ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก...อัญมณี

    ลำดับตอนที่ #6 : พินัยกรรมเลือด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 415
      6
      26 พ.ค. 59

     

     



             ณ บริษัทวัน สกาย ไดมอนด์ กรุ๊ป ประเทศไทย

    ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ กว้างขวางโอ่อ่า ชั้นที่สองของบริษัท ถูกจัดด้วยโต๊ะจีนจำนวนห้าสิบโต๊ะ มีเวทีที่ประดับประดาด้วยคริสตัลรูปมังกรเป็นฉากหลังสวยงาม บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยช่อดอกไม้หลากสีสัน ลูกแก้ว และเครื่องรางของขลัง ของตั้งโชว์ ที่เจียระไนจากอัญมณีหลากสีหลายชนิด สร้างบรรยากาศของงานให้มีความสง่า ยิ่งใหญ่ และอลังการ สมกับเป็นงานเลี้ยงฉลองยอดขายจิวเวลรี่ที่ทำสถิติพุ่งสูงที่สุดในรอบเจ็ดปีของบริษัท และมีมูลค่าทางกำไรเหนือกว่าบริษัทคู่แข่งอย่าง เดอะแฟนซี จิวเวลรี่ อยู่ถึงสองขั้นด้วยกัน

    บรรดาแขกเหรื่อ ซึ่งเป็นลูกค้าระดับวีไอพี นักธุรกิจยักษ์ใหญ่จากหลายสาขา และผู้มีเกียรติในวงสังคมต่างทยอยเข้ามาร่วมงานไม่ขาดสาย แน่นอนที่ขาดไม่ได้ คือสื่อมวลชน ที่ตั้งใจมาเก็บภาพกันอย่างเต็มที่

    หิรัณย์ ทำนุรัฐ ประธานใหญ่ ผู้ถืออำนาจสูงสุดของวัน สกาย หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบต้นๆ ท่าทางภูมิฐาน บุคลิกดี เรียกรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้าของตัวเองได้ตลอดเวลายามรับแขก โอภาปราศรัยคล่องแคล่ว ลื่นหู ไม่ว่าจะภาษาใด อัธยาศัย และมนุษย์สัมพันธ์อันดีเลิศของหิรัณย์ เป็นที่โจษจันในวงการ ยกเว้นกับวิศาล คู่ปรับแล้ว ไม่ว่ากับใคร เขามักจะสวมบทบาทผู้ใหญ่ใจดี นุ่มนวลอบอุ่น สุขุมเยือกเย็นเสมอ ไม่เคยหลุดเลยสักครั้ง

    เฮ้อ! อาหิรัณย์เอาอีกแล้ว แผลงศรใส่คุณหญิงพิมพ์ผกาแบบนี้ รู้สึกเสียวไส้จริงๆ เลย

    เหมรัตน์ ทำนุรัฐ หลานชายคนรองของหิรัณย์ อายุยี่สิบหกปี ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสำรวย ในชุดสูทขาว ถือแก้วไวน์แดง เบ้ปากหมิ่นๆ ขณะมองอาหนุ่มกับ คุณหญิงไฮโซ ยืนคุยกันสนิทสนมถูกคอ

    ทำไม? กลัวอาหิรัณย์จะเพิ่มสมาชิกให้ครอบครัวเราอีกคนหรือ คิดตื้นเป็นเด็กไปได้

    ไพฑูรย์ ทำนุรัฐ หลายชายคนโตของหิรัณย์ อายุสามสิบปี ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเย็นชาดูน่ากลัว สุขุมนุ่มลึก ไว้หนวดเคราครึ้ม ผิดกับน้องชายที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ทำให้ดูหน้าดุ สง่า น่าเกรงขาม พูดเสียงหยิ่งๆ

    โธ่ ไว้ใจได้เหรอ พี่ใหญ่ อาเรายังเตะปี๊บดังนะ รั้งๆ ไว้บ้าง ช่วงนี้เนื้อหอมเสน่ห์แรงด้วย คนกำลังบินสูง ใครๆ ก็หวังมาตอม ระวังพวกแม่ม่ายไฟแรงสูงไว้เถอะ จับอาหิรัณย์ติดขึ้นมา เดือดร้อนกันหมดแน่

    หึ ถึงอาหิรัณย์จะมีเมีย มันก็เป็นเรื่องครอบครัวใหม่ของเขา แกอย่าหวาดระแวงไม่เข้าท่าเลย

    ไพฑูรย์พูดจบ ก็ปลีกตัวแยกไปรับแขกอีกทางหนึ่ง เหมรัตน์ยิ้มหมิ่นๆ ลับหลัง แล้วยักไหล่

    ทำเป็นปากแข็ง ที่จริงก็คิดเหมือนกันแหละวะ ตระกูลอย่างเรา ใครมันจะไม่อยากไถ!”

    งานดำเนินต่อไป จนกระทั่งแขกเหรื่อมานั่งกันเต็มหมดทุกโต๊ะแล้ว การเสริฟ์อาหารมื้อเที่ยงก็เริ่มขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มคนหนึ่งบนเวที รอยยิ้มสดใสน่ารัก น้ำเสียงกังวานปลุกให้ผู้คนสดชื่น

    สวัสดีครับ ลุงๆ ป้าๆ พี่ๆ น้องๆ คุณลูกค้าที่เคารพ และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้งานฉลองยอดขายทะลุเป้าของบริษัท กระผม อะแฮ่ม นายเพทาย ทำนุรัฐ ก็ขอเป็นตัวแทนของครอบครัว แสดงความขอบคุณที่อุดหนุนและสนับสนุนกิจการของเราด้วยดีเสมอมานะครับ เอาล่ะ โชว์มายากลจะเริ่ม ณ บัดนี้ เชิญรับชมได้

    เพทาย ทำนุรัฐ หลานชายคนที่สามของหิรัณย์ อายุยี่สิบสองปี ใบหน้าคมคาย ดวงตาใสเปล่งประกายซุกซน กริยาคล่องแคล่วว่องไว นิสัยร่าเริงสนุกสนาน ออกแนวทะเล้นขี้เล่น แตกต่างแบบสุดขั้วกับพี่ชายสองคนเลยทีเดียว และตอนนี้เขากำลังแสดงความสามารถพิเศษที่เขาชื่นชอบที่สุด ให้แขกเหรื่อได้ชม แม้จะไม่ได้ทำงานบริษัท แต่ทุกคนย่อมรู้จักเขา หลายคนชอบเขามากกว่าพี่ชายทั้งสองที่คลุกคลีในวงการเสียอีก เพราะความน่ารัก มีมิตรไมตรีสูง ไม่ถือตัว และติดดินของเด็กหนุ่มคนนี้ ทำให้เป็นที่รัก ที่เอ็นดูของคนได้ง่าย

    เหอะ ไม่ได้มีเอี่ยวอะไรกับวัน สกาย กลับมาเสนอหน้า ทำเจ๋ออยู่บนเวที น่ารำคาญชะมัด

    เหมรัตน์ ระคายตานัก ที่ได้เห็นน้องชายคนละแม่ ขึ้นไปโชว์ตัวบนเวที เขานั่งร่วมโต๊ะกับลูกค้าสำคัญหลายคน เกือบจะด้านหน้าสุดของเวที ข้างๆ คือไพฑูรย์ พี่ชายได้ยินน้องชายพึมพำ จึงกระซิบบอกเสียงเย็น

    วันนี้งานมงคล พี่ขอ...อย่ามีเรื่องรุนแรงนะ รัตน์ เห็นแก่หน้าอาหิรัณย์บ้าง

    คนเจ้าอารมณ์ยิ้มเหยียดๆ จ้องน้องชายบนเวทีด้วยสายตารังเกียจอย่างแรงกล้า...

    หิรัณย์นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง กับแขกไฮโซ และลูกค้าคนสำคัญ กำลังสนทนากันอย่างออกรส ก่อนจะรู้สึกผิดสังเกต กวาดตามองซ้ายขวาแล้วขมวดคิ้ว กวักมือเรียกแม่บ้านของตึกมาถาม

    คุณหนูอยู่ไหน

    เอ่อ ทำงานอยู่บนห้องค่ะ

    ทำงานอะไรกันตอนนี้ ไปเรียกลงมา

    แม่บ้านรับคำ ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปบนชั้นสิบสอง เดินมาถึงหน้าห้องหนึ่ง เคาะประตู พอมีเสียงอนุญาต ก็เปิดประตูเดินเข้ามา สาวน้อยหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา รูปร่างเล็กๆ อรชร เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน

    มีอะไรหรือคะ ป้าอร

    คุณท่านให้มาเชิญคุณหนูลงไปข้างล่างค่ะ

    แก้วยังทำงานไม่เสร็จเลย ป้าอรลงไปบอกคุณอาเถอะค่ะ

    รักตกันตท์ ทำนุรัฐ หลานสาวคนเล็กของหิรัณย์ วัยยี่สิบเอ็ดปี บอกอย่างเบื่อๆ

    วันนี้ปิดบริษัทเลี้ยงฉลองยอดขาย คุณหนูควรจะลงไปสังสรรค์บ้างนะคะ

    แก้วไม่ชอบสังสรรค์นี่คะ ป้าอรก็รู้ ข้างล่างคนเยอะวุ่นวายจะตาย เอาเถอะ นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวแก้วลงไปก็ได้ ป้าอรไปก่อนเถอะค่ะ

    ด้านล่าง เพทายแสดงมายากลจบแล้ว เสียงปรบมือดังกึกก้องให้กับความบันเทิงสนุกสนาน เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมให้กับเขา หิรัณย์ถูกพิธีกรเชิญให้ขึ้นไปกล่าวอะไรสักเล็กน้อย พอดีกับที่เพทาย เดินผ่านโต๊ะเหมรัตน์

    นายนี่ห่วยเป็นบ้าเลย ขึ้นไปทำเปิ่นอะไรบนนั้นวะ คราวหลังอย่าทำทุเรศแบบนั้นอีกนะ ฉันขายขี้หน้าแทน

    เพทายชะงัก เสียงหยามหยันนั้น ทำให้เขาไม่อาจหักใจหลบเลี่ยงไปได้ ถอนใจแล้วยิ้มหน่ายๆ นิดหนึ่ง

    ไม่เป็นไรครับ ถ้าพี่รัตน์ไม่อยากดู วันหลังผมจะเสกรองเท้าเป็นแว่นตา เอามาให้พี่ใส่ปิดตาแทนก็ได้

    นี่แก!”

              เหมรัตน์ลุกพรวดขึ้นยืน สีหน้าโกรธจัด หลายคนหันมามอง ไพฑูรย์เตือนเรียบๆ ว่า

    นั่งลง รัตน์ ส่วนแก... ไปให้ห่างจากตรงนี้

    เพทายจุกในอก สะเทือนใจกับแววตาและเสียงเย็นชาของพี่คนโต แม้เขาจะเคยฟังมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักชินสักที นึกสมเพศตัวเองในใจ หันหลังจะเดินไปให้พ้นๆ น้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา ก็โผล่มา ทำสีหน้าร้อนรนแปลกๆ

    ลูกแก้ว ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ อดดูพี่แสดงมายากลเลย รู้ไหม

    รักตกันตท์มองหน้าพี่ชายทั้งสามทีละคนด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนบอกเสียงเบาว่า

    ทนายกำธรมาแล้วค่ะ!”

    ไพฑูรย์ เหมรัตน์ และเพทาย ต่างนิ่งเหมือนถูกสะกด...
     


     

    ขณะที่วัน สกาย ไดมอนด์ จัดงานเลี้ยงฉลองยอดขาย เดอะ แฟนซี จิวเวลรี่ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน จัดงานเลี้ยงการก่อตั้งบริษัทครบรอบสี่สิบปีขึ้นมา ภายในชั้นล่างของบริษัท ทั้งแขกเหรื่อ และสื่อมวลชน แม้จะน้อยกว่าทางด้านโน้น แต่ก็ถือว่าหนาตาพอสมควร ถึงกระนั้นมณีทิพย์ก็ยังแอบมองอย่างอิจฉาริษยา

    “ทางโน้นคึกคักกันใหญ่เลย พ่อ ไว้วันหลังเราจัดมั่ง เอาให้ใหญ่โตกว่าพวกมัน”

    วิศาลหัวเราะเหยียดๆ

    “เหอะ ช่าง... ให้มันดีใจไปก่อน หัวเราะทีหลังดังกว่า สักวันต้องเป็นวันของเรา”

    ถึงแม้จะขุ่นแค้นริษยาสักเพียงใด ต่อหน้าแขกเหรื่อ วิศาลก็ยังต้องหันมายิ้มแย้มเอาใจใส่ตามหน้าที่ มณีทิพย์ เดินมาหาชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา ดูสะอาดและเจ้าสำอาง ที่ยืนต้อนรับแขกอยู่

    “โกเมน น้องพลอยล่ะ”

    โกเมน เดชาวัต หนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ลูกชายคนรองของวิศาล หันมามองพี่สาว ถอนหายใจนิดหนึ่ง

    “พี่มณีลืมไปแล้วเหรอ ว่าน้องพลอยต้องเตรียมตัวขึ้นแสดงบนเวที”

    “ก็ยังไม่ถึงเวลาเลย ทำไมไม่ลงมาช่วยรับแขกก่อน”

    “ไม่รู้สิ พี่ก็ขึ้นไปดูเองละกัน”

    โกเมนตอบด้วยสีหน้าเบื่อๆ ไม่อยากสนใจอะไรอีก หันไปคุยกับลูกค้าคนหนึ่งต่อ แต่หางตาเหลือบมองพี่สาวที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างกังวล บนห้องหนึ่ง ถูกใช้เป็นห้องแต่งตัว หญิงสาวผู้มีดวงหน้าพริ้มเพราอ่อนละมุน ดวงตาระยับเหมือนดวงดาวกะพริบยามราตรี ขอบตาสีแดงกลีบกุหลาบ ริมฝีปากหยักบางเป็นสันงาม ผิวเนื้ออ่อนละมุนขาวนวล ผมยาวสวยมันระยับราวกับแพร เรือนร่างอวบอิ่มสมบูรณ์ หล่อนอยู่ในชุดเดรสยาวผ้าซาตินสีชมพูสายเดี่ยวต่อผ้า นั่งอยู่หน้ากระจก โดยมีช่างทำผมกำลังตกแต่งทรงผมงามให้หล่อน และสาวใช้อีกสองคน ยืนชื่นชมอยู่ข้างหลัง

    “วันนี้คุณพลอยสวยจังเลยค่ะ ยังกะนางฟ้าแน่ะ”

    พลอยไพลิน เดชาวัต สาววัยยี่สิบสองปี ลูกสาวคนสุดท้องของวิศาล ส่งยิ้มบางๆ ให้ทางกระจก

    “ยอขนาดนี้ ฉันไม่มีค่าขนมให้หรอกนะ”

    “หนูพูดจากใจจริงนะคะ คุณพลอยน่ะสวยหวาน สวยบริสุทธิ์ ไม่เหมือนคุณมณีทิพย์ อุ๊ย!

    สาวใช้หุบปากแทบไม่ทัน เมื่อหญิงสาวที่เฉิดฉายร้อนแรงในชุดราตรีสีแดงเข้มเดินเข้ามาในห้อง

    “คนใช้มาทำอะไรในห้องนี้ งานไม่มีทำรึไง”

    เมื่อถูกตวาด คนใช้ทั้งสองรีบค้อมตัวออกจากห้องไปยังกลัวเกรง มณีทิพย์หันมาจ้องน้องสาวในกระจกเขม็ง สั่งเรียบๆ กับช่างทำผม

    “เธอด้วย ออกไปได้แล้ว จะแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรกันนักหนา”

    “เอ่อ แต่ว่า คุณพลอยยังไม่ได้แต่งหน้า...”

    “น้องสาวฉันหน้าสวยอยู่แล้ว ต้องแต่งทำไม ออกไปได้แล้ว”

    เมื่อพากันออกไปหมดแล้ว พลอยไพลินเลยลุกขึ้นยืน หันมาเผชิญหน้าพี่สาว ด้วยสีหน้าหวาดๆ 

    “พี่มณีมีอะไรรึเปล่าคะ นี่...ยังไม่ถึงเวลา”

    “ก็ยังไม่ถึงเวลาน่ะสิ ใจคอแกจะไม่ลงไปช่วยพ่อรับแขกเลยใช่ไหม มัวแต่นั่งเอ้อระเหยลอยลม ส่องกระจกชมตัวเองเป็นนางฟ้าอยู่ได้”

    เสียงแข็งกระด้าง กับสายตาดุคมคู่นั้น ขู่พลอยไพลินให้หวาดกลัวได้เสมอ หล่อนทำตัวลีบ ส่ายหน้าร้อนใจ

    “พลอยเปล่านะคะ พลอยก็...กำลังจะลงไป”

    “งั้นก็รีบๆ ลงไปสิ”

    “เอ่อ แต่...แต่ชุดมัน...”

    “ทำไม ใส่ชุดนางฟ้าลงไปรับแขกไม่ได้รึไง”

    หญิงสาวขยับตัวอึกอัก แล้วต้องลอบถอนใจ ยังไงก็คงต้องไป จึงไม่อยากทุ่มเถียง แต่แล้ว พี่ชายกลับปรากฏตัวขึ้น

    “น้องพลอย ลงไปแสดงได้แล้วล่ะ พี่มณี ลงไปข้างล่างเถอะ คุณพ่อเรียก”

    การเดี่ยวไวโอลินของพลอยไพลิน สะกดคนทั้งงานให้หลงใหลในเสียงดนตรีอันไพเราะอ่อนหวานนุ่มนวลดุจตัวผู้แสดง หญิงสาวรู้สึกมีความสุขนักกับการได้ถ่ายทอดอารมณ์ศิลปะที่ตัวเองชื่นชอบ และทำให้ทุกคนประทับใจไปพร้อมกับหล่อน แม้จะมีอยู่คนเดียว ที่ไม่ยอมซึมซับอะไรทั้งนั้น หล่อนก็ไม่สนใจแล้ว

    “ไพเราะมากเลย น้องพลอย พี่ฟังแล้วเคลิ้มเชียวรู้ไหม”

    เสียงชื่นชมหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย แม้แต่พี่ชายหล่อนก็ยังมาชมด้วย หญิงสาวยิ้มอย่างถ่อมตนและปลาบปลื้ม มณีทิพย์เดินหน้าบูดเข้ามา และเอ่ยเพียงสั้นๆ ว่า

    “รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว คุณพ่อเรียกประชุม”
     

     

    ณ คฤหาสน์ตระกูลทำนุรัฐ...

    ยามนี้ ปกคลุมด้วยบรรยากาศอันตึงเครียด และเป็นพิธีการยิ่งกว่าครั้งไหน คนรับใช้ และแม่ครัว ต้องหลบไปอยู่ห้องครัว ห้ามออกมาเดินเพ่นพ่าน วุ่นวาย ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ หรูหรา และคลาสสิก ชายวัยห้าสิบกว่าๆ ในชุดภูมิฐาน ยืนรอทุกคนอยู่แล้วอย่างสงบ และเมื่อบุคคลทั้งห้าเดินเข้ามา เขาก็โค้งหัวคำนับเล็กน้อย

    “สวัสดีครับ คุณหิรัณย์ คุณไพฑูรย์ คุณเหมรัตน์ คุณเพทาย และคุณรักตกันตท์ สบายดีนะครับ”

    เหล่าคุณชาย และคุณหนูของบ้าน เดินไปนั่งบนโซฟาอย่างไม่ทักทายใดๆ มีเพียงเพทาย กับรักตกันตท์ ที่พยักหน้า และยิ้มให้นิดหนึ่ง ส่วนอีกสองหนุ่มหน้าตาเมินเฉยปนเคร่งเครียด เพราะต่างก็มีความในใจ จึงยิ้มแย้มไม่เต็มที่ หิรัณย์กลับยิ้มเป็นธรรมชาติกว่าใคร เข้ามาตบแขนเบาๆ อย่างสนิท

    “สวัสดีคุณกำธร เดินทางมาไกล คงจะเหนื่อยสินะ”

    “ไม่เป็นไรครับ เพื่อวันนี้... ผมอดทนรอได้ ในที่สุด ก็จะได้ทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงสักที”

    “นั่นสิ รอมาสิบปี ก็เพื่อวันนี้เท่านั้น เชิญ...”

    เขาผายมือไปยังหัวโต๊ะ อันแสดงถึงความสำคัญของการประชุมครานี้ ว่าอยู่กับชายวัยห้าสิบ ที่มีฐานะเป็นทนายความประจำตระกูลทำนุรัฐ นาม กำธร กุลสมภพ ส่วนตัวเขา นั่งลงข้างๆ ขนาบด้วยหลานๆ ตามลำดับ

    ความเงียบเข้าปกคลุม รักตกันตท์กวาดมองสีหน้าสมาชิกทุกคน แล้วรู้สึกอึดอัดในอก เหมือนจะหายใจไม่ออก เพทายต้องระบายลมหายใจยาว สายตาของอาหิรัณย์ และพี่ชายทั้งสองนั้น มันทำให้ห้องนี้ร้อนเหมือนไฟ!

    และเมื่อกำธรเปิดสมุดบนโต๊ะ พร้อมเอื้อนเอ่ยว่า

    “ผมจะเริ่มอ่านพินัยกรรมแล้วนะครับ...”

    ทุกคนในห้องก็ใจเต้นแรง และตึงเครียดเหมือนสมองถูกบีบ มันช่างลุ้นระทึกจนน่ากระวนกระวายเสียเหลือเกิน

    “วันที่... เดือน... พ.ศ... ข้าพเจ้านาย เหมราช ทำนุรัฐ อายุห้าสิบสองปี ผู้เขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาด้วยสติสัมปชัญญะอันครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ ขอแสดงเจตนาของข้าพเจ้า อันเนื่องมาจากทรัพย์สิน สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ หุ้นบุริมสิทธิ์ พันธบัตร ตั๋ว สัญญาใช้เงิน กองทุนรวม เงินสดในธนาคาร รวมทั้งดอกเบี้ย ดอกผล แก่บุคคลที่ข้าพเจ้าประสงค์จะมอบให้ ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขออธิบายถึงบุคคลที่หก อันมีชื่อ และมีส่วนร่วมในพินัยกรรมครั้งนี้ด้วย...”

    บุคคลที่หก!

    เหมรัตน์โพล่งออกมาอย่างตกใจ ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และลางร้าย...

    “ข้าพเจ้าขอประกาศว่า พัชร ทำนุรัฐ บุตรชายของข้าพเจ้าอันเกิดจาก นางเมขลา วิฬาร์ลักษณ์ คือบุตรชายคนที่สามของข้าพเจ้า อันเรียงตามลำดับอายุ และเป็นผู้ที่มีความสำคัญกับพินัยกรรมครั้งนี้มากที่สุด”

    “อะไรนะ!! คุณพ่อ นี่...คุณพ่อ...”

    เหมรัตน์ลุกพรวดขึ้นยืน ตัวสั่นเทิ้ม ร้องลั่นห้องโถงอย่างไม่อาจระงับ ไพฑูรย์นั่งสงบ แววตาวาวโรจน์ ต่อท้ายเสียงเครียด

    “...มีลูกชายอีกคน!

    “ลูก...กับเมขลา...ไม่อยากจะเชื่อ...”

    หิรัณย์ร้องคราง ทุกคนมีสีหน้าปั้นยากอย่างที่สุด รักตกันตท์อ้าปากค้าง ตะลึงงัน เพทายก็ไม่ต่างกัน กำธรกวาดตามองทุกคนด้วยใบหน้าเยือกเย็น ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ก่อนจะอ่านต่อไป แม้เหมรัตน์จะยืนตัวแข็ง กำมือสั่นอยู่

    “ทรัพย์สินของข้าพเจ้า มีรายละเอียดดังนี้...

    เงินสดในธนาคาร ยกให้ นายพัชร ทำนุรัฐ ผู้เป็น...บุตรชายของข้าพเจ้า

    บ้านมณีเมขลา 1 หลัง ยกให้ นายพัชร ทำนุรัฐ ผู้เป็น...บุตรชายของข้าพเจ้า

    รถยนต์หมายเลขทะเบียน 999 ยี่ห้อ บีอาร์ดับบลิว 57 S ยกให้ นายพัชร ทำนุรัฐ ผู้เป็น...บุตรชายของข้าพเจ้า

    หุ้นบริษัทวัน สกาย ไดมอนด์ ธุรกิจค้าอัญมณี 70 เปอร์เซ็นต์ ยกให้ นายพัชร ทำนุรัฐ ผู้เป็น...บุตรชายของข้าพเจ้า

    “ไม่จริง! ไม่จริง! ไม่จริง! บ้าไปแล้ว พ่อไม่ทำอย่างนี้ ต้องไม่ทำแน่ๆ อาโกหก เป็นไปไม่ได้”

    เหมรัตน์กรีดร้องกลางห้อง ชี้หน้าทนายประจำตระกูลอย่างอุกอาจ อาการเหมือนคนคลั่งที่ควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่แล้ว ทุกคนมัวตกตะลึงกับข้อความในพินัยกรรมจนไม่มีใครห้าม ทนายกำธรพูดเรียบๆ

    “คุณเหมรัตน์อย่าเพิ่งท้วง ฟังให้จบก่อน แล้วค่อยดูหลักฐานก็ได้”

    กล่าวต่อไป อย่างไม่สนใจเหมรัตน์ที่ยืนหน้าบิดเบี้ยว และสีหน้าช็อกๆ ของทุกคน

    “บ้านหลังอื่นๆ ยกให้หิรัณย์ น้องชายของข้าพเจ้า และลูกๆ อีกสี่คนแบ่งเท่าๆ กัน

    รถยนต์คันอื่นๆ ยกให้ลูกๆ อีกสี่คนของข้าพเจ้า แบ่งเท่าๆ กัน

    เครื่องประดับต่างๆ เพชร ทอง ทองรูปพรรณ ต่างๆ ยกให้ แบ่งให้ลูกๆ อีกสี่คนของข้าพเจ้า เท่าๆ กัน

    พันธบัตรของสถาบันการเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสาร กองทุนรวมของธนาคารต่างๆ และทรัพย์สินอื่นๆ ยกให้ลูกๆ อีกสี่คนของข้าพเจ้าเท่าๆ กัน

    หากพัชรกลับมา ขอให้ทำตามนี้ หากก่อนหน้าเปิดพินัยกรรม พัชรได้เสียชีวิตลงแล้ว ให้ถือเป็นโมฆะ โอนทรัพย์สินที่ข้าพเจ้ามอบให้ทั้งหมดแก่ลูกๆ ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน หากคนในครอบครัวปฏิเสธจะตามหาทายาทที่หายสาบสูญของข้าพเจ้า ให้นำทรัพย์สมบัติของพัชร เข้าการกุศลทั้งหมด

    ลงชื่อ นายเหมราช ทำนุรัฐ

     

    ผู้ทำพินัยกรรม”

    “บ้า! บ้าไปแล้ว ต้องไม่ใช่แบบนี้ พ่อไม่ทำแบบนี้แน่ ไม่ใช่!

    เหมรัตน์สุดจะทนทานไหว ร้องลั่นแล้ววิ่งขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนลุกพรวดขึ้นยืนในบัดดล ตกตะลึงตาค้าง พูดอะไรไม่ออก เพทายร้องเรียก

    “พี่รัตน์”

     แล้ววิ่งตามขึ้นบันไดไปอีกคน ไพฑูรย์หน้าดำคล้ำ หม่นหมอง ซีดเซียวคล้ายคนกำลังจะหน้ามืด มือทั้งสองข้างกำแน่น เก็บกดความรู้สึกรุนแรงไว้ภายใน หันหลัง ไม่พูดสักคำเดียว เดินขึ้นบันไดไปช้าๆ รักตกันตท์ตัวชา ใจสั่นจนก้าวขาไม่ออก กำธรยื่นหนังสือพินัยกรรมให้หิรัณย์ที่ยืนนิ่งราวกับถูกสา เพื่อให้ตรวจสอบลายมือ เขาจ้องหน้าทนาย ด้วยสีหน้าเครียดขรึมเป็นที่สุด ก้มหน้าอ่านวูบเดียว ดวงตาก็สาดแสงประกายเจิดจ้า ปรากฏรังสีอำมหิต จนรักตกันตท์ที่จ้องดูอยู่ขนลุก ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หิรัณย์ได้สติ เมื่อเห็นสีหน้าหลานสาวคนเล็ก เค้นรอยยิ้มเหี้ยมออกจากปากที่แทบเป็นอัมพาต

    “...ดี...ดี... สมกับรอคอยมาสิบปี เป็นพินัยกรรมที่ดีมาก สมกับเป็นพี่เหมราช!!

    ประโยคสุดท้าย เปล่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ จนคนฟังรู้สึกขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก รักตกันตท์เข่าอ่อนเหมือนจะเป็นลม

    “ก่อนคุณเหมราชจะตาย ท่านย้ำความสำคัญในตอนท้ายว่า ต้องจัดการเรื่องคุณพัชรให้สำเร็จเรียบร้อยเป็นอันดับแรก ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ต้องเชิญมาปกครองบริษัทวัน สกาย ไดมอนด์ ให้จงได้!

    กำธรเน้นเสียงหนัก ใบหน้านั้นยังคงอบอุ่นนุ่มนวล ราวกับไม่รู้สึกรู้สาต่ออากัปกริยาก้าวร้าว และอารมณ์โกรธเกรี้ยวรุนแรงของสมาชิกในที่นี้ หิรัณย์หมดความใจเย็นอีกต่อไป เดินขึ้นบันไดไปด้วยใบหน้าเครียดจัด

    “อากำธร

    เสียงสั่นๆ ของรักตกันตท์ ทำให้กำธรถอนหายใจ หันมามองด้วยแววตาอ่อนโยน

    “คุณหนูแก้ว ขออภัยด้วยที่ทำให้ตระกูลทำนุรัฐ ต้องเจอกับบรรยากาศเช่นนี้”

    “คุณพ่อ...คุณพ่อเขียนอย่างนั้นจริงหรือคะ”

    “เป็นความจริงครับ”

    รักตกันตท์ส่ายหน้า หัวใจรวดร้าวแทบจะสลาย ก้าวถอยหลังช้าๆ ขณะที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้า

    “คุณพ่อใจร้ายเหลือเกิน ทำไมคุณพ่อเหี้ยมโหดแบบนี้ หนูไม่สนเรื่องสมบัตินั่นหรอก แต่หนูเสียใจ และหวาดกลัวอย่างที่สุด คุณพ่อทำ...พินัยกรรมเลือดขึ้นมา ทำไมคะ!!

    ไม่มีคำตอบ เพราะคนตั้งถามปิดหน้าอย่างไม่อาจรับความจริงได้ วิ่งออกจากบ้านไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่สุด กำธรนิ่ง แล้วนึกสะท้อนใจ

    ...นั่นสินะ คุณเหมราช พินัยกรรมเลือดนี้ จะทำให้คุณมีความสุขหรือ คุณคิดผิดเสียแล้ว!!
     


     

    “ไม่นะ พ่อบ้า ไอ้พ่อบ้า ทำไมทำอย่างนี้ ทำไมทำอย่างนี้!

    เหมรัตน์ใช้กำปั้นทุบ และเตะถีบฝาผนังห้องอย่างบ้าคลั่ง รุนแรง ราวกับคนเสียสติไปแล้ว เพทายวิ่งเข้ามา

    “พี่รัตน์...อย่า...พี่รัตน์ อย่าทำแบบนี้”

    เขาฉุดพี่ชายให้ออกมาจากผนัง แต่กลับถูกผลักกระเด็นมากองบนพื้นหน้าห้อง

    “ออกไปนะ ไปให้พ้น ไอ้ลูกเมียน้อย แกมันก็เหมือนไอ้พัชร ลูกนอกคอก ลูกอีสำส่อน มารหัวขน เกิดมาเพื่อทำลายความสุขของฉัน ออกไปเลย”

    เหมรัตน์ขว้างปาข้าวของ ระบายอารมณ์โกรธแค้นใส่น้องชายต่างมารดาไม่ยั้ง เขาแค้น... แค้นพ่อ แค้นเมขลา แค้นพัชร แค้นทุกคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างนี้ เพทายจ้องมองพี่ชายด้วยแววตารวดร้าว คำด่านั้นเหมือนมีดกรีดใจจนเป็นแผลเหวอะหวะ ดวงตาแดงก่ำ แต่สะกดกลั้นหยาดน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลริน กำมือแน่น แล้วเดินออกมาเงียบๆ

    “เราจะทำยังไงดี พี่ใหญ่ อย่านิ่งแบบนี้สิ ถ้าไอ้พัชรมันกลับมา เราจะไม่ได้อะไรเลยนะ ทั้งเงิน ทั้งบ้าน ทั้งรถ สมบัติของเราทั้งนั้น มันจะช่วงชิงของๆ พ่อไปจากเรา”

    คนที่เหมรัตน์จะปรับทุกข์ได้ในยามเกิดปัญหา ก็มีแต่พี่ชายแท้ๆ มารดาเดียวกัน ที่เขาเชื่อฟังและเคารพที่สุดเท่านั้น

    “อะไรก็พอว่า นี่...พ่อถึงกับ...ยกบริษัทให้มัน ให้มันเป็นประธานใหญ่ เป็นเจ้าของสกาย ไดมอนด์ ทำได้ยังไง!

    กำปั้นที่ทุบลงบนโต๊ะดังปัง! สะท้อนถึงความคั่งแค้นในใจของทายาทคนโตของทำนุรัฐได้เป็นอย่างดี แววตาดุดันอำมหิต เหี้ยมโหดน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเหมรัตน์สะท้านเยือกไปถึงทรวง พยักหน้ารับ

    “ใช่แล้ว พ่อยกบริษัทให้มัน พ่อบ้าไปแล้วแน่ๆ พ่อเกลียดเรา ถึงได้ทำแบบนี้ ตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อไม่รักเราเลย ไม่รักแม่ รักแต่นังแพศยานั่น ทำอะไรก็เพื่อมัน ฉันเกลียดพ่อ เกลียดพ่อ เกลียดพ่อที่สุด!!

    ด้วยโทสะอันสุดควบคุม เหมรัตน์คว้าแก้วน้ำที่ตั้งอยู่ ขว้างใส่รูปภาพบิดาบนผนังห้อง เศษแก้วแตกกระจาย พร้อมเศษกระจกกรอบรูปล่วงระนาว ไพฑูรย์หันไปมองรูปพ่อบนหัวเตียง เน้นเสียงช้าๆ ด้วยแววตาเลือดเย็น อำมหิต

    “ในเมื่อพ่อร้ายกับผมก่อน จะมาว่าผม...เหี้ยมโหดไม่ได้นะ! พ่อเป็นคนบีบให้ผมต้องทำเอง จะมาโทษผมไม่ได้ ถ้าพัชรตายไป สมบัติทั้งหมด รวมทั้งบริษัทก็จะตกเป็นของเรา เข้าใจไหม รัตน์”

    น้องชายหูตาสว่างขึ้นทันที

    “จริงด้วย ถ้ามันตายไปซะ ก็ไม่ต้องทำตามพินัยกรรมแล้ว”

    “งั้นเราต้องช่วยกัน หาตัวมันให้เจอก่อนอาและไอ้กำธร ชิงลงมือก่อน อย่าให้ใครรู้ตัว”

    ไพฑูรย์บอกอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด เหมรัตน์พยักหน้าเด็ดเดี่ยว

    “พี่จะทำอะไร ผมร่วมมือด้วยเต็มที่เลย”
     

     

    ณ ห้องโถงของคฤหาสน์เดชาวัต สมาชิกทุกคนนั่งประชุมกันพร้อมหน้า วิศาลเอ่ยขึ้น

    “อาทิตย์หน้าจะมีงานเดินแบบครั้งสำคัญ พ่ออยากให้ลูกๆ ทั้งสามคนเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการเดินแบบในครั้งนี้”

    พลอยไพลินหันขวับมามองพ่อทันที เอ่ยตะกุกตะกัก 

    “ด...เดินแบบหรือคะ”

    “มีปัญหาอะไร น้องพลอย”

    มณีทิพย์ถามเสียงหวาน แต่แววตาดุ แอบจิกกัดน้องสาว

    “เอ่อ พลอย...พลอยไม่เดินแบบได้ไหมคะ พ่อ พลอยเดินไม่เป็น”

    “เดินไม่เป็นก็หัดสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหน งานนี้พวกเราเป็นแขก เจ้าภาพเขาเชิญบริษัทเรา และวันสกายไปร่วมเดินแบบแข่งขัน โดยมีกฎว่าต้องส่งบุตรธิดา หรือลูกหลานในตระกูล ร่วมเดินแบบเครื่องประดับอัญมณีทุกคน แกจะไม่เดินได้ยังไง ถ้าไม่เดินก็ขายหน้าพ่อกับพวกพี่ๆ หมด เอ๊ะ! แต่ถ้าเดินก็คงขายหน้าบริษัทอยู่ดี เพราะแกมันไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง”

    “พี่มณีก็พูดเกินไป น้องพลอยยังไม่ทันทำอะไรให้เสียชื่อเสียงเลย ผลงานออกแบบจิวเวลรี่ของพลอยน่ะ เหนือกว่าดีไซเนอร์ของวันสกายซะอีกนะ”

    โกเมนอดช่วยพูดแทนน้องสาวไม่ได้ เมื่อเห็นพลอยไพลินสีหน้าไม่ดีเพราะคำติเตียนดูหมิ่น

    “หุบปากเถอะน่า มายุ่งเรื่องคนอื่น ยังกะแกเก่งนักนี่ ฝีมือเดินแบบของแกก็ขี้โท่ยพอกันนั่นแหละ ฝ่ายโน้นมีพวกมืออาชีพตั้งสองคน สงสัย ฉันต้องรับภาระหนักคนเดียวแน่ๆ”

    มณีทิพย์ค่อนแคะอย่างไม่เกรงใจ หล่อนวางท่าเย่อหยิ่ง วางอำนาจกับน้องๆ เสมอ เป็นเรื่องที่ทุกคนเคยชินมานานแล้ว โกเมนหน้าบึ้ง เก็บความขุ่นเคืองไว้ภายใน ส่วนพลอยไพลินมีแต่ความวิตกจนหน้าเครียด

    “เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าภาพเขามอบตำแหน่งนางแบบ นายแบบกิตติมศักดิ์ให้กับพวกแก ยังไงก็ต้องทำให้เต็มที่ ลูกพลอย นับจากนี้อีกเจ็ดวัน ลูกต้องเข้าคอร์สฝึกติวเข้มกับพี่มณีเขานะ พ่อเชื่อว่าลูกทำได้”

    วิศาลสรุปแกมบังคับ เมื่อเป็นคำสั่งของหัวหน้าครอบครัว พลอยไพลินจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างอึดอัดใจ

    © themybutter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×