คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5: ลูกศิษย์?
สถานที่ที่ข้ากำลังจะไปคือ วังบาดาล โดยวังบาดาลสร้างมาจากอัญมณีหลากสีและตกแต่งด้วยเหล่าปะการังต่างๆ ซึ่งในอดีตวังบาดาลตั้งอยู่ลึกลงไปภายใต้ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นที่พักอาศัยของชาวน้ำหรือเผ่าวาริน
เพียงทว่าเมื่อ 300 ปีก่อน ข้าเห็นว่าการใช้ชีวิตอย่างสันโดษต่างคนต่างอยู่รังแต่จะทำให้พวกเขาเฉาตายกันเสียก่อนเนื่องจากความเบื่อหน่าย ข้าจึงจัดการสร้างระบบใหม่ขึ้นมา โดยแต่ละเผ่าจะมีหน้าที่สำคัญเป็นของตนเองเผ่าละอย่างน้อยหนึ่งอย่าง และต้องมีการประชุมหารือรายงานความคืบหน้าของงานที่ตนได้รับอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งอีกด้วย หรือที่พวกข้าเรียกกันว่า ‘ปาร์ตี้น้ำชา’ นั่นเอง
ข้าจึงจัดแจงให้วังบาดาลเป็นศูนย์พยาบาลเพราะชาววารินส่วนใหญ่จะมีความสามารถเด่นในด้านการรักษา ทว่าผู้ป่วยบางเผ่าไม่สามารถลงไปในทะเลสาบลึกได้ ข้าจึงปรึกษากับเอวาผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างวงเวทย์ นำวงเวทย์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นก็คือการทำให้วังบาดาลลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำแทนนั่นเอง
ทว่าตอนนี้ในสายตาข้ากลับมีเพียงแค่เศษซากอัญมณีและปะการังแตกหักกองโตอยู่กลางน่านน้ำทะเลสาบสีฟ้าที่ข้าเห็นแล้วก็ปวดใจ เพราะข้าต้องเป็นคนซ่อมแทนลินด์เซที่ไปซ่อมป่าแทนน่ะสิ!
ข้าถอนหายใจพลางกระโดดลงหลังซิลฟ์มา แล้วพลันโบกมือร่ายคาถาหวนคืน เศษซากอาคารต่างๆ ก็ย้ายตัวเองกลับไปที่เดิม ทำให้วังบาดาลกลับมาสวยเหมือนใหม่
ความจริงแล้วข้าสามารถใช้เวทย์ได้โดยที่ไม่ต้องใช้คฑาร่ายเสียด้วยซ้ำ ข้าเพียงแต่พกคฑาเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางเฉยๆ อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ ข้าใช้คฑาเพื่อผนึกพลังเวทย์ที่มากเกินไปของข้า ซึ่งเจ้าเด็กบ้านั่นดันทำหักไปแล้ว!
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ท่านแม่มด” ข้าหันไปตามเสียงหวานที่เอ่ยเรียกข้า ข้าจึงเห็นหญิงสาวสองคนกำลังเดินตรงมาหา โดยที่หนึ่งในนั้นถือถาดเนื้อย่างกลิ่นหอมเย้ายวนใจมาด้วย
"สวัสดีไอรีน" ข้าทักทายนางก่อนจะแบมือไปตรงหน้านางรอคอยอะไรบางอย่าง หญิงสาวผมสีขาวสะอาดเห็นดังนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างสดใส ก่อนจะผายมือเชิญข้าและซิลฟ์ไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ
ข้ามองตามหญิงสาวไม่คุ้นหน้าวางจานเนื้อย่างลงตรงหน้าข้า ข้าจึงเลิกคิ้วถามไอรีน
"นางเป็นใคร?"
"นางจะมาเป็นลูกศิษย์ของข้าน่ะเจ้าค่ะ" ระหว่างที่นั่งฟังไอรีนตอบ ข้าก็ใช้ส้อมจิ้มเนื้อย่างตรงหน้าแล้วนำเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ ทำไงได้ก็คนมันหิว
"ข้าชื่อ ฟิโลมิน่า ค่ะ ท่านสามารถเรียกข้าว่า ฟิโล ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองยาวประบ่า เจ้าของดวงตาสีอเมทิสต์เสริมเข้ามา นางย่อทำความเคารพราวกับคนชั้นสูง?
"คำพูดเจ้า…แปลกดีนะ?" ข้าโบกมือให้นางลุกขึ้น พอข้าได้ยินเสียงหวานของนาง ข้าก็ขมวดคิ้วมุ่น ภาพของนางซ้อนทับกับคนในผ้าคลุมสีตุ่นเมื่อคืนนี้
"เจ้ามัน...ผู้โดยสารส่วนเกิน? ไม่ใช่ว่าข้าสั่งให้เฟลมส่งกลับแล้วหรอกรึ?" ข้าถามอย่างสงสัย แต่กลับมีเสียงทุ้มนุ่มจากทางด้านหลังข้าตอบแทน
"ช่วงนี้ไอรีนงานเยอะจนไม่ได้กลับบ้านเลยน่ะสิขอรับ! อีกทั้งนางยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าเลยให้นางมาช่วยไอรีนชั่วคราว แต่ไม่รู้ว่าคุยกันอิท่าไหนถึงกลายเป็นศิษย์อาจารย์กันเฉยเลยขอรับ" ข้าไม่หันไปมองก็รู้เลยว่าใครเดินเข้ามาเพราะคงจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้ามังกรหวงเมีย!
เทมเพสต์เดินเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแข็งใส เขาวางมันลงตรงหน้าข้าพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดอะไรซักอย่างที่ข้าไม่อยากจะฟัง เทมเพสต์เลยโดนซิลฟ์ลากออกไปก่อนที่ข้าจะรำคาญใช้เวทย์เป่าเขาลงไปว่ายน้ำเล่นกับเม็กกาโลดอนในทะเลสาบ
จริงสิ...ข้าลืมบอกไปว่าไอรีนไม่ใช่คนเผ่าวาริน เเต่นางเป็นมังกรต่างหาก อีกทั้งยังเป็นมังกรแสงแสนหายากที่เชี่ยวชาญด้านการรักษา เพราะนางเคยเร่ร่อนอาศัยปะปนอยู่กับทั้งมนุษย์และปีศาจมาก่อน ไอรีนเลยรู้วิธีรักษาที่ถูกต้องของแต่ละเผ่าพันธุ์ที่บางทีใช้เพียงแค่เวทย์มนต์อย่างเดียวก็รักษาให้หายขาดไม่ได้ จนกระทั่งเทมเพสต์ไปเจอเข้าแล้วพานางมารู้จักข้าเท่านั้นแหละ นางจึงตั้งรกรากอยู่ที่นี่เสียเลย
อีกอย่างพลังศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่น่าสนใจ ข้าเหลือบตาไปมองฟิโลที่ยืนอย่างสงบอยู่ด้านหลังไอรีนจมอยู่ในความคิดแสนเนิ่นนานจนไอรีนต้องโบกมือเรียกสติ
“ตอนนี้นางเป็นศิษย์ของข้า ไม่ใช่หนูทดลองของท่านเสียหน่อย อย่าได้คิดเล่นอะไรแผลงๆ เชียวนะเจ้าคะ” ไอรีนหรี่ตามองเอ่ยดักทางอย่างรู้ทัน
ก็จริงอยู่ที่พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นหายสาบสูญไปแล้วตั้งแต่สงครามเมื่อหลายพันปีก่อน จากที่ข้าอ่านประวัติศาสตร์มาสรุปได้สั้นๆ ว่า มนุษย์และปีศาจทำสงครามกันเพื่อขยายดินแดน เกิดเป็นตำนานผู้กล้ากับจอมมาร ที่ใช้พวกพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังความมืดซัดใส่กันอะไรทำนองนั้น ซึ่งพลังพวกนั้นไม่มีในบันทึกว่าทำอะไรได้บ้าง อีกทั้งยังคลุมเครือราวกับว่าคนเขียนพยายามลบเลือนอะไรบางอย่างออกไป มันจึงควรค่าแก่การศึกษา! แต่ว่า…
“ถึงจะน่าเสียดาย แต่อย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้นางอยู่” ข้าพูดเสียงเรียบ
“ข้าขอเหตุผลได้หรือไม่เจ้าคะ” ไอรีนถาม
“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าจะมีใครบ้างที่จะวิ่งตามพลังของนางมาบ้าง พลังที่ยิ่งใหญ่ย่อมตามมาด้วยปัญหามากมาย เจ้าก็รู้” ข้าพูดเสียงเรียบพลางตักน้ำแข็งใสเข้าปากอีกคำ ข้าให้เวลาไอรีนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแววตานางจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาแน่วแน่ราวกับตัดสินใจแล้ว
“เพราะข้ารู้ ข้าจึงไม่อยากให้นางออกไปเจอเหมือนอย่างที่ข้าเจอเจ้าค่ะ” ข้ามองนางนิ่ง ตั้งแต่ที่ข้าอยู่ที่นี่มา 300 ปี ป่าแห่งนี้นอกจากป่าชั้นนอกก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้าเข้ามา นอกเสียจากพวกอยากลองของที่ตายไปพร้อมกับดักของเอวา
แต่ทว่าการที่มีผู้บุกรุกเข้ามาทำร้ายคนของข้าถึงป่าชั้นกลางได้ เรื่องนี้มันอาจจะใหญ่กว่าที่คิด ถึงแม้มันจะน่าสนุกดีก็เถอะ หรือข้าจะแกล้งเดินหมากพลาดให้พวกตัวการโผล่หัวกันมาเองก็ไม่เลวเสียทีเดียว…
“ถ้าปัญหามันวิ่งเข้ามาหานาง พวกเจ้ากับนางก็ช่วยกันรับผิดชอบเอาเองก็แล้วกัน ข้าถือว่าข้าเตือนแล้ว” ข้าเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวทั้งสองรับคำ ข้าจึงพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเข้าสู่เรื่องต่อไป
“เอาล่ะทีนี้ ไอรีนรายงานสถานการณ์ของที่นี่มาทีซิ”
“เรามีผู้ป่วยอยู่ทั้งหมดสองประเภท คือ คนของเรา และคนนอกซึ่งประกอบไปด้วยมนุษย์และปีศาจที่หลุดไปตนนั้น ทางเรามีผู้เสียชีวิตไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเผ่าไซเรนที่เหลือรอดมาเพียงแค่ 10 ตนเท่านั้น ส่วนพวกมนุษย์ที่เก็บมาได้ พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องเหมือนกับว่าตอนที่เขาทำไป พวกเขาไม่มีสติอยู่ ข้าจึงจับพวกเขา 3 คนแยกไว้อีกห้องหนึ่ง” ไอรีนรายงาน
“เดลฟีนฟื้นรึยัง” ข้าถาม
“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” ไอรีนตอบ
“อืม...งั้นพวกเจ้าไปทำงานของพวกเจ้าเถอะที่เหลือข้าจัดการต่อเอง” ข้าลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะตรงไปจัดการงานต่างๆ โดยมีเทมเพสต์เป็นคนนำทาง และซิลฟ์เดินตามหลังข้ามาอีกที
ข้าถอนหายใจยาวได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ วันนี้ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ข้าลาออกตอนนี้ทันไหมเนี่ย!
______________________________
เกร็ดความรู้: เม็กกาโลดอน คือ ปลาฉลามยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว
ความคิดเห็น