ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #84 : Chapter 66: ลางหายนะครั้งใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 218
      6
      4 มี.ค. 61

    PBW:“สวัสดีคนที่ยังอ่านอยู่ทุกคน คนเขียนหายหน้าไปนานหลายเดือน—
     
    DX:“เจ็ดเดือนยี่สิบกว่าวัน
     
    PBW:“—เจ็ดเดือนยี่สิบกว่าวัน ชู่~ อย่าขัดสิฟะ โดยทิ้งท้ายไว้ว่าต้องไปแต่งฟิคอีกเรื่อง ซึ่งก็ทำตามนั้นจริงจนจบแล้ว หลังจากนั้น...ก็หายต๋อมไปเลยนั้น มันมีที่มาที่ไปอยู่
     
    DX:“อย่าอ้อมค้อมมาก จะข้ออ้างแก้ตัวอะไรก็รีบๆ ทำให้เสร็จ ทุเรศลูกกะตา
     
    PBW:“...คนเขียนเรียนจบแล้วหางานทำไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ลงตอนล่าสุดนั่นล่ะ(เดือนพฤษภาคม) เวลาจะแต่งเรื่องนี้ทีไรก็มีข้อนี้ค้ำขออยู่ทุกทีจนไม่เป็นอันทำอะไร ต้องไปแต่งเรื่องซีเรียสอีกเรื่องปลอบใจตัวเอง (Criminal Girls ไปดูๆ เกมไว้ก็ดีเผื่อใครชอบ ไม่ Steam ก็ PSP-Vita) แล้ว...ที่จริงเรื่องนั้นก็ยังแต่งภาคพิเศษค้างไว้อยู่
     
    DX:“บอกว่าให้รีบ! โฆษณาอยู่นั่นล่ะ เงินก็ไม่ได้!”
     
    PBW:“คนเขียนได้งานทำแล้วในที่สุด ดังนั้นก็จะกลับมาเขียนเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจอีกครั้ง ลุยเลย โอ้ว!!~ ...พอใจยัง?
     
    DX:“เออ
     
    PBW:“สุดท้ายนี้ขอพูดอะไรหน่อย จากประสบการณ์ครึ่งปีที่ผ่านมาทำให้คนเขียนคิดอะไรหลายอย่าง เช่น การเรียนจบบางทีก็น่ากลัวกว่าเรียนยังไม่จบ การทำคะแนนเก่งอ่านหนังสือสอบเก่งอย่างเดียวก็มีงานที่ผ่านเข้าทำได้ กับ วันดวงดีโคตรๆ นั้นมีจริงแม้วิทยาศาสตร์จะยังพิสูจน์ไม่ได้ ดังนั้นจงเล่นกาชาในวันนั้นเสีย แล้ว 2 ครั้งจักออก SSR ทั้ง 2 ครั้ง ของแรร์จะดรอปเป็นห่าฝน ชิปคาสิโนจะไหลเยี่ยงน้ำตก’ ”
     
    DX:“อันสุดท้ายเหมือนพยากรณ์นอสตราดามุสอะไรซักอย่าง...เออช่างเหอะ
     
    PBW:“อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็จะขอเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างครั้งใหญ่ ประกอบด้วย
     
    - ชื่อของ ฮาลเปีย ซึ่งคนเขียนเผลอยึดจากมังงะร็อคแมนซีโร่แปลไทย เป็น ฮาร์เปีย อย่างที่ควรจะเป็น
    - ชื่อ แฟ็บนีล เช่นเดียวกัน ติดมังงะแปลไทย เปลี่ยนเป็น แฟ็ฟนิร์  ที่จริงควรเป็นฟาฟนีร์ หรืออะไรทำนองนั้น แต่มันจะไกลจากคำเดิมเกินไปแล้วดูประหลาด แล้วคาตาคานะก็ต่างกับชื่อมังกรฟาฟนีร์นิดหน่อยอยู่แล้ว
    - บางประโยคสำคัญที่ bakatsuki แปลซะจนความหมายเปลี่ยน เช่นประโยคสุดท้ายที่โจเซฟพูดเมื่อตอนที่แล้ว แค่อ่านก็ชัดเจนเลยว่าแปลผ่านภาษาจีนอีกที คอมโบคันจิ-ฟุริงานะถึงหายไปดื้อๆ(ตอนนี้เก่งญี่ปุ่นแล้ว หลังจากอ่าน Gaworare เป็นภาษาญี่ปุ่นไปสิบเล่ม)
     
    ส่วนสิ่งที่พิจารณาแล้วแต่สุดท้ายก็คงไว้ประกอบด้วย

     
    - ชื่ออังริเอตต้า อังเรียตต้า’ ‘อังเรียต ตามการอ่านที่(ควรจะ)ถูกต้อง
    (มั้ง)
    - ชื่อทาบาสะ ทาบีธา ทาเบอธา’ ‘ทาบาธา เพราะรู้สึกว่ามันประหลาด และยังไงก็เป็นชื่อเล่น/ชื่อปลอม/ชื่อหมาชื่อแมว/ชื่อตุ๊กตาอยู่แล้ว
     
    ว่าแต่มีใครรู้มั้ยว่าทำไม Shitennou ถึงแปลมาเป็น จตุรเทพ ทั้งที่ตรงตัวต้องเป็น จตุราช  คนเขียนว่าน่าจะเพราะ Shitennou จริงๆ หมายถึงเทพผู้ครอง
    (เลยเรียกราชา)สี่ทิศ พอมาเป็นไทยเลยเรียกเทพก็ได้เพราะก็คือเทพนั่นล่ะ สรุปแล้วก็คง จตุรเทพ ไว้นั่นล่ะ
     
    PBW:“เอาล่ะ ก่อนเริ่มตอนนี้จะมีการทวนเหตุการณ์ที่นำมาสู่ปัจจุบันสักนิด เป็นการเรียกความจำกลับมา(ทั้งคนอ่านและคนเขียน) ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันเลย
     
    ~Recap~
     
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในโลกที่วิทยาการหุ่นยนต์เจริญรุ่งเรืองเสียจนกล่าวได้ว่ามีความรู้สึกนึกคิดตัดสินใจได้ทัดเทียมกับมนุษย์ หุ่นยนต์ตัวหนึ่งต่อสู้เพื่อปกป้องความสมดุลของโลกใบนั้น เผชิญหน้ากับอุปสรรคและอันตรายมากมาย ได้สัมผัสกับมิตรภาพ ความหวาดกลัว ความรัก ความสูญเสีย ความเชื่อมั่น ความลังเล นานแสนนาน จนในที่สุดก็เหลือเพียงหุ่นยนต์ตัวนั้นตัวเดียว ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกที่กำลังโคจรไปสู่ความวินาศ ละทิ้งร่างกาย ติดไปกับดวงวิญญาณเพียงความฝันที่แตกหักกับความรู้สึกผิดที่ฝังลึก จมดิ่งลงสู่ปลายทางที่ปกคลุมด้วยความเงียบ
     
    โอกาสเริ่มต้นชีวิตที่สองมาถึงเมื่อหุ่นยนต์ตัวนั้นได้รับกายเนื้อเช่นมนุษย์ในโลกใบใหม่ โลกที่อดีตเหล่านั้นไม่มีตัวตน ทว่าบาดแผลจากโลกใบเดิมนั้นหลอมรวมกับจิตใจของหุ่นตัวนั้นแล้ว แม้ว่าที่โลกใบใหม่นี้จะได้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีโอกาสในโลกใบเดิมมา แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เยียวยาบาดแผลนั้นได้ ยังคงแอบซ่อนอยู่ในส่วนลึก ราวกับเชื้อร้ายที่รอเวลาฟักตัว
     
    เวลานั้นใกล้เข้ามาพร้อมกับการปรากฏของฝันร้ายที่ไล่ตามมาจากโลกใบเดิม ในรูปของเพื่อนเก่า ศัตรูปริศนาที่เผยตัวว่าเป็นเพื่อนเก่า หุ่นยนต์ตัวนั้นค่อยๆ ถูกกลืนกินด้วยความมืดในใจที่เผยตัวออกมา จนกระทั่งไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นใดนอกจากจบชีวิตของตัวเองลงเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความทรมานนี้ไปได้ และมองคู่หูที่ตนเองทำผิดด้วยสมควรเป็นผู้ลงดาบที่สุด
     
    แต่ท้ายที่สุดแล้วคู่หูคนนั้นก็ไม่อาจเป็นเพชฌฆาตที่หุ่นยนต์ตัวนั้นต้องการได้ กลับเป็นผู้คนมากมายที่ได้พบในโลกใบใหม่ที่โค่นตัวเองลงได้ ด้วยดาบที่ทำลายไม่ใช่ชีวิตของหุ่นยนต์ตัวนั้น แต่เป็นความกังขาอันเป็นบ่อกำเนิดของความมืดในจิตใจ
     
    หุ่นยนต์ตัวนั้นพบกับความปลดปล่อยที่ไม่เคยได้สัมผัสนับตั้งแต่ลืมตาขึ้น แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วขณะแต่ก็ทำให้หุ่นยนต์ตัวนั้นบอกกับตัวเองด้วยใจกำลังฟื้นจากบาดแผลว่าจะใช้อิสระที่ได้มาใหม่นี้อย่างคุ้มค่าเพื่อผู้ที่ช่วยดึงตนเองออกจากเขาวงกต
     
    ฉันจึงอยากให้คุณช่วยงานของหน่วยอัศวินอองดีนที่โรงเรียนทริสเทน
     
    ในฐานะสันตะปาปา บริวารของพระผู้เป็นเจ้าและของผู้คน เราขอสั่งท่าน จงนำ ความว่างเปล่า มาจากที่แห่งนั้นเสีย
     
    ข้าอยากให้พวกท่านนำผู้ใช้ความว่างเปล่าจากอัลเบี้ยนมาที่นี่
     
    และขณะนี้เขาและเพื่อนที่ได้พบที่โลกใบใหม่นี้ก็เดินทางมาสู่เกาะลอยฟ้า อดีตราชอาณาจักรอัลเบี้ยนที่บัดนี้อยู่ใต้การปกครองของสามประเทศ
     
    ~Recap~
     
    น—นั่นใช่มั้ย หมู่บ้านที่ฮาล์ฟเอลฟ์ที่หน้าอกเหนือธรรมชาติอยู่น่ะ?
     
    กีชดูพะวงขณะถามไซโตะ ไม่แน่ว่าเป็นเพราะส่วน เอลฟ์ หรือส่วน อก
     
    อย่าเรียกแบบนั้นสิฟะ
     
    ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอ? นายบรรยายเองว่าเป็นเด็กผู้หญิงเอลฟ์ หูยาว แล้วก็ หน้าอกผิดธรรมดา’ ”
     
    หากคีร์เก้ตามมาด้วยคงไม่ปล่อยโอกาสที่จะแซวเรื่อง รายงานลับ ระหว่างหัวหน้ากับรองฯของหน่วยอัศวินอองดีนนี้แล้ว
     
    ก็นายเจาะจงถามเรื่องนั้นเองนี่หว่า...
     
    ไซโตะเบาเสียงลงพลางชำเลืองหลุยส์ที่เดินนำหน้าสุด
     
    แต่อย่าว่าแต่รังสีอำมหิตที่กลัว แม้แต่สายตาสักนิดก็ไม่ชำเลืองมา ที่จริงตั้งแต่ออกเดินทางจากราชวังทริสเทนเมื่อช่วงเช้าจนถึงตอนนี้ตะวันใกล้ตกดินแม้อ้าปากสักครั้งก็ไม่มี
     
    อาการซึมกระทือจากการใช้ ความว่างเปล่า ไม่ได้ เด็กสาวผมสีชมพูไม่มีแม้แต่กะจิตกะใจจะโมโหอสูรรับใช้
     
    ในจำนวนหกคนที่เดินทางมากับซิลฟีด(ซึ่งตอนนี้พักผ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งในป่า) กีชรั้งไซโตะไว้ท้ายแถวเพื่อถามคำถาม หลุยส์จ้ำเอาๆ โดยไม่รอใครราวกับต้องการสะกดความทุกข์ด้วยความคิดเรื่องภารกิจ ที่อยู่ระหว่างกลางคือเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา องครักษ์สาวผมสีฟ้าน้ำทะเล กับเด็กสาวร่างเล็กสวมแว่น
     
    องครักษ์สาวซึ่งอยู่ในรูปร่างที่แยกจากมนุษย์ไม่ออกถอนใจ เฮ้อ เบาๆ  ทำให้เจ้านายหันมามอง
     
    เลเวียธาน มีอะไรเหรอ?
     
    แค่คิดว่าสองคนข้างหลังคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนเคยเท่านั้นเองค่ะ
     
    เด็กสาวสวมแว่นมองตรงแต่ก็ยังพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย
     
    เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงกลางได้แต่ยิ้มแห้งๆ
     
    เด็กสาวผมสีชมพูนั้นไม่แน่ แต่ประสาทรับเสียงของสามคนที่เดินอยู่กลางแถวนั้นได้ยินบทสนทนาของสองคนข้างหลังชัดแจ๋ว
     
    แล้วท่านเอ็กซ์ว่ายังไงคะ
     
    เอ๋?
     
    ท่านเอ็กซ์ก็เคยพบกับลูกครึ่งเอลฟ์นั่นแล้ว มีความเห็นว่ายังไงคะ เรื่องขนาดหน้าอก
     
    เอ่อ เลเวียธาน? ทำไมถึงถาม...
     
    เอ็กซ์เคยชินกับคำถามที่เหมือนไล่ต้อนเขา(เรื่องที่เขาไม่ได้ทำ)จากเลเวียธานจึงไม่ประหลาดใจมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าต้องเตรียมรับมือ
     
    งั้นเปลี่ยนจากถามท่านเอ็กซ์มาเป็นถามร่างกายชายหนุ่มที่ท่านเอ็กซ์อาศัยอยู่ ว่ายังไงคะ?
     
    อ—เอ๋...
     
    ระหว่างที่คนทางด้านขวาของเด็กหนุ่มถามคำถามสุ่มเสี่ยง เด็กสาวทางด้านซ้ายก็เดินมองตรง ภายนอกปราศจากอาการใดๆ ที่แสดงว่ารับรู้ปฏิสัมพันธ์ทางด้านขวาของตัวเอง
     
    แต่สมาธิทั้งหมดเพ่งอยู่กับหูขวาและร่างกายช่วงหน้าของตัวเองที่เบาหวิว
     
    ...ไม่มี ร่างกายนี้ไม่มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษ
     
    หืม... เสียงตอบกลับไม่มีความเชื่อหรือความสงสัยเป็นพิเศษ
     
    นั่นเพราะสิ่งที่เจ้าของเสียงสงสัยมากกว่าในขณะนี้คือความจำเป็นของการถามคำถามนั้น
     
    หลังจากบทสนทนาอันดุเดือดกับราชินีแห่งทริสเทนเมื่อช่วงเช้า เลเวียธานก็เริ่มหันมาสนใจสถานการณ์ของเจ้านายในตอนนี้มากขึ้น เรื่องร่างกายเนื้อหนังและผลกระทบของมันต่อความคิด
     
    แต่หากจากนี้ไปท่านเอ็กซ์จะถือร่างกายมนุษย์นี้เป็นสภาพปกติของตัวเอง เธอคงไม่มีสิทธิ์จะไปก้าวก่ายเรื่องนั้น ควรจะยอมรับความไม่สะดวกหรือ ความต้องการ ใดๆ ที่เพิ่มขึ้นมาในตัวของเจ้านายให้เป็นเรื่องปกติ
     
    ดังนั้นตอนนี้เลเวียธานจึงอยู่ระหว่างพิจารณาขอบเขตการ ดูแลตรวจตรา ของตัวเอง เพิ่งจะได้ฟังคำที่คัทเลยาเตือนน้องสาวเรื่องบงการชีวิตคนอื่นไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ถ้าจะเป็นอย่างนั้นเสียเองพรายสาวไม่เอาด้วย
     
    ด้านเจ้านายคนดังกล่าวแม้จะดูออกอย่างไม่ยากเย็นว่าพรายสาวมีเรื่องที่กำลังคิดอยู่แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องอะไร
     
    คณะเดินทาง ต่างคนต่างเรื่องคิด มาถึงทางเข้าหมู่บ้านเล็กๆ กลางป่าอันเป็นที่หมาย
     
    ไซโตะกวาดสายตามองภาพอันคุ้นเคยของกลุ่มบ้านหลังเล็กๆ ที่จะเรียกว่า หมู่บ้าน ยังไม่ได้เต็มปาก อยู่กลางป่าทึบแบบนี้หากไม่ตั้งใจมาค้นหาแต่แรกก็ยากจะสังเกตเห็น
     
    คณะเดินทางตรงไปยังบ้านของทิฟฟาเนีย ควันสีขาวลอยขึ้นมาจากหญ้าแห้งมุงหลังคา
     
    กีชตรงเข้าไปที่ประตูทั้งอย่างนั้น แต่โดนไซโตะเรียก
     
    เฮ้ย จะเข้าไปง่ายๆ ยังงี้เลยเหรอ?
     
    ก็ ภารกิจง่ายๆ เองนี่ ยิ่งเทียบกับอันตรายที่ผ่านมา
     
    กีชพูดเสียงอารมณ์ดี ไซโตะถอนใจ
     
    เฮ้อ คนเป็นหัวหน้าทำตัวให้สมฐานะกว่านี้หน่อยดีกว่ามั้ย
     
    นายตะหาก ช่วงหลังมานี้ดูเกร็งแปลกๆ
     
    ฉันเนี่ยนะ?
     
    ใช่สิ ความรู้สึกที่ได้เป็นรองหัวหน้าหน่วยน่ะพอเข้าใจ แต่...ยังไงล่ะ เมื่อก่อนนายใช้ชีวิตสบายใจกว่านี้ แต่เมื่อกี้นี้นายพูดยังกะเรย์นาล
     
    ย—ยังงั้นเหรอ...
     
    กีชยิ้มพลางส่ายหน้าราวกับจะบอกว่า ช่วยไม่ได้น้า  แล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตู
     
    ข้าขอกล่าวในนามของตระกูล! ข้ากีช เดอ กรามองต์ ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินแห่ง—
     
    ผัวะ
     
    ศีรษะของกีชผงกไปข้างหน้าด้วยแรงกระแทกที่ท้ายทอย
     
    เดี๋ยวเขาก็กลัวหรอก
     
    เลเวียธานเดินผ่านกีชที่กุมศีรษะเข้าไปเคาะประตู
     
    อยู่รึเปล่า พาไซโตะมาหา
     
    ไซโตะมองชื่อตัวเองโดนอ้างอย่างเงียบๆ
     
    แต่รอแล้วก็ไม่มีเสียงตอบ เลเวียธานจึงเปิดประตูเข้าไปเลย
     
    มีแขกอยู่ก่อนแล้วเหรอ
     
    แขก?
     
    เท่าที่รู้ไซโตะไม่เคยได้ยินทิฟฟาเนียพูดว่ามีใครมาเยี่ยมเลย
     
    พวกไซโตะที่เหลือเดินเข้าไปที่หน้าประตู แล้วก็ชะงัก
     
    ที่โต๊ะในบ้านมีคนนั่งอยู่สองคน
     
    คนหนึ่งคือเด็กสาวเอลฟ์เจ้าของบ้านซึ่งมองมาที่คณะเดินทางอย่างประหลาดใจ
     
    ปัญหาอยู่ที่อีกคนหนึ่ง
     
    หญิงสาวผมยาวสีเขียว
     
    ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นราวกับพายุพัดผ่าน
     
    ฟูเก้ต์!!!~~”
     
    ไซโตะชักดาบจากกลางหลังแล้วกระโจนเข้าไป
     
    หญิงสาวคนนั้นชักคทาและลุกขึ้นยืนอย่างไม่เกรงกลัว
     
    ตัวของไซโตะถูกเชือกที่ประกอบขึ้นจากน้ำรั้งกลางอากาศและดึงกลับมาที่เดิม
     
    ทำอะไรของเธอ!?”
     
    เลเวียธานมองไซโตะที่ล้มนั่งอยู่กับพื้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
     
    อยู่ๆ ก็ชักดาบแล้วกระโดดเข้าใส่ จะให้ทำอะไรล่ะ?
     
    ไซโตะกัดฟันเค้นเสียงด้วยความโกรธ
     
    เธอไม่รู้หรอกว่ายัยนั่น—!!”
     
    เดี๋ยวก่อน!!”
     
    คำพูดของไซโตะถูกขัดจังหวะโดยทิฟฟาเนียที่วิ่งเข้ามาขวางระหว่างคณะเดินทางกับฟูเก้ต์
     
    เลเวียธานยังคงเชือกน้ำไว้ มองสลับระหว่างไซโตะที่โกรธจัด ทิฟฟาเนียที่ตกใจและสับสน หญิงสาวผมสีเขียวที่สีหน้าเยือกเย็น
     
    ท่านเอ็กซ์ ช่วยอธิบายหน่อยสิคะ
     
    ...ไว้ทีหลังก็แล้วกัน เรื่องมันยาว
     
    [...]
     
    ทุกคนทุกฝ่ายนั่งเก้าอี้ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย แต่ไซโตะยังส่งสายตาอำมหิตให้ฟูเก้ต์ซึ่งนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน
     
    เอ็กซ์เห็นไซโตะในสภาพนั้นแล้วก็ตัดสินใจเป็นคนเจรจาแทน
     
    ทั้งสองคนรู้จักกันเหรอครับ?
     
    ทิฟฟาเนียเป็นคนตอบ
     
    ค่ะ...ฉันเคยเล่าให้ฟังใช่มั้ยคะว่าพ่อของฉันเป็นคนดูแลพระคลัง แล้วก็มีอุปราชที่ดูแลพื้นที่แถบนี้
     
    ครับ
     
    พี่มาธิลดาเป็นลูกสาวของอุปราชคนนั้นเองค่ะ สรุปก็คือเป็นลูกสาวของผู้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้
     
    หา!?”
     
    คนที่ส่งเสียงนั้นคือไซโตะ
     
    แล้วคนที่ส่งเงินกลับมาให้พวกเราก็คือพี่มาธิลดานี่เองค่ะ
     
    ทิฟฟาเนียพยายามนำเสนอความดีของพี่สาว หวังว่าจะช่วยยับยั้งเหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้ได้ ซึ่งก็อาจได้ผลส่วนหนึ่ง เพราะความช็อกดันเอาความโกรธที่เหลืออยู่ของไซโตะออกไปจนเกือบหมด
     
    เอ็กซ์พยักหน้า
     
    อย่างนี้นี่เอง ถึงได้—
     
    อ๊ะๆ ฟูเก้ต์ส่งเสียงขัด อย่าพูดเรื่องานเก่าของฉันจะดีกว่านะ
     
    เอ็กซ์หุบปากลง แต่ทิฟฟาเนียโพล่งออกมาแทน
     
    พวกคุณรู้เหรอคะ? ไซโตะ พี่มาธิลดาทำงานอะไรเหรอ?
     
    อ—เอ๋ อ—อ่า... ไซโตะถูกถามกะทันหันไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
     
    บอกฉันหน่อย! พี่มาธิลดาไม่ยอมบอกอะไรเลย!”
     
    ฟูเก้ต์จ้องไซโตะเขม็ง
     
    ถ้าพูดฉันฆ่านายแน่
     
    ความจริงจังของประโยคนั้น ในความคิดของทิฟฟาเนียกับพวกไซโตะคงต่างกันมาก
     
    ...ล—ล่าสมบัติ
     
    สุดที่สมองไซโตะจะคิดขึ้นมาได้ในเวลานี้ ถ้าคีร์เก้อยู่ด้วยคงกลั้นหัวเราะ เพราะรู้ว่าที่จริงแล้วคนที่เคยออกไปล่าสมบัติคือใครกันแน่
     
    ล่าสมบัติเหรอ? เท่จังเลย!”
     
    อย่างน้อยทิฟฟาเนียก็ท่าทางจะถูกใจ ฟูเก้ต์จึงเล่นตามอย่างไม่ลังเล
     
    ก็ยังงั้นล่ะ ระหว่างนั้นก็เคยแย่งสมบัติกับคนพวกนี้มาแล้ว
     
    ก็เลยไม่ถูกกันสินะ เข้าใจแล้ว แต่ไม่เอาแล้วนะ! คืนดีกันดีกว่า จริงสิ ดื่มอะไรด้วยกันหน่อยดีกว่า
     
    ทิฟฟาเนียลุกขึ้นไปหาไวน์กับแก้ว
     
    บทสนทนาประกอบเหล้าหลังจากนั้น เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่า ไม่มี  มีแต่กีชที่ร่าเริง คนอื่นได้แต่หืออือตามน้ำไป แม้แต่หลุยส์ที่ควรจะเป็นคนใกล้ชิดกับเหตุการณ์เท่าๆ กับไซโตะ พอความตื่นเต้นผ่านไปก็นั่งเงียบอยู่คนเดียว
     
    ไซโตะไม่แตะแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้า เอาแต่จ้องฟูเก้ต์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แรงผลักให้ชักดาบพุ่งข้ามโต๊ะไปขึ้นๆ ลงๆ เมื่อนึกถึงศพขององค์ชายเวลส์และใบหน้าโศกเศร้าขององค์หญิงอังริเอตต้า
     
    ฟูเก้ต์สบตาตอบพลางจิบไวน์อย่างใจเย็น ก่อนจะถาม
     
    แล้วพวกนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? ไม่ใช่แค่มาเยี่ยมใช่มั้ยล่ะ
     
    ทิฟฟาเนียที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้น ไซโตะมองสลับระหว่างทิฟฟาเนียกับฟูเก้ต์อย่างลังเล
     
    ...ทิฟฟาเนีย กลับไปทริสเทนกับพวกเราเถอะ
     
    คิ้วของฟูเก้ต์ยกขึ้นเล็กน้อย ทิฟฟาเนียตาโต
     
    แต่ว่า...ฉัน...
     
    ไซโตะโน้มตัวเข้าไปหาและรีบพูดต่อ
     
    พวกเด็กๆ ก็จะพาไปด้วย ถ้าไปอยู่ที่ทริสเทนความเป็นอยู่ก็จะมั่นคงขึ้น แล้วเธอก็บอกไว้ว่าอยากเห็นโลกภายนอกนี่ใช่มั้ย?
     
    ทิฟฟาเนียดูสดใสขึ้น ก่อนจะชำเลืองไปทางฟูเก้ต์อย่างประหม่า ไซโตะก็หันตามสายตาของทิฟฟาเนีย
     
    ไซโตะคิด คำตอบต้องเป็น โน แน่ๆ
     
    แล้วก็ต้องเป็นเวลาของดาบกับเวทมนตร์
     
    ไซโตะเอื้อมมือไปที่ด้ามดาบรอ ตาชำเลืองเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่นั่งอยู่ด้านขวามือ
     
    ที่เคยสู้กับฟูเก้ต์อย่างจริงๆ จังๆ นั้นก็แค่ตอนเรื่องคทาแห่งการทำลายล้างครั้งเดียว แล้วครั้งนั้นที่ชนะโกเลมได้ก็เพราะร็อคเก็ตลันเชอร์ ถ้าปะทะฝีมืออย่างเท่าเทียมแล้วก็ไม่รู้เลย
     
    แต่มีเอ็กซ์อยู่ด้วย ต่อให้ดึงเอาพลังมหาศาลเหมือนตอนที่กาเลียออกมาไม่ได้ ก็ช่วยให้เอาชนะฟูเก้ต์ได้แน่ ที่สำคัญเอ็กซ์เหมือนจะรู้จักกับองค์ชายเวลส์มาก่อน กับฟูเก้ต์ที่อยู่ข้างเดียวกับคนที่ฆ่าองค์ชาย ความรู้สึกไม่พอใจต้องเท่าเทียมหรือเหนือกว่า
     
    ถ้าอย่างนั้นทำไมภาพที่ไซโตะเห็นถึงได้ไม่เป็นอย่างนั้นเลย อย่าว่าแต่ความโกรธ แม้แต่ความไม่พอใจสักนิดก็ไม่มี เป็นใบหน้าที่เรียบนิ่งเหมือนยามปกติ เพียงแค่รอฟังคำตอบจากฟูเก้ต์
     
    ไซโตะที่อยู่ในความสับสนถูกเรียกด้วยคำตอบจากฟูเก้ต์
     
    เอาสิ ไปกับพวกนี้เถอะ ทิฟฟาเนีย
     
    ไซโตะหันขวับกลับมาพร้อมทั้งเบิกตาขึ้น
     
    เฮ้ย! ง่ายๆ ยังงี้เลยเหรอ?!”
     
    อ่าฮะ อีกอย่าง ตอนนี้ฉันถังแตกแล้ว ถึงอยากส่งเงินมาให้อีกก็ทำไม่ได้แล้ว ที่มาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ ถือว่าพอดีเลย
     
    พี่มาธิลดา...
     
    ทิฟฟาเนียหน้าสลดลง ฟูเก้ต์ดึงตัวเข้ามากอดปลอบ
     
    เด็กโง่ ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย
     
    ก็ ถ้าลำบากขนาดนั้นทำไมถึงไม่บอกล่ะ
     
    คนเป็นพ่อแม่ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวต้องเป็นห่วงหรอก
     
    พี่มาธิลดาไม่ใช่พ่อแม่ซะหน่อยนี่
     
    ก็เหมือนกับใช่นั่นล่ะ ก็เห็นกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ นี่นา
     
    เห็นทั้งสองคนดังนั้น คณะเดินทางเห็นตรงกันว่าควรให้เวลาส่วนตัว แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็มีปัญหาอยู่หนึ่งข้อ
     
    ใครจะทำข้าวเย็น?
     
    คำถามที่ไร้ความปองร้ายของกีชทำให้คณะเดินทางตกอยู่ในความเงียบ
     
    คณะเดินทางมองหน้ากัน กลุ่มผู้ชาย(ไซโตะและกีช)หันไปมองทางผู้หญิงสามคนก่อน
     
    หลุยส์: ซึมกะทืออยู่ หวังอะไรไม่ได้ทั้งนั้น (และถึงไม่ซึมก็ไม่น่าจะหวังอะไรได้)
     
    ทาบาสะ: ปราศจากข้อมูลโดยสิ้นเชิง แต่เจ้าตัวส่ายหน้าก็เลยสรุปตามนั้น
     
    เลเวียธาน: เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสียด้วยซ้ำ และ ฉันไม่แตะเนื้อสัตว์ มันสกปรก
     
    เมื่อพึ่งผู้หญิงไม่ได้ก็ต้องหันมาพึ่งตัวเอง
     
    กีช นายต้องทำเป็นมั่งใช่มั้ย?
     
    พูดอะไรน่ะไซโตะ ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนทักษะของสุภาพสตรีอย่างนั้น อีกอย่าง สาวๆ ต้องเป็นฝ่ายทำมาให้ฉันสิ
     
    ...น่าจะทิ้งนายไว้แล้วพาเซียสต้ามามากกว่า
     
    รองหัวหน้า!? ทำไมพูดกับหัวหน้าอย่างนั้นล่ะ!? ฉันมีค่าน้อยกว่าสาวใช้อีกเหรอ?! เดี๋ยวๆ  คิดอีกทีไม่ต้องตอบหรอก
     
    และในที่สุด ก็มาถึงคนที่ท่าทางจะพึ่งพาได้มากที่สุด
     
    ทว่าคำตอบก็ยังคงเป็น
     
    ความสามารถของผมเรียกว่าเป็น การทำอาหาร ไม่ได้หรอกครับ
     
    เอ๋~ แต่นายเป็นนักเดินทางไม่ใช่เหรอ เวลานอนกลางทางก็ต้องทำอาหารกินเองไม่ใช่เหรอ? กีชท้วง
     
    คนเดินทางเขาทำแต่ของกินง่ายๆ  เรียกว่าเป็นอาหารจริงๆ ไม่ได้หรอกครับ
     
    คนที่หักล้างคำแก้ต่างของเอ็กซ์เป็นคนที่ไม่มีใครคาดคิด
     
    ในเรื่องนี้เนื้อตากแห้งก็ทำให้อร่อยได้นะ ทาบาสะพูดพลางยกหนังสือที่ถืออยู่สองมือขึ้น ที่หน้าปกเป็นรูปเด็กหนุ่มร่างเล็กผมสีม่วงกับหญิงสาวที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู
     
    ไม่ต้องอ้างโน่นอ้างนี่หรอกค่ะ ท่านเอ็กซ์ทำไม่ได้ก็เพราะไม่ได้ใส่ใจเท่านั้นเอง เลเวียธานปิดฉาก เอ็กซ์ทำได้แค่ยกสองมือยอมจำนน
     
    ฟูเก้ต์มองคณะเดินทางสนทนากันตั้งแต่ที่กีชถามคำถาม เมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของแต่ละคนก็คลายกอดทิฟฟาเนียและลุกขึ้นยืน
     
    พากันมานี่คิดจะมาอาศัยบ้านคนอื่นเขากินอย่างเดียวเลยรึไง ฝากทิฟฟาเนียกับพวกเธอคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่นะ
     
    คณะเดินทางหันไปพบกับใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องนิดๆ ของฟูเก้ต์
     
    ช่วยไม่ได้ จะรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กต่ออีกซักวันก็แล้วกัน
     
    ไซโตะตาโตขึ้น
     
    หมายความว่า...!”
     
    พวกผู้ชายไปจัดโต๊ะซะ ส่วนพวกผู้หญิงเข้ามาในครัว ฉันมีแค่สองมือไม่พอหรอกนะ
     
    อ๊ะ ฉันช่วยด้วยนะ ทิฟฟาเนียลุกจากเก้าอี้อาสาเป็นคนแรก
     
    ทาบาสะพยักหน้าและเดินเข้าไปรวมกลุ่มด้วย
     
    ทั้งเนื้อทั้งเลือดทั้งมัน ฉันไม่เอาด้วย เลเวียธานยืนยันคำเดิม ...แต่แล้วก็หยุดนิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
     
    ...เอาเถอะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยนอกเหนือจากนั้นก็ได้ ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว
     
    เหลือแค่หลุยส์คนเดียว ซึ่งทุกคนลงความเห็นตรงกันโดยไม่ต้องพูดออกมาว่าให้ทำตามใจ ถ้าอยากจะอยู่คนเดียวก็ให้ได้อยู่คนเดียว ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
     
    แต่ไม่ใช่จะไร้ซึ่งความไม่พอใจเสียทุกคน
     
    ทำไมต้องมาให้ไอ้คนยังงั้นชี้นิ้วสั่งเอาด้วย... ไซโตะกัดฟันพูด
     
    คำว่า ยังงั้น หมายถึงคนที่ร่วมมือกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายสังหารเชื้อพระวงศ์ยึดประเทศ ก่อสงครามทำลายบ้านเมือง ทำร้ายคนใกล้ตัวเขาหลายต่อหลายคน
     
    ยังแค้นเรื่องตอนขโมยของที่โรงเรียนอยู่สินะ เอ็กซ์ที่กำลังหยิบจานจากที่เก็บอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
     
    เรื่องนั้นก็ด้วย แต่นอกจากนั้นยัยนั่นก็เป็นพวกเดียวกับพวกที่ฆ่าองค์ชายเวลส์แล้วก็ทำลายบ้านเกิดเซียสต้า
     
    พูดเรื่องนี้ทำให้ไซโตะถือโอกาสถามคำถามที่สงสัยมาตั้งแต่เมื่อครู่
     
    นายน่ะรู้จักกับองค์ชายเวลส์มาก่อนพวกฉันอีกไม่ใช่เหรอ ทำไมดูไม่โกรธเลย ยัยนั่นเป็นพวกเดียวกับคนที่ฆ่าองค์ชายเวลส์เลยนะ?
     
    ไม่เลย เอ็กซ์ยังหยิบจานต่อไปโดยไม่หยุดมือ
     
    ทำไมเล่า?!”
     
    เอ็กซ์หยิบจานจนครบและหันมาพูดกับไซโตะตรงๆ
     
    ความรู้สึกนายฉันเข้าใจ เมื่อก่อนฉันก็เคยรู้สึกแบบนี้ แต่พอสูญเสียคนรอบตัวบ่อยเข้า พอมีเรื่องให้โกรธมากมายจนนับไม่ไหว ความคิดของฉันก็เปลี่ยน จากถามตัวเองว่าที่คนคนนี้ต้องพบกับเรื่องเลวร้ายเป็นความผิดของใคร ก็เปลี่ยนเป็นทำไมคนเราคนไหนๆ ถึงต้องพบกับเรื่องเจ็บปวดแบบนี้ด้วย
     
    ...แล้วทำไมล่ะ?
     
    ...คำตอบนั้นฉันไม่เคยรู้เลย แต่อย่างหนึ่งที่ฉันคิดว่ามองเห็นก็คือ มันไม่เคยเป็นความผิดของคนคนเดียวหรือกลุ่มเดียว
     
    ไซโตะพยายามคิดตาม แต่ไม่รู้สึกว่ามันซึมเข้าไปในสมองเลย
     
    ไม่ต้องพยายามเข้าใจหรอก มันก็แค่ความคิดของฉัน พอเวลาผ่านไปมากกว่านี้นายก็จะมีความเข้าใจของตัวเอง ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องนี้ ไซโตะ ถ้าวาลด์ไม่ฆ่าองค์ชายเวลส์ นายคิดว่าตอนนี้องค์ชายเวลส์จะยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า?
     
    ไซโตะตกใจกับคำถามกะทันหัน ชั่วขณะหนึ่งคิดว่าเป็นคำถามที่คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว แต่พออ้าปากจะตอบก็พบว่าไม่ใช่อย่างนั้น
     
    ฝ่ายองค์ชายมีสามร้อย ฝ่ายเรกองกิสตามีห้าหมื่น และไม่ว่าพูดยังไงองค์ชายก็ไม่ยอมถอย ต่อให้ใช้กำลังพาองค์ชายหนีออกมาแค่คนเดียวได้ พ่อขององค์ชายกับขุนนางที่เหลืออยู่ชะตากรรมก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวองค์ชายจะเป็นยังไงหลังจากนั้นก็ไม่รู้ ส่วนพวกเรกองกิสตาแทนที่จะทิ้งเวลาให้ทริสเทนได้ตั้งตัวก็อาจจะบุกโจมตีต่อจากนั้นทันทีเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นผลของสงครามอาจกลับตาลปัตรเลยก็ได้
     
    ยิ่งเอ็กซ์พูดมากเข้า สีหน้าของไซโตะก็ยิ่งเพิ่มความสับสน
     
    วาลด์เป็นคนฆ่าองค์ชายเวลส์ ฟูเก้ต์ก็ให้ความร่วมมือด้วยถึงจะไม่รู้ว่าถึงระดับไหน แต่สาเหตุไม่ได้อยู่แค่ที่สองคนนั้น ไม่ได้อยู่แค่ที่ครอมเวลที่อยู่ข้างหลังสองคนนั้น ไม่ได้อยู่แค่ที่นานะที่อยู่หลังสองคนนั้นอีกที แล้วก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่ราชากาเลียที่เป็นตัวการเสียทั้งหมดด้วยซ้ำ ถึงอยากจะโทษก็ไม่รู้ว่าต้องโทษใครดี ถึงกำจัดใครในนี้หรือทั้งหมดออกไปก็ใช่ว่าจะผลจะดีขึ้น
     
    นั่น...ก็ใช่...ก็อาจจะใช่ก็ได้... ไซโตะไม่แน่ใจว่าควรคิดอย่างไรดี
     
    ไม่รู้คำตอบใช่มั้ย ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันเองตั้งร้อยปีก็ยังไม่รู้คำตอบนั้นเลย สิ่งที่ผิดอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร แต่อย่าจมปลักอยู่กับเรื่องนี้ ฉันยึดติดกับคำตอบที่หาไม่พบจนเป็นอย่างที่นายเห็น
     
    ไซโตะได้เห็นสิ่งที่เอ็กซ์พูดถึงด้วยตัวเอง ทำให้คำพูดนั้นมีน้ำหนักที่ปฏิเสธไม่ได้
     
    ที่ฉันพูดไม่ใช่ให้นายเข้าถึงสัจธรรม แต่เพื่อลดความโกรธของนายลงเท่านั้น
     
    ...เอ๋?
     
    พอพูดถึงแล้วไซโตะก็รู้สึกว่าความโกรธของตัวเองเจือจางไปจริงๆ ในระหว่างการค้นหาคำตอบ
     
    สิ่งที่วาลด์กับฟูเก้ต์ทำนั้นไม่ดีแน่นอน ถึงจะมีเหตุผลอะไร ถึงจะมีสาเหตุอื่นๆ มากมายที่เรื่องเลวร้ายพวกนั้นเกิดขึ้น การบอกนายว่าอย่าโกรธก็เท่ากับเป็นการผลักภาระให้นายอย่างไม่สมควร แต่มีวิธีทำให้มันลดน้อยลงเองได้ ไม่ช่วยให้เรื่องที่ผ่านไปแล้วเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ทำให้ความผิดของใครเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยก็ทำให้นายใจเย็นลงได้บ้าง
     
    ไซโตะพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเอ็กซ์ที่ยิ้มและเดินหอบจานกลับห้องรับประทานอาหาร
     
    ฮะๆ...ทั้งทาบาสะทั้งคุณคัทเลยาถึงได้หลงหมอนั่นสินะ ขนาดฉันเป็นผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกชื่นชมตั้งขนาดนี้เลย
     
    คนละแบบกับที่รู้สึกชื่นชมอาจารย์โคลแบร์ เป็นแบบที่คิดว่าอยากจะเป็นให้ได้อย่างนั้นสักนิด
     
    [...]
     
    [.....]
     
    คืนนั้นหลังจากทิฟฟาเนียร้องไห้หลับไป ฟูเก้ต์ก็เตรียมตัวออกจากบ้าน
     
    เฮ้ยเดี๋ยว ไซโตะเรียก ไปไม่คิดจะลาทิฟฟาเนียก่อนรึไง?
     
    ฉันกำลังรีบ เห็นยังงี้ฉันมีธุระเยอะนะ
     
    หรือว่าแค่ไม่อยากบอกลากันแน่ ไซโตะคิดในใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านั้น
     
    ฟูเก้ตหยุดที่หน้าประตู แล้วหันกลับมา
     
    เด็กคนนั้นไร้เดียงสา โดยเฉพาะเรื่องโลกภายนอก ดูแลอย่าให้แมลงสกปรกมาเกาะแกะได้ก็แล้วกัน
     
    เออ
     
    ฟูเก้ต์มองหน้าคณะเดินทางในห้อง ก่อนจะหันกลับไปเปิดประตู
     
    เจอกันครั้งต่อไปก็เป็นศัตรูกันแล้วนะ
     
    ตอนนี้ก็เป็นศัตรูหรอก
     
    ก็จริง
     
    แล้วยังไง ตอนนี้วางแผนชั่วอะไรกับใครอยู่อีกล่ะ?
     
    ฉันไม่ได้ถามว่าจะพาเด็กคนนั้นไปไหน นายก็อย่าถาม
     
    ทำไมไม่ถามเล่า ไม่เป็นห่วงรึไง?
     
    ฟูเก้ต์เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบด้วยเสียงที่เบาลง
     
    เทียบกับทางที่ฉันจะไปแล้ว ที่ไหนก็ดีกว่าทั้งนั้นล่ะ
     
    ฟูเก้ต์ยกฮู้ดขึ้นสวม เหมือนกับครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายพบกันที่โรงเรียน แล้วกล่าวทิ้งท้าย
     
    นายก็กลับบ้านไปให้พ่อแม่เห็นหน้าบ้างล่ะ ไม่งั้นซักวันไม่เหลือที่ที่ให้กลับไปเหมือนฉันขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ
     
    คณะเดินทางมองประตูปิดลง ต่างคนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรหรือไม่ แต่เงียบไว้เพราะเห็นแก่ไซโตะ มีแค่เอ็กซ์ที่สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเบิกตาขึ้นราวกับค้นพบความจริงบางอย่าง แล้วรีบก้าวไปที่ประตู สวนกับไซโตะที่หันกลับมา
     
    ท่านเอ็กซ์? เอ็กซ์? จะไปไหนน่ะ?
     
    ทำธุระให้คนรู้จักนิดหน่อยน่ะ
     
    เอ็กซ์เปิดประตูเดินออกไปข้างนอกโดยมีเลเวียธานตามหลังมาติดๆ
     
    หลังของฟูเก้ต์ยังอยู่ในสายตา และหันกลับมาเมื่อเอ็กซ์วิ่งเข้าไปใกล้
     
    ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตั้งแต่ที่ตาร์บ
     
    อา เกือบปีแล้ว
     
    หลังจากแย่งฮาร์เปียคืนมาได้ และส่งวาลด์ที่บาดเจ็บเจียนตายให้
     
    ยังอยู่กับวาลด์รึเปล่า?
     
    ถึงกับตามออกมาเพื่อขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของฉันเลยเหรอ? นึกว่ามีธุระอะไรสำคัญกว่านี้ อย่างเช่นลอบสังหารฉัน
     
    เอ็กซ์ทำเป็นไม่ได้ยินมุกตลกร้ายแล้วพูดต่อ
     
    เธอชื่อจริงชื่อมาธิลดาสินะ แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อทิฟฟาเนีย
     
    ? ก็ใช่ ฟูเก้ต์เลิกคิ้วอย่างสับสน ชื่อตัวเองไม่เท่าไร แต่ทำไมชื่อของทิฟฟาเนียถึงขึ้นมาตอนนี้
     
    มาธิลดา...ทิฟฟาเนีย...
     
    นานจนเขาเกือบจะลืม แต่เขาเคยได้ยินสองชื่อนี้มาก่อน ก่อนจะได้พบกับฮาล์ฟเอลฟ์สาวในหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนจะได้พบกับหัวขโมยฟูเก้ต์
     
    พ่อของเธอชื่อชาร์ลส์ใช่รึเปล่า?
     
    ฟูเก้ต์ชะงักไป ก่อนจะหรี่ตาลง เป็นสัญลักษณ์ว่าล้ำเข้าไปในเขตต้องห้าม
     
    ท่าทางจะรู้ดีเหลือเกินนะ แล้วยังไง?
     
    เอ็กซ์ชั่งใจว่าจะพูดอย่างไรดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าคิดไปก็เท่านั้น
     
    เธอรู้รึยังพ่อเธอยังอยู่
     
    ฟูเก้ต์ชะงักอีกครั้ง คราวนี้นานกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัว
     
    ...หา? คิดจะเล่นตลกอะไรของนาย ถึงจะเป็นการแก้แค้นก็ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอ?
     
    ฉันจะบอกรูปร่างหน้าตาไปตอนนี้ก็ได้ แต่ก็คงคิดว่าฉันเคยเห็นมาก่อนที่ไหนอยู่ดี แต่ผู้ชายคนนั้นชื่อชาร์ลส์ และฝากฉันให้บอกลูกสาวที่ชื่อมาธิลดากับลูกสาวของเจ้านายที่ชื่อทิฟฟาเนียถ้าได้พบ ว่าตัวเองยังอยู่ ผ่านมาหกปีถึงได้เจอเข้าจริงๆ
     
    ...หกปี...
     
    เมื่อกี้ที่เธอพูดกับไซโตะทำให้ฉันจำได้ เธอก็กลับไปให้พ่อเห็นหน้าบ้างล่ะ ถ้ายังอยู่ที่เดิมล่ะก็คงเป็นที่ถนนนอกเมืองซักแห่งที่เยอร์มาเนีย รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนกับเจ้าของที่แถบนั้น ฉันจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่ทำอาชีพเป็นหมอให้เมืองข้างๆ  ลองไปตามหาดูน่าจะพบได้ไม่ยาก
     
    สีหน้าของฟูเก้ต์เป็นของคนที่ความคาดหวังกับเหตุผลต่อสู้กัน
     
    แต่ก่อนที่การต่อสู้จะรู้ผลฟูเก้ต์ก็ส่ายหน้าแล้วหันหลัง
     
    ...ถ้าเป็นจริงล่ะก็ช่วยบอกทิฟฟาเนียเรื่องนั้นด้วยละกัน เมื่อไหร่ให้นายเป็นคนตัดสินใจ
     
    แล้วเธอล่ะ? เอ็กซ์ถามทั้งที่จากคำพูดนั้นก็พอเดาคำตอบได้อยู่แล้ว
     
    คนเป็นลูกก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่เป็นห่วงเหมือนกัน ฟูเก้ต์ตอบเหมือนเป็นปริศนา
     
    แต่เอ็กซ์ไม่ให้ความร่วมมือ
     
    จริงสินะ ถ้ารู้ว่าลูกสาวตามผู้ชายไปล่ะก็ คนเป็นพ่อ—
     
    วิธีพูดแบบนั้นพอเลยนะยะ!” ฟูเก้ต์หันขวับกลับมาชี้หน้า
     
    เลเวียธานเงียบฟังมาตั้งแต่ต้น แต่ในจังหวะนี้ก็เข้าใจเรื่องราวเป็นส่วนใหญ่และตัดสินใจจะให้ความเห็นของตัวเองบ้าง
     
    ท่านเอ็กซ์คะ ไอ้ความเป็นศัตรูของผู้หญิงในจังหวะแปลกๆ แบบนี้น่ะเมื่อไหร่จะเลิกซะทีคะ?
     
    อา โทษที
     
    แล้วท่านเอ็กซ์รู้บ้างมั้ยคะว่าการ ตามผู้ชาย นี่มันไม่ใช่เรื่องพูดง่ายๆ คำสองคำนะคะ ไม่มีทางอยู่แล้วสินะคะ ถ้ารู้ฉันคงไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมา
     
    ...ขอโทษ
     
    พอเลเวียธานพูดออกมาฟูเก้ต์ก็ถึงได้หันมาสนใจพรายสาวเป็นครั้งแรก
     
    เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกสินะ เธอคือ?
     
    เลเวียธาน เป็นผู้ติดตามท่านเอ็กซ์ อาจจะเหมือนกับที่เธอตามคนชื่อวาลด์อะไรนั่นก็ได้
     
    เห... ฟูเก้ต์ทำหน้าพิศวง...ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจ ...ท่าทางลำบากเหมือนกันนะเธอน่ะ
     
    ก็นะ มีเจ้านายที่ทำอะไรชอบไม่ปรึกษากันก่อนก็ยังงี้ล่ะ
     
    ถามอะไรก็ไม่ค่อยยอมบอกด้วยสินะ
     
    ตอบเหมือนไม่ตอบ ตอบกำกวมบ้าง ตอบไม่ครบบ้าง พูดรู้เรื่องอยู่คนเดียว
     
    ถ้าจำไม่ผิด ของเธอก็คงชอบพุ่งเข้าหาเรื่องอันตรายแบบไม่คิดหน้าคิดหลังด้วยสินะ ไม่งั้นคงไม่เจออยู่กลางดาบกลางธนูทั้งที่อัลเบี้ยนทั้งที่ตาร์บ
     
    เธอท่าทางจะโดนพาไปโน่นไปนี่จนไม่เป็นอันทำงานหาเงิน
     
    เอ็กซ์มองสลับไปมาระหว่างเลเวียธานกับฟูเก้ต์ ประหลาดใจกึ่งสับสนกับสายสัมพันธ์แปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้น
     
    แต่ก็ต้องจบลงแค่นั้นเพราะต่างคนต่างก็มีธุระ
     
    ฉันไปล่ะ เดี๋ยวจะลองบอกตานั่นดูว่าได้เจอคนที่เคยอัดตัวเองจนน่วม อยากรู้จริงๆ จะทำหน้ายังไง
     
    เอ็กซ์มองหลังของฟูเก้ต์ที่เดินลับไป แล้วหันกลับมาหาเลเวียธาน
     
    อ่า...เราก็กลับบ้างละกัน แต่รู้สึกว่าพูดยากนิดหน่อยหลังจากโดนนินทาต่อหน้าไป
     
    แต่เลเวียธานยังมองทางที่ฟูเก้ต์เดินไป สีหน้าเหมือนคนเข้าใจอะไรบางอย่าง
     
    ท่านเอ็กซ์คะ
     
    อะไรเหรอ?
     
    ชีวิตคนเรานี่มันแปลกจริงๆ นะคะ
     
    เอ็กซ์ได้แต่นึกสงสัยในใจว่าทำไมเลเวียธานพูดเหมือนค้นพบสัจธรรมแบบนั้น
     
    [...]
     
    ในเวลาเดียวกันนั้น เรือเหาะลำหนึ่งเทียบท่าที่โรไซธ์ เป็นเรือที่มีธงของกองทัพเรือกาเลียจึงผ่านขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยอย่างง่ายดาย ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามแม้แต่เมื่อมีรถลากบรรทุกวัตถุปริศนาใต้ผ้าใบที่มีความยาวกว่ายี่สิบเมล
     
    ร่างสวมผ้าคลุมมีฮู้ดยืนมองทหารนำรถบรรทุกวัตถุชิ้นนั้นลงจากเรือ ใบหน้าใต้ฮู้ดยิ้มอย่างพึงพอใจ
     
    มาถึงตรงเวลา เหลือแค่ไปให้ถึงที่หมาย แม่มดกับยมทูตก็ประจำที่แล้ว
     
    รอยยิ้มพึงพอใจกว้างขึ้นอีกจนกลายเป็นแสยะยิ้มราวกับเยาะเย้ยใครบางคน
     
    ใกล้ถึงเวลาเปิดม่านแล้ว คอยดูก็แล้วกัน รุ่นก่อนฉัน ว่าฉันน่ะเหมาะสมจะเป็นข้ารับใช้ของท่านโจเซฟมากกว่าแกแค่ไหน
     
    --
     
    PBW:“อุส
     
    DX:“หายไปตั้งครึ่งปี นี่แกไม่มีคำทักทายที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ
     
    PBW:“ไม่มี มีแต่อยากพูดว่า รู้สึกดีจริงๆ ที่ได้กลับมาเขียนเรื่องนี้ต่อ ระหว่างที่เขียนอยู่พอติดลมแล้วก็รู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาเลย
     
    S:“แล้ว จากนี้ไปยังไง?
     
    PBW:“ก็จะเขียนต่อไปเท่าที่คนมีการมีงานทำจะทำได้ อย่างน้อยความเร็วน่าจะไม่น้อยกว่าที่ผ่านมา คือเดือนละตอน
     
    S:“นานไป!”
     
    PBW:“อาจจะสองอาทิตย์ถ้าความยาวตอนลดลงมาไม่เกิน 15 หน้า แต่คงยาก
     
    DX:“กลับคืนสภาพเดิม สินะ
     
    PBW:“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาก แค่ดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากเดิม ยังคงอื้ออึงไปด้วยบทพูดเช่นเคย โดยเฉพาะเอ็กซ์พูดยาวมาก
     
    DX:“ก็ตามสไตล์เดิมแก
     
    PBW:“คนอ่านที่ยังอุตส่าห์กลับมาอ่าน(ถึงจะแค่กดผ่านๆ โดยไม่ใส่ใจมาก) ขอต้อนรับในฐานะคนเขียนที่ไม่ค่อยจะดี ขอให้ฟิคเรื่องนี้รุ่งเรืองๆ ในปีหน้า
     

    S:“อวยพรให้เรื่องที่ตัวเองเขียนได้ด้วย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×