ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #85 : Chapter 67: ยักษ์เหล็กกับความทรงจำที่ถูกปิดผนึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 215
      6
      3 ก.พ. 61

    เอ็กซ์กับเลเวียธานกลับเข้ามาในบ้านทิฟฟาเนียที่ดับไฟทั้งหมด เหลือแค่แสงสลัวจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามา
     
    ในห้องเหลือไซโตะคนเดียว นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาว เหม่อมองดวงจันทร์แฝดที่อยู่นอกหน้าต่าง ราวกับไม่ได้ยินเสียงพวกเอ็กซ์เข้ามา
     
    เอ็กซ์จะเดินเข้าไปถามก็ถูกเลเวียธานดึงแขนไว้
     
    เสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งอยู่ในห้อง เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าไซโตะ
     
    ...หลุยส์?
     
    ไซโตะเรียกชื่อเด็กสาว แต่ได้รับเพียงความเงียบ
     
    ...เป็นอะไร? นี่เธอร้องไห้เหรอ?
     
    มือที่สัมผัสแก้มของหลุยส์เปียกน้ำตา
     
    นี่ นายน่ะ...ไม่อยากกลับบ้านรึไง
     
    อะไรของเธอ อยู่ๆ ก็ถาม
     
    ตอบสิ
     
    เอ็กซ์กับเลเวียธานยืนอยู่หน้าประตูที่แสงส่องไม่ถึง สองคนนั้นท่าทางจะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ ถึงจะรู้ว่าไม่ควรแอบฟัง แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหนเพราะรู้สึกว่าจะรบกวนบทสนทนานี้ไม่ได้ ทั้งคู่จึงยืนฟังอย่างเงียบๆ
     
    ก็ กะว่าทำเรื่องที่ต้องทำในโลกนี้ให้เสร็จก่อน อะไรประมาณนั้น
     
    โกหก
     
    ไม่ได้โกหกเฟ้ย
     
    งั้นทำไมตอนอยู่กับท่านพี่จีถึงร้องไห้ล่ะ?
     
    ไซโตะชะงักไป
     
    ...แล้วเธอรู้เรื่องนั้นได้ไง?
     
    จากจดหมายจากท่านพี่จี
     
    หลุยส์ยื่นจดหมายฉบับที่ได้รับก่อนออกมาจากโรงเรียนให้ไซโตะอ่าน และเนื้อหาก็เป็นตามนั้น ว่านั่นเป็นความทุกข์ที่สุดของไซโตะตอนนี้ ว่าเป็นหน้าที่ของหลุยส์ที่ต้องส่งไซโตะกลับบ้านก่อนสิ่งอื่นใด
     
    ไซโตะได้อ่านเรื่องของตัวเองอีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นก็กลับมา ความโหยหาบ้านและความอบอุ่นของแม่
     
    ทำไมตอนอยู่กับฉันถึงไม่ร้องไห้ล่ะ? ทำไมถึงปิดบังฉัน?
     
    เอ็กซ์กับเลเวียธานไม่เห็นเนื้อหาจดหมายแต่ก็ได้ใจความสำคัญจากบทสนทนาแล้ว เลเวียธานกระซิบข้างหูเอ็กซ์
     
    คิดว่ายังไงคะ?
     
    นั่นสินะ...ตอนที่เจอกันครั้งแรกฉันไม่รู้สถานการณ์ของไซโตะ แต่หลังจากนั้นมาก็คิดว่าแปลกอยู่ที่แทบจะไม่เคยพูดหรือแสดงว่าอยากกลับบ้านเลย
     
    ยามปกติแล้วก็ไม่ได้ดูเข้มแข็งกว่าเด็กหนุ่มวัยนี้ทั่วไปด้วยนะคะ
     
    เพราะว่าเขาเป็นอสูรรับใช้ไงล่ะ
     
    ผู้ที่ตอบคำถามออกเสียงของหลุยส์และคำถามลับๆ ของเอ็กซ์กับเลเวียธานคือทาบาสะที่เดินเข้ามาจากด้านในตัวบ้าน
     
    ฉันก็คิดอย่างนั้น หลุยส์พูดด้วยเสียงที่บังคับตัวเองอย่างมาก เวลาที่อยู่ใกล้ฉัน ความคิดที่อยากกลับบ้านไม่เข้ามาในหัวนายเลย เพราะการอยู่ใกล้เจ้านายทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่แล้ว เพราะเป็นอสูรรับใช้ก็เลยต้องเป็นอย่างนั้น
     
    ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น...
     
    แต่ไซโตะก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ตัวไซโตะเองก็ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นอย่างที่หลุยส์พูดก็ได้ ความรู้สึกของตัวเอง หรือว่าไม่ใช่
     
    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...
     
    น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันที แสดงว่าเป็นความจริง
     
    ทาบาสะเสริมเสียงเรียบ
     
    ความทรงจำคือข้อมูลที่เก็บไว้ ข้อมูลนั้นถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นอสูรรับใช้ตามความสะดวกของเจ้านาย ที่เรียนรู้ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนของที่นี่ได้อย่างรวดเร็วก็คงเพราะอย่างนั้น
     
    เอ็กซ์หรี่ตาลง นึกถึงตอนสอนอ่านหนังสือที่ห้องสมุดโรงเรียน
     
    เพราะอย่างนั้นก็เลยไม่จำเป็นต้องอ่านออกมากกว่าจับใจความได้ ไม่สิ ถ้าอ่านออกมากเกินไปอาจจะเป็นการดึงความสนใจไปจากเจ้านาย อย่างนั้นล่ะสินะ
     
    ไซโตะก้มหน้า นึกถึงแต่ละครั้งที่เขาคิดถึงบ้าน ไม่มีครั้งไหนเลยที่หลุยส์อยู่ใกล้ ซ้ำยังเป็นเพราะมีตัวกระตุ้นจากภายนอก มองดูทุ่งหญ้าที่ตาร์บกับเซียสต้า เสียงพิณของทิฟฟาเนีย อ้อมกอดของคัทเลยา
     
    รูนของ [กันดาล์ฟร์] คงจะปลูกข้อมูลเทียมลงในสมองของคุณ ทั้งลดความคิดถึงบ้าน เพิ่มความอยากอยู่ที่นี่ สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นความตั้งใจที่จะสะสางธุระที่นี่ บางทีอาจไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของคุณก็ได้
     
    เฮ่ย เรื่องแบบนั้นเป็นไปได้เหรอ?
     
    ผลของมันรุนแรงขึ้นตามเวลา อสูรรับใช้ที่เคยชินกับมันจะเสมือนรวมร่างและจิตเดียวกับเจ้านาย
     
    ไม่อย่างนั้นแล้ว ผู้ใช้เวทมนตร์ที่มีอสูรมนตราที่มีสัญชาตญาณดิบเช่นแมนติคอร์จะควบคุมอสูรรับใช้ดั่งใจได้อย่างไร
     
    ไซโตะเองก็ใช่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น ตอนที่มาอัลเบี้ยนครั้งแรก ที่สามารถไปช่วยเหลือหลุยส์จากวาลด์ได้ทันก็เพราะตาซ้ายมองเห็นภาพเดียวกับหลุยส์ซึ่งเป็นเจ้านายขึ้นมาได้กะทันหัน ราวกับตอบสนองต่ออันตรายต่อเจ้านาย
     
    เฮ้ยๆ  ถ้ายังงั้นฉันก็ไม่ใช่ตัวเองแล้วน่ะสิ
     
    ตอนนั้นเองที่เสียงเดอร์ฟลิงเกอร์ดังขึ้น
     
    ในที่สุดคู่หูก็เข้าใจความเป็นห่วงของฉันจนได้นะ
     
    ไฟที่เชิงเทียนติดขึ้น ไซโตะมองเห็นกลุ่มคนที่มองตัวเองอยู่ห่างๆ  ไม่ใช่แค่ดาบเหล็กที่พิงอยู่ข้างผนัง แต่คนอื่นๆ ในบ้านก็ตื่นขึ้นมากันจนครบ เอ็กซ์กับเลเวียธานทื่ยืนอยู่หน้าประตูมาตั้งแต่ต้นก็เช่นกัน
     
    ก็คิดอยู่ว่าช่วงหลังมานี้นายแปลกๆ ไป จู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมาเฉยๆ  นั่นน่ะคงจะเป็นผลกระทบจากเจ้านายสินะ กีชยืนยันข้อสงสัยเดิม
     
    คนในห้องเงียบลง บรรยากาศอึดอัดเข้าปกคลุมห้อง
     
    ขอพูดเผื่อไว้ แต่ฉันสัมผัสร่องรอยการล้างสมองหรืออะไรแบบนั้นจากหมอนั่นไม่ได้เลยนะ เลเวียธานพูดขึ้นคนแรก คนที่เข้าใจที่มาที่ไปมีแค่คนที่ไปไขคดีที่ฐานทัพเรือด้วยกัน
     
    คงเป็นเพราะคราวนี้ไม่มีพลังของน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง พลังเวทมนตร์จากรูนก็เหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายอสูรรับใช้ ทาบาสะสันนิษฐาน
     
    ไซโตะฟังคำพูดของเพื่อนแล้วก็ได้แต่ก้มมองพื้น ความคิดในหัวตีกันสับสน หลุยส์มองอสูรรับใช้ของตัวเอง แล้วก็หายใจเข้าลึกๆ
     
    ทิฟฟาเนีย
     
    “! อะ มีอะไรเหรอ?
     
    เธอลบความทรงจำได้ใช่มั้ย งั้นลบเฉพาะส่วนนั้นได้มั้ย? ส่วนที่บังคับไซโตะให้อยากอยู่ที่นี่ต่อ
     
    ไม่รู้เหมือนกัน...
     
    คงทำได้ล่ะน่า สิ่งที่สู้กับ ความว่างเปล่า ได้ก็มีแต่ ความว่างเปล่า ด้วยกันเท่านั้น
     
    ทั้งหลุยส์ทั้งเดอร์ฟลิงเกอร์พูดเองเออเอง ไซโตะรีบแทรก
     
    เดี๋ยวเซ่ สมองคนอื่นอย่าทำตามใจชอบสิฟะ!”
     
    นี่ ไซโตะ
     
    ...อะไรเล่า
     
    มองหน้าหลุยส์ตอนนี้ ไซโตะรู้ว่าทำอย่างไรหลุยส์ก็ไม่เปลี่ยนใจ
     
    เอ็กซ์กับเลเวียธานยังสังเกตสถานการณ์จากหน้าประตู ใบหน้าทั้งคู่คงความเยือกเย็นขณะพิจารณาข้อมูลต่างๆ ตลอดบทสนทนา
     
    ท่านเอ็กซ์คิดว่ายังไงคะ? รู้จักกับไซโตะตั้งแต่ตอนที่มาถึงใหม่ๆ  คิดว่าจริงมากน้อยไหน ถ้าแก้ไขแล้วจะเป็นยังไง?
     
    ฮืม ที่ว่าเปลี่ยนไปจากปีก่อนก็จริง แต่คนเราก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้ามาอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ถ้าจะมีอะไรที่ผิดสังเกตก็คงเป็นที่แทบไม่พูดถึงเรื่องโลกของตัวเองเลย
     
    งั้นเหรอคะ? ฉันว่าพวกเราเองก็ไม่ได้นึกถึงโลกเดิมเราขนาดนั้นนะคะ ทั้งที่ก็มีคนจากโลกตัวเองอยู่ตรงหน้าแท้ๆ
     
    ฉันอยู่ที่นี่มาสิบปีแล้ว ส่วนเธอก็ห้าสิบ อีกอย่าง สถานการณ์ของเรากับไซโตะต่างกันโดยสิ้นเชิง ในใจเรายอมรับว่าที่โลกเดิมเราตายไปแล้ว แล้วก็ยังติดต่อคนรู้จักผ่านทางมาเธอร์เอลฟ์ได้ตลอดเวลา
     
    หืม... เลเวียธานฟังเข้าใจเหตุผล แต่ในใจก็ยังไม่รู้สึกว่าสำหรับตัวเองจริงตามนั้นหรือไม่ อย่างที่เขาว่า เรื่องของตัวเอง ตัวเองรู้ตัวน้อยที่สุด
     
    ถ้าความคิดของไซโตะได้รับผลกระทบจากการเป็นอสูรรับใช้อยู่จริง การนำสิ่งที่สะกดความคิดที่แท้จริงออกไปอาจจะเปลี่ยนแปลงการกระทำของไซโตะอย่างใหญ่หลวง หรืออาจจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ แต่ถ้าตัวไซโตะเองไม่รู้สึกตัวตั้งแต่แรก การเปลี่ยนแปลงคงไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น ถ้าจะมีแน่ๆ ก็คงเป็น...ความคิดถึงบ้านเท่านั้น
     
    นั่นคือกรณีที่ดีที่สุดสินะคะ
     
    ...อา
     
    เอ็กซ์มองไซโตะกับหลุยส์ที่ท่าทางจะตกลงกันเสร็จแล้ว
     
    ...หรืออาจจะไม่ เพราะพอหลุยส์เช็ดน้ำตาและหันหลังวิ่งออกไปหลังจากพูดทิ้งท้ายสั้นๆ  ไซโตะก็ทำท่าจะตามไป ถ้าไม่ถูกกีชรั้งแขนสองข้างไว้
     
    ปล่อยสิฟะ!”
     
    ไซโตะ...! เพราะฉันคิดว่านายเป็นเพื่อนนะถึงได้ทำอย่างนี้...! เฮ้ย เอ็กซ์ ช่วยหน่อยสิ!”
     
    พอกีชที่กำลังด้อยกว่าไซโตะนิดหน่อยเรียกให้ช่วย เอ็กซ์ก็เดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล รั้งแขนขวาไซโตะไว้ขณะที่กีชเปลี่ยนไปจับแขนซ้ายข้างเดียว
     
    เอ็กซ์!? นี่นาย—!”
     
    ไซโตะ จำตอนยาเสน่ห์ได้รึเปล่า?
     
    ไซโตะชะงักไป
     
    คิดถึงความรู้สึกของมิสวาลลิแยร์ด้วย
     
    ไซโตะถึงจะอยากพูดแต่ก็คิดคำพูดไม่ออก ได้แต่ฟังเสียงร่ายคาถาของทิฟฟาเนีย
     
    เอ็กซ์มองดูแสงสว่างจากคทาของทิฟฟาเนียและไซโตะที่หมดสติไประหว่างตัวเองกับกีช ตลอดเวลาไม่ปริปากจนกระทั่งช่วยกีชพาไซโตะไปนอนบนเตียงแล้วกลับมาที่ห้องนั่งเล่น
     
    หลุยส์ล่ะ?
     
    กลับห้องไปนอนร้องไห้
     
    เลเวียธานตอบคำถามของกีชห้วนๆ  ในบ้านหลังค่อนข้างเล็กนี้เลเวียธานรู้ตำแหน่งและสถานะของทุกคนจาก น้ำ ในร่างกายตลอดเวลา
     
    งั้น...พวกเราก็แยกย้ายกันไปนอนบ้าง พรุ่งนี้ต้องพา เอ่อ ทิฟฟาเนียกลับไปที่ทริสเทน
     
    ทุกคนพยักหน้าตกลงตามนั้นและต่างแยกย้ายกันไปที่นอนของตัวเอง กีชนอนห้องเดียวกับไซโตะ ทาบาสะห้องเดียวกับหลุยส์ ทิฟฟาเนียนอนห้องของตัวเอง ส่วนเอ็กซ์กับเลเวียธานก็นอนเก้าอี้ยาวในห้องนั่งเล่น
     
    ทาบาสะนั่งเก้าอื้ตรงข้ามกับเอ็กซ์และหยิบหนังสือออกมาอ่าน ยังไม่กลับไปที่ห้องทั้งที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว
     
    รอให้มิสวาลลิแยร์หลับก่อนเหรอครับ?
     
    ทาบาสะพยักหน้า ตาไม่ละจากหนังสือ
     
    เลเวียธานมองเจ้านายของตัวเองกับเด็กสาวสวมแว่นที่นั่งตรงข้าม แล้วก็ลุกขึ้นยืน
     
    ท่านเอ็กซ์จะนอนนี่ใช่มั้ยคะ งั้นฉันออกไปนอนลำธารข้างนอกนะคะ
     
    อา เจอกันพรุ่งนี้เช้า เอ็กซ์พูดไล่หลังเลเวียธานที่เดินไปที่ประตูบ้าน
     
    เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ
     
    พูดจบเลเวียธานก็แทรกตัวลอดใต้ประตูที่ล็อกอยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว
     
    เหลือทาบาสะที่นั่งอ่านหนังสือกับเอ็กซ์ที่นั่งเฉยๆ อยู่ในห้องที่แหล่งให้ความสว่างเพียงหนึ่งเดียวคือเชิงเทียนที่จุดอยู่บนโต๊ะ
     
    หากถามว่าจุดเทียนยามค่ำคืนกันสองต่อสองโรแมนติกไหมนั้น เอ็กซ์จะตอบว่า แสบตา
     
    มิส...ชาร์ล็อตต์ แสงน้อยแบบนี้ไม่ปวดตาเหรอครับ ค่อยอ่านพรุ่งนี้เช้าดีกว่ามั้ยครับ?
     
    ทาบาสะไม่แสดงอาการภายนอก แต่เนื้อหาหนังสือกระเด็นหลุดออกไปจากสมองทันทีที่ถูกเรียกด้วยชื่อจริงของตัวเอง ตามมาด้วยความยินดีที่อีกฝ่ายทำตามคำขอเมื่อคืนก่อน
     
    แต่ความยินดีก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าขณะนี้ตัวเองอยู่ในห้องกับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเพียงแค่สองคน ไม่มีตาหรือหูคอยแพร่งพราย ซ้ำยังเป็นเวลากลางคืน บรรยากาศใกล้เคียงกับ เมื่อตอนนั้น
     
    เป็นโอกาสที่จะได้ถามคำถามที่เก็บไว้มานาน
     
    ทาบาสะปิดหนังสือที่วางอยู่บนตักลงแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา
     
    ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยตอบคำถามของฉันได้รึเปล่า?
     
    ถ้าเป็นคำถามที่ผมตอบได้นะครับ เอ็กซ์ก็สัมผัสถึงความจริงจังจากอีกฝ่ายได้
     
    เมื่อสี่ปีก่อน คุณกับฉันพบกันในป่าฟังกัสและช่วยฉันจากมังกรคิเมร่า จำได้มั้ย?
     
    ...จำได้ครับ
     
    ก่อนจะถามคำถามจริงๆ ทาบาสะพิจารณาแววตาของเด็กหนุ่ม และตีความว่าอีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงแล้ว
     
    ตอนนั้นคุณทำให้เหมือนกับตัวเองตายไปแล้ว เพื่อให้ภารกิจของฉันสำเร็จ พอเข้าใจได้ แต่หลังจากที่เราได้พบกันอีกครั้ง ทำไมคุณถึงยังปิดบังตัวตน?
     
    เหตุการณ์ที่ทาบาสะพูดถึงคือคืนหนึ่งในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีที่แล้ว ช่วงที่หลุยส์กับไซโตะปลอมตัวไปอยู่ในโรงเตี๊ยม [ภูตน้อยเจ้าเสน่ห์]  คืนเดียวกับที่เกือบจะมีเรื่องกับกองพันทหารกองหนึ่ง
     
    เอ็กซ์จำได้ เป็นหนึ่งในสองครั้งที่เขาถูกจำได้โดยคนที่เคยพบในอดีต
     
    เพราะคุณตั้งใจจะกลับโลกเดิมเหรอ? หลังจากสะสางเรื่องที่ตั้งใจไว้เสร็จแล้ว
     
    ทาบาสะถามต่อ และเป็นคำถามที่ต้องการถามจริงๆ
     
    เอ็กซ์ฟังคำถามแล้วก็เงียบไป แต่ไม่ก้มหน้าหรือหลบสายตาของทาบาสะ ช่วงสั้นๆ นั้นภายในห้องมีเพียงความเงียบ ก่อนที่เอ็กซ์จะเปิดปาก
     
    ถ้าตอบตามตรงก็ ไม่รู้ ครับ ผมในตอนนั้นไม่รู้เลยว่าปลายทางของตัวเองจะเป็นยังไง คิดแค่ว่าต้องหาทางจบชีวิตอันยาวนานของตัวเองให้ได้สักทาง จะได้เลิกนึกถึงอดีตที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดเสียที
     
    ทาบาสะฟังโดยไม่ปริปากหรือพยักหน้า ส่วนนี้รู้กันทั่วแล้วในหมู่ผู้ที่อยู่ในเหตุที่ปราสาทอาฮัมบรา
     
    ไม่ควรมีใครยึดติดกับคนที่พยายามหาจุดจบของตัวเอง มีแต่จะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับอันตราย
     
    คุณถึงไม่ยอมใกล้ชิดกับใคร และไม่ให้คนที่เคยพบจำได้ กับฉัน กับราชินีของทริสเทนเองก็เช่นกัน
     
    เอ็กซ์พยักหน้าช้าๆ
     
    แต่ไม่ใช่เพื่อพวกคุณหรอกครับ เพื่อความพอใจของตัวผมเอง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณจะเป็นการเพิ่มความทุกข์ของตัวผมเอง
     
    ทาบาสะปล่อยให้คำพูดอีกฝ่ายซึมเข้าสมองครู่หนึ่งแล้วจึงถามต่อ
     
    แล้วเลเวียธานล่ะ?
     
    เลเวียธาน...
     
    เอ็กซ์หันไปมองประตูและหน้าต่างเพื่อดูว่าเจ้าของชื่อฟังอยู่หรือไม่ แต่แล้วก็คิดว่าถึงฟังอยู่ก็ช่วยไม่ได้
     
    เลเวียธานเหมือนกับผมตรงที่เสียที่อยู่ในโลกเดิม แต่ต่างกับผมตรงที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ผมอยากให้เลเวียธานคุ้นเคยกับโลกใบนี้และยอมรับเป็นบ้านหลังปัจจุบันได้ จะได้ไม่ต้องรู้สึกกลัวหรือสับสนหลังจากที่ผมไม่อยู่แล้ว...แต่ท่าทางจะไม่ทันเวลาสินะครับ
     
    เอ็กซ์หัวเราะเบาๆ  ในเสียงหัวเราะมีร่องรอยของความเศร้าอยู่ด้วย เป็นเพียงความเสียดายเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
     
    ทาบาสะพยักหน้า เรื่องเหล่านี้เธอคาดเดาไว้ และคำตอบก็ไม่ผิดไปจากที่คาด
     
    แต่เธอยินดีที่เด็กหนุ่มคนนี้ในที่สุดก็ตอบคำถามเธอโดยไม่ปิดบัง เพียงแค่นั้นเอง
     
    ถ้าอย่างนั้น...จากนี้ไป คุณก็จะไม่ทำอย่างนั้นแล้วใช่มั้ย?
     
    อย่างนั้น?
     
    ไม่ให้ใครเข้าใกล้
     
    เอ็กซ์ชะงักไป
     
    ...เอ คงอย่างนั้นล่ะมั้งครับ?
     
    แม้จะพยายามสะกดความลำบากใจไม่ให้ออกมาทางสีหน้า แต่ความช้าและความกำกวมของคำตอบก็ทำให้ความพยายามไร้ประโยชน์
     
    เลเวียธานไม่ยอมให้คุณกลับไปโลกเดิมคนเดียวแน่ ฉะนั้นคุณไม่มีทางเลือกนอกจากอยู่ที่โลกนี้ คุณก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องตีตัวออกห่างคนอื่นแล้ว ใช่รึเปล่า?
     
    เรื่องนั้น...ก็...ใช่ครับ
     
    ถ้าอย่างนั้น...
     
    เอ็กซ์รอฟังทาบาสะ แต่จู่ๆ เด็กสาวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินอ้อมโต๊ะที่คั่นระหว่างพวกเขาไว้ และเข้ามานั่งชิดกับเขา ชิดมาก
     
    ถึงจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เด็กสาวโน้มตัวยื่นใบหน้าเข้ามา จนเอ็กซ์ต้องเป็นฝ่ายเอนตัวถอย คุณก็จะไม่หนีใช่มั้ย?
     
    ใบหน้าของทาบาสะคงความเยือกเย็น ทั้งที่ในใจรู้ว่าแก้มตัวเองคงแดงจนมองเห็นได้แม้ในความมืด จากหัวใจที่เต้นแร้งขึ้น แต่ทาบาสะก็เพ่งใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ตั้งใจว่าคราวนี้ต้องได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่
     
    แสงที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างทอดลงบนใบหน้าของทั้งคู่ ราวกับดวงจันทร์แฝดกำลังเฝ้ามองอยู่
     
    เวลาผ่านไปหลายวินาที ในที่สุดสายตาของทาบาสะก็จับการเปลี่ยนแปลงได้
     
    คิ้วที่ขยับเข้าหากันเล็กน้อย แววตาที่ดูกังวล
     
    ความลำบากใจเหมือนที่จับได้เมื่อครู่นี้
     
    ทาบาสะถอยออกมาเองและลุกขึ้นยืนโดยไม่รอคำตอบ
     
    ราตรีสวัสดิ์
     
    ...ราตรีสวัสดิ์ครับ
     
    เอ็กซ์มองร่างเล็กหายเข้าไปในทางเดินที่มืดสนิท สีหน้าของเขามีความกังวลเหมือนกันคืนก่อนที่ส่งเด็กสาวคนเดียวกันขึ้นหอพักที่โรงเรียน
     
    แต่คราวนี้มีอีกอย่างเพิ่มเข้ามา ความคิดว่าอาจต้องตัดสินใจทางใดทางหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ตอนที่ไซโตะตื่นขึ้นมา ห้องก็สว่างแล้ว เอ็กซ์กับทาบาสะนั่งอยู่ในห้อง ทาบาสะอ่านหนังสือ เอ็กซ์เห็นเขาตื่นก็ยิ้มและทักขึ้นก่อน
     
    ไซโตะ เป็นยังไงบ้าง?
     
    ก็รู้สึก...ปลอดโปร่งล่ะมั้ง? ไม่รู้ว่าเพราะมนตร์ของทิฟฟาเนียหรือว่าแค่เพราะได้นอนเต็มอิ่ม ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไปนะ แต่ก็เหมือนมีอะไรหายไป
     
    ทาบาสะได้ยินเสียงพูดก็วางหนังสือลงและหันมามองไซโตะ
     
    ทาบาสะ อยู่ด้วยเหรอ ขอบใจที่มาเฝ้า แล้วคนอื่นล่ะ?
     
    ไปก่อนแล้ว พาฮาล์ฟเอลฟ์กับเด็กไปด้วย
     
    งั้นเหรอ ใจดำกันจริงนะพวกนี้ จับใส่มนตร์ตามใจชอบแล้วยังทิ้งไว้อีก
     
    เอ็กซ์กับทาบาสะสบตากัน ต่างคนต่างถามอีกฝ่ายว่า ได้เวลาหรือยัง?
     
    อยากจะพักต่ออีกซักหน่อย หรือว่ามีอะไรที่อยากทำ? เอ็กซ์เป็นฝ่ายถามไซโตะ
     
    อยากกินซุปมิโสะ
     
    เหมือนคำพูดออกมาเอง
     
    มันคืออะไร? ทาบาสะถาม ส่วนเอ็กซ์ทวนคลังคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่จำกัด ก่อนจะต้องบอกข่าวร้ายกับไซโตะ
     
    เสียใจด้วยนะไซโตะ ที่ฮาลเคกิเนียไม่มีถั่วเหลือง
     
    เป็นงั้นไป ไซโตะยิ้มแบบผิดหวังเล็กน้อย
     
    แล้วใบหน้าก็ชะงักค้างอยู่แบบนั้น ก่อนที่มุมปากจะค่อยๆ ตกลง ดวงตามองออกไปที่ห่างไกล
     
    เอ็กซ์อ่านใจคนไม่ได้แต่ก็รู้ในทันที ว่าในหัวของไซโตะความทรงจำของโลกเดิมกำลังถาโถมเข้ามา
     
    ...กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว...
     
    เสียงละล่ำละลัก น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด มันคือหนึ่งปีแห่งความเหงาที่ถูกผนึกเอาไว้มาจนบัดนี้
     
    ภาพของไซโตะที่กำลังร้องไห้อย่างไม่อายใครนี้ ทั้งเอ็กซ์และทาบาสะต่างเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
     
    หลังจากสงบลงบ้าง ไซโตะก็ชำเลืองมือซ้ายที่วางคว่ำอยู่บนตัก
     
    อะไรเล่า รูนก็ยังอยู่ไม่ใช่รึไง
     
    เดอร์ฟลิงเกอร์พิงผนังอยู่ข้างหัวเตียงได้ยินเข้าก็ตอบเองโดยไม่ต้องมีใครถาม
     
    ที่ทิฟฟาเนียลบไปน่ะเป็นเจตนาเทียมที่ทำให้อยากอยู่โลกนี้ ไม่เกี่ยวกับความสามารถในฐานะอสูรรับใช้ของนายหรอกน่า
     
    ...ไหนๆ แล้วลบไปด้วยเลยก็ดีหรอก
     
    อาจจะดีกว่าก็ได้ รูนนั่นน่ะตอบสนองต่อการขยับของจิตใจนาย ถ้าเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ไม่มีแล้ว เรื่องของที่นี่ก็กระตุ้นให้จิตใจนายขยับไม่ได้หรอก
     
    ไซโตะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังฝั่งตรงข้ามอย่างเหม่อลอย
     
    เฮ้ยเดอร์ฟ
     
    ว่า?
     
    ฉัน...ที่ฉันรู้สึกกับหลุยส์นี่ ก็เป็นของปลอมที่รูนสร้างด้วยรึเปล่า?
     
    เรื่องนั้นมีแต่คู่หูคนเดียวที่รู้
     
    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ...ฉันจะทำยังไงดีนะ
     
    นั่นน่ะสิ จะทำยังดีนะ
     
    ไซโตะนั่งอยู่ในความเงียบ พิจารณาความรู้สึกของตัวเอง แต่ระหว่างนั้นก็สังเกตสองคนที่อยู่กับตัวเองไปด้วย
     
    เอ็กซ์อยู่นี่...แล้วเลวิเลวิล่ะ?
     
    ...หมายถึงเลเวียธานเหรอ?
     
    อา ก็ชื่อเต็มเรียกยากอะ เหมือนชื่อมอนท์โมรันซี่ ซึ่งเขาย่อเหลือมอนมอน(ด้วยคำคัดค้านของเจ้าตัว)
     
    ...อย่าพูดชื่อนั้นให้เลเวียธานได้ยินจะดีกว่านะ
     
    คงงั้น
     
    ฉันให้เลเวียธานตาม...ทุกคนกลับไปก่อน เผื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น
     
    เพราะหลุยส์มีโอกาสตกเป็นเป้าหมายได้พอๆ กับทาบาสะ แต่เอ็กซ์ตัดสินใจว่ายังไม่พูดชื่อนั้นจะดีกว่า
     
    อ้อ...แล้วนายไม่ไปด้วยล่ะ?
     
    ต้องมีคนอยู่บอกนายว่าคนอื่นไปไหนแล้ว
     
    งี้นี่เอง...แล้วทาบาสะ?
     
    ไซโตะหันไปทางเด็กสาวพูดน้อย ซึ่งคราวนี้ตอบด้วยตัวเอง
     
    ถ้าคุณมีที่ที่อยากไป ฉันจะไปส่ง
     
    ที่ที่อยากไป...
     
    ที่ที่เขาอยากไปตอนนี้ หนึ่งในนั้นคือบ้านไม่ผิดแน่ ไม่ใช่โรงเรียนทริสเทน แต่เป็นบ้านจริงๆ ของเขา
     
    แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นอันดับรองลงมา ที่ที่จะช่วยให้กลับบ้านได้ หรือว่า...เป็นที่อื่น เช่นข้างเด็กสาวคนหนึ่ง...
     
    ...แต่ไซโตะยังไปไม่ได้ ตราบเท่าที่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
     
    ...หือ?
     
    ภาพที่ไซโตะมองเห็นด้วยตาซ้ายเริ่มแกว่ง
     
    [...]
     
    คณะเดินทางอยู่บนถนนที่จะนำไปสู่โรไซธ์
     
    เลเวียธานเดินอยู่หลังสุดของกลุ่ม สังเกตแต่ละคนจากด้านหลัง
     
    ทิฟฟาเนียอยู่กับพวกเด็กๆ หลังขบวนก่อนถึงเธอ เด็กบางคนชำเลืองมองกลับมาที่เธอท่าทางสงสัย บางทีก็เข้ามาถามโน่นนี่ แต่ก็ไม่ได้มากมาย แค่เรื่องแต่งตัวไม่เหมือนคราวที่แล้ว ซึ่งก็ตอบได้ไม่ยากเพราะร่างกายปัจจุบันก็เหมือนแทนคำตอบอยู่แล้ว การตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รูปร่างคล้ายมนุษย์ช่วยได้เยอะ
     
    หลุยส์เดินอยู่ที่สอง โดยมีกีชเดินนำอยู่ข้างหน้า บางครั้งก็ชำเลืองกลับมามองหลุยส์ที่อยู่ในโลกของตัวเองอย่างเป็นห่วง แต่ไม่ได้เข้ามาพูดด้วย จากสายตาของเลเวียธาน กีชเองก็มีเรื่องที่ครุ่นคิดอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าปล่อยให้หลุยส์เดินอยู่ข้างหน้าคนเดียวไม่ได้และตัวเองซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวต้องนำขบวนก็คงจะมาเดินรั้งท้ายอยู่กับเธอแล้ว
     
    เลเวียธานถึงจะอ่านการเคลื่อนไหวของสมองได้ก็ใช่ว่าจะอ่านความคิดได้ แต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจแน่ๆ ก็คือในตอนนี้เรื่องของไซโตะคือสิ่งที่หนักใจของทุกคน กีชกับหลุยส์นั้นแน่นอน ทิฟฟาเนียที่สวมหมวกปิดหูพยายามยิ้มแย้มเป็นเพื่อนคุยเด็กๆ อยู่ก็เช่นกัน
     
    เจ้านายของเธออาสาจะอยู่รอไซโตะตื่นพร้อมกับทาบาสะที่มีพาหนะ หมายความว่าในเวลานี้สองคนนั้นอาจจะเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะคลี่คลายความหนักใจของทุกคนที่นี่ได้ หากไซโตะตื่นขึ้นมาในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
     
    ให้ตายเถอะ เดี๋ยวก็โดนเรียกไปร่วมสงคราม เดี๋ยวก็โดนใช้ให้สกัดกองทัพเจ็ดหมื่น เดี๋ยวก็มีคนจะลักพาตัว เดี๋ยวก็มีเรื่องล้างสมอง ไอ้ ความว่างเปล่า อะไรนี่มันไม่มีเรื่องดีเลยจริงๆ
     
    ในช่วงชีวิตของเลเวียธาน มีสิ่งเดียวที่นึกเปรียบเทียบกับความว่างเปล่านั้นได้ คือ มาเธอร์เอลฟ์  ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องเยอะไม่แพ้กัน
     
    แต่ไอ้นี่แย่กว่าเยอะ เพราะมาเธอร์เอลฟ์มีแค่หนึ่ง แต่นี่มีตั้งสี่ ...จากนี้ไปจะมีเรื่องอะไรอีกบ้าง แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
     
    เลเวียธานถอนใจ
     
    ...แต่ถ้าไม่เพราะ ความว่างเปล่า  ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็อาจจะไม่ได้มาอยู่รวมกันอย่างนี้ก็ได้
     
    มัวแต่ขลุกอยู่กับความคิดของตัวเองทำให้ไม่ทันสังเกตรอบข้าง แต่ถึงประสาทจะทื่อลงขนาดไหนก็ยังเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายอย่าง ไม่พลาดร่างที่กำลังก้าวที่เข้ามาทางด้านหลัง
     
    แม้จะมองเห็นโดยไม่จำเป็นต้องพี่งดวงตา แต่เลเวียธานก็หันหลังกลับไปโดยอัตโนมัติ และดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลก็เบิกกว้าง สะท้อนร่างสูงกว่ายี่สิบเมตรที่อยู่ต่อหน้า
     
    เสียงร้องของเด็กๆ ทำให้กีชกับหลุยส์ที่อยู่ข้างหน้าหันกลับมาเห็นด้วยเช่นกัน ใบหน้าที่กังวลเรื่องของไซโตะแทนที่ด้วยความหวาดกลัวภัยที่อยู่ตรงหน้า
     
    นี่คือ...โกเลม?
     
    หากว่ากันเรื่องขนาดแล้ว โกเลมที่ฟูเก้ต์ใช้จู่โจมหอคอยโรงเรียนนั้นเหนือกว่าที่สามสิบเมล แต่เกราะเหล็กวาววับสีดำทะมึนที่อยู่ข้างหน้านี้ทำให้ข้อนั้นไม่อยู่ในสมองเลย ดาบที่กำไว้ในมือขวานั้นก็ขนาดสมกับผู้ถือ
     
    ดาบเล่มนั้นยกสูงขึ้น แล้วก็ฟันลงบนพื้นว่างๆ
     
    แรงสะเทือนกับฝุ่นดินที่ปลิวฟุ้งให้ความรู้สึกเหมือนหอคอยทั้งหลังถล่มลงมาเสียมากกว่า
     
    ถือซะว่าเมื่อกี้นี้แทนความประทับใจครั้งแรกก็แล้วกัน ผู้ใช้ความว่างเปล่า
     
    เสียงผู้หญิงดังแทรกมากับเสียงสำลักควันของคณะเดินทาง
     
    หลุยส์แหงนหน้ามองส่วนหัวของเกราะเหล็กยักษ์ เสียงพูดมาจากที่นั่น
     
    หมายความว่าใต้ชุดเกราะนั้นเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ ถ้าหากข้างใต้นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตล่ะก็
     
    เจ้าเป็นใคร?!” หลุยส์ถามแทนเลเวียธานที่ยังมัวแต่ขยะแขยงฝุ่นดิน
     
    ยินดีที่ได้พบ อ๊ะ แต่เรียกว่าพบได้รึเปล่านะ เพราะที่พวกเธอพูดด้วยอยู่นั้นก็ไม่ใช่ฉันซะด้วย
     
    ผู้หญิงเจ้าของเสียงเอ่ยอย่างรื่นรมย์ ราวกับอารมณ์ดีอย่างที่สุด ให้ความรู้สึกอย่างนั้นแม้จะไม่เห็นหน้าผู้พูด
     
    ขอแนะนำตัว ฉันชื่อ [เชฟฟิลด์]  ถ้าจะอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คงต้องเริ่มจากการบอกก่อนว่าฉันคือ [เมียวธ์วิทนิร์]  ฟังคุ้นๆ ใช่มั้ย?
     
    เมียวธ์วิทนิร์...!”
     
    อสูรรับใช้แห่งความว่างเปล่า สมองของพระเจ้าผู้สามารถใช้เมจิคไอเทมได้ทุกชนิดแม้ไม่ใช่ผู้ใช้เวทมนตร์
     
    ในความทรงจำของพวกหลุยส์ คำว่าเมียวธ์วิทนิร์หมายถึงหญิงสาวผู้ห้อมล้อมด้วยปริศนาและกลิ่นอายของความเย็นชา เมื่อเสียงที่ปนหัวเราะนี้บอกว่าตัวเองคือ เมียวธ์วิทนิร์ นั้น จึงต้องใช้เวลากว่าที่สมองของพวกหลุยส์จะปรับความเข้าใจได้
     
    ...แล้วมีธุระอะไร?
     
    อะไรกัน พวกเธอเป็นฝ่ายลักพาตัวองค์หญิงของพวกเราไปจากปราสาทแท้ๆ  ไม่น่าจะต้องถามคำถามนั้น
     
    หมายถึงทาบาสะอย่างไม่ต้องสงสัย
     
    ลักพาตัวอะไรกันเล่า! พวกเธอจับไปขังอย่างกับนักโทษแล้วยังจะทำลายจิตใจเขาอีกไม่ใช่รึไงยะ?!”
     
    และทำไม่สำเร็จเพราะพวกเธอมาขัดขวาง แต่จะโทษพวกเธอทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่ได้เรื่องของรุ่นก่อนฉันนี่นะ ฉะนั้นที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อแก้ไขเรื่องที่รุ่นก่อนฉันทำพลาดไว้
     
    เสียใจด้วย ทาบาสะไม่ได้อยู่ที่นี่!”
     
    รู้แล้วล่ะ อยู่ในหมู่บ้านกลางป่านั่นใช่มั้ยล่ะ?
     
    “!?”
     
    แค่ใช้อัลวี่สะกดรอยพวกเธอ รุ่นก่อนฉันทำได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้?
     
    หลุยส์เอื้อมมือไปที่คทา เลเวียธานก็ขจัดฝุ่นที่ปนเปื้อนร่างกายเสร็จพอดี
     
    หุ่นรบยักษ์...นี่น่าจะใช่ โครงการ ที่นานะพูดถึง
     
    ไม่รู้ว่าตรงกับโครงการดั้งเดิมมากแค่ไหน ด้อยกว่ากันเท่าไร แต่เท่าที่เลเวียธานเห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นภัยมากแล้ว
     
    หลังจากตกอยู่นานในที่สุดกีชก็ตั้งสติได้และโบกคทา
     
    วาลคีรี่เอ๋ย! กำจัดมันซะ!”
     
    บรอนซ์โกเลมวาลคีรี่ปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าปะทะกับตุ๊กตาเหล็กยักษ์ แต่หอกสั้นสะท้อนกลับมาพร้อมกับเสียงโลหะ
     
    นี่...โกเลมตัวกระจิริดแบบนั้นคิดว่าจะทำอะไร [จอร์มุนกันดร์] ได้จริงๆ เหรอ
     
    ตุ๊กตาเหล็กเพียงแค่ขยับขาเบาๆ  แต่โกเลมวาลคีรี่เจ็ดตัวกระเด็นไปเหมือนมดที่ถูกเขี่ย
     
    ทั้งที่มีกำลังขนาดนั้น แต่การก้าวนั้นไหลลื่นราวกับมีคนอยู่ข้างใน ยิ่งกว่านั้น เสียงฝีเท้ายังเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผิดกับขนาดที่เห็นอย่างมาก เป็นสาเหตุที่เลเวียธานสัมผัสถึงแรงสะเทือนตั้งแต่ไกลไม่ได้
     
    หุ่นยักษ์ยกดาบขึ้นแล้วฟันลงมาอีกครั้ง คราวนี้แรงสะเทือนทำให้พวกหลุยส์ล้มลงกับพื้น มือยักษ์เอื้อมเข้ามาในม่านฝุ่นและคว้าตัวหลุยส์ขึ้นไป
     
    หลุยส์ตัวแข็งด้วยความกลัว อ้าปากจะกรีดร้องออกมา
     
    ไซ—!”
     
    แต่บังคับกลั้นเสียงตัวเองไว้
     
    ที่หมอนั่นปกป้องเรา...เป็นเพราะความคิดปลอมๆ...เรียกให้ช่วยแล้วจะได้อะไร...!’
     
    ร่างหนึ่งพุ่งผ่านหลุยส์ที่ไร้ผู้พิทักษ์ไป ขึ้นสูงกว่าหัวของหุ่นยักษ์ แล้วย้อนกลับลงมา
     
    เลเวียธานซึ่งกลับคืนรูปร่างเรปลิลอยด์เงื้อฟรอสท์จาเวลิน เล็งไปที่ข้อมือที่จับตัวหลุยส์ไว้
     
    เลิกทำฝุ่นฟุ้งได้แล้วย่ะ!!”
     
    คมของฟรอสท์จาเวลินจำลองนี้ประกอบขึ้นจากน้ำอย่างบางเฉียบที่สุดเท่าที่ของเหลวจะทำได้ ซ้ำยังเสริมด้วยการสั่นสะเทือนเหมือนกับใบเลื่อย
     
    เสียงคมหอกปะทะกับเกราะดังแหลมเหมือนโลหะเสียดสีกัน จากนั้นทั้งหอกทั้งเลเวียธานก็ถูกดีดออกมา บนผิวเกราะมีเพียงรอยข่วนจางๆ
     
    นี่มัน...เหมือนกับที่ปราสาทอาฮัมบรา...!’
     
    เหมือนที่นานะใช้ฉาบผนังปราสาท เหมือนที่เอลฟ์ใช้ขวางทางคณะเดินทางในตอนสุดท้าย เวทมนตร์ที่สะท้อนการโจมตีทุกชนิด
     
    เลเวียธานลงถึงพื้นก็ต้องถีบตัวหลบเท้ายักษ์ที่เข้ามาเหยียบ
     
    แถมยังเร็วผิดกับขนาดตัวอีก...!’
     
    [...]
     
    ไซโตะขยี้ตาซ้าย ภาพที่มองเห็นเป็นของหุ่นเหล็กยักษ์กับพวกเพื่อนที่ออกเดินทางไปก่อนที่มองจากมุมสูง ภาพสั่นไปมาราวกับกำลังดิ้นรน
     
    ภาพที่มองเห็นผ่านตาหลุยส์นั่นเอง
     
    เฮ้ยเดอร์ฟ ฉันมองเห็นภาพเดียวกับหลุยส์อีกแล้วเนี่ย ไหนว่าลบไอ้ที่บังคับให้ฉันชอบหลุยส์ไปแล้วไง
     
    บอกแล้วไง ความสามารถของอสูรรับใช้ยังอยู่ ยัยหนูเจอดีเข้าอีกแล้วสิท่า
     
    เออ ...ฮ่า จะดวงซวยเกินไปแล้วนะยัยนั่น ไซโตะถอนใจอย่างเอือมระอา
     
    แล้วจะเอาไง บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยก็อย่าไป กันดาล์ฟร์ที่หัวใจนิ่งสนิทน่ะไปก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ  อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยนะเฟ้ย
     
    ไซโตะถอนใจอีกรอบ คราวนี้ยาวกว่าเดิม
     
    ไหนๆ แล้วก็น่าจะลบความสามารถอสูรรับใช้ไปด้วยเลยจริงๆ นั่นล่ะ
     
    เพราะว่า?
     
    เพราะว่าจะได้ไม่ต้องไปแน่ๆ ไงเล่า
     
    เออจริงว่ะ เดอร์ฟลิงเกอร์หัวเราะเป็นเสียง แก๊กๆ ประจำตัว
     
    ไซโตะลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบเดอร์ฟลิงเกอร์มาสะพาย
     
    ทาบาสะ ฉันรู้แล้วว่าอยากไปที่ไหน
     
    ทาบาสะพยักหน้า แล้วหันไปส่งเสียงผิวปากข้างหน้าต่าง
     
    สรุปว่าคู่หูชอบยัยหนูสินะ
     
    ไซโตะหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเสียงหน่าย
     
    ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ จะชอบเข้าไปได้ไง เอาแต่ใจ พูดไม่รู้เรื่อง หยิ่งก็หยิ่ง...แถมหมู่นี้ยังได้ใจมาบอกให้ชมหน่อยๆ อีกตะหาก ลองคิดใจเย็นๆ ยังงี้แล้ว ไม่ชอบเลยจริงๆ ว่ะ อารมณ์เสียอีกตะหาก แป๊บๆ จะโดนอะไรก็ไม่รู้อีกแล้ว รบกวนชีวิตฉันจริงๆ เลย
     
    ถ้างั้น ทำไมถึงจะไปช่วยล่ะหือ?
     
    ...เป็นผู้หญิงแบบนั้นแท้ๆ  แต่เห็นแล้วดันใจเต้นตึกตักซะงั้น ถ้านี่คือไอ้ที่เขาเรียกว่ารักแรกพบอะไรนั่นล่ะก็ ฉันขอสาปแช่งไอ้รักแรกพบอะไรนั่น ไม่น่ามีมาเลย ถ้ารู้นิสัยแต่แรกล่ะก็ไม่มีทางเป็นงี้ได้หรอก โธ่เอ๊ย~ อุตส่าห์จะได้บอกบ๊ายบายซะทีแล้วแท้ๆ...
     
    ไซโตะชำเลืองมาเห็นใบหน้าของเอ็กซ์ก็หยุดการพล่าม
     
    ...อย่ามองด้วยสายตาอบอุ่นแบบนั้นได้มั้ย
     
    เปล่านะ
     
    ตอนนี้ก็ยิ้มอยู่
     
    งั้นเหรอ?
     
    บอกว่าอย่าไง
     
    ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย
     
    ...
     
    ไซโตะไม่พล่ามอะไรไปมากกว่านั้น
     
    เอ็กซ์ยิ้มก็เพราะโล่งใจจริงๆ  ถ้าหากไซโตะเลิกสนใจหลุยส์ขึ้นมาจริงๆ คงมีแต่คนหนักใจ
     
    ตอนที่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับอีกฝั่ง เอ็กซ์อยากจะถามถึงสถานการณ์ทันที แต่หยุดตัวเองไว้เพราะเห็นว่ายังไม่ควรรบกวนความคิดไซโตะตอนนั้น ถือว่าคุ้มค่าที่อดทน
     
    ตกลงจะไปรึเปล่า? ทาบาสะที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างหันมาถามเสียงตาย ฟังจากเสียงกระพือปีกซิลฟีดมาถึงแล้ว
     
    อา ไปกันเถอะ ยัยบ้าที่ชอบพูดแว้ดๆ ถ้าแบนเป็นแยมสตรอว์เบอร์รี่ไปคงน่าสมเพชจนทนดูไม่ได้
     
    [...]
     
    ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
     
    ถ้ามีคนที่โดนสั่งแล้วยอมปล่อยก็อยากจะเห็นหน้าเหมือนกันนะ
     
    จอร์มุนกันดร์ขยับมือที่จับหลุยส์ไว้เข้าไปใกล้หน้า ข้างในหมวกเหล็กหลุยส์มองเห็นแสงจางๆ ท่ามกลางความมืด กลวงราวกับเป็นถ้ำ อยู่ในกำมือของอสูรกายที่เหมือนกับยักษ์ตาเดียวไซคล็อปส์ในดินแดนทางใต้แบบนี้ หลุยส์ทำอะไรไม่ได้นอกจากสั่นด้วยความกลัว
     
    อะไรกัน แสงที่เห็นข้างในนั่นน่ะเป็นการผสมผสานระหว่างมหาธาตุกับโบราณ งานศิลปะชั้นเอกเชียวนะ ไม่ใช่ของที่ต้องกลัวซะหน่อย
     
    เธอสร้างของแบบนี้ขึ้นมาทำไม?! วางแผนอะไรอยู่กันแน่?!”
     
    ไม่รู้สินะ เธอเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าการตัดสินใจไม่ใช่ของอสูรรับใช้อย่างฉัน อสูรรับใช้ทำตามความต้องการของเจ้านาย แค่นั้นเอง
     
    ไม่จริงซะหน่อย! อสูรรับใช้ก็มีชีวิตเหมือนกัน! ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเชื่อฟังเจ้านายอย่างเดียว! แบบนั้นมันโกเลมตะหาก!”
     
    เป็นผู้ใช้เวทมนตร์พูดแบบนั้นได้เหรอ? เธอเองก็ใช้งานอสูรรับใช้ของตัวเองมาแบบนั้นเหมือนกันแท้ๆ
     
    อย่าเอาฉันไปรวมเจ้านายเธอสิยะ! เลิกพูดไร้สาระแล้วออกมาได้แล้วย่ะ! ส่งตุ๊กตาตัวตั้งใหญ่ออกมาสู้แล้วตัวเองเองหลบอยู่ในที่ปลอดภัยแบบนี้มันขี้ขลาดชัดๆ! แบบนี้คนก่อนเธอยังดีกว่า—กรี๊ด!!”
     
    หลุยส์ร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่ามือที่จับอยู่ขยับบีบเข้ามา
     
    เป็นนังหนูที่พูดมากจริงๆ  ปากน่ะมีไว้ร่ายคาถาก็พอแล้ว! รีบๆ ใช้ ความว่างเปล่า ออกมาซะที!”
     
    คำพูดนั้นทำให้หลุยส์ฉุกคิด เป้าหมายของศัตรูคือให้เธอใช้ ความว่างเปล่า ออกมา ตัวเธอใช้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็คงยังไม่ขยี้เธอง่ายๆ
     
    เสียใจด้วย แต่คทาของฉันมีไว้สำหรับคู่ต่อสู้ที่เป็นชนชั้นสูงเท่านั้น ไม่มีสำรองไว้ให้คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างเธอหรอกย่ะ
     
    ปากดีเหลือเกินนะ
     
    มือจอร์มุนกันดร์ที่คลายเมื่อครู่บีบเข้ามาอีก หลุยส์กัดฟันกลั้นไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา
     
    คณะเดินทางมองจากบนพื้นด้วยสีหน้าร้อนรน กีชคิดว่าต้องช่วยหลุยส์ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร โกเลมวาลคีรี่ที่ถนัดก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อขนาดต่างกันถึงขนาดนี้ คาถาอื่นก็ไม่มีผล
     
    โธ่เว้ย...! ถ้าไซโตะอยู่ที่นี่ล่ะก็—!’
     
    กีชรู้สึกตัวจากความคิดของตัวเอง
     
    ฮะๆ...หัวหน้าประสาอะไร คิดจะพึ่งแต่รองฯ ถ้าเป็นไซโตะล่ะก็ไม่ว่าสถานการณ์จะสิ้นหวังแค่ไหนก็ไม่เลิกหาหนทางแน่ๆ!’
     
    กีชกำคทาในมือ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะร่ายคาถาอะไร
     
    นายน่ะ พาพวกทิฟฟาเนียกับเด็กๆ หนีไปก่อน
     
    เสียงเลเวียธานขัดจังหวะความคิด
     
    แล้วเธอล่ะ?
     
    ช่วยคน
     
    มีแผนเหรอ!?”
     
    ไม่ลองก็ไม่รู้ รีบไปเร็ว! จะให้พลเมืองโดนลูกหลงไปด้วยไม่ได้เด็ดขาด!”
     
    กีชกลืนความรู้สึกเจ็บใจแล้วพยักหน้า
     
    พวกเธอรีบหนีไปก่อนเร็วเข้า! ทางนี้!”
     
    กีชนำทิฟฟาเนียกับกลุ่มพวกเด็กๆ วิ่งต่อไปทางโรไซธ์
     
    เงาวูบผ่านไป เงาของสิ่งที่ใหญ่มากเสียจนบังแสงอาทิตย์มิดผ่านเหนือศีรษะไป แล้วร่างเจ้าของเงานั้นก็ลงสู่พื้นดักหน้ากลุ่มของกีช
     
    อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ ครั้งต่อไปเหยียบจมดินแน่
     
    เลเวียธานเบิกตากว้าง
     
    อะไรจะคล่องแคล่วขนาดนั้น!’
     
    การเคลื่อนไหวที่ไม่ต่างจากมนุษย์ ราวกับนำมนุษย์มาขยายร่างทั้งอย่างนั้น แม้แต่ที่โลกเดิมเลเวียธานก็ยังไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้ อาจต้องใช้เทคโนโลยีทั้งหมดที่มีถึงจะสร้างเครื่องจักรที่มีทั้งขนาดและความคล่องแคล่วแบบนั้นได้
     
    คิดจะเหยียบพวกเด็กๆ ไปด้วยรึไงยะ?!” หลุยส์ตะโกนถาม
     
    ก็นะ เหมือนเวลาเดินๆ อยู่ก็เหยียบถูกมดเข้า จะให้มาระวังทุกก้าวก็ไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ?
     
    เสียงของหญิงสาวรื่นเริงราวกับกำลังสนุกสนานอยู่ หลุยส์ที่ฟังอยู่ใกล้ๆ สั่นเข้าไปถึงใจ
     
    ในตอนนั้นเลเวียธานที่มองหาช่องว่างอยู่ก็ดำเนินการตามแผนที่พูดกับกีชไว้ กระโดดขึ้นไต่บนตัวจอร์มุนกันดร์ ใช้รอยโค้งรอยหยักบนชุดเกราะเป็นแท่นส่งตัวเช่นเดียวกับครั้งที่พยายามช่วยหลุยส์ แต่คราวนี้ที่หมายอยู่สูงกว่านั้น คือที่ศีรษะของหุ่นยักษ์
     
    จังหวะที่ถีบตัวจากต้นขาผ่านขึ้นมาถึงส่วนลำตัว มือยักษ์ก็เหวี่ยงเข้ามา ร่างกระจายเป็นสายเหมือนลูกโป่งน้ำที่ถูกตบกลางอากาศ
     
    แถวนี้แมลงเยอะจริงๆ
     
    เสียงพูดไม่ประหลาดใจเลยที่ร่างของเลเวียธานสลายเป็นน้ำ กลับเป็นหลุยส์ที่เคยเห็นมาแล้วแต่ก็ยังตกใจ
     
    แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีดวงแสงสีฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงไปที่หมวกเหล็กของจอร์มุนกันดร์ซึ่งมีช่องว่างบริเวณใบหน้า
     
    แล้วก็ถูกสะท้อนกลับมาด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น
     
    #ชิ! แบบนี้ก็ยังเข้าไปไม่ได้เหรอยะเนี่ย!?#
     
    ไซเบอร์เอลฟ์เลเวียธานเอ่ยอย่างขัดใจ เคาน์เตอร์ที่ป้องกันการโจมตีทางเวทมนตร์นั้นรวมไปถึงไซเบอร์เอลฟ์ซึ่งเป็นตัวตนพลังงานที่ใกล้เคียงกับเวทมนตร์ด้วย
     
    ถ้าหากที่นี่มีไซเบอร์สเปซคงสามารถเปลี่ยนมิติและเข้าแทรกแซงจากภายในได้ แม้แต่เคาน์เตอร์ก็คงป้องกันร่างที่เป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ได้แน่ ทว่าที่ฮาลเคกิเนียนี้ไม่มีไซเบอร์สเปซ ไซเบอร์เอลฟ์อาศัยอยู่ด้วยพลังเวทมนตร์ที่อยู่ในบรรยากาศ ดังนั้นสิ่งที่ส่งผลต่อเวทมนตร์ก็ส่งผลต่อไซเบอร์เอลฟ์เช่นเดียวกัน อย่างที่ไซเบอร์เอลฟ์หลายตัวได้ประสบมาหลายต่อหลายครั้ง
     
    คิดว่าทางนี้ไม่คิดเผื่อเรื่องนั้นไว้รึไง? คนที่เคยคลุกคลีกับพวก ภูตต่างโลก ไม่ได้มีแต่รุ่นก่อนฉันหรอกนะ น้ำเสียงของเชฟฟิลด์บอกว่ารอให้เลเวียธานใช้แผนนั้นเพื่อจะได้เยาะเย้ย
     
    ส่วนเธอ ท่าทางจะใช้ความว่างเปล่าไม่ได้สินะ
     
    ว—ว่าไงนะยะ! ใช้ได้สิ! แค่ไม่ใช้กับพวกที่ไม่ใช่ชนชั้นสูงเท่านั้น...
     
    เลิกโกหกตื้นๆ เถอะน่า เปิดโอกาสให้ตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่ยอมใช้ ก็แสดงว่าเธอเหลือแค่เปลือกนอกเปล่าๆ  ถ้างั้นก็ไม่มีธุระด้วยหรอก
     
    จอร์มุนกันดร์โยนหลุยส์ลงจากมือเหมือนทิ้งขยะ หลุยส์ตัวเย็นเฉียบเมื่อระลึกได้ว่าตัวเองกำลังดิ่งลงสู่พื้นที่อยู่ต่ำลงไปยี่สิบเมตร
     
    #แย่แล้ว!!#
     
    เลเวียธานพุ่งตามลงไป แต่เป็นแค่ไซเบอร์เอลฟ์เปล่าๆ ไม่มีร่างจะไปรับตัวหลุยส์ได้
     
    กีชวิ่งออกไปในตอนนั้น ความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าหน่วยอัศวิน เพื่อน ลูกผู้ชายผลักดันร่างกายก่อนที่จะทันได้ก่อตัวเป็นความคิด ให้ชูคทาออกไป
     
    เลเวียธานเร่งพลังรวบรวมไอน้ำในอากาศเท่าที่ทำได้สร้างเบาะน้ำขึ้นรับตัวหลุยส์ แต่เพราะต้องทำให้ยืดหยุ่นด้วย โครงสร้างที่ไม่มั่นคงจึงทำได้เพียงลดความเร็วก่อนที่ร่างของหลุยส์จะทะลุผ่านไป
     
    เมื่อร่างของหลุยส์ตกถึงพื้น ดินก็ยุบตัวลง ซึมซับแรงกระแทกส่วนใหญ่เอาไว้
     
    หนึ่งในพื้นฐานในการสร้างโกเลมคือการ สลายตัว ของโครงสร้างวัสดุ เพื่อที่จะประกอบขึ้นมาใหม่เป็นรูปร่างที่ต้องการ
     
    กีชที่เป็นแค่ระดับดอทแม้จะไม่มีพลังเวทสูงส่งอะไร แต่เพราะความยึดติดกับความสวยงามจึงตั้งใจประดิษฐ์บรอนซ์โกเลมของตัวเองจนเป็นรูปร่างนักรบวาลคีรี่ที่ต้องการได้ ซึ่งทำให้มีความชำนาญในการควบคุมโครงสร้างดินดีกว่าระดับดอททั่วไป
     
    ความชำนาญนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยหลุยส์ให้รอดพ้นจากการบาดเจ็บร้ายแรงในครั้งนี้ เช่นเดียวกับที่ครั้งหนึ่งหุ่นไซโตะปั้นมือของกีชเคยช่วยชีวิตหลุยส์กับเซียสต้าจากการตกหอคอยเอาไว้
     
    ม—ไม่เป็นไรนะหลุยส์!?”
     
    อืม...แค่มึนนิดหน่อย
     
    กีชดึงหลุยส์ให้ลุกขึ้น แต่เงาขนาดใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาบังแสงอาทิตย์ทำให้ทั้งคู่แหงนหน้าขึ้น และเห็นฝ่าเท้าที่ใหญ่กว่าร่างของตัวเองอยู่เหนือหัว
     
    ถึงร่ายคาถาไม่ได้ แต่แค่สวดมนต์คงทำได้มั้ง
     
    เสียงเยาะเย้ยของเชฟฟิลด์ดังขึ้นพร้อมกับที่เท้าเหยียบลงมา
     
    ในวินาทีเฉียดตายเป็นครั้งที่สอง ดินใต้ตัวพวกหลุยส์ระเบิดขึ้น น้ำบาดาลพุ่งเหมือนน้ำพุผลักตัวทั้งสองพ้นจากใต้เท้าจอร์มุนกันดร์ได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด
     
    เลเวียธานที่สร้างร่างกายคืนมาแล้วถอนหอกจากพื้นพร้อมทั้งถอนหายใจอย่างโล่งอก
     
    เกือบไปแล้ว ถ้าไม่เพราะมีทางน้ำใต้ดินอยู่ตรงนั้นพอดี อัลเบี้ยนไม่ได้อุดมด้วยน้ำเหมือนทริสเทน ดินที่ถูกทำให้นุ่มไว้แล้วก็ช่วยให้ง่ายขึ้นด้วย
     
    เสียงจากจอร์มุนกันดร์ที่เหมือนกับสนุกสนานมาตลอดเริ่มเปลี่ยนไป
     
    น่ารำคาญกันเหลือเกิน อุตส่าห์คิดว่าจะล่อพ่อ [วีรบุรุษ] นั่นออกมาซะหน่อย แต่จัดการก่อนเลยก็แล้วกัน
     
    จอร์มุนกันดร์เอื้อมมือซ้ายอ้อมไปหลังไหล่ขวา แล้วหยิบมีดบินสามเล่มออกมา มีดบินสำหรับตัวขนาดนี้ ทั้งความยาวและน้ำหนักก็เท่ากับดาบยาวเล่มหนึ่งดีๆ นี่เอง มีดบินเหล่านี้ถูกปาออกมาราวกับกระสุนบัลลิสตา เป้าหมายเป็นเพียงเด็กสาวผมสีชมพูร่างเล็กที่ยังนอนอยู่กับพื้น
     
    หลุยส์เพิ่งหายมึนจากน้ำพุไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่เห็นมีดบินยาวเมตรครึ่งหนักกิโลกรัมกว่าๆ สามเล่มตอนที่ถูกปาเข้ามาหาตัวเอง และตอนที่มันถูกก้อนอากาศกระแทกหลุดออกจากเส้นทาง
     
    ตอนที่รู้สึกตัวก็มีใครคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ข้างหน้าและพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยหน่าย
     
    ทำอะไรของเธอ
     
    น—นายตะหากมาทำอะไร!? ไม่ได้เรียกซะหน่อย!”
     
    เหนือศีรษะของทั้งคู่เป็นเสียงกระพือปีกของมังกร เด็กสาวผู้ร่ายคาถาปัดมีดบินเมื่อครู่ชำเลืองคู่เจ้านายอสูรรับใช้ผ่านเลนส์แว่น แล้วสั่งมังกรให้ออกไปบินอ้อมหุ่นยักษ์
     
    ...ฮึ เวทมนตร์ของทิฟฟาเนียไม่ได้ผลสิเนี่ย ตาบ้านี่ตามมาจนได้
     
    ได้ผลเซ่ ได้ผลเต็มๆ เลย รู้เลยว่าที่ผ่านมาสะลึมสะลือแค่ไหน อินเทอร์เน็ตก็ไม่มี! เทริยากิเบอร์เกอร์ก็ไม่มี! อยู่ไปได้ไง!? เมาอยู่ชัดๆ  เมาอยู่ได้ตั้งเป็นปี! ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเธอ ยัยหลุยส์ศูนย์สนิท!”
     
    เอ๋? ไซโตะบ่นยาว จนหลุยส์ตอบได้แค่นั้น
     
    ให้ตายเหอะ หาเรื่องให้แท้ๆ  อยู่โลกตัวเองก็ดีอยู่แล้ว ความว่างเปล่าบ้าบออะไร ความทรงจำเก๊บ้าบออะไร นึกออกหมดแล้วเฟ้ย ตั้งปีนึง ไม่ให้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรได้ไง! ทางกลับก็หาไม่เจอ!”
     
    ไซโตะชี้ขอบตาที่ยังแดง หลุยส์ตอบด้วยการค้อนขวัก
     
    ด—ดีแล้วไม่ใช่รึไงยะ! ทีนี้ก็ไปหาทางกลับได้แล้ว! ไม่ต้องมาพล่าม เรื่องที่ทำได้ในโลกนี้ แล้วสินะยะ!”
     
    เออ ไม่บอกก็กลับอยู่แล้ว ไอ้ที่เหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหายไปซะที โลกนี้จะเป็นยังไงก็ไม่สนใจแล้ว! ความว่างปล่งว่างเปล่าจะอยู่กับใคร แดนศักดิ์ส่งศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่ไหนก็ช่างหัวมันแล้วเฟ้ย! จากนี้ไปฉันจะทำตามใจตัวเองแล้ว!
     
    งั้นก็กลับไปเลยสิยะอีตาบ้า! จะมาสนใจฉันทำไม!”
     
    อืม คนน่าหมั้นไส้อย่างเธอจะเป็นไงก็ช่าง แต่ดูหน่อย กีชก็อยู่ ทาบาสะก็อยู่ ทิฟฟาเนียกับพวกเด็กๆ อีก ฉันมานี่มาช่วยเพื่อนของฉัน อย่าละเมอคิดว่าโลกหมุนรอบตัวคนเดียวเซ่! เรื่องที่ต้องทำในโลกนี้ก็คือเรื่องพวกนี้ไงล่ะเฟ้ย!”
     
    ว—ว่าไงนะยะ! แล้วฉันล่ะ? ฉันไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะยะ! ฮึ ที่มาบอกช่งบอกชอบอะไรนั่นมันก็แค่เพราะเป็นอสูรรับใช้จริงๆ สินะยะ! ทุเรศที่สุด!”
     
    เธอเนี่ยน้า กับไอ้คนที่บอกช่งบอกชอบไปตั้งขนาดนั้นแล้วก็ไม่มีตอบซักแอะ คนที่ยังชอบอยู่ได้มันจะไปมีได้ยังไง! ถ้ามีล่ะก็พามาให้เห็นหน้าหน่อยจะมอบโล่ให้เลย!”
     
    เอ๋?
     
    มันอะไรของเธอ? พูดกับใครก็หยิ่ง นอนก็ดิ้น เลือกแต่ชั้นในสร้างภาพ หน้าอกก็สงบไร้การเคลื่อนไหว แค่เห็นใจเลยพูดชอบหน่อยก็ดันคิดเป็นจริงเป็นจัง มาขอให้ชมหน่อย มาเปิดโน่นเปิดนี่ให้ดู เสร็จแล้วก็มาบอกว่า แค่รางวัลอสูรรับใช้ เช็ดน้ำลายซะบ้าง บ้างล่ะ สมองกับหน้าอกเป็นศูนย์แท้ๆ ยังจะมาวางท่า มองความจริงซะบ้าง ยัยสมองสายไหมเอ๊ย!”
     
    เกินไป! พูดเกินไปแล้วย่ะ! คำแรกๆ อุตส่าห์ยอมคิดว่าตัวเองก็ผิดแท้ๆ  แต่คำหลังพูดเกินไปแล้วย่ะ!”
     
    จะพูดใครจะทำไม? ดูซิเนี่ย เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปียกม่อล่อกม่อแล่กยิ่งกว่าลูกหมาข้างถนน สามัญชนที่ดูถูกนักดูถูกหนายังดูดีกว่านี้เล้ย!”
     
    เจ้านายกับอสูรรับใช้เสมือนตกอยู่ในโลกของตัวเอง ตะโกนใส่กันเสียงดังยิ่งกว่าเสียงหอกเสียงดาบ
     
    เลเวียธานซึ่งสำนึกอยู่เสมอว่าที่นี่คือสนามรบนั้น สีหน้าที่มองทั้งคู่บรรยายได้เพียงแค่ (=A=)
     
    เลเวียธาน ต้องทำหน้าขยะแขยงขนาดนั้นเลยเหรอ? เอ็กซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ บรรยายได้เกือบตรง
     
    ท่านเอ็กซ์ทำอีท่าไหนถึงพากลับมาเป็นอย่างนั้นได้คะ เมื่อก่อนก็ว่าอาการหนัก แต่นี่มันเข้าขั้นโคม่าแล้วนะคะ
     
    อา...ตอนที่เจอแรกๆ ก็เป็นคล้ายๆ อย่างนั้นล่ะ สังเกตอยู่ว่าช่วงหลังมาลดลง
     
    สีหน้าที่ของเลเวียธานเหมือนค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจอยู่แล้วพอกางปีกแล้วน่ารังเกียจมากยิ่งกว่าเดิม
     
    ...ท่านเอ็กซ์คะ ชีวิตนี้ฉันไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอแค่อย่างนี้อย่างเดียว อย่าเป็นแบบนั้นนะคะ จะกับทาบาสะ กับคัทเลยา กับราชินี หรือกับใครก็ช่าง ไม่งั้นฉันจะลาออกจากการเป็นองครักษ์
     
    อยากถามว่าทำไมถึงคิดว่าฉันจะเป็นอย่างนั้นได้ แต่อย่าตอบเลย
     
    นายบ่าวอีกคู่หนึ่งละสายตาจากคู่แรกและหันไปเผชิญหน้ากับหุ่นเหล็กยักษ์
     
    เลเวียธาน หุ่นตัวนี้...
     
    น่าจะนะคะ แต่เข้าไปดูข้างในไม่ได้ เลยไม่รู้ว่ามีวิทยาการของพวกเราอยู่ด้วยรึเปล่า
     
    ทั้งสองพิจารณาหุ่นยักษ์ ผู้ควบคุมหุ่นยักษ์ก็พิจารณาทั้งสองเช่นกัน ที่ถูกคือพิจารณาเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่เพิ่งมาถึง
     
    หืม...เจ้านี่น่ะเหรอ คนที่ยั่วยวนรุ่นก่อนไปจากเจ้านายของฉัน
     
    เอ๋?
     
    ก็คงประมาณนั้นล่ะ
     
    เลเวียธาน?
     
    บทสนทนารวบรัดตัดความไปนิดสำหรับความเข้าใจของเอ็กซ์
     
    มีอะไรดีถึงทำให้รุ่นก่อนฉันทำเรื่องโง่ๆ อย่างสนใจคนอื่นมากกว่าเจ้านายตัวเองได้ ช่วยแสดงให้ดูหน่อยได้มั้ย?
     
    จอร์มุนกันดร์ฟันดาบยักษ์ในมือขวาลงมา เอ็กซ์กับเลเวียธานกระโดดออกไปจากรัศมีการทำลายอย่างไม่ยากเย็น แต่เอ็กซ์ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
     
    ตัวใหญ่ขนาดนั้นแค่ขยับได้แบบนั้น ท่าทางจะงานยาก
     
    ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกค่ะ เจ้านั่นมีม่านเหมือนที่คลุมผนังที่ปราสาทอาฮัมบราตอนท่านเอ็กซ์สู้กับซีโร่ ยังไม่เช็คทั่วถึงแต่คิดว่าน่าจะคลุมทั้งตัว การโจมตีของพวกเราไร้ผลโดยสิ้นเชิง
     
    ...ปัญหาใหญ่จริงๆ นั่นล่ะ
     
    ในชีวิตการต่อสู้ของเอ็กซ์ ศัตรู(โดยเฉพาะร่างยักษ์)ที่มีเกราะหนาจนการโจมตีปกติไม่ได้ผลนั้นมีอยู่มากจนนับไม่หมด แต่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เหมือนกัน ความทนทานนั้นไม่ได้อยู่ที่โครงสร้างทางกายภาพ ไม่ได้แลกมาด้วยความเร็ว ไม่ได้แลกมาด้วยคุณสมบัติที่แพ้ความร้อน ความเย็น แรงอัดอากาศ ดังนั้นจึงไม่มีจุดเปราะบางให้ใช้ประโยชน์
     
    ไร้ข้อด้อยก็ว่าได้
     
    อย่างเดียวที่ได้ผลน่าจะเป็นความว่างเปล่าค่ะ มีคาถาที่สลายเวทมนตร์ได้ แต่ยัยคนใช้ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว เลเวียธานชำเลืองกลับไปที่คู่เจ้านายอสูรรับใช้ซึ่งหยุดการโต้เถียงเพราะเสียงดาบยักษ์เมื่อครู่
     
    ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่พิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้ผลก็คือใช้พลังทำลายที่เหนือกว่าขีดจำกัดของม่านป้องกันถล่มใส่ดื้อๆ เลย
     
    ทั้งสองรู้กันโดยไม่ต้องพูดออกมา ว่าหมายถึงพลังทำลายของเอ็กซ์ในร่างเปลิลอยด์
     
    ...ไม่ได้ มาเธอร์เอลฟ์เหลือพลังงานไม่พอ
     
    ...ก็นั่นสินะคะ
     
    ทั้งสองรู้กันโดยไม่ต้องพูดออกมาอีกเรื่องหนึ่ง คือแม้จะมีพลังงานเหลือพอจะเปลี่ยนร่างเป็นเรปลิลอยด์และกลับมาเป็นมนุษย์ได้ ก็คงจะเก็บไว้จนกว่าจะเข้าตาจนจริงๆ
     
    ร่างกายนั้น หรือที่ถูกคือพลังที่มากับร่างกายนั้นมีแต่จะปลุกความทรงจำที่ไม่ดีกลับมา ความทรงจำที่แม้จะมีพลังขนาดนั้นก็ไม่สามารถปกป้องสิ่งที่ต้องการปกป้องได้เลย จะนำมาใช้เพื่อปกป้องเพื่อนในปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งในตัวเอง
     
    อีกอย่าง...
     
    ถึงไม่ต้องมีพลังแบบนั้น คนที่อยู่ที่นี่ก็ปกป้องตัวเองได้...ฉันอยากจะเชื่ออย่างนั้น
     
    เลเวียธานฟังอย่างเงียบๆ  ขณะเดียวกันก็สังเกตสถานการณ์การต่อสู้
     
    ศัตรูหันไปหาพวกหลุยส์แล้วค่ะ
     
    จอร์มุนกันดร์กระหน่ำฟันดาบใส่ไซโตะที่อยู่บนพื้น ไซโตะเคลื่อนไหวซิกแซกหลบการโจมตีพลางวิ่งสวนเข้าไปหาอีกฝ่าย จับดาบเหล็กคู่ใจด้วยสองมือพร้อมอาศัยแรงเสริมฟันที่ร่องเกราะป้องกันส่วนขาของจอร์มุนกันดร์
     
    ดาบถูกดีดกลับมาไม่เป็นท่า
     
    ขนาดเดอร์ฟยังฟันไม่เข้าเลยเหรอ!?”
     
    นั่นมันไอ้นั่นน่ะ เคาน์เตอร์ เดอร์ฟลิงเกอร์ตอบข้อสงสัย
     
    เคาน์เตอร์...ไอ้ที่สะท้อนอะไรก็ได้นั่นน่ะนะ!?”
     
    อ่าฮะ แต่ตัวใหญ่ก็ต้องใช้เยอะเลยคลุมไว้แค่แถวผิวหน้า ดาบก็เลยฟันถึงเกราะ
     
    ฟันถึงแต่ไม่เข้าก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีเฟ้ย!”
     
    ไซโตะพูดจบก็ต้องรีบหลบขาข้างที่ตัวเองฟันไม่เข้าซึ่งยกเข้ามาเหยียบ
     
    การต่อสู้ที่ยังไม่เห็นทางชนะระหว่างไซโตะกับจอร์มุนกันดร์ดำเนินไปโดยมีผู้สังเกตการณ์สองคนประเมินสถานการณ์อยู่ห่างๆ
     
    เอ็กซ์กับเลเวียธานเพ่งสมาธิเต็มที่กับการพิจารณาทุกรายละเอียดของการต่อสู้ ในแววตาไม่มีความวอกแวก
     
    ทิฟฟาเนียกับพวกเด็กๆ หนีไปก่อนแล้วสินะ ที่นี่เหลือแค่พวกเรากับพวกไซโตะ
     
    ทาบาสะอยู่บนฟ้า แต่ศัตรูไม่มีจุดบอดแบบนี้คงไม่สร้างความแตกต่างเท่าไหร่นะคะ
     
    ก่อนจะคิดถึงเรื่องชุดเกราะต้องคิดถึงเรื่องเคาน์เตอร์ก่อนสินะ
     
    ถ้าผ่านเคาน์เตอร์ไปได้ก็หุ่นเหล็กธรรมดาๆ นี่ล่ะค่ะ
     
    เพราะไม่ได้มีลูกหน่วยห้อมล้อม มองภายนอกคงไม่มีใครรู้ แต่ที่นี่ในเวลานี้มันสมองของผู้บัญชาการทัพที่เคยผ่านศึกจริงมานักต่อนักกำลังผสานความคิดกันเพื่อโค่นศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
     
    ถ้าใช้น้ำหนักศัตรูช่วยเสริมแรงปะทะล่ะ?
     
    คิดว่าไม่ได้หรอกค่ะ ศัตรูเหมือนกับควบคุมน้ำหนักตัวเองได้ บางทีก็ก้าวไม่มีเสียง บางทีก็เหยียบเสียงดัง
     
    ดาบด้วยเหรอ?
     
    ดาบหนักเท่าที่เห็นนั่นล่ะค่ะ
     
    เอ็กซ์หยุดพูดแล้วสังเกตจอร์มุนกันดร์ที่ตวัดดาบไล่ฟันไซโตะที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบ
     
    ...ฉันมีเรื่องอยากตรวจสอบ
     
    สั่งมาได้เลยค่ะ
     
    พาฉันขึ้นไปบนหัวเจ้านั่น
     
    รับทราบค่ะ
     
    ตัดคำถามยิบย่อยที่ไม่มีความจำเป็นเพื่อประหยัดเวลา ทั้งสองวิ่งตรงเข้าไปหาหุ่นเหล็กยักษ์ที่กำลังอาละวาด
     
    เลเวียธานวิ่งนำหน้าไป ก่อนจะหยุดที่จุดกึ่งกลางระหว่างเป้าหมายข้างหน้ากับคนที่ตามมาข้างหลัง
     
    เอ็กซ์เร่งฝีเท้าเข้าไปหาเลเวียธานที่หันข้างย่อตัวลงและยื่นด้ามหอกออกมา กระโดดขึ้นเหยียบบนด้ามหอก พร้อมกับที่เลเวียธานเหวี่ยงหอกเอ็กซ์ก็ถีบตัวทะยานขึ้นไปในอากาศ
     
    มาเธอร์เอลฟ์ เชื่อมต่อ
     
    อุโมงค์สีเขียวปรากฏขึ้นพอดีกับที่เอ็กซ์ลงเกาะบนหมวกเหล็กของหุ่นยักษ์ ไซเบอร์เอลฟ์สีชมพูกับสีแดงออกมาจากอุโมงค์
     
    จอร์มุนกันดร์ย่ำเท้าไล่ขยี้ไซโตะที่วิ่งวนอยู่ใต้ตัว แต่รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเกาะบนหัว จึงหยุดเท้าและยกมือซ้ายขึ้นตบเหมือนตบยุงที่เกาะหัวอยู่
     
    เอ็กซ์พุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อหลบฝ่ามือ เกาะปลายหมวกเหล็กห้อยตัวลงหน้าช่องตา และเห็นภาพเดียวกับหลุยส์ คือดวงแสงท่ามกลางช่องกลวงโบ๋
     
    ยุงตัวนี้ขี้สงสัยจริงๆ นะ เสียงเชฟฟิลด์พูดอย่างเฉยเมย
     
    เอ็กซ์อาศัยเคาน์เตอร์ที่คลุมช่องตาถีบตัวหลบมือซ้ายที่ตบเข้ามา แต่มือซ้ายข้างนั้นก็ยื่นตามมา ความยาวของแขนนั้นคว้าถึงตัวเอ็กซ์ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศได้อย่างไม่ต้องสงสัย
     
    แต่มังกรสีน้ำเงินชิงโฉบไปได้ก่อน โฉบในที่นี้คือคาบด้วยปาก
     
    องค์หญิงของเราพระพลานามัยท่าทางจะทรงแข็งแรงดีนะเพคะ ช่างน่ายินดีแทนพระมารดาเหลือเกิน
     
    ทาบาสะไม่สนใจเสียงเยาะเย้ยของเชฟฟิลด์ มือขยับไม้เท้าร่ายคาถายกตัวเอ็กซ์มานั่งลงข้างหลังตัวเอง
     
    ขอบคุณมากครับ ช่วยได้พอดีเลย
     
    ไม่เป็นไร แต่ขึ้นไปทำอะไร?
     
    ตรวจสอบศัตรูนิดหน่อยน่ะครับ ว่ายังไง นานะ ดิโนเร็กซ์?
     
    ไซเบอร์เอลฟ์สองตัวที่ถูกเรียกมาผลัดกันตอบ
     
    #ผิวนอกของหุ่นตัวนั้นมีเคาน์เตอร์คลุมไว้ แต่ฉันแก้ไม่ได้#
     
    ทำไมเหรอ?
     
    #แหล่งกำเนิดของเวทมนตร์โบราณขึ้นอยู่กับสถานที่และวัตถุ แหล่งกำเนิดต่างกันลักษณะประกอบก็ต่างกัน เคาน์เตอร์ของหุ่นตัวนั้นไม่เหมือนที่ปราสาทอาฮัมบรา ถ้าจะแก้ก็ต้องใช้เวลาแกะโค้ดใหม่หลายชั่วโมง#
     
    ยังงั้นเอง...แล้วดิโนเร็กซ์ล่ะ?
     
    #เป็นเหล็กธรรมดา เพิ่งจะเคยเห็นความใหญ่กับความหนาขนาดนั้น คุณภาพการผลิตก็สูง แต่ธาตุประกอบเป็นเหล็กธรรมดา#
     
    ก็หมายความว่าที่น้ำหนักเบาไม่เกี่ยวกับวัสดุ...
     
    เบิร์น ดิโนเร็กซ์ ครั้งหนึ่งเคยอยู่กับช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในฮาลเคกิเนีย เป็นเรื่องราวที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม เอ็กซ์ไม่อยากจะนึกถึงนัก แต่ความชำนาญนั้นก็มีประโยชน์ในคราวนี้
     
    #ฉันมีข้อสันนิษฐาน หุ่นตัวนั้นคงแปลงมาจากโครงการเดิมของฉันอย่างที่เธอคาด ตามโครงการเดิมหุ่นที่เสร็จสมบูรณ์จะเคลื่อนไหวโดยการแปลงศิลาลมเป็นพลังงานเหลวที่มีอัตราพลังงานต่อมวลใกล้เคียงกับพลังงานเอเนอร์เจน#
     
    ที่โลกใบเดิม พลังงานเอเนอร์เจนเป็นชื่อเรียกกึ่งทางการของพลังงานที่ได้จากแปรรูปผลึกเอเนอร์เจน คำพูดของนานะสื่อว่าพลังงานที่ได้จากกระบวนการดังกล่าวแสดงลักษณะใกล้เคียงกัน
     
    #แต่กลไกการแปรรูปพลังงานสำหรับเครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่ยังไม่ได้สร้างขึ้น การทำงานของมันก็อยู่เหนือความรู้ปัจจุบันของโลกนี้ ดังนั้นกลไกของหุ่นตัวนั้นต้องใช้พลังงานรูปแบบอื่น ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือใช้ศิลาลมดิบ เหมือนกับเรือเหาะ#
     
    ...จริงสิ พลังลอยตัวของศิลาลม ถึงได้บางครั้งเหมือนน้ำหนักเบา
     
    เอ็กซ์มองลงไปที่หุ่นเหล็กยักษ์ซึ่งหันกลับไปไล่เหยียบไซโตะเมื่อเห็นว่ามังกรบินอยู่นอกระยะแขน ทั้งที่เวลาก้าวเท้าเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เวลาตั้งใจเหยียบก็ดูมีน้ำหนักสมกับขนาด
     
    #ศิลาลมดิบมีอัตราพลังงานต่อมวลต่ำกว่าผลึกเอเนอร์เจน แต่หากใช้เพื่อการเคลื่อนไหววัตถุเท่านั้นจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าสี่เท่า หักล้างแล้วถ้าใช้ในปริมาณเท่ากับพลังงานสกัดในแบบที่ฉันร่างไว้ หุ่นตัวนั้นคงเคลื่อนไหวได้นานขึ้นเป็นสองเท่า ประมาณสิบแปดชั่วโมง#
     
    แผนถ่วงเวลาตัดออกไปได้เลยสินะ...
     
    ศัตรูไม่มีทางใช้พลังงานสิ้นเปลือง ตอนนี้คงยังเหลืออยู่เกินครึ่ง เก้าชั่วโมง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถ่วงเวลาได้ถึงขนาดนั้น ศัตรูคงเกิดเบื่อและวิ่งไล่เหยียบพวกเด็กๆ ก่อนแน่
     
    #ใช้ไฟของฉันหลอมไปเลยก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ยังไงก็แค่เหล็ก?# ดิโนเร็กซ์เสนอทางออก
     
    #การโจมตีสัมผัสถึงตัวชุดเกราะ ก็อาจเป็นไปได้ แต่น่าเสียดายที่ในที่นี้เวลานี้ไม่สามารถทำได้#
     
    #ทำไมเล่า#
     
    #เพราะขาดพลังงาน#
     
    พลังงานติดตัวมาเธอร์เอลฟ์แทบไม่เหลือ ศิลาเวทมนตร์ที่บิดาชาร์สร้างไว้ให้ยังเป็นก้อนเปล่าๆ  เด็กสาวจากเยอร์มาเนียก็อยู่ที่โรงเรียน
     
    #ชิ ยุ่งยากจริงๆ# ดิโนเร็กซ์สบถอย่างกึ่งหงุดหงิดกึ่งผิดหวัง
     
    อา...โทษที เอ็กซ์รู้สึกเหมือนเป็นความบกพร่องในการเตรียมการของตัวเอง
     
    #แต่เคาน์เตอร์สามารถป้องกันได้เฉพาะแรงจากภายนอก ไม่มีผลกับแรงจากภายใน#
     
    ปัญหาคือจะเข้าไปข้างในก็ไม่ได้นี่ล่ะนะ...เวทมนตร์ว่างเปล่าก็ใช้ไม่ได้ด้วย เอ็กซ์พูดอย่างกลุ้มใจ
     
    #...หลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์ก็อยู่ข้างล่างนั่นไม่ใช่เหรอ?#
     
    เมื่อเช้านี้จู่ๆ ก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ขึ้นมา เห็นบอกว่าพลังเวทไม่พอแต่ไม่รู้ว่าฟื้นยังไง
     
    นานะเงียบไป นานกว่าที่ผ่านมาที่อธิบายได้ปาวๆ
     
    #...เรื่องเวทมนตร์อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญของฉัน ฉันบอกได้เพียงแค่ข้อสันนิษฐานกับข้อเท็จจริงเท่าที่เห็นด้วยตัวเองเท่านั้น#
     
    นานะ รู้อะไรเหรอ?
     
    #เอ็กซ์ รู้รึเปล่าว่าพลังงานที่มนุษย์เปลี่ยนเป็นเวทมนตร์นั้นมีชื่อเรียกที่รู้จักกันดีว่า พลังจิต’#
     
    อา เคยได้ยินใช้สลับกัน ท่าทางจะมีความหมายเดียวกัน
     
    #ถูกต้อง เพราะพลังที่ผู้ใช้เวทมนตร์ใช้ควบคุมโมเลกุลและก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆที่เรียกว่า คาถา นั้นเป็นพลังจากจิต แหล่งกำเนิดและการทำงาน รวมทั้งเหตุผลที่มีแค่มนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ใช้ได้ไม่แน่ชัด แต่ข้อนี้ไม่ผิดแน่ มนุษย์ของโลกนี้ทำการศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้ว#
     
    ทาบาสะที่นั่งฟังเฉยๆ มาตลอดเอียงหน้ามาเล็กน้อย
     
    #พลังแบบนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงระดับได้ แต่ไม่มีวันหมดไป#
     
    ไม่หมด...
     
    ถ้าเป็นอย่างนั้น หมายความว่าตอนนี้ก็ควรจะใช้ได้
     
    หลังจากส่งนานะกับดิโนเร็กซ์กลับไซเบอร์สเปซแล้ว เอ็กซ์ก็ยังได้แต่มองหุ่นเหล็กจากหลังของซิลฟีดอย่างคิดไม่ตก
     
    ลงไปหาองครักษ์ของคุณก่อนก็แล้วกัน
     
    ทาบาสะพูดจบก็บอกให้ซิลฟีดหันหัวลงโดยไม่รอฟังคำตอบจากเอ็กซ์
     
    ตอนที่ลงถึงพื้นเลเวียธานก็ยืนเท้าสะเอวรออยู่แล้ว
     
    นึกว่าจะอี๋อ๋อกันจนลืมคนข้างล่างไปแล้วนะ
     
    เอ็กซ์ถอนใจ และเพิ่มความยาวขึ้นเมื่อระลึกได้ว่าตัวเองรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องได้ยินอะไรทำนองนี้ เป็นสิ่งที่ตัวเองอาจจะต้องคิดแก้ไข
     
    แล้วสรุปว่ายังไงคะ ผลการตรวจสอบ?
     
    นอกจากเวทว่างเปล่าก็ไม่มีทางอื่น
     
    เป็นการตรวจสอบที่ไม่มีประโยชน์เลยสินะคะ
     
    ...
     
    จะทำยังไงล่ะคะ? ยัยคนใช้ก็บ๋อแบ๋อยู่ด้วย
     
    เอ็กซ์แสดงสีหน้ากลุ้มใจอีกครั้ง คิดว่าอย่างน้อยก็ควรบอกต่อข้อความของนานะแม้จะยังไม่รู้ว่าช่วยอะไรได้
     
    พลังจิตต่ำเกินไป ต้องดึงกลับมา
     
    ทาบาสะชิงพูดก่อน เช่นเดียวกับที่เสนอและพาลงมาหาเลเวียธานเอง
     
    พลังจิต?
     
    พลังที่ใช้ร่ายคาถา
     
    พลังเวทน่ะเหรอ? พลังจิต...หืม...หือ? อ๋อ!!!~~”
     
    สีหน้าของเลเวียธานเปลี่ยนเป็นลำดับ จากพิศวง เป็นครุ่นคิด แล้วก็อ๋ออย่างออกนอกหน้า
     
    เลเวียธาน รู้อะไรแล้วเหรอ?
     
    ท่านเอ็กซ์จำเรื่องที่ฐานทัพเรือได้มั้ยคะ? จำได้อยู่แล้วสินะคะ เพราะไปจีบเขาไว้นี่
     
    จำได้...แต่ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ในสายตาเธอฉันเป็นยังไงกันแน่?
     
    เอ็กซ์แสดงปฏิกิริยาปกติต่อคำกล่าวหาที่ไร้มูล(?)ตามปกติของเลเวียธาน แต่ในใจพอจะรู้ว่าครั้งนี้เป็นการกลบเกลื่อนเพื่อดึงความสนใจเขาจากความทรงจำที่ไม่ดีในเรื่องคราวนั้น
     
    แล้วจำตอนที่ไปโบสถ์คืนสุดท้ายได้มั้ยคะ ผู้หญิงคนนั้นมีไอพลังที่หนาแน่นจนมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
     
    ความโกรธแค้นทำให้พลังเวทสูงกว่ายามปกติ ทาบาสะช่วยเสริม
     
    ความโกรธแค้น...
     
    ใช่ค่ะ พลังจิต ไงล่ะคะ
     
    เอ็กซ์เข้าใจเช่นเดียวกับเลเวียธานก็เบิกตาขึ้น
     
    เข้าใจแล้ว...! แต่ว่าจะทำยังไง...
     
    รู้อย่างนี้แล้วก็ไม่เห็นยากเลยค่ะ เลเวียธานพูดเสียงเรียบ
     
    ไม่เห็นยาก...อย่าบอกนะว่า...
     
    เลเวียธานมองสีหน้าบอกบุญไม่รับของเจ้านายแล้วพยักหน้า
     
    ใช่แล้วล่ะค่ะ
     
    ...แล้วจะทำยังไง?
     
    เรามีแพะแสนสะดวกอยู่แล้วตั้งคนนึงนี่คะ เมื่อกี้ก็โชว์แบบไม่อายใครไปแล้วตั้งชุดใหญ่
     
    คำพูดนี้เอ็กซ์ก็เข้าใจอีกเช่นกัน เขาหันหน้าไปทาง แพะแสนสะดวก ที่กำลังเสี่ยงชีวิตกับหุ่นยักษ์อยู่แล้วก็นึกสงสารจับใจ แต่เขาก็ไม่มีแผนที่ดีกว่านี้แล้ว
     
    ...งั้นฉันไปนะ
     
    แน่ใจเหรอคะ? ท่านเอ็กซ์ที่ไม่มีไซเบอร์เอลฟ์สู้ไซโตะยังไม่ได้เลยนะคะ
     
    ...ก็อีกหน้าที่นึงฉันทำได้ที่ไหนล่ะ
     
    ก็จริงนะคะ ฉันเหมาะกว่าเยอะ
     
    พูดจบเอ็กซ์ก็วิ่งไปทางไซโตะกับจอร์มุนกันดร์ ในเวลาเดียวกันทาบาสะก็กลับขึ้นหลังซิลฟีด
     
    ฝากท่านเอ็กซ์ด้วยล่ะ
     
    อืม
     
    ซิลฟีดขึ้นบินพร้อมกับที่เลเวียธานวิ่งตรงไปทางหลุยส์ที่ยืนห่างออกมาจากจุดต่อสู้
     
    หลุยส์มองอสูรรับใช้ที่กำลังเสี่ยงตายด้วยความเป็นห่วง แล้วยกคทาในมือขึ้นมามองอย่างเจ็บใจ
     
    ยังใช้ไม่ได้สินะ เสียงเลเวียธานเข้ามาถึง
     
    จู่ๆ จะใช้ได้ขึ้นมาได้ยังไงล่ะยะ!”
     
    ก็ทีจู่ๆ ยังใช้ไม่ได้ขึ้นมาเลย
     
    ก็เพราะใช้ช่วยไอ้หมอนั่นไปจนหมดไม่ใช่เหรอยะ!”
     
    ก็แล้วตอนนั้นใช้ได้ยังไงล่ะยะ? พลังขนาดสยบท่านเอ็กซ์ได้เชียวนะ กับไอ้หุ่นแค่นี้ขี้ประติ๋วมาก
     
    หลุยส์เม้มปาก พยายามนึกย้อนกลับไปแต่ละครั้งที่ร่ายคาถาได้เป็นรอบที่ร้อย แต่ก็ไม่ได้คำตอบชัดเจนเช่นเคย
     
    ก็คิดว่าต้องร่าย แล้วก็ร่ายไปแค่นั้นเอง! ตอนนี้ก็คิดว่าต้องใช้แต่ก็ใช้ไม่ได้เนี่ย!”
     
    ฮืม เข้าใจแล้ว
     
    เลเวียธานพยักหน้าและตอบอย่างง่ายๆ  ทำให้หลุยส์รู้สึกผิดสังเกต
     
    เข้าใจ? เข้าใจอะไรของเธอ?
     
    เลเวียธานหันหน้าไปทางหุ่นยักษ์แล้วตอบ
     
    เดี๋ยวก็รู้...มาโน่นแล้ว
     
    หลุยส์หันตาม และเห็นไซโตะถือดาบวิ่งกลับมา
     
    ว่ายังไง! มีแผนอะไรใช่มั้ย หมอนั่นถึงบอกให้มาหาเธอ!”
     
    ใจเย็นๆ  สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตามฉันมาทางนี้ก่อน
     
    เลเวียธานดึงแขนเสื้อพาไซโตะออกมาห่างพอไม่ให้หลุยส์ได้ยิน แล้วกระซิบบอก แผนการ อันแยบยล
     
    ไซโตะได้ยินถึงกับผวา
     
    เธอจะให้ฉันฆ่าตัวตายเรอะ?!
     
    นี่ กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่แค่สองคนยะ! มีอะไรก็รีบบอกมาได้แล้ว!” หลุยส์เร่งรัด ส่วนหนึ่งรู้สึกหึงความใกล้ของทั้งคู่นิดๆ
     
    จนเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของไซโตะที่หันกลับมามองตัวเอง หลุยส์ถึงได้ผิดสังเกต
     
    ...เป็นอะไรไปยะ? มีความลับอะไรที่บอกฉันไม่ได้รึไง?
     
    ไม่ใช่ความตั้งใจของหลุยส์ แต่ประโยคที่ถามส่งๆ นี้เป็นการปูทางให้ แผนการ ของเลเวียธานพอดี ไซโตะจึงหายใจเข้าลึกๆ แล้วคว้าโอกาสไว้
     
    หลุยส์ ฉันมีเรื่องที่ต้องสารภาพ
     
    [...]
     
    เอ็กซ์แหงนหน้ามองหุ่นเหล็กที่ยืนตระหง่านราวกับหอคอย เสียงพูดดังมาจากยอดหอคอยนั้น
     
    ให้กันดาล์ฟร์กลับไป อย่าบอกนะว่าคิดจะสู้กับจอร์มุนกันดร์เองน่ะหือ?
     
    ท่าทางจะต้องเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ
     
    เสียงตอบมั่นคง แต่ภายในใจไม่ใช่อย่างนั้นเลย
     
    พูดไปแบบนั้น แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง
     
    อาวุธในมือมีแค่ดาบยาวเมตรครึ่ง(มีดสั้น)ที่จอร์มุนกันดร์ปาลงมา ทั้งความยาวและน้ำหนักมากกว่าดาบที่หน่วยปืนตาบศิลาพกติดตัว สำหรับถือสองมือ พลังมากกว่าและก็เก้งก้างกว่าตามน้ำหนัก
     
    สำหรับเอ็กซ์ที่แม้ไม่เท่ากันดาล์ฟร์แต่ความสามารถทางกายก็ยังสูงกว่ามนุษย์ธรรมดา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใช้ลำบาก แต่อยู่ที่ใช้แล้วไม่มีประโยชน์กับศัตรู
     
    ต่อหน้าสุดยอดการประสานของวิทยาการและเวทมนตร์ แม้แต่กันดาล์ฟร์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วแกจะทำอะไรได้?
     
    จริงอย่างที่เชฟฟิลด์พูด แต่คำยอมรับเก็บไว้ในใจ ที่แสดงออกไปเป็นอีกอย่าง
     
    แค่ตัวใหญ่เฉยๆ  ไม่เห็นจะมีอะไรนี่
     
    ในเวลาอย่างนี้ซีโร่เป็นตัวอย่างที่ดี
     
    โฮ่ แค่ตัวใหญ่อย่างเดียวจริงรึเปล่าลองพิสูจน์ดูหน่อยเป็นยังไง
     
    [...]
     
    เมื่อกี้...นายว่ายังไงนะ...?
     
    ไซโตะยักไหล่ส่ายหน้าพลางทำเสียงถอนใจ
     
    พูดครั้งเดียวไม่รู้เรื่องรึไง ฉันบอกว่าฉันมีแฟนแล้ว!”
     
    สีหน้าของหลุยส์เหมือนสมองถูกล้างจนสะอาดหมดจด ไซโตะถือเป็นโอกาสย้ำเพิ่มเข้าไป
     
    เพราะคาถาของทิฟฟาเนียแท้ๆ เลย ในที่สุดก็จำได้ซะที ไอ้รูนนี่มันชั่วร้ายจริงๆ  ดันทำให้ลืมซะได้
     
    ก—โกหก ค—คนอย่างนายนี่นะผู้หญิงที่ไหนจะเอา!”
     
    โฮ่ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันมีแฟนคลับ คีร์เก้ก็เคยบอกว่าชอบฉัน เซียสต้าก็เต็มใจเป็นเมดส่วนตัวฉัน แม้แต่องค์หญิงก็ยังบอกว่าฉันเป็นวีรบุรุษของทริสเทน ไง ยังมีอะไรจะพูดอีกมะ?
     
    น—นั่นมันที่โลกนี้หรอกย่ะ! น—แน่จริงลองบอกมาสิยะว่าฟ—แฟนนายเป็นแบบไหน!”
     
    ไซโตะชะงัก เพราะไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้า หลุยส์เห็นก็ได้ทีกระหยิ่มยิ้มย่องบ้าง
     
    เฮอะ แค่นี้ตอบไม่ได้ โกหกทั้งเพ
     
    ไม่ได้โกหกเฟ้ย แค่คิดคำบรรยายอยู่เท่านั้น เพราะแฟนฉันสวยมาก! สวยจนอย่างเธอไม่ได้ขี้เล็บเลยละเฟ้ย!”
     
    ว—ว่าไงนะยะ!?”
     
    อยากให้บรรยายใช่มั้ย ก็ได้! ก่อนอื่นเลยก็ตัวสูง สูงเกือบเท่าฉัน ผมสีดำเหมือนฉันยาวเท่าเอวนี่ เวลาเดินเวลานั่งดูสง่าราศีจับอย่างกับเป็นลูกสาวขุนนาง
     
    อ—อีโธ่เอ๊ย! สนใจแค่หุ่นกับหน้า ผู้ชายมันก็ยังงี้ล่ะ!”
     
    การเรียนก็เป็นเลิศเฟ้ย! ได้ที่หนึ่งของชั้นทุกครั้ง แถมยังเป็นประธานสภานักเรียนอีก เข้าใจรึเปล่า? จัดการเรื่องของนักเรียนทุกอย่าง เหมือนขุนนาง! ใช่ ไม่ใช่แค่ลูกสาว แต่เหมือนขุนนางจริงๆ ที่รู้จักทำงาน ไม่ใช่ไปนอนขดตัวในเรือกลางสระบ้านตัวเอง! จะเป็นประธานนักเรียนได้ต้องได้รับเลือกจากนักเรียนส่วนใหญ่อีกตะหาก! หมายความว่าเป็นคนที่โรงเรียนยอมรับไงล่ะ!”
     
    ไม่มีทางที่คนอย่างนั้นจะมาสนใจนายหรอกย่ะ! ฝันกลางวันแล้วเอามาเล่ามากกว่า! คาถาทิฟฟาเนียพลาดแล้วแหงๆ!”
     
    ดูถูกฉันเกินไปแล้ว ที่โลกเดิมฉันเนื้อหอมมาก วันวาเลนไทน์งี้ได้ช็อกโกแลตจนกินไม่หมดเลยล่ะเฟ้ย
     
    อนึ่ง ผ้าพันคอที่เซียสต้าถักให้ไซโตะปีที่แล้วเป็นของชิ้นแรกในชีวิตไซโตะที่ได้รับจากเด็กผู้หญิง
     
    แล้วแฟนฉันไม่มัวมาเล่นตัวเหมือนใครบางคนแถวนี้ด้วย ทำข้าวกล่องมาให้ฉันทุกวัน เลิกเรียนเดินกลับบ้านด้วยกัน เวลาปิดเทอมออกมาเดท สวีทหวานแหวนกันจะตาย! แม้แต่จ—จูบก็เคยมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง!”
     
    ว—ล—แล้วยังไงยะ ฉ—ก—กับฉันก็เคยย่ะ!”
     
    ล—แล้วถ้ามากกว่านั้นเล่า!”
     
    ม—มากกว่าจูบยังงั้นเหรอย้า!!~~”
     
    ถึงตอนนี้แม้ไม่หันไปมองไซโตะก็รู้สึกได้ถึงสายตากับรอยยิ้มกึ่งขบขันกึ่งเวทนาที่เลเวียธานส่งมาจากด้านหลัง การสาธยายแฟนในอุดมคติที่ราวกับหลุดออกมาจากอนิเมะเสียงดังฟังชัดต่อหน้าผู้หญิงจริงๆ ถึงสองคนนี้ แม้จะทำให้ไซโตะรู้สึกอยากเอาหัวมุดพื้นเหมือนนกกระจอกเทศ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็มีแต่ต้องไปให้สุด
     
    โกหก! โกหกๆๆๆ!!”
     
    จะโกหกไปให้ได้อะไรขึ้นมา ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เรื่องอสูรรับใช้บ้าบอนี่ ฉันไม่มีวันชายตามองผู้หญิงคุณภาพต่ำกว่าอย่างเธอหรอกเฟ้ย!”
     
    ค—น-น-น-น-นาย...!!”
     
    ตัวก็เตี้ย หน้าก็บึ้ง อกก็แบน เวลานอนยังกะหมู หน้าตาไม่ได้ หุ่นก็ไม่ดี แล้วนิสัยยังติดลบอีก! เรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง ไม่งั้นจะชื่อศูนย์สนิทเหรอ!? นี่มันจิ้งจกกับมังกรชัดๆ!”
     
    ใบหน้าของหลุยส์แดงก่ำไปจนถึงหู ริมฝีปากเม้มแน่น ตัวสั่นระริก
     
    ที่สำคัญสุดๆ เลยนะ คือตรงนี้!”
     
    ไซโตะย่อตัวลงแล้วยกมือขึ้นชี้หน้าอกใต้ชุดนักเรียนสีขาวที่อยู่ระดับเดียวกัน
     
    นี่มันข้างหน้าหรือข้างหลังกันแน่! แบนราบจนช่างก่อสร้างจะฉาบปูนยังต้องเอาเป็นแบบ!”
     
    เริ่มแรกอาจจะเป็นการทำตาม แผน ของเลเวียธาน แต่ตอนนี้ไซโตะเองก็เริ่มจะติดลมบ้างแล้ว คำพูดจึงได้ไหลออกมาเองไม่หยุด
     
    ก๊อกๆ  ฮัลโหลๆ  มีใครอยู่ข้างในมั้ยครับ? แข็งแบบนี้มันประตูชัดๆ!” พร้อมแอคติ้งประกอบ
     
    หลุยส์ไม่พูดอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไซโตะใส่ต่อไม่ลืมหูลืมตา
     
    ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ย!? ถ้าไม่ใช่เพราะอสูรรับใช้ล่ะก็ ยัยเตี้ยแบนอย่างเธอไม่อยู่ในสายตาฉันหรอกเฟ้ย!”
     
    ...
     
    ลึกลงไปใต้ชั้นเปลือกโลกมีอุณหภูมิสูงจนหินหลอมเป็นของเหลวข้นหนืด ของเหลวเหล่านี้เมื่อไหลมารวมกัน แก๊สที่ปนอยู่ในของเหลวสะสมจนถึงจุดๆ หนึ่งแรงดันก็จะผลักมันทะลุผ่านพื้นดินขึ้นมา พ่นหินและควันกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการระเบิดของภูเขาไฟ
     
    หลุยส์แม้จะไม่มีภูเขาไฟเป็นของตัวเอง(เป็นที่ราบลุ่มเสียมากกว่า) แต่เพียงมองปราดเดียวไม่ว่าใครก็สามารถเข้าใจได้ ว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว
     
    เส้นผมฟูฟ่องเหมือนสายไหมสีชมพูขยับลอยขึ้นราวกับมีลมพัดขึ้นมาจากด้านล่าง ชายกระโปรงสะบัดนิดๆ  ชายเสื้อยกขึ้นจนเกือบเห็นผิวหน้าท้อง
     
    เหนือสิ่งอื่นใดคือไอสีชมพูที่ปกคลุมอยู่รอบร่างที่สั่นระริก
     
    มาแล้ว...!’
     
    เลเวียธานจำภาพตรงหน้านี้ได้ดี เด็กสาวผมสีชมพูตอนนี้เหมือนซิสเตอร์สาวที่ฐานทัพเรือในคืนนั้นไม่มีผิด
     
    ไซโตะเองก็ไม่พลาดสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าตัวเองเช่นกัน และนึกในใจว่า มาแล้วเช่นกัน แต่ความรู้สึกเป็นคนละอย่างกับเลเวียธาน เพราะสังหรณ์ใจว่าสิ่งที่กำลังมา นั้นจะมีเป้าหมายไม่ใช่ที่ใคร
     
    ยัยหนู ได้เวลาแล้ว!”
     
    เสียงเดอร์ฟลิงเกอร์ทำให้หลุยส์ได้สติ สังเกตตัวเองที่พลังเต็มเปี่ยม แล้วจึงเริ่มร่ายคาถา
     
    อิซา เนาซิด อุนจู เซรา...
     
    ไม่ต้องดิสเปล! การโจมตีถึงชุดเกราะได้อยู่! ใช้เอ็กซ์โพลชั่นเป่าให้กระจุยเลย!!”
     
    หลุยส์เปลี่ยนคำร่าย เป็นคาถาที่คุ้นเคยที่สุด
     
    เอโอร์ ซูน ฟิล ยาร์ซัคส์...
     
    [...]
     
    ฮึ ตั้งใจจะถ่วงเวลาให้ผู้ใช้ความว่างเปล่านั่นร่ายคาถาล่ะสิ ไม่มีประโยชน์ ยัยนั่นตอนนี้แค่เปลือกเปล่าๆ ที่ฆ่าโคโบลด์ซักตัวยังไม่ได้
     
    หุ่นเหล็กยักษ์กระหน่ำทั้งดาบมือเท้าจู่โจมเอ็กซ์ที่อยู่บนพื้นและทาบาสะที่บินอยู่บนฟ้าข้างเดียว ดาบเหล็กที่เก็บขึ้นมาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เวทมนตร์แม้จะไม่ถูกสะท้อนกลับแต่ก็ไม่มีผลเช่นกัน
     
    เอ็กซ์อดคิดในใจไม่ได้ว่าไม่มีคำจะโต้เถียง
     
    แต่ก็แค่แวบเดียว ไม่ทันได้รู้สึกกังวลด้วยซ้ำ
     
    สิ่งที่ออกมาเป็นรอยยิ้มกับคำพูดที่ยังคงเอาอย่างซีโร่
     
    จะใช่รึเปล่านะ
     
    เอ็กซ์สัมผัสไม่ได้ด้วยร่างกายเหมือนครั้งก่อนๆ  ไม่มีความรู้สึกร้อนหรือหัวใจเต้นแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นร่างเรปลิลอยด์ เพราะคราวนี้เขารู้ที่มาที่ไปและควบคุมไว้
     
    แต่หลักฐานก็อยู่กับมาเธอร์เอลฟ์ที่อยู่ข้างๆ เขา
     
    (...ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น...พลังงานปัจจุบัน 20000 EC...)
     
    มาเธอร์เอลฟ์ได้พลังงานจากเวทมนตร์ว่างเปล่าเท่านั้น หมายความได้อย่างเดียว
     
    ข้างหลังเขา ความว่างเปล่าได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
     
    [...]
     
    คาถาเสร็จสิ้น แม้จะใช้เวลาร่ายพอสมควร แต่ก็ทำได้โดยไม่ถูกขัดจังหวะ
     
    พลังมหาศาลในตัวต้องการที่ปลดปล่อย หลุยส์รู้สึกได้เหมือนกับเมื่อศึกที่ตาร์บ และคราวนี้ก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน
     
    หลุยส์สะบัดคทาไปข้างหน้า ทางที่จอร์มุนกันดร์อยู่
     
    สองคนที่สู้ถ่วงเวลาถอยกลับมา ในเวลาเดียวกันนั้นร่างของจอร์มุนกันดร์ก็เกิดแสงสว่างขึ้นจุดหนึ่ง ก่อนจะขยายอย่างรวดเร็วจนกระทั่งปกคลุมทั่วทั้งร่างของจอร์มุนกันดร์
     
    ทันใดนั้นชุดเกราะเหล็กก็พองขึ้นเล็กน้อย ราวกับมีแรงดันมหาศาลจากข้างใน และในชั่วอึดใจหลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เสมือนหุ่นเหล็กยักษ์เป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนเกินขีดจำกัด แผ่นเหล็กนับร้อยกระเด็นไปทั่วทุกทิศ
     
    เสียงดังสนั่นสงบลงแล้ว จุดที่หุ่นเหล็กยักษ์สูงกว่ายี่สิบเมตรยืนอยู่เมื่อครู่ บัดนี้เหลือเพียงควันดำเป็นร่องรอยของการมีตัวตนของมัน
     
    กีชกับทิฟฟาเนียพาพวกเด็กๆ กลับมารวมกลุ่ม
     
    กีชตรงเข้าไปตบบ่าไซโตะก่อนใคร
     
    สุดยอดไปเลยนะรองหัวหน้า! ...แสดงความดีใจผ่านไปแล้ว แต่อยากจะถามหน่อย...ไซโตะนี่ชอบจริงๆ ใช่มั้ย...แบบสู้กับศัตรูตัวเป้งเพื่อช่วยคนอื่นอะไรยังงี้...?
     
    ใช่ก็บ้าแล้ว ให้ทำอีกไม่เอาแล้วเฟ้ย ไซโตะตอบอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงแสดงความรังเกียจอย่างชัดเจน
     
    กีชได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา
     
    ฮะๆๆ! อะไรกันคำตอบดูไม่ได้เลย! อย่างนี้ล่ะไซโตะ!”
     
    กีช นี่แก...
     
    บรรยากาศระหว่างเพื่อนสองคนเป็นความโล่งอกกับความยินดี ทว่ามีอยู่คนหนึ่งที่รู้สึกตรงข้ามกับบรรยากาศนั้นอย่างสิ้นเชิง
     
    เป็นปีศาจที่มีเขี้ยวแหลมคมและผมยาวรุงรังสี—หลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์
     
    โอ๊ยยย!!”
     
    ไซโตะงอตัว เนื้อบริเวณสีข้างถูกบิดด้วยแรงที่ไม่สมกับมือเล็กๆ
     
    เมื่อกี้พูดอะไรไว้คงไม่บอกว่าลืมไปแล้วหรอกนะยะ~”
     
    เสียงของหลุยส์สั่นเหมือนกาที่น้ำจวนเจียนจะเดือด
     
    พูดอะไรไว้บ้างนะ ผู้หญิงคุณภาพต่ำ ใช่มั้ย?  เตี้ยแบน นี่ ใช่รึเปล่าฮึ?
     
    ม—เมื่อกี้นี้ก็เพื่อเรียกพลังกลับมาไง! ร่ายคาถาได้แล้วนี่ไง ต้องดีใจไม่ใช่เหรอ!? ยิ้มสิยิ้ม!”
     
    หลุยส์ยิ้ม และไซโตะก็เสียใจในคำพูดของตัวเองอีกครั้ง
     
    ม—ไม่นะหลุยส์
     
    หลุยส์ยิ้ม
     
    หลุยส์แสนสวยที่เคารพรัก
     
    หลุยส์ยังคงยิ้ม
     
    ม—
     
    เสียงประหลาดที่ไม่สามารถบรรยายได้ดังขึ้นใต้ท้องฟ้าอันสดใสของอัลเบี้ยน
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เมื่อเรือเหาะออกจากโรไซธ์ บรรยากาศของคณะเดินทางก็เข้าสู่ความสงบ พอจะพูดได้เต็มปากแล้วว่าภารกิจสำเร็จ ไม่(น่า)จะมีเซอร์ไพรส์อีกแล้ว
     
    หลังรอดจากการโจมตีของหุ่นยักษ์มาได้ คณะเดินทางก็ไปถึงเมืองที่อยู่ระหว่างทาง เช่ารถม้าด้วยเงินทุนที่อังริเอตต้าให้มา ส่วนหนึ่งแบ่งไปขึ้นหลังซิลฟีด เมื่อมาถึงโรไซธ์ก็ตกเย็นพอดี
     
    เรือเหาะที่ทางการทริสเทนเตรียมไว้ให้ มีห้องส่วนพอสำหรับคณะเดินทางและเด็กๆ  ไซโตะที่บาดแผลเต็มตัว(ไม่ใช่เพราะจอร์มุนกันดร์)ถูกพาไปพักที่ห้อง โดยมีหลุยส์ตามไปทีหลัง ซึ่งคนอื่นๆ ให้ความเป็นส่วนตัวกับคู่เจ้านายอสูรรับใช้
     
    ผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นและการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อยในวันเดียว หลังอาหารเย็นอย่างง่ายๆ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
     
    เว้นเพียงคนเดียวที่ไม่จำเป็นต้องนอน
     
    ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลแหงนมองดวงจันทร์แฝดที่กลมเด่นอยู่บนฟ้า ระดับความสูงของเรือเหาะอยู่เหนือเมฆ แสงจันทร์ฉายลงบนดาดฟ้าเรืออย่างไม่มีอะไรบดบัง
     
    อยู่บนนี้คนเดียวไม่หนาวเหรอ
     
    ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเลเวียธานก็รู้ว่าเป็นใคร เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่บอกว่าประโยคเมื่อครู่เป็นแค่คำหยอก
     
    เลเวียธานในรูปร่างมนุษย์หากมองจากภายนอกก็สวมเครื่องแต่งกายที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ในที่สูงลมโกรกเช่นนี้ แต่แน่นอนเอ็กซ์ย่อมรู้ว่านั่นเป็นแค่ภายนอก
     
    ท่านเอ็กซ์เองก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ เลเวียธานตอบเจ้านายโดยไม่หันไปมอง
     
    ฮะๆ  ก็จริง
     
    ชุดของเอ็กซ์แม้จะปิดท่อนล่างค่อนข้างมิดชิด ซ้ำยังมีผ้าพันคอสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ส่วนต้นแขนจนถึงใต้ศอกเปิดโล่ง และร่างกายก็เป็นกายเนื้อของมนุษย์จริงๆ ไม่เหมือนเลเวียธาน
     
    เลเวียธานยังคงแหงนหน้ามองดวงจันทร์ ไม่สนใจเอ็กซ์ที่เข้ามายืนพิงกราบเรือข้างๆ
     
    คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอ
     
    แค่คิดว่าอากาศที่ฮาร์เปียสัมผัสอยู่เป็นประจำมันเป็นอย่างนี้เองน่ะค่ะ ฉันไม่ค่อยได้ขึ้นมาที่สูงอย่างนี้
     
    เอ็กซ์ฟังแต่ยังไม่ตอบกลับ ในใจคิดว่าจะถามดีหรือไม่ ว่าเรื่องที่คิดอยู่จริงๆ คือเรื่องอะไรกันแน่ เพราะคำตอบนั้นเป็นข้ออ้างที่เตรียมไว้เผื่อถูกเขาถามชัดๆ
     
    เลเวียธานก็รู้เช่นกันว่าหลอกไม่ได้จึงพูดต่อ
     
    นั่นเพิ่งจะนึกขึ้นมาเมื่อกี้ค่ะ เรื่องคิดอยู่ก่อนหน้านั้นก็มี
     
    เรื่องอะไรเหรอ?
     
    ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญมากนักหรอกค่ะ ก็แค่ มองหลุยส์กับไซโตะแล้วทำให้คิดว่า คำว่า เจ้านายกับข้ารับใช้ มันมีขีดจำกัดเท่านี้เองนะ น่ะค่ะ
     
    เพราะสิ่งที่จะผูกสองคนนั้นไว้ จากนี้ไปต้องเป็นมากกว่านั้นเท่านั้น
     
    อะไรกัน คิดจะเลิกให้ฉันเป็นเจ้านายจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย เอ็กซ์ยิ้มพลางถามกึ่งเล่นกึ่งจริง
     
    ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะค่ะ ถ้าท่านเอ็กซ์กัดกับใครซักคนแบบโลกเป็นสีชมพูเหมือนสองคนนั้นล่ะก็ฉันจะลาออก
     
    ฉันคิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำอย่างนั้นหรอกนะ รอยยิ้มเอ็กซ์ลดลงมาเหลือยิ้มแห้งๆ
     
    เลเวียธานยังเหม่อมองดวงจันทร์ต่อ เมื่อเอ็กซ์ไม่ได้พูดต่อเลเวียธานเองก็ไม่ได้ตอบอะไรอีก
     
    เรื่องที่พูดไปเป็นความคิดจริงๆ ก็จริง แต่เอ็กซ์ก็ยังรู้สึกว่าเลเวียธานยังมีเรื่องที่เก็บไว้ในใจอยู่อีก
     
    แต่เลเวียธานไม่มีวี่แววว่าอยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น เมื่อเป็นอย่างนั้นเอ็กซ์ก็ไม่สามารถจะคาดคั้นหาคำตอบได้
     
    ท่านเอ็กซ์ไปนอนพักผ่อนดีกว่านะคะ วันนี้คงจะเหนื่อย
     
    ...อา นิดหน่อย ...แล้วเธอล่ะ?
     
    คำถามจริงๆ คือ ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วแน่เหรอ?
     
    พระจันทร์สวยดี ฉันขอยืนดูอยู่ตรงนี้อีกซักพักก็แล้วกันค่ะ
     
    คำตอบจริงๆ คือ ตัวเองก็ยังไม่รู้ กำลังคิดอยู่
     
    ทั้งคู่ไม่รู้ว่าสื่อถึงอีกฝ่ายหรือไม่ แต่รู้ว่าตัวเองได้รับคำถามและคำตอบมาแล้ว และต่างก็จากกันแค่นั้น
     
    หลังจากเอ็กซ์กลับเข้าตัวเรือไป เลเวียธานก็ยังคงยืนอยู่ที่กราบเรือ มองพระจันทร์แฝดราวกับมันจะให้คำตอบได้
     
    [...]
     
    ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เรือเหาะขากลับทริสเทนออกจากท่า บนเรือเหาะอีกลำที่ยังเทียบท่าอยู่ ร่างใต้ผ้าคลุมมีฮู้ดยืนมองเรือที่พวกไซโตะนั่งอยู่ไกลออกไป ใต้ฮู้ดเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าเป็นของคนที่พ่ายศึกมา เป็นรอยยิ้มที่บอกว่าทุกอย่างอยู่ในความคาดหมาย
     
    นั่นเองเหรอ พลังของผู้ใช้ความว่างเปล่า ไม่เลวเลย
     
    เสียงของเชฟฟิลด์มีความบันเทิงและความยินดีปนอยู่ ราวกับกำลังสนุกกับเกม
     
    เชฟฟิลด์ล้วงมือไปใต้ผ้าคลุมและหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดกับมันราวกับกำลังพูดกับคนอีกคนหนึ่ง
     
    รายงานเพคะ การทดลองเสร็จสิ้น จอร์มุนกันดร์ถูกทำลายด้วยความว่างเปล่าของทริสเทน ชุดเกราะยังมีความทนทานไม่พอ ถ้าใช้วิทยาการของเอลฟ์เข้าช่วยคงจะแก้ปัญหาได้ไม่ยาก  อาวุธลับ ของจอร์มุนกันดร์ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้...
     
    เชฟฟิลด์หยุดราวกับฟังคำตอบจากอีกฝ่าย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างและพูดต่อ
     
    ส่วนอีกทางหนึ่งก็ภารกิจเสร็จสิ้นเช่นกัน ยมทูต กับ แม่มด โค่น ปีศาจสีแดง ได้สำเร็จ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย สามารถซ่อมแซมได้ไม่ยากเพคะ...เพคะ รายงานมีเท่านี้...หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักเพคะ
     
    เชฟฟิลด์เก็บตุ๊กตาเข้าใต้ผ้าคลุม แล้วแหงนหน้ามองฟ้า ดวงจันทร์สีแดงถูกเมฆบัง มองเห็นเพียงดวงสีฟ้า รอยยิ้มตั้งแต่รายงานยังคงเดิม ปากพึมพำเหตุผลกับตัวเอง
     
    เป็นยังไงล่ะ นานะ สิ่งที่เธอคิดจะสร้าง สิ่งที่เธอทิ้งไป ตอนนี้สำเร็จด้วยมือของฉันหมดแล้ว สิ่งที่เธอทำไม่ได้ ฉันจะทำให้หมด พอถึงตอนนั้น...
     
    เมียวธ์วิทนิร์คนที่สองยิ้มกับตัวเองใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
     
    --
     
    PBW:“ตอนแรกของปีและตอนที่สองนับแต่กลับมาใหม่
     
    DX:“ใช้เวลาร่วมเดือน แล้วออกมาทียาวเหยียด ไม่ผิดฟอร์มจริงๆ
     
    PBW:“น่า อย่างที่บอก ต้องมีวางแผนกันบ้าง ส่วนที่ยาวก็เพราะมันเป็นตอนสุดท้ายของไลท์โนเวลาพอดี ไหนๆ แล้วก็เลยยาวทีเดียว จะได้ไม่ขัดจังหวะ
     
    DX:“วางแผนแล้ว ฉันได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย?
     
    PBW:“...นิดนึง
     
    DX:“...เฮ้อ
     
    PBW:“อัพเดทเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคนเขียน คือคนเขียนเริ่มทำงาน(แบบที่ได้ค่าจ้าง)แล้ว ดังนั้นการเขียนจะช้าลงอย่างมาก ตั้งความเร็วไว้ที่เดือนละตอนเลยจะดีกว่า ถ้าอย่างช้าก็ช้ากว่านั้น เฮ้อ แย่จริงๆ...

    (*Edit: ไม่ได้ลงนานลืมใส่พื้นหลัง โอย...)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×