ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #23 : จินตนาการสุดบรรเจิด! เล่นเองจิ้นเอง!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 453
      7
      22 ส.ค. 54

    ชิ้ง~
     
    ความเงียบสงัดเกิดขึ้นในคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นกลางเมืองนามิโมริ ระหว่างเด็กสาวผมม่วง ร่างผู้หญิงผมแดงที่สลบไสลอยู่บนพื้น กับเจ้าของบ้านหนุ่มที่ยืนตีหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ประตูห้อง
     
    (จากนี้ไปกรุณานึกภาพทั้งสองคุยกันหน้านิ่งสนิท)
     
    “โคลม โดคุโร่ ฉันให้เธอมาอยู่ที่บ้านนี้ก็จริง แต่ไม่เคยบอกว่าให้เธอพาศพเข้ามาในบ้านได้”
     
    “ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ คนนี้ไม่ใช่เพื่อนของท่านเคียวยะเหรอคะ?”
     
    “เธอใช้อะไรตัดสินว่าซากสัตว์กินพืชที่นอนรอย่อยสลายอยู่ตรงนี้เป็นคนรู้จักของฉัน?”
     
    “เพราะเธอโผล่พรวดเข้ามาใช้มีดฟันใส่ฉันทันทีโดยไม่ถามค่ะ”
     
    ...โคลมเห็นฮิบาริเป็นคนประเภทที่ทำเรื่องแบบนั้นแหละ...(ค่อนข้างจริง)
     
    “จะยังไงก็ช่าง เธอฆ่าแล้วก็ต้องรับผิดชอบเอาไปกำจัดเอง” ฮิบาริตัดสินเด็ดขาด
     
    “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้ฆ่า เธอยังไม่ตาย” โคลมตอบกลับเสียงเรียบเหมือนกำลังคุยเรื่องทั่วๆ ไปอยู่
     
    เหมือนตามคิว ร่างบนพื้นขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการมึนงง
     
    “อูย~ อ๊ะ! แกมัน...ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาของวองโกเล่!” หญิงสาวลุกขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มด้วยอารามตกใจ ภาษาญี่ปุ่นคล่องปรื๋อ
     
    คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เนื่องจากถูกชี้หน้าและเหมารวมเป็นกลุ่มเดียวกับทูน่ากินสาหร่าย
     
    “ทำไมผู้พิทักษ์สองคนถึงมาอยู่บ้านเดียวกันได้ หน้าตาไม่เหมือนกัน ไม่ใช่พี่น้อง...”
     
    คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเพิ่มขึ้น เนื่องจากการพล่ามอันแสนจะน่ารำคาญของแขกไม่ได้รับเชิญ
     
    “หรือว่า... พวกแกเป็นนักเรียนม.ต้นแท้ๆ อยู่กินด้วยกันได้ยังไง!? ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขาบ้างเรอะ!!” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง
     
    ฮิบาริ เคียวยะ ระดับน้ำโห ทะลุปรอท
     
    เปรี้ยง!!
     
    ผมยาวสลวยสีแดงปลิวไสวไปตามแรงลมที่เกิดจากการลอยผ่านอากาศข้ามกำแพงคฤหาสน์ออกไปตามแรงของทอนฟาพิโรธ
     
    ฮิบาริลดทอนฟาลงอย่างหงุดหงิด เขาสะบัดหน้ากลับไปมองเด็กสาวผมม่วงที่ยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม แก้มของเธอแดงระเรื่อจากคำพูดเมื่อครู่ของหญิงสาวปริศนา เด็กหนุ่มเห็นก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงชิงพูดขึ้นก่อน
     
    “อย่าเข้าใจผิด ฉันอาจจะไม่ได้เห็นเธอเป็นสัตว์กินพืช แต่ฉันไม่ต้องการ ‘คู่’ หรอก”
     
    “เอ๋? ท่านเคียวยะไม่คิดจะมีลูกเหรอคะ?” โคลมถามตาแป๋ว
     
    “...มุคุโร่สอนให้เธอถามละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวชาวบ้านงั้นเหรอ?...” ยังดีที่ฮิบาริเป็นพวกใจเย็นจึงตอบกลับไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน(ซักเท่าไร)
     
    “ข—ขอโทษค่ะ! ฉัน...ไม่มีอวัยวะที่ปกติเหมือนคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้เหมือนคนปกติรึเปล่า ก็เลย...” เธอรู้สึกตัวว่าถามไม่เข้าท่ามาก แต่มันเป็นเพราะปมที่เธอมีอวัยวะภายในเป็นภาพลวงตา
     
    เธอเคยร่วมวงสนทนาในหัวข้อนี้ระหว่างเพื่อนสองสาวของเธอ(เคียวโกะ, ฮารุ) ตอนนั้นเองที่เธอเริ่มคิดถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ไม่มีอะไรรับประกันว่าอวัยวะลวงตานี้จะทำให้เธอตั้งท้องได้เหมือนคนทั่วๆ ไป ถึงปกติเธอจะไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ แต่เมื่อบทสนทนามันพาไปเธอก็เกิดอยากรู้ความเห็นของคนสันโดษอย่างประธานกรรมการรักษาระเบียบคนนี้บ้าง
     
    “ฉันไม่คิดจะมีหรอก มันน่ารำคาญ(R:ฮิบาริโหดร้ายจริงๆ เลย!) ส่วนเรื่องของเธอมันก็ขึ้นกับว่าเธออยากจะมีรึเปล่า ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้” ฮิบาริไม่เอะใจเลยว่าคำพูดของตัวเองส่อเป็นที่สุด...(DX:มีไอ้คนเขียนคนเดียวแหละคิด...)
     
    “ข—ขอบคุณค่ะ!” โคลมโค้งตัวขอบคุณสามสิบองศาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ (R:เหมือนจะมีคนคิดอีกคน)
     
    --
     
    เด็กสาวผมม่วงเขย่งเท้าแขวนเสื้อผ้ากับราวที่สวนด้านในคฤหาสน์ เธอกำลังง่วนกับการตากผ้าที่เพิ่งซักเสร็จโดยปราศจากความช่วยเหลือจากผู้เป็นเจ้าของบ้าน
     
    ทำงานไปก็คิดเรื่อยเปื่อยไป เดาสิว่าเธอคิดเรื่องอะไร... เรื่องลูกของท่านเคียวยะ... เห็นได้ชัดเลยว่าหัวข้อนี้กระตุ้นความสนใจเธออย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อรวมเอาเด็กหนุ่มผมดำเข้าไปด้วย
     
    ‘ถ้าท่านเคียวยะมีลูก หน้าตาจะเป็นยังไงนะ...’
     
    เด็กคงไม่ตาคมตั้งแต่แรกเกิด ต้องตากลมโต ผมคงสีดำสนิทเหมือนคนเป็นพ่อ รึไม่ก็สีม่—ไม่ใช่สิ... น่าจะได้ผิวขาวเนียนไปด้วย ตัวเล็กๆ หัวโตๆ แก้มยุ้ยน่ารัก~
     
    ...โคลมเริ่มหลุดไปกับจินตนาการของตัวเองจนเผลอยิ้มน้อยๆ ออกมา...
     
    ถ้าเป็นผู้ชายคงไม่พ้นนิสัยเหมือนคนเป็นพ่อ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะได้นิสัยของคนเป็นแม่
     
    โคลมนึกภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสีม่วงยาวประบ่า ตากลมใสสีม่วงอเมทิสต์วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้ มีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวยืนดูอยู่ใกล้ๆ ผมยาวสลวยสีม่วงปลิวไสวไปตามแรงลม—เอ๊ะ?
     
    ‘ท—ทำไมเราถึงไปอยู่ในนั้นได้ล่ะ!?~’ โคลมรู้สึกตัวตื่นจากฝันกลางวันที่เริ่มจะเลยเถิดไปกันใหญ่
     
    (R:ชิ!] DX:แกนี่เอง ยัดเรื่องไม่เข้าท่าใส่สมองคนอื่นหน้าตาเฉย] R:หน้าที่ฉันไม่ใช่รึไง)
     
    “มัวเหม่ออะไรอยู่” เสียงของเด็กหนุ่มเจ้าของบ้านเรียกสติเธอกลับมา แต่แก้มทั้งสองยังคงสีแดงระเรื่อเอาไว้
     
    “งานแค่นี้ใช้เวลานานเกินไปแล้ว” ฮิบาริเดินเข้ามาใกล้โคลม ก่อนจะก้มลงหยิบผ้าในตะกร้าขึ้นใส่ไม้แขวนเสื้อช่วยเธอ ไม่รู้ผีห่าซาตานรึเทพีเทวดาที่ไหนดลบันดาล แต่คิดว่าคงใช้พลังพอๆ กับดับเบิ้ล-เอ็กซ์-เบิร์นเนอร์เต็มสตรีม
     
    มองดูเด็กหนุ่มผมดำไปก็ทำให้โคลมเกิดจินตนาการใหม่ขึ้นมาอีก
     
    ...ที่ราวตากผ้าในสวนข้างคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่น เด็กผู้หญิงผมสีม่วงกับหญิงสาวผมยาวสีม่วงคนเดิมผลัดกันหยิบผ้าในตะกร้าขึ้นตากอย่างเบิกบาน และที่ห้องติดกับสวน ชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งสวมชุดยูกาตะนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะไม้เตี้ยๆ ตัวหนึ่งพร้อมกับเขียนอะไรยุกยิกลงในกระดาษเหมือนกำลังทำงานเอกสารอยู่ เมื่อชายหนุ่มหันไปมองทางทั้งสองคนในสวนให้เธอเห็นหน้าชัดๆ ก็ทำเอาเจ้าของจินตนาการใจหายวาบ
     
    ‘ท—ทำไมถึงเป็นท่านเคียวยะ!?’ โคลมสะบัดหน้าไล่ความคิดออกไปพร้อมกับแก้มที่แดงขึ้น
     
    (R:คุฟุฟุ ขนาดนี้แล้วน่าจะเอะใจบ้างนะ] DX:แกติดนิสัยหัวเราะน่ารังเกียจมาจากเจ้าภูติสัปปะรดนั่นแล้วเหรอ แถมยังทำหน้าหัวเราะชั่วร้ายกว่าต้นแบบด้วย ไม่รู้จักเก็บอาการ)
     
    “โคลม โดคุโร่”
     
    “คะ!” เด็กสาวผมม่วงกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง คราวนี้มีเมฆาหนุ่มยืนตีหน้ายักษ์อยู่ข้างๆ (ก็หน้าเดิมนั่นแหละ ต่างแค่แววตา)
     
    “เธอกล้ามากนะ ยืนเหม่อให้ฉันทำงานแทนเธอ เตือนแล้วยังไม่ยอมเลิก ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน” ฮิบาริพูดเสียงเฉียบ
     
    “ข—ขอโทษค่ะ!”
     
    “รีบจัดการให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นงดมื้อเย็น” ฮิบาริคาดโทษเอาไว้ชัดเจน โทษยังกับของเรือนจำ ทำให้บ้านนี้ใกล้ความเป็นค่ายกักกันเข้าไปทุกที
     
    ...ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน ใช่ ก็ฮิบาริ เคียวยะคนนี้เคยช่วยคนอื่นทำงานซะที่ไหนล่ะ...
     
    --
     
    ดวงจันทร์ครึ่งดวงลอยเท้งเต้งอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืน มันจึงกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
     
    เด็กสาวผมม่วงหลับไปแล้ว แต่สามทุ่มยังไม่ใช่เวลานอนของเด็กหนุ่มผมดำ เขาต้องการดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่เงียบสงบปราศจากเสียงรบกวนของฝูงสัตว์กินพืชนี้ให้เต็มที่
     
    ปกติแล้วเขาจะปล่อยให้สมองได้ผ่อนคลาย ไม่คิดอะไร แต่คืนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตั้งแต่เด็กสาวผมม่วงเข้ามาในชีวิตเขาก็มีเรื่องให้ต้องคิดไม่เว้นแต่ละวัน อย่างวันนี้เขาก็ต้องลดตัวลงไปทำงานที่ ‘ไม่สมศักดิ์ศรี’ ไม่ใช่แค่อย่างเดียว แต่ถึงสองอย่างด้วยกัน
     
    ใครจะรู้ว่าแค่ใช้ไปซื้อของ ยัยตัวยุ่งก็ทำรายการหายไปง่ายๆ จนต้องโทรฯถามเขาให้วุ่นวาย อุปกรณ์จะจดก็ไม่มี ลงท้ายก็ต้องออกไปซื้อด้วยกัน ไม่พอ ตอนไปถึงยังเห็นตกอยู่กลางวงล้อมกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลซะอีก ทำให้เขาต้องเสียแรงอันมีค่าไปกับการขย้ำพวกสัตว์ชั้นต่ำ
     
    ‘ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ตกเป็นเป้าของพวกสัตว์กินพืชบ่อยนักนะ?’ ฮิบาริคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
     
    แต่มีที่แน่ๆ อยู่อย่างคือ ถ้าเธอถูกพวกสัตว์กินพืชทำร้ายเอาล่ะก็ จะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติของเขาซึ่งเป็นผู้ปกครองอย่างร้ายแรง
     
    ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนแตะต้องโคลม โดคุโร่เด็ดขาด โดยเฉพาะนักมายาพันธุ์สัปปะรดที่เป็นนายของเธอ!
     
    ‘จะว่าไป... ‘คู่’ งั้นเหรอ?’
     
    ไม่ใช่ว่าเขาตั้งสัจวาจาจะครองพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต หรือรังเกียจผู้หญิง หรือแม้แต่เป็นเกย์ตามที่หลายคนแอบคิดไว้ในใจ แต่เป็นเพราะเขายังไม่เจอใครคู่ควรกับเขาตะหาก ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเพราะน่ารำคาญ ทำลายความสงบสุขส่วนตัวของเขาจนอยากขย้ำเพียงแค่แรกเห็น
     
    ...จะมีก็แต่เด็กสาวผมม่วงที่นอนหลับอุตุอยู่ในห้องด้านหลังเขานี่เท่านั้นล่ะมั้ง ที่พ้นข้อนี้ไปได้... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตกลงปลงใจกับเธอหรอกนะ!
     
    เพียงแต่...เวลาที่มีเด็กสาวคนนั้นอยู่เคียงข้าง มันทำให้ใจของเขาสงบ ถึงจะไม่เหมือนกับการอยู่เงียบๆ คนเดียวอย่างตอนนี้ แต่ก็ให้ความรู้สึกสุขใจไม่แพ้กัน
     
    เผลอๆ ตอนนี้เขาอาจจะเกลียดการที่ไม่มีเธออยู่เคียงข้างพอๆ กับการอยู่ท่ามกลางฝูงชนแล้วก็ได้...
     
    --
     
    “ซือคุง~ มีของส่งมาถึงลูกแน่ะจ้ะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มสั้นระต้นคอเปิดประตูห้องของลูกชายพร้อมกับยื่นซองจดหมายให้หนึ่งซอง
     
    “จากใครเหรอค—อึ๋ย!?” สึนะร้องออกมาเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง
     
    บนซองจดหมายสีครีมซึ่งปิดด้วยสติกเกอร์กลมสีแดงธรรมดาๆ นั้นมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นหมึกสีดำเขียนด้วยลายมืออันบรรจงว่า [Mafia Land]
     
    --
     
    R:”...ตอนนี้มัน...อะไรกันหว่า?”
     
    Tsuna:”นายเป็นคนเขียนยังไม่รู้ แล้วเราจะไปรอดมั้ยเนี่ย!?~”
     
    R:”ขี้โวยวายจริงนะ พ่อรสนิยมประหลาด”
     
    T:”หมายความว่ายังไง?”
     
    R:”นึกว่าชอบซาซางาวะ แอบหลงใหลได้ปลื้มเลออนก็ไม่บอกนะ”
     
    T:”หมายความว่ายังง้ายยยยย~!!
     
    R:”ตอนฟูตะจัดอันดับคนที่นายชอบที่สุด เลออนก็ได้ที่หนึ่ง ตอนที่ 349 เลียนแบบใครไม่เลียนแบบ ดันแต่งเป็นเลออน แถมยังได้ศูนย์คะแนนอีกนะเจ้าห่วย”
     
    T:”ไม่ช่าย! มันไม่ใช่หยั่งง้านนนนนน~!!” (วิ่งไปน้ำตาไหลพรากแบบสโลว์โมชั่น)
     
    DX:”เฮ้ ยังมีรอรั่วอยู่คนแน่ะ”
     
    M:”น—นักมายา—ชื่อใหม่ไม่น่าโสภาอีกแล้ว~ แต่ก็ยังดีที่พูดถึงครับ -_-;”
     
    R:”เปล่าหรอก เค้าเรื่องเดิมมันมางี้ก็ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะพยายามลบชื่อแกออกไปจากสารบบของเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดละกัน”
     
    M:”ไม่ดีเลยครับ ไม่ต้องทำหรอก ลำบากแย่ ผมเกรงใจ -_-;”
     
    Flan:”แต่มีว่าทำเลยก็ดีนะครับ อาจารย์จะได้มาช่วยมีตกปลาแข่งกับผู้กอง(สควอโล่) ผู้กองโกงจะแย่ ใช้ดาบวักน้ำซะปลากระจายเต็มฝั่ง”
     
    DX:”สัปปะรดตกปลาเรอะ? ขำกลิ้ง ว้ากก๊ากๆๆ!!”
     
    M:”ห—หัวเราะเยาะคนอื่นในเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ไร้มารยาทจริงๆ เลยนะครับ ^ ^+”
     
    R:”...มีมาเพิ่มอีกตัวละ...เก็บข้าวของย้ายสตูดิโอหนีดีกว่ามั้ง...”
     
    -- 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×