ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic One piece] ความต้องการที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้

    ลำดับตอนที่ #5 : [::ตอนที่ 4::] เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ให้เอาเนยถั่วมาด้วย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 945
      10
      18 ต.ค. 55


    ::ตอนที่ 4::
    เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ให้เอาเนยถั่วมาด้วย



     

               ...ดำเนินเรื่องมาจากตอนที่แล้ว...
     
              "คร่อกกกกก! zZZ" 
     
              เสียงกรนของลูฟี่ดังเป็นระยะ ในสถานการณ์ที่เพื่อนๆ ของเขากำลังเข้าขั้นภาวะตรึงเครียดแต่หมอนี่กลับมีหน้ามานอนกรนสบายใจเฉิบอยู่อย่างนี้
     
              "จะทำยังไงดี! แค่สองชั่วโมงเท่านั้นเองน้าาาาา!!!" 
     
              อุซปร้องอย่างสิ้นหวัง ในขณะเข้าไปดึงคอเสื้อของซันจิที่อยู่ใกล้ๆ รัวขึ้นลงไปมาแล้วพูดประโยคเดียวซํ้าไปซํ้ามาอยู่อย่างนั้นจนเจ้าของคอเสื้อเกิดความรำคาญ
     
              "นี่แกจะโวยวายอะไรนักฮะ! ถ้ากำลังเข้าพิธีแต่งพวกเราก็แค่ทำตัวให้สมกับเป็นโจรสลัดเข้าไปชิงตัวเจ้าสาวแสนสวยออกมาก็สิ้นเรื่องแล้วล่ะเฟ้ย!"
     
              ซันจิพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะปัดมืออุซปออกจากคอเสื้อตัวเองอย่างรำคาญ
              
              "ถะ ถ้าพวกนั้นมันเก่งมากล่ะจะทำยังไงดี! ละ แล้วถ้าเกิดไปช่วยไม่ทันการแล้วยัยนั่นโดนบังคับให้แต่งไปแล้วล่า! T^T" 
     
              "ไม่มีทางเฟ้ย!! นี่แกอย่ามาพูดพล่อยๆ นะ!!" 
     
              ซันจิตะคอกใส่อุซปดังลั่นจนเขาถึงกับตัวลีบหดลงไปอย่างรวดเร็ว คนอยากแสดงความคิดเห็นมันผิดด้วยเหรอ~ T^T ซันจิคูงใจร้าย~
     
              "ถึงแม้จะเหลือแค่ชั่วโมงเดียว! ใครจะคิดว่าไปไม่ทันยังไงก็ช่าง!" ซันจิดึงคอเสื้อของอุซปขึ้นมา "แต่ไม่ว่าฉันจะต้องบุกป่าฝ่าดงหรือระหว่างทางจะต้องเจอกับสัตว์ร้ายนับร้อย! นับพัน! นับหมื่นตัว!" ซันจิกำคอเสื้อของอุซปแน่น "จะครึ่งชั่วโมงหรือสิบนาที! ฉัน! อัศวินผู้พิทักษ์คนนี้ก็จะต้องไปช่วยเธอให้ทันให้ได้!!!" 
     
              ซันจิกล่าวจบเขาก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของอุซปให้เจ้าตัวถึงกับยืนอึ้ง
     
              "ซันจิ นาย...ช่างพูดสมเป็นอัศวินผู้พิทักษ์จริงๆ~ T_T/" 
     
              อุซปทำท่าเหมือนจะร้องไห้พลางยกนิ้วชูให้กับพลังใจอันเด็ดเดี่ยว กล้าหาญบุกทะลุยเพียงเพราะอยากจะไปช่วยพวกพ้องสาวของซันจิที่ดูแล้วน่านับถือยิ่งนักในเวลานี้
     
              "คุณนามิคร้าบบบบบ!!! ผมจะต้องไปช่วยคุณให้ได้!!!" อยู่ๆ ซันจิก็ตะโกนขึ้นด้วยความฮึกเหิมหลังจากเก็กขรึมทำเท่เป็นเวลานาน
     
              "นี่แกจะบ้ารึไงฟะ! ตะโกนเรียกชื่อยัยนั่นเดี๋ยวลูฟี่ก็ได้ยินขึ้นมาหรอกเฟ้ย!" อุซปที่กำลังหลั่งนํ้าตาด้วยความปลาบปลื้มก็หันกลับไปเป็นตะคอกใส่ทันที แต่ซันจิฟังจบก็กลับหันมาทำหน้าห้วนๆ ใส่อย่างนักเลง
     
              "เฮอะ! เชื่อสิ หลับเป็นตายขนาดนี้เอาปืนใหญ่มาถล่มหมอนี่ก็ไม่ฟื้นหรอก!"
     
              ซันจิพูดจบเท่านั้นแหล่ะ เขาก็หันมาทางลูฟี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะ...
     
              พลั่ก!!!
     
              "ว้าก!! ทำบ้าอะไรของแกฟะซันจิ!!" อุซปกึ่งตะโกนกึ่งตะคอกเมื่อซันจิหันมาเตะเข้าที่กลางลำตัวของลูฟี่เต็มเหนี่ยวจนเจ้าตัวกระเด็นไปกระแทกกับผนังจนทะลุ
     
              "คร่อกกกกก! zZZ" 
     
              เสียงกรนของลูฟี่ยังคงดังเป็นจังหวะไม่เปลี่ยนแปลงทั้งที่เจ้าตัวนอนอยู่ในสภาพถูกเศษหินมากมายหล่นลงมาทับ เล่นเอาอุซปถึงกับช๊อคไปเต็มที่เพราะกลัวว่าคนที่เพิ่งหายป่วยอย่างหมอนั่นมันจะอาการกำเริบขึ้นอีก แต่พอได้เห็นซันจิแสดงหลักฐานถึงคำพูดของตัวเองขนาดนั้นแล้วอุซปก็ถึงกับอ้าปากค้าง
     
              "ฉันบอกแล้ว -O-" ซันจิพูดหน้าตาย
     
              "ขอถอนคำพูดจากเมื่อกี๊ ตอนนี้แกมันปีศาจชัดๆ =_=,," อุซปหันไปด่่าโดยลืมความปลาบปลื้มเมื่อกี๊ไปจนหมดสิ้น
     
              เขาก็ลืมไปว่าหมอนี่มันใจดีแต่กับผู้หญิงเท่านั้นแหล่ะ ส่วนผู้ชายอย่างพวกเขาทำยังกับเป็นหมูกับหมายังไงอย่างงั้น คิดถึงตรงนี้มันน่ากระทืบจริงๆ
     
              ในขณะที่อุซปกำลังนึกหาวิธีแช่งซันจิอยู่นั้น เสียงของโซโลที่เงียบอยู่นานก็ดังขึ้น
     
              "นี่พวกนาย ฉันว่าอย่าเพิ่งเล่นกันจะดีกว่า เรารีบไปช่วยยัยนั่นกันได้แล้ว เวลาตอนนี้ก็เหลือไม่มากพวกเราควรจะวิ่งไปให้เร็วที่สุดหรืออาจจะไม่ได้หยุดพักไปเลยก็ได้" โซโลทำสีหน้าเคร่งและพูดออย่างมีหลักการจนน่าตกใจ พอเจ้าตัวพูดจบปุ๊บก็วิ่งนำหน้าไปก่อนใครเพื่อน
     
              อุซปที่มองโซโลวิ่งไปสักพักอยู่ๆ เขาก็ชะงัก
     
              "อ๊ะ...เฮ้ย!...ไอ้บ้า!! ผิดทางแล้วเฟ้ยโซโล!! ทางไปหลังเมืองมันอยู่ทางนี้นั่นมันทางกลับไปที่ท่าเรือ!!!" 
     
              อุซปตะโกนเรียกโซโลที่กำลังวิ่งไปผิดทาง พอเจ้าตัวได้ยินแบบนั้นปุ๊บก็ถึงกับสะดุ้งกึกและหยุดฝีเท้าพลัน
     
              "ระ รู้อยู่แล้วล่ะน่า! แค่วิ่งผิดนิดเดียวเอง!" 
     
              โซโลหันมาแก้ตัวทั้งที่หน้าตอนนี้แตกยับเยิน
     
              'ถามจริงเถอะ ไอ้หมอนี่มันจะงี่เง่าไปถึงไหน -_-,,'
     
              อุซปถึงกับมองอย่างเวทนา
     
              'เพื่อนเขาแต่ละคนมันจะมีตรงไหนที่ปกติเหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไปอยู่บ้างมั้ยเนี่ย!'
     
              "เจ้าบ้าหัวมอสจอมหลงทาง ซื่อบื้อซะจริงๆ -*-"
     
              ซันจิด่าพึมพัมให้ได้ยินขณะที่โซโลวิ่งผ่านหน้าตัวเองเพื่อกลับมายังทางที่ถูกต้อง
     
              "แล้วแกล่ะ ไม่รีบไปช่วยยัยคุณนามิสุดรักของแกรึไง มัวแต่ยืนซื่อบื้อเหมือนกันนั่นแหล่ะ!" 
     
              โซโลหันกลับมาด่าเพื่อเอาคืน ทำเอาซันจิชะงักพลันและอารมณ์ก็เดือดปุดๆ 
     
              "หนอย! ว่าไงนะแก! ฉันกระตือรือร้นที่จะไปช่วยคุณนามิเสมอเฟ้ย!!"  ซันจิพูดจบก่อนรีบวิ่งตามไปทันที
     
              "อ้าว!? เฮ้ย! พวกนาย!! อย่าเพิ่งทิ้งฉันกับหมอนี่เซ่!! >O<" 
     
              อุซปตะโกนโวยวายดังลั่นเมื่อเห็นโซโลกับซันจิวิ่งนำทิ้งไปก่อนโดยไม่สนใจเขาและคิดที่จะช่วยแบกลูฟี่ไปสักคน หน้าที่นั้นมันก็คงต้องตกอยู่ที่เขาอีกแล้วล่ะสิเนี่ย! โบ้ยให้กันเฉยเลย! แต่จะมัวมาเสียเวลาคิดอะไรก็ไม่ได้นอกจากต้องจำใจหันกลับไปลากลูฟี่ที่นอนกองกับเศษหินกำแพงออกมาก่อนจะอุ้มขึ้นหลังตัวเองแล้วรีบเร่งฝีเท้าวิ่งตามอีกสองคนที่วิ่งไปทะเลาะไปอยูุ่ที่ไกลลิบข้างหน้าทันที
     
              "ฉันเท่านั้นที่จะได้เป็นคนช่วยคุณนามิออกมา ไม่ใช่แก!" ซันจิ
     
              "เออๆ ฉันไม่เถียงว่ะ จะทำอะไรก็เรื่องของแก แต่ถ้าแข่งกันฉันสามารถช่วยยัยนั่นออกมาได้สบายๆ ก่อนแกอยู่แล้ว" โซโล
     
              "อย่ามาพูดชุ่ยๆ เออเองนะเฟ้ย! ฉันต่างหากที่จะได้ช่วยคุณนามิออกมาเป็นคนแรก!" 
     
              "ก็บอกแล้วไงว่าไม่เถียงข้อนั้น แต่ถ้าเป็นฉันสามารถช่วยยัยนั่นออกมาได้สบายๆ -_-" 
     
              "นี่แกเพิ่งพูดไปนี่! แสดงว่าแกกำลังเปิดสารท้ารบฉันฉันใช่มั้ยห๊า!!"  
     
              "อันนั้นก็ไม่ขอเถียงล่ะนะ =_="
     
              "เออ งั้นเรามาแข่งกันให้รู้แล้วรู้รอดว่าใครจะไปช่วยคุณนามิได้ก่อนกัน" 
     
              "แล้วจะได้อะไรจากการแข่ง -_-" 
     
              "คุณนามิ!!" ซันจิตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ
     
              "อ๋า? =_=" โซโลชักสีหน้าอย่างบอกไม่ถูกไปเลย
     
              "คนที่ชนะจะได้ไปเดทกับคุณนามิ" 
     
              "พูดยังกับเจ้าตัวเค้าตกลงแล้วงั้นแหล่ะ -_-" 
     
              "หนวกหูเฟ้ย! การได้อยู่สองต่อสองกับคุณนามิสำหรับฉันมันคือความสุขหนึ่งในชีวิต!" 
     
              "เฮ้อ อยากคิดอะไรก็คิดไปเถอะ ถึงรางวัลมันจะน่าเบื่อก็เถอะนะ =_=" 
     
              "แกหาว่าคุณนามิน่าเบื่องั้นเรอะ!" 
     
              "แต่คนชนะก็ต้องเป็นฉัน" 
     
              "อย่ามาพูดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้ามั่วๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ไปช่วยคุณนามิได้มั้ยห๊ะ!" 
     
              "เฮอะ อนาคตมันไม่แน่นอน บางทีอาจจะไม่มีใครชนะ" 
     
              "หมายความว่าไง!?" ซันจิหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ
     
              "อย่าลืมสิ ยัยนั่นเป็นขโมยเก่านะ เห็นเล็กๆ แบบนั้นบางทีอาจหนีออกมาได้แล้วก็ได้" โซโลยิ้มกวนๆ ขณะพูดออกมาเล่นๆ แต่มันเล่นทำเอาซันจิถึงกับเบิกตากว้างชะงักไปสุดๆ
     
              "นะ...นี่ นี่แก...เมื่อกี๊แกพูด...!" ซันจิพูดอย่างติดขัด "นี่แกหาว่าคุณนามิหน้าอกเล็กอย่างงั้นเหรอ!!! มาให้พ่อเตะปากซะดีๆ นะแก!!!" ซันจิพูดอย่างโมโหราวกับภูเขาไฟปะทุขณะกระโดดส่งลูกเตะพุ่งเข้าหาโซโลอย่างรวดเร็ว
     
              "นี่หูกับสมองแกจะประเมิณผลเพี้ยนไปถึงไหนฟะ!!! ฉันยังไม่ได้พูดเรื่องนั้นเลยเฟ้ย!!!" โซโลที่เหลืออดแล้วก็หันมาตะคอกใส่เช่นกันพร้อมกับยกดาบขึ้นรับลูกเตะนั้น
     
              แล้วทั้งสองคนก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดทั้งที่ยังวิ่งกันอยู่
     
              "รอฉันด้วยสิเว้ยเฮ้ย!!! >[ ]<" อุซปที่วิ่งตามไปเรื่อยๆ จากข้างหลังพร้อมกับแบกลูฟี่ตามไปด้วยก็ตะโกนเรียกคู่กัดที่ทั้งวิ่งและทะเลาะกันไม่เลิกโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว นี่ขนาดวิ่งไปสู้ไปแต่ทำไมอุซปถึงวิ่งตามเท่าไหร่ก็ตามไม่ทันสักทีเนี่ย
     
              "คร่อกกกกก zZZ" ลูฟี่ก็ยังคงหลับไม่ตื่นเหมือนเดิม
     
              แล้วอย่างนี้ตกลงใครจะได้เป็นคนช่วยนามิออกมากันน้า~
     
              ...อีกสองชั่วโมงเท่านั้น จะไปทันมั้ยเนี่ย
         
     
     
     
     
              ...ทางด้านช๊อปเปอร์...
     
              ณ เรือซันนี่ซึ่งจอดเทียบที่ท่าเรือซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าเมืองไปทางทิศตะวันออกห้ากิโลเมตร และเป็นเรือลำเดียวที่อยู่จอดเทียบโดดเดี่ยวอยู่บริเวณนั้น
     
              "คืนนี้จันทร์เต็มดวงสวยจังน้า~ ฮะๆๆ ~ ลา ลา ล่า ลั้น ลา ลั้น ลา~ ^O^" 
     
              ช๊อปเปอร์กำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขขณะแหงนมองขึ้นไปดูพระจันทร์ดวงโตส่องแสงสีทองนวลอ่อนสว่างตาท่ามกลางท้องนภาที่แสนมืดมิด คลืนทะเลซัดกระทบเบาๆ กับกาบเรือซันนี่จนโคลงเคลงไปมาอย่างอ้อยอิ่ง และนอกจากเสียงคลื่นซัดนี้แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรดังให้ได้ยินอยู่บริเวณนี้เลย 
     
              บรรยากาศในยามคํ่าคืนนี้เงียบสงัด และชวนวังเวง ลมเย็นๆ ค่อยๆ พัดผ่านร่างของช๊อปเปอร์จนทำให้เจ้าตัวรู้สึกสั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงแม้ช๊อปเปอร์จะเคยอาศัยอยู่ที่เกาะฤดูหนาวมาเป็นเวลานาน ลมพัดแค่นี้ไม่น่าจะทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นได้ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกหนาวล่ะ หนาวจนเขาต้องหยุดฮัมเพลงและยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
     
              "ทะ ทำไมอยู่ๆ ถึงระ รู้สึกเย็นยะเยือกอย่างนี้...O~o" ช๊อปเปอร์เสียงสั่น
     
              ฟุ่บ!
     
              O_o เฮือก!!!
     
              ช๊อปเปอร์ร้องก่อนจะหันขวับไปที่หัวซันนี่ทันทีเพราะรู้สึกได้ถึงเงาของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว ทั้งร่างของเขายิ่งสะท้านมากขึ้นไปอีกด้วยความกลัว กลืนนํ้าลายเอื้อก ค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้กับหัวซันนี่ แต่พอลองเพ่งพินิจดูดีๆ ก็ไม่เห็นเงาที่ว่าแต่อย่างใด 
     
              เขาอาจจะแค่ตาฝาดไปก็ได้ คิดได้ดังนั้นก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก 
     
              "เฮ้อ...กลัวมากไปจนได้นะเรา ไม่ๆๆ ถึงจะอยู่คนเดียวแต่ฉันมีหน้าที่เฝ้าเรือจนกว่าพวกนั้นจะกลับมานะ ไม่ได้ๆ จะเกิดอาการกลัวแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! />-<\" 
     
              ช๊อปเปอร์ทำการตบหน้าตัวเองหลายๆ ที
     
              "ฮู่ว...โอเค ฉันทำได้ /-O-\"
     
              ฟุ่บ!
     
              OoO เฮือก!!!
     
              ช๊อปเปอร์ร้องอีกครั้งด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงเงาอะไรไหวๆ อยู่ที่ท้ายเรือ
     
              "ไม่ๆๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะน่า เราอาจจะกลัวไปเอง ใช่! เรากำลัง กะ...กลัวไปเอง..." ช๊อปเปอร์เริ่มพูดติดขัด นํ้าลายเริ่มฝืดคอ แล้วอยู่ๆ เขาก็เกิดอาการสั่นสะท้านอีกครั้งเมื่อลมบางอย่างพัดผ่านร่างของเขาไปอย่างอ้อยอิ่ง
     
              ตึก...
     
              เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลัง! เขารีบสะกดปิดเสียงร้องนั่นไว้ด้วยกีบเท้าคู่นั้นไม่ให้เปล่งออกมา 
     
              ตึก...ตึก...
     
              เสียงฝีเท้านั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้ตัวเขาสั่นไม่หยุด หัวใจเต้นรัว เหงื่อแตกพลั่กๆ ตัวแข็งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะรวบรวมความกล้า ตัดสินใจค่อยๆ หมุนร่างกายที่แข็งทื่อหันหลังกลับมาเพื่อที่จะได้รู้ว่าเสียงฝีเท้านั่นคือใคร แล้วเขาก็ได้รู้...
     
              โครงกระดูกมนุษย์สีขาวไว้ผมทรงแอฟโฟร์ มันกำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้...
     
              "จ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!! ผีหลอกกกกกกกกกกกก!!! O[]o" ช๊อปเปอร์ร้องลั่นอย่างสติแตก
     
              "ผีงั้นเหรอครับ!!! ไหนๆๆๆๆๆ ช่วยด้วยยยยยยย!!! ผมกลัวผี!!!" เจ้าโครงกระดูกที่ช๊อปเปอร์ร้องกลัวก็เริ่มร้องแข่งตามไปด้วยพลางหันซ้ายหันขวาไปมาหาต้นเหตุที่ช๊อปเปอร์ร้องกลัวทั้งที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหล่ะที่เป็นต้นเหตุทำให้เค้ากลัว
     
              "รำคาญจริงเฟ้ย!! พวกแก!!"
     
              โป๊ก!!! โป๊ก!!!
     
              กำปั้นหนักๆ ของบุคคลที่สามที่ยืนดูอยู่แถวนั้นอยู่แล้วก็เขกเข้าให้กับเจ้าสองตัวที่กำลังร้องโวยวายและรำคาญประสาทหูของเขาไปคนละที
     
              "พวกแกจะสะเออะะร้องหาพระแสงอะไรฟะ! พวกเดียวกันแท้ๆ !"
     
              "เจ็บง่า T^T" ช๊อปเปอร์โอดครวญขณะกุมหัวที่เริ่มปูด
     
              "โยโฮ่ โยโฮ่ เจ็บจังเลยนะครับ ชกจนหัวของผมปูดเลย อ๊ะ แต่ผมไม่มีเนื้อให้ต้องปูดนี่ โย่โฮ โย่โฮ"
     
              "ช๊อปเปอร์! นี่พวกเราเอง แฟรงกี๊กับบรู๊คไงเล่าเจ้ากวางบื้อเอ๊ย!"
     
              "ฉันไม่ใช่กวางนะ! เป็นเรนเดียร์มนุษย์ต่างหาก...อ๊ะ...!"
     
              ช๊อปเปอร์ที่หยุดร้องก็หันกลับมาเถียงใส่ทันที แต่พอเห็นชัดๆ ว่าสองคนตรงหน้าของเขานั้นเป็นใครก็เริ่มเผยรอยยิ้มกว้าง
     
              "แฟรงกี๊!! บรู๊คคุง!!" 
     
              ช๊อปเปอร์ร้องอย่างดีใจก่อนจะกระโดดเข้าไปหาทั้งสองคนทันที
     
              "ให้มันได้อย่างนี้เซ่ -_-" แฟรงกี๊พึมพัมอย่างรำคาญใจ
     
              "ดีใจจังเลยยยยยย! พวกนายกลับมาแล้ว! พวกนายไปอยู่ที่ไหนกันมาถึงได้กลับมาจนป่านนี้ล่ะ ^O^" ช๊อปเปอร์เริ่มถามอย่างตื่นเต้น
     
              "อา พอดีอะไหล่สำคัญของอาวุธลับสุดโครตของซูปเปอร์ของฉันที่กำลังจะสร้างเสร็จมันหายากฉิบเป๋ง ฉันกับเจ้านี่ก็เลยต้องตระเวณหากันทั่วเมืองแล้วก็หาไม่จนถึงเวลาร้านปิดจนได้ เซ็งฉิบ! ไอ้เมืองบ้านี่ร้านค้ากับบ้านหลังต่างๆ มันก็สะเออะมาปิดพร้อมกันหมดแบบนี้" แฟรงกี๊อธิบาย
     
              "โย่ โฮ โฮ่ ใช่แล้วล่ะครับ พวกผมหากันอยู่ทั่วเมืองจนร้านค้าต่างๆ ปิดกันไปจนหมดเลยล่ะครับ ตอนนั้นพวกเราก็เลยหาอะไหล่มาไม่ได้ ^^" บรู๊คเสริม
     
              "อ้าว แล้วบนหลังของนายแบกอะไรมาเยอะแยะล่ะแฟรงกี๊" 
     
              ช๊อปเปอร์ถามอย่างสงสัยเมื่อมองขึ้นไปบนหลังของแฟรงกี๊ที่มีเศษเหล็กอยู่มากมาย
     
              "อ่า เจ้าพวกนี่นะเรอะ พอพวกฉันเห็นว่าร้านมันปิดหมดแล้ว ไอ้ฉันมันก็คนใจร้อนซะด้วยเซ่ ก็เลยไปหาคุ้ยพวกอะไหล่ที่ยังอยู่ในสภาพดีที่เค้าทิ้งแล้วที่กองขยะข้างๆ เมืองน่ะ ในเมืองก็สะอาดดีแท้ๆ แต่ข้างๆ กลับเต็มไปด้วยขยะ เหม็นฉิบเป๋ง" แฟรงกี๊บ่นขณะวางอะไหล่ลงบนพื้น
     
              "กองขยะเหรอ?" ช๊อปเปอร์ทวนอย่างสนใจ
     
              "โยโฮ่ โยโฮ่ กว่าจะหาเจอนะครับผมต้องทนกับกลิ่นเหม็นของขยะจนแสบจมูกไปหมดเลยนะเนี่ย อ๊ะ! แต่ผมไม่มีจมูกนี่นา โย่โฮ่ โย่โฮ่ โย่โฮ่ ^O^"
     
              บรู๊คหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนช๊อปเปอร์รู้สึกชื่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องอยู่เฝ้าเรือคนเดียวทั้งๆ ที่บรรยากาศมันชวนให้คิดอะไรสยองขวัญอย่างนี้
     
              "เฮ้! ช๊อปเปอร์ ทำไมซันนี่มันเงียบเป็นเรือผีสิงอย่างนี้ฟะ มืดก็มืด ไฟก็เปิดไม่กี่ดวง คนอื่นๆ ไปไหนหมด อย่าบอกนะว่ายังไม่มีใครกลับมา เอ้อ แล้วลูฟี่เป็นไงบ้าง เจ้าหมวกฟางมันฟื้นขึ้นยัง" 
     
              แฟรงกี๊ถามคำถามรัวพร้อมกับเริ่มมองสำรวจ ซึ่งคำถามนั้นมันกระตุ้นให้ช๊อปเปอร์ถึงกับสะดุ้ง เพราะเริ่มนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง
     
              "อ๊า!! จริงด้วยสิ!! ลืมเรื่องนั้นซะสนิทเลย!!" ช๊อปเปอร์ร้องขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าวิตกกังวลไปมา
     
              "หา? มีเรื่องอะไรงั้นเราะ" แฟรงกี๊กลับมาให้ความสนใจ
     
              "มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?" บรู๊คก็หันมาสนใจเช่นกัน
     
              "คืองี้นะแฟรงกี๊!บรู๊คคุง!ตั้งใจฟังให้ดีนะ!ตอนนี้คนอื่นต่างก็กำลังอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากนามิถูกลักพาตัวไปหลังเกาะจากสามคนที่ขี่มังกรบนถนนลูฟี่โซโลซันจิแล้วก็อุซปกำลังตามไปช่วยอยู่ส่วนโรบินยังไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนและปลอดภัยดีรึเปล่าแต่อุซปบอกว่าน่าจะยังปลอดภัยดีและตอนนี้ฉันเป็นห่วงเรื่องนึงมากนั่นก็คือลูฟี่ตามไปช่วยนามิทั้งที่ยังไม่หายป่วยเป็นโรคแพ้ชื่อนามิถึงฉันจะอยากตามไปดูแลแต่ลูฟี่โซโลซันจิแล้วก็อุซปต่างก็บอกให้ฉันอยู่เฝ้าเรือซันนี่เพื่อรอพวกนายกลับมาแล้วตามไปช่วยทุกคนให้ได้ให้ได้ยังไงล่ะ!!"
     
              ช๊อปเปอร์พูดทั้งรัวและเร็วอย่างไม่เว้นวรรคและรวบรัดคำให้เข้าใจได้ทันทีบ่งบอกถึงความตื่นเต้นรีบร้อนและคอขาดบาดตายจริงๆ 
     
              ทั้งแฟรงกี๊และบรู๊คต่างแสดงอาการออกมาไม่เหมือนกันหลังจากได้ฟังจนจบแล้ว
     
              "หา!? พูดรัวขนาดนั้นใครมันจะไปฟังรู้เรื่องฮะ อะไรนะ เจ้าพวกนั้นมันฝากนายเฝ้าซันนี่ แล้วไงต่อนะ มังกร...สุดจะซูเปอร์!! มีมังกรโผล่ด้วยเรอะ!!"
     
              แฟรงกี๊ฟังมาได้แค่ข้อความนํ้าล้วนๆ
     
              "อะไรนะครับคุณช๊อปเปอร์!! คุณนามิถูกลักพาตัวไปงั้นเหรอครับเนี่ย!! อย่างนี้ก็แย่น่ะสิครับ!! คุณโรบินก็ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงอีก!! คุณลูฟี่ก็ตามไปช่วยคุณนามิทั้งที่ยังไม่หายป่วย!! เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ นะครับเนี่ย!!"
     
              ส่วนบรู๊คกลับฟังมาได้แต่เนื้อความสำคัญล้วนๆ
     
              "อ่ะ...ใช่แล้วล่ะ! เพราะงั้นพวกเราต้องรีบตามไปช่วยทุกคนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะ..."
     
              ฟิ้วววววววววว!!!
     
              แต่ไม่ทันให้ได้ช๊อปเปอร์พูดจบเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ ตรงมายังพวกเขาแล้วก็เกิดเป็นแสงสีเพลิงสว่างบริเวณด้านบนจนพวกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตกใจ
     
              "เฮ้ย!! พวกแกหลบเร็วเข้า!!!" 
     
              เสียงของแฟรงกี๊ตะโกนลั่น แล้วลูกไฟกระทัดรัดสีแดงสว่างก็พุ่งมายังพวกเขาที่ยืนอยู่ทันที
     
              ตู๊มมมมมมมม!!!
     
              ทั้งสามคนกระโดดหลบลูกไฟนั้นได้อย่างหวุดหวิด แต่เจ้าลูกไฟมันก็พุ่งไประเบิดบนพื้นหญ้าของซันนี่ทำให้บริเวณนั้นลุกไหม้ไปหมด
     
              "เฮ้ย!!! คิดจะเผาซันนี่ของพวกเรารึไงกัน!! พวกแกเป็นใคร!!" แฟรงกี๊ตะโกนลั่นอย่างโมโห
     
              พวกเขาทั้งสามคนรีบหันไปมองยังทิศที่ลูกไฟนั้นพุ่งเข้ามา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมังกรสีแดงตัวใหญ่หนึ่งตัวกำลังบินอยู่บนอากาศและตอนนี้กำลังมุ่งหน้ามาทางเรือของพวกเขาเรื่อยๆ ก่อนจะทำการบินตํ่าลงมาจนกระทั่งบินมาหยุดอยู่เหนือหัวของซันนี่ และตอนนั้นเองที่พวกเขาเริ่มสังเกตุเห็นผู้ชายคนสี่คนนั่งอยู่บนหลังของเจ้ามังกรหน้าดุตัวนั้นด้วย
     
              "มังกรจริงๆ เหรอเนี่ย!! O_o" แฟรงกี๊ทำหน้าไม่อยากเชื่อ
     
              "หน้าตาดูหน้ากลัวจังนะครับเนี่ย โยโฮ่ โยโฮ่ OoO" บรู๊คมองอย่างตื่นเต้น
     
              "มังกร!!! น่ากลัวจัง!!! O[]O" ช๊อปเปอร์เริ่มร้องก่อนจะวิ่งไปหลบอยู่ระหว่างหลังของแฟรงกี๊และบรู๊คทันที
     
              เจ้ามังกรตัวนั้นร่อนลงมายึดจับกับหัวของซันนี่ แล้วผู้ชายหนึ่งในสี่คนนั้นก็ยืนขึ้นและกระโดดลงจากหลังมังกรลงมายืนบนเรือซันนี่ก่อนจะทำท่าทางโอ้อวด 
     
              "ฮ่าๆๆๆ นี่พวกแกกลัวพวกฉันจนตัวสั่นเลยใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆ"
     
              เสียงของชายหนุ่มผมสีทองอร่ามวางท่าคนนั้นเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อายุของเขาน่าจะยังไม่เกินยี่สิบ และเขาดูจะเป็นคนสดใสร่าเริงชอบเล่นสนุกและดูจะเป็นมิตรมากที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ชายอีกสองคนที่เหลือบนหลังมังกรนั้น
     
              "อะไรกันครับเนี่ย ที่นี่มีเหลืออยู่กันแค่สามคนเท่านั้นเอง เมื่อดูจากใบประกาศจับแล้วรู้สึกว่าตัวกัปตันกับตัวเก่งๆ อีกสองคนจะไม่อยู่ให้เล่นซะด้วยสิครับเนี่ย น่าเสียดายจัง"
     
              ชายหนุ่มผมสีนํ้าตาลอ่อนบนหลังมังกรเอ่ยด้วยนํ้าเสียงรู้สึกเบื่อหน่ายพลางส่ายหัวอย่างน่าเสียดาย ใบหน้าของเขาสวยราวกับผู้หญิง ถ้าไม่ติว่าเขามีเสียงทุ้มของผู้ชายพวกเขาคงต้องคิดว่าหมอนี่เป็นผู้หญิงแน่ๆ ท่าทางของเขาดูจะเจ้าเล่ที่สุด และอายุก็ดูจะไล่เลี่ยกับผู้ชายผมทองนั้น
     
              "อะไรนะ บลูโฮป ทั้งเจ้าหมวกฟาง นักล่าโจรสลัด กับขาดำมันไม่อยู่ที่นี่งั้นเรอะ!" ท่าทางของชายผมทองบ่งบอกถึงความตกใจ
     
              "อา เท่าที่ดูแล้วน่าจะใช่นะครับรุ่นพี่ รีเจนต์ ^^" ชายผมสีนํ้าตาลคนเดิมที่ฟังดูแล้วน่าจะชื่อบลูโฮปตอบด้วยรอยยิ้มกวนๆ
     
              "เห~ ถ้าอย่างงั้นฝ่ายของเลดี้จังก็ได้เล่นสนุกกับตัวเป้งๆ คนเดียวน่ะสิ ว้า~ ไม่ยอมนะ -O-" 
     
              เสียงของบุรุษคนที่สามดังตามมาจากบนหลังมังกร ผู้ชายคนนั้นมีผมยาวสีเงินแต่มัดรวบไว้ข้างหลัง เขาพูดด้วยนํ้าเสียงเนือยๆ และท่าทีที่ขัดใจอย่างมาก แต่ด้วยใบหน้ากึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนตลอดเวลาของเขาทำให้ท่าทีขัดใจเมื่อกี๊ดูเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่นไม่มีผิด อายุก็คงจะไล่เลี่ยกับอีกสองคน
     
              "เดี๋ยวก็ได้เล่นกันหลังจากกลับไปที่ ไฟเออร์บาร์ แล้วครับรุ่นพี่ แซนซี" บลูโฮปปลอบ
     
              "หนอย! ยัยเลดี้นั่นทำไมถึงได้โชคดีอย่างนี้นะ! แล้วทำไมท่านรีเจนต์คนนี้ถึงได้ถูกส่งมาหาแต่พวกลูกกระจ๊อกพวกนี้ทุกทีเลยสิน่า!" รีเจนต์เริ่มของขึ้น
     
              "เฮ้ย!! ว่าไงนะแก พูดจาระวังปากหน่อยนะเฟ้ย!! หาว่าพวกฉันเป็นลูกกระจ๊อกงั้นเรอะ!! แล้วพวกแกเป็นใครถึงมาโจมตีเรือของพวกเราหา!!"  
     
              แฟรงกี๊ตะโกนขึ้นไปอย่างเดือดดาล ทำให้ทั้งรีเจนต์ แซนซี และบลูโฮปที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจพวกเขาก็หันลงไปมองทันที
     
              "มังกรงั้นเหรอ...อ๊ะ!! ทุกคน!! หรือเจ้าพวกนี้จะเป็นพวกเดียวกับคนที่ลักพาตัวนามิไป!!" ช๊อปเปอร์ร้องเสียงหลง
     
              "ว่าไงนะ!! นามิถูกเจ้าพวกนี้ลักพาตัวไปงั้นเรอะ!!" เจ้าตัวเพิ่งจะรู้แฮะ
     
              "เฮ้ย บลูโฮป พวกนี้มันใครบ้างวะ -_-" รีเจนต์ถามอย่างเอื่อยๆ
     
              "อา สมองของผมก็ไม่ค่อยคิดที่จะจดจำชื่อของพวกค่าหัวน้อยนิดซะด้วยสิครับเนี่ย ^^" บลูโฮปพูดอย่างกวนๆ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
     
              "ว่าไงนะแก...!" แฟรงกี๊เริ่มกัดฟันกรอด
     
              "ฮะๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ อย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ ฮะๆๆ" บลูโฮปขำ
     
              "คิดจะล้อเล่นกับฉันเรอะ! ระวังแกจะเจอดี!" แฟรงกี๊กำหมัด
     
              "เจอดีงั้นเหรอครับ คุณจะทำอะไรงั้นเหรอ" บลูโฮปหรี่ตาลงเล็กน่อย
     
              "ก็ทำอย่างนี้น่ะเซ่!! ปืนกล...!!" แฟรงกี๊ตั้งท่าปล่อยกระสุนปืนและเล็งไปที่ผู้บุกรุก
     
              "โอ๊ะโอ มือของคุณนี่น่าสนใจจังนะครับ" บลูโฮป
     
              "แฟรงกี๊!! คูโดกัน!!" 
     
              ตู้ม!!!
     
              แฟรงกี๊ปล่อยกระสุนปืนใหญ่ออกมา กระสุนนั่นพุ่งตรงไปยังกลุ่มผู้บุกรุกบนหลังมังกรนั้นทันที
     
              "สุดยอดเลยนะหมอนั่น OoO" รีเจนต์เบิกตากว้าง
     
              "ว้าวๆๆ หมอนั้นมีปืนอยู่ในมือด้วยแหล่ะ O_o" แซนซีทำท่าทางอย่างตื่นเต้น
     
              "ก็แค่ปืนนี่ครับรุ่นพี่ จะตื่นเต้นอะไรนักหนา -_-" บลูโฮปถอนใจ
     
              แต่เท่าที่ดูแล้วกลุ่มผู้บุกรุกนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีแต่อย่างใด พวกเขายังคงอยู่ในท่าเดิมแต่กิริยาต่างกันที่ความตื่นเต้นเท่านั้น
     
              "ทำไมพวกนั้นถึงไม่หลบกันล่ะ!!" 
     
              ช๊อปเปอร์จ้องไปที่กระสุนปืนใหญ่ของแฟรงกี๊ที่กำลังจะจู่โจมเป้าหมาย และทันใดนั้นเองที่ผู้ชายที่ชื่อบลูโฮปยืนขึ้นมาเป็นครั้งแรก
     
              "กระสุนนี่หนวกหูน่ารำคาญจังเลยนะครับ" 
     
              บลูโฮปพูดเสียงเรียบก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไปและเล็งไปที่กระสุนปืนใหญ่นั่น
     
              "จะโดนแล้วอ่า!!! O[]O" ช๊อปเปอร์ร้องลั่น
     
              กึก...
     
              และแล้วทั่วบริเวณก็อยู่ในควาวเงียบ เสียงกระสุนปืนของแฟรงกี๊เงียบหยุดลง พวกเขาไม่มีใครเอ่ยอะไรทั้งสิ้นนอกจากสีหน้าที่แสดงความตกใจช๊อคอย่างสุดขีดนั้น
     
              "ช้าเป็นบ้าเลยว่ะบลูโฮป ฉันเกือบนึกว่าแกจะไม่ใช้มันแล้วนะ -_-" รีเจนต์
     
              "..." บลูโฮป
     
              "ยังยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนเลยน้า~ บลูจัง ไอ้พลังจิตหยุดเวลาได้นั่นน่ะ -O-" แซนซี
     
              หยุดเวลางั้นเหรอ!!!
     
              ใช่ พวกเขาได้ยินไม่ผิดหรอก ผู้ชายคนที่ชื่อบลูโฮปนั่นกำลังหยุดเวลาของกระสุนปืนใหญ่ของแฟรงกี๊!!! ถ้าพวกเขาไม่เห็นไอ้กระสุนปืนนั่นมันหยุดไปกับตาและห่างจากฝ่ามือของบลูโฮปไปไม่ถึงคืบพวกเขาก็คงยังไม่อยากจะเชื่อแน่
     
              "ฮะๆๆๆ เจ้าพวกนั้นทำท่ากลัวจนตัวสั่นอีกแล้วว่ะ ฮะๆๆ" รีเจนต์
     
              "ท่าไม้ตายของคุณมือปืนนั่นก็เท่ไม่หยอกเลยน้า~ -O-" แซนซี
     
              "..." บลูโฮป
     
              "เฮอะ วันนี้นายได้โชว์ของเด็ดก่อนใครเพื่อนนะบลูโฮป นั่นถือว่าฉันกรุณาต่อให้ก่อนแล้วนะ ชิ --" รีเจนต์
     
              "ใช่ๆๆๆ นั่นเพราะพวกเราเป็นพี่นายก็เลยเสียสละให้เล่นก่อนหรอกนะ เพราะงั้นนายติดหนี้ฉันแล้วคราวหน้าต้องเลี้ยงไอศกรีมฉันนะบลูจัง -O-" แซนซีลุกขึ้นมาตบบ่าบลูโฮปเบาๆ
     
              "..." บลูโฮป
     
              สีหน้าของบลูโฮปตอนนี้ราบเรียบ ไร้อารมณ์ และท่าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าเขากำลังหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ
     
              "ฮ่าๆๆ จริงด้วยสิบลูโฮป คราวนี้นายต้องมาเป็นเบ้ฉันหนึ่งวันเต็มเข้าใจมั้ย ฮ่าๆๆๆ ^O^" รีเจนต์ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังมังกรและตบไปที่หลังของบลูโฮปบ้าง
     
              ผวั๊ะ!!!
     
              แต่คราวนี้แรงกว่าของแซนซีถึงสิบเท่า
     
              "ฮ่าาาาาาาาา!!! ว๊ากกกก!!!" เสียงของบลูโฮปเหมือนปลดปล่อยอากาศที่สะสมอยู่ออกไปเต็มที่ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องออกมาเสียงหลง
     
              "เฮ้ยยยยยยยยยย!!! O[]O" รีเจนต์
     
              "อ้าว -O-" แซนซี
     
              ตู๊มมมมมมมมมม!!!
     
              สุดท้ายปืนใหญ่ของแฟรงกี๊ก็กลับมาทำหน้าที่เดิมของมันโดยการพุ่งเข้าไประเบิดใส่ผู้บุกรุกพวกนั้นทันที เนื่องอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่คืบจึงทำให้พวกนั้นไม่สามารถหลบทันได้บวกกับมังกรที่ใหญ่ขนาดนั้น
     
              "เอ๋! เกิดอะไรขึ้นล่ะ พวกนั้นหยุดกระสุนปืนของแฟรงกี๊ไปแล้วนี่!" ช๊อปเปอร์เริ่มสงสัย
     
              "เอ อาจเป็นเพราะผู้ชายคนที่ชื่อบลูโฮปเค้าอาจไม่ได้ทำท่าหยุดมันได้อย่างเดียวก็ได้นะครับ" บรู๊คแสดงความคิดเห็น
     
              "เอ๋ หมายความว่าไงเหรอบรู๊คคุง" ช๊อปเปอร์
     
              "เรื่องนั้นไว้ทีหลังก่อนเถอะน่าพวกแก ดูพวกนั้นสิ" แฟรงกี๊
     
              กลุ่มควันสีเทาของระเบิดเริ่มจางลง เผยให้เห็นคนสามคนตัวไหม้เกรียมนอนทับกันเละรวมอยู่บนหลังมังกรตัวสีแดงที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำไหม้บ่งบอกถึงกลายเป็นตอตะไกผลจากโดนกระสุนปืนใหญ่นั้นเข้า
     
              "อ่ะ แค่กๆๆ โธ่เว้ย!!! เจ้าพวกบ้า!!!" รีเจนต์เริ่มส่งเสียงตะโกนอย่างโมโหหลังจากยันตัวเองลุกขึ้นมายืน
     
              "ยอดเลยแฮะตัวเรา กลายเป็นสีดำไปแล้ว O-O" แซนซีลุกขึ้นมานั่งแล้วมองสำรวจตัวเองอย่างเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่
     
              "นี่พวกรุ่นพี่จะบ้ากันรึไงหา!!!" 
     
              บลูโฮปที่ดูเป็นคนสุขุมก็หันไปตะคอกผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ของตนอย่างเหลืออด
     
              "ก็รู้กันนี่ว่าผมต้องกลั้นหายใจตอนหยุดเวลาแล้วคนเค้าอุติส่ารอให้จัดการกับไอ้กระสุนบ้านี่ให้แล้วทำไมไม่ทำ!! โดยเฉพาะคุณคนเดียวเลยรุ่นพี่รีเจนต์ มาสะเออะตบหลังผมทำไม!! เออ ผมรู้ว่ารุ่นพี่อยากตายนักแต่อย่าเอาผมเข้าไปตายด้วยจะได้มั้ยหา!!!" บลูโฮป
     
              รีเจนต์เหมือนจะตัวลีบลงไปทันทีหลังจากถูกรุ่นน้องของตัวเองตะคอกใส่
     
              "บลูจังๆ~" แซนซีหันไปเรียกบลูโฮป
     
              "อะไรอีกล่ะ!!" บลูโฮปหันไปตามเสียงก็เห็นแซนซีชี้นิ้วมาที่ตน
     
              "ตัวดำปิ๊ดปี๋ -O-/" 
     
              "ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเรอะหา!!!" บลูโฮปทำท่าเหมือนจะกระโจนใส่แซนซีด้วยความโมโหแต่ก็โดนรีเจนต์รั้งเอาไว้เสียก่อน
     
              "เฉาก๊วยๆๆ ฮิๆๆ" แซนซีบังไม่เลิกเล่น
     
              "อยากตายนักใช่มั้ยหา!! ไอ้รุ่นพี่!!!" บลูโฮป
     
              "เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ก่อนเซ่บลูโฮป แก! แซนซี! เลิกล้อหมอนี่ได้แล้วเฟ้ย!!!"
     
              "โอ๊ะ หายไปแหล่ะ ('' )( '')" แซนซีหันซ้ายหันขวา
     
              "นี่ยังไม่เลิกเล่นอีกเรอะแก!!" รีเจนต์ตวาด
     
              "ไม่ได้เล่นนะ หายไปจริงๆ" แซนซี
     
              "แล้วอะไรหายเล่า! -*-" รีเจนต์
     
              แซนซีหันซ้ายหันขวาอีกครั้งก่อนจะหันกลับมามองทั้งสอง
     
              "ซอว์ หาย -O-" แซนซีเอ่ยชื่อด้วยนํ้าเสียงเนือยๆ
     
              "หา!?...เออ จริงด้วย หมอนั่นก็มากับเราด้วยนี่ หายไปไหนแล้วล่ะ" รีเจนต์
     
              "หมอนั่นอาจโดนระเบิดแล้วตกทะเลไปแล้วมั้งเนอะ -O-" แซนซี
     
              "ไม่มีทาง!/ไม่มีทาง!" ทั้งรีเจนต์และบลูโฮปพูดพร้อมกัน
     
              "อย่างเจ้าคนอวดดีนั่นไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนลูกหลงหรอก -_-" รีเจนต์
     
              "คนเก่งๆ อย่างรุ่นพี่ซอว์ไม่โดนระเบิดกระจอกๆ นี่ง่ายๆ หรอกน่า!" บลูโฮป
     
              'กระจอกงั้นเหรอ แล้วที่พวกแกเพิ่งโดนไปนี่ล่ะ'
     
              แฟรงกี๊กับช๊อปเปอร์คิดในใจขณะมองไปที่กลุ่มผูชายสามคนกำลังเถียงกันอยู่อย่างไม่รู้จบบนหลังมังกรตัวสีแดงนั้น
     
              'ตกลงเจ้าพวกนี้มันมาทำอะไรเนี่ย!'
     
              ทันใดนั้นเองเสียงอะไรบางอย่างแหลมสูงก็ดังขึ้น เสียงมันคล้ายกับสิ่งมีชีวิตกำลังร้อง ทั้งพวกเขาและกลุ่มผู้บุกรุกต่างเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงร้องนั้น ก็พบกับลูกมังกรสีแดงตัวเล็กกระทัดรัด และถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับเจ้ามังกรสีแดงตัวโตที่กลุ่มผู้บุกรุกนั่งอยู่ ลูกมังกรตัวนั้นมันกำลังบินวนไปรอบๆ ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งกระดกขวดเหล้าในมือของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ บนขอบหน้าต่างของห้องสังเกตุการณ์เรือซันนี่
     
              "ซอว์!!" รีเจนต์
     
              "รุ่นพี่ซอว์!!" บลูโฮป
     
              "โอ๊ะ ท่าจะสบายนะนั่น" แซนซี
     
              "เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ให้พาเนยถั่วมาด้วย นั่นคือคำสั่งจากท่านนั้นใช่มั้ย"
     
              ชายคนนั้นเริ่มเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยนํ้าเสียงราบเรียบ เขามีผมสีดำสนิท สีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึก คำพูดนั้นมีอำนาจและนํ้าหนักพอจะทำให้อีกสามคนนั้นสะดุ้ง
     
              "พวกนายมัวแต่เล่นอะไรกันอยู่"
     
              เสียงของผู้ชายคนที่ชื่อซอว์นั้นพูดจบ ก่อนที่เจ้ามังกรน้อยที่บินอยู่รอบจะส่งเสียงร้องแสบแก้วหูออกมา ก่อนที่มันจะทำการบินพุ่งตรงขึ้นไปอย่างรวดเร็วแล้วโฉบงับเอาผืนผ้าสีดำสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกไขว้ของกลุ่มหมวกฟางนั้นหลุดออกจากยอดเสาที่ถูกมัดอยู่
     
              "เฮ้ย!!! นี่แกจะทำอะไรฟะ!! คืนธงนั่นมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้นะ!!" แฟรงกี๊ร้องตะโกนลั่นด้วยความโมโห
     
              "ธงถูกชิงไปแล้วง่า!! ทำยังไงดี!! /O[]o\" ช๊อปเปอร์เริ่มร้องโวยวาย
     
              "พวกคุณทำอย่างนั้นก็แย่น่ะสิครับ!! นั่นคือความภาคภูมิใจของพวกเรานะครับ!!" บรู๊คเองก็เริ่มโวยวาย
     
              เจ้ามังกรน้อยบินร่อนลงเกาะที่ไหล่ของซอว์แล้วปล่อยผืนธงโจนสลัดในปากลงบนแขนของซอว์ผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะเริ่มทำการคลอเคลียออดอ้อน
     
              "ทำได้ดีมากดีเวนจิ" 
     
              ซอว์เอ่บชมเบาๆ ทำให้เจ้ามังกรน้อยส่งเสียงร้องเล็กๆ อย่างอารมณ์ดี
     
              "พูดไปก็เสียแรงเปล่า คงจะไม่ยอมคืนให้ง่ายๆ ใช่มั้ย!! ถ้างั้น...!!" 
     
              แฟรงกี๊เริ่มตั้งท่าจะปล่อยกระสุนอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อแขนตัวเองมันไม่ยอมขยับเขยื่อน พอนึกนึกขึ้นได้สาเหตุของปัญหาก็หันขวับกลับไปที่ผู้ชายคนที่ชื่อบลูโฮปผู้หยุดเวลาได้ทันที และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ หมอนั่นกำลังหยุดมือของเขาไว้
     
              "พวกแก!! โจมตีไปที่หมอนั่นซะ!!" แฟรงกี๊ตะโกนลั่นบอกกับช๊อปเปอร์และบรู๊ค
     
              "โอ๊!!!" พวกเขาตอบรับ
     
              ช๊อปเปอร์กลายร่างเป็นคนแล้ววิ่งพุ่งตรงไปยังบลูโฮปทันทีพร้อมกันกับบรู๊คที่ถอดดาบออกจากไม้เท้าคู่ใจและวิ่งพุ่งตรงไปเหมือนกัน
     
              "อย่าทำให้เสียเวลาเลยดีกว่า" 
     
              เสียงดังจากชายที่ชื่อซอว์ เขาลุกยืนขึ้นก่อนจะชักดาบที่เอวออกมาแล้วกวาดดาบวาดไปมาก่อนที่จะหักวิถีดาบเล็งไปที่ช๊อปเปอร์กับบรู๊คที่ยังวิ่งอยู่ ทันใดนั้นเองพวกเขาสองคนก็หยุดกึก ก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นเชือดเฉือนและกระแทกกลับไปอยู่กลางอากาศก่อนที่พวกเขาจะตกลงมากระแทกพื้น
     
              "ช๊อปเปอร์!! บรู๊ค!!" แฟรงกี๊ร้องเรียก
     
              "ขอเล่นด้วยคนสิ -O-" 
     
              แฟรงกี๊ชะงักพลันเมื่อผู้ชายคนที่ชื่อแซนซีมาอยู่ข้างๆ เขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หมอนั่นยื่นฝ่ามือออกมาลักษณะเดียวกับบลูโฮปเล็งมาที่หน้าเขา
     
              "กำลังหิวอยู่เลย ขอหมํ่าก่อนนะ" แซนซีพูดด้วยนํ้าเสียงราบเรียบปนเจ้าเล่
     
              แฟรงกี๊ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ชื่อแซนซีนี้กำลังทำอะไรเขากันแน่ รู้แค่ว่าตอนนี้หัวของเขาหมุนไปหมด 
     
              วูบบบ
     
              แล้วสติของเขาก็ดับวูบลง
     
     
     
     
              ...ทางด้านของนามิ...(สักทีนะ =^=)
     
              ...จ๊อกแจ๊กๆๆ
     
              'เสียงอะไรเนี่ยหนวกหูจริงคนจะหลับจะนอน! -_-'
     
              เธอยกมือขึ้นมาปิดหูกันเสียงอะไรสักอย่างที่สุดแสนจะน่ารำคาญเพื่อที่เธอจะได้เข้าสู่นิทราฝันดีต่อไป
     
              "...เฮ้ย ผู้หญิงนี่ ทำไมมานอนตรงนี้ฟะ..."
     
              'โอ๊ย! เสียงใครอีกล่ะเนี่ย! ลูฟี่เหรอ...ทุกคน อย่ามารบกวนการนอนของฉันจะได้มั้ยฮะ! -*-'
     
              เธอก็อยากจะลืมตาตื่นขึ้นไปแว๊ดพวกนั้นอยู่หรอกนะ แต่เปลือกตาอันหนักอึ้งของเธอมันกันไม่ให้ตื่นเนี่ยสิ
     
              "...มานอนตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก..."
     
              'นอนตรงไหนมันก็เรื่องของฉันน่า! ทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้มันคือช่วงที่ขี้เกียจที่สุดในชีวิตนะ!'
     
              "...อืม" 
     
              เธอที่นอนฟังเสียงสองเสียงคุยกันก็ครางออกมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ขยับเปลือกตา
     
              '...เฮ้ย ส่งเสียงได้ด้วยเว้ย...'
     
              'พูดยังกับว่าฉันตายแล้วเสียมารยาทจริง! -*-"
     
              "...ลองปลุกดูดีมั้ยวะ..."
     
              'ลองปลุกดูสิฉันเอาแกตาย'
     
               "...ฉันว่าไม่ต้องว่ะ อุ้มเข้าห้องแล้วขึ้นเตียงทำอย่างนั้นเลยดีกว่า...!"
     
              'หา...อุ้มเข้าห้อง...ขึ้นเตียง...ทำอย่างนั้น...อย่างนั้นน่ะมันคืออะไรยะ! O_o'
     
              "...จริงด้วย ตอนนี้ฉันอดใจไม่ไหวแล้วว่ะ อูย ซี๊ด!..."
     
              'ที่ว่าอดใจไม่ไหวน่ะมันเรื่องอะไรกันยะ! แล้วไอ้เสียงซี๊ดเนี่ยมันคืออะไรกัน! =[]= ชักจะเริ่มคิดลึกแล้วนะ!'
     
              "...จับปลํ้าเลยเว้ยไม่ต้องคิดอะไรแล้ว!..."
     
              'โอเค! กระจ่าง! ฉันก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้วเหมือนกัน!'
     
              พรึ่บ!
     
              เธอลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพแรกที่เห็นหลังจากเปิดมโนทัศน์ก็คือผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์เหมือนสัตว์สองตัวกำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้เรื่อยๆ ...
     
              "กรี๊ดดดดดดดดดด!!!" 
     
              เธอร้องออกมาอย่างสุดเสียงและด้วยสัญชาตญาณอะไรบางอย่างทำให้เธอยกกำปั้นขึ้นชกหน้าไอ้สัตว์สองตัวนั้นอย่างเต็มแรง
     
              "อ๊ากกกกก!!" ไอ้สองตัวมันกำลังร้องพร้อมกับกุมหน้าตัวเองและถอยหลัง ท่าทางของพวกมันดูเจ็บปวดทรมารมาก
     
              นี่หมัดของเธอหนักขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยใครก็ได้ช่วยตอบที (ลองไปถามเพื่อนๆ เธอที่โดนเกือบทุกวันดูสิจ๊ะนามิจัง =_=)
     
              "อ๊ากกก!! ดั้ง...ดั้งฉันหักแล้ว!!" ไอ้ลิงบาบูนมันกำลังจับจมูกดูดั้งตัวเอง ซึ่งถ้าเธอจำไม่ผิดไอ้ลิงนี่มันมีดั้งด้วยเหรอ
     
              "ว๊ากกก!! ใบหน้าสุดหล่อของฉันเละเทะ!! อย่างนี้สาวคนไหนจะอยสกเข้าใกล้กันวะ!!" ส่วนไอ้หนุษย์หมาป่ามันกำลังส่องกระจกดูหน้าตัวเอง ฉันว่าก่อนฉันชกหน้ามันยังอัปลักษณ์ซะยิ่งกว่านี้อีกนะ
     
              "ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย..." เธอมองสำรวจไปรอบๆ ก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนถังไม้ที่เรียงต่อกันในห้องอะไรสักอย่างที่มีถังเรียงกันเต็มไปหมด
     
              'แต่ขอเดาว่าให้เป็นถังเหล้าด้วยเถอะ! ตอนนี้หิวจัง!'
     
              "หนอย! แกนังตัวดี! บังอาจมาชกหน้าสุดเพอเฟคของฉันจนอัปลักษณ์อย่างนี้ได้นะ!!" ไอ้หมาป่ามันพูด
     
              "ฉันไม่เกี่ยวนะ! ก่อนชกหน้านายมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว! หรืออาจจะแย่ยิ่งกว่าตอนนี้อีก! -O-" นามิ
     
              "แกด่าว่าฉันอัปลักษณ์เรอะ!!" 
     
              "ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะยะ เอ๊ะ หรือว่านายก็รู้ความจริงอยู่แล้ว -_-" นามิ
     
              "แก!!!" 
     
              เธอทำท่าตกใจสุดขีดเมื่อไอ้หมาป่ามันทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธอแต่โชคดีไปที่เพื่อนมัน ไอ้ลิงบาบูนมันรั้งเอาไว้ให้เสียก่อน
     
              "ใจเย็นๆ สิเพื่อน อย่าทำร้ายนางฟ้าคนนี้เลยนะ เห็นแก่พระเจ้าที่ทรงสร้างสิ่งสวยงามลงมาให้เราได้ชื่นชม หากเกิดตำหนิแม้แต่นิดเดียวฉันคงจะต้องไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่"
     
              ไอ้ลิงบาบูนมันกำลังสานธยายอะไรที่ไม่สมกับหน้าตาสักนิด
     
              "แต่นังนี่มันทำหน้าฉันเสีย!!" ไอ้หมาป่ามันยังเถียง
     
              "เพื่อนรัก พวกเราผิดเองที่คิดจะลอบทำมิดีมิร้ายกับนางฟ้าตนนี้ยามเธอกำลังหลับ พวกเราผิดเองที่ทำเธอเกิดอารมณ์เสีย พวกเราสมควรได้รับการลงโทษนะ"
     
              "นี่แกจะเพ้อมากเกินไปแล้วโว้ย!! ถอยไป!!" 
     
              ไอ้หมาป่ามันไม่ยอมฟังจึงหันกลับตะคอกใส่และผลักไอ้ลิงบาบูนออกไปห่างๆ ก่อนที่จะเดินตรงมาที่เธอด้วยสายตาอาฆาตแค้น
     
              พลั่ก!!!
     
              เฮือก!
     
              "ฉันเตือนแกแล้วนะเพื่อน" 
     
              เมื่อกี๊ไอ้ลิงบาบูนนั่นมันกุมมือตัวเองแล้วทุบเข้าที่ต้นคอของไอ้หมาป่านั่นจนล้มลงไปสลบทันที มันก้มมองเพื่อนรักมันนิ่งแวบนึงก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วทำสายไม่พึงประสงค์สำรวจร่างกายเธอ
     
              "เธอนี่ช่างมีผิวพรรณที่ขาวประณีตไร้รอยขีดข่วนดั่งประติมากรรมมีชีวิต เห็นแล้วฉันอดใจไม่ไหวแล้ว โอ้! เธอจงตกมาเป็นของฉันซะดีๆ !"
     
              เปรี้ยงงงงงงงงงง!!!
     
              ทันทีที่ไอ้ลิงบาบูนมันกำลังพุ่งเข้ามาหา เธอก็ได้ใช้กระบองคุริมะที่มีสายฟ้าสถิตอยู่ตรงปลายทันเดอร์บอลของฟาดเปรี้ยงไปที่มันผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์บวกกับควาขยะแขยงนี่ทันที
     
              "เรือนร่างของฉันขัดสีฉวีวันทุกวันไม่ได้มีเป้าหมายไว้เพื่อให้สัตว์หน้าขนอย่างแกมาชมหรอกนะยะ!!" เธอประกาศก้องอย่างเหลืออด
     
              หลังจากที่ไอ้ลิงบาบูนโดนสายฟ้าของเธอเข้าไปจนตัวไหม้เกรียม มันก็ล้มไปนอนสลบเหมือดเหมือนกับเพื่อนมันบนพื้นข้างล่างนั่นทันที
     
              "เฮ้อ...ตื่นมาก็เจอสิ่งน่าขยะแขยงซะแล้ว ตกลงที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน -_-"
     
              เธอเริ่มกุมขมับพยายามนึกให้ออก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสีกที ทำไมกันนะ...
     
              ในขณะที่เธอกำลังปวดหัว อยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากนอกห้อง แล้วพอมองที่ใต้ช่องประตูก็เห็นแสงไฟนีออนหลากสีลอดเข้ามาใต้ช่อง และความอยากรู้อยากเห็นของเธอมันก็ทำให้ต้องเปิดประตูออกไป
     
              เมื่อประตูเปิดออกไป ภาพที่เห็นหลังประตูนั้นมันทำให้เธอต้องตกใจ ห้องที่เธออยู่เมื่อกี๊มันทั้งมืดะเล็กไปถนัดตาเมื่อได้มาเห็นห้องโดมใหญ่ที่มีไฟดิสโก้ยักษ์ติดบนเพดาน มันกำลังปล่อยหมุนพลางปล่อยแสงหลากสีไปทั่วโดมเป็นจังหวะผสมผสานกันกับเสียงเพลงจังหวะคึกคักสุดเร้าใจที่ใครได้ยินต่างก็ใจเต้นไปตามๆ กัน ซึ่งผู้คนมากมายที่กำลังเต้นอย่างสนุกสนานอยู่ตรงางนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี 
     
              "ที่นี่...สุดยอดเลย...อ๊ะ!!"
     
              ในขณะที่นามิกำลังเพ้ออยู่กับแสงสีเสียงอยู่นั้นก็มือหนึ่งเข้ามาจับที่ข้อมือเธอจนเธอสะดุ้งและตื่นกับผวังค์ เจ้าของฝ่ามือเป็นผู้หญิงผมสีเพลิงหน้าตาหน้ารัก ผู้หญิงคนนี้ยิ้มให้เธอแวบนึงก่อนจะดึงข้อมือเธอแล้วลากเธอเข้าไปในทางเดินหนึ่งที่เป็นทางออกไปจากโดมเต้น
     
              "นี่เธอเป็นใครน่ะ! จะพาฉันไปไหน!" 
     
              เธอถามผู้หญิงคนนั้นแต่เธอไม่ตอบ
     
              "นี่! ได้ยินรึเปล่า...!"
     
              "ช่วยเงียบๆ ก่อนแล้วก็ตามมาดีๆ เถอะนะคะ"
     
              ผู้หญิงคนนี้พูดด้วยนํ้าเสียงแข็งเป็นเชิงขู่บังคับ ทำให้นามิต้องเงียบปากลงและยอมถูกดึงข้อมือตามไปดีๆ
     
              เธอคนนี้ดึงข้อมือเธอให้ตามไปจนกระทั่งถึงหน้าประตูใหญ่ประตูหนึ่งที่สุดขอบทางเดิน ที่หน้าประตูนั้นมียามหน้าเคร่งร่างยักษ์สองคนยืนเฝ้าอยู่สองข้าง
     
              "กลับมาแล้วหรือครับ ตอนนี้บอสออกไปทำธุระข้างนอกอีกสักพักท่านคงกลับ ยังไงก็นั่งรอข้างในก่อนนะครับ"
     
              หนึ่งในยามสองคนนั้นพูด ก่อนที่พวกเขาจะเปิดประตูให้เข้าไปอย่างง่ายดาย
     
              "ขอบใจจ๊ะ ^^"
     
              ผู้หญิงคนนั้นพูดขอบคุณยามหน้าประตูก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะคว้าข้อมือของเธอให้ตามเข้าไปด้วยอีกคน ภายในห้องนี้ช่างแตกต่างกับโดมเต้นข้างนอกเหลือเกิน เพราะมันตกแต่งเหมือนกับเป็นห้องโถงธรรมดาๆ แต่สวยหรู เหมือนกับเป็นห้องไว้สำหรับพักผ่อน
     
              เมื่อประตูห้องปิดลงทำให้ไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากภายนอกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจึงปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระ แล้วเดินไปที่โต๊ะใกล้ๆ ที่มีขวดเหล้าไวน์วางเอาไว้ เธอทำการรินไวน์สีแดงใสใส่แก้วสองใบ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาทั้งสองมือแล้วเดินตรงมาหาเธอ
     
              "ดื่มซะสิ" 
     
              ผู้หญิงคนนั้นยื่นแก้วนึงให้ แต่เธอลังเล
     
              "คิกๆ ไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปหรอกน่า ฉันเป็นหมอนะไม่ทำอย่างนั้นหรอก แล้วฉันก็รู้ว่าเธอกำลังคอแห้ง ^^" 
     
              นามิยังลังเลเล็กน้อยก่อนจะหยิบแก้วนึงไปจากมือของหญิงสาว ก่อนจะเริ่มจิบ
     
              "จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยเสียมารยาทจริงๆ ฉันมีชื่อว่าเลดี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณนามิ ^^"
     
              คำพูดแนะนำตัวของหญิงสาวทำให้เธอชะงักพลัน
     
              "นี่เธอรู้ชื่อของฉันได้ยังไง!" เธอทำสีหน้าตกใจ
     
              "เรื่องนั้นยังไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญอยู่ที่ว่าตอนนี้คุณกำลังถูกลักพาตัวอยู่ ^^" เลดี้
     
              "ว่าไงนะ!!" นามิ
     
              "ไม่ต้องตกใจไปหรอกนะคะ เพราะตอนนี้เพื่อนๆ ของคุณกำลังตามมาช่วยคุณอยู่ แค่คุณอยู่ที่นี่เฉยๆ ก็พอแล้ว" เลดี้
     
              "นี่เธอต้องการอะไรทำไมถึงต้องจับฉันมา!!" นามิ
     
              "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ นี่ฉันก็เพิ่งจะไปพบปะกับคุณกัปตันหมวกฟาง นักล่าโจรสลัด แล้วก็ขาดำมาเองนะคะเนี่ย" เลดี้ยิ้ม
     
              "ลูฟี่ โซโล แล้วก็ซันจิน่ะเหรอ!! นี่เธอทำอะไรพวกเค้ารึเปล่า!!!" นามิ
     
              "อย่าเพิ่งเอะอะไปสิคะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกเค้าเลย ไปช่วยเสียมากกว่า"
     
              "ช่วย!?" นามิ
     
              "ใช่ เพราะกัปตันของคุณกำลังป่วยหนักแต่ก็พยายามฝืนร่างกายเพื่อที่จะมาช่วยคุณให้ได้ ฉันก็เลยให้ยาเค้าไปกินเท่านั้นเอง" เลดี้ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
     
              "ลูฟี่...งั้นเหรอ" นามิเอ่ยเสียงเบา
     
              หมอนั่น...เอาอีกแล้วนะ
     
              เมื่อไหร่หมอนั่นถึงจะยอมทำตามคำสั่งคนอื่นเค้าสักทีนะ ฝืนร่างกายตัวเองอีกแล้ว ถ้าเจอหมอนั่นเมื่อไหร่เธอจะเอากำปั้นเข้าไปฝากสักทีสองทีข้อหาขัดคำสั่งซะให้เข็ด
     
              "อ๊ะ จริงสิลืมบอกเรื่องนึงไป" เลดี้พูดให้นามิคืนสติที่คิดอะไรเพลินๆ
     
              "..." นามิ
     
              "ความจริงพวกเราจับคุณมาเพื่อให้แต่งงานกับบอสของเราน่ะค่ะ ^^" เลดี้พูดด้วยนํ้าเสียงสบายๆ แต่มันเล่นทำเอานามิช๊อคไปเลย
     
              "เมื่อกี๊เธอว่าไงนะ?" นามิ
     
              "ก็บอกว่าคุณต้องแต่งงานกับบอสของเราไงคะ ^^"
     
              เลดี้หัวเราะเบาๆ อย่างขำขันกับท่าทีอึ้งสุดขีดของนามิ
     
              "ฉันต้องถูกจับแต่งงานอย่างงั้นเหรอ!!! O[]o" นามิ
     
     
              
     
              
     
     
              
     
     
              
                                                                           
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×