ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 769
      2
      13 มิ.ย. 64



    ภาพตรงหน้าทำเอาเหล่าผู้มาใหม่ทั้งสี่คนถึงกับหยุดหายใจทันที ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างและไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอย่างไรดีกับภาพข้างหน้าพวกเขา


    คิมคิบอมถูกตรึงเอาไว้บนไม้กางเขน


    เชือกที่ผูกมัดมือสองข้างให้กางแขนออกทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกันนั้นดูจะทำให้ร่างเล็กไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้เลย...แต่กระนั้นสีหน้าของผู้ถูกมัดกลับเรียบเฉยไม่ตกใจกลัวเลยทั้งสิ้น


    มีเพียงแค่เบิกตากว้างและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับการปรากฏตัวของผู้ชายที่เคยให้คำสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะปกป้องและจะเป็นแสงสว่างให้คนที่ไร้ซึ่งความหวังในชีวิตที่มืดมน


    คิบอมม!!!”ตะโกนลั่นเรียกชื่อร่างข้างหน้าพร้อมกับสองเท้าที่ตั้งท่าจะวิ่ง แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขาออกก็เป็นอันต้องชะงักเมื่อสังเกตุว่าคิบอมไม่ได้อยู่คนเดียว หากแต่มีอีกหนึ่งคนนั่งพิงไม้กางเขนอยู่ข้างๆราวกับกำลังเฝ้ารอการมาของพวกเขา


    มาเสียทีนะพวกนาย”


    เบลฟีเกอร์ บาปแห่งความเกียจคร้านเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น บิดขี้เกียจก่อนจะเดินหลังโก่งมาข้างหน้า คิบอมผู้ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนขนาดใหญ่ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเบลฟีเกอร์ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ แม้จะมีความรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย


    แกทำอะไรคิบอมหรือเปล่า?!!!”ดงแฮตะโกนถามด้วยน้ำเสียงโกรธจัดเป็นที่สุด หากแต่เบลฟีเกอร์ ชื่อปีศาจอันเป็นตัวแทนบาปแห่งความเกียจคร้านนั้นกลับตีหน้าเบื่อโลก


    เบลฟีเกอร์เป็นชื่อปีศาจแห่งความเกียจคร้านนะ เขาคงไม่ทำอะไรคิบอมหรอก”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างเบื่อๆนั้นเรียกความสนใจของคนที่เพิ่งตะโกนไปใหัหันมามองยังเจ้าของเสียงได้ก่อนจะหันกลับไปยังร่างเล็กอีกหนึ่งคนบนไม้กางเขนกว้างหากแต่ไม่สูงมากนัก


    ดวงหน้าหวานส่ายหน้าหงึกหงักก่อนจะเอ่ยตอบไปพร้อมกับรอยยิ้มขบขัน “เขาไม่ได้ทำอะไรผมเลยครับ นอกจากตรึงเอาไว้บนไม้กางเขนนี่มาสองชั่วโมงกว่าแล้ว”


    ฉันขี้เกียจ”เบลฟีเกอร์เอ่ยตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความด้วยสีหน้าเบื่อโลกเต็มทน...จะจ้องจะงงจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย?! ก็เขาขี้เกียจสมชื่อปีศาจแห่งความเกียจคร้านยังไงหละ! เพราะงั้นจะทำอะไรมิดีมิร้ายคิมคิบอมหนะเหรอ? เอาไว้เขาหายขี้เกียจก่อนก็แล้วกัน


    ได้ฟังเพียงเท่านั้นลีดงแฮก็หายใจออกอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนความวิตกกังวลห่วงใยที่หนักราวกับภูเขาถูกยกออกจากอกหมดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดยืนยันของทั้งเบลฟีเกอร์ผู้เป็นศัตรูและคิบอมผู้ที่เขาสัญญาว่าจะปกป้องฅ


    หากแต่ดีใจโล่งอกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นอันต้องหยุดหายใจไปอีกหนึ่งครั้ง


    หึหึ...ดีใจอะไรกัน?”เบลฟีเกอร์ เจ้าปีศาจแห่งความเกียจคร้านเอ่ยเกริ่นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่เค้นออกมาจากลำคอไปพลาง มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบบางสิ่งออกมาแล้วชูให้ดู


    เจ้าสิ่งนั้น...สะกดลมหายใจของทุกๆคนไม่เว้นแม้กระทั่งคิมคิบอมผู้ถูกตรึงมัดอยู่บนไม้กางเขน ทุกหัวใจถึงกับหยุดเต้นเพียงแค่ดวงตาเห็นเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือของเบลฟีเกอร์


    กล่องไม้ขีดไฟ


    ชายหนุ่มเปิดมันออก หยิบก้านไม้ขีดไฟขึ้นมาจุด


    เบลฟีเกอร์แสยะยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวเป็นที่สุดสำหรับพวกเขา ทุกสายตาจับจ้องไปยังก้านไม้ขีดที่สว่างไสวในมือ


    และเมื่อลีดงแฮรู้ว่าคนตรงหน้าตนจะทำอะไร มันก็สายไปเสียแล้ว


    ม่ายยยย!!!”จังหวะเดียวกันนั้น ปีศาจแห่งความเกียจคร้านก็หันหลังกลับ โยนก้านไม้ขีดที่ถูกจุดแล้วไปข้างหน้า


    ลูกไฟขนาดย่อมสว่างสไวลอยไปตามแรงโน้มถ่วงตรงมาข้างหน้าเขา คิมคิบอมเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอะไร


    เขากำลังจะถูกเผาทั้งเป็น!!


    พรึ่บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!


    คิบอมเพิ่งสังเกตุว่าข้างล่างนั้นคือกองฟางขนาดยักษ์ และมันก็ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น ณ ตอนนี้เมื่อมีเชื้อเพลิงขนาดดี จากไฟลูกเล็กๆจึงกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ พร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง...รวมไปถึงผู้ที่ถูกมัดเอาไว้ข้างบนเช่นกัน


    คิบอม!!”ดงแฮแทบคลั่งกับภาพที่เห็นและเป็นอยู่ หัวใจเหมือนถูกบีบรัด ความโกรธที่รู้สึกเหมือนกองไฟสุมในอกแล่นริ้วไปทั่วร่าง


    และก่อนที่ชเวซีวอนหรือคนอื่นๆจะได้ทำอะไร ลีดงแฮก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันที เร็วกว่าที่ฮีชอลผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆจะคว้าตัวห้ามเอาไว้ได้ฅ


    เบลฟีเกอร์ผู้ยืนอยู่ข้างหน้ากองเพลิงขนาดใหญ่สามารถหยุดร่างสูงได้ หากแต่เขาได้แต่กระตุกยิ้มปล่อยให้ชายหนุ่มวิ่งผ่านไปก่อน เป้าหมายของเขาไม่ใช่ลีดงแฮ ไม่ใช่ชินดงฮีและคิมฮีชอล หากแต่เป็นอีกหนึ่งคน...บุคคลที่พวกเขาต้องการจะกำจัดออกไปเป็นที่สุด


    ซีวอน”เสียงหวานที่เอ่ยเรียกเขาดังขึ้นมาพร้อมกับมือเล็กที่เอื้อมไปจับแขนแกร่งเบาๆ เจ้าของชื่อหันหน้ามามองพร้อมกับรอยยิ้มกว้างราวกับอ่านใจคนตรงหน้าออก “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ไปช่วยดงแฮเถอะ...เฮ้ชินดง!”


    อีกหนึ่งคนกระตุกยิ้มที่มุมปาก “ไปกันเถอะ”


    สิ่งต่อมาที่ฮีชอลรับรู้คือชายหนุ่มคว้าข้อมือเขาแล้วดึงให้วิ่งไปด้วยกันก่อนจะถูกผลักไปอยู่ในอ้อมกอดของดงแฮเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว


    ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆจูนสติให้เข้าที่เข้าทาง ซีวอนกับชินดงกำลังสู้กับเบลฟีเกอร์ ส่วนเขาก็ถูกซีวอนผลักมาให้อยู่กับดงแฮเพื่อที่จะ...


    คิบอมมมม!!”


    เสียงของเพื่อนรักตะโกนลั่นเรียกสติของเขาให้กลับมา สิ่งต่อมาที่รู้ตัวคือร่างทั้งร่างลอยหวิวตามแรงยกของชายหนุ่ม รู้ตัวอีกทีก็พบว่ากำลังขี่คอดงแฮเสียแล้ว ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นไปมอง เชือกที่มัดข้อมือคิบอมเอาไว้กับไม้กางเขนนั้นอยู่ข้างหน้า

                  

    ดงแฮต้องการจะให้เขาแก้มัดเชือกสินะ

                    

    ไวเท่าความคิด สองมือเล็กก็เอื้อมไปแก้เชือกออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดงแฮยืนจับสองขาของเพื่อนรักที่นั่งบนต้นคอตนอยู่ เพราะไม้กางเขนที่ไม่ค่อยสูงมากทำให้เพียงแค่ขี่คอก็สามารถแก้เชือกได้แล้วนั้นจึงทำให้เขาตัดสินใจให้ฮีชอลขี่คอเขาแก้เชือกไป เพราะฮีชอลนั้นตัวเล็กและบอบบางผิดกับเขาที่ดูจะตัวใหญ่กว่า มาให้เขาขี่คอฮีชอลมันก็คงจะกระไรอยู่หละมั้ง

                    

    ดวงตาเข้มละสายตาจากเพื่อนรักข้างบนไปมองยังร่างที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเกงเขนด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สามารถยอมให้คิบอมโดนเผาทั้งเป็นหรอก เขาสัญญาแล้วว่าจะปกป้องคนๆนี้แล้วนี่!

                    

    ผิดกับลีดงแฮที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนกระวนกระวายสู้กับเวลาที่ไฟจะโหมไหม้หมดรวมไปถึงคนที่ถูกมัดเอาไว้ คิมคิบอมนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ได้เอะอะโวยวาย ไม่ได้แสดงถึงความกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาตี่เล็กค่อยๆปรือตาลงเตรียมตัวรับความตายที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

                    

    เขาพร้อมที่จะตาย

                    

    ในเมื่อชีวิตของเขาไม่มีคุณท่านผู้เป็นที่พึ่งของเขา ชีวิตของเขาก็ไร้ค่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม พร้อมที่จะตายโดยลืมนึกถึงสัญญาของคนๆหนึ่งที่เคยมีให้เอาไว้

                

    ผมจะเป็นแสงสว่างให้คุณเอง”


    ...เขาลืมมันไปเสียแล้ว

                  





    เบลฟีเกอร์ แม้จะเป็นปีศาจแห่งความเกียจคร้านไม่เป็นอันทำอะไรก็จริง หากแต่เวลาหลบหลีกหมัดหรือกระโดดหลบลูกเตะของทั้งซีวอนและชินดงนั้นกลับรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ


    เสร็จกัน!”ตะโกนลั่นเมื่อหลังจากที่ปล่อยหมัดขวาออกไปแล้วคู่ต่อสู้หลบได้จึงเปิดช่องว่างให้เบลฟีเกอร์ยกเท้าถีบอกกว้างเสียเต็มแรง ชินดงฮีกระเด็นลงไปนอนกองกับพื้น เมื่อจะลุกขึ้นมาตั้งการ์ดสู้ใหม่ความเจ็บแปลบก็แล่นเข้ามาทำให้ต้องนั่งพักเสียก่อน


    ชเวซีวอนผู้รู้ทันและเข้าใจสถานการณ์ของร่างท้วม ณ ตอนนี้เป็นอย่างดีนั้นจึงตัดสินใจกระหน่ำรัวหมัดเบนความสนใจให้อีกฝ่ายมัวแต่สนใจกับการยกแขนขึ้นปัดป้องไม่ให้ถึงตัวเองก่อนที่จะยกเท้าถีบเข้าไปยังหน้าอกเสียเต็มแรง


    เบลฟีเกอร์ตัวลอยไปไกล และก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นเพื่อสู้ใหม่ ร่างสูงก็พุ่งมาคร่อมก่อนจะรัวหมัดซัดลงไปอีกหนึ่งครั้งเต็มแรงทำเอาคนโดนชกถึงกับมึนไปสักพัก เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วก่อนจะซัดหมัดขวาปะทะกับดวงหน้าคมคายอย่างจังส่งผลให้คนที่นั่งคร่อมอยู่กระเด็นลงไปนอนข้างๆ

                    

    ชายหนุ่มลงไปนอนกองกับพื้น คู่ต่อสู้กระโจนมาคร่อมทับอีกหนึ่งรอบ คราวนี้ในมือคือมีดพก เบลฟีเกอร์เงื้อมีดขึ้นเหนือหัวเขา แสยะยิ้มอย่างร้ายกาจก่อนจะแทงมันลงมาอย่างรวดเร็ว...

                    

    ซีวอนนนนนนนนนน!!!”

                    

    ปังงงงง!

                    

    ปังงงงง!

                    

    สรรพสิ่งทุกอย่างเงียบสงัด สิ้นเสียงหวานที่ตะโกนเรียกชื่อแล้วก็ตามมาด้วยปืนสองนัด เจ้าของชื่อผู้นอนแน่นิ่งหลับตารับความตายนั้นค่อยๆลืมตากว้าง เบลฟีเกอร์ผู้คร่อมตนอยู่ค้างอยู่ในท่าเดิม

                    

    เคร้งงงงงงงง...

                    

    มีดพกในมือหลุดไปกองข้างๆ สิ่งต่อมาที่ชายหนุ่มสังเกตุคือเลือดที่ไหลออกมาจากสองที่ จุดแรกคือหน้าผากและจุดที่สองคือขมับ

                   

    ไวเท่าความคิด ดวงหน้าคมคายหันขวับไปมองยังด้านขวาก็พบกับชินดงฮีในท่าถือปืน ชายหนุ่มฉีกยิ้มขอบคุณไปให้...แสดงว่าชินดงคือคนที่ยิงไปยังขมับ แล้วตรงหน้าผากหละ?

                    

    มือแกร่งผลักร่างไร้วิญญาณบนตัวให้ล้มลงไปนอนข้างๆก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองยังข้างหลังก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบกับคนที่ยิงมา

                    

    คิมฮีชอล



    มือเล็กลดปืนในมือของตนลงก่อนที่จะหันกลับไปมองลีดงแฮที่พุ่งตัวไปรับร่างเล็กก่อนที่จะตกลงไปยังกองไฟขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว สองร่างเกลือกกลิ้งไปบนหญ้าก่อนที่จะหยุดลง


    เป็นอีกหนึ่งครั้งที่คิบอมตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของร่างข้างบน เขายังคงช้อกไม่หาย เป็นเวลานานก่อนจะเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ริมฝีปากเล็กที่สั่นระริก แววตาที่ไม่เข้าใจจับจ้องไปยังคนที่คร่อมตนอยู่


    ช่วย...ทำไม?”


    เป็นคำถามที่เจ้าตัวเค้นเสียงออกมา เบาราวกับกระซิบหากแต่ดังก้องในหัวของผู้รับฟัง ชายหนุ่มชักสีหน้าผิดหวังก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยตอบพร้อมทั้งรอยยิ้มเศร้าๆ “เพราะผมไม่ต้องการที่จะให้คุณตาย”


    ปฏิกิริยาของคิบอมนั้นแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มาก ร่างเล็กเบิกตากว้างก่อนที่จะผลักเขาออกแล้วลุกขึ้นนั่ง ดวงหน้าหวานหันมามองเขาทั้งน้ำตา


    ชีวิตผมไม่เหลืออะไรแล้ว!! คุณน่าจะปล่อยให้ผมตายในกองไฟตามคุณท่านไป ผม...ฮึกก ชีวิตผมไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ”


    คุณยังเหลือผมอยู่”เสียงทุ้มทีดังขึ้นมาพร้อมกับมือแกร่งที่ดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของตนก่อนจะกระชับกอด “เพราะผมเคยสัญญาเอาไว้นี่ครับว่าจะเป็นแสงสว่างของคุณ...จะปกป้องคุณให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้คุณตายเด็ดขาด”


    ประโยคๆหนึ่งที่คนๆหนึ่งเคยให้สัญญาเอาไว้ในวันวานดังกลับเข้ามาในหัวอีกหนึ่งครั้ง ประโยคที่เขาลืมมันไปเสียสนิทเมื่อครู่


    ผมจะเป็นแสงสว่างให้คุณเอง”


    และเพราะผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณจากความตายที่แทบจะกลืนกินคุณไป”ดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงทุ้มที่เอ่ยเกริ่นสบตาเข้ากับดวงตาเข้มของอีกฝ่ายที่กกกอดตนเอาไว้


    แววตาจริงจังนั้นทำเอาคิบอมถึงกับสั่นไหว หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบก่อนที่เจ้าตัวจะรีบหลบสายตาเบนหนี...สายตาคู่นั้นต้องการจะสื่อถึงอะไรกัน?


    นับแต่นี้ไป...ผมคือเจ้าของชีวิตคุณ”


    จนกว่าจะเอ่ยปากอณุญาติเท่านั้น คิมคิบอมถึงจะตายได้ตามที่ต้องการพิมพ์เนื้อหาตรงนี้


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×