ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่มดคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นรบกวนพวกคุณกลับไปเถอะค่ะ (ชื่อชั่วคราว)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4: สติแตก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 759
      95
      5 พ.ย. 65

     

    วันนี้ข้ามีงานหลายอย่างที่ต้องจัดการ หรือก็คือไปเช็คความคืบหน้าของงานต่างๆ ที่ข้าสั่งไปนั่นเอง ก่อนอื่นเราก็ไปหาอะไรกินที่รังมังกรก่อน แล้วค่อยไปดูป่า ไปดูบลาๆ ข้าจดรายการสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดลงในสมุดบันทึกที่ข้ามักจะถือไปไหนต่อไหนตอนทำงาน

    ทว่าก่อนที่จะได้ออกจากบ้านก็มีสายลมแว่วเสียงกระซิบของเทมเพสท์เข้ามาในหู

    “มีคนอาละวาดที่วังบาดาลซะจนวุ่ยวายกันไปหมด อีกทั้งเขายังแรงเยอะและว่องไวมากเล็ดลอดหนีออกจากวังบาดาลไปไหนแล้วก็ไม่รู้ขอรับบ”

    “ก็ปล่อยไปสิเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ?” ข้าเอ่ยอย่างสงสัย

    “ก็เขาวิ่งพล่านไปก่อเรื่องวุ่นวายมันทั้งป่าเลยเนี่ย!" เทมเพสต์ตะโกนพลางหอบตัวโยน เนื่องจากวิ่งไล่จับเจ้าตัวปัญหาไม่ทัน

    “ห๊ะ!? ใครมันกล้า!” ข้าสบถเพียงเท่านั้นก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งมาทางข้า ซึ่งทั้งข้าและมันต่างเดินทางอย่างเร็วมันทั้งคู่! ข้าบังคับคฑาพุ่งขึ้นฟ้าทันที ส่วนเจ้านั่นก็เบี่ยงตัวหลบ….ลงพื้น!

    สิ่งนั้นพุ่งชนเข้ากับป่าเบื้องล่างอย่างแรงแล้วยังอุตส่าห์ไถลเลยไปไกลสร้างความเสียหายให้แก่ป่าเป็นทางยาวทำเอาข้าอารมณ์ดิ่งลงเหว ข้าจึงไม่รอช้าลงไปดูเจ้าบ้าที่มันทำอย่างโมโห!

    ท่านแม่มดสติแตกไปแล้ว!

    ฝุ่นหินดินทรายฝุ้งกระจายไปในอากาศทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัดนัก แต่ทว่าข้าจำต้องหันหลังกลับไปใช้คฑาในมือรับหางเรียวเล็กทว่าคมกริบที่ฟาดลงมาเต็มแรงตามสัญชาติญาณที่ร้องเตือนแทบไม่ทัน

    หางเรียวนั่นยังคงฟาดไปมารอบตัวข้าไม่หยุดจนคฑาที่ข้าใช้รับการโจมตีนั้นหักเป็นสองท่อน ข้าจึงเคลือบเวทย์ป้องกันไว้ที่มือทั้งสองข้างแล้วคว้าหางที่ฟาดลงมาก่อนจะหมุนตัวเหวี่ยงมันไปอีกทางทันที ซึ่งข้าก็ไม่รอช้าที่จะเสริมความเร็วพุ่งตามไปจับหัวที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีดำสนิทและเขาเล็กๆ นั่นถูพื้นไถลทำลายป่าเป็นทางยาวไปอีกครึ่งซีก

    ข้าลุกขึ้นแล้วเตะพลิกตัวมันขึ้นมาเผชิญหน้ากับข้าแล้วเหยียบตรงกลางอกจนส้นสูงแหลมของข้าแทงทะลุลงไปในร่างของมันเล็กน้อย อีกทั้งมันยังคงมีสติมากพอที่ดวงตาสีแดงสวยจะส่งสายตาฆ่าฟันให้ข้าไม่หยุดแม้จะไม่มีแรงเหลือแล้วก็ตาม

    “เรามาคุยกันหน่อยเป็นไง?” นานแล้วที่ข้าไม่ได้ออกแรงมากขนาดนี้ี้ ซึ่งมันก็ทำให้ข้าโล่งขึ้นมาจนมีอารมณ์ชวนคุย แต่พอพิจารณาหน้าตาอยู่ไม่นานข้าก็เอะใจ

    “เจ้าหน้าคุ้นๆ นะ” ข้าจึงนึกย้อนไปถึงเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ซึ่งเหมือนข้าจะจำได้เลือนรางว่าข้าตีหัวเด็กแปลกๆ ที่มีเขากับหางจนสลบแล้วทิ้งไว้กลางป่า….

    “อ๋อ เจ้านี่เอ-” ข้าหุบปากฉับเอียงหัวหลบหางที่เล็งเฉาะหัวข้าจากด้านหลังจนได้แผลที่ข้างแก้มเล็กน้อย ข้ายิ้มเหี้ยมก่อนจะก้มลงไปคว้าหางนั่นขึ้นมาแกว่งเล่นตรงหน้าเด็กชาย

    “หางนี่คงไม่ต้องใช้เสียแล้วกระมัง?” ข้าเอ่ยเสียงเหี้ยม ทว่าก่อนที่ข้าจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เจ้านั่นก็ชิงสลบไปก่อนเสียได้

    ช่างน่าเสียดายซะจริง ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เผ่าวารินจะรับมือกับเจ้านี่ไม่ไหวเพราะเผ่าวารินมีแต่สายรักษา ส่วนเจ้านี่ก็คงจะเป็นหมาบ้าที่คลุ้มคลั่งไล่กัดคนเขาไปทั่ว

    ข้าปล่อยหางนั่นแล้วแล้วลงมายืนบนพื้นดีๆ มองมือตัวเองที่มีเลือดไหลอาบจนชุ่ม นี่ขนาดข้าเคลือบเวทย์ป้องกันไปแล้วนะเนี่ย อีกทั้งมันยังบาดเจ็บอยู่ด้วยแต่กลับยังเหลือพลังมากมายขนาดนี้ ถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องคงต้องฆ่าทิ้งเสียแล้วกระมัง ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ

    โครก~ ตั้งแต่เมื่อวานก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องข้าเลยซักนิด จนตอนนี้ข้าแสบท้องไปหมดแล้ว!

    “ถ้าพวกเจ้ายังไม่รีบโผล่หัวกันออกมา ข้าจะกินพวกเจ้าแทนข้าว!”

    ข้าตะโกนออกไปอย่างเหลืออด เพราะในขณะที่ข้ากำลังซัดกับเจ้าเด็กนี่อยู่ เจ้าพวกการ์เดียนทั้งหลายก็ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ซะไกลลิบโดยไม่คิดที่จะเข้ามาช่วยกันซักนิด แถมยังเชียร์ให้ข้าแพ้อีก มันน่านัก!

    เมื่อข้าเห็นพวกเขาค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากหลังต้นไม้ข้าจึงใช้เวทย์ยกตัวเจ้าเด็กมีปัญหานั่น โยนลิ่วไปทางแคสเซียสที่ยื่นมืออกไปรับตัวเด็กนั่นแทบไม่ทัน

    “เจ้ากับแอรีเอดเน่เอาเด็กนั่นไปขังแล้วก็หาข้าวหาน้ำให้เจ้านั่นกินด้วย ถ้าหลุดออกมาอีกคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ข้าเอ่ยเสียงเย็น ปล่อยบรรยากาศกดดันไปทางพวกเขาเล็กน้อย ทำเอาพวกเขาเหงื่อตก

    "ไม่รักษาเขาก่อนจะดีหรือเจ้าคะ" ลินด์เซถาม

    “ไม่เป็นไร ดูเหมือนเขาจะรักษาตัวเองได้” ข้ามองแผลของเด็กคนนั้นที่ค่อยๆ สมานกันอย่างเชื่องช้า

    “ขอรับ/เจ้าค่ะ” แคสเซียสแปลงกายกลับไปเป็นมังกรตัวเขื่อง จากนั้นแอรีเอดเน่ก็ใช้เถาวัลย์ยกตัวเจ้าเด็กนั่นและส่งตัวนางขึ้นไปนั่งบนหลังแคสเซียส ซึ่งเขาก็กางปีกบินจากไปทันที

    “ข้าขอฝากพวกเจ้าที่เหลือจัดการป่าแถวนี้ให้เรียบร้อย ส่วนซิลฟ์ไปส่งข้าที่เผ่าวารินด้วย” ข้ามองพวกแคสเซียสบินหายไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาออกคำสั่งให้แก่คนที่เหลือ

    “ให้ข้ารักษาแผลของท่านก่อนดีหรือไม่” ลินด์เซเอ่ยรั้งท่านแม่มดที่เหมือนจะลืมไปว่าตัวเองก็บาดเจ็บเช่นกัน

    “งั้นฝากด้วย” ข้ายื่นมือออกไปให้ลินด์เซ นางร่ายเวทย์อยู่ครู่หนึ่งก็มีมวลน้ำชำระล้างบนบาดแผล ก่อนที่มันจะสมานตัวหายไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงแผลตรงแก้มของข้าด้วย

    “ขอบใจ” ข้าพูดก่อนจะกลับหลังหันเดินไปขึ้นหลังซิลฟ์ที่แปลงกายเป็นกริฟฟอนนอนหมอบรออยู่แล้ว

    หลังจากที่ท่านแม่มดออกไปกับซิลฟ์แล้วก็ได้เวลาเหล่าการ์เดียนเมาท์…เอ้ย! ปรึกษากัน

    “ข้าเพิ่งซ่อมตรงนี้เสร็จได้ไม่นานก็พังอีกแล้วววว” เอวาน้ำตาตก เมื่อวานนางระดมเหล่าภูติซ่อมผืนป่าให้กลับมาสวยดังเดิมก็ต้องกลับมาซ่อมใหม่อีกแล้ว!

    “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ มีพวกเราช่วยไม่นานก็เสร็จ” โอฟี่เดินไปลูบหัวเอวาเป็นเชิงปลอบก่อนจะโดนเอวาปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี

    “หึ! หัวข้ามีแต่ท่านแม่มดคนเดียวเท่านั้นที่จะลูบได้!” โอฟี่ถอนหายใจแรง

    “แล้วให้ข้าทำอะไร?” วูฟสงสัยเพราะเขาไม่มีพลังในการฟื้นฟูอะไรซักอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องการใช้กำลังก็อีกเรื่อง

    “เจ้าลองไปนอนคลุกฝุ่นเล่นดูดีไหม เจ้าหมาหัวเน่า” เอวากล่าวอย่างแดกดัน ทำเอาคนที่ความอดทนต่ำอย่างวูฟถึงกับหัวเสีย

    “อ้าวยัยโลลิ! งั้นเจ้าก็ทำไปคนเดียวเลย!” วูฟแปลงกายเป็นหมาป่าขนสีเทาตัวใหญ่ยักษ์เดินสบัดหางออกไปทันที

    ลินด์เซทำได้เพียงแค่ถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ สองคนนี้เจอกันทีไรเป็นอันต้องทะเลาะกันมันทุกทีสิน่า

    “วูฟช่วยลากต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดพวกนี้ไปกองรวมกันไว้ เดี๋ยวค่อยให้พวกมังกรมายกไป” ลินด์เซกล่าวเสียงเบา

    “หึ!” แต่วูฟที่เป็นหมาป่ามีหรือจะไม่ได้ยิน แม้เขาจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

    “ไปทำงาน~” โอฟี่ดันหลังเอวาที่งอนตุบป่องไปทำงานของนางทันที ส่วนลินด์เซก็แยกไปจัดการอีกทาง เป็นอันจบไปอีกเรื่อง

    ________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×