คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นักฝึกอัญมณี
ด้านนอก ปิณฑิราเดินจากมา สวนทางกับปิญชาน์ ที่เพิ่งกลับมาจากป่าพอดี สองสาวเดินสวนกันในระยะใกล้ ต่างก็จ้องสบตา มองกันอย่างพิศวง โดยเฉพาะปิญชาน์ ถึงกับอ้าปากค้าง จ้องสร้อยคอของฝ่ายตรงข้ามตะลึง ปิณฑิราก็เช่นกัน หล่อนจ้องเขม็ง สร้อยคอเม็ดกลมสีน้ำเงินปนฟ้า ส่วนปิญชาน์ก็จ้องจี้สามเหลี่ยมสีแดงเข้ม นั้นอย่างไม่เชื่อสายตา
“เพชรเก๊ เพชรเก๊ แย่แล้ว!”
ปิญชาน์ร้องลั่น วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง เพชรกล้าที่กำลังนั่งขบคิดเรื่องสาวลึกลับอยู่ ลุกขึ้นยืน
“ว่าไง ปิญชาน์ เอาทองกล้าไปส่งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เธอเป็นเจ้าของเสือตัวนั้น!!”
เสียงกร้าวของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู เพชรกล้างงงันวูบ เมื่อเห็นหล่อนกลับมา ตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นมีดสั้นปลายคดลวดลายคล้ายกริชโบราณที่หล่อนชักออกมาจากข้างเอว กระโจนพรวดเดียวถึงตัวเพื่อนสาวของเขา แล้วตวัดปลายมีดใส่อย่างคล่องแคล่ว จี้เข้าหาลำคอ และเรือนร่าง การลงมือรวดเร็ว หนักหน่วงยิ่งนัก แต่ไม่ได้ประสงค์ชีวิต หมายจะคร่ากุมตัว หากแต่ปิญชาน์ สาวน้อยผู้ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้แบบหมัดมวยมาบ้าง หลีกหลบอย่างปราดเปรียว พร้อมโต้ตอบกลับอย่างดุร้าย ไม่ยอมถูกเล่นงานฝ่ายเดียว
เพชรกล้ายืนมองอย่างมึนงงสับสน จะเข้าไปแทรกก็ไม่ได้ เพราะพวกหล่อนต่อสู้พัวพันกันอยู่ กระทั่งปิญชาน์เริ่มเพลี่ยงพล้ำ จึงไม่คิดสู้ต่อ วิ่งมาหลบด้านหลังเขา หายใจหอบ เพชรกล้ายื่นมือขวางปิณฑิราที่ถลันเข้ามา จนหล่อนชะงัก
“หยุดก่อน! นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“มอบผู้หญิงคนนั้นมา ให้ฉันจับตัวส่งชาวบ้าน”
หญิงสาวสั่งเสียงกร้าว ดวงตาสวยทอแววดุดัน เพชรกล้าขมวดคิ้ว
“จับส่งชาวบ้าน? เอ่อ คุณปิณฑิรา ปิญชาน์ทำอะไรผิดหรือ”
ปิณฑิรายกมือขึ้นช้าๆ ชี้นิ้วไปที่สาวน้อยด้านหลังเขา พูดชัดถ้อยชัดคำว่า
“ผู้หญิงคนนั้น...เป็นเจ้าของเสือร้าย ตัวที่ฆ่าคน และกำลังอาลวาทอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ!”
เพชรกล้าตะลึงวูบ ปิญชาน์สวนควับ
“พูดจาเพ้อเจ้อ เสือเสออะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ยอมรับมาซะดีๆ เธอสั่งให้เสือฆ่าคน และทำร้ายคนในหมู่บ้านใช่ไหม”
“ฆ่าคนบ้าบอน่ะสิ! เธอนั่นแหละที่คิดจะฆ่าคน ประสาทรึเปล่า”
“ยังจะเถียงอีก เธอมีอัญมณีวิเศษที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดบนโลกได้ชัดๆ ถ้าเสือตัวนั้นไม่ใช่ของเธอ จะเป็นของใคร!”
เพชรกล้าจ้องหล่อนตาค้าง ปิญชาน์หน้าแดงด้วยฤทธิ์โทสะ ดวงตาขุ่นขวาง อยากจะซัดหญิงสาวจอมยุ่งตรงหน้าให้สลบนัก แต่รู้ว่าฝีมือสู้ไม่ได้ จำต้องหลบหลังเพชรกล้าอยู่อย่างคลั่งแค้น
“เอ่อ... เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนนะ คุณปิณฑิรา นี่...ต้องเกิดการเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ”
เขาปรามเสียงนุ่ม พยายามลดอารมณ์เดือดของเหตุการณ์ สมองขบคิดหาทางออกอย่างเร่งด่วน
“ไม่ผิดแน่นอน เธอต้องรู้จักเสือตัวนั้น หรือไม่ก็เป็นเจ้าของมัน”
“คุณปิณฑิรา เสือนะครับ ไม่ใช่แมว ปิญชาน์เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่พรานป่า หรือผู้วิเศษ จะได้สนิทสนม หรือสามารถสยบเสือร้ายได้ คุณก็เห็นตอนมันไล่ฆ่าทำร้ายคน เด็กอย่างปิญชาน์น่ะ แค่เห็นก็คง...”
“ลำพังเธอน่ะทำไม่ได้แน่ แต่อัญมณีที่อยู่บนคอของเธอ สามารถทำได้”
หล่อนแทรกเสียงกร้าว เพชรกล้าลอบถอนใจ เห็นทีศึกครั้งนี้ จะรับมือหนักยิ่งกว่าเสือเป็นแน่!
“อะไร? สร้อยนี้น่ะหรือ ฉันซื้อมาจากตลาดนัดในเมืองแค่สิบบาทเองนะ”
“นั่นคือ อซูไรท์ เป็นอัญมณีบริสุทธิ์วิเศษ มีพลังอำนาจติดต่อสื่อสาร รับสัมผัสพิเศษจากสัตว์โลกทุกชนิด ฉันไม่รู้ว่าเธอได้มันมายังไง แต่มันไม่ใช่อัญมณีที่เธอจะมาใส่เล่นได้ ฉะนั้น ส่งมา!”
หล่อนแบมือออก ยื่นมาตรงหน้า ดวงตาทอประกายเจิดจ้า แสดงออกถึงความจริงจัง และเฉียบขาด
“คุณปิณฑิรา ตลกร้ายจังนะครับ อัญมณี... ไม่สิ เครื่องประดับปลอมชิ้นนี้น่ะ มันก็แค่ของเก๊ ของปลอมทำเหมือนเท่านั้นเอง ในชนบทแบบนี้ จะมามีของวิเศษ อัญมณีชั้นสูงอย่างที่คุณบอกได้ยังไง มันไม่มีพลังอภินิหารอะไรหรอกครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
เขากล่าวขันๆ แต่ในใจเริ่มหนักอึ้ง อย่างไรก็ต้องถ่วงเวลาออกไปก่อน หล่อนเป็นใคร มาดีแค่ไหนยังไม่รู้ เรื่องนี้ใหญ่หลวง ไม่ใช่เล่นๆ จะให้คนอื่นมารู้ความลับง่ายๆ ไม่ได้ เขาไม่ใช่คนจะตัดสินใจเรื่องนี้
“นั่นสิ ดูละครแฟนตาซีมากไปรึเปล่าเจ๊”
ปิญชาน์ก็รู้ดีว่าต้องปิดบังให้ได้ หากหญิงสาวตรงหน้ารู้ อัญมณี และตัวหล่อนอาจไม่ปลอดภัย
“ของแท้หรือไม่ ให้ฉันดูแค่นาทีเดียวก็รู้ ส่งมาสิ ฉันสัมผัสถึงพลังของมันได้นะ”
“เรื่องสิ! นี่มันของๆ ฉัน คุณเป็นใคร มาจากไหน มีสิทธิ์อะไรมายุ่ง สั่งโน่นสั่งนี่ ใหญ่นักเหรอ”
“ไม่ให้ก็แปลว่าใช่ ส่งมานะ ไม่งั้นฉันไม่ปรานีแน่”
สถานการณ์ทำท่าจะเลวร้าย จนเขาคุมไม่อยู่ ปิณฑิราสืบเท้าเข้าหา ขณะที่ปิญชาน์ก็ตั้งท่าสู้ตาย จะขัดขวางให้สุดชีวิต เขายื่นแขนกันสาวน้อยไว้ หากคับขันก็จะช่วยหล่อนแน่ แต่เขาไม่อยากลงมือเลยจริงๆ
“เพชร...เพชร... พรานมิ่งฟื้นแล้ว รีบไปเยี่ยมกันเถอะ”
พรานคนหนึ่งวิ่งนำข่าวดีมาบอก เพชรกล้าดีใจเหมือนถูกฉุดขึ้นมาจากเหว
“ฮ้า จริงหรือ วิเศษจังเลย เอ่อ... คุณปิณฑิรา ฟังผมหน่อยนะ ผมขอสงบศึกชั่วคราว เราไปเยี่ยมพรานมิ่งกันก่อนดีไหม เขาถูกเสือกัดมา อาการหนักมาก ควรจะไปเยี่ยม และให้กำลังใจเขาสักหน่อยนะครับ”
ไหวพริบของชายหนุ่ม ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียด ปิณฑิรานิ่งไปวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า และอย่างที่เขาระแวง...
“ได้ แต่เธอ...ต้องไปด้วย!”
ในห้องคนป่วยของบ้านหมอไทย มีพรานสามคนที่เข้าไปช่วยเขาในป่ายืนล้อมเตียงผู้ป่วยอยู่ ปิณฑิราพูดให้กำลังใจคนเจ็บสองสามคำพอเป็นพิธี แล้วออกมายืนห่างๆ เฝ้ามองปิญชาน์ไม่ยอมคลาดสายตา เพชรกล้านั่งลงข้างเตียง พรานมิ่งจับมือเขาไว้
“เป็นยังไงบ้างครับ น้ามิ่ง ยังปวดอยู่ไหม”
เขามองใบหน้าซีดเซียว เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่รินไหลด้วยความเจ็บปวดนั้นอย่างเป็นห่วง
“เจ็บมาก... เจ็บเหลือเกิน ฉันต้องพิการใช่ไหม เพชรกล้า”
“ไม่หรอกครับ ไม่หรอก เดี๋ยวอีกสักครู่ น้ามิ่งก็จะได้ไปโรงพยาบาลแล้ว ที่นั่นมีอุปกรณ์รักษาดีๆ ต้องทำให้แผลน้ามิ่งหายไว และเดินได้ในไม่ช้า เชื่อผมนะครับ น้ามิ่งต้องหายเป็นปกติ”
“เสือตัวนั้น...ดุร้ายเหี้ยมโหดเหลือเกิน ฉันอยากจะฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง”
พรานมิ่งกล่าวอย่างอาฆาต พรานอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงบอกมา
“ไม่ต้องห่วงหรอก พรานมิ่ง เรื่องเสือ ไว้เป็นหน้าที่เราจัดการ จะยิงมันให้พรุน แก้แค้นให้พรานมิ่งเอง”
ปิญชาน์ใจคอไม่ดี เมื่อได้ยินว่าพวกพรานจะออกล่าทองกล้า แต่พอเห็นสายตาของปิณฑิรา ก็กลับมาหงุดหงิดดังเดิม คิดอย่างร้อนรน
...โธ่เอ๊ย! ยืนจ้องอยู่แบบนี้ กระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ทำยังไงดีล่ะ...
“ผมว่า...เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลย น้ามิ่งควรไปรักษาตัวให้หายก่อน ยิ่งเครียดก็ยิ่งหายช้า แล้วนี่...มีใครเตรียมบัตรทอง กับของใช้จำเป็นไว้ให้รึยังครับ เดี๋ยวรถก็จะมารับแล้ว ต้องอยู่หลายวันนะ”
“โอ๊ย! โอ๊ย!...”
เสียงร้องของปิญชาน์ ทำให้เพชรกล้ากับพวกพรานหันไปมอง หล่อนยกมือกุมท้อง ใบหน้าบิดเบี้ยว
“เป็นอะไรไปน่ะ ปิญชาน์”
เขาถามตามบทบาท เพราะรู้ทันความคิดหล่อน สาวน้อยแอบขยิบตา เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“ปวดท้อง สงสัยจะท้องเสีย เมื่อเช้าทานเผ็ดไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เดินหนีกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ มีหรือคนฉลาดอย่างปิณฑิราจะยอม
“ฉันไปด้วย”
ปิญชาน์สะอึก จ้องหน้า ตาโต ร้องเสียงสูง
“คนไปอึนะ จะตามมาทำไม”
“ฉันไปเป็นเพื่อนไง ไม่ได้เหรอ”
“ชอบดมของเสียก็ไม่บอก เดี๋ยวสั่งออกมาให้ชมสมใจเลย!”
ความปากร้ายของหล่อน ไม่ระคายอารมณ์ปิณฑิรา หญิงสาวเจนจัดเกินกว่าจะหลงกลลูกไม้ตื้นๆ ยิ้มหึๆ ใช้มือดันหลังหล่อนให้ออกเดิน เพชรกล้าหันมาตอบคำถามพรานมิ่ง ขณะที่ในใจก็นึกเป็นห่วงปิญชาน์นัก
...ตามเลย...ตามมา...แส่หาเรื่องดีนักนะ...เดี๋ยวจะโดนตอกกลับให้หน้าหงาย...
ปิญชาน์คิดแค้นในใจมาตลอดทาง เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำสาธารณะของหมู่บ้าน ก็หันหน้ามายักคิ้วใส่ ถามยั่ว
“ถึงแล้ว จะรอรับของขวัญอยู่ข้างนอก หรือเข้ามาชมด้วยกันข้างในล่ะ”
“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ ไม่กลัวเธอหนีหรอก แต่ถ้าเธอกลัวมากนัก จะอยู่ข้างในตลอดชาติไม่ออกมาก็ได้นะ”
หล่อนกอดอก สวนกลับหน้าตาย สาวน้อยผู้มีสร้อยคอวิเศษขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ควบคุมอารมณ์อย่างสุดฤทธิ์
“ดี งั้นก็เชิญรอไปเถอะ”
สะบัดหน้าพรึบเข้าไปด้านในแล้ว ปิณฑิราก็เดินสำรวจรอบๆ ห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหนีทางอื่น ก็กลับมายืนคุมเชิงด้านหน้า ปิญชาน์ขยี้เท้าอย่างหงุดหงิด เจ็บใจเป็นที่สุด ที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
...โธ่เอ๊ย! ทำไมซวยแบบนี้นะ ดันมาเจอยัยบ้าอัญมณี ที่ดันรู้จักอซูไรท์ แถมจะจับเราส่งทางการฐานคบเสืออีก นึกว่าแม่กลัวรึไง? แค่ฉันสั่งคำเดียว ฝูงต่อ ฝูงค้างคาว สัตว์ร้ายทุกตัวในหมู่บ้านมารุมกัดแกตายแน่ นึกว่าเจ๋งนักรึ บ้าจริง ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้นะ มันมีไอ้นั่น เราสู้ด้วยไม่ไหวแน่ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ขอโทษนะคะหลวงปู่ หนูจำเป็นต้องทำจริงๆ แล้วจะไปขอขมาหลวงปู่วันหลัง...
หล่อนยกมือไหว้ คิดถึงผู้ที่ให้ความเคารพศรัทธาสูงสุด ก่อนกุมเม็ดสร้อยสีน้ำเงินปนฟ้าที่ห้อยบนคอนั้นไว้ หลับตา และสวดพึมพำคล่องปรื๋อ
“ปิญชาน์ นานไปแล้วนะ ตกส้วมรึไง”
...
“ถ้าคิดจะลีลาอีก ฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ออกมาเดี๋ยวนี้”
...
“พอกันที จบเกมได้แล้ว”
ปิณฑิรายื่นมือแตะประตูไม้ มือหนึ่งก็ยื่นมาจับบ่าหล่อนไว้ พร้อมเสียงนุ่ม
“ใจเย็นๆ สิครับ คุณปิณฑิรา เดี๋ยวเธอก็ออกมา ขัดจังหวะคนกำลังถ่ายทุกข์ มันเป็นบาปนะ”
หล่อนหันมา เพชรกล้าส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่หล่อนไม่ยิ้มตอบ กลับจ้องหน้าเขานิ่ง
“ทำไมนานแบบนี้ ท้องเสียนะ ไม่ใช่ท้องผูก จะได้นั่งเบ่งกันเป็นชั่วโมง”
หากหล่อนไม่พูดด้วยแววตาเครียด และสีหน้าขรึมเย็นชาแบบนี้ เขาคงจะหัวเราะด้วยความขบขันไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังอดยิ้มนิดหนึ่งไม่ได้ หล่อนเปิดเผย ตรงไปตรงมา ขวานผ่าซาก จนบางครั้งชวนน่ารัก น่าเอ็นดูอยู่บ้าง ปิณฑิรากะพริบตาปริบๆ รอยยิ้มของเขา กระตุ้นหัวใจตายด้านของหล่อนให้กระตุกขึ้นมา!
“ยิ้มอะไร”
“เอ่อ เปล่าครับ ผมแค่...นับถือที่คุณเป็นคนเปิดเผย จริงใจดี”
ปิณฑิราจ้องตาเขานิ่ง แววตาเปลี่ยนเป็นคมกริบ ค่อยๆ สืบเท้าเข้าหาช้าๆ เพชรกล้าเดินถอยหลัง
“เอ่อ เอ่อ... จะทำอะไรน่ะ คุณปิณฑิรา”
“รอจัดการปิญชาน์ก่อน ต่อไปก็ถึงตานายแล้ว!”
หล่อนพูดเสียงเยือกเย็น ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเสียวสันหลังวูบ และแล้วปิณชาน์ก็ออกมาจนได้ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หล่อนโยนสร้อยคอเม็ดกลมในมือให้ปิณฑิรา ยกมือเท้าสะเอว แล้วยิ้มหยันๆ
“เอาไปสิ อัญมณีวิเศษที่สื่อสารกับสัตว์ได้ ดูให้ดีนะ ไม่งั้นจะไม่มีโอกาสเป็นรอบที่สอง”
ปิณฑิราจ้องตาอย่างมิหวาดหวั่น พลิกสำรวจดูสร้อยนั้นอย่างละเอียดถ้วนถี่ ก่อนวางไว้บนฝ่ามือแล้วหลับตา...
แย่แล้ว! ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นวิชาอาคมรึเปล่า ขืนจับได้ว่าอซูไรท์ถูกอาคมพรางตา มีหวังเละแน่
เพชรกล้าคิดในใจอย่างตระหนก ภาวนาให้หล่อนสัมผัสไม่ได้ ปิณฑิราขมวดคิ้ว ลืมตา ชายหนุ่มใจหายวาบ มีร่องรอยสงสัยในแววตาคู่นั้น เหมือนจะไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ปิญชาน์ยกมือกอดอกอย่างมั่นใจ
“ว่าไง ใช่อัญมณีวิเศษจากสวรรค์ของคุณรึเปล่า เงียบทำไมล่ะ”
“ฉันเข้าใจผิดไปเอง ขอโทษด้วย...”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างเหนือความคาดหมาย เมื่อหญิงสาวส่งสร้อยคอคืนเขา บอกเรียบๆ แล้วเดินจากไปเฉยๆ
“อะไร แค่ขอโทษก็หายเหรอ เมื่อกี้เกือบจะเอามีดแทงฉันตาย พูดจาข่มขู่สารพัด คิดจะจบ ก็จบง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอ รู้จักยัยปิญชาน์น้อยไปแล้ว”
ปิญชาน์ถลันตามมาจะเอาเรื่อง ปิณฑิราหยุดเดิน แต่ไม่หันมา เพชรกล้ารีบปราดมาขวางหน้าสาวน้อยเจ้าปัญหา
“ปิญชาน์ ไม่เอาน่า คุณปิณฑิราก็แค่เข้าใจผิด อย่ามีเรื่องเลย”
เขาทำตาดุ จ้องหล่อนเป็นรหัสว่า...อย่าหาเรื่อง ปิญชาน์ไม่ยอมทิ้งลายสาวดุ ที่แสบที่สุดในหมู่บ้าน
“นี่ เดินหนีทำไมล่ะ แน่จริง กลับมาสู้กับฉันสิ โธ่เอ๊ย! นึกว่ากลัวรึไงหา เดี๋ยวก็สั่งทองกล้าให้กัดตายซะเลยนี่ ยัยบ้าอัญมณีโรคจิตเอ๊ย!”
“พอแล้ว ปิญชาน์ จะไปกระตุ้นยั่วยุเขาทำไม เดี๋ยวเขาก็กลับมาหรอก”
เพชรกล้าสุดจะหน่ายกับความเกเรของเพื่อนสาว จนแทบอยากจะทิ้งไปเสียเดี๋ยวนี้เลย ถ้าหญิงสาวคนนั้นกลับมาจริงๆ ก็จะไม่ช่วยอีกแล้ว พอร่างหล่อนหายลับไป ปิญชาน์ก็กระตุกชายเสื้อเขา กระซิบหน้าตาตื่น
“เพชรเก๊ เห็นไหม เห็นรึเปล่า บนคอของเธอน่ะ”
“อืม แฟนซีไดมอนด์! เห็นแล้วยังจะไปท้าเขารบอีกนะ สู้เขาได้หรือ”
“เธอเป็นใครกัน ทำไมถึง...?”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้รู้อยู่อย่างเดียว คือ เธอเป็นพวกฝึกอัญมณีเช่นเดียวกับเรา”
พอเอ่ยออกไปแล้ว ก็รู้สึกประหลาดในใจ เพชรกล้าบอกไม่ถูกว่า เขามีความรู้สึกเช่นไร กับการได้เจอคนประเภทเดียวกันเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบสามปี เขาอยากทำความรู้จักหล่อน แต่ปิณฑิราดูรีบร้อน ลึกลับ หวาดระแวง ท่าทางแข็งกร้าวและไม่ค่อยเป็นมิตรนั้น มันทำให้เขาลังเลใจ แถมมาเกิดเรื่องกับปิญชาน์ขึ้นอีก
...ถึงอย่างไร หากหล่อนตั้งใจตามหาหลวงปู่นิลจริงๆ เขาก็คงมีโอกาสได้รู้จักหล่อนสักวัน...
ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน
ยามราตรี ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์หรูหราทรงยุโรป หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงจันทร์ลอดผ่าน ลมแรงพัดผ้าม่านลายดอกโบกสะบัด มุกตาภาในชุดเรียบร้อยรัดกุม นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ไม้สักตัวยาว หลับตาเข้าสมาธิ ยื่นมือออกมาเบื้องหน้าระดับอก บนฝ่ามือนั้นวางอัญมณีสีเหลืองลายไม้ รูปจี้มังกรล้อม ส่องแสงแวววาวรับแสงจันทร์เฉิดฉายที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ไตรทศยืนสำรวมอยู่เบื้องหน้า หลับตาเช่นกัน
“ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย! อาจารย์ คุณปลุกพลังยังไง”
หญิงสาวไม่รู้สึกถึงมวลพลังงานในมือ จิตของหล่อนรับคลื่นไม่ได้ จึงลืมตาถามอย่างไม่พอใจ
“ใจเย็นๆ สิครับ คุณหนู ไทเกอร์อายเป็นอัญมณีชั้นสูง พลังงานถูกกักเก็บอยู่ลึก ไม่ใช่ครอบครองแล้วจะใช้ได้เลย มันยังตื่นตัวไม่เต็มที่ ต้องอาบกระตุ้นด้วยแสงจันทร์ครบสองเดือนก่อน จึงจะปรากฏพลังสูงสุด”
ไตรทศบอกเอื่อยๆ ทั้งที่ยังหลับตา มุกตาภาเบิกตากว้าง ร้องอย่างไม่เชื่อหู
“อะไรนะ สองเดือน! ไพไรท์ หรือ ซิทริน ยังไม่นานขนาดนี้ มันจะใช้เวลาอะไรตั้งขนาดนั้น ถึงเป็นไทเกอร์อายก็เถอะ นี่ อาจารย์ คงไม่ได้ตั้งใจถ่วงเวลาฉันหรอกนะ”
ประโยคหลัง ออกแนวกึ่งหยอกกึ่งเหน็บ ดวงตาสวยจ้องคมกริบ ไตรทศลืมตา มองตอบด้วยแววตาเฉย
“ผมจะถ่วงเวลาคุณหนูเพื่ออะไร อัญมณีบริสุทธิ์ทุกชิ้นของคุณหนู ก็ได้รับการปลุกเสกมาจากผม ถ้าคุณหนูไม่เชื่อ ไม่ไว้ใจในตัวผม แล้วจะเอามาให้ผมทำไม”
“แหม ล้อเล่นหน่อยเดียว พูดซะเสียงเครียดเชียว จริงจังไปได้ อาจารย์ก็... รอก็รอสิ ยังไงก็ได้ใช้ตลอดไปอยู่แล้ว รออีกนิดเดียวจะเป็นไรไป ว่าแต่...มันจะมีพลังอะไรบ้างนะ”
หญิงสาวลุกขึ้นยืน หลังจากเก็บอัญมณีใส่ลงในกล่อง มือไพล่หลัง เดินเข้ามาจ้องหน้าอาจารย์ใกล้ๆ
“ไทเกอร์อาย มองเห็นได้ในความมืด เห็นภาพในระยะที่ไกลมากได้ คล้ายตาทิพย์ชนิดหนึ่ง”
“ลืมไปอีกอย่างหนึ่งนะ อาจารย์ มองทะลุจิตวิญญาณคน ได้ด้วยไม่ใช่หรือ”
หล่อนเสริมมา เมื่อเห็นเขาหยุดพูด แววตาคาดคั้นปนระแวงนั้น ทำให้ไตรทศกลอกตาหลุกหลิก ต้องใช้ไหวพริบหนัก
“เอ่อ...ข้อนี้ ผม...ไม่มั่นใจนัก”
“ต้องมีสิ ก็ฉันศึกษาจากตำราอัญมณีโบราณจนจำแม่นขึ้นใจ ยังไงก็ต้องมีแน่ๆ มองทะลุจิตวิญญาณ คือเห็นธาตุแท้ของคน น่าสนุกนะ แค่เราพกติดตัวไว้ ก็สามารถรู้ได้ว่าคนๆ นั้นเป็นคนอย่างไร โดยไม่ต้องคบหาให้เสียเวลาเลย เหมือนมีพลังอ่านใจได้ วิเศษจริงๆ”
มุกตาภายิ้มอย่างพึงพอใจที่สุด แค่นึกถึงตอนนำไปใช้ ก็รู้สึกสนุกจนอดใจรอแทบไม่ไหวแล้ว
“คุณหนู ผมขอเตือนสักหน่อย อย่าได้เชื่อตำรามากนัก พวกนี้มันเขียนเพ้อเจ้อเกินจริงกันทั้งนั้น ไม่ได้ถูกต้องไปเสียทุกเรื่อง”
“เอ๊ะ! จู่ๆ ก็มาบอกว่าเพ้อเจ้อ...กับอัญมณีไทเกอร์อาย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยพูดสักคำ อาจารย์... หรือคุณไม่อยากให้ฉันมองเห็นธาตุแท้รึไงกัน!”
“ก็ถ้าคุณหนูจะคิดแบบนั้น...”
“คิก คิก เหลือเชื่อจริงๆ อาจารย์ไตรทศ คืนนี้เครียดจริงๆ เสียด้วยนะ ล้อเล่นน่า ฉันต้องไว้ใจอาจารย์อยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง เอาเถอะ อาจารย์ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ศิษย์ที่ดีต้องเชื่อฟังอาจารย์สินะ...”
หญิงสาวหยอกล้อด้วยรอยยิ้มแจ่มใส เดินไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่าง มองพระจันทร์สวยงามด้านนอก
“...แต่ระหว่างที่คุณปลุกเสกไทเกอร์อายเนี่ย ฉันอยากจะเล่นของอื่นแก้ขัดไปก่อน สโมกกีย์ ควอทซ์ ที่ยืมอาจารย์มา เพิ่งใช้ไปแค่สองครั้ง ชักติดใจขึ้นมาแล้วสิ มันน่าสนุกดีนะ ตอนที่ใช้ล่อพวกดีเอสไองี่เง่าที่เฝ้าอัญมณีอยู่หน้าห้อง แต่ละคนสภาพตลกน่าดูเลยล่ะ ถ้าฉันจะขอยืมอาจารย์ ไว้เล่นต่ออีกสักพัก อาจารย์จะว่าไง”
“ถ้าคุณหนูพอใจ ผมยกให้เลยก็ได้”
“ไม่ได้ ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน สมบัติของอาจารย์ ลูกศิษย์ไม่กล้าฉกฉวยมาเป็นของตัวเองหรอก แค่ขอหยิบยืมเท่านั้น เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว อาจารย์ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลับอเมริกาแต่เช้า ขอบคุณมากนะคะ”
ไตรทศก้มหัวนิดหนึ่งอย่างคำนับ แล้วเดินออกไป ประกายตานุ่มนวลของมุกตาภาดับวูบ เปลี่ยนเป็นขุ่นมัว และคมดุ ยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างหยันๆ
ความคิดเห็น