่ถูกกันน่ะ  แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว” ป้าวิวกระซิบบอกผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    “นี่ถ้าแกยอมลดทิฐิแล้วกลับมาที่บ้านนะวิค ป่านนี้แกได้อยู่กับไอ้วายุตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แล้ว  กว่าจะได้อยู่ด้วยกันปาไปตอนแก่  นกเขาไม่ขันแล้วมั้งเนี่ย” ลุงลมพูดแซวพลางส่ายหน้าไปมา

    “อะไรพี่ลม? ก่อนมายังฟิตอยู่เลย”

    “ไอ้นกปีกหัก! ปากมอมจริงๆ” พ่อวายุโกรธจนหน้าแดงเมื่อพ่อผมพูดโอ้อวดในเรื่องน่าอาย  ตาแก่นี่ปากไวและหน้าไม่อายจริงๆ ครับพี่น้อง

    นกปีกหักที่พ่อวายุเรียกคงจะมาจากชื่อของพ่อผมมั้งครับ  พ่อผมชื่อวิหค

    “แต่ก็น่าตกใจนะที่ลูกแกกับลูกวายุได้มารักกัน  เหมือนสานต่อความรักของพ่อๆ เลยเนอะ” ป้าวิวพูดขึ้นทำเอาผมถึงกับก้มหน้าเพราะรู้สึกร้อนผ่าวๆ ที่ใบหน้าขึ้นมาซะเฉยๆ

    “ตอนแรกผมก็ตกใจนะ  แต่ก็...ไม่อยากขัดขวางเด็กๆ เพราะไม่อยากจะให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  คนรักกัน ต่อให้มีอุปสรรคแค่ไหนก็ยังรักกัน” พ่อพูดพลางหันไปมองพ่อวายุ  เลี่ยนอ่ะพ่อผม

    “แก่แล้วนะวิค  เลี่ยนว่ะ” พ่อวายุเบะปากใส่พ่อวิคทำให้พวกเราอดขำไม่ได้

    “แก่อะไร? ยังหนุ่มแน่นและแข็ง...แรง” พ่อผมพูดติดลามกทำเอาพวกเราหัวเราะไม่หยุด

    “ไอ้บ้าเอ๊ย! ชิ! ฉันไปรอรับลูกที่มหาวิทยาลัยดีกว่า” พ่อวายุตัดบทพลางเดินหนีออกจากบ้านทำให้พ่อผมต้องรีบเดินตามไป  สงสัยไปสวีตกันตามประสาคนแก่มั้งครับ คึๆ

    “คิท เดี๋ยวไปทานข้าวกับป้านะ  กว่าจะได้เจอหลานชายคนเดียวเล่นเอาป้ารอจนแก่เลย” ป้าวิวพูดพลางลูบแก้มผมเบาๆ

    “ครับ คุณป้า” ผมยิ้มให้ป้าวิวแล้วหันไปยิ้มให้ลุงลมทำให้ลุงลมเดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

    อ่า...อยากกลับไทยเร็วๆ จัง  อยากกลับไปหาคุณปู่กับคุณย่า  อยากกลับไปหาลูกพี่ลูกน้องคนเดียวของผม  อยากกลับไปหาเพื่อนๆ พี่ๆ จังเลย

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ตอนหน้าลงขิมพีทแล้วจะปิดท้ายด้วยคิทคิทนะจ๊ะ
    หายไปนานต้องขอโทษจริงๆ ค่า

    ปล. คู่รองของเรื่องนี้เดี๋ยวเอาไปแต่งแยกน้า ทั้ง มินทร์จิ้น บอลดิน วาลิซ  ส่วนคู่คุณพ่อนี่จะมาแบบเต็มเหนี่ยวแต่รอกันนิดนึงจ้า

    สัญญาว่าตอนหน้าไม่นานเกินรอค่า ><

    https://www.facebook.com/DprTheTrickyFox

     

    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×