คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11
“นี่ใคร?”เอ่ยถามห้วนๆด้วยน้ำเสียงไม่ไว้ใจนักเมื่อรับโทรศัพท์
ดงแฮได้ยินคนปลายสายหัวเราะในลำคอก่อนเอ่ยตอบกลับไป
//เบลฟีเกอร์//
และสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
ไม่ทันที่ดงแฮจะได้จับต้นชนปลายถูกอย่างงุนงงกับการโทรมาชนิดสายฟ้าแลบ
โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นอีกรอบบ่งบอกถึงข้อความที่ถูกส่งเข้ามา
เบลฟีเกอร์ คนปลายสายที่โทรมาเมื่อครู่ส่งข้อความมาหาเขา
เมื่อเปิดมาอ่านก็พบกับข้อความประหลาดที่เต็มไปด้วยตัวเลขจำนวนมาก
6/33/777/555/444/66/##/6/##/7777/*/777/8/666/66/33
“อะไรวะเนี่ย?”สบถออกมาอย่างงุนงงพลางยื่นไปให้เพื่อนรักที่นั่งข้างๆอ่าน
เพียงแค่ชะโงกหน้ามากวาดสายตาอ่านข้อความปริศนานั่นมือเล็กก็คว้าโทรศัพท์รุ่นเดียวกันสีเดียวกันเป้ะๆมา
กดเข้าหน้าสร้างข้อความ
เปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อนที่นิ้วเรียวจะกดไปตามข้อความนั่นเริ่มที่เลข6 กดมันหนึ่งครั้งก่อนจะเลื่อนไปเป็น3สองครั้ง เลข7สามครั้ง
จนจบหมด ดวงตากลมโตจ้องมองปริศนาที่ถูกแก้บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตน
Merlin’s stone
“ก้อนหินของเมอร์ลิน”
เสียงหวานที่เอ่ยแปลขึ้นมานั้นเรียกความสนใจของทุกๆคนให้เงยหน้าขึ้นมามอง
ชินดงฮีเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “ที่อยู่ของคิมคิบอมหนะเหรอ?”
ดวงหน้าหวานพยักหน้าก่อนเอ่ยเสริม “ก็ถ้าแก้ปริศนามันออก
ก็คงเหมือนเดิม
คำใบ้นี้ก็คงบอกเราไปยังสถานที่ต่อไป...ที่ซึ่งคิบอมก็น่าจะอยู่ด้วย”
“แล้วคิดอะไรออกหรือยังหละ?”คำถามนี้ดังมาจากชายหนุ่มผู้นั่งตรงข้าม
ชเวซีวอนเองก็นึกประหลาดใจไม่แพ้คนอื่นๆเลยเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่ร่างเล็กสามารถแก้ปริศนาได้
เพียงแค่เห็นก็สามารถนึกออกเสียแล้วว่าหมายถึงอะไร
ดูเหมือนว่าคำถามนั้นจะทำเรียกความเงียบกลับมาได้เสียนาน
เมื่อเห็นท่าว่าร่างเล็กยังคงคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มจึงหันไปยังลูกทีมอีกสองคนทันที “พวกเราไปจัดกระเป๋ากันก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับมาฮีชอลก็คงคิดออกแล้วเราจะได้ไปกันเลย
จะได้ประหยัดเวลา”
ทั้งชินดงและดงแฮต่างพากันพยักหน้ารับคำก่อนที่ทุกคนจะพากันแยกย้ายตัวเองกลับเข้าไปในห้อง
ฮีชอลเลือกที่จะเดินตามชายหนุ่มไปโดยที่สมองนั้นยังคงคิดหาคำตอบที่สามารถเป็นไปได้สำหรับปริศนานี้
คำว่าก้อนหินของเมอร์ลินอันเป็นคำใบ้...เมอร์ลินนั้นเป็นชื่อของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของกษัตริย์อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลม
ส่วนคำว่าก้อนหิน...หรือมันอาจจะหมายถึงสโตนเฮจน์? กองหินประหลาดอันเลื่องชื่อของประเทศอังกฤษ
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อันใด
แต่ก็มีตำนานหลากหลายตำนานเกี่ยวกับสโตนเฮจน์
มีอยู่สองตำนานที่เขารู้ว่าเกี่ยวกับเมอร์ลินว่าเป็นผู้สร้างสโตนเฮจน์
“ตำนานแรกเพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่เหล่าทหารของกษัตริย์อาเธอร์”
น้ำเสียงหวานที่โพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบระหว่างทางเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อไปยังห้องพักนั้นเรียกความสนใจจากคนที่เดินข้างๆให้หันมามองอย่างงุนงง...นั่นมันชื่อกษัตริย์อังกฤษนี่?
หรือฮีชอลจะหมายถึงประเทศอังกฤษ?
แต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะไม่ได้สนใจคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย
ริมฝีปากก็ยังคงขยับต่อไป “และตำนานที่สอง...เมอร์ลินหลงรักหญิงสาวคนหนึ่ง
เธอหลอกให้เขาสร้างสโตนเฮจน์ขึ้นมาและจองจำเมอร์ลินเอาไว้ในนั้นชั่วนิรันดร์”
“ผมชอบตำนานที่สองนี้จังเลย”เสียงทุ่มที่ดังขึ้นมาเมื่อจบประโยคทำเอาดวงหน้าหวานให้เงยหน้าไปมองร่างสูงที่หยุดเดิน
เมื่อเห็นสีหน้างุนงงซีวอนจึงไม่รีรอที่จะอธิบายต่อไป “เพราะมันฟังเหมือนกับว่าเมอร์ลินเป็นทาสรักที่ยอมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น
ยอมแม้กระทั่งสร้างสโตนเฮจน์ขึ้นมาเพื่อหล่อน...”
“...เหมือนอย่างที่ผมเป็นทาสรักของคุณไงหละ”
เมื่อสิ้นสุดประโยคนั้นร่างเล็กทั้งร่างถูกผลักไปชนกับผนัง
สิ่งต่อมาที่ฮีชอลรับรู้คือท่อนแขนแกร่งที่ตวัดรัดรอบเอวระหว่างที่มืออีกข้างจับศรีษะเขาและริมฝีปากหยักที่ประทับจุมพิตร้อนแรงลงมา
“อืมมม~”เสียงหวานครางอื้ออึง
สองมือยกขึ้นโอบรอบคอแล้วรั้งให้โน้มลงมารับสัมผัสที่หลอมละลายนั่นให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นเวลานานกว่าที่ชายหนุ่มจะผละจูบออกแล้วกดจูบซ้ำอีกหนึ่งครั้งอย่างอ่อนโยนบนริมฝีปากเล็กที่บวมเจ่อ
สบตาเข้ากับดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดพร้อมกับรอยยิ้ม “ผมรักคุณนะฮีชอล”
เจ้าของชื่อก้มหน้างุดอย่างเขินอาย
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ชเวซีวอนหลอมละลายความเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาให้หายไป...มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
และก็จะเป็นคนเดียวตลอดไป
“ตกลงคือสโตนเฮจน์ที่อังกฤษใช่ไหมครับ?”คำถามที่ดังขึ้นมาทำเอาดวงหน้าหวานพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ปริปากเอ่ยอะไรออกมา
ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตาคมเข้มนั่น คงเพราะยังอายอยู่และไม่อยากให้ซีวอนเห็นความอายของเขาหละกระมั้ง
ผิดกับชเวซีวอนที่หัวเราะเบาๆอย่างรักใคร่เอ็นดู
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดพร้อมกับจุมพิตเบาๆบนเรือนผมสีดำอย่างอ่อนโยน
เขารู้สึกว่าดวงหน้าหวานนั้นเบียดเข้ากับอกแกร่งเพื่อปิดบังไม่ให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นกำลังอายขนาดไหน
จะนานเท่าไหร่ คนเย็นชาคนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
เป็นห่วงจนแทบบ้า
ภาพคิมคิบอมที่ถูกผู้ชายอีกหนึ่งคนอุ้มพาดไหล่แล้ววิ่งหายไปในความมืดนั้นยังคงตรึงอยู่ในหัวใจไม่สามารถลบเลือนได้ออกไปเสียที และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำเขาว่าตัวเองนั้นแข็งแรงไม่พอที่จะปกป้องคนที่สัญญาว่าจะปกป้องเอาไว้ได้
นายนี่มันอ่อนแอเกินไปจริงๆลีดงแฮ!
คิดได้เท่านี้ก็เป็นอันต้องซัดหมัดลงบนเตียงกว้างอย่างเจ็บแค้นใจ เตียงทั้งเตียงสะท้านไปตามแรงหมัดก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนหายใจ ดวงตาเข้มจับจ้องไปยังเตียงกว้างก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนแผ่
เมื่อคืน...เขายังจำได้อยู่เลยว่าคิมคิบอมแม้จะอายขนาดไหนก็ยอมให้เขานอนข้างๆ แม้จะไม่ได้นอนกอดกันแต่เขาจำได้ว่านอนจับมือคิบอมจนกระทั่งมีคนบุกเข้ามาในห้อง เขาสะดุ้งตื่นตามเสียงประตูที่ถูกเปิดออก
ต่อสู้กันตั้งแต่ชั้นสองลงมาจนถึงชั้นล่าง แต่เพราะความอ่อนแอทำให้คิบอมถูกจับพาดบ่าและโดนผู้ชายคนนั้นพาตัวหนีไประหว่างที่เขาได้แต่นอนแน่นิ่งด้วยร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส เมื่อเสียงฝีเท้าหายไปแล้วจึงยันตัวเองขึ้นพิงผนัง
ทั้งๆที่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังนอนจับมือกันอยู่เลย และตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเช้า เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยเมื่อไม่มีไออุ่นจากร่างเล็กที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ เพียงแค่เวลาชั่วข้ามคืน...ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความเหงาและความเศร้าเข้ามาแทนที่ความสุขแสนหวานนั่น
มันเจ็บ...เจ็บที่หัวใจจริงๆ
กับการที่มองภาพคนที่รักจากไปโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่น้อย...ปัดโธ่เว้ย! ถ้าเพียงแต่เขาเก่งกว่านี้หละก็...
“จะไปจำทำไมให้เจ็บปวดอีก?”
เสียงทุ้มของอาคันตุกะผู้มาใหม่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจของชายหนุ่มที่นอนแผ่ซ่านจมอยู่ในความคิดของตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วหันไปมองยังประตู
“ชินดง?”เจ้าของชื่อได้แต่ฉีกยิ้มแห้งๆพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนหลังพิงบานประตูห้องที่ถูกเปิดเอาไว้ “ในเมื่ออดีตมันไม่สามารถแก้ไขได้ นายจะย้อนกลับไปให้เจ็บทำไม เก็บมันเอาไว้เป็นบทเรียนเสียดีกว่า”
และเมื่อคู่สนทนาอ้าปากหมายจะพูด ร่างท้วมก็พูดตัดบทต่อไปราวกับอ่านใจออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรและกำลังจะพูดอะไรออกมา “เฮ้~ นายอย่าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งไม่พอที่จะปกป้องคิบอมสิดงแฮ นายทำตามที่สัญญากับคิบอมเอาไว้ นายได้ปกป้องเขาได้ดีที่สุดเท่าที่นายจะทำได้แล้วนี่”
“แทนที่จะมานั่งย้อนคิด ฉันว่านายควรจะลุกขึ้นแล้วไปตามหาคิบอมดีกว่าการมาเสียเวลานั่งจดนั่งจำอะไรแบบนี้”
พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินจากไปทิ้งเอาไว้ให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงนั่งครุ่นคิดกับประโยคของชินดงที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของตน เป็นเวลานานก่อนที่ลีดงแฮจะกระตุกยิ้มแล้วลุกขึ้น
“Que sera sera!”เกเซรา เซรา...Whatever will be, will be ประโยคคลาสสิกที่เขามักจะใช้พูดกับตังเองยามท้อแท้
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ชายหนุ่มคว้ากระเป๋าเสื้อผ้า กระชับเสื้อโค้ทที่มีมีดสั้นซุกซ่อนก่อนจะหันไปมองยังเตียงกว้างข้างหลังเป็นครั้งสุดท้าย ภาพคิมคิบอมนอนหลับจับมือเขายังคงเห็นเด่นชัดทุกครั้งที่ย้อนกลับไปนึกถึงมัน
แม้เขาจะไม่รู้ว่าคิมคิบอมคนน่ารักคนนั้นอยู่ที่ไหน ณ ตอนนี้ แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ไอ้เจ้าบาปทั้งเจ็ดมีชีวิตรอดไปอย่างแน่นอนเมื่อเจอหน้าเจ้าพวกนั้น!
คิดได้เพียงเท่านั้นก็ละสายตา ถือกระเป๋าของตนและคิบอมลงไปข้างล่างพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เลือดในกายเดือดพล่านเมื่อนึกถึงความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นในขณะที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่าจะได้เจอหน้าคิบอมอีกครั้ง
เขายอมให้คิบอมห่างจากเขาเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งต่อๆไปจะไม่มีแน่นอน ไม่อย่างนั้นการใช้ชีวิตโดยไม่มีคิมคิบอมอยู่เคียงข้างก็คงทำให้เขาทรมาณเจ็บปวดจนแทบบ้าอย่างแน่นอน...คนนี้หนะรักมาก เพราะฉะนั้นเขาไม่ยอมให้ไปไหนห่างไกลเขาอีกแล้วหละ!
Que sera sera
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ค้างกว่าเก่าไหมนั่น -_-;
จะบอกว่าวันนี้ใจดีมาอัพให้สองตอนรวด
๕๕๕๕ ':PPPP
รู้สึกว่าเรื่องนี้บูมบามคู่เฮคิมากๆเลย ๕๕๕ ' :D
อย่าหลงฮาเลเพลินจนลืมวันเดอนะทุกคน ^UUU^
นาซิสซ๊อง
ความคิดเห็น