ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก...อัญมณี

    ลำดับตอนที่ #4 : สยบเจ้าป่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 599
      9
      8 ก.พ. 59





     

    ...พรานมิ่ง...พรานมิ่ง อยู่ที่ไหนครับ ตอบด้วย พรานมิ่ง...

    เพชรกล้าวิ่งเข้ามาบริเวณชายป่า ตะโกนเรียกหาพรานป่าล่าสัตว์วัยสี่สิบกว่าที่เขาสนิทคุ้นเคยดี โดยไม่รู้ว่าด้านหลังมีหญิงสาวคนหนึ่งแอบติดตามมา และคอยระแวดระวังภัยให้เขาเงียบๆ ตามสัญชาติญาณของนักสู้เจนจัด

    ระวัง!”

    หล่อนหันไปเห็นเงาเสือ ปรากฏวูบอยู่บนเนินดินระยะใกล้ตัวเขา จึงรีบร้องเตือน และกลัวจะไม่ทัน จึงวิ่งมาชนเขาล้มลงไปนอนกับพื้น ชายหนุ่มตะลึงวูบ เหนือตัวของเขา เป็นหญิงสาวแปลกหน้าที่งดงามนัก เขาคุ้นเสียงหล่อน จึงจ้องสบตาอย่างสงสัย แต่แล้วเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องสะท้านป่า ปลุกให้เขาได้สติ รีบดันร่างหล่อนออกไป แล้ววิ่งไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงนั้น ตะโกนเรียกต่อเนื่อง

    พรานมิ่ง... พรานมิ่ง...

     ไม่สนแม้จะแว่วเสียงหญิงสาวด้านหลังร้องบอก

    “หยุดนะ อย่าไป

    ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำเพชรกล้าใจหายวูบ ร่างของชายวัยสี่สิบนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส น่องขามีแผลเหวะหวะจากการถูกกัด เขาวิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างๆ ตรวจดูอาการอย่างร้อนใจ จับมือคนเจ็บไว้ 

    พรานมิ่ง... น้ามิ่ง ทำใจดีๆ นะ เข้มแข็งไว้ ผมมาช่วยแล้ว

    เพชร รีบหนีไป เสือมาแล้ว...

    เป็นเสียงเตือนครั้งสุดท้าย ก่อนจะแน่นิ่งหมดสติไป และเขาก็รู้ตัวว่าหลบไม่ทันเสียแล้ว...

    เสียงย่ำใบไม้เบากริบแว่วเข้าโสตประสาทอันเฉียบไว มันอยู่ข้างตัวในระยะประชั้นชิด... เขาหันขวับไป เสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่บนเนินก็แยกเขี้ยว สะบัดหัว พร้อมร้องคำรามลั่นสะท้านป่า 

    โฮก!”

     

    ดวงตาและท่าทางของมัน คล้ายกำลังเกรี้ยวกราดหงุดหงิดอย่างยิ่ง เขาเห็นเต็มตาเพียงวูบเดียวเท่านั้น เพราะหญิงสาวนางหนึ่งวิ่งเข้ามาขวางหน้า บดบังเสือตัวนั้นไว้มิดชิดจากเขา

    หลบไป!”

    เขาร้องสุดเสียง ใจหายวาบเมื่อเห็นร่างเสือกระโจนพรึบ! ทะยานลงมาจากเนิน โถมสุดตัวเข้าชนหล่อน หญิงสาวไม่ทันระวัง เพราะกำลังตั้งท่ารับมือ จึงล้มกลิ้งหลุนๆ พัวพันกับเขาลงมาทางลาดต่ำของเนินดิน สุดท้ายหัวไปกระแทกชนตอไม้เข้าอย่างจัง สิ้นสมประดี

    ราชาแห่งป่ากระโดดเข้ามา ยืนจังก้าบนเนินดินสูง จ้องมองพวกเขาเขม็ง แล้วแยกเขี้ยวข่มขู่ ประดุจเห็นเหยื่ออันโอชะ  ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนช้าๆ จ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เขารู้ดีว่าหากสัตว์ชนิดนี้ มีเจตนาล่าจริงๆ ล่ะก็ หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ทางออกเดียว คือต้องเผชิญหน้า และสยบมันให้ได้เท่านั้น

    ...สงบใจไว้ อย่าได้กลัว เราเป็นคนดีมีวิชา สามารถปราบมันได้... แต่ต้องทำให้ได้ ภายในครั้งเดียว!

    เขาหลับตาทำสมาธิ โอกาสมีแค่ครั้งเดียว ต้องเสี่ยงแลกกับมัน การจู่โจมของเสือจะไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงจะพลาดไม่ได้ หากบาดเจ็บขึ้นมา เขาจะไม่มีพลังและสมาธิพอ จะไปต่อกรกับมันครั้งที่สองแน่

    วินาทีที่ลืมตา เจ้าเสือหนุ่มก็กระโจนลงมา ประกายตาที่สุขุมเยือกเย็นทอแสงอ่อนโยนเป็นปกติของเขา เปลี่ยนเป็นแข็งกล้าเจิดจรัสสาดแสงเรืองรองผิดปกติ และเมื่อเสือจวนจะถึงตัว ฉับพลันนั้น! ออร่าของเขาก็แผ่ขยายออกกว้างใหญ่ หนาทึบ คลุมตัวของเขาเอาไว้ เป็นสีเหลืองทองผ่องอำพัน ชนิดออเรโอลา คือ มีแสงหมุนวนรอบตัว เป็นภาพที่สวยงามและน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ราชาแห่งป่ากระโจนลงมาที่เบื้องหน้าเขา ถาโถมเข้าใส่ หากรัศมีอันทรงอำนาจกั้นขวางไว้ ทำให้ต้องถอยหลังกรูด ส่ายหัวฮึดฮัดไปมา แม้อยู่ในอาการโมโห และหิวกระหาย แต่ไม่หาญกล้าเข้ามาขย้ำ ด้วยมิอาจบุกรุกเข้าไปภายในเขตรัศมีพลังเหนือธรรมชาติได้ เพชรกล้าใช้ดวงตาเยือกเย็นสะกดความเกรี้ยวกราดดุร้ายของมัน เอ่ยอย่างอ่อนโยน และมีเมตตา

    ราชาแห่งป่า... หากเราไม่มีเวรกรรมต่อกัน ก็จงต่างคนต่างอยู่ อย่าได้ระรานเบียดเบียนชีวิตกันเลย หากว่าอดีตชาตินั้น เราเคยล่วงเกินเจ้า ก็ขออโหสิกรรมแก่เราด้วย เราขอผูกพันเป็นมิตร สาบานจะไม่ทำอันตรายใดๆ หากเจ้ายินยอมอยู่อย่างสงบในที่ของเจ้าแต่โดยดี

    เขาตั้งมั่นภาวนา ส่งกระแสจิตถึงสัตว์ร้ายเบื้องหน้า เจ้าเสือนิ่งงัน คล้ายจะมีญาณสัมผัสได้ ท่าทีกระสับกระส่ายวุ่นวายสงบลง แต่เพราะความหิวโหย ทำให้ลังเลรีรออยู่ไม่ยอมจากไป

    อย่าฆ่ามันนะ!”

    ทันใดนั้นเอง ปิญชาน์ก็ร้องและวิ่งเข้ามา กางมือออกขวางหน้ามันไว้จากเขา เพชรกล้าใจหายวาบ

    ปิญชาน์ ทำอะไรน่ะ มานี่...

    ไม่ต้องกลัวหรอก นี่ เสือของฉันเอง! มันไม่ทำร้ายฉัน

    คำพูดของสาวน้อย ทำเอาเขาแทบลมจับ เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู

    อะไรนะ เสือของเธอ? ปิญชาน์ นี่เธอ... เธอเลี้ยงเสือเหรอ

    ใช่แล้ว มันชื่อ ทองกล้า สงสัยมันคงจะหิว แล้วก็หงุดหงิด ที่ฉันไม่ได้มาหาหลายวัน ขอโทษด้วยนะ ทองกล้า คิดถึงฉันล่ะสิ หือ ใช่ไหม

    เพื่อนสาวของเขาหันไปลูบหัวเจ้าเสือหนุ่มอย่างแสนเอ็นดูรักใคร่ มันก็ตอบสนองด้วยการเอาปากซุกไซ้มือ แลบลิ้นเลียขาหล่อน สั่นหางดิกๆ ด้วยปฏิกิริยาที่เชื่อง และน่ารักเหมือนสัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่เขาสั่นหัวอย่างแรง

    ปิญชาน์ เธอบ้าไปแล้ว อยู่ดีๆ ไปเลี้ยงเสือทำไมกัน

    หลายอาทิตย์ก่อน มันมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านฉัน ฉันสงสารแล้วก็ถูกใจมัน เลยเลี้ยงเอาไว้ มันน่ารักดีออก

    น่ารัก? มันเพิ่งฆ่าคนไปหนึ่งศพ และทำร้ายคนปางตายไปอีกหนึ่งนะ

    ก็เพราะว่ามันหิวนี่ ฉันลืมเอาอาหารมาเลี้ยงมันหลายวันแล้ว เอานี่ ฉันเอาอาหารมาด้วย กินซะนะ

    หล่อนวางถุงเนื้อสัตว์ลงบนพื้น เจ้าเสือรีบกินอย่างหิวโหย ตะกรุมตะกราม หล่อนย่อตัวลงนั่งคู้ ลูบเนื้อตัวมันอย่างชื่นชม

    อุตริเกินไปแล้ว ปิญชาน์ เธอจะทำตัวเป็นเจ้าของเสือตัวนี้ไม่ได้นะ

    เพชรกล้าเห็นความสนิทสนมของหล่อนกับมันแล้ว ต้องเตือนเสียงเข้ม

    ทำไมจะไม่ได้? มันเชื่องกับฉัน และฉันก็อยากมีเพื่อนที่สง่างาม และแข็งแกร่งอย่างมันด้วย

    มันเชื่องกับเธอคนเดียว แล้วคนในหมู่บ้านล่ะ มันไม่กัด ไม่ทำร้ายเธอ แต่ชาวบ้านล้วนเป็นเหยื่อของมัน เธอเองก็เห็นมิใช่เหรอ

    ถ้ามันไม่หิว มันก็ไม่ทำร้ายใครหรอกน่า

    ปิญชาน์เถียงอ่อยๆ อย่างเข้าข้างตัวเอง เพชรกล้าถอนหายใจหนักหน่วง พยายามอธิบายด้วยเหตุผล

    ไว้ใจได้หรือ ที่มันมาป้วนเปี้ยนแถวหมู่บ้าน ใช่เพราะความหิวอย่างเดียวเมื่อไหร่ มันคิดถึงเธอ อยากเจอเธอ ถึงได้ไปเพ่นพ่านจนถูกคนไล่ ด้วยความโกรธเลยกัดพี่สมบุญตาย ตัวเธอเองก็ไม่ควรจะวางใจเต็มที่นัก หากวันหนึ่งพลาดพลั้งทำสร้อยหลุดจากคอ มันก็จะหันมาขย้ำเธอ ตามสัญชาติญาณสัตว์ป่าดุร้ายของมันแน่

    “แหม ไม่หลุดหรอกน่า...

    สาวน้อยบอกอ้อมแอ้ม ยกมือลูบสร้อยกลมๆ สีน้ำเงินปนฟ้าที่ห้อยคออยู่

    เจ้าทองกล้า ของปิญชาน์เขมือบเนื้ออันโอชะหมดเกลี้ยงแล้ว ก็ย่างเท้าเข้ามา ใช้ปากดุนมือของเพชรกล้าเบาๆ อย่างเป็นมิตร และพึงพอใจ

    เห็นไหม เจ้าทองกล้าก็ชอบนาย มันน่ารักออก ให้ฉันเลี้ยงมันเถอะนะ นะ เพชรเก๊

    หล่อนอ้อน เขายื่นมือลูบหัวมันเบาๆ ยอมรับว่า...เสือใหญ่เพศผู้ตัวนี้ทั้งสวย สง่างาม และน่าเกรงขามจริงๆ

    เธอจะเลี้ยงยังไง? ต้องคอยเข้าป่า เอาอาหารมาให้ มาเล่นกับมันในป่านี้น่ะหรือ

    ก็ใช่น่ะสิ หรือจะให้ฉันเอาไปเลี้ยงในหมู่บ้านล่ะ

    เป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นเสือกินคนแล้ว เสือถ้าได้ลิ้มรสเลือดเนื้อมนุษย์ ก็ถือว่าเป็นศัตรูกันอย่างสิ้นเชิง เป็นของต้องห้าม ยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ถ้าเธออยู่เคียงข้าง มันก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าพรานป่า หรือชาวบ้านมาเจอเข้าโดยลำพัง มันเอาแน่ ถึงตอนนั้นจะมีคนรับเคราะห์เพราะความสุขส่วนตัวของเธอ อีกสักเท่าไหร่?”

    ฉันไม่ให้มันทำแน่นอน ฉันรับรอง

    ปิญชาน์รีบพยักหน้ายืนยัน เพชรกล้าส่ายหน้า ตำหนิอย่างไม่เชื่อถือ

    อย่าอ้างเรื่องคุมมัน! เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะเธอหลงลืมมันหรอกหรือ วันข้างหน้าถ้าเธอเผลอลืมมาหามันสักห้าวัน มันคงได้เข้าไปอาลวาทในหมู่บ้านจนเดือดร้อนกันหมดแน่ เคยคิดบ้างรึเปล่า

    เสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมเสียงคนตะโกนเรียกโหวกเหวก ปิญชาน์ตระหนก

    แย่แล้ว! มีคนมา พวกเขาต้องมาฆ่าทองกล้าแน่ๆ เพชรเก๊ ขอร้องล่ะ อย่าให้พวกเขาฆ่ามันนะ

    หล่อนเข้ามาจับมือชายหนุ่ม ละล่ำละลักอ้อนวอนอย่างร้อนใจ เจ้าทองกล้ายังเดินป้วนเปี้ยนวนอยู่รอบๆ ตัว อย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้ว่าภัยกำลังมาเยือน เพชรกล้าส่ายหน้าช้าๆ

    เสือเป็นภัยต่อหมู่บ้าน พวกเขาไม่ยอมปล่อยมันไว้แน่

    ไม่นะ ฉันขอร้อง อย่าฆ่ามัน ฉัน...ให้ฉันเอามันไปปล่อยในป่าลึกก็ได้ ช่วยฉันด้วยเถอะ นะ เพชรเก๊

    ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้นั้น ทำเอาเขาเกิดความสงสาร พยักหน้ายินยอม

    สัญญาก่อนว่าจะปล่อยมันไป หมายถึงไม่มายุ่งเกี่ยวกับมันอีกตลอดไป ให้มันมีชีวิตตามวิถีของมัน

    ปิญชาน์อึกอัก ตัดสินใจลำบาก เสือเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลสำหรับหล่อน หล่อนรักมันมาก และเริ่มผูกพันกับมันแล้ว

    ตัดสินใจเถอะ จะให้มันตาย หรือว่าปล่อยมันไป

    เพชรกล้ารีบถามย้ำ เพราะพรานป่าที่น่าจะมีประมาณสามคน คำนวณจากเสียงฝีเท้าแล้ว กำลังเข้ามาใกล้ทุกขณะ สาวน้อยผู้รักสัตว์จำต้องตัดสินใจอย่างเจ็บปวด เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พยักหน้ากับเขา

    ก็ได้ ฉันไม่เลี้ยงมันแล้ว มาเถอะ ทองกล้า เข้าป่ากัน มาสิ เร็วเข้า มาทางนี้...

    ชายหนุ่มมองแววตาของเสือลายพาดกลอน แล้วขมวดคิ้ว เกิดความรู้สึกแปลกๆ มันเดินช้าๆ ผ่านหน้าเขาไป แล้วกระโจนหายเข้าไปในพงไพร พร้อมกับปิญชาน์ที่พยายามวิ่งตามไปสุดฝีเท้า

    พรานหนุ่มสามคนตามที่เขาคำนวณไว้ โผล่มาพอดิบพอดี คนหนึ่งรีบเข้าไปดูอาการของคนเจ็บ

    พรานมิ่ง...พรานมิ่ง...

    เขย่าตัวพรานผู้เคราะห์ร้าย แต่ไม่มีสัญญาณตอบ เพชรกล้ามองอย่างเป็นห่วง

    เพชร แล้วเสือล่ะ

    พรานอีกสองคนเข้ามาถาม ชายหนุ่มมองธนูลูกดอกในย่ามหลัง และปืนไรเฟิลในมือของพวกเขาอย่างหนักใจ

    เอ่อ มันไปแล้วล่ะครับ

    รีบตามไป

    พยักหน้ากับพรรคพวกจะไล่ตามต่อ แต่เพชรกล้าขยับตัวมาขวางไว้

    อย่าครับ เดี๋ยวก่อน!”

    ทำไมล่ะ เพชรกล้า

    คือ เอ่อ... ผมเพิ่งยิงธนูของพรานมิ่งใส่มัน จน...มันได้รับบาดเจ็บน่ะครับ เขาว่าตามเสือลำบาก อันตรายนัก มันทั้งตัวใหญ่ ทั้งฉกรรจ์ พละกำลังมหาศาล แถมอารมณ์ดุร้ายเกรี้ยวกราด อย่าเพิ่งไล่ตามเลย

    ชายหนุ่มแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน พรานสองคนหันมองหน้ากัน คนหนึ่งพูดอย่างโกรธแค้น

    เฮอะ ตอนนี้สิดี มันกำลังบาดเจ็บ ถ้าเราช่วยกันระดมยิงทั้งปืนทั้งธนู ต้องฆ่ามันได้แน่

    เอ่อ ผมว่า...ฆ่าเสือมันเรื่องเล็กนะ ตอนนี้ที่สำคัญกว่า คือชีวิตของพรานมิ่งนะครับ เขาบาดเจ็บสาหัสมาก ต้องรีบรักษาโดยด่วน เรื่องเสือน่ะจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตคน สายไปนิดเดียวก็เอาคืนมาไม่ได้นะครับ

    เขาพยายามพูดโน้มน้าว พรานทั้งสองเริ่มเห็นด้วย แล้วพรานที่ตรวจดูอาการของพรานมิ่ง ก็เงยหน้าร้องอย่างตระหนก

    พรานมิ่งลมหายใจอ่อนมาก อาการไม่ค่อยดีแล้ว รีบมาช่วยกันหามกลับหมู่บ้านเถอะ

    เพชรกล้าถอนหายใจโล่งอก เมื่อพรานทั้งสามตัดสินใจนำร่างพรานมิ่งกลับไปรักษา
     


     

    เพชรกล้ายืนกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านหมอไทย หมอสมุนไพรประจำหมู่บ้าน เมื่อหมอออกมาแล้ว เขาก็ปรี่เข้าไปซักถาม

    พี่ไทย อาการพรานมิ่งเป็นยังไงบ้าง

    หมอหนุ่มถอนหายใจ ส่ายหน้า

    หนักมากเลย เพชร ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด คงจะไม่รอดแล้ว ตอนนี้แค่ช่วยห้ามเลือดได้เท่านั้น อาการน่าเป็นห่วง ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลในเมืองโดยเร็วที่สุด พี่ติดต่อทางนั้นไปแล้ว อีกสองชั่วโมงรถคงมารับ

    แล้วอีกคนล่ะครับ

    อ๋อ ผู้หญิงน่ะเหรอ ไม่เป็นไรมาก สงสัยหัวไปกระแทกโดนอะไรเข้า ก็เลยสลบ เดี๋ยวก็ฟื้น

    เพชรกล้ากล่าวขอบคุณเบาๆ เมื่อหมอจากไปแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในบ้านไม้ชั้นเดียวแต่กว้างขวางนั้น ใจจริงอยากเข้าไปดูอาการพรานมิ่ง แต่ผู้ป่วยคงยังไม่ได้สติ จึงเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่งแทน

    หญิงสาวแปลกหน้า ที่เขาไม่รู้จัก นอนสงบอยู่บนเตียง เขาเดินช้าๆ เข้ามา แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง สำรวจดวงหน้างาม ลักษณะการแต่งกาย และเครื่องประดับรูปร่างวิจิตรของหล่อนอย่างพิศวง เขาไม่รู้จักหล่อนมาก่อนแน่ๆ แต่หล่อนกลับเสี่ยงชีวิต เอาตัวเองมาขวางเสือไม่ให้ทำร้ายเขา มันทำให้เขาประหลาดใจเหลือเกิน

    เอ๊ะ! นี่มัน...

    แสงสีแดงจ้าแวบเข้าตา จนต้องหรี่ตาหลบ เมื่อเพ่งมองลงไป เสี้ยวหนึ่งของจี้หล่อนโผล่พ้นรอยแยกของสาบเสื้อบริเวณหน้าอกออกมาเล็กน้อย เขาลังเล ก่อนยื่นมือไปจับออกมา มันคือ สร้อยจี้เพชรพญานาคล้อมกรอบ อัญมณีสีแดงเข้มรูปสามเหลี่ยม สะท้อนแสงแวววาว เจิดจรัสส่องประกายงดงามน่าพิศวง

    ทับทิมเหรอ... โกเมน เพทาย หรือว่าพลอยนะ... เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่แล้ว นี่มัน... แฟนซีไดมอนด์!!”

    ชายหนุ่มตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นยืน จ้องหล่อนอ้าปากค้าง หัวใจเต้นแรง พอดีกับที่ร่างนั้นไหวตัว หล่อนขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาตื่น

    อือ...นาย...

    เอ่อ คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือ

    เขาระงับความตื่นเต้นไว้ภายใน ถามหล่อนที่พยุงตัวเองขึ้นมานั่ง ทำหน้ามึนๆ สับสน

    ที่นี่มันที่ไหน

    หมู่บ้าน... เอ่อ ที่นี่คือ หมู่บ้านผาแดง

    ฉันเป็นอะไร ทำไมถึงปวดหัวอย่างนี้

    หัวคุณกระแทกชนกับตอไม้ ตอนเข้าไปในป่าน่ะ จำไม่ได้แล้วหรือ

    หญิงสาวยกมือกุมศีรษะ ค่อยๆ ทวนความจำ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ถามมาโดยเร็ว

    เสือตัวนั้นล่ะ

    หนีไปแล้ว

    ทำไมถึงหนีไป แล้วนายไม่เป็นไรหรือ

    หล่อนจ้องเขาเขม็ง เช่นเดียวกับเพชรกล้า ที่เริ่มจับตาหล่อนอย่างระแวงสงสัยมากขึ้น เพราะน้ำเสียงนั้น เขาจำได้ดี ว่าเป็นคนเดียวกับผู้หญิงเมื่อคืน ที่มาซักถามถึงวีรกรรมไฟไหม้อย่างเอาเป็นเอาตาย

    ผมไม่เป็นไร ก็...ตอนที่คุณสลบไปน่ะ พวกพรานพื้นเมืองมาถึงพอดี ช่วยกันขับไล่เจ้าเสือไปได้

    หญิงสาวไม่มีทีท่าสงสัยอะไร ยกกำปั้นน้อยๆ ทุบต้นคอตัวเองที่เมื่อยเคล็ด พลางพึมพำ

    นายนี่ดวงแข็งจริงนะ ทำไมเวลามีเรื่องอันตรายทีไร ต้องเจอนายอยู่ที่นั่นทุกครั้ง แล้วก็แคล้วคลาดปลอดภัยอย่างปาฏิหาริย์ ชอบเรื่องเสี่ยงตายนักหรือ คราวที่แล้วก็ไฟไหม้ คราวนี้ก็เสือ

    ผมแค่ทำตามสัญชาติญาณ ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ หรืออยากลองดีกับความตายหรอก

    เขาอยากจะถามหล่อนว่าทำไมถึงไปที่นั่น แต่หล่อนถามขึ้นมาก่อนว่า

    นายชื่อเพชรกล้าใช่ไหม

    ใช่แล้ว

    หญิงสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับเขา ขยับนั่งตัวตรง สบตาเขาด้วยแววตาจริงจัง

    ฉันชื่อ ปิณฑิรา ฉันมีเรื่องอยากถามนาย

    ว่ามาสิ

    นายรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อ หลวงปู่นิล บ้างไหม

    ประกายตาเพชรกล้าวาบขึ้นเล็กน้อย ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนสบตาหล่อนตรงๆ ตอบน้ำเสียงปกติ

    ไม่นี่ ไม่รู้จักเลย ท่านเป็นใครหรือ

    ทำไมคนในหมู่บ้านนี้ ถึงไม่มีใครรู้จักสักคนเลยนะ

    ปิณฑิรามีท่าทางผิดหวังอย่างมาก คล้ายว่าหล่อนจริงจังกับเรื่องนี้ยิ่ง จึงออกอาการหงุดหงิด เพชรกล้าจ้องสังเกต

    ที่หมู่บ้านผาแดง ไม่มีพระหรือนักบวชหรอก ทำไมคุณถึง...คิดว่าท่านอยู่ที่นี่ล่ะ

    ช่างเถอะ ฉันจะไปแล้ว

    บอกไปเป็นไป หญิงสาวลุกพรวดขึ้นยืน เดินเร็วๆ ผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

    เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหน เอ่อ... ไม่พักผ่อนต่ออีกหน่อยหรือครับ ยังมึนหัวอยู่รึเปล่า

    เขาแสดงความเป็นห่วง ตามประสาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และหล่อนก็มีจิตใจงดงาม กล้าหาญ เสียสละ เข้ามาช่วยเขาจากเสือด้วย แม้ตอนแรกเขาจะสงสัยว่าหล่อนกล้าทำลงไปได้อย่างไร แต่พอเห็นอัญมณีที่ห้อยอยู่บนคอแล้ว ก็เข้าใจกระจ่าง แอบนึกเสียดาย หากตอนนั้นเขาไม่ผลักหญิงสาวลงไปนอนสลบซะก่อน คงได้เห็นอภินิหารสุดตระการตาอย่างที่เขาใฝ่ฝันจะเห็นมานานแล้วก็ได้!

    หญิงสาวผู้ลึกลับ บุคลิกแข็งๆ ห้าวหาญเหมือนผู้ชาย หันมาสบตาเขา ชายหนุ่มหลุบตามองจี้สามเหลี่ยมของหล่อนที่ปรากฏออกมาอวดสายตาเต็มองค์ หล่อนไม่สนใจจะปกปิด อาจไม่ทันสังเกต หรือเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะคนตรงหน้าเป็นแค่ชาวบ้านต่ำต้อย คงไม่รู้ถึงความหมายของมัน เขาประสานสายตาเข้มแข็งปนเย็นชานั้นอย่างเคลือบแคลงใจ

    ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจที่ดูแล ฉันจะออกไปตามหา คนที่อยากพบ ด้วยตัวเอง ลาก่อน

    ความเปิดเผย ตรงไปตรงมาของหล่อน ทำเขาเลิกคิ้วด้วยความทึ่ง แม้หล่อนจะดูกระด้างเย็นชา คล้ายถือตัว และเย่อหยิ่งอยู่บ้าง แต่ดูแล้วไม่น่ามีพิษภัย หรือเป็นคนชั่วร้ายอะไร น่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้

    ...เธอเป็นใครกันแน่นะ อัญมณีนั่น คือ...แฟนซีไดมอนด์จริงๆ เราดูไม่ผิดแน่ มีของสูงระดับนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดา แถมยังรู้เรื่องหลวงปู่อีก อยากจะพบหลวงปู่นิลทำไมกัน ไม่มีใครรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่นี่นา....

    ชายหนุ่มมองตามร่างหล่อนจนลับสายตาไป ครุ่นคิดอย่างสงสัย อยากจะรั้งตัวหล่อนไว้ แต่เขาก็ไร้เหตุผลมาอ้าง และท่าทางหล่อนเคร่งเครียด จริงจัง เหมือนกำลังทำภารกิจสำคัญอะไรสักอย่าง ทำให้เขาไม่กล้าถ่วงเวลาไว้

    © themybutter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×