ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [::ตอนที่ 5::] ผจญภัยบนเส้นทางสีดำ ลูฟี่ถูกลักพาตัว
::บทที่ 5::
ผจญภัยบนเส้นทางสีดำ ลูฟี่ถูกลักพาตัว!
�
� � � � ��
�
� � � � เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงกับอีกสามสิบนาทีจะถึงพิธีแต่งงาน
�
� � � � "คุณนามิคร้าบบบบบบบบบบ!!! โรบินจางงงงงงงงงง!!! >O<"�
�
� � � � เสียงตะโกนเรียกดังแว่วมาจากใจกลางป่าทึบสีดำอันมืดมิด เส้นทางที่กั้นระหว่างอาณาจักรเดทูก้ากับอาณาจักรไนท์ทูก้า มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามราตรีคอยช่วยส่องทางให้ผู้ชายสามคนที่กำลังวิ่งอยู่ให้เห็นทางข้างหน้าไปได้บ้าง และหนึ่งในสามคนนั้นก็กำลังแหกปากตะโกนอย่างไม่คิดเกรงใจอะไรหน้าไหน เล่นเอาชายอีกคนที่กำลังวิ่งแบกเพื่อนผู้กำลังหลับตามมาข้างๆ แทบจะสะดุดรากไม้ตรงหน้าด้วย พอทรงตัวได้ก็หันไปโวยวายใส่คนเสียงดังทันที
�
� � � � � "เจ้าบ้า!~ อย่าแหกปากตะโกนเสียงดังซี่เดี๋ยวก็เจอ..." อุซปบอกซันจิ
�
� � � � � ฟึ่บ!
�
� � � � � พูดไม่ทันขาดคำ ทันใด ด้วงแมลงยักษ์ที่โตกว่าพวกเขาสิบเท่าก็โผล่ออกมาจากต้นไม้ตรงทางข้างหน้า ทำเอาอุซปถึงกับร้องจ๊ากด้วยความตกใจขวัญหนี ซันจิถึงกับทำหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนโซโลที่วิ่งระวังหลังให้คนทั้งสองก็เตรียมชักดาบออกมาเพื่อจัดการ
�
� � � � � เจ้าด้วงตัวนั้นมันร่อนลงมาเพื่อปิดทางวิ่งของพวกเขา มันลงบนพื้นทีทำให้เกิดเสียงสั่นสะท้านพร้อมกับพื้นสั่นสะเทื่อนลั่น มันขู่คำรามกู่ก้อง ก่อนจะเล็งเขาอันแหลมยาวที่ยื่นออกมากลางหัวเล็งมายังพวกเขาเหมือนเตรียมพร้อมล่าสำหรับอาหารอันโอชะ
�
� � � � � "ฉันบอกแล้วไงเจ้าบ้าซันจิ!!!" อุซป
�
� � � � � ตึก ตึก
� ��
� � � � � แต่ซันจิไม่ฟัง เขาวิ่งแซงนำหน้าอุซปและโซโลตรงไปยังเจ้าด้วงนั่น เจ้าด้วงที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าหาซันจิทันที�
�
� � � � � "ไอ้แมลงปาหี่เอ๊ย..."
�
� � � � � เมื่อการประชันกันใกล้จะมาถึง ซันจิก็กระโดดหลบเขาแหลมคมนั้นขึ้นเหนือลำตัวของมันอย่างรวดเร็ว
�
� � � � � "ไม่มีเวลามาเล่นกับแกหรอกเฟร๊ย!!!"
�
� � � � � ก่อนจะหมุนตัวอย่างแรงกลางอากาศแล้วตอกส้นลงมากลางเกราะหนาของมันจนแตกกระจายก่อนที่ร่างของเจ้าด้วงแมลงยักษ์จะจมดิ่งลงดินไปครึ่งตัว หลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกตัวไปทันทีอย่างไม่แยแส�
� � � � � "ฮู่ว! ตกใจหมดเลย T^T" อุซป
� � � � � "ฮู่ว! ตกใจหมดเลย T^T" อุซป
�
� � � � � "คุณนามิค้าบบบบบบบบบบ!!! โรบินจางงงงงงงงงง!!! >O<" ซันจิยังคงตะโกนต่อไป
�
� � � � � "ก็บอกว่าอย่าเสียงดังไงเล่า!!!" อุซป
�
� � � � � ทันใดต่อมาพื้นโดยรอบก็สะเทือนไม่หยุด ก่อนที่พื้นตรงที่พวกเขากำลังวิ่งอยู่จะแตกร้าวแล้วนูนขึ้นมาด้วยฝีมือของตุ่นยักษ์งวงช้าง แล้วอุซปก็ร้องจ๊ากอีกรอบก่อนจะทำท่าล่วงตกลงมาจากก้อนดินที่นูนขึ้นอยู่บนหัวเจ้าตุ่น แต่ก็ได้โซโลช่วยไว้โดยการยื่นมือไปดึงชายเสื้อของเขา
�
� � � � � "เฮ้ รับทีเจ้ากุ๊ก!"
�
� � � � � ไม่ทันให้คนขวัญอ่อนได้ตั้งตัว เจ้าตัวก็ถูกเหวี่ยงให้พุ่งไปหาซันจิที่อยู่ข้างหน้าทันที
�
� � � � � "เฮ้ย! O_o"�
�
� � � � � ซันจิชะงักเมื่อหันกลับมาเห็นเพื่อนทั้งสองคนกำลังพุ่งมาหาเขา แต่แทนที่จะเอาตัวรับ ด้วยความผงะคลื่นไส้หน้าเหยเกทำปากจู๋ของอุซปที่พุ่งใบหน้าเข้ามา เขากับเอนตัวหลบให้เพื่อนรักทั้งสองคนดิ่งลงไปจูบพื้นปฐพีเบื้องล่างแทน
�
� � � � � "ไอ้หัวเขียว! นี่แกคิดจะประทุษร้ายฉันรึไงฟะ!" แล้วซันจิก็หันกลับไปโวยวายเจ้าคนส่งของอันตรายมา
�
� � � � � "หลบไปก่อนเจ้ากุ๊ก" โซโลตะโกนบอก ทำให้ซันจิรีบกระโดดออกไปจากหัวเจ้าตุ่นยักษ์ทันทีเพราะรู้ว่าโซโลกำลังจะทำอะไร
�
� � � � � ฉวั๊ะ!
� � � � � ตรึง!
� � � � � ตรึง!
�
� � � � � โซโลใช้วิชาดาบฟันฉับเป็นแนวตั้งผ่าเจ้าตุ่นงวงช้างนั้นออกเป็นสองซีกทันที ก่อนที่ร่างสองซีกของมันจะล้มตรึงกระแทกลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
�
� � � � � "เจ้าตุ่นนี่ทำให้เสียเวลาจริงๆ เลย -*-" ซันจิ
�
� � � � � "เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะ" โซโลบอกกับทุกคนก่อนจะทำท่าเก็บดาบเข้าฝัก
�
� � � � � "พวกนาย~...ไม่ห่วงฉันกับเจ้าบ้านี่เลยใช่มั้ย~..."
� � � � � เสียงสั่นติดๆ หายๆ ของอุซปที่นอนจูบพื้นอยู่เบื่องล่างทำให้โซโลและซันจิชะงักก่อนจะก้มลงมองเหมือนเพิ่งนึกได้ ห่างไปไม่ไกลนักมีร่างของลูฟี่ที่กระเด็นออกมาจากอุซปนอนแผ่ราบพลางกรนครอกๆ อย่างสบายใจอยู่
� � � � � เสียงสั่นติดๆ หายๆ ของอุซปที่นอนจูบพื้นอยู่เบื่องล่างทำให้โซโลและซันจิชะงักก่อนจะก้มลงมองเหมือนเพิ่งนึกได้ ห่างไปไม่ไกลนักมีร่างของลูฟี่ที่กระเด็นออกมาจากอุซปนอนแผ่ราบพลางกรนครอกๆ อย่างสบายใจอยู่
�
� � � � � "เฮ้ อุซป ทำไมนายมานอนสภาพทุเรศแบบนี้ล่ะฮะ -_-" โซโล
�
� � � � � "ก็เพราะแกเหวี่ยงฉันมานั่นแหล่ะ!!!"�
�
� � � � � "เฮ้ย เฮ้ย แค่นี่มันไม่ตายหรอกน่า วิ่งกันต่อได้แล้ว" ซันจิ
�
� � � � � "ได้ข่าวว่าแกก็ไม่ยอมรับฉันใช่มั้ย -*-"
�
� � � � � อุซปลุกขึ้นยืนทำท่าจะเอาเรื่องเพื่อนทั้งสองคน แต่โซโลกลับไม่สนใจ เขาเดินไปทางลูฟี่ที่นอนอยู่บนพื้นก่อนจะก้มลงยกตัวเขาแล้วแบกขึ้นหลัง
� � � � � "น่า น่า ^^ ยังไงนายก็รอดมาได้" ซันจิแก้ตัว
� � � � � "รอดมากับผีน่ะสิ!! ไม่เห็นเหรอว่าตอนกระแทกพื้นแล้วหน้าฉันพังเลยเนี่ย!!"�
� � � � � "อ้าว เอ๋!? นี่ไม่ใช่หน้านายตามปกติหรอกเหรอ -O-" ซันจิ
� � � � � "ว่าไงนะ!! วอนโดนกระทืบซะเเล้ว!!
� � � � � แล้วอุซปกับซันจิก็ตะลุมบอนกัน โซโลที่ทำหน้าเอือมยืนมองดูทั้งสองอยู่เงียบๆ ก็เดินเข้าไปหาลูฟี่ที่นอนอยู่บนพื้นแล้วแบกขึ้น
� � � � � "น่า น่า ^^ ยังไงนายก็รอดมาได้" ซันจิแก้ตัว
� � � � � "รอดมากับผีน่ะสิ!! ไม่เห็นเหรอว่าตอนกระแทกพื้นแล้วหน้าฉันพังเลยเนี่ย!!"�
� � � � � "อ้าว เอ๋!? นี่ไม่ใช่หน้านายตามปกติหรอกเหรอ -O-" ซันจิ
� � � � � "ว่าไงนะ!! วอนโดนกระทืบซะเเล้ว!!
� � � � � แล้วอุซปกับซันจิก็ตะลุมบอนกัน โซโลที่ทำหน้าเอือมยืนมองดูทั้งสองอยู่เงียบๆ ก็เดินเข้าไปหาลูฟี่ที่นอนอยู่บนพื้นแล้วแบกขึ้น
�
� � � � � "เฮ้ อุซป คราวนี้ฉันแบกหมอนี่แทนนายแล้วกันนะ" โซโล
� � � � � อุซปและซันจิหยุดทะเลาะกันทันที แล้วอุซปก็หันมาทำหน้าซาบซึ้ง
� � � � � อุซปและซันจิหยุดทะเลาะกันทันที แล้วอุซปก็หันมาทำหน้าซาบซึ้ง
�
� � � � � "ขอบใจมากนะโซโล T^T"�
� � � � � "เออ ไปกันต่อเถอะ -_-" โซโล
� � � � � "เออ ไปกันต่อเถอะ -_-" โซโล
�
� � � � � เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมได้ที่แล้วก็วิ่งออกไปทันที
�
� � � � � "นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว T^T" อุซปถึงกับตัดพ้อ
�
� � � � � "มากับพวกฉันตั้งนานแล้วยังจะกลัวอะไรอีก -_-" โซโลถึงกับเอือม
�
� � � � � "อ่า นั่นสินะ อยู่กับพวกนาย..."
�
� � � � � "คุณนามิคร้าบบบบบบบบบบ!!! >O<" ซันจิยังคงตะโกนต่อไม่หยุด
�
� � � � � "แต่ฉันก็ไม่ได้อยากเจอไอ้สัตว์ประหลาดพวกนีี้นะเฟร๊ย! มันมีผลต่อสภาพขาที่ต้องสั่นตลอดอย่างฉันนะ! แล้วก็หยุดแหกปากสักทีเซ่!!!" อุซป
�
� � � � � "เฮ้อ -_-" โซโล
�
� � � � � "คร่อกกกกก zZ" ลูฟี่
�
� � � � � ตูม!!!
�
� � � � � ทั้งสามคนชะงักฝีเท้าและหยุดวิ่งทันทีทันใด เมื่อมีวัตถุประหลาดพุ่งมาด้วยความเร็วสูงจนพื้นทะลุเป็นรูโบ๋ตรงหน้าของพวกเขา
�
� � � � � "TOT" อุซป
�
� � � � � "คราวนี้อะไรอีกล่ะ -*-" ซันจิ
�
� � � � � "เจ้าพวกนี้รังแต่จะทำให้เราเสียเวลาเพิ่ม -_-" โซโล
�
� � � � � "น่าเบื่อจริงๆ ยิ่งเข้ามาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งโผล่ออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะ -*-" ซันจิ
�
� � � � � "ก็เพราะนายเสียงดังนั่นแหล่ะ!" อุซป
�
� � � � � ...!
�
� � � � � "...พวกนายเงียบเสียงก่อนซิ" โซโลพูดเสียงเข้มเพื่อให้ทุกคนเงียบ�
�
� � � � � "เมื่อกี๊ได้ยินอะไรมั้ย"
�
� � � � � "อะ อะไรล่ะที่ว่า..." อุซป
�
� � � � � "ชู่ว!" โซโล/ซันจิ
�
� � � � � เมื่อเงียบเสียงลงหลงเหลือแต่เพียงเสียงลมอ้อยอิ่งยามคํ่าคืนที่พัดผ่านหมู่แมกไม้ให้บังเกิดบรรญากาศที่ดูลึกลับ น่าวังเวง และเย็นยะเยือกส่งผลต่อขาอันอ่อนระทวยของอุซปได้เป็นอย่างดี ก่อนเสียงๆ หนึ่งจะดังขึ้น
�
� � � � � เจี๊ยก...!
�
� � � � � "ได้ยินแล้ว เสียงนี้มัน O_o" อุซป
�
� � � � � เจี๊ยก...เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก! เจี๊ยก!!!
�
� � � � � "เฮ้ย! ลิง! ลิง! OoO" อุซปร้อง
�
� � � � � "จะร้องทำไมเล่าอุซป -*-" ซันจิ
�
� � � � � "กะ ก็ ก็ ไม่ได้ยินเสียงเหรอ! เสียงมากมายขนาดนั้นพวกมันต้องมีกันหลายตัวแน่ แถม แถมพวกมันเป็นลิงในป่านี้เชียวนะต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ !"
�
� � � � � "โอ๊ะ เสียงเงียบแล้วแฮะ" ซันจิ
�
� � � � � อยู่ดีดีเสียงลิงพวกนั้นก็หายไปทำให้พวกเขาพากันมองรอบตัวเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกติดใจวัตถุประหลาดที่พุ่งมาตรงหน้าพวกเขาอยู่ดี แถมพอลองชะโงกหน้าลงไปดูก็มองไม่เห็นอะไร อาจจะเป็นเพราะความมืด หรือมันแรงจนพื้นทุจนลึกกันแน่
�
� � � � � "รู้สึกไม่ชอบมาพากล..." อุซปเริ่มเสียวสันหลัง�
�
� � � � � ซันจิมองมายังอุซปพอเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับถอนหายใจก่อนจะพูดว่า
�
� � � � � "คิดมากไปมันก็ไม่ดีน่ะนะ ถึงยังไงพวกเราก็ต้องรีบไปอยู่ดีไม่ใช่เหรอ"
�
� � � � � "นั่นสิ ฉันว่าพวกเรารีบออกไปกันจะดีกว่า ถ้าเกิดมีตัวอะไรโผล่ออกมาก็จัดการฟันมันทิ้งซะก็สิ้นเรื่อง" โซโลพูดเห็นด้วยกับซันจิ
�
� � � � � "งั้นเหรอ...นะ นั่นสินะ" อุซปเริ่มทำใจให้สงบ
�
� � � � � "เอาล่ะ พวกเราไปกัน...!" โซโล
�
� � � � � ชิ้ง!
�
� � � � � โซโลที่กำลังพูดอยู่ถึงกับชะงักแล้วรีบหันตัวกลับไปข้างหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะมองขึ้นไปยังต้นไม้ตรงหน้าข้างบนเหมือนเมื่อกี๊มีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น
�
� � � � � "มีอะไรเหรอโซโล" อุซปถามอย่างสงสัย
�
� � � � � "...เปล่า ไม่มีอะไร ฉันอาจจะคิดมากไปเอง"
�
� � � � � ท่าทางของโซโลทำให้ซันจิเริ่มตะหงิดๆ ก่อนจะถามเจ้าตัวออกไปตรงๆ
�
� � � � � "แล้วไอ้ที่คิดมากน่ะมันอะไรล่ะฮะเจ้าหัวเขียว"
�
� � � � � ฟุ่บ!
�
� � � � � "จ๊าก!!!" อยู่ดีดีอุซปก็ร้องขึ้นมาทำให้ทั้งสองหันไปทางเขาอย่างรวดเร็วก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังหันซ้ายมองขวา หันหลังบ้างเงยหน้าขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆ ที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ ขาที่กำลังสั่นพั่บๆ
�
� � � � � "้นายเป็นอะไรน่ะ -_-" ซันจิถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นกับท่าทางพิลึกของเพื่อน
�
� � � � � "มะ เมื่อกี่๊ เมื่อกี๊ฉันรู้สึกจริงๆ นะว่าเหมือนมีมือใครสักคนมาดึงคอเสื้อข้างหลังฉันน่ะ!"
�
� � � � � "มืองั้นเหรอ!?" โซโล
�
� � � � � "เฮ้ เฮ้ พวกเราก็อยู่ตรงนี้แล้วจะมีมือที่ไหนไปดึงคอเสื้อนายได้เล่า -_-" ซันจิพูดอย่างเอือมๆ
�
� � � � � โซโลเริ่มหน้าเคร่งเพราะมัวแต่ครุ่นคิดกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดกับพวกเขา และก่อนที่อะไรๆ จะคลี่คลาย เสียงอุซปก็ดังขึ้นอีกรอบ
�
� � � � � "โซโล! ข้างหลัง!!!" อุซปตะโกนลั่นพลางชี้ไปที่ด้านหลังของโซโลด้วยความตกใจ ทำให้โซโลถึงกับหันกลับไปแทบไม่ทัน ซันจิก็รีบหันไปทางด้านหลังของโซโล และสิ่งที่เห็นก็คือ...
�
� � � � � "อะไรเนี่ย -_-^" โซโล
�
� � � � � ที่อยู่ตรงหน้าของโซโลก็คือ ลิงตัวเล็กๆ ป้อมๆ สีนํ้าตาลกำลังอยู่ในท่าต่อตัวเพื่อนๆ สี่ห้าตัวห้อยลงมาจากต้นไม้ต้นนั้น
�
� � � � � "ลิง..." อุซป
�
� � � � � "จริงๆ ด้วย..." ซันจิ
�
� � � � � "ธรรมดาไปหน่อยมั้ง..." โซโล
�
� � � � � "แล้วเมื่อกี๊มันไปทำอะไรที่หลังของนาย" ซันจิ
�
� � � � � "ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า" โซโล
�
� � � � � เจี๊ยกกกกก!!!
�
� � � � � เสียงร้องของลิงอีกตัวดังลั่นขึ้นอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังของพวกเขา พอรีบหันกลับไปดูก็เห็นวัตถุประหลาดนั้นพุ่งเข้าใส่ทันที
�
� � � � � ตูม!!!
�
� � � � � ทั้งโซโลแลซันจิกระโดดหลบไปคนละทิศ โดยที่ซันจิไม่ลืมที่จะคว้าเสื้อของอุซปดึงให้หลบตามไปด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะประมาทลิงพวกนี้มากเกินไปหน่อยเพราะดูจากขนาดเล็กที่แทบไม่มีทางสู้ แต่เมื่อดูจากความสามารถในการใช้ความมืดพลางตัวกับความเจ้าเล่แสนกลในการทำตัวล่อก่อนจะจู่โจมมาจากที่ที่มองไม่เห็น ก็ทำให้พวกเขาระแวดระวังมากขึ้น และดูท่าทางพวกมันคงไม่ได้จะมาเหย้าแหย่เล่นๆ ด้วยแน่ๆ
�
� � � � � "หนอย มันมืดซะจนมองไม่เห็นไอ้ลูกที่มันใช้พุ่งออกมาซะด้วยสิ" ซันจิมองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้ใจ
�
� � � � � "ขืนยังเป็นเป้านิ่งอยู่แบบนี้ได้ลำบากแน่" โซโลเริ่มกระชับตัวลูฟี่ขึ้น
�
� � � � � "อุซป ถ้าพวกฉันให้สัญญาณก็ออกวิ่งเลยนะ" ซันจิกระซิบบอกอุซป
�
� � � � � "อืม" อุซป
�
� � � � � "พร้อมนะ!/พร้อมนะ!"�
�
� � � � � โซโลและซันจิตะโกนพร้อมกันก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนจะออกตัวพร้อมกัน จุดหมายคือ อาณาจักรแห่งคํ่าคืนไนท์ทูก้า
�
� � � � � เจี๊ยก! เจี๊ยก! เจี๊ยก! เจี๊ยก!
�
� � � � � เสียงฝูงลิงมากมายดังขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขาขณะกำลังวิ่งแสดงว่าพวกมันมีจำนวนเยอะมากและอาจจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากด้วย
�
� � � � � ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!
�
� � � � � วัตถุประหลาดพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างต่อเนื่องแต่การที่พวกเขาวิ่งไปแบบนี้ทำให้ได้เปรียบเพราะเจ้าวัตถุนั้นไม่สามารถเจาะจงเป้าของมันได้อย่างแม่นยำทำให้พวกเขารอดจากลูกทั้งหมด
�
� � � � � "ฮ่าๆๆๆๆๆ เจ้าพวกลิงโง่เอ๊ย อย่าคิดจะดูถูกฝีเท้าลมอันปราดเปรียวของฉันนะ แน่จริงก็ขว้างมาเยอะๆ เลยสิ ท่านอุซปคนนี้น่ะจะหลบให้ดู...จ๊ากกกกก!!!"
�
� � � � � ตูมมมมมม!!! ตูมมมมมม!!! ตูมมมมมม!!!
�
� � � � � ได้ตามพระประสงค์ของคนปากพล่อย เพราะเจ้าลูกประหลาดหลายสิบลูกค่อยๆ ร่วงลงมาจากต้นไม้เบื้องบนข้างหน้าของพวกเขา และที่สำคัญคราวนี้มันระเบิดได้ด้วย!
�
� � � � � "ขอแล้วก็ได้ตามประสงค์เลยนะนายน่ะ -_-" โซโล
�
� � � � � "พวกปากพล่อยๆ นี่น่ากลัวจริงแฮะ -_-" ซันจิ
�
� � � � � "จ๊ากกกกกกกกกก!!!" อุซป
�
� � � � � โซโลแบกลูฟี่วิ่งหลบลูกระเบิดนั้นได้อย่างง่ายดาย ส่วนทางด้านซันจิก็วิ่งหลบลูกระเบิดได้อย่างง่ายดายเช่นกัน แต่กลับมายุ่งยากตรงที่ต้องคอยดึงตัวอุซปให้หลบลูกระเบิดตามอีก
� � � � ��
� � � � � "วิ่งต่อไปเรื่อยๆ เลยนะ!" ซันจิตะโกนบอกทุกคนเมื่อพวกเขาออกมาจากจุดที่ลูกระเบิดร่วงลงมาแล้ว
�
� � � � � "คราวนี้ขออย่าให้เจออะไรอีกเลยนะ T^T" อุซปกำลังภาวนา
� � ��
� � � � � "นั่นอะไรน่ะ" โซโลเห็นเงาอะไรบางอย่างบนต้นไม้ตรงทางข้างหน้า
�
� � � � � เจี๊ยก! เจี๊ยก! เจี๊ยก! เจี๊ยก!
� � � � �
� � � � � "ฝูงลิงเต็มไปหมด -*-" ซันจิพึมพัมอย่างรำคาญ
�
� � � � � "พวกมันมาดักรอเราคิดจะทำอะไรน่ะ O_o" อุซป
�
� � � � � เบื้องหน้าเหนือพวกเขาขึ้นไปบนต้นไม้เต็มไปด้วยฝูงลิงมากมายหลายสิบตัวที่ต่อตัวกันห่องมาเป็นกลุ่มจากต้นไม้หลายจุด เหมือนมันกำลังตั้งท่าวางแผนเตรียมจะทำอะไรบางอย่าง
�
� � � � � "หรือมันคิดจะสร้างกำแพงกันพวกเรา"�
� � � � ��
� � � � � ซันจิออกความเห็น เมื่อฝูงลิงมันค่อยๆ ห้อยตัวลงมาเป็นจุดๆ จนกระทั่งถึงพื้นรูปร่างจึงคล้ายกับตาข่ายดักจับ แถมพวกตัวที่อยู่ล่างสุดยังถือลูกมะพร้าวที่ใหญ่กว่าตัวไว้ตัวละลูกอีกด้วย
�
� � � � � "เอ๋!? ลูกมะพร้าวนั่น...หรือว่า..." อุซป
�
� � � � � เจี๊ยก!
�
� � � � � เพื่อให้หายข้องใจสงสัย เจ้าลิงตัวหนึ่งที่มีลูกมะพร้าวก็ยิ้มแสยะอย่างเจ้าเล่แล้วทำการขว้างลูกมะพร้าวลูกยักษ์มาทางพวกเขาทันที
�
� � � � � "เฮ้ย! O_o" ซันจิ
�
� � � � � "หลบเร็วเข้า!" โซโล
�
� � � � � ทั้งโซโลและซันจิต่างกระโดดหลบไปคนละทิศละทาง ส่วนอุซปกำลังจะวิ่งหลบแต่กลับถูกอะไรบางอย่างฉุดขาของเขาเอาไว้ทำให้เซล้มลงไปก่อนที่จะออกจากแนววิถีของระเบิด ชั่ววินาทีนั้นอุซปหันกลับไปมองที่ขาของเขาก็เห็นลิงตัวหนึ่งทำท่าแลบลิ้นล้อเลียนอยู่ตรงบริเวณขาก่อนที่มันจะกระโดดหนีไปเหลือเพียงเขาที่นั่งรอเป็นเป้านิ่งเชื้อเชิญให้ลูกระเบิดมันเข้ามาหาเท่านั้นเอง
�
� � � � � "อุซปหลบเร็วเข้า!!!" ซันจิ
�
� � � � � "เจ้าบ้าอุซปทำอะไรอยู่!!!" โซโล
�
� � � � � ตูมมมมม!!!
�
� � � � � เสียงละเบิดดังสะนั่น พื้นที่โดยรอบควันฟุ้งกระจาย ประกายไฟทำให้กิ่งไม้ใบไม้ลุกไหม้ และใจกลางของระเบิดอุซปที่ตัวดำปิ๊ดปี๋นอนสลบไสลอยู่
�
� � � � � "อุซป!!!"�
�
� � � � � โซโลกับซันจิอุทานด้วยความตกใจ ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเพื่อน แต่พอเขย่าตัวแล้ว เรียกเท่าไหร่ก็แล้วเขาก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา
�
� � � � � "สารเลวเอ๊ย!!!" ซันจิด่าด้วยความโมโหก่อนจะทำท่าวิ่งเข้าไปจัดการกับเจ้าพวกลิงที่มันบังอาจทำร้ายเพื่อนของเขาแต่ก็ถูกเสียงเรียกของโซโลหยุดไว้
�
� � � � � "เดี๋ยวก่อนซันจิ!�
�
� � � � � "ไอ้พวกนั้นมันทำร้ายอุซปนะยังจะนิ่งเฉยอยู่ได้เหรอ!"�
�
� � � � � "ขืนเข้าไปตอนนี้พวกมันคงจะขว้างไอ้ลูกกลมๆ นั้นเข้ามาทั้งหมดแน่"
�
� � � � � โซโลพูดจบก่อนจะวางลูฟี่ลงบนพื้นข้างๆ อุซป ก่อนจะชักดาบทั้งสามเล่มนั้นออกมาตั้งท่าเตรียมพร้อม
�
� � � � � "นี่นาย...หรือว่า...!" ซันจิ
�
� � � � � "รอนี่แป๊บนึง"�
�
� � � � � โซโลบอกคำสุดท้ายก่อนจะพุ่งเข้าไปหาฝูงลิงเป้าหมายที่อยู่ข้างหน้าทันที
�
� � � � � "โซโล!!!"�
�
� � � � � ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!...
�
� � � � � ลูกระเบิดถูกขว้างมาหาโซโลอย่างไม่ขาดสายแต่เขาก็ฟันมันออกเป็นสองส่วนทุกลูก ชิ้นส่วนที่ถูกฟันก็กระเด็นไปเป็นลูกระเบิดเล็กๆ ที่ข้างทาง ถึงอย่างนั้นลูกมะพร้าวของเจ้าพวกลิงนั่นมันก็ยังไม่หมดง่ายๆ เพราะเจ้าตัวที่อยู่ข้างบนมันนั่งเรียงกันอยู่บนกิ่งไม้คอยส่งต่อลูกมะพร้าวจากในป่ามาให้พวกที่ทำหน้าที่ขว้างอยู่ข้างล่างทุกตัว
�
� � � � � "หมอนั่น จะไหวเหรอเนี่ย" ซันจิ
�
� � � � � ฉับ ฉับ ตูม!!! ตูม!!!
�
� � � � � ในขณะที่โซโลกำลังยุ่งอยู่กับการฟันลูกระเบิดอยู่นั้น ซันจิก็รู้สึกถึงความผิดที่อยู่ข้างหลังซึ่งเป็นที่ที่เพื่อนของเขาทั้งสองคนนอนอยู่ เมื่อหันกลับมาดูเขาก็ถึงกับชะงักสุดๆ
�
� � � � � ไอ้พวกลิงมันมาเล่นข้างหลัง!
�
� � � � � "พวกแกคิดจะพากัปตันของพวกเราไปไหน" ซันจิพูดเสียงเย็น เล่นเอาลิงห้าหกตัวที่กำลังต่อตัวห้อยลงมาจากต้นไม้ถึงกับชะงักพลางสั่นยะเยือก และตัวที่อยู่ล่างสุดก็กำลังคว้าตัวของลูฟี่ขึ้นมาได้ครึ่งตัวแล้ว "ฉันถามว่าพวกแกจะพาลูฟี่ไปไหนหา!"�
�
� � � � � เจี๊ยก!!!
�
� � � � � พวกมันตกใจสุดขีดที่ถูกซันจิตะคอก แต่แทนที่พวกมันจะปล่อยตัวลูฟี่พวกมันกลับดึงตัวของเขาขึ้นต้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว
�
� � � � � "ไอ้งั่งเอ๊ย! หยุดนะโว้ย!!!"�
�
� � � � � ซันจิกระโดดขึ้นต้นไม้หมายจะไล่ตามพวกลิงไป แต่เสียงระเบิดที่สะนั่นกว่าทุกทีทำให้เขาต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับไปทางโซโลที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นควัน และหันกลับมาทางลูฟี่ที่ถูกลิงลักพาตัวไปสลับกันไปมาจนเขาอยากจะบ้าตาย
�
� � � � � "โธ่เว๊ย! เฮ้!!! โซโล!!! ยังไม่ตายใช่มั้ย!!!" ซันจิตะโกนถามทั้งที่ยังอยู่บนต้นไม้เตรียมไล่ตามลูฟี่ไป
�
� � � � � "เออ!!! สบายดี!!!" เสียงตะโกนกลับจากโซโลทำให้เขาถอนหายใจ
�
� � � � � บริเวณนั้นควันเริ่มจางเผยให้เห็นโซโลที่ยืนเด่นตัวคนเดียวท่ามกลางร่างของอันใหม้เกรียมของฝูงลิงที่ร่วงตกลงมาจากต้นไม้�
�
� � � � � เขาเห็นโซโลมีเลือดไหลลงมาจากศรีษะหน่อยนึงเท่านั้น
�
� � � � � "นายไม่เป็นไรใช่มั้ย"�
�
� � � � � "ก็งั้นแหล่ะ แล้วทางนายล่ะ ทำไมขึ้นไปอยู่บนต้นไม้แบบนั้ย -_-"
�
� � � � � ซันจิถึงกับชะงักพลันเมื่อคำพูดของโซโลทำให้เขานึกได้ ก่อนจะบอกถึงสถานการณ์ยุ่งยากที่เกิดขึ้น
�
� � � � � "ว่าไงนะ!" โซโลตกใจกับสิ่งที่ซันจิเล่ามา
�
� � � � � "โธ่เว๊ย! ทั้งๆ ที่เสียเวลาไปเยอะแล้ว นี่ยังจะต้องตามหาหมอนั่นให้ต้องยุ่งยากอีก" ซันจิ
�
� � � � � "...ทุก...คน"�
�
� � � � � นํ้าเสียงเลื่อนลอยดังมาจากตัวอุซปที่นอนสลบอยู่บนพื้น โซโลเก็บดาบแล้วเข้ามาดูอาการของเขา
�
� � � � � "อุซป ไม่เป็นไรใช่มั้ย" โซโล
�
� � � � � "ฮะ ฮะ...คงงั้นแหล่ะ" เขาหัวเราะก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมานั่ง
�
� � � � � "พวกนาย...แค่ก จัดการพวกลิงนั้นหมดแล้วเหรอ" อุซปมองไปดูรอบๆ ดูท่าเขาจะไม่เป็นอะไรมากแค่ แผลถลอกก็มีนิดหน่อย ดูท่าทางส่วนมากสาเหตุจะเพราะความตกใจจนสลบไปมากกว่า
�
� � � � � "เฮ้ อุซป ตอนนี้ลูฟี่ถูกพวกลิงกลุ่มนึงจับตัวไปแล้ว" ซันจิตะโกนลงมาจากต้นไม้
�
� � � � � "ว่าไงนะ!!!" อุซปอุทานอย่างตกใจ
�
� � � � � "ขอโทษนะ ฉันคลาดสายตาไปหน่อยเดียวเอง" ซันจิ
�
� � � � � "แล้วคราวนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ เวลาไปช่วยนามิเหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวแล้วนะ!" อุซป
�
� � � � � ทุกคนต่างพากันเงียบเพราะต่างคนต่างพากันครุ่นคิดว่าจะวางแผนต่อไปยังไง เนื่องยุ่งยากมักจะเกิดขึ้นตอนน่าซิ่วหน้าขวานเสมอ และคนที่ถอนหายใจเป็นคนแรกก็คืออุซป
�
� � � � � "เฮ้อ ถ้ามีมังกรสักตัวก็ดีน่ะสิ"
�
� � � � � "อย่าเพิ่งคิดเรื่องไร้สาระน่า" ซันจิ
� � � � � "ไม่ได้ไร้สาระนะเฟ้ย ก็ถ้าเกิดเราได้มันมาสักตัวป่านนี้คงไปถึงไนท์ทูก้าเรียบร้อยแล้วล่ะ -_-" อุซป
� � � � � "หึ งั้นแกก็ไปหาจับมันมาสิ --" ซันจิ
� � � � � "จะ จะบ้าเหรอ! นายก็รู้ว่าฉันเป็นโรคแพ้เกล็ดมังมังกร!"
� � � � � "หา?"
� � � � � "ที่หมู่บ้านฉันน่ะนะมีมังกรเต็มไปหมด แต่ที่ฉันไม่เลี้ยงมันเพราะฉันเป็นโรคแพ้เกล็ดมังกร โรคแพ้เกล็ดมังกรนี่เอาถึงตายเชียวนา เพราะฉันรู้ถึงข้อนี้ดี ไม่อย่างนั้นฉันก็คงเลี้ยงไว้ดูเล่นสักยี่สิบถึงสามสิบตัวแล้วล่ะ ไม่อยากจะโม้ -^-"
� � � � � �"แกก็แค่กลัวถูกจับกินไม่ใช่เรอะ -_-" ซันจิ
� � � � � "เจ้าบ้า! ฉันกลัวซะที่ไหนกันเล่า!"�
� � � � � "เลิกเล่นกันได้แล้ว มาเริ่มคิดแผนกันสักทีเถอะน่า -_-"
� � � � � ซันจิและอุซปถอนใจพร้อมกัน
� � � � � "ไม่ได้ไร้สาระนะเฟ้ย ก็ถ้าเกิดเราได้มันมาสักตัวป่านนี้คงไปถึงไนท์ทูก้าเรียบร้อยแล้วล่ะ -_-" อุซป
� � � � � "หึ งั้นแกก็ไปหาจับมันมาสิ --" ซันจิ
� � � � � "จะ จะบ้าเหรอ! นายก็รู้ว่าฉันเป็นโรคแพ้เกล็ดมังมังกร!"
� � � � � "หา?"
� � � � � "ที่หมู่บ้านฉันน่ะนะมีมังกรเต็มไปหมด แต่ที่ฉันไม่เลี้ยงมันเพราะฉันเป็นโรคแพ้เกล็ดมังกร โรคแพ้เกล็ดมังกรนี่เอาถึงตายเชียวนา เพราะฉันรู้ถึงข้อนี้ดี ไม่อย่างนั้นฉันก็คงเลี้ยงไว้ดูเล่นสักยี่สิบถึงสามสิบตัวแล้วล่ะ ไม่อยากจะโม้ -^-"
� � � � � �"แกก็แค่กลัวถูกจับกินไม่ใช่เรอะ -_-" ซันจิ
� � � � � "เจ้าบ้า! ฉันกลัวซะที่ไหนกันเล่า!"�
� � � � � "เลิกเล่นกันได้แล้ว มาเริ่มคิดแผนกันสักทีเถอะน่า -_-"
� � � � � ซันจิและอุซปถอนใจพร้อมกัน
�
� � � � � "เอ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากจะแบ่งกันออกเป็นสองฝ่าย" อุซปเกริ่นนำ
�
� � � � � "ถ้างั้นก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปคนเดียวน่ะสิ" ซันจิกระโดดลงมาจากต้นไม้เพื่อมาตัดสินกับทั้งสองคน
�
� � � � � "ฝ่ายที่จะไปตามหาลูฟี่จะให้มีกี่คนดีน้า เอ..." อุซปครุ่นคิด "ถ้าไปถึงสองคน ฝ่ายที่จะไปตามตัวนามิแค่คนเดียวก็อันตรายเกินไปเพราะที่ไนท์ทูก้ามีพวกโจรสลัดไปรวมตัวกันเต็มไปหมด แต่ถ้าไปตามตัวลูฟี่แค่คนเดียวก็อันตรายอีกนั่นแหล่ะ เพราะไม่รู้ว่าในป่าจะต้องเจอกับสัตว์ร้ายจำพวกไหนอีกบ้าง แลัวจะแบ่งกันยังไงล่ะเนี่ย! >O<"
�
� � � � � อุซปเริ่มปวดหัว แล้วก่อนที่เขาจะไมเกรนขึ้น ใคนบางคนก็เอ่ยอาสาขึ้นมา
�
� � � � � "ฉันจะไปตามหาลูฟี่เอง"�
�
� � � � � "หา...โซโล นายเนี่ยนะ" อุซปและซันจิแทบจะพูดขึ้นพร้อมกัน
�
� � � � � "อะไร มีปัญหาอะไร"�
�
� � � � � "มันก็...เอ้อ" อุซป
�
� � � � � "สิ่งที่หมอนี่อยากจะบอกก็คือ..." ซันจิ
� � � � ��
� � � � � "นายพูดถูกแล้วล่ะอุซป ว่าไนทูก้าเต็มไปด้วยพวกโจรสลัด แถมยังมีพรรคพวกของยัยเล...เออ...ช่างเถอะ"
�
� � � � � "เลดี้เฟ้ย! หัดจำซะบ้างเซ่ไอ้สมองปลาทองนี่!" ซันจิ
�
� � � � � "ถึงตอนนี้ฉันก็ยังประเมิณฝีมือการต่อสู้ของยัยนั่นไม่ได้ ไปกันสองคนน่าจะช่วยกันคิดแผนช่วยนามิออกมาได้ดีกว่า ส่วนเรื่องป่านี้ฉันน่ะเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ที่สำคัญ ถ้าหากเจ้ากัปตันมันฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็คงเอาตัวรอดได้เองล่ะน่า"
�
� � � � � โซโลสรุปเรียบร้อยเสร็จสรรพจนทั้งสองนิ่งเงียบและพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มจับตัวสุมหัวกันพักนึง
�
� � � � � "เรื่องการเอาตัวรอดในป่าของหมอนั่นน่ะฉันไม่สนหรอก -_-" อุซป
�
� � � � � "แต่ไอ้ความซื้อบื้อจอมหลงของหมอนั่นนี่สิเรื่องใหญ่กว่า" ซันจิ
�
� � � � � "มันจะตามลูฟี่เจอรึเปล่าก็ไม่รู้"�
�
� � � � � "มิหนำซํ้าถึงเจอไป พวกซื่อบื้อสองตัวมาอยู่ด้วยกันมันจะออกจากป่านี้ได้จริงๆ น่ะเร้อ"�
�
� � � � � "หึๆๆ แต่มันก็มีข้อดีอย่างนึงนะ" ซันจิทำหน้าชั่วร้าย
�
� � � � � "ข้อดีอะไร?" อุซปทำท่าเลิกคิ้วสงสัย
�
� � � � � "ถ้าเจ้าโซโลไม่อยู่ฉันก็จะได้ตัดคู่แข่งเอาชนะใจคุณนามิไปได้หมดแล้วไงล่ะ!"
�
� � � � � "หา? -_-"
�
� � � � � "หึๆๆๆ ให้มันหลงป่าไปตลอดชีวิตนั่นแหล่ะดีแล้ว ฮ่ะๆๆๆ"
�
� � � � � "แกนี่มันชั่วชะมัดเลย -_-"
�
� � � � � โซโลที่กำลังคิ้วกระตุกยืนมองทั้งสองที่กำลังสุมหัวกระซิบอะไรบางอย่างที่เขาไม่ได้ยินแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้นะ�
�
� � � � � "นี่พวกนายจะมัวเสียเวลาอยู่อีกนานมั้ยฮะ -*-" โซโล
�
� � � � � "โอ๊ะ โทษทีๆ โซโลคุง พวกเราแค่วิเคราะห์แผนการของนายอย่างลึกซึ้งเท่านั้นเอง" อุซปยิ้มร่า
�
� � � � � "พวกเราทำให้วัชพืชขึ้นตัวแกเหรอ โทษทีๆ แต่ก็เหมาะกับหัวสาหร่ายอย่างแกดีออก" ซันจิทำหน้าใสซื่อ
�
� � � � � แล้วทั้งสองก็หัวเราะร่าขึ้นพร้อมกันอย่างอารมณ์ดี โซโลยืนมองคิ้วก็เริ่มกระตุกหนักขึ้นไปอีก คืนนี้มันอะไร รู้สึกว่าเขาจะโดนล้อมาสองครั้งแล้วนะ
�
�
�
�
�
� � � � � ต่อมา
�
� � � � � "ขอให้โชคดีนะโซโล!!!" อุซปโบกมือให้กำลังใจ
�
� � � � � "ฝากสวัสดีจ้าวป่าด้วยล่ะ!!!" ซันจิโชบุหรี่ขึ้น
�
� � � � � ทั้งสองบอกลาหรือล้อเลียนโซโลครู่นึงก่อนจะวิ่งออกไป
�
� � � � � "อะไรของเจ้าพวกนั้น -_-" เสียงโซโลพึมพัมขณะเดินอย่างสบายๆ ไปตามทางที่ซันจิบอก "ยังไงเจ้าพวกนั้นอยู่กันสองคนก็หายห่วงแล้วล่ะนะ"
�
� � � � � "เอาล่ะ..." โซโลเดินมาได้ซักพักแล้วมองซ้ายมองขวา "ทางนี้สินะ..."
�
� � � � � โซโลจะหาลูฟี่เจอหรือไม่!?
�
� � � � � หรืออาจจะหลงป่าตามที่ซันจิแช่ง...เอ๊ย! ออกความเห็นจริงๆ
�
� � � � � แลัวซันจิกับอุซปล่ะ...
�
� � � � � พวกเขาจะไปหยุดยั้งงานแต่งของนามิทันแน่หรือ...
�
� � � � � พวกพ้องอีกสามคน ช๊อปเปอร์ แฟรงกี๊ บรู๊ค เป็นอย่างไรกันบ้าง
�
� � � � � โรบินล่ะ...เธออยู่ที่ไหนกัน
�
� � � � �
�
� � � � � เสียงเพลงดังจังหวะเร้าอารมณ์บวกกับเสียงคุยและเสียงหัวเราะครึกครื้นสนุกสนานเฮฮาดังมาจากบาร์หรูหราที่ใหญ่ที่สุดที่มีป้ายชื่อหน้าร้านส่องประกายไฟกระพริบดึงดูดความสนใจสลักว่า 'ไฟเออร์บาร์' มีเพียงแสงวับๆ แวมๆ จากไฟดิสโก้ที่สาดแสงสีส้มสลับม่วงไปมาท่ามกลางความมืดภายในร้าน ขณะที่กลุ่มผู้คนตั้งแต่เด็กยันแก่ต่างพากันออกไปเต้นปลดปล่อยอารมณ์ดิบอย่างไม่เป็นจังหวะกลางฟลอร์เต้นรำ
�
� � � � � � � �ที่เคาน์เตอร์ขณะนี้บาร์เทนเดอร์หนุ่มกำลังผสมเครื่องดื่มด้วยลีลาอันสวยงาม ก่อนจะส่งเครื่องดื่มสีสันสดใสส่งให้หญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าเคาน์เตอร์
�
� � � � � � � �'ที่นี่ต้องมีความลับบางอย่าง'
�
� � � � � � � �เสียงในใจของหญิงสาวดังขึ้นขณะมองไปรอบๆ สถานบันเทิงที่ได้ชื่อว่าไฟเออร์บาร์แห่งนี้ ก่อนจะทำการเริ่มจิบเครื่องดื่มสีสวยที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจเย็น
�
� � � � � � � �"ขอโทษนะ..." อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ชายคนนี้อยู่ในชุดลำลองธรรมดาๆ ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในชุดเต้นรำก็ต้องแต่งตัวดูดีมีสไตล์ แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ถึงจะอยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมดาแต่ก็ยังทำให้เจ้าตัวดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะไม่ว่าจะใส่ชุดอะไร ใบหน้าสวยดูนิ่งๆ อายุน่าจะราวๆ สิบหกสิบเจ็ด บวกกับที่เขาใส่เครื่องประดับราคาแพงกลับไปเพิ่มรัศมีทำให้เขานั้นดูดีแม้จะใส่ชุดอะไรก็ตาม
�
� � � � � � � �"มีอะไรงั้นหรือคะ" หญิงสาวถามพลางยิ้ม
�
� � � � � � � �"เต้นรำกับเรามั้ย"�
�
� � � � � � � �ผู้ชายคนนั้นยื่นมือเข้ามาเป็นการเชิญชวนเธอ เธอยิ้มตอบอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะส่งมือให้และลุกขึ้นเดินเคียงไปกับเขาจนไปหยุดอยู่ตรงกลางฟลอร์เต้นรำ
�
� � � � � � � �"มาครั้งแรกเหรอ?" เขาถามขณะที่พวกเราเริ่มเต้นไปตามจังหวะเพลง
�
� � � � � � � �"ค่ะ"
�
� � � � � � � �"แล้วชอบที่นี่มั้ย"�
�
� � � � � � � �"ฉันชอบที่ที่คนไม่เยอะ แต่วิสกี้สีสวยกับเพลงเพราะๆ ก็ทำให้ฉันรัก"
�
� � � � � � � �เธอเห็นชายหนุ่มเริ่มยิ้มครั้งแรก
�
� � � � � � � �"ไช่มั้ย ใช่มั้ย ที่นี่ดีที่สุดเนอะ ^O^" ชายหนุ่มเริ่มแสดงอาการเหมือนเด็ก "เราก็ไม่ชอบที่ที่คนเยอะแต่ก็ยังไม่ถึงกับเกลียดเท่าพี่ชายของเรา ส่วนมากพวกเราจะชอบรวมตัวกันอยู่ในห้องพักข้างใน ที่นั่นสุดยอดมากเลยล่ะ"�
�
� � � � � � � �ใบหน้าอ่อนแกมสวยนั้นดูเด็กขึ้นเมื่อเขายิ้มกว้าง มันทำให้เธอต้องหัวเราะเบาๆ
� � � � � � � �
� � � � � � � �ทันใด เธอก็เริ่มสังเกตุว่าพวกนักเต้นที่กำลังเต้นอยู่รอบๆ กลับทยอยกันออกจากฟลอร์เต้นรำกันหมด ไม่ว่าจะพวกที่เต้นจนสติกระเจิดกระเจิงก็มีท่าทางตื่นกลัวแล้วรีบเข้าไปรวมตัวกับนักเต้นคนอื่นๆ ที่ยืนล้อมพวกเธอเป็นวงกลม มันทำให้เธอเริ่มรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าของเธอนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา ต้องเป็นคนใหญ่คนโตของที่นี่แน่ และแล้วเธอก็คิดบางอย่างออก
�
� � � � � � � �"งั้นฉันขอถามคุณบ้าง ^^"
�
� � � � � � � �"เห?"
�
� � � � � � � �"ฉันจะขอเข้าไปร่วมสนุกที่ห้องพักของพวกคุณได้รึเปล่า"�
�
� � � � � � � �"ได้อยู่แล้ว"
�
� � � � � � � �เธอชะงักเล็กน้อยที่ชายหนุ่มยอมตกลงง่ายๆ แต่ก็ยังยิ้มตอบให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพวกเราก็หยุดเต้นลง
�
� � � � � � � �"เราจะพาเธอไปเอง มาสิ ^^" ชายหนุ่มผายมือออกไปยังประตูที่อยู่สุดทางเดิน เธอจำได้ว่าประตูนั้นเป็นประตูเดียวที่เธอแอบลอบเข้าไปไม่ได้เพราะมียามคุมกันอย่างแน่นหนา แต่เมื่อเธอเดินไปกับเขา ยามเฝ้าประตูร่างใหญ่สองคนตรงหน้ากลับเปิดประตูให้เขาและเธอเข้าไปอย่างง่ายดาย
�
� � � � � � � �"ที่นั่นเราอยู่กับพี่ชายสองคนกับน้องชายและน้องสาวอีกสองคน ถ้าเธอได้รู้จักกับพวกเขาเธอจะต้องชอบพวกเขาแน่ๆ เลยล่ะ ฮะ ฮะ เชื่อสิ"
�
� � � � � � � �เธอเดินตามหลังเขาไปโดยไม่พูดอะไร เธอคิดอยู่เพียงว่าเธอจะตามหาเพื่อนที่โดนลักพาตัวไปจากที่ไหนกันแน่ และที่ที่เธอกำลังไปอาจได้รู้เบาะแสบางอย่าง
�
� � � � � � � �"...อ้ะ ยังไม่ได้ถามเลยนี่ว่าเธอชื่ออะไร"
�
� � � � � � � �เธอชะงักเมื่อจู่ๆ เขาก็ถามชื่อเธอ ถ้าเธอตอบชื่อจริงของเธอไปจะทำให้เรื่องต้องยุ่งยากขึ้นรึเปล่านะ�
�
� � � � � � � �"โรบิน...นิโค โรบิน" เธอตอบโดยไม่คิดอะไรมากมาย ที่จริงเธอเตรียมใจมาตั้งแต่ตอนลอบเข้ามาในนี้แล้ว เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามีคนคอยจับตาดูเธออยู่ และคนพวกนั้นต้องรู้ว่าเธอเป็นใคร ขนาดพวกลูกน้องยังรู้แล้วนับประสาอะไรกับเจ้านาย
�
� � � � � � � �ชายหนุ่มหันกลับมามองโดยสีหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง แล้วเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะพูดตอบ
�
� � � � � � � �"โรบินจังงั้นเหรอ ชื่อเพาะเนอะ...อ้อ เราชื่อแซนซีนะ ยินดีต้อนรับสู่สรวงสวรรศ์แห่งไนท์ทูก้า คุณนักโบราณคดีแห่งกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง"
�
� � � � � � � �"...!"
�
� � � � �"...นา...มิ"�
�
� � � � � "นามิ?"�
�
� � � � � "...เนื้อ"
�
� � � � � "เนื้อเหรอ?"
�
� � � � � จิ้ม จิ้ม
�
� � � � � "...อือ..."
�
� � � � � เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันทีเพราะแรงอะไรบางอย่างที่กดลงมาบนแก้ม
�
� � � � � "...หาาาาาาาว!"
�
� � � � � ลูฟี่อ้าปากหาววอกใหญ่ หลับคราวนี้เขารู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ หัวสมองก็ปลอดโปล่ง เตียงที่เขานอนอยู่ก็นุ่มนิ่มนอนสบายอย่างไม่น่าเชื่อ เขาลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับศรีษะเพื่อควานหาบางอย่างที่เคยมีอยู่ แต่ก็ไม่่มี...มันหายไปไหน!!!
�
� � � � � "หมวก!!!"�
�
� � � � � ลูฟี่ลุกขึ้นยืนบนเตียงทันทีโดยไม่สนใจรอบข้าง เขาพุ่งตรงวิ่งว่อนไปรื้อข้าวของทุกชิ้นที่มีอยู่ในห้องไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา หรือแม้แต่ตู้หนังสือตู้ใหญ่ก็ยังอุตส่าห์ยกขึ้นดูทำเหมือนกับว่าหมวกฟางใบโปรดสุดที่รักของตัวเองจะอยู่ใต้นั้นอย่างงั้นแหล่ะ
�
� � � � � "หมวกจ๋า!!! หมวกฟางของฉันอยู่ไหน!!!"�
�
� � � � � ลูฟี่ตะโกนพร้อมวิ่งวนไปมาเหมือนคนบ้า ถ้าหมวกมันมีชีวิตมันคงจะร้องไห้อย่างซาบซึ้งพร้อมกับรีบออกจากที่ซ่อนแล้วโผเข้าหาเจ้านายของมันที่ทั้งรักและเอาใจใส่อย่างดีแน่ๆ
�
� � � � � "หมวกกกกก!!!...อ๊ะ!"
�
� � � � � เขาชะงักหยุดอยู่กับที่ทันทีเมื่อสายตาไปสะดุดอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งบนเตียงสีขาวหนึ่งเดียวในห้องที่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมา ซึ่งตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเจ้าตัวไม่ได้สังเกตุอะไรที่อยู่ข้างๆ สักอย่าง หญิงสาวคนนั้นมีผมสีเงิน นัยน์สีม่วงคู่สวยส่องประกายแววใสซื่อ รูปร่างผอมบางน่าถนุถนอม มีเพียงคำเดียวที่สามรถเปรียบเปรยได้อย่างจริงใจเลยว่าเธอนั้นงดงาม
�
� � � � � แต่สิ่งที่ลูฟี่สะดุดตานั้นไม่ใช่เธอแต่เป็นหมวกฟางใบโปรดที่อยู่บนศรีษะของเธอคนนั้นต่างหาก
�
� � � � � "หมวกของฉันนี่!!!"�
�
� � � � � ลูฟี่ยืดแขนไปคว้าหมวกของตัวเองออกมาทันทีก่อนจะทำการสวมลงบนศรีษะของตัวเองพลางกระชับแน่นอย่างหวงแหน ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าเบ้ใส่หญิงสาวหัวขโมยหมวกฟางของเขาทันที
�
� � � � � "นี่มันสมบัติของฉันนะ อย่าเอาไปใส่เล่นเด้!" ลุูฟี่โวยวาย
�
� � � � � "ว้าว! แขนของเธอยืดได้ด้วยเหรอ *O*"�
�
� � � � � แต่หญิงสาวไม่สนใจ เธอกลับตื่นเต้นไปกับร่างกายที่ยืดได้ของลูฟี่แทน แถมยังกระโจนเข้าไปสัมผัสตามตัวเขาแถมยังดึงยืดไปมาเพื่อพิสูทธิ์อีกต่างหาก
�
� � � � � "นี่เธอ -_-"
�
� � � � � "สุดยอดเลย! เหมือนยอดมนุษย์เลย! ทำยังไงถึงจะยืดได้เหมือนเธอล่ะ! *O*"�
�
� � � � � "อือ เพราะฉันกิน..."
�
� � � � � "ว้าว! แล้วหมวกฟางนี้มันมีอะไรเหรอเธอถึงหวงมันมากเลย!" ว่าแล้วก็ยื่นมือขึ้นไปคว้าหมวกฟางบนศรีษะของลูฟี่เอามาดูใกล้ๆ
�
� � � � � "นี่เธอ! เอาคืนมานะ!"�
�
� � � � � ลูฟี่ทำท่าจะคว้าหมวกของเขาออกไปจากหญิงสาวที่มัวแต่มองหมวกฟางตาเป็นมันวาว แต่เธอกลับวิ่งหนีไปทั่วห้องไม่ยอมคืนหมวกฟางให้ลูฟี่สักที ลูฟี่ที่ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงก็ได้แต่ทำท่าเงอะงะไล่ตามเท่านั้นเอง
�
� � � � � "ฮ่าๆๆ จ้างให้ก็ไม่ให้คืนหรอก แบร่!"�
�
� � � � � หญิงสาวแลบลิ้นใส่ลูฟี่ให้ยั่วโมโห ก่อนที่เธอจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงเพื่อหนีลูฟี่ ลูฟี่ก็ยืดแขน
�
� � � � � "บอกให้เอาคืนมาไงเล่า! ป่ะโธ่!"�
�
� � � � � ลูฟี่ยืดแขนยาวยืดหมายจะคว้าหมวกตอนที่หญิงสาวเผลอพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยแต่ขากลับไปสะดุดเข้ากับขาเตียงเข้าทำให้มันยืดขึ้นไปกลางเตียงก่อนจะล้มตัวลงทับร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่บนเตียงให้ล้มลงตามไปด้วย
�
� � � � � ผวั๊ะ!!!
�
� � � � � ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาจากทางด้านนอกอย่างรวดเร็วพร้อมกับชายร่างเล็กเคราแดงที่โผล่พรวดเข้ามาอย่างสีหน้าแตกตื่น
�
� � � � � "ท่านคาริน!!! ท่านเสด็จมาที่นี่หรือเปล่า...ว๊ากกกกกกกกกก!!!" �ตอนนี้เจ้าคนแคระช๊อคกับภาพบนเตียงเบื้องหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว�
�
� � � � � และก่อนที่เจ้าตัวทำท่าจะสลบ ลูฟี่ก็รีบคว้าหมวกฟางจากมือของหญิงสาวแล้วกระโดดออกจากตัวของเธอลงมายืนบนพื้นห้องทันที ก่อนจะสวมหมวกฟางแสนรักเป็นที่เรียบร้อยแล้วมัดผูกจนแน่นเพื่อไม่ให้หญิงสาวแอบคว้าไปตอนที่เขาเผลออีก
�
� � � � � "โอ๊ะ เจ้าคนแคระ ทำไมตัวนายแดงจัง ไม่สบายเหรอ O_o" ลูฟี่ผู้ยังไม่รู้สถานการณ์ก้มลงมองคนแคระเคราแดงอย่างสนใจ
�
� � � � � "แก ไอ้หมวกฟาง..." เจ้าคนแคระทำเสียงแข็งพลางกำหมัดแน่น ตัวก็เริ่มแดงกลํ่าเหมือนมะเขือเทศ ท่าทางโกรธจัดจนหยุดไม่อยู่
�
� � � � � "...เดี๋ยวก่อน ซีค" �คารินเอ่ยห้าม
�
� � � � � ไม่ทันแล้ว เพราะร่างป้อมๆ ของเจ้าคนแคระกำลังเปล่ง และขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่จนชิดเพดานห้องอย่างรวดเร็ว เล่นเอาลูฟี่ที่เคยสูงเป็นห้าเท่าของเจ้าคนแคระกลับกลายเป็นเพียงหนอนแมลงทันที
�
� � � � � "สุดยอดเล๊ย!!! *O*" ลูฟี่ตาเป็นประกายทันที
�
� � � � � ตึงงงงง!!!
�
� � � � � ทันใด เจ้าคนแคระร่างยักษ์ก็ใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวกระแทกเข้ากับตัวลูฟี่ให้ติดอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะกำฝ่ามือรัดตัวของลูฟี่ไม่ให้ดิ้นหลุดออกมา ลูฟี่ถึงกับตกใจกับเรียวแรงมากมายมหาศาล เพราะไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุดจากมือพันธณาการนี้
�
� � � � � "โอ๊ย! ปล่อยนะ! ปล่อย!" ลูฟี่โวยวาย
�
� � � � � "ไอ้หมวกฟาง แกก่อเรื่องอาลวาดทำร้ายพวกผู้คุมที่ท่าเรือ ทั้งยังกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองป่าเถื่อนไนท์ทูก้า โทษพวกนี้มันหนักถึงขนาดที่แกต้องจบลงด้วยการประหารชีวิต มากเท่านี้มันยังไม่พอใช่มั้ย!"
�
� � � � � "ปล่อยนะ! ปล่อยเซ่!"�
�
� � � � � "แกคงยังไม่หนำใจสินะไอ้สารเลว..."
�
� � � � � "ปล่อยเซ่! ปล่อยเซ่!"
�
� � � � � "ซีค! เดี๋ยว! ฟังก่อน!" คาริน
�
� � � � � "อภัยให้ไม่ได้...บังอาจมาก!!! แกบังอาจทรยศต่อความใสซื่อของท่านคารินที่ชอบแอบเข้ามาเล่นกับนักโทษก่อนประหารโดยพรากความบิสุทธิ์ของท่านไป!!!"
�
� � � � � ลูฟี่หยุดดิ้นและหยุดโวยวายทันทีทันเพราะชะงักกับคำพูดของซีค เขากระพริบตาปริบๆ หลายครั้งอย่างมึนๆ ไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไปได้ เพราะคำพูดของซีคเขาไม่เข้าใจความหมายเลยสักนิด แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันมีความหมายที่ยากจะหยั่งถึงแน่นอน
�
� � � � � "โธ่ ซีค! เจ้าคนงี่เง่าเอ๊ย!" คารินที่อดรนทนไม่ไหวก็ลุกออกจากเตียงมายืนข้างๆ ซีค
�
� � � � � "ปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้!" คารินออกคำสั่งเด็ดขาด
�
� � � � � "แต่กระหม่อม! คนผู้นี้มันทำกับท่าน..."
�
� � � � � "ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะซีค มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง"
�
� � � � � "หม่อมฉันไม่เชื่อ! ก็เหตุการณ์เมื่อกี๊มัน..."
�
� � � � � "หรือนายอยากโดนปลดจากตำแหน่งแล้วกลายเป็นคนทำความสะอาดคอกมังกรไปตลอดชีวิต -_-"
�
� � � � � ประโยคนั้นได้ผลทันทีทันใด เพราะซีคยอมปล่อยตัวลูฟี่ออกเป็นเป็นอิสระแล้วเขาก็คืนร่างเดิมอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวแดงกรํ่านั้นจางหายไปหมดแล้วด้วย เหลือเพียงผิวสีชมพูเรียบเนียนเหมือนผิวเด็กที่เป็นผิวดั้งเดิมของเขา
�
� � � � � ลูฟี่ที่หลุดเป็นอิสระก็ลุกยืนขึ้นมาปัดฝุ่นเบาๆ�
�
� � � � � "นี่ นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?" คารินถามอย่างเป็นห่วง
�
� � � � � "สบายมาก เพราะตัวฉันเป็นยาง ^O^" ลูฟี่ยิ้มร่า
�
� � � � � "เธอนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจริงๆ แต่ก็น่าสนใจแฮะ *-*"
�
� � � � � "แล้วก็เมื่อกี๊นี้น่ะ ขอบคุณมากน้าที่ช่วยฉันไว้ เธอนี่เป็นคนดีจัง ^O^"
�
� � � � � "กะ ก็ ก็แค่ช่วยเท่านั้นล่ะน่า -///-" คารินเริ่มหน้าแดง
� � � � � โครกกกกก!
� � � � � �ทันใดนั้นเองอยู่ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้นมา และต้นกำเนิดของเสียงนั้นก็ดันมาจากท้องของลูฟี่ เจ้าตัวเริ่มเอามือกุมท้องก่อนที่จะทรุดตัวลงไปนั่งห่อเหี่ยวร้องโอดครวญบนพื้น
� � � � � �"หิววววว จางงงงงงงงงงง! TOT" ลูฟี่
� � � � � �คารินมองท่าทางของลูฟี่แล้วหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเสนอบางอย่างที่เล่นเอาลูฟี่เขย่งตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
� � � � � �"งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเธอให้เอามั้ย ^^"�
� � � � � �"จริงเหรอ!! *O*"
� � � � � �ลูฟี่เริ่มทำตาเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง คารินก็ยิ้มตอบสัญญา แต่ก่อนที่เธอจะพาลูฟี่ไปเลี้ยงข้าวตามที่บอก เสียงของบุคคลที่สามที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้องกลับร้องคัดค้านขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
� � � � � �"ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ! ท่านจะเชิญอาชญากรไปร่วมโต๊ะเสวยไม่ได้!!" ซีคนั่นเอง
� � � � � �"ทำไมจะไม่ได้ -_-" คาริน
� � � � � �"ท่านควรจะคำนึงถึงฐานะของตัวเองให้มากกว่านี้ ท่านรู้หรือเปล่าว่าตัวท่านอยู่ในฐานะอะไร"
� � � � � �"รู้สิ...จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเดทูก้า ดินแดนแห่งกฎเกณฑ์"
� � � � � �คารินตอบเสียงชวนง่วงบ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจ แต่ลูฟี่ที่ยืนฟังทั้งสองเถียงกันอยู่ถึงกับทำสีหน้าตกใจ
� � � � � �"แอ๊!!! นี่เธอเป็นถึงจักรพรรดินีเชียวเหรอเนี่ย! O_o" ลูฟี่
� � � � � �"ใช่แล้ว! จงรู้ไว้ซะว่าท่านคารินเป็นผู้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของกฎเกณฑ์ที่นี่ ท่านมีอำนาจในการตัดสินโทษของผู้มีความผิดในการทำผิดกฎของอาณาจักร ท่านสามารถสั่งตัดหัวของแกตอนนี้เลยก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอระยะเวลาการประหารที่ต้องรอในอีกสิบชั่วโมงข้างหน้า แกจะต้องสิ้นหวังทนทุกข์ทรมารในการรอความตาย!"
� � � � � �พูดจบซีคหันไปมองสีหน้าของลูฟี่ว่าจะสิ้นหวังขนาดไหน พอได้เห็นท่าทางคอตกของลูฟี่เจ้าตัวก็เริ่มพอใจแล้วทำการพูดเสริมเพื่อให้สำนึกมากกว่านี้อีก
� � � � � �"เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงจะเกรงกลัวอำนาจของท่านคารินที่เป็นถึงจักรพรรดินีแล้วล่ะสิว่าอำนาจของท่านนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีหรือที่จะแพ้จักรพรรดิแห่งไนท์ทูก้า เพราะฉะนั้นแกอย่ามาทำกิริยามารยาท..."
� � � � � �"สุดยอดดดดด!!! ถ้าเป็นถึงจักรพรรดินีก็ต้องเลี้ยงข้าวได้เยอะๆ จนพุงกางแน่ๆ เลยใช่มั้ย!!!"
� � � � � �ความจริงลูฟี่ไม่ได้ฟังคำพูดของซีคเลยแม้แต่น้อย ที่ลูฟี่ทำคอตกไปเมื่อกี๊เพราะมัวแต่นึกภาพอาหารกองโตที่เขากำลังจะได้กินเร็วๆ นี้ต่างหาก
� � � � � �"รับรองได้ว่าเธอจะไม่ผิดหวังแน่นอน ^O^" คาริน
� � � � � �"เอาเนื้อนะ! ขอเนื้อเยอะๆ เลยด้วย!"
� � � � � �"ไม่มีปัญหา! เธอตั้งใจรอกินได้เลยเพราะอาหารของอาณาจักรนี้น่ะขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ!"
� � � � � �"จริงเหรอ!! อยากกินเร็วๆ จัง!!"
� � � � � �ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหลือไว้แต่เพียงซีคที่ยืนนิ่งโดดเดี่ยวจ้องเขม็งไปที่ลูฟี่อย่างไม่วางตา เขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
� � � � � �'เจ้าหมวกฟางแกคิดจะตีสนิทกับท่านคารินอยู่สินะ ฉันจะคอยจับตาดูแกเอาไว้ ขืนแกคิดลํ้าเส้นลวนลามท่านคารินแม้เพียงปลายหางตาข้าจะตัดหัวแกเมื่อนั้น! ส่วนทางพวกพ้องของแกข้าก็จะส่งกลุ่มลิงแห่งทางสีดำคอยเฝ้าดูไว้เช่นกัน'
� � � � � �ลูฟี่ที่ยังไม่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เขากำลังจะถูกประหาร แล้วเรื่องแผนการทวงคืนพวกพ้องล่ะ เขาไม่คิดที่จะเอะใจอะไรเลยหรือ
� � � � � �
� � � � � โครกกกกก!
� � � � � �ทันใดนั้นเองอยู่ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้นมา และต้นกำเนิดของเสียงนั้นก็ดันมาจากท้องของลูฟี่ เจ้าตัวเริ่มเอามือกุมท้องก่อนที่จะทรุดตัวลงไปนั่งห่อเหี่ยวร้องโอดครวญบนพื้น
� � � � � �"หิววววว จางงงงงงงงงงง! TOT" ลูฟี่
� � � � � �คารินมองท่าทางของลูฟี่แล้วหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเสนอบางอย่างที่เล่นเอาลูฟี่เขย่งตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
� � � � � �"งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเธอให้เอามั้ย ^^"�
� � � � � �"จริงเหรอ!! *O*"
� � � � � �ลูฟี่เริ่มทำตาเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง คารินก็ยิ้มตอบสัญญา แต่ก่อนที่เธอจะพาลูฟี่ไปเลี้ยงข้าวตามที่บอก เสียงของบุคคลที่สามที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้องกลับร้องคัดค้านขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
� � � � � �"ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ! ท่านจะเชิญอาชญากรไปร่วมโต๊ะเสวยไม่ได้!!" ซีคนั่นเอง
� � � � � �"ทำไมจะไม่ได้ -_-" คาริน
� � � � � �"ท่านควรจะคำนึงถึงฐานะของตัวเองให้มากกว่านี้ ท่านรู้หรือเปล่าว่าตัวท่านอยู่ในฐานะอะไร"
� � � � � �"รู้สิ...จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเดทูก้า ดินแดนแห่งกฎเกณฑ์"
� � � � � �คารินตอบเสียงชวนง่วงบ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจ แต่ลูฟี่ที่ยืนฟังทั้งสองเถียงกันอยู่ถึงกับทำสีหน้าตกใจ
� � � � � �"แอ๊!!! นี่เธอเป็นถึงจักรพรรดินีเชียวเหรอเนี่ย! O_o" ลูฟี่
� � � � � �"ใช่แล้ว! จงรู้ไว้ซะว่าท่านคารินเป็นผู้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของกฎเกณฑ์ที่นี่ ท่านมีอำนาจในการตัดสินโทษของผู้มีความผิดในการทำผิดกฎของอาณาจักร ท่านสามารถสั่งตัดหัวของแกตอนนี้เลยก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอระยะเวลาการประหารที่ต้องรอในอีกสิบชั่วโมงข้างหน้า แกจะต้องสิ้นหวังทนทุกข์ทรมารในการรอความตาย!"
� � � � � �พูดจบซีคหันไปมองสีหน้าของลูฟี่ว่าจะสิ้นหวังขนาดไหน พอได้เห็นท่าทางคอตกของลูฟี่เจ้าตัวก็เริ่มพอใจแล้วทำการพูดเสริมเพื่อให้สำนึกมากกว่านี้อีก
� � � � � �"เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงจะเกรงกลัวอำนาจของท่านคารินที่เป็นถึงจักรพรรดินีแล้วล่ะสิว่าอำนาจของท่านนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีหรือที่จะแพ้จักรพรรดิแห่งไนท์ทูก้า เพราะฉะนั้นแกอย่ามาทำกิริยามารยาท..."
� � � � � �"สุดยอดดดดด!!! ถ้าเป็นถึงจักรพรรดินีก็ต้องเลี้ยงข้าวได้เยอะๆ จนพุงกางแน่ๆ เลยใช่มั้ย!!!"
� � � � � �ความจริงลูฟี่ไม่ได้ฟังคำพูดของซีคเลยแม้แต่น้อย ที่ลูฟี่ทำคอตกไปเมื่อกี๊เพราะมัวแต่นึกภาพอาหารกองโตที่เขากำลังจะได้กินเร็วๆ นี้ต่างหาก
� � � � � �"รับรองได้ว่าเธอจะไม่ผิดหวังแน่นอน ^O^" คาริน
� � � � � �"เอาเนื้อนะ! ขอเนื้อเยอะๆ เลยด้วย!"
� � � � � �"ไม่มีปัญหา! เธอตั้งใจรอกินได้เลยเพราะอาหารของอาณาจักรนี้น่ะขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ!"
� � � � � �"จริงเหรอ!! อยากกินเร็วๆ จัง!!"
� � � � � �ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหลือไว้แต่เพียงซีคที่ยืนนิ่งโดดเดี่ยวจ้องเขม็งไปที่ลูฟี่อย่างไม่วางตา เขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
� � � � � �'เจ้าหมวกฟางแกคิดจะตีสนิทกับท่านคารินอยู่สินะ ฉันจะคอยจับตาดูแกเอาไว้ ขืนแกคิดลํ้าเส้นลวนลามท่านคารินแม้เพียงปลายหางตาข้าจะตัดหัวแกเมื่อนั้น! ส่วนทางพวกพ้องของแกข้าก็จะส่งกลุ่มลิงแห่งทางสีดำคอยเฝ้าดูไว้เช่นกัน'
� � � � � �ลูฟี่ที่ยังไม่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เขากำลังจะถูกประหาร แล้วเรื่องแผนการทวงคืนพวกพ้องล่ะ เขาไม่คิดที่จะเอะใจอะไรเลยหรือ
� � � � � �
�
�
�
�
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น