คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6: นัวร์
กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมายามบ่ายเสียแล้ว ข้าจึงฝากท้องไว้กับวังบาดาลอีกเช่นเคย ก่อนจะออกไปจัดการเจ้าตัวปัญหาอีกหนึ่ง
ทว่าก่อนที่ข้าจะออกมาจากวังบาดาล ข้าบังเอิญสวนทางกับเอวาที่เพิ่งกลับมาจากการซ่อมแซมป่าพอดี ข้าจึงไหว้วานนางให้สร้างคฑาอันใหม่ให้ ซึ่งนางก็บอกว่านางมีสำรองอยู่แล้ว(?) จากนั้นก็หยิบคฑาไม้อันยาวออกมาจากมิติของนางก่อนจะเอาให้ข้า
“คราวนี้ยังถือว่าใช้ได้ตั้ง 2 ปีนะเจ้าคะ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนท่านคงหักมันทุกวันราวกับของเล่น” เอวายืนกอดอกพูดอย่างแง่งอน ข้าจึงลูบหัวนางเป็นการปลอบใจ ซึ่งดูท่าทางนางจะชอบมันมากทีเดียวถึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด
ในเมื่อข้าได้คฑาใหม่แล้ว ข้าก็ไม่ต้องใช้รถโดยสารจำเป็นอีกต่อไป ข้าจึงไล่ให้ซิลฟ์กลับไปจัดแจงพื้นที่ในป่าและส่งเหล่าผู้ลี้ภัยทั้งหลายกลับบ้าน นอกจากข้าจะเจอเอวาแล้ว ข้ายังเจอโอฟี่ด้วย ซึ่งเขาก็บอกให้ข้าไปที่ห้องทดลองของเขาวันพรุ่งนี้ด้วย เพราะมีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับ สร้อยคอสีเงิน นั่น
ข้านั่งคฑากินลมชมวิวที่กลับมาสวยงามดังเดิมอย่างสบายใจ บินตรงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของป่าแห่งนี้ที่ไม่มีใครอยากมามากที่สุด เจลาเดียน หรือก็คือคุกดีๆ นี่เอง
เมื่อข้ามาถึงด้านหน้าของเจลาเดียน บรรยากาศข้างบนกับข้างล่างนี่ราวฟ้ากับเหว เพราะรอบบริเวญเจลาเดียนเต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นยะเยือกชวนขนลุก อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยคละคลุ้งในอากาศเป็นของแถม
เจลาเดียน เป็นสถานที่มอบบทลงโทษให้แก่ผู้ที่ทำผิดกฎ หรือมีข้อหาร้ายแรง ซึ่งเอรีเอดเน่จะเป็นคนมอบบทลงโทษให้พวกมันจนพวกมันถึงกับร้องขอความตาย
ใช่...เจ้าฟังไม่ผิดหรอก เอรีเอดเน่นางไม้ผู้แสนสุภาพพูดน้อยคนนั้นนั่นแหละ
เมื่อข้าเข้าไปถึงข้าก็เห็นแคสเซียสมายืนรออยู่แล้ว เขาจึงนำทางไปยังห้องขังเดี่ยวที่เจ้าเด็กนั่นถูกขัง เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ปรากฎซี่กรงเหล็กขนาดใหญ่คั่นกลางห้องระหว่างข้ากับเขาอยู่
ร่างของเด็กชายเจ้าของผมสีดำยุ่งเหยิงแทบจบจะกลืนไปกับความมืดของห้องขัง เขานั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง โดยมีถาดอาหารที่ไม่ได้พร่องลงไปเลยตั้งอยู่ตรงหน้า
“ตั้งแต่ได้สติมา เขาก็เอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ทานอาหารเลยเจ้าค่ะ” เอรีเอดเน่รายงาน
ข้าจึงโบกมือให้ทั้งสองคนออกไปรอข้างนอก แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก เอรีเอดเน่จึงเอ่ยทักท้วง
"เขาอันตร-"
"นี่เป็นคำสั่ง" ข้าพูดเสียงเฉียบขาด พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่จำยอมออกห้องไป
"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเรียกพวกข้าได้นะขอรับ" แคสเซียสกำชับ ข้าจึงพยักหน้าให้ก่อนที่พวกเขาจะปิดประตูออกไป
“เอาล่ะมาเริ่มจากตรงไหนดี” ข้าใช้ไม้เท้าลอดเข้าไปเขี่ยตัวเด็กชายเล็กน้อยแต่เขากลับไม่มีปฎิกริยาตอบรับซักนิด เมื่อเห็นว่าคงใช้เวลานานกว่าจะคุยกันรู้เรื่องข้าจึงใช้เวทย์ทำเก้าอี้ไม้ขึ้นมานั่งแทน
“ดูจากบาดแผลของเจ้าก็หายดีละนี่ นอกจากจะอ่อนแอแล้วยังเป็นใบ้ด้วยหรอกรึ?”
“…”
"ในอาหารนั่นมันไม่มียาพิษหรอกนะ"
“…”
"ถ้าเจ้าไม่กินงั้นข้ากิน" ข้าโบกคฑาแล้วจานอาหารตรงหน้าเด็กชายก็ลอดออกมาอยู่บนตักข้าเอง ข้าจึงตักเข้าปากอยากไม่ลังเล
“อืม... เนื้อนี่มันนุ่มละก็ฉ่ำมาก แทบละลายในปากเลยละ ไหนจะผลไม้นี่อีก อื้ม~ มันหวานมากกก” ข้ากินอย่าเอร็ดอร่อยและแสดงเกินจริงให้ดูว่ามันอร่อยมาก...ถึงมันจะอร่อยอยู่แล้วก็เถอะ
ข้าเหลือบตาไปเล็กน้อยก็เห็นเจ้าเด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสีแดงเลือดของเขาเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิดราวกับอัญมณีล้ำค่า
“สวยดีนี่”
“…?”
“ดวงตาของเจ้าเปล่งประกายราวกับอัญมณีเลยล่ะ” เจ้าเด็กนั่นพอได้ยินเข้ามันก็สะดุ้งสุดตัวแล้วพยายามเอาผมของตนมาปิดไว้
“ปิดทำไม?” ข้าขมวดคิ้วมุ่น
“…” แต่ในเมื่อเขาเงียบอีกแล้ว ข้าจึงถอนหายใจยาวแทน
"เอ้านี่" ข้าเข้าไปนั่งยองๆ หน้ากรงเหล็กก่อนจะใช้ไม้เท้าเขี่ยจานอาหารลอดกรงเข้าไปอีกครั้ง ทว่าเขากลับปัดไม้ข้าออกด้วยแรงควายๆ ของเขา
แกร่ก!
“…”
“…”
ขอโทษนะเอวา...หวังว่าเจ้าจะมีสำรองให้ข้าอีกซักอัน...
ข้าโยนเศษไม้ในมือทิ้งไป ทว่าเจ้าเด็กนั่นกลับไปคว้าท่อนที่หักในกรงขึ้นมาแล้วขว้างใส่หน้าข้า! ข้าเอี้ยวตัวหลบทันแต่มันกลับฝากรอยแผลเป็นทางยาวตรงข้างแก้ม ข้าจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งเข้าไปในกรงแล้วคว้าคอเสื้อมันขึ้นมา เมื่อข้ายืนเต็มความสูงเจ้าเด็กนั่นก็ดิ้นพล่านพยายามทั้งข่วนทั้งกัดทั้งต่อย จนแขนข้าเต็มไปด้วยเลือด ชาติที่แล้วเกิดเป็นแมลงรึไงถามจริง?
“พอใจรึยัง?” ข้าถามเสียงนิ่ง เจ้าเด็กนั่นพลันหยุดโดยพลันแล้วหันมาสบตากับข้า
“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด”
“…”
“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมเชื่อง ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” ข้าเน้นเสียงหนัก พลันบรรยากาศภายในห้องก็ลดต่ำลงจนแทบติดลบ ถ้าเขาใช้งานไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าเป็นใคร” ข้าถามเสียงเรียบ
“…”
“พูด!” ข้าตะโกนก้องอย่างโมโหจนเผลอกำคอเสื้อของเขาเเน่นจนเขาแทบขาดใจตายคามือ
“ม...มะ...ไม่รู้!” เขาตะโกนออกมา ข้าจึงคลายมือเล็กน้อยให้เขากอบโกยอากาศเข้าปอด
“นั่นเป็นการปราณีครั้งสุดท้าย ถ้าเจ้ายังดื้อดึง ชีวิตน้อยๆ ของเจ้าคงต้องจบลงเพียงเท่านี้” ภายในแววตาของข้าไม่มีแววล้อเล่นเลยซักนิด
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ข้าถามเขาอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้...”
“แม้แต่ชื่อของตัวเอง?” เขาพยักหน้า
“คงไม่ใช่ว่าความจำเสื่อมหรอกนะ?” ข้าแค่ตีหัวจนสลบกับเอาหัวลากพื้นเอง...?
“…” อย่าบอกนะว่าข้าเป็นคนทำ? บ้าที่สุด! ลิเทียร่าเจ้าทำอะไรลงไป!
ข้านึกอยากจะตีตัวเองซักป้าบ แต่ติดที่มันจะเสียภาพพจน์ ข้าจึงรีบตั้งสติคิดกลับไปกลับมาไม่นานก็ยอมแพ้ ข้าถอนหายใจยาวแล้วตัดสินใจ
“นัวร์”
“…?”
“ชื่อของเจ้า” ข้าปล่อยมือทันทีที่กล่าวจบจนเด็กนั่น...ไม่สินัวร์ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง ข้าที่เริ่มจะปวดหัวแล้วเนื่องจากเสียเลือดเยอะเกินไปจึงหยิบขวดแก้วสวยมาจากมิติส่วนตัวแล้วกระดกมันหมดขวด แผลจึงค่อยๆ สมานตัวอย่างเชื่องช้า ข้าเดินไปประตูก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อลืมพูดอะไรบางอย่าง
“ข้าให้เจ้าอาศัยอยู่ในป่านี้ไปก่อนได้ แต่ถ้าได้ความทรงจำคืนแล้วก็ไปเสีย! อ้อ...เเล้วอย่าลืมไปอาบน้ำกินข้าวแต่งตัวให้มันดีๆ ด้วย ข้าไม่ชอบความสกปรกกับคนผอมแห้งแรงน้อย(?)ใช้การไม่ได้ในป่าของข้า!”
ข้าพูดจบก็เปิดประตูก้าวเท้าออกไปทันที โดยมีแคสเซียสไปส่งบ้าน ส่วนเจ้าเด็กนั่นก็ปล่อยให้อเอรีเอดเน่จัดการไป
ขีเกียจคิดแล้ว! ข้าจะกลับไปนอน! ถ้ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเดี๋ยวก็ต้องมาตามเช็ดตามล้างอีก โอ้ย! น่ารำคาญเป็นบ้า! หงุดหงิดโว้ยยย!
______________________________
และแล้วท่านแม่มดก็ได้สติแตกอีกครั้ง…
ความคิดเห็น