ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #83 : Chapter 65: ความกลุ้มใจของราชินี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 377
      7
      17 มี.ค. 62

    บ่ายคล้อย ในเวลาเดียวกับที่หน่วยอัศวินอองดีนกำลังฉลองที่โรงเรียนเวทมนตร์ บรรยากาศที่ราชวังทริสทาเนียเป็นตรงกันข้าม ความเงียบ ราวกับกลั้นหายใจ ซึ่งก็แทบจะเป็นเช่นนั้นจริงสำหรับราชินีแห่งทริสเทน
     
    เบื้องหน้าของอังริเอตต้าเป็นชายที่มีเส้นผมสีทองสว่าง แววตาที่อ่อนโยน และรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่เสมอ อาจกล่าวได้ว่าคล้ายลูกสาวคนรองของดยุคลา วาลลิแยร์ ทว่าแทนที่บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงของความศรัทธา
     
    นั่นเพราะชายผู้นี้คือพระสันตะปาปาแห่งโรมาเลีย หมวกทรงสูงบนศีรษะเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งนักบวชในหมู่นักบวช ทว่าใบหน้าอันเยาว์วัยที่งดงามนี้ทำให้เชื่อข้อนั้นได้ยาก แม้ในโรงละครทุกหนทุกแห่งบนฮาลเคกิเนียก็ยากจะหานักแสดงที่มีใบหน้างดงามเช่นชายผู้นี้
     
    ในสายตาอังริเอตต้า รอยยิ้มของเขาราวกับแผ่รัศมีของพระผู้เป็นเจ้า
     
    ท่านอังริเอตต้า ท่านสบายดีรึเปล่า?
     
    อังริเอตต้าหลุดจากภวังค์
     
    ขอประทานอภัยด้วยเพคะ ใต้ฝ่าพระบาท เพียงได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ ใจของหม่อมฉันก็เอ่อล้นไปด้วยความศรัทธา
     
    พระสันตะปาปาหัวเราะเบาๆ อย่างอัธยาศัยดี
     
    เรียกเราว่า [วิตโตริโอ] เถอะ เราไม่ถนัดเรื่องพิธีรีตองนัก ปฏิบัติกับเราดังนักบวชทั่วไปในอาณาจักรของท่านเถอะ
     
    เป็นพระกรุณาอย่างสูงเพคะ หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยที่มิได้เดินทางไปร่วมพิธีสถาปนา
     
    พิธีสถาปนาเซนต์เอจิสที่สามสิบสองผู้มีฉายา<โล่แห่งองค์ศาสดา>มีขึ้นเมื่อสามปีก่อน ตามธรรมเนียมแล้วราชวงศ์ของทุกประเทศต้องไปเข้าร่วมพิธี แต่อังริเอตต้าล้มป่วยเป็นไข้จึงไม่ได้ไป
     
    ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ราชินีแห่งทริสเทนและพระสันตะปาปาแห่งโรมาเลียได้พบกัน
     
    โปรดอย่าใส่ใจเลย พิธีก็เป็นเพียงพิธี ตราบที่ท่านยังรักษาความศรัทธาต่อองค์ศาสดาและดำเนินตามคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
     
    กล่าวกันว่าแม้จะด้วยอายุที่ยังน้อยเซนต์เอจิสที่สามสิบสองนี้ก็เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนชาวโรมาเลีย เหตุผลเป็นเพราะบรรยากาศของความอารีที่ห้อมล้อมพระสันตะปาปา อังริเอตต้าเองก็รู้สึกว่าสามารถเข้าใจได้ เพราะเธอเองสัมผัสถึงความหยิ่งยโสจากชายตรงหน้าไม่ได้เลย
     
    การมาเยือนของสันตะปาปานั้นเกิดขึ้นน้อยครั้งมาก ครั้งก่อนหน้าเป็นพิธีราชาภิเษกของพ่ออังริเอตต้า ดังนั้นเมื่อทางราชวังได้รับสาส์นจากทางศาสนจักรจึงเร่งเตรียมการกันอย่างแข็งขัน...และอย่างแตกตื่นด้วยไม่ใช่น้อย เพราะมีเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น
     
    ขณะนี้ราชินีและพระสันตะปาปาได้พบกันในห้องรับรองสำหรับบุคคลสำคัญที่สุดได้อย่างปลอดภัย ทว่าหากย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนอังริเอตต้าเพิ่งจะเดินทางกลับจากปราสาทลา วาลลิแยร์ หลังจากได้รับจดหมายด่วนจากราชสำนัก อังริเอตต้าและมาซารินิต้องปรึกษาเรื่องการรับรองทั้งที่อยู่ในรถม้า เพิ่งจะกลับมาถึงราชวังเมื่อคืนก่อนก็ต้องรีบตรวจตราความเรียบร้อยทันที เป็นความฉุกละหุกที่มองใบหน้าของอังริเอตต้าตอนนี้ไม่สามารถรู้ได้
     
    แต่ว่า ท่านอังริเอตต้าสมกับที่กล่าวว่าเป็น [ดอกไม้งามแห่งฮาลเคกิเนีย]  หากเราไม่ใช่นักบวชเราคงจะขอท่านเต้นรำ หากไซโตะกับหลุยส์อยู่ที่นี่และได้ยินคำพูดของสันตะปาปาเข้าคงจะนึกถึงนักบวชผมทองอีกคนที่รู้จักแน่นอน
     
    หม่อมฉันขอถามพระองค์ข้อหนึ่งได้ไหมเพคะ? อังริเอตต้าไม่สะทกสะท้าน ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของพระสันตะปาปา หูของราชินีสามารถแยกแยะคำพูดตามมารยาทได้อย่างดี
     
    ว่ามาสิ
     
    พระองค์เสด็จมาถึงที่นี่เป็นการด่วนเช่นนี้มีพระประสงค์อันใดหรือ?
     
    นับจากเวลาแจ้งมีเวลาเตรียมการเพียงสองวัน ไม่มีทางที่จะเป็นเพียงการเยี่ยมตามอัธยาศัย
     
    สันตะปาปาถอนใจหนักๆ ครั้งหนึ่ง
     
    ท่านอังริเอตต้าคิดอย่างไรกับสงครามที่ผ่านไป
     
    สงครามที่ผ่านไปหมายถึงสงครามระหว่างเรกองกิสตากับสัมพันธมิตรทริสเทน-เยอร์มาเนีย เริ่มตั้งแต่ที่ราชวงศ์อัลเบี้ยนถูกกบฏขับไล่ลงจากราชบัลลังก์ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย มีความสูญเสีย ทั้งคนที่ใกล้ตัวอังริเอตต้าและคนแปลกหน้า มีความรู้สึกที่ขัดแย้ง การตัดสินใจที่ไม่ยั้งคิด อังริเอตต้าได้คิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง
     
    ทั้งนี้ทั้งหมดแล้วเป็นความทรงจำที่อังริเอตต้าไม่อยากนึกถึงนัก
     
    เป็นสงครามที่น่าเศร้าเพคะ ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นอีก...หม่อมฉันคิดอย่างนั้น
     
    พระสันตะปาปาพยักหน้า
     
    ถ้าอย่างนั้นท่านอังริเอตต้าก็เป็นมิตรของเรา
     
    มิตรหรือเพคะ?
     
    เราเองก็เห็นด้วยกับท่าน เรารู้สึกโศกเศร้ากับสงครามเช่นนี้นัก เราเองก็ตั้งใจจะให้ทางกองทัพเข้าร่วมอย่างเร็วที่สุดเช่นกัน หากเพียงแต่สงครามที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้จะสิ้นสุดลงเสียที
     
    สงครามที่ไร้ประโยชน์ คำนั้นกระทบบางอย่างในใจของอังริเอตต้า ทำให้ต้องพูดออกมา
     
    เป็นเพราะว่ามันไม่ให้ผลประโยชน์อันใดหรือเพคะ?
     
    ถูกต้อง สันตะปาปาพยักหน้า ความขัดแย้งเช่นนี้ไม่ให้ประโยชน์อันใด เราต่างเป็นสาวกที่ซื่อสัตย์ขององค์ศาสดาบริมิร์ เหตุใดจึงต้องเข่นฆ่ากันด้วย?
     
    ...หม่อมฉันยังไร้เดียงสานักในเรื่องการเมือง แต่หม่อมฉันก็คิดว่าสงครามไม่มีวันหมดไป ตราบเท่าที่ผู้คนยังมีความปรารถนา
     
    องค์ศาสดาบริมิร์ได้ตรัสไว้ถึงเรื่องความปรารถนาเช่นกัน เมื่อความปรารถนาครอบงำคน เขาผู้นั้นย่อมหันเหจากเส้นทางอันเที่ยงตรง เพราะเหตุนี้การควบคุมตนจึงเป็นสิ่งที่งดงาม นักบวชเช่นพวกเราถือคำสาบานละซึ่งราคะและบริโภคเพียงผักผลไม้สัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ลืมการควบคุมตนเอง
     
    หากทุกคนสามารถควบคุมตนได้ดังเช่นพระองค์ โลกนี้คงไร้ซึ่งสงคราม
     
    หากเป็นเช่นนั้นคงไม่มีอะไรดียิ่งกว่า ทว่าเราเองก็เข้าใจความจริง การหวังให้ทุกคนในฮาลเคกิเนียมีความศรัทธาอันแรงกล้าเท่ากับโรมาเลียเป็นความคิดที่โง่เขลา พวกเราเข้าใจดี
     
    สิ่งที่สนทนาอยู่นี้ละม้ายคล้ายคลึงกับสิ่งที่อังริเอตต้าเคยได้เห็นและได้ยิน ในโอกาสที่คนอื่นใดในโลกใบนี้ไม่ได้รับ โลกที่พบกับความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาลเพราะความทะเยอทะยานของคน สิ่งที่อังริเอตต้าได้รู้ก็คือคนเพียงไม่กี่คนไม่อาจต้านทานมันได้
     
    สันตะปาปาหลับตาลงครู่หนึ่ง แล้วแหงนหน้าขึ้น
     
    อาณาจักรแห่งนี้งดงามนัก สีสันที่แต่งแต้มในฤดูใบไม้ผลิ ป่าที่ชุ่มชื้น แม่น้ำที่ใสสะอาด สมกับนามอาณาจักรแห่งน้ำ สำหรับโรมาเลียอันเป็นประเทศที่ขาดแคลนน้ำแล้วเป็นสิ่งที่น่าอิจฉา ประเทศที่งดงามเช่นนี้ต้องตกอยู่ในวังวนของสงคราม ไม่ถือเป็นการดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ
     
    หน้าที่ของหม่อมฉันคือปกป้องสันติสุขนั้นเพคะ
     
    น่าผิดหวังเล็กน้อยที่สันตะปาปาดูจะมาเพียงเพื่อแสดงคำสอนเรื่องสันติภาพจริงๆ
     
    อังริเอตต้ามองนาฬิกาบนผนังและทำท่าลุกขึ้น
     
    ห้องและบริวารได้เตรียมไว้แล้วเพคะ พระองค์โปรดพำนักอยู่ที่นี่ตามนานเท่าที่ทรงประสงค์ หากจะเสด็จชมราชวังก็มีองครักษ์เตรียมไว้แล้วเช่นกัน
     
    ทว่าเซนต์เอจิสที่สามสิบสองไม่ได้ลุกขึ้น
     
    เรามาในวันนี้เพื่อช่วยให้ท่านอังริเอตต้าบรรลุหน้าที่นั้น
     
    [...]
     
    ลานพระราชวังอาบใต้แสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิ แม้จะไม่เท่ากับราชวังกาเลียที่ลูเทซ ที่สวนแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งอย่างสวยงาม
     
    พระองค์จะทรงให้หม่อมฉันดูอะไรหรือเพคะ?
     
    อังริเอตต้าถามสันตะปาปา ทั้งคู่เดินอยู่บนทางเดินระหว่างแปลงดอกไม้
     
    สันตะปาปาเดินในความเงียบ จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่ง สันตะปาปาหยุดเดินและย่อเข่าลงมองที่พื้น
     
    กรุณาดูที่นี่
     
    ...มดหรือเพคะ?
     
    มดแดงและมดดำต่อสู้กันเพื่อแย่งอาหาร
     
    ดังที่สันตะปาปากล่าว มดสองกลุ่มต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายบนพื้น
     
    ความขัดแย้งมีอยู่ทุกแห่ง แม้แต่ในระดับเล็กๆ เช่นนี้
     
    สันตะปาปาตั้งฝ่ามือลงระหว่างมดสองกลุ่ม เพียงครู่เดียวพวกมันก็เริ่มหันกลับรังของตัวเอง
     
    ระงับได้เยี่ยมยอดเพคะ
     
    ส่วนหนึ่งเป็นตามมารยาท แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากความประทับใจจริง หลังจากสนทนาถึงเรื่องความโหดร้ายของสงคราม การได้เห็นการยุติในระดับกระจ้อยร่อยเช่นนี้ทำให้อังริเอตต้ารู้สึกสดชื่นเล็กน้อย
     
    มดไม่อาจทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นั่นเพราะเราเป็นตัวตนที่เหนือกว่าการรับรู้ของพวกมัน มีพลังที่เหนือกว่าอย่างไม่อาจทัดเทียมกันได้ แม้แต่จะทำลายรังของพวกมันก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น แน่นอนว่าเราไม่ทำเช่นนั้น
     
    สิ่งที่พระองค์ทรงหมายถึงคือ...?
     
    สันตะปาปายืนขึ้นและหันกลับมาหาอังริเอตต้า
     
    การจะความสงบสุขไว้ได้ พลังที่มหาศาลเป็นสิ่งจำเป็น พลังที่สามารถระงับความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายได้
     
    จะทรงหาพลังเช่นนั้นได้จาก...
     
    ดวงตาของอังริเอตต้าเบิกกว้างขึ้น
     
    ถูกต้อง ท่านอังริเอตต้าเองก็ทราบถึงตัวตนของพลังแห่งตำนาน
     
    พระองค์ทรงหมายถึงสิ่งใดหรือเพคะ?
     
    อังริเอตต้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่สันตะปาปาไม่สะทกสะท้าน
     
    พลังที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่พวกเรา เป็นพลังที่เหมือนน้ำบริสุทธิ์ เป็นสีขาวหรือดำตามผู้ถือ
     
    ใต้ฝ่าพระบาท...พระองค์...
     
    พลังแห่งความว่างเปล่า องค์ศาสดาทรงแบ่งมันเป็นสี่ส่วน ในรูปของแหวนและสมบัติ ทับทิมวารีและหนังสือสวดมนต์คือส่วนที่ราชวงศ์ทริสเทนได้รับ
     
    เป็นเช่นนั้น
     
    เช่นเดียวกัน ผู้ที่ถือครองพลังนี้ก็แบ่งเป็นสี่ อาจเป็นเพราะทรงเกรงต่ออันตรายหากพลังอันยิ่งใหญ่นั้นอยู่ในมือคนเพียงคนเดียว
     
    อังริเอตต้านึกถึงหลุยส์ เด็กสาวเอลฟ์ที่เธอยังไม่เคยพบกับตัว แล้วก็เจ้านายของนานะ ราชาโจเซฟแห่งกาเลีย
     
    องค์ศาสดาตรัสไว้ว่า สมบัติสี่ชิ้น แหวนสี่วง อสูรรับใช้สี่ตน และผู้ใช้สี่คน เมื่อทั้งสี่มารวมกัน ความว่างเปล่าของเราจะตื่นขึ้น
     
    คำพูดนั้นทำให้อังริเอตต้าฉุกคิดขึ้นได้
     
    กาเลียพยายามลักพาตัวหลุยส์...!’
     
    ความเกี่ยวข้องกับพลังแห่งความว่างเปล่านั้นเป็นที่แน่นอน เป็นไปได้ว่าทางฝ่ายกาเลียพยายามรวบรวมผู้ที่มีพลังแห่งความว่างเปล่า หากพลังที่แบ่งเป็นสี่ส่วนไปรวมอยู่กับคนอย่างโจเซฟ อันตรายที่ตามมาอาจเกินกว่าเธอจะจินตนาการได้
     
    เด็กสาวเอลฟ์ที่อัลเบี้ยน...ไม่เป็นไรแน่เหรอ?
     
    หากหลุยส์ถูกเพ่งเล็ง มีความเป็นไปได้สูงว่าเด็กสาวคนนั้นเองก็เช่นกัน
     
    ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้
     
    ท่านว่าน่ากลัวรึ? พลังนี้ได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้า จะดีหรือชั่วอยู่ที่ผู้ถือ
     
    พลังดึงความชั่วร้ายของคนออกมา มารดาของหม่อมฉันสอนไว้ ตัวหม่อมฉันเองก็คิดเช่นนั้น หากเป็นไปได้หม่อมฉันอยากจะปล่อยให้มันหลับไหลอยู่เช่นนั้น
     
    กี่ปีแล้วที่เราอยู่ในวังวนของความขัดแย้งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้?
     
    อังริเอตต้าไม่มีคำตอบโต้ เป็นความจริงที่ประวัติศาสตร์ของฮาลเคกิเนียเต็มไปด้วยการต่อสู้
     
    สันตะปาปาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม และหยิบอะไรบางอย่างออกมา
     
    ลูกกวาดสีสดใสหนึ่งลูก
     
    โยนลงกลางฝูงมด
     
    มดแต่ละตัวเข้าเกาะลูกอม การต่อสู้หยุดลง เพราะมีมากพอสำหรับสองฝ่าย ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่ง
     
    นอกจากพลังแล้วก็ต้องมีจุดหมายร่วมกัน เหมือนลูกกวาดลูกนี้
     
    หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ
     
    แดนศักดิ์สิทธิ์
     
    ดินแดนแห่งพันธสัญญาขององค์ศาสดาบริมิร์ ปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยของเอลฟ์ อาณาจักรของฮาลเคกิเนียรวมพลังกันต่อสู้เพื่อชิงดินแดนแห่งนั้นกลับมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จ
     
    ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้โซ่ตรวน พวกเราควรจะตั้งเป้าไปที่นั่น มิฉะนั้นแล้วสันติสุขที่แท้จริงจะไม่มาถึง
     
    แต่ว่า...เอลฟ์แข็งแกร่งมาก...
     
    อังริเอตต้าเคยพบกับตัวเอง ทั้งยังเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปะทะกันมาด้วย แม้จะคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เพราะความช่วยเหลือของพลังจากต่างโลก หากมีเพียงแค่พวกเธอชาวฮาลเคกิเนียคงไม่ง่ายอย่างนั้น
     
    เวทมนตร์โบราณของพวกเขาน่ากลัว แต่พวกเขาไม่มี ความว่างเปล่า ขององค์ศาสดา
     
    ...ถ้าอย่างนั้นก็เป็นสงครามอีกครั้งหรือเพคะ? กับเอลฟ์? พระองค์ตรัสว่าทรงต้องการจะให้สิ้นสุดลงไม่ใช่หรือเพคะ?!”
     
    พลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นย่อมเพียงพอจะต่อรองกับเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเช่นเอลฟ์ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้มันจริงๆ  เพียงแต่ต้องแสดงให้เห็นว่ามี
     
    เซนต์เอจิสที่สามสิบสองสบตากับอังริเอตต้า ด้วยแววตาที่ปราศจากซึ่งความกังขาในตัวเอง
     
    ...สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการให้หม่อมฉันได้ดูก็คือแผนการนี้หรือเพคะ?
     
    ใช่แล้ว เราสามารถเจรจาโดยสันติกับเหล่าเอลฟ์ได้ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่นี้
     
    อังริเอตต้ารู้สึกโอนเอียงไปทางความคิดของสันตะปาปาผู้เยาว์วัย เป็นสิ่งที่ทำได้จริง ขณะเดียวกันก็เป็นการแสวงหาอุดมคติ ทว่าความเป็นจริงและอุดมคติเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้าม การจะนำทั้งสองสิ่งมารวมกันย่อมต้องประสบกับอุปสรรคและความขัดแย้งทุกข์เข็ญมากมาย
     
    สันตะปาปามองเห็นความลังเลของอังริเอตต้า จึงยิ้ม
     
    เป็นรอยยิ้มของเด็กผู้ชาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความฝันและอุดมคติ
     
    สิ่งเหล่านี้เมื่อถึงเวลาโตเป็นผู้ใหญ่จะถูกกลืนด้วยสิ่งที่เรียกว่าความเป็นจริง
     
    ทว่าสันตะปาปาเป็นราวกับเด็กในร่างของผู้ใหญ่ เปี่ยมด้วยอุดมคติ
     
    คำกล่าวของพระองค์ยิ่งใหญ่เกินความเข้าใจของหม่อมฉัน...หม่อมฉันขอเวลาตัดสินใจจะได้ไหมเพคะ
     
    เราเข้าใจสิ่งที่ท่านอังริเอตต้ากล่าว ทว่าจะรอช้ามากไม่ได้ มิฉะนั้นอาจสายเกินไป
     
    สายเกินไปหรือเพคะ?
     
    เรากล่าวถึงกาเลีย เป็นอาณาจักรที่น่าเศร้า ปกครองโดยชายผู้ไร้ความศรัทธา ความสุขของผู้คนอยู่ใต้กิเลสของตน ท่านอังริเอตต้า เราจำเป็นต้องผนึกกำลังและอุดมคติของเราเข้าด้วยกัน ท่านคงจะเห็นแล้วว่าความคิดของเขาเป็นอย่างไร หากคนเช่นนั้นมีความว่างเปล่าในมือ พวกเราคงไม่พ้นต้องพบกับหายนะ
     
    เพคะ
     
    อังริเอตต้ารู้จักโจเซฟในสิ่งที่คนทั่วไปรู้จัก แต่เป็นในระดับที่ลึกและชัดเจนกว่า คำพูดของสันตะปาปาเธอมีแต่ต้องเห็นด้วย
     
    ในฐานะสันตะปาปา บริวารของพระผู้เป็นเจ้าและของผู้คน เราขอสั่งท่าน จงนำ ความว่างเปล่า มาจากที่แห่งนั้นเสีย เราจะปล่อยให้สิ่งนั้นอยู่ในมือของคนที่ไร้ความศรัทธามิได้
     
    ผู้ใช้ความว่างเปล่าก็คือตัวโจเซฟเอง ความจริงข้อนี้อันตรายเพียงใด อังริเอตต้าคิดไม่ต่างจากสันตะปาปา
     
    แม้กระนั้นแล้วเธอก็ยังเก็บข้อมูลนั้นไว้
     
    หม่อมฉันจะเร่งตัดสินใจโดยเร็วเพคะ
     
    เราฝากท่านด้วย
     
    ในรอยยิ้มและแววตานั้น อังริเอตต้ามองไม่ออกเลยว่าสันตะปาปารู้หรือไม่ว่าเธอมีเรื่องปิดบังอยู่ เธอรีบหันใบหน้าไปทางอื่น ก่อนที่อาการของเธอจะชัดเจนกว่านี้
     
    อาเนียส เธอเปล่งเสียงเรียกหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ ทั้งที่อยู่ไกลเกินไป เธอรีบยกมือขึ้นกวักตามอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
     
    อาเนียสเดินเข้ามาและคุกเข่าหนึ่งข้างต่อหน้าอังริเอตต้า
     
    ท่านผู้บัญชาการ โปรดนำใต้ฝ่าพระบาทไปยังห้องพักด้วย
     
    รับบัญชาเพคะ
     
    อาเนียสลุกขึ้นและหันไปทางสันตะปาปา
     
    ใต้ฝ่าพระบาท ทรงโปรดตามหม่อมฉันมาด้วยเพคะ
     
    ขอบคุณท่านมาก
     
    วินาทีที่สบตากับสันตะปาปา ใบหน้าของอาเนียสก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
     
    มีอะไรหรือ?
     
    อาเนียสสะดุ้งและก้มหน้าลงอย่างตื่นตระหนก
     
    ม—หม่อมฉันขอประทานอภัย
     
    อาเนียสเริ่มนำทางสันตะปาปาด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
     
    อังริเอตต้ามององครักษ์คนสนิทนำแขกคนสำคัญ เมื่อมั่นใจว่าอยู่เพียงลำพังในสวนแล้วอังริเอตต้าก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
     
    ...เราทำอะไรของเรา ปิดบังสันตะปาปาเรื่องสำคัญ
     
    เรื่องที่สันตะปาปาควรจะรู้เกี่ยวกับหัวข้อสนทนามีมากมาย ทั้งตัวจริงของโจเซฟ พลังของหลุยส์ เรื่องที่ไม่เกี่ยวแต่สำคัญไม่แพ้กันก็มีไม่ใช่น้อย เช่น ตัวตนของเด็กหนุ่ม...หุ่นยนต์จากต่างโลกและพลังที่ยิ่งใหญ่ใกล้เคียงหรือทัดเทียมพลังแห่งความว่างเปล่า
     
    ...น่าจะเป็นเพราะว่า...
     
    อังริเอตต้ารู้คำตอบอยู่แล้ว เป็นเพราะหัวข้อที่สนทนานั่นเอง
     
    ...พลังที่ยิ่งใหญ่...ขาวและดำ...
     
    พลังจะขาวหรือดำอยู่ที่ผู้ใช้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความจริง ตัวอังริเอตต้าเมื่อก่อนคงลังเลระหว่างความกลัวในพลังที่ยิ่งใหญ่นั้นกับความมีเหตุผลดังกล่าว ตัวอังริเอตต้าตอนนี้ก็ยังสับสนอยู่ แต่ก็มีความแตกต่างจากสิ่งที่ผ่านตาเพิ่มเข้ามา
     
    สิ่งที่พระสันตะปาปากล่าวว่าจะนำไปสู่สันติสุข พลังอันยิ่งใหญ่ อังริเอตต้ารู้จักชายผู้มาจากต่างโลกคนหนึ่งซึ่งเคยถือทั้งอำนาจสูงสุดบนโลกและพลังอันมหาศาลที่ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ ตัวเขาปรารถนาโลกที่สงบสุข แม้กระนั้นก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ
     
    อีกสิ่งหนึ่ง เป้าหมายร่วมกัน บนโลกที่เผชิญกับหายนะครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมปรารถนาให้ความขัดแย้งสิ้นสุดลง ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังมีผู้ที่ยึดถือเป้าหมายที่ต่างออกไปอยู่เสมอ
     
    อังริเอตต้าที่ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นผ่านทางสายตาของชายคนหนึ่งมาแล้วไม่สามารถทำใจเชื่อสิ่งที่เซนต์เอจิสที่สามสิบสองกล่าวได้อย่างสนิทใจ
     
    เมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความหวังของสันตะปาปาและรอยยิ้มที่ดูเยาว์วัยเมื่อกล่าวถึงความฝัน อังริเอตต้าก็นึกถึงใบหน้าขึงขังของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาและแววตาที่ได้มองเห็นความฝันเดียวกันนั้นล้มเหลวมาแล้ว
     
    พลังที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบที่มากเพียงพอควบคุมไว้ ไม่เช่นนั้นจะนำมาซึ่งหายนะ ดังที่อังริเอตต้าได้เห็นเกิดขึ้นในโลกอีกใบ
     
    พลังที่ยิ่งใหญ่เช่นพลังที่แท้จริงขององค์ศาสดา แม้จะตามหาทั้งฮาลเคกิเนียก็อาจไม่มีใครที่มีความรับผิดชอบเพียงพอสำหรับมัน แม้จะรวมผู้คนทั้งฮาลเคกิเนียเข้าด้วยกันก็อาจยังไม่เพียงพอ
     
    แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นสันตะปาปา ซึ่งอังริเอตต้ารู้ว่าตัวเองควรมอบความศรัทธาและภักดีให้
     
    กลับกันเสียอีก ผู้ที่ได้ความเชื่อถือของเธอไปกลับเป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตที่ทั้งเหมือนและตรงข้ามกับสันตะปาปา
     
    องค์ศาสดา โปรดยกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย จิตใจของข้าพระองค์มีศรัทธาที่อ่อนแอ เลือกที่จะเชื่อคนต่างโลกมากกว่าผู้ที่เป็นโล่ของพระองค์
     
    อังริเอตต้ารำพึงอยู่เพียงลำพังขณะมองดูมดสองกลุ่มที่เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เลเวียธานยกแขนขึ้นกอดอก ดวงตาสีน้ำทะเลลึกมองดักแด้ผ้าห่มบนเตียง ก่อนจะเลื่อนไปที่เมดสาวผมดำที่ยืนอยู่กลางห้อง  และมาจบที่เด็กหนุ่มผมสีดำที่พยายามดึงผ้าห่มนำตัวอ่อนในดักแด้ออกมาสู่ภายนอก
     
    นายทำอะไรอีกแล้ว?
     
    ทำไมถึงต้องเป็นฉันตลอดเลยเล่า... ไซโตะคอตก
     
    ไซโตะ เกิดอะไรขึ้นกับมิสวาลลิแยร์ เอ็กซ์ช่วยไซโตะด้วยการถามเป็นกลางๆ
     
    จะอะไรซะอีกล่ะคะ หมอนี่คงไปพูดอะไรที่ดูถูกความพยายามของหลุยส์เข้าน่ะสิคะ เลเวียธานชิงตอบ เปรยถึงเรื่อง การติวความเป็นผู้หญิงของคีร์เก้เมื่อวาน แน่นอนว่าเอ็กซ์ไม่รู้เรื่องนั้น
     
    ไม่ใช่ไม่ใช่ ยัยนี่แค่หดหู่เรื่องที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้แค่นั้น นี่หลุยส์ ลุกขึ้นมาได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน?!” ไซโตะพูดไปก็อดคิดไม่ได้ว่าปกติเขาต้องเป็นฝ่ายถูกพูดคำนั้นด้วยในตอนเช้า
     
    ไซโตะให้เซียสต้าจับปลายผ้าห่มข้างหนึ่ง ตัวเองจับอีกข้างหนึ่ง แล้วดึงสุดแรงเกิด ดักแด้ลอยพรวดลงมาจากเตียง ม้วนผ้าห่มคลายออกและตัวอ่อนที่อยู่ข้างในก็กลิ้งออกมานอนหงาย สวมชุดคลุมยาวทับชุดนอนสีดำไม่มีแขนและสั้นเหนือต้นขา เป็นความตรงข้ามที่ดูประหลาด ชั้นนอกเซียสต้าเป็นคนนำมาสวมให้เพราะกลางคืนอากาศเย็น ตัวหลุยส์เองไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากหดหู่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
     
    หลุยส์ รุณวัสดิ์
     
    ไซโตะใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มของหลุยส์ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มีแต่สายตาที่มองเพดานอย่างว่างเปล่า
     
    ไม่เอาน่าหลุยส์ ทำยังกะเอ็กซ์ตอนอยู่ที่บ้านคีร์เก้ไปได้
     
    คำพูดของไซโตะไม่มีความหมายลึกซึ้ง แต่ทำให้เอ็กซ์กะพริบตาปริบๆ และหันไปถามเลเวียธาน
     
    ฉันเป็นยังงั้นเหรอ?
     
    เลเวียธานแค่พยักหน้า
     
    มิสวาลลิแยร์ ลุกได้แล้วค่ะ จิ้ม เซียสต้าเอาบ้าง จิ้มแก้มอีกข้างของหลุยส์
     
    หลุยส์ ไปเรียน จิ้ม ไซโตะทำอีกครั้ง เปลี่ยนไปจิ้มไหล่
     
    เซียสต้าก็จิ้ม จิ้ม จิ้ม ว้าว นุ่มนิ่ม สนุกดีเหมือนกันนะคะ เซียสต้าพูดพลางเปลี่ยนจุดจิ้มไปเรื่อย
     
    เล่นอะไรของพวกนาย เลเวียธานหยีตาถามเสียงระอา
     
    แล้วหลุยส์ก็เปิดปากขึ้นและกล่าวด้วยเสียงที่ว่างเปล่า
     
    ไร้ค่าที่สุด ใช้เวทว่างเปล่าไม่ได้ แม้แต่ [เอ็กซ์โพลชั่น] ง่ายๆ ก็ไม่ออกมา มังกรลมที่ไม่มีปีก ตุ่นที่ไม่มีเล็บ แมลงน้ำที่ไม่มีขา ฉันตอนนี้ก็เป็นแค่หลุยส์ [ศูนย์สนิท]”
     
    เป็นคำพูดที่หดหู่ที่สุดจากคนที่เคยใช้คำเหล่านั้นกับอสูรรับใช้ เอ็กซ์คิดว่าต้องเปลี่ยนวิธีการ
     
    ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็แค่เพราะพลังเวทไม่พอไม่ใช่เหรอครับ? ตอนอยู่ที่กาเลียก็ใช้ไปเยอะ
     
    เหอ...
     
     ไซโตะตัดสินใจหันไปถามผู้รู้
     
    เดอร์ฟ
     
    อะไรเล่า เรียกฉันเฉพาะเวลาที่มีเรื่องจะถาม ดึงฉันออกมาเฉพาะเวลามีอะไรให้ฟันแค่นี้เรอะ ดาบเหล็กตอบอย่างอารมณ์เสีย แต่ไซโตะไม่สนใจ
     
    หลุยส์ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เป็นอะไร?
     
    พลังเวทไม่พอไง คำตอบเดียวกับเอ็กซ์
     
    ถ้างั้นแค่พักผ่อนเดี๋ยวก็กลับมาเองสินะ? ง่าย
     
    กับ ความว่างเปล่า มันไม่ง่ายยังงั้นหรอก ไม่รู้เลยว่ามันสะสมได้ยังไงและนานแค่ไหน แล้วก็ร่ายอันใหญ่ไปทั้งสองครั้ง
     
    ครั้งที่ทำลายกองทัพเรือนั่นใช่มะ? แล้วอีกครั้งนึง?
     
    ที่ล้มเจ้าหมอนั่นตอนตัวสีม่วงไง ถึงความกว้างจะดูต่างกันมาก แต่จริงๆ ใช้พลังงานไปน้อยกว่ากันไม่เท่าไหร่ ครั้งแรกก็ใช้ไปเยอะแล้ว หลังจากนั้นก็มีใช้เล็กใช้น้อยมาตลอด พอใช้ของใหญ่ครั้งที่สองก็เลยเกลี้ยง
     
    สรุปคำพูดของเดอร์ฟลิงเกอร์ก็คือจะไม่มี บึ้มใหญ่ อีกแล้ว
     
    งั้นก็ฟื้นกลับมาสิ
     
    จะใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะ? ปี สองปี ลูกใหญ่แบบนั้นอาจไม่ได้อีกตลอดชีวิตเลยก็ได้
     
    ไซโตะหันมองหลุยส์ที่นอนแผ่อยู่กับพื้น ขอบตาบวมแดงจากการร้องไห้ สภาพของหลุยส์ทำให้ไซโตะเจ็บจี๊ด
     
    หลุยส์ เธอทำพอแล้วน่า แม้แต่ท่านเทพก็ยังมีหยุดงานบ้างเลย เดือนตุลาฯน่ะ
     
    ...ไม่ได้
     
    เห?
     
    รู้ทั้งรู้ว่ามีคนกำลังวางแผนชั่วอยู่จะให้อยู่เฉยๆ ได้ยังไง แล้วฉันยังต้องหาทางให้นายกลับโลกเดิมอีก มีเรื่องที่ต้องทำตั้งมากมาย...แต่ฉันตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง...
     
    หลุยส์เริ่มร้องไห้ เซียสต้าตรงเข้าไปปลอบ จนตัวเองเริ่มจะน้ำตาคลอบ้าง
     

    (Credit: baka-tsuki.org)
     
    ท่านเอ็กซ์คะ? เลเวียธานหันหน้าไปถาม
     
    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ความว่างเปล่ามีโครงสร้างบางอย่างที่ต่างจากสี่มหาธาตุ แถมคนทั่วไปยังคิดว่าเป็นแค่ตำนานปรัมปรา จะหาใครที่รู้คงแทบไม่มีหรือไม่มีเลย
     
    ความว่างเปล่าเป็นพลังขององค์ศาสดานี่คะ ถ้างั้นประเทศที่ชื่อ [โรมาเลีย] ที่ว่าเป็นศูนย์กลางของความเชื่อนี้ก็น่าจะมีข้อมูลมากกว่าที่นี่ เลเวียธานออกความเห็น
     
    ก็อาจจะ แต่ทางจะไปโรมาเลียโดยไม่ผ่านกาเลียก็มีแต่ต้องไปทางทะเลเท่านั้น จะไปบนน้ำหรือบนฟ้าก็ต้องใช้เวลาทั้งนั้น ที่สำคัญ จู่ๆ จะเดินดุ่มเข้าไปแล้วบอกว่า ขอถามเรื่องพลังขององค์ศาสดาหน่อย มีหวังถูกว่าเป็นพวกดูหมิ่นศาสดาพอดี
     
    ในห้องมีเพียงเสียงสะอื้นและเสียงปลอบ(ที่สะอื้นพอๆ กัน)อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะประตูจะเปิดผางออก
     
    ไซโตะ! มีพระราชโองการจากราชินีถึงหน่วยอัศวินอองดีน!”
     
    กีชพุ่งพรวดเข้ามาด้วยอาการตื่นเต้น
     
    คำสั่งจากองค์หญิง?
     
    ใช่แล้ว! พระบัญชาจากฝ่าบาทโดยตรงถึงหน่วยอัศวินกับหลุยส์ อา~ เยี่ยมจริงๆ เลย! เพิ่งกลับจากภารกิจช่วยเหลือก็มีภารกิจต่อไปแล้ว! นี่ล่ะรสชาติชีวิตหน่วยอัศวิน!”
     
    เห็นสนแต่ฉลองอย่างเดียวไม่ใช่รึไง
     
    ความบันเทิงก็ส่วนความบันเทิง! ในใจของฉันรุ่มร้อนด้วยเปลวไฟแห่งความกระตือรือร้นเสมอล่ะ!”
     
    แล้วสรุปให้ทำอะไรล่ะ?
     
    อ๊ะ จริงสิ! ก่อนอื่นก็ไปที่ราชวังก่อน รายละเอียดให้ฟังจากฝ่าบาทเอง ไม่ต้องรงไม่ต้องเรียนมันแล้ว!”
     
    แค่อยากโดดไม่ใช่รึไง? ไม่เป็นไรแน่เหรอ นักเรียนชายตั้งหลายคนจะพร้อมใจกันหยุดเรียนยังงี้น่ะ?
     
    อ๊ะ เปล่าๆ  พระราชโองการเขียนไว้ว่าให้เฉพาะฉัน นาย กับหลุยส์ไปฟังรายละเอียดก่อน เอ่อ...แล้วก็ให้พานายผู้ติดตามไปด้วย ว่ายังงั้นน่ะ
     
    เอ็กซ์เลิกคิ้ว ส่วนเลเวียธานเบ้ปาก
     
    เดี๋ยวนี้เลยเหรอครับ?
     
    อาใช่
     
    เอ็กซ์หันไปทางไซโตะซึ่งกำลังมองหลุยส์อย่างชั่งใจ สภาพจิตใจของหลุยส์ตอนนี้อาจไม่เหมาะจะไปพบกับราชินีนัก ไซโตะก็คิดอย่างนั้น
     
    หลุยส์ไป—
     
    ฉันจะไป
     
    อย่าฝืนเลยน่า เธอพักผ่อนไปเถอะ
     
    ฉันจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝ่าบาทฉันจะไปทันที หลุยส์พูดด้วยเสียงที่แหบนิดๆ  แต่น้ำเสียงบอกว่าไม่ยอมถอย
     
    กีชมองสลับระหว่างหลุยส์กับไซโตะอย่างฉงน แล้วหันมาถามเอ็กซ์
     
    สองคนนี้เป็นอะไร?
     
    เอ็กซ์ไม่แน่ใจว่าควรบอกดีหรือไม่ จึงตอบเป็นกลางๆ ไว้
     
    มิสวาลลิแยร์มีเรื่องกลุ้มใจอยู่น่ะครับ
     
    ในเวลาเดียวกับที่เอ็กซ์ตอบ เสียงกระพือปีกก็เข้าทางหน้าต่าง เป็นนกฮูกตัวเดียวกับที่ปราสาทลา วาลลิแยร์
     
    จดหมายถึงท่านหลุยส์ขอรับ
     
    หลังจากทิ้งซองจดหมายไว้ให้นกฮูกก็บินกลับไป
     
    หลุยส์คลี่จดหมายออกอ่าน ทีแรกสีหน้าดูสดใสขึ้น จากนั้นก็หม่นหมองลงดังเดิม มากกว่าเดิม
     
    จดหมายจากที่บ้านเหรอ? เขียนว่าอะไร?
     
    แต่หลุยส์ไม่ตอบ พับจดหมายเก็บและเดินโซเซไปที่ตู้เสื้อผ้า
     
    เอ้า ออกไปกันได้แล้ว
     
    เลเวียธานจับไหล่เอ็กซ์กับกีชและดันไปทางประตู
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เจอกันในห้องสมุด? จะว่าบังเอิญก็เป็นที่ที่เหมาะกับเธอแล้วล่ะนะ
     
    ทาบาสะเพียงแต่จับชายเสื้อเชิ้ตเครื่องแบบนักเรียนและสอดแขนขวาเข้าไป ไม่ตอบสนองต่อน้ำเสียงตื่นเต้นของคีร์เก้
     
    เด็กสาวเยอร์มาเนียมาเคาะประตูห้องระหว่างที่ทาบาสะกำลังแต่งตัวอยู่ เมื่อทาบาสะให้เข้ามาก็นั่งผลุงลงบนเตียงและเล่าเรื่องที่ ติวเข้ม เพื่อนสาวผู้อาภัพด้านความสัมพันธ์สองคนเมื่อวาน จนกระทั่งวกมาเรื่องทาบาสะในขณะนั้น
     
    เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ห้องสมุดไม่ให้สามัญชนเข้านี่? แล้วเจอกันข้างในได้ยังไง?
     
    อสูรรับใช้คนนั้น...ไซโตะพาเข้าไป
     
    ไซโตะ เป็นชูวาลิเยร์แล้วนี่นะ เอ๋~ ถ้างั้นก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะสิ บรรยากาศออกจะเป็นใจแท้ๆ  ในความเงียบ...มุมมืดสลัวที่ไม่มีใครเห็น... คีร์เก้เอ่ยเสียงต่ำ สื่อสิ่งที่คิดด้วยน้ำเสียงแทนคำพูด
     
    ห้องสมุดมีไว้อ่านหนังสือ
     
    ก็นั่นล่ะ ทำเรื่องที่พูดไม่ได้ในสถานที่ต้องห้าม... ไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้างเหรอ~”
     
    ทาบาสะไม่ตอบกลับมาทันที คีร์เก้ถือเป็นคำตอบและหัวเราะอย่างมีนัย
     
    แค่ช่วยสอนอ่านหนังสือให้ไซโตะ
     
    รอยยิ้มกรุ้มกริ่มหุบลงลงเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสที่จะได้อยู่สองต่อสองโดยปริยาย คีร์เก้เอนตัวไปด้านหลังและวางมือค้ำบนเตียง
     
    เพราะมาจากอีกโลกก็เลยอ่านตัวหนังสือไม่ออกสินะ...ว่าไปแล้วพูดกันรู้เรื่องได้ยังไง...หืม?
     
    สายตาคีร์เก้ที่มองออกไปนอกหน้าต่างสะดุดสีชมพูที่สะท้อนแสงแดด
     
    นั่นหลุยส์นี่ กีชกับไซโตะก็อยู่ด้วย จะออกไปไหนกันนะ ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วแท้ๆ
     
    ทาบาสะติดกระดุมเสื้อต่อไปราวกับไม่ใส่ใจ
     
    สุดที่รักของเธอก็ไปด้วยนะ รอยยิ้มมีนัยกลับมา
     
    ทาบาสะกลัดผ้าคลุมราวกับไม่สนใจ หยิบไม้เท้าที่พิงอยู่กับตู้เสื้อผ้า และตรงไปที่หน้าต่างข้างเตียง คีร์เก้ดันตัวลุกขึ้นจากเตียง รอยยิ้มยังคงไว้
     
    ทาบาสะขบปลายนิ้วชี้กับหัวแม่มือและเป่าเป็นเสียงแหลม ไม่นานมังกรสีน้ำเงินก็ปรากฏตัวที่หน้าต่าง
     
    เพราะอยู่ในบริเวณโรงเรียนที่อาจมีคนฟังอยู่ซิลฟีดจึงเพียงแค่ร้อง กิ๊ว  แต่ดวงตากลมใสคาดหวังว่าเจ้านายจะมีของกินให้ แต่ก็เป็นความหวังที่ไม่เป็นจริงเช่นเคย
     
    ลงไปหาพวกเขา ทาบาสะเอ่ยหลังจากตัวเองและคีร์เก้ขึ้นมาบนหลังแล้ว
     
    ซิลฟีดร้อง กิ๊ว อย่างน้อยใจนิดๆ ก่อนจะร่อนลงไปที่กลุ่มคนบนหลังม้าด้านล่าง ดักที่หน้าทางออก
     
    ฉันไปด้วย
     
    ทาบาสะพูดขึ้นก่อน ทำให้พวกไซโตะประหลาดใจ
     
    ทาบาสะ? องค์หญิงเรียกแค่หน่วยอัศวินกับหลุยส์ เธอไม่ต้องไปก็ได้ ไซโตะบอกเมื่อคิดว่าทาบาสะตั้งใจมาช่วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร เหมือนอย่างที่ช่วยสอนอ่านหนังสือเมื่อเย็นวาน
     
    ตอบแทนที่ช่วยฉัน
     
    ไซโตะมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร ทั้งการมีซิลฟีดยังทำให้การเดินทางรวดเร็วขึ้นด้วย
     
    ในที่สุดพวกไซโตะก็ตกลงและย้ายจากหลังม้าไปยังซิลฟีด
     
    แต่ปัญหามีอยู่ข้อหนึ่ง
     
    เจ็ดคนมากเกินไป
     
    ทาบาสะซึ่งเป็นเจ้านายรู้ขีดจำกัดของซิลฟีดเป็นอย่างดี
     
    คณะเดินทางสบตากันว่าใครจะถอนตัว กีช ไซโตะ หลุยส์ และเอ็กซ์เป็นชื่อที่ถูกเรียกไป อย่างไรก็ต้องไปแน่นอน ทาบาสะต้องไปกับซิลฟีดด้วย ก็เหลือแต่คีร์เก้กับเลเวียธาน
     
    ช่วยไม่ได้นะ งวดนี้ฉันไม่ไปด้วยก็ได้ คีร์เก้ลูบท้ายทอยอย่างผิดหวังนิดๆ ก่อนจะกระโดดลงจากหลังซิลฟีด
     
    งั้นก็ตกลงตามนี้ เลเวียธานพูดขึ้นแทนคนอื่นที่ยังประหลาดใจ
     
    นี่จะไม่ถามหรือเสนอตัวอยู่แทนบ้างเหรอ? คีร์เก้ยิ้มถามอย่างไม่จริงจัง
     
    ไม่ได้หรอก ปล่อยให้เจ้านายคลาดสายตาไม่ได้ เดี๋ยวไปซนที่ไหนอีก เลเวียธานตอบอย่างจริงจัง
     
    เอ็กซ์เพียงแค่ถอนใจอย่างเงียบๆ โดยไม่เถียงหรือท้วง
     
    ตอนนั่งรถก็ทีแล้ว หมู่นี้เรื่องน่าสนุกนี่พลาดตลอดเลยน้า~” คีร์เก้รำพันพลางชำเลืองเพื่อนสนิทซึ่งหน้านิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน
     
    คีร์เก้รวมบังเหียนม้าที่ไร้คนขี่ระหว่างที่คณะเดินทางย้ายจากม้าไปขึ้นหลังมังกร หลุยส์ที่ไม่ยอมขยับตัวต้องให้ไซโตะแบกไป
     
    เมื่อทุกคนเข้าที่แล้วซิลฟีดก็ออกบินตรงไปทางทริสทาเนีย ภาพคีร์เก้ที่ยืนโบกมือเล็กลงจนลับสายตา
     
    [...]
     
    [.....]
     
    คณะเดินทางมาถึงราชวังและเข้าเฝ้าราชินีที่ห้องทำงาน
     
    ราชินีนั่งเก้าอี้รออยู่ เมื่อทหารพาเข้ามาในห้อง สายตาก็จับที่ผู้ที่แจ้งให้มาด้วยชื่อทั้งสี่คนก่อน
     
    เมื่อประตูปิดลงและในห้องเหลือเพียงคณะเดินทาง อังริเอตต้าก็กล่าว
     
    ขอบคุณทุกท่านที่มา ขออภัยที่ต้องรบกวนเวลาพักผ่อนของพวกท่าน
     
    มิได้พะยะค่ะ หน่วยอัศวินอองดีนพร้อมรับใช้ฝ่าบาทเสมอ กีชคุกเข่าลงหนึ่งข้าง คนที่เหลือทำตาม เว้นแต่เลเวียธานที่ยังคงจุดยืนเสมอต้นเสมอปลาย
     
    คุณเอ็กซ์ เป็นยังไงบ้าง ชินกับตำแหน่งหรือยังคะ อังริเอตต้าหันมายิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
     
    เป็นพระกรุณายิ่งพะยะค่ะ ทุกคนต้อนรับกระหม่อมอย่างอบอุ่น เอ็กซ์ตอบ ไม่ถือว่าโกหก คำว่า อบอุ่น ของหน่วยอองดีนก็เป็นอย่างนั้น
     
    เลเวียธานยืนอยู่ด้านหลัง มองดูอังริเอตต้าและสังเกตเห็นในแววตา ว่าราชินีมีสิ่งที่อยากจะพูดกับเจ้านายของเธอ และคงเป็นการขอคำปรึกษาดูจากความกลัดกลุ้มที่ปรากฏ
     
    แต่ที่สุดแล้วความสำคัญของธุระก็มาก่อน
     
    ข้าเรียกพวกท่านมาเพราะมีเรื่องที่อยากให้พวกท่านช่วย
     
    ขอฝ่าบาทโปรดบัญชาพะยะค่ะ
     
    ข้าอยากให้พวกท่านนำผู้ใช้ความว่างเปล่าจากอัลเบี้ยนมาที่นี่
     
    ทิฟฟาเนียเหรอครับ? ไซโตะถามอย่างประหลาดใจ อังริเอตต้าพยักหน้า
     
    ...ผู้ที่มีพลังของความว่างเปล่าอยู่เพียงลำพังเช่นนั้นอาจมีอันตราย โดยเฉพาะในดินแดนที่ทางราชสำนักกาเลียมีอิทธิพล ทั้งจากข้อมูลที่ทราบ เธอคนนั้นยังมีสายเลือดของราชวงศ์อัลเบี้ยน ถือเป็นญาติของข้า เรื่องนั้นข้าไม่สามารถมองข้ามได้
     
    แต่ว่า...ทิฟฟาเนียอยู่กับเด็กกำพร้า เป็นคนดูแลอยู่นะครับ
     
    ถ้าเช่นนั้นก็พาพวกเขามาด้วย ให้ชีวิตของพวกเขามั่นคงขึ้น
     
    ...ถ้าองค์หญิงพูดถึงขนาดนั้นพวกเราก็จะพามาครับ
     
    ขอบคุณมาก สิ่งที่ข้าต้องการมีเท่านี้
     
    อังริเอตต้าวางศอกบนพนักรองและถอนใจเบาๆ
     
    ไซโตะสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าและความสับสน เพราะหลุยส์เองก็มีใบหน้าคล้ายกัน
     
    มีเรื่องกลุ้มใจเหรอครับ?
     
    ...เป็นเรื่องที่ข้าต้องตัดสินใจ ข้าจะบอกพวกท่านภายหลัง ตอนนี้ขอให้พวกท่านเร่งทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเถอะ
     
    ภายหลัง เมื่อตัดสินใจได้ว่าควรคิดอย่างไรต่อข้อเสนอของสันตะปาปา
     
    หมู่บ้านเวสต์วู้ดอยู่เลยจากเมืองท่าไปหน่อย...ทาบาสะ ถ้าไปกับซิลฟีดจะเร็วกว่าใช่มั้ย? ไซโตะหันไปถาม ทาบาสะพยักหน้า
     
    ถ้าไปตอนนี้จะถึงก่อนค่ำ
     
    งั้นก็ดีน่ะสิ คงได้กลับมาพรุ่งนี้
     
    แต่ขากลับซิลฟีดแบกกลับมาทั้งหมดไม่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงต้องตามแผนเดิมที่อังริเอตต้าวางไว้
     
    ที่โรไซธ์จะมีเรือเตรียมไว้ให้ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง
     
    ข้อสำคัญมีเพียงเท่านั้น คณะเดินทางกล่าวลาเตรียมออกเดินทาง
     
    องค์หญิงแห่งกาเลีย ขอบคุณที่ท่านให้ความร่วมมือกับเรา
     
    อังริเอตต้ากับทาบาสะสบตากัน ทั้งสองสื่อสารกันสั้นๆ ทางสายตาอย่างคนที่เข้าใจกันในระดับหนึ่ง
     
    เราคงต้องปรึกษาเแผนการในอนาคตของท่านไม่ช้าก็เร็ว
     
    ทาบาสะพยักหน้า และบทสนทนาก็จบลงแต่เพียงเท่านั้น คณะเดินทางเดินกลับไปที่ประตู
     
    ไซโตะสังเกตว่าอังริเอตต้ากับหลุยส์ไม่ทักทายหรือแม้แต่แสดงท่าทีว่าสื่อสารกันเลย ต่างคนต่างมีเรื่องที่รุมเร้าใจจนไม่ทันคิดถึง
     
    ไว้กลับมาก่อนละกัน ถึงตอนนั้นหลุยส์อาจจะอารมณ์ดีขึ้นที่ได้ช่วยงานองค์หญิง
     
    ทว่ามีคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่กับที่ขณะที่คนอื่นไปที่ประตูหมดแล้ว
     
    รอฉันเดี๋ยว ฉันมีเรื่องจะคุยกับราชินี เลเวียธานประกาศอย่างไม่เกรงใจ
     
    เอ็กซ์ทำท่าจะเดินกลับเข้ามาด้วย แต่ถูกเลเวียธานยกมือห้ามไว้
     
    แค่ฉันกับราชินีค่ะ ครั้งก่อนท่านเอ็กซ์ได้สิทธิ์ไปแล้ว ครั้งนี้ฉันบ้าง
     
    เลเวียธานส่งสายตาถามอังริเอตต้าว่า คงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?
     
    อังริเอตต้าแสดงสีหน้างุนงงอยู่แวบหนึ่ง แต่ก็พยักหน้าให้คนที่เหลือออกไป
     
    ประตูปิดลง ในห้องเหลือเพียงราชินีกับพรายสาว
     
    เลเวียธานไม่เริ่มพูดทันที ทั้งที่น่าจะกำลังรีบ อังริเอตต้ารู้ว่าเป็นเพื่อเพิ่มความกดดัน ซึ่งตัวอังริเอตต้าเองก็กำลังรู้สึก แต่ก็รอให้พรายสาวเป็นฝ่ายพูดก่อน
     
    เรื่องที่ฉันอยากจะ ไม่สิ ต้องพูดให้ได้ถึงจะไม่อยากก็คือเรื่องของท่านเอ็กซ์
     
    อังริเอตต้ากลืนน้ำลาย แรงกดดันจากท่าทางจริงจังของเลเวียธานส่งมาถึง ความกลุ้มใจเรื่องพระสันตะปาปาหายไปชั่วคราว
     
    ช่วงที่มีเรื่องยุ่งๆ ของนานะกับท่านเอ็กซ์ไม่มีโอกาสได้พูด แต่ฉันก็รู้มาว่ามีมนุษย์ผู้หญิงโลกนี้สามคนที่ชอบพอท่านเอ็กซ์...แบบนั้นน่ะ ตอนท้ายเลเวียธานทำหน้าเหยเก
     
    สามคนนั้นก็คือทาบาสะ คัทเลยา แล้วก็เธอ
     
    แก้มของอังริเอตต้าร้อนขึ้นนิดๆ เมื่อถูกพูดถึงตัวเอง ส่วนชื่ออีกสองคนนั้นพอรู้มาบ้างไม่มากก็น้อยจึงไม่ประหลาดใจ
     
    ทาบาสะกับคัทเลยา ถึงจะไม่ละเอียดแต่ก็พอรู้คร่าวๆ  ในอดีตท่านเอ็กซ์เคยมีบุญคุณกับสองคนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นแบบธรรมดาแบบชาวบ้านเขาหรือว่า...ไม่สิ ดูจากอาการแล้วคงจะเป็นแบบเจ้าชายขี่ม้าขาวซะมากกว่า เลเวียธานทำหน้าเหมือนกินยาขมกับสิ่งที่ตัวเองพูดเป็นครั้งที่สอง
     
    ความคิดของสองคนนั่นต่อท่านเอ็กซ์เข้าใจไม่ยาก ความผูกพัน ความซาบซึ้ง ความหวังดีอะไรพวกนั้น ไม่มีอะไรน่าสงสัย ...แต่องค์หญิงอีกคนไม่ได้เป็นอย่างนั้น
     
    ดวงตาสีน้ำทะเลลึกจ้องมองอังริเอตต้าตรงๆ
     
    ...หมายความว่ายังไงเหรอคะ?
     
    หมายความว่าเรื่องที่เธอท่าทางสนใจท่านเอ็กซ์มันน่าสงสัยน่ะสิ
     
    อังริเอตต้าประหลาดใจ แต่ความหงุดหงิดที่แทรกเข้ามาเป็นส่วนที่แสดงออกทางสีหน้า
     
    ทำไมล่ะคะ? ฉันเองก็เหมือนกับมิสออร์เลียงและคุณคัทเลยา เป็นผู้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา เขาเคยช่วยฉันไว้จากการถูกลักพาตัว
     
    แต่เธอก็ลืมไป ฉันยังจำได้นะ ตอนที่เจอกันครั้งแรก ที่เธอถามว่า เอ็กซ์ เป็นชื่อของใคร
     
    อังริเอตต้าก็จำได้เช่นกัน น—นั่นเพราะเป็นเรื่องตั้งแต่ฉันอายุแค่แปดปี
     
    นั่นน่ะสิ เรื่องตั้งแต่สมัยยังเด็ก จนโตมาก็ลืมไปแล้วไปมีคนรักอีกคน ที่รักมากจนยอมทิ้งชีวิตปัจจุบันเพื่อจะตามศพเปล่าๆ ไป แล้วพอมานึกได้ทีหลัง ความรู้สึกถึงบุญคุณก็เปลี่ยนเป็นความชอบ อย่างนั้นน่ะเหรอ? ถามใครใครก็ว่าเชื่อยาก
     
    ...แต่ว่าก็เป็นความจริง ไม่ใช่แค่บุญคุณในสมัยเด็กเท่านั้น ในปัจจุบันเองฉันก็ได้รับความช่วยเหลือจากเขาไม่ว่าจะเป็นด้วยการกระทำหรือเพียงแค่พูดคุย และตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีความเข้มแข็งและความดีงามคนหนึ่ง คุณเองจึงได้ติดตามเขาไม่ใช่เหรอคะ?
     
    อังริเอตต้าตั้งใจเป็นฝ่ายสวนกลับบ้าง แต่เลเวียธานไม่สะทกสะท้าน
     
    นั่นล่ะที่ฉันสงสัย ไม่ใช่ว่าความจริงแล้วก็แค่บังเอิญท่านเอ็กซ์เป็นคนที่ช่วยเหลือช่วยพยุงเธอได้หลังจากที่เสียคนรักคนก่อนไปเท่านั้นหรอกเหรอ?
     
    “! เรื่องนั้น...
     
    อังริเอตต้าปฏิเสธไม่ได้ทันที เพราะตัวเองก็ไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ
     
    ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เหมือนกับท่านเอ็กซ์เป็นแค่เสาให้เธอพักพิงเท่านั้น ที่ให้เข้าหน่วยอัศวินก็คืออยากได้เสานั้นไว้ใกล้ตัว ถ้าฉันเห็นคนที่เข้ามาแต่จะใช้ประโยชน์จากท่านเอ็กซ์ ปกติมันต้องไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว
     
    เลเวียธานขึงตา ให้อังริเอตต้ารู้ว่าไม่ได้พูดเล่น
     
    ถ้าจะใช้ท่านเอ็กซ์ทำโน่นทำนี่โดยที่เห็นเป็นแค่ตัวแทนใครล่ะก็ อย่าคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ  ถ้าเธอจะตามท่านเอ็กซ์ด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ล่ะก็มันเสียมารยาทกับอีกสองคน รู้ไว้
     
    อังริเอตต้าไม่มีคำที่จะตอบโต้ เหมือนกับเรื่องกลุ้มใจจากพระสันตะปาปา เป็นเรื่องที่เธอเองยังไม่เข้าใจตัวเอง
     
    เลเวียธานหายใจหนักๆ หนึ่งครั้ง
     
    คิดให้ดีๆ  แต่จนกว่าเธอจะให้คำตอบได้ฉันจะจับตาดูเธอไว้
     
    พูดจบเลเวียธานก็หันหลังเปิดประตูออกไป ธรรมดาเป็นกิริยาที่เสียมารยาทกับราชินีอย่างมาก แต่ในเวลานั้นไม่มีใครสังเกตหรือใส่ใจ
     
    อังริเอตต้าไม่ได้มองประตูที่ปิดลง แต่ก้มมองสองมือของตัวเองที่กำอย่างอ่อนแรงอยู่ใต้โต๊ะ
     
    เรื่องเดิมยังไม่ทันคลี่คลาย เรื่องกลุ้มใจเรื่องใหม่ก็เพิ่มขึ้นมา และทั้งสองเรื่องมีคนหนึ่งคนที่เกี่ยวข้อง
     
    หากจะขจัดความสับสนออกไปก็มีแต่ต้องทำความเข้าใจจิตใจของตัวเองให้ได้
     
    ก็สมควรแล้ว... อังริเอตต้ารำพึงกับตัวเอง ความโลเลเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี ทั้งในฐานะราชินี และในฐานะผู้หญิง
     
    [...]
     
    เลเวียธานปิดประตูห้องทำงานของราชินี ทันทีที่ออกเดินก้าวแรก ความไม่แน่ใจต่างๆ ที่กันออกไประหว่างบทสนทนาเมื่อครู่ก็ประดังกลับเข้ามาพร้อมกัน
     
    พูดเกินไปรึเปล่านะ ไม่สิ แต่เดิมมันเป็นเรื่องที่เรามีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายรึเปล่า?
     
    ในแง่หนึ่ง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างท่านเอ็กซ์กับคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเธอ ในอีกแง่หนึ่ง มันก็เกี่ยวพันถึงสถานที่ที่เจ้านายของเธอจะไป สิ่งที่เจ้านายของเธอจะทำ
     
    เลเวียธานต้องติดตามเจ้านายไปแทบทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว ดังนั้นจะว่าเกี่ยวข้องกับเธอด้วยไม่มากก็น้อยก็ไม่น่าจะผิด
     
    ก็...ถ้าเกิดระหว่างท่านเอ็กซ์กับคนไหนเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาจริง เราก็ต้องเจอหน้าคนนั้นตลอด ถ้าเป็นคนที่ยังมีเรื่องไม่ถูกใจ มันก็มีปัญหา
     
    เลเวียธานรู้ว่าตัวเองมีอคติกับราชินีแห่งทริสเทนติดค้างมาแต่เก่าก่อน ถึงตอนนี้เหตุผลนั้นจะไม่มีแล้ว แต่มันก็ยังอยู่ เลเวียธานเองก็อยากจะสะสางเรื่องที่ค้างคาไว้เสียทีเหมือนกัน
     
    เอาเป็นว่าถ้าให้คำตอบที่ถูกใจได้ ทางนี้เองก็จะพยายามเหมือนกัน
     
    เลเวียธานหยุดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อออกมาถึงลานหน้าปราสาทที่คณะเดินทางรออยู่
     
    [...]
     
    ขณะเดียวกันที่เมืองท่าชายทะเลของกาเลีย ซัง มาร็อง ฐานทัพเรือของกองทัพกาเลียแห่งนี้ยังคงเรียงรายด้วยหอคอยเหล็กและเรือที่เทียบท่าเช่นเคย
     
    บริเวณที่อยู่อาศัยล้วนแต่เป็นบ้านที่ก่อจากอิฐก้อน หากมองจากด้านบนจะเห็นหลังคาสีแดงเรียงราย เว้นแต่ที่ชานเมืองฝั่งหนึ่งซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่เด่นสะดุดตา
     
    สร้างด้วยไม้และคลุมด้วยผ้าใบเรือผืนใหญ่บนฐานหินและปูน เป็นรูปทรงกระบอกที่นอนลงกับพื้น อาคารหลังนี้เป็นเขตหวงห้าม มีทหารประจำการป้องกันสายตาสอดส่อง
     
    หนึ่งในทหารแหงนหน้ามองเรือเหาะลำใหญ่ที่กำลังเข้าเทียบท่าหอคอยเหล็กหน้าอาคารหลังนั้น
     
    นั่นเรือชาร์ลล์ ออร์เลียงไม่ใช่เหรอ?
     
    ใหญ่เวอร์จริงๆ
     
    เรือรบประจำราชวงศ์กาเลีย ได้ชื่อตามพระอนุชาที่ล่วงลับไปเมื่อสามปีก่อนของราชาองค์ปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดด้วยความยาว 150 เมล หลังเล็กซิงตันของอัลเบี้ยนล่มลง
     
    ธงประจำราชวงศ์โบกสะบัดบนเรือ
     
    เฮ้ย ยังงี้ราชาก็มาด้วยดิ
     
    จริงด้วยว่ะ มาตรวจการอะไรรึเปล่า?
     
    น่าจะไอ้นั่นล่ะมั้ง ไอ้ อาคารทดลอง นั่นน่ะ รู้ยัง? เขาว่ามีพวกประหลาดๆ อยู่ในนั้นเยอะแยะ ทีนี้แม้แต่ราชาก็มาด้วย ...อย่าไปพูดดังนะ แต่เขาว่ามีเอลฟ์ด้วย
     
    เฮ่ย พวกขี้เมาหลอนไปเองมากกว่า
     
    ไม่ๆ  รู้สึกว่าจะจริงว่ะ มีคนเห็นกลุ่มคนไปที่อาคารทดลองกลางดึกกลางดื่น หนึ่งในนั้นมีหูแหลมเปี๊ยบยื่นออกมา
     
    เมื่อเรือเหาะเข้าเทียบท่าสนิท ดนตรีก็บรรเลงขึ้น เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเข้าแถวหน้ากระดานเรียงตลอดทางเดินที่ปูด้วยหินจากหอคอยเหล็ก มือจับคทาขึ้นทำความเคารพ สะพานพาดลงจากกราบเรือ พลันร่างผมสีฟ้าในผ้าคลุมผืนใหญ่ก็ปรากฏขึ้น
     
    ทหารสองคนมองภาพของราชาอยู่ห่างๆ
     
    ราชาผู้ไร้สามารถ มีธุระอะไรกับที่นี่นะ...ไอ้อาคารนั่นมันอะไรกันแน่?
     
    [...]
     
    ภายในอาคารทดลองราวกับเป็นคนละโลกกับภายนอก ความร้อนระอุภายใต้ผืนผ้าใบราวกับเป็นห้องอบไอน้ำ
     
    มิสซิสมอลิแยร์รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยขณะมองไปรอบๆ  เท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
     
    หม้อขนาดใหญ่ที่ไม่ทราบสสารภายในตั้งเรียงรายรอการศึกษาวิจัย เตาหลอมขนาดใหญ่หลายเตาพ่นไอร้อนระอุขณะหลอมเหล็กสีแดงสว่าง กลุ่มคนในชุดนักวิจัยออกคำสั่งคนงานก่อนจะออกไป ข่าวแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าโจเซฟจะมาทั้งหมดจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก
     
    ระหว่างทางมิสซิสมอลิแยร์เห็นแท่งตีเหล็กขนาดยักษ์และแผ่นเหล็กยาวสิบเมลจำนวนมากเรียงราย
     
    แผ่นเหล็กพวกนั้นจะใช้ทำอะไรหรือเพคะ?
     
    ทำชุดเกราะ
     
    โธ่! อย่าล้อเล่นสิเพคะ ใครกันจะใส่ชุดเกราะใหญ่ขนาดนั้น
     
    ทั้งคู่มาถึงใจกลางอาคาร เป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ มีที่นั่งอย่างดีสำหรับแขกพิเศษติดตั้งไว้
     
    หญิงสาวสวมฮู้ดกับชายสวมหมวกปีกกว้างยืนรออยู่
     
    มิสซิสมอลิแยร์เคยเห็นร่างที่สวมผ้าคลุมและฮู้ดในราชวังหลายครั้ง และทีแรกก็นึกว่าเป็นคนเดียวกัน ทว่าสังเกตไม่นานก็เห็นความแตกต่าง
     
    พวกหม่อมฉันรอฝ่าบาทอยู่แล้วเพคะ
     
    อย่างแรกคือความสูง เห็นได้จากการโค้งคำนับ หญิงสาวคนนี้ตัวสูงกว่าพอสมควร อีกอย่างคือบรรยากาศ หากแบ่งคำว่า เย็นชา ออกเป็นสองส่วน ร่างที่เธอเห็นบ่อยๆ มีความ เฉยชา ส่วนหญิงสาวข้างหน้านี้เป็นความ เย็นเยียบ
     
    มิสซิสมอลิแยร์รู้สึกไม่ปลอดภัยและขยับเข้าไปใกล้โจเซฟ แต่ตัวโจเซฟเองกลับเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นและวางมือสองข้างลงบนไหล่อย่างหนักแน่น
     
    เมียวธ์คนใหม่ของข้า! ตอนที่เสียเมียวธ์คนเก่าไปข้ากลัวแทบแย่ว่าจะไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์ แต่เจ้าก็ทำได้!”
     
    ต้องขอบคุณท่านบิดาชาร์ ความร่วมมือจากเขาทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
     
    ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆ ค้อมตัวเล็กน้อยแทนการเคารพ หมวกปีกกว้างบดบังใบหน้า เห็นเพียงริมฝีปากบางที่ขยับพูด
     
    ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว
     
    เป็นเสียงที่เรียบเฉย คำพูดเช่นนั้นต่อผู้ที่เป็นถึงราชาทำให้มิสซิสมอลิแยร์เลิกคิ้ว แต่โจเซฟไม่มีท่าทีใส่ใจเรื่องนั้นเลย
     
    อะไรกัน จอร์มุนกันดร์เสร็จสิ้นได้ทั้งที ทำหน้าอย่างกับล้มเหลวไปได้!”
     
    ...ควรเรียกว่าเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ก็คงแล้วแต่ท่าน ตัวมันเองสามารถทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่เพื่อการนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนโครงสร้างที่วางไว้แต่เดิมหลายประการ ล้วนแล้วแต่เป็นการนำสิ่งอื่นมาทดแทนโครงสร้างเดิมที่ไม่สามารถทำได้ ประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
     
    หญิงสาวในฮู้ดหันขวับไปทางบิดาชาร์ มุมปากตกลง แต่โจเซฟหัวเราะอย่างบันเทิงใจ
     
    ฮะๆๆ! อะไรกัน ถึงจะเป็นเอลฟ์ที่วิทยาการล้ำหน้าการจะขอให้ตามเมียวธ์คนก่อนของฉันให้ได้ก็โหดร้ายเกินไป ข้าไม่โทษเจ้าหรอก!”
     
    ชายที่ชื่อบิดาชาร์ไม่ได้ชักสีหน้าอย่างหญิงสาวสวมฮู้ด แต่ได้ยินคำพูดแบบนั้นมิสซิสมอลิแยร์ไม่คิดว่ามีใครที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย
     
    ขออภัยหากเป็นการล่วงเกินต่อรุ่นก่อนหม่อมฉัน แต่โครงสร้างเดิมแม้ประสิทธิภาพจะน่าทึ่ง ความละเอียดซับซ้อนก็เป็นอุปสรรคต่อการผลิตเป็นจำนวนมาก การใช้วัสดุที่สังเคราะห์ได้ง่ายกว่า และกลไกที่เรียบง่ายขึ้นทำให้ขยายการผลิตได้ หม่อมฉันเชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าไม่มากก็น้อย
     
    โจเซฟหุบยิ้ม คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มดังเดิมและพยักหน้า
     
    จริงสินะ จำนวนก็สำคัญ ทำได้ดีมาก เมียวธ์คนใหม่ของข้า
     
    มิได้ หม่อมฉันเพียงปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อฝ่าบาทเพคะ หญิงสาวโค้งคำนับอีกครั้ง
     
    ดีๆ  เอาล่ะ รีบจัดการ ข้าอยากเห็นเต็มทีแล้ว
     
    โจเซฟโบกมือไล่ บิดาชาร์เดินหายเข้าไปในประตูอีกด้านของลานกว้าง ระหว่างนั้นโจเซฟกับมิสซิสมอลิแยร์ก็นั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้ หญิงสาวสวมฮู้ดยืนอยู่ด้านขวามือของโจเซฟ
     
    ฝ่าบาท  จอร์มุนกันดร์ ที่ทรงกล่าวถึงนี้คืออะไรหรือ?
     
    จำตุ๊กตาอัศวินที่ท่านเคยให้ข้าได้รึเปล่า?
     
    ตุ๊กตาหรือเพคะ?
     
    ตัวตุ๊กตานั้นมิสซิสมอลิแยร์จำได้ วันที่เธอนำตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ก็คือวันเดียวกับที่ราชาโจเซฟสั่งทัพเรือให้ถล่มอัลเบี้ยนต่อหน้าเธอ
     
    ท่านจงดู
     
    ลานกว้างเบื้องหน้าทั้งคู่เป็นวงกลม เหมือนสนามต่อสู้ ภาพดังกล่าวกับคำพูดของราชาทำให้มิสซิสมอลิแยร์สนใจขึ้นมา
     
    จะมีการแสดงอะไรหรือเพคะ?
     
    การแสดง จริงสินะ! สิ่งที่จะเริ่มขึ้นเป็นการแสดงที่น่าตื่นตา!”
     
    โจเซฟจ้องมองลานกว้างอย่างใจจดใจจ่อ
     
    ประตูกรงทิศตะวันตกเปิดขึ้น จากนั้นโกเลมสูง 20 เมลก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงก้าวที่ดังสนั่น
     
    โกเลมดินระดับสแควร์ โดยอัศวินบุปผาประจิม หญิงสาวที่ชื่อ เมียวธ์ อธิบาย
     
    โกเลมมีทั้งหมดสามตัว ตัวหนึ่งเข้าไปหยิบปืนใหญ่ที่วางอยู่มุมหนึ่งของลาน ใส่ดินปืนและบรรจุกระสุน การเคลื่อนไหวของร่างกายอันเทอะทะมีความคล่องแคล่วอย่างน่าทึ่ง
     
    ฝ่าบาท นี่คือ จอร์มุนกันดร์ หรือเพคะ?
     
    โจเซฟไม่ตอบ แต่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก
     
    ประตูทิศตะวันออกเปิดขึ้น จากนั้นเสียงสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง โกเลมอีกตัวก้าวออกมาจากประตู ทว่ามันไม่เหมือนโกเลมตัวใดที่มิสซิสมอลิแยร์เคยเห็น
     
    ความสูง 25 เมล ผ้าใบเรือผืนใหญ่ต่างผ้าคลุม ส่วนศีรษะเกือบจรดเพดาน ทว่าการเคลื่อนไหวแตกต่างจากที่เห็นจากโกเลมโดยสิ้นเชิง
     
    แรงสะเทือนจากฝีก้าวส่งถึงเก้าอี้ที่มิสมอลิแยร์นั่งอยู่ ชิ้นส่วนร่างกายของมันขยับอย่างลื่นไหลราวกับมนุษย์
     
    ด—เดินได้เหมือนกับมนุษย์เลยเพคะ
     
    ไม่ใช่แค่เดินสวยอย่างเดียวหรอก
     
    เสียงโจเซฟราวกับอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ในลำคอ
     
    โกเลมสามตัวแรกขยับเข้าไปหาจอร์มุนกันดร์ สองตัวอ้อมเข้าประกบด้านข้าง จากนั้นก็ยกกำปั้นขึ้นด้วยความเร็วที่ผิดกับร่างกายอันใหญ่โต
     
    ตึง!!
     
    หมัดของโกเลมสองตัวพุ่งเข้าใส่ด้านซ้ายและขวาของใบหน้าจอร์มุนกันดร์ ฝุ่นดินฟุ้งกระจายจากแรงสะเทือน มิสซิสมอลิแยร์หลับตาโดยสัญชาตญาณ
     
    แต่เมื่อลืมตาขึ้น ศีรษะของจอร์มุนกลับไร้ความเสียหาย เพราะสองมือของจอร์มุนกันดร์ยกขึ้นรับหมัดจากโกเลมสองตัวไว้อย่างไม่ยากเย็น
     
    จากนั้นสองมือก็ดึงโกเลมทั้งสองตัวเข้าหากัน โกเลมสองตัวแตกเป็นเสี่ยง ฝุ่นดินปลิวฟุ้งยิ่งกว่าเดิมทำให้มิสซิสมอลิแยร์สำลัก
     
    โกเลมสองตัวถล่มกลายเป็นกองดินขนาดใหญ่กองเดียว เหลือโกเลมตัวที่สามซึ่งเล็งปืนใหญ่ไปที่จอร์มุนกันดร์
     
    มิสซิสมอลิแยร์งอตัวไปข้างหน้าและตะโกน
     
    หยุดนะ! ถ้าจอร์มุนกันดร์ถล่มลงมาล่ะก็อันตราย!”
     
    โกเลมจุดไฟ แสงจ้าทิ้งรอยไว้บนดวงตาพร้อมกับเสียงระเบิดดังอึกทึก ลานกว้างปกคลุมด้วยควันสีดำ
     
    มิสซิสมอลิแยร์มั่นใจว่าคราวนี้จอร์มุนกันดร์กลายเป็นเศษหินไปแล้วแน่ แต่เมื่อควันจางลงมันก็ยังยืนอยู่
     
    เศษผืนผ้าใบที่ขาดปลิวหลุดจากตัวของจอร์มุนกันดร์ เผยผิวนอกที่เป็นเหล็กวาววับ
     
    ชุดเกราะนั้น...หนาขนาดไหนกัน?
     
    แผ่นเหล็กที่หนาขนาดนั้นต้องมีน้ำหนักมหาศาล แต่จอร์มุนกันดร์พุ่งไปข้างหน้าอย่างว่องไว กระแทกโกเลมดินจนแตกเป็นเสี่ยง
     
    จอร์มุนกันดร์ยืนขึ้นตรงและหยุดเคลื่อนไหว เสียงถล่มของหินสงบลง เมื่อลานกว้างตกอยู่ในความเงียบ หญิงสาวสวมฮู้ดก็หันมาพูดกับราชาโจเซฟและมิสซิสมอลิแยร์
     
    ความคล่องแคล่ว พละกำลัง ความทนทาน จอร์มุนกันดร์ไร้เทียมทานทั้งสามด้าน นอกจากนี้ยังมี ไม้ตาย ที่เสริมความน่ากลัวขึ้น น่าเสียดายที่ไม่สามารถทดสอบที่นี่ได้ เนื่องจากอาคารหลังนี้จะถูกทำลาย
     
    มิสซิสมอลิแยร์ละล่ำละลักกล่าวด้วยเสียงที่สั่นไหว
     
    ฝ่าบาท...ทรงสร้างปีศาจเช่นใดขึ้นมากันเพคะ?
     
    โบราณและตำนาน  เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกันปาฏิหาริย์ก็บังเกิด ...ที่จริงต้องมีต่างโลก อีกส่วนด้วย แต่ที่ปรึกษามือดีของฉันจากไปซะแล้ว ก็ต้องเอาเท่าที่มี โลภมากไปบางทีก็ไม่ดีน่ะนะ
     
    วลีสุดท้ายเทียบกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของตัวผู้พูดเป็นยิ่งกว่าการประชดประชัน แต่มิสซิสมอลิแยร์ไม่มีสติพอจะใส่ใจเรื่องนั้น
     
    ...ปีศาจเช่นนี้เพียงสิบตัวสามารถยึดครองฮาลเคกิเนียได้เลย
     
    สิบเหรอ? เราจะสร้างมากกว่านั้น พอให้ตั้งหน่วยอัศวินที่มีแต่จอร์มุนกันดร์ได้เลย
     
    ทันใดนั้นมิสซิสมอลิแยร์ก็เข้าใจความหมายของแผ่นเหล็กจำนวนมากที่เรียงรายในห้องก่อนหน้า ความระทึกที่ผ่านไปกับคำพูดของราชาโจเซฟเกินกว่าสมองจะรับได้ มิสซิสมอลิแยร์หมดสติไป
     
    เหลือแค่สองคน เมียวธ์วิทนิร์คุกเข่าลงหนึ่งข้างต่อหน้าโจเซฟ
     
    ถูกพระทัยไหมเพคะ?
     
    ไม่เลว ไม่ผิดหวังที่รอ
     
    รอยยิ้มของโจเซฟเป็นความปิติ แต่ยังไม่ใช่ที่สุด เมียวธ์วิทนิร์สังเกตเห็นแต่ไม่พูดออกมา
     
    กองทัพในฮาลเคกิเนียเป็นแค่มดเมื่ออยู่ต่อหน้าจอร์มุนกันดร์ แต่ถึงจะมีกำลังที่สามารถปราบทั้งทวีปได้ก็ยังมีสิ่งที่จะลืมไม่ได้ พวกที่เอาชนะเมียวธ์ที่น่ากลัวคนก่อนของฉันได้
     
    หากเป็นเรื่องนั้นขอฝ่าบาทโปรดวางพระทัย
     
    หมายความว่า? โจเซฟเลิกคิ้ว
     
    โครงการที่สองเสร็จสิ้นด้วยดี การทดลองเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถนำออกใช้งานได้ทันทีเพคะ
     
    จริงเหรอ?! สุดยอดไปเลย!”
     
    คราวนี้โจเซฟแสดงความยินดีเต็มร้อย เมียวธ์วิทนิร์ลอบยิ้มใต้ฮู้ด
     
    ว่าแต่รู้ตัวเป้าหมายจริงๆ รึเปล่า?
     
    หม่อมฉันจับตาดูตั้งแต่ข้ามชายแดนไปที่เยอร์มาเนีย รู้ตำแหน่งของทั้งสองตัวเพคะ
     
    ดี! ดีมาก! รีบเอาออกไปใช้เลย กับพวกที่โค่นเมียวธ์ของฉันได้คงจะสมน้ำสมเนื้อ
     
    รับบัญชาเพคะ พาหนะขนส่งจอร์มุนกันดร์พร้อมออกเดินทางได้ทันที ส่วน ยมทูต กับ แม่มด ตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จแล้วจะส่งออกไปทันทีเช่นกัน ภายในวันนี้
     
    ฝากด้วยล่ะ เมียวธ์คนใหม่ของฉัน
     
    โจเซฟยิ้มกว้างและมองขึ้นไปที่จอร์มุนกันดร์
     
    ผู้ใช้ความว่างเปล่า พี่น้องของข้าเอ๋ย อย่าคิดว่าครั้งนี้จะเป็นไปตามที่เจ้าคิดง่ายๆ นะ ต่อหน้าจอร์มุนกันดร์นี้น่ะ
     
    --
     
    PBW:“ตอนนี้ออกมาเพื่อให้รู้ว่าคนเขียนยังมีชีวิตอยู่

    DX:“นานถึงขนาดต้องยังงั้นเลยนะ
     
    PBW:“อย่างที่คงจะไม่รู้กัน ตอนนี้คนเขียนมีอีกฟิคนึงที่สั้นกว่าและจะแต่งให้จบก่อน ทีแรกคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน เดี๋ยวก็กลับมาฟิคนี้ได้ แต่มีสิ่งรบกวนภายนอกมาทำให้ไม่กระเตื้อง ตอนนี้ก็ยังพยายามแต่งไปเรื่อยๆ  ถ้าฟิคนั้นจบเมื่อไหร่ก็จะกลับมาต่อฟิคนี้เต็มสตรีม(ระหว่างนี้ก็ถ่วงเวลาให้ baka-tsuki แปลสองเล่มสุดท้ายไปพลางๆ)
     
    DX:“คิดมานานแล้ว แกนี่ แต่งแต่เรื่องที่นอกกระแส นอกสายตา
     
    PBW:“แต่งเรื่องที่อยากแต่งตะหาก ที่จริงมีค้างไว้อีกสองเรื่อง แต่เก็บไว้ก่อน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×