ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #56 : Rule 46 : (Special Khim x Pete) รักวันนี้[END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.3K
      8
      24 ม.ค. 57

    Rule 46 : (Special Khim x Pete) รักวันนี้[END]

     


    หลังจากที่ป่วยและได้รับการดูแลจากพี่ขิมผมกับพี่มันก็เริ่มอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น  พี่ขิมขอผมคบแต่ผมยังไม่ไว้ใจก็เลยยังไม่ตอบกลับไป  ถึงผมจะชอบแต่ผมก็ขอพิจารณาให้ดีๆ ก่อนดีกว่าเพราะพี่ขิมมันเป็นไอ้หนุ่มหัวงูที่ไว้ใจไม่ได้  เรื่องไอ้จิวก็ยังไม่เคลียร์เลยเพราะฉะนั้นผมจะยังไม่คบอย่างแน่นอน

    “น้องพีท  วันนี้ท้องฟ้าเปิด  ไปนอนดูดาวบนดาดฟ้าของหอพี่ไหม?” พี่ขิมเอ่ยชวนขณะที่อยู่ชมรม  มาอยู่ที่ชมรมผมก็ต้องอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกาเพราะไอ้มินทร์มันไสหัวตัวเองไปอยู่ชมรมบาสเรียบร้อยแล้ว  แต่ก็นะ...อยู่คนเดียวได้ไม่นานพี่ขิมก็มาคุยด้วยโดยที่กันไม่ให้ใครเข้ามาขัดขวาง

    “เขาห้ามขึ้นไปที่ดาดฟ้าไม่ใช่เหรอครับ?” ผมถามกลับเสียงเรียบ  ทุกวันนี้ผมก็ยังเก๊กทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่ใจเต้นตึกตักไม่ปกติซะที

    “พี่เป็นใครครับน้องพีท?” พี่ขิมยืดอกโอ้อวดผมจึงแสยะปากอย่างหมั่นไส้ใส่

    “ไอ้แก่หัวงูไง” ผมตอบทันทีพี่ขิมจึงทำปากยื่นอย่างงอนๆ

    “แล้วจะไปกับพี่ไหม?” พี่ขิมถามติดงอนนิดๆ

    “ไม่ไปดีกว่า  ไม่อยากอยู่กับคนหัวงู” ผมแลบลิ้นใส่

    “อะไรอ่ะ? วันก่อนอ้อนพี่ซะพี่เคลิ้มเลยนะครับ  ไปกับพี่เหอะ  พี่ไม่อยากเป็นโจรลักพาตัวเดี๋ยวไอ้เด็กมินทร์มาโวยวายใส่พี่” พี่ขิมทำหน้าเซ็งเมื่อพูดถึงไอ้มินทร์

    “ทำไมไม่ชวนไอ้จิวเด็กของพี่ล่ะครับ?” ผมทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงไอ้จิว  ทุกวันนี้มันยังมาเกาะแกะพี่ขิมอยู่เรื่อย  ไอ้เฒ่านี่ก็ยอมให้เขาเกาะถึงจะทำหน้าลำบากใจก็เถอะนะ

    “โถ่น้องพีท  พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับน้องจิว  พี่คิดว่าบางทีน้องพีทก็เชื่อใจพี่หน่อยนะครับ” พี่ขิมดึงมือผมไปกุมเอาไว้พลางทำหน้าอ้อนวอนแบบกวนๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจัง

    “ทำตัวน่าเชื่อตายล่ะ”

    “พี่รู้ว่าพี่ทำตัวไม่ดีแต่พี่ไม่ได้จีบน้องจิวนะครับ  น้องเขามาคุยด้วยแล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ  พี่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย  แค่คุยด้วยเหมือนเป็นพี่น้องคนอื่นก็คิดกันเอาเองว่าเรากิ๊กกันอยู่  น้องจิวเองก็คิดว่าพี่คิดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วพี่ไม่ได้คิด  พี่ไม่เคยบอกใครว่าพี่ชอบ...เหมือนกับที่พี่บอกน้องพีทนะครับ” พี่ขิมพูดพลางยิ้มฝืนๆ เหมือนคนไม่ได้คิดอะไรแต่ที่จริงคงจะจริงจังมากเพราะผมไม่เคยเห็นพี่ขิมเป็นแบบนี้

    “...” ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

    “เอาเป็นว่าถ้าน้องพีทไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะครับ  งั้น...เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่หอนะครับ” พี่ขิมพูดตัดบทก่อนจะเดินนำผมไปที่หอ  ตอนแรกพี่มันจะจับมือผมครับแต่จู่ๆ ก็ชะงักแล้วยิ้มให้เฉยเลย  ไม่แน่นะ พี่ขิมอาจจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่แค่เฟรนด์ลี่เกินไปเฉยๆ ก็ได้มั้ง  ถ้าการกระทำของพี่มันเป็นการจีบพี่มันก็คงจะจีบทุกคนในโรงเรียนแล้วล่ะมั้ง  อ่า...รู้สึกเข้าใจพี่ขิมขึ้นมาแฮะ  ผมคงเข้าใจพี่ขิมผิดมาโดยตลอดล่ะมั้งเนี่ย

    “พี่ขิม...” ผมเดินไปให้ทันพี่ขิมก่อนจะสะกิดไหล่หนาเบาๆ

    “ครับ?” พี่ขิมหันมายิ้มให้แต่ยิ้มของพี่มันดูฝืนๆ ยังไงก็ไม่รู้

    “เอ่อ...ผม...ไปดูดาวด้วยก็ได้นะ เอิ่ม...แต่ผมไม่อยากถูกหัวหน้าหอดุเพราะงั้นก็ช่วยคุยกับพี่คิทให้ผมด้วยละกันนะครับ  สองทุ่มเจอกันที่ห้อง” ผมก้มหน้าพูดไม่เต็มเสียงนัก  พอพูดจบผมก็รีบวิ่งเข้าหอทันที  เห็นแบบนี้แต่ผมก็เขินเป็นนะเออ

     

    ผมไม่ได้ตื่นเต้นจนเกินไปใช่ไหม  ผมค้นเสื้อผ้าออกมาจากตู้เพื่อมาเลือกว่าจะใส่ชุดไหนไปนอนดูดาวกับพี่ขิมคืนนี้ดี  ผมเลือกมาตั้งแต่หกโมงเย็นจนตอนนี้ใกล้จะถึงเวลานัดกับพี่ขิมแล้ว  ก็มันเหมือนกับการไปเดทครั้งแรกเลยนี่นา  ไอ้ผมก็ไม่เคยมีแฟนก็เลยไม่รู้ว่าควรจะเสื้อผ้ายังไงออกไปดูดาวกับคนที่ชอบดี  ผม...ไม่ได้ตื่นเต้นเกินงามใช่ไหมนะ?

    “ไอ้มินทร์ ชุดนี้เป็นไง?” ผมเอาเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลืองมาทาบร่างกายท่อนบนแล้วเอากางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มมาทาบร่างกายท่อนล่าง

    “เว่อร์ไปละมึง  แค่ไปดูดาวเฉยๆ จะแต่งอะไรนักหนา  เอานี่!” ไอ้มินทร์ขมวดคิ้วเดินมาคุ้ยกองเสื้อผ้าของผมก่อนจะโยนชุดนอนลายก้างปลาสีเขียวฟ้ามาให้ผม  ผมย่นจมูกนิดๆ ก่อนจะวางชุดที่ตัวเองเลือกมาลงบนเตียง 

    นั่นสินะ...ถ้าผมแต่งเยอะไปเดี๋ยวพี่มันจะหาว่าผมเว่อร์เหมือนไอ้มินทร์เอาได้  กะอีแค่ไปดูดาวจะแต่งอะไรเยอะแยะล่ะเนอะ  ใส่ชุดนอนลายปัญญาอ่อนไปก็ได้วะ

     

    สุดท้ายผมก็ออกมายืนหน้าห้องพี่ขิมด้วยสภาพชุดนอนลายปัญญาอ่อนด้วยสีหน้ามู่ทู่  ก่อนออกมาไอ้มินทร์ก็เอาแต่บ่นว่าไม่อยากให้ผมมากับพี่ขิมแต่ตัวเองกลับออกไปไหนก็ไม่รู้ก่อนผมออกมาซะอีก  เดี๋ยวนี้ไอ้มินทร์มันไม่ค่อยกลับห้องเลยแฮะ  ไม่รู้ไปสิงอยู่ที่ไหน  ปกติมันจะต้องตามมาหวงผมนี่นา  แต่ก็ช่างมันเถอะ

    “น่ารักจัง” พี่ขิมที่เปิดประตูออกมาเจอผมเอ่ยชมผมจึงเบะปากใส่อย่างไม่ชอบใจ  ทำไมต้องชมว่าน่ารักด้วยเนี่ย  ชมว่าหล่อไม่ได้รึไง 

    แต่ก็โชคดีจริงๆ ที่ผมไม่แต่งตัวโอเวอร์ออกมาเพราะพี่ขิมมันก็แต่งตัวชิลล์ๆ เหมือนทุกวัน  เสื้อยืดแขนสั้นคอวีสีเข้มกับกางเกงผ้าขายาวสบายๆ เหมือนจะเตรียมไปนอน

    “ไปกันได้ยัง?” ผมถามเสียงห้วนโดยไม่ตอบรับคำชม

    “ไปได้แล้วครับ  ว่าแต่เราทายากันยุงมารึยัง?” พี่ขิมถามหลังจากที่ผลุบเข้าไปขนเครื่องนอนออกมา

    “ทาทำไม?” ผมถามงงๆ  แต่สำหรับพี่ขิมคงต้องทาเพราะรายนั้นเขาแพ้ยุงมาก

    “ยุงเยอะมากเลยนะ  งั้นรอแป๊บเดี๋ยวพี่ไปเอาโลชั่นกันยุงมาให้” พี่ขิมกระตือรือร้นผลุบๆ โผล่ๆ เข้าห้องของตัวเองอยู่หลายครั้งเพื่อเอาของขึ้นไปบนดาดฟ้า

     

    ผมปล่อยให้พี่ขิมขนของขึ้นดาดฟ้าคนเดียว  ไม่ว่าจะเป็นเสื่อกับที่นอนขนาดพกพา  เครื่องดื่ม  ขนม กล้องดูดาวขนาดเล็กที่พี่มันไปยืมมาจากห้องชมรมและของสัพเพเหระอีกเล็กน้อย  ช่วยไม่ได้นี่นา  อยากชวนผมมาก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง

    หลังจากเตรียมสถานที่เสร็จแล้วพี่ขิมก็พาผมไปนั่งบนที่นอนที่พี่มันปูเอาไว้ก่อนจะทาโลชันกันยุงให้ผม  ขอบอกว่าบรรยากาศโคตรเป็นใจ  ใต้ผืนฟ้าสีดำมีแสงดาวแวววาวลมเย็นๆ พัดแผ่วๆ ผ่านผิวกายจนรู้สึกหนาวนิดๆ แต่ก็พอทนได้  มือพี่ขิมที่ชโลมลูบไล้ที่แขนของผมก็เย็นจนผมรู้สึกหวิวๆ ในอก  ยิ่งพี่มันลูบแขนผมอย่างอ้อยอิ่งผมยิ่งขนลุกมากยิ่งขึ้น

    “น้องพีท จูบได้ไหม?” พี่ขิมกระตุกแขนผมเบาๆ ทำให้ตัวผมเอนเข้าไปใกล้  ผมชะงักพลางอ้าปากค้าง  จะ...จูบงั้นเหรอ?  ผมอยากจูบหรือเปล่า?

    “มะ...ไม่ได้” ผมรีบปฏิเสธก่อนจะดันอกพี่ขิมออกห่างตัว

    “ไม่ก็ไม่ครับ” พี่ขิมยิ้มนิดๆ พลางผละออกจากผมอย่างว่าง่าย  ถ้าเป็นปกติต้องรุกแรงกว่านี้นี่หว่า  แต่ก็ดี  ขืนพี่มันรุกแรงมากไปกว่านี้ผมจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้

    เมื่อพี่ขิมผละออกไปนั่งยืดตัวสบายๆ ผมก็แอบเหล่ตามองพี่มันนิดๆ ดูเหมือนว่าพี่ขิมจะยังไม่ได้ทาโลชันกันยุงเลยเพราะบางทีพี่มันก็ยกมือขึ้นปัดและตบยุงบ้างเป็นพักๆ ผมจึงหยิบโลชันมาบีบใส่มือแล้วดึงแขนพี่ขิมมาตรงหน้าของตัวเอง  พี่มันตกใจจนสะดุ้งเลยทีเดียว

    “จะทาให้” ผมบอกเสียงห้วนแล้วชโลมโลชันลงบนแขนของพี่ขิม

    “ไม่เป็นไรครับน้องพีท  เดี๋ยวพี่ทาเองนะ” พี่ขิมจับมือผมออกแล้วรีบลูบเนื้อครีมที่ผิวของตัวเองอย่างรวดเร็ว

    “ทำไม? แค่นี้รังเกียจ?” ผมเลิกคิ้วถามเสียงห้วนอย่างไม่คิดอะไรทั้งๆ ที่ในใจแอบเจ็บที่พี่มันไม่ยอมให้ผมทาให้บ้าง

    “ไม่ได้ๆ เดี๋ยวน้องพี่ตื่น คิๆ” พี่ขิมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่ายไปมาก่อนจะหัวเราะคิกคักในลำคอ

    “ทุเรศ” ผมทำหน้าบูดบึ้งด่าพลางสะบัดหน้าหนีเพื่อแอบอมยิ้ม

    “น้องพีทครับ” พี่ขิมเรียก

    “พี่ขิม อย่าเรียกผมว่าน้องพีทเลย  ขนลุกว่ะพี่บอกตรงๆ จะพูดกูพูดมึงเหมือนที่พูดกับคนอื่นก็ได้นะครับผมไม่ถือหรอก  แต่เรียกน้องพีทอย่างนั้นน้องพีทอย่างนี้ผมรู้สึกแหยงๆ พิกล” ผมทำท่าขนลุก  ก็พี่ขิมมันเรียกผมซะหวานรื่นหูแบบนั้นคนอื่นเขาอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นผู้หญิงได้

    “ไม่ได้หรอก  พี่พูดคำหยาบกับน้องพีทไม่ได้จริงๆ นะครับ” พี่ขิมบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ

    “ทำไมล่ะครับ?” ผมขมวดคิ้วงงๆ

    “ก็พี่ชอบน้องพีทนี่ครับ” พี่ขิมพูดพลางยิ้มตาหยี  ส่วนผมก็เงิบสิครับ  ผมไม่ชินหรอกนะที่ต้องมาฟังพี่มันบอกชอบแบบนี้   ผมก็เขินเป็นนะเออ

    “งั้นไม่ต้องเรียกว่าน้องแล้วก็ได้  เรียกชื่อเฉยๆ ก็พอ” ผมทำเป็นไม่สนใจคำบอกชอบของพี่ขิมกลบเกลื่อนความเขิน

    “อ๊ะๆ พี่บอกชอบแบบนี้แล้วไม่ปฏิเสธแสดงว่ามีใจให้พี่แล้วล่ะซี่ น้องพีท” พี่ขิมชี้หน้าผมล้อๆ

    “ไอ้บ้า! บ้าจริง! ชิ! บอกให้เรียกชื่อเฉยๆ ไงเล่า  แล้วก็ไม่ได้มีจงมีใจอะไรทั้งนั้นแหละ  เฮอะ!” ผมโวยวายกลบเกลื่อนพลางไล่ปัดมือพี่ขิมที่ชี้นิ้วล้อเลียนผมออกพัลวัน

    “เขินล่ะสิ  ชอบก็บอกเหอะ” พี่ขิมยิ้มล้อ

    “พี่ขิม!” ผมแอ๊บส่งเสียงดังเพื่อดุ

    “คิกๆ งอนแก้มป่องเลยนะเรา  แต่...น่ารักอ่ะ” พี่ขิมยื่นมือออกมาดึงแก้มผมเล่นไปมาพลางทำหน้าออดอ้อน

    “พี่ขิม หยุดเลยนะ  ถ้าไม่หยุดแกล้งผมจะกลับห้องแล้ว” ผมขมวดคิ้วมุ่นขู่พี่ขิม

    “ขอโทษครับผม  งั้นมาดูดาวกันเถอะนะ  วันนี้ท้องฟ้าเปิด อากาศก็ดีมากเลยด้วย” พี่ขิมจัดที่นอนพลางตบหมอนปุๆ เพื่อให้ผมล้มตัวลงไปนอนแต่เมื่อผมมองพี่มันอย่างไม่ไว้ใจพี่มันก็รีบนอนลงก่อนผมจึงนอนลงตาม

    “...” ผมนอนหนุนหมอนนุ่มนิ่มไปเงียบๆ  สายตาก็มองดูดาวเกลื่อนฟ้าที่หาได้ยากในเมืองใหญ่

    “น้องพีท...”

    “พีทเฉยๆ” ผมรีบบอกทันทีที่ได้ยินพี่ขิมเรียกผมว่าน้อง  ขัดหูจริงๆ

    “โอเค พีทก็พีท” พี่ขิมยอมแต่โดยดี “พี่จะบอกว่า...พี่...พี่...เฮ้อ...ช่างมันเถอะ” พี่ขิมถอนหายใจยาวแล้วหยุดพูดสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูด

    “อะไรพี่ขิม? จะพูดอะไรก็พูดมาสิครับ” พี่ขวดคิ้วนิดๆ เพราะผมก็รอฟังอยู่

    “ก็...พี่ก็จะพูดเรื่องเดิมๆ นั่นแหละ  พี่พูดไปบ่อยแล้วนี่” พี่ขิมทำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย  คงจะหงุดหงิดตัวเองล่ะมั้ง

    “อะไรล่ะ? จะเรื่องเดิมๆ แต่ถ้าจริงจังมันก็สำคัญนะ” ผมหันหน้าไม่ยอมมองหน้าพี่ขิมก่อนจะพูด  ผมรู้หรอกว่าพี่ขิมจะบอกว่าชอบผมและผมเองก็ชอบที่พี่มันพูดแบบนั้นเหมือนกันแหละ

    “ช่างมันเถอะครับ พี่ว่ามันคงไม่สำคัญหรอกเพราะไม่ว่าพี่จะพูดไปกี่ครั้งมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย” พี่ขิมทำเสียงเศร้าๆ

    “ถ้าไม่มีความพยายามมากกว่านี้คิดว่ามันจะสำเร็จเหรอครับ? ถ้าถอดใจก็...แล้วแต่พี่” พี่ยักไหล่นิดๆ แล้วเบ้หน้าอย่างเศร้าๆ โดยไม่ให้พี่ขิมเห็น 

    “พีท...พี่ชอบเรานะ  ชอบมากๆ เลยด้วย  คบกับพี่ได้ไหมครับ?” พี่ขิมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วพาดแขนไว้บนหน้าท้องของผม

    “ไม่คบครับ” ผมตอบทันที

    “...” พี่ขิมเงียบแล้วยกแขนกลับไป

    “...ดูใจกันก่อนไหม?” ผมถามเบาๆ อย่างเขินๆ

    “หมายความว่า...?” พี่ขินหันมามองหน้าผมอย่างตกใจขณะเดียวกันกับผมที่หันกลับไปหาพี่มันทำให้จมูกของเราชนกัน

    “อึ๊!” ผมอุทานเบาๆ เมื่อพี่ขิมยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ

    “มัดจำไว้ก่อน  บอกไว้เลยนะว่าพี่เอาจริง  เปิดโอกาสให้พี่แบบนี้พี่จริงจังนะ” พี่ขิมยกแขนมากอดผมเอาไว้แล้วรั้งเอวผมเข้าไปใกล้

    “ถ้าไม่จริงจังผมฆ่าตายแน่” ผมทำท่าเอานิ้วปาดคอทำให้พี่ขิมยิ้มกว้าง

    “พี่ดีใจจังเลยครับ” พี่ขิมทำหน้าดีใจสุดๆ

    “ระหว่างที่ดูๆ กันอยู่พี่จะไปยุ่งกับใครก็ได้นะ  แต่ไม่รับประกันว่าจะได้เลื่อนขั้นไปมากกว่านี้หรือเปล่า” ผมพูดขู่

    “พี่ไม่กล้าหรอกครับ  พี่น่ะชอบพีทตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ  แล้วก็ชอบมาโดยตลอด  ถึงจะเห็นว่าพี่ชอบเล่นกับใครแต่พี่ไม่ได้จริงจังเลยนะ  พี่แค่คิดว่าจะหยอกเล่นๆ ไม่ได้จีบเลยไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะคิดจริงจังกับพี่  อย่างเรื่องน้องจิวพี่บอกเลยว่าพี่ไม่ได้คิดอะไร  พี่ก็เล่นกับน้องจิวเหมือนที่หยอกเล่นกับคนอื่นๆ แต่น้องจิวคิดว่าพี่ชอบและคิดกับพี่จริงจัง” พี่ขิมอธิบายผมจึงพยักหน้าเข้าใจ

    “ผมกับไอ้มินทร์ก็ไม่ได้คิดอะไร  หมอนั่นมันคิดว่าผมเป็นลูกต่างหาก  ไอ้คิทก็คิดเหมือนๆ ไอ้มินทร์นั่นแหละครับ” ผมบอกบ้าง

    “นี่ ไอ้เด็กมินทร์นั่นมันเป็นอะไรกับเพื่อนพี่มากหรือเปล่า? ทำไมมันทำท่าจงเกลียดจงชังไอ้จิ้นจังเลย?” พี่ขิมถามผมจึงขมวดคิ้วงงๆ

    “ไม่รู้เหมือนกันนะครับ  ไม่เห็นมันพูดถึงพี่จิ้นเลยนะ”

    “เหรอ? ช่างมันเถอะ  เราสนใจเรื่องของเราก็พอเนอะ” พี่ขิมพูดยิ้มๆ พลางหยิกแก้มผมเบาๆ ผมจึงตีแขนพี่มันเข้าให้

    “นี่พี่ขิม  บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่เปิดโอกาสไม่ใช่ให้ฉวยโอกาส  แค่ดูใจกัน อย่าถูกตัวให้เยอะ  แล้วไม่ต้องมาหอมด้วย  โอเคไหม?” ผมบอกพลางจับแขนที่พาดอยู่ที่เอวของตัวเองออก

    “โห พีทอ่ะ  มาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้พี่จะอดใจไหวได้ไงล่ะครับ?” ผมขิมทำแก้มป่องอย่างงอแง

    “ทุเรศ” ผมจิ้มแก้มพองลมนั่นแล้วหยิกแรงๆ ทำให้พี่มันร้องโอดโอยแต่ก็หัวเราะออกมาได้

    จากนั้นผมกับพี่ขิมก็นอนดูดาวด้วยกันจนกระทั่งต่างคนต่างง่วงจึงกลับไปนอนที่ห้องพี่ขิมด้วยกัน  แน่นอนว่าผมต้องเอาหมอนข้างมากั้นระหว่างผมกับพี่ขิมด้วย

     

    พอตื่นขึ้นมาพี่ขิมก็ไปส่งผมที่ห้องโดยมีไอ้มินทร์เดินออกมารับด้วยท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ ก่อนที่พี่ขิมจะกลับพี่มันก็บอกด้วยว่าจะมารับไปส่งที่ห้องแต่ผมบอกว่าไม่แต่พี่ขิมคงดื้อมารับให้ได้ล่ะมั้ง

    “ยังไม่ได้กันใช่ไหม?” ไอ้มินทร์ถามพลางสวมเสื้อนักเรียนหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว  ส่วนผมอาบน้ำมาตั้งแต่ห้องพี่ขิมแล้วก็เลยเปลี่ยนแค่เสื้อผ้า

    “พูดอะไรของมึงเนี่ย? ไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแหละโว้ย!” ผมโวยวาย หน้าร้อนฉ่าไปหมด

    “นอนด้วยกันขนาดนั้นไอ้แก่ลามกมันทนได้เหรอ?” ไอ้มินทร์ทำหน้าไม่เชื่อ

    “เออ ก็ลองพี่มันล่วงเกินกูสิ  กูจะไม่พูดด้วยอีกเลย” ผมขมวดคิ้วนิดๆ เพื่อกลบเกลื่อนความเขิน

    “กูเชื่อใจนะว่ามึงจะไม่ทำอะไรไม่ดี  แต่คนลามกแถมกะล่อนแบบนั้นกูไม่ไว้ใจ” ไอ้มินทร์ว่า

    “เอาน่า ตอนนี้กูก็แค่...ดูใจกับพี่ขิมก่อนก็เท่านั้น ยังไม่ได้คบกันซะหน่อย” ผมบอกเสียงแผ่วๆ

    “ช้าซะจริง” ไอ้มินทร์ส่ายหน้าอย่างระอา

    “อ้าวไอ้เชี่ยมินทร์ มึงจะเอาไงแน่วะเนี่ย?” ผมเท้าสะเอวมองหน้าไอ้มินทร์อย่างเซ็งๆ

    “เออ ช่างกูเหอะ  ไปหาพวกไอ้คิทกันได้แล้ว” ไอ้มินทร์พูดแล้วกอดคอผมเดินออกจากห้อง

     

    ช่วงเช้าพี่ขิมมาส่งผมไม่ทันครับแต่ช่วงเที่ยงพี่มันมารอหน้าห้องทำเอาพวกเพื่อนๆ ล้อผมกันใหญ่  ส่วนพวกที่ไม่รู้ว่าผมกับพี่ขิมมีความสัมพันธ์แปลกๆ ก็พากันมองพี่ขิมกันใหญ่เลยครับ  แหงล่ะ ไอ้บ้านี่มันฮอตในหมู่นักเรียนที่เป็นเก้งกวางนี่ครับ

    “แล้วทำไมต้องกินข้าวแยกกันเพื่อนผมด้วยล่ะ?” ผมถามเมื่อพี่ขิมลากผมแยกออกมากจากเพื่อนๆ

    “ก็พี่เบื่อที่จะทะเลาะกับไอ้มินทร์นี่นา” ไอ้ขิมทำปากยื่น

    “ครับๆ” ผมตอบรับแล้วหัวเราะนิดๆ

    “ยิ้มให้พี่บ่อยๆ นะพีท  เวลาพีทยิ้ม พี่ก็พลอยยิ้มไปด้วยนะ” พี่ขิมพูดยิ้มๆ ทำให้ผมต้องรีบกลั้นยิ้มเพราะเขิน  เวลามีคนมาบอกให้ยิ้มผมก็มักจะทำตรงกันข้ามนั่นแหละครับ  ก็คนมันเขินนี่นา

    “พูดอะไรบ้าๆ” ผมก้มหน้างุด

    “น่ารักอ่ะพีท” พี่ขิมบีบตาหวานใส่ผม

    “ไอ้...คนบ้า! พูดบ้าอะไรเนี่ย? แล้วก็ไม่ต้องมาเล่นหูเล่นตาเลยนะ!” ผมเอื้อมมือไปตีแขนพี่ขิมอย่างหมั่นเขี้ยว

    “คนน่ารัก เวลาโมโหก็น่ารัก” พี่ขิมยังคงแกล้งผมต่อไป

    “ชิ ไม่คุยด้วยแล้ว  กินข้าวๆ” ผมโวยวายกลบเกลื่อนก่อนจะรีบกินข้าวโดยไม่เงยหน้ามองพี่ขิมเลยเพราะรายนั้นเอาแต่จ้องผมอยู่ได้

     

    หลังเลิกเรียนไอ้มินทร์กับไอ้คิทก็เข้าชมรมบาสส่วนไอ้วากับไอ้ลิซก็กลับห้องเพราะพวกมันขี้เกียจ  ผมก็เลยต้องเดินไปที่ห้องชมรมแต่เพียงผู้เดียว

    ระหว่างทางผมก็ต้องชะงักเมื่อมีคนสามคนเดินมาดักหน้าผมเอาไว้  ผมที่เดินก้มหน้าก้มตาอยู่เงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าทันที

    สองคนในนั้นผมจำได้ว่าเป็นใคร  คนที่อยู่ตรงกลางคือไอ้จิวและคนที่อยู่ข้างขวาของมันคือเพื่อนที่มันเคยพาไปเยี่ยมพี่ขิมที่โรงพยาบาล  อีกคนก็คงเป็นเพื่อนในกลุ่มด้วยล่ะมั้ง

    “นาย...พีทใช่ไหม?” ไอ้จิวถามขึ้นผมจึงพยักหน้ารับ  ผมว่ามันต้องมาหาเรื่องผมแน่นอนเลยครับเพราะทุกวันนี้ไอ้พี่ขิมมาติดผมแจเลย “เลิกยุ่งกับพี่ขิมซะ  เขาเป็นของฉัน” นั่นไง  ว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้

    “ของนาย? เขาบอกเหรอว่าเขาเป็นของนาย?” ผมถอนหายใจก่อนจะถามออกมาทำให้พวกมันโกรธ

    “ก็เขาเป็นของกู! กูกับเขารู้จักกันมาก่อนที่มึงจะเข้ามาด้วยซ้ำ!” ไอ้จิวตะคอกอย่างโมโหพลางชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง

    “แล้วไง? เขาบอกว่ารักนายเหรอ? นายกับเขามีอะไรกันแล้วเหรอ?” ผมถามจี้จุดทำเอาไอ้จิวพูดไม่ออก  พอเถียงไม่ได้ผมก็ใช้กำลังเข้ามาสู้  มันผลักผมจนผมล้มกระแทกพื้น

    “มึง...ไอ้เหี้ยพีท! ก็เพราะมึงนั่นแหละที่เข้ามาขัดกู ไม่งั้นกูก็เป็นเมียพี่ขิมไปแล้ว! คนอย่างมึงมันก็มีดีแค่น่ารัก  พี่ขิมก็คงหลงแค่ชั่วขณะเท่านั้น!” พูดจบไอ้จิวก็กระชากผมขึ้นไปต่อยจนหน้าผมหงาย

    อูย เจ็บชะมัด! แต่จะว่าไป...คำพูดของมันก็น่าคิดเหมือนกันแฮะ  ตอนนี้ผมยังไม่เชื่อใจพี่ขิมเต็มที่  มันไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันได้ซักอย่างว่าพี่ขิมจะรักผมจริงๆ

    “พี่รักของพีท!” ผมสะดุ้งพลางพยุงตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพี่ขิมดังมาจากด้านหลังพวกไอ้จิว เมื่อพวกมันขยับออกเพื่อหันไปมองพี่ขิมทำให้ผมเห็นว่าพี่มันกำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างผม “พี่ไม่เคยบอกว่าพี่ชอบจิวเลยนะครับ  พี่เห็นจิวเป็นแค่น้องชายเท่านั้น  ตอนนั้นที่ห้องชมรม...พี่ยอมรับว่าพี่มันไม่เข้มแข็งพอที่จะข่มอารมณ์แต่พี่ขอยืนยันว่าพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับจิวเพราะคนที่พี่รักคือน้องพีทคนเดียว  พี่ไม่ได้แค่ชอบ...พี่รักพีทนะ” ประโยคสุดท้ายพี่ขิมหันมาพูดกับผมทำเอาผมเริ่มสับสนอีกครั้ง

    “ไม่จริง” ไอ้จิวโวย

    “พี่เจ้าชู้พี่ยอมรับ  แต่คำว่ารักมันไม่ได้ออกจากปากใครง่ายๆ นะ  มันอาจจะไม่มีอะไรมายืนยันคำพูด  แต่ถ้าพีทเชื่อใจพี่...พี่ก็ขอสัญญาว่าพี่จะดูแลพีทให้ดี  จะไม่ทำให้พีทเสียใจและจะไม่นอกใจพีทอย่างเด็ดขาด  คบกับพี่ได้ไหม?” พี่ขิมเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้

    “เอ่อ...ก็บอกว่าดูใจกันก่อนไง” ผมหลบตาพี่ขิมก่อนจะพูด

    “พี่อยากมีสิทธิ์ในการดูแลพีทให้มากกว่านี้  มันอาจจะเร็วไปและดูไม่แน่นอนแต่พี่รักเราจริงๆ นะพีท  คบกับพี่นะ...นะครับ” พี่ขิมทรุดตัวนั่งคุกเข่าอย่างกับกำลังขอผมแต่งงาน

    “แน่ใจนะว่าจะคบ? ผมนิสัยไม่ดี ขี้เอาแต่ใจ ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด หวานก็ไม่เป็น ป่วยก็ง่าย คิดว่าจะดูแลไหวไหมล่ะ?” ผมเม้มปากก่อนจะถามออกไป

    “สบายอยู่แล้วครับ  ก็พีททำตัวน่ารักกับพี่แบบนี้ยังไงพี่ก็จะรักและดูแลไปตลอดนั่นแหละ” พี่ขิมยิ้มพลางขยับมากอดเอวผมเอาไว้

    “พี่ขิม ลุกขึ้นได้แล้ว” ผมบอก ทำให้พี่ขิมลุกขึ้นยืนก่อนที่เราทั้งคู่จะหันไปมองพวกไอ้จิว

    “จิว พี่ขอเตือนว่าอย่ามายุ่งกับคนของพี่อีก  ต่อให้เราเป็นน้องพี่ก็ไม่เว้น  พี่รักของพี่  พี่ไม่มีทางไม่ยุ่งกับคนอื่นอีก  พี่ขอโทษ” พี่ขิมบอกทำให้ไอ้จิวมันกรีดร้องโวยวายจนผมยังอึ้งจากนั้นมันก็เดินกระแทกเท้าน้ำตาปริ่มขอบตาจากไปพร้อมเพื่อนของมัน

    “หวังว่ามันคงไม่มาหาเรื่องผมอีกนะ” ผมพูดพลางยกมือขึ้นกุมช่วงแก้มที่ปวดหนึบๆ

    “โดยต่อยเหรอเนี่ย? โธ่ เจ็บไหม?” พี่ขิมประคองแก้มผมเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ๆ เพื่อเป่าให้

    “พี่ขิม ทำบ้าอะไรเนี่ย? ปัญญาอ่อน” ผมว่าแล้วยกมือตีไหล่พี่ขิมสองสามครั้ง

    “จะว่าไป...พีทยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะ  พีท...จะคบกับพี่ได้ไหมครับ?” พี่ขิมก้มหน้ามาให้หน้าผากของเราชิดกัน

    “ขนาดนี้แล้วยังจะให้ตอบอีกเหรอครับ?” ผมเบนสายตาหลบ  ก็ผมเขินสายตาพี่ขิมนี่ครับ

    “ตอบให้พี่ชื่นใจได้ไหม?” พี่ขิมถามเสียงอ่อนเสียงหวาน

    “บ้า ขนาดนี้แล้วก็ต้องคบสิครับ” ผมตอบเสียงแผ่วลงในตอนท้ายเพราะเขินจัด

    “คบเพราะอะไรน้า?” พี่ขิมแกล้งถาม

    “ไม่รู้” ผมตอบทันที  ไอ้บ้านี่ก็  จะมาถามอะไรแบบนี้เล่า บอกว่าคบก็น่าจะรู้ว่ารักสิ  ถาทำไมอีกก็ไม่รู้

    “พี่รักพีทนะครับ  รัก...รักแล้วก็รักแค่พีทคนเดียว” พี่ขิมพูดพลางจูบปลายจมูกผมเบาๆ

    “พูดบ่อย เลี่ยน” ผมตีไหล่พี่ขิมอีกครั้ง

    “ก็จะพูดน่ะ  แต่จะบอกเอาไว้นะว่าคำคำนี้พี่ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อเพราะพี่พูดกับพีทคนเดียว” พี่ขิมพูดแล้วจูบที่ปากผมเบาๆ แล้วผละออกไปแต่หน้าผากก็ยังชิดกันอยู่

    “อื้อ ผมก็...รักพี่ขิมนะ” ผมพูดบ้างแค่พูดเร็วๆ เพราะเขินมาก

    “ฮะ? เฮ้ย พีทพูดแล้วอ่ะ เย้! พีทบอกว่ารักพี่แล้ว! เยสๆ” พี่ขิมแหกปากโวยวายแล้วอุ้มผมขึ้นเหวี่ยงไปมา

    “ว้าก! พี่ขิม ทำอะไรเนี่ย!?” ผมโวยวายเสียงหลง

    “ก็พี่ดีใจนี่” พี่ขิมพูดแล้วหยุดเหวี่ยงแต่ก็ยังอุ้มผมเอาไว้อยู่

    “บ้า” ผมอมยิ้มนิดๆ

    “ขอบคุณนะที่รักพี่” พี่ขิมพูดพลางยิ้มให้ผมอย่างซึ้งๆ

    “ขอบคุณที่รักผมเหมือนกันครับ” ผมยิ้มแล้วกอดคอพี่ขิมเอาไว้แน่น

    พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น  พี่ขิมจะยังรักผมแบบนี้หรือไม่แต่ผมก็อยากจะลองเสี่ยงกับรักครั้งนี้ดู  เสี่ยงกับรักครั้งแรก  แฟนคนแรกคนนี้  และจะเสี่ยงว่าเขาจะเป็นรักคนสุดท้ายของผมหรือไม่

    ผมไม่รู้ว่าวันต่อๆ ไปจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างแค่ผมรู้ว่าวันนี้เรารักกันก็เป็นพอ

     ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ตอนนี้เป็นตอนจบของคู่ขิมพีทแล้วค่า  แต่มีสเปในเล่มน้า

    ส่วนตอนหน้าจะเป็นตอนจบของคู่คิทคิท  วันพรุ่งนี้ดึกๆ จะมาอัพให้ค่า

    ปล.ใครที่ทำปกส่งเข้ามาติดต่อหน้าไรต์ด้วยน้า ด่วนๆ เลยจ้า

    https://www.facebook.com/DprTheTrickyFox

     

    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×