ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วรรณคดีสไตล์เกรียน

    ลำดับตอนที่ #87 : ปาจิต อรพิม : ตำนานแห่งพิมาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      12
      2 ก.ค. 62

    นิทานเรื่อง ปาจิตกุมารกลอนอ่าน นี้มีเนื้อเรื่องเล่าแบบชาดก จากปัญญาสชาดก เรื่อง "ปาจิตตกุมารชาดก" เล่าขานกันมานาน แม้แต่ในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 3 ยังกล่าวถึงเรื่องท้าวปาจิตไว้ใน "โคลงทวาทศมาส" มีความว่า


    ประจิตเจียนเหน้าหน่อ     อรพิน
    พระพิราไลยปลง          ชีพแล้ว
    คืนสมสุดาจินต            รสร่วม   กันนา
    กรรมแบ่งกรรม            แก้วแก้วช่วยกรรม


    ปาจิตกุมารที่ค้นพบมีอยู่ด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรกไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง คาดว่าเป็นสำนวนของกรุงธนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2316 ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งนั้น หลวงบำรุงสุวรรณแต่งขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 4


    แต่ที่น่าสนใจและน่าตั้งข้อสังเกตก็คือว่า เรื่องราวของชาดกนี้ตรงกันกับเรื่อง ท้าวปาจิต-นางอรพิม ซึ่งเป็นตำนานของเมืองพิมายเข้านะซิ ท่านผู้อ่านคงอยากจะทราบเนื้อเรื่องแล้วล่ะซิ งั้นเราไปทำความรู้จักกันเลย!


    ในอดีตกาล มีพระราชาองค์หนึ่งนามว่า ธรรมราช ครองราชย์สมบัติอยู่ในเมืองมหานครพรหม (นครธม) ครั้นต่อมาพระมเหสีก็ได้ประสูติพระราชโอรสออกมาตั้งชื่อว่า ปาจิตตกุมาร


    เมื่อปาจิตโตเป็นหนุ่ม เด็จพ่อจึงป่าวประกาศเรียกหญิงสาว ขาวสวยหมวยเซ็กซี่มาให้ลูกชายได้เลือกเป็นคู่ครอง แต่พระเอกของเราหาได้สนใจไม่ ท้าวธรรมราชจึงให้โหรช่วยหาเนื้อคู่แก่พระโอรส! โหรหลวงตรวจดูดวงชะตาแล้วกราบทูลว่าเนื้อคู่ของปาจิตกุมารยังไม่เกิด ขณะนี้ยังคงอยู่ในครรภ์หญิงชาวนาผู้หนึ่งในเขตเมืองพาราณสี (พิมาย) 


    โดยปาจิตจะต้องเดินทางไปหาหญิงผู้นั้นด้วยตัวเอง สังเกตได้ง่ายว่าหญิงคนนั้นกำลังมีครรภ์และจะมีเทวดามาเฝ้าพยาบาลเอากลดมากางกั้นอยู่ไม่ว่าจะเดินไปไหนและทำอะไรอยู่กลางแจ้งก็ตาม


    ปาจิตไม่รอช้า รีบเร่งเดินทางไปตามคำทำนายของโหรจนกระทั่งมาถึงเขตเมืองพิมาย (ขอเรียกพิมายก็แล้วกัน) ท้าวปาจิตไม่แน่ใจจึงกางแผนที่ออกดูที่ตรงนั้นเรียกในภายหลังว่า บ้านกางตำรา และเพี้ยนเป็น บ้านจารตำรา 


    ต่อมาก็พบหญิงครรภ์แก่กำลังดำนา โดยเหนือหัวมีเงาคล้ายกลดกั้นอยู่ ก็แน่ใจว่าใช่ตามคำทำนาย จึงเข้าไปฝากตัวกับนางทันที พลางบอกว่าหากลูกที่คลอดออกมาเป็นชายจะรักใคร่ดุจน้อง แต่ถ้าเป็นหญิงจะขอนำไปเป็นมเหสี (โลลิค่อนของแท้เลยนะ ปาจิตเอย!! =_=) )


    ปาจิตตั้งแต่อาศัยอยู่กับหญิงตั้งครรภ์ ก็ได้ช่วยทำงานหนักทุกอย่างทั้งดำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย เกี่ยวข้าว นวดข้าว เป็นต้น จนนางครบกำหนดคลอด ปาจิตจึงได้ไปตามหมอตำแยมาทำคลอด (หมู่บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่าบ้านตำแยในปัจจุบันนี้) ซึ่งทารกในครรภ์ออกเป็นเพศหญิงตรงตามตำราของโหร จึงตั้งชื่อให้ว่า อรพิน แต่ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกนางว่า อรพิม


    นางอรพินออกจากครรภ์ด้วยร่างของหญิงสาวสวย เมื่อทั้งสองหนุ่มสาวประสานตากันก็เกิดความรักใคร่ต่อกันละกัน            


    ปาจิตกลับไปยังเมืองเพื่อจัดขบวนเดินทางไปยังเมืองพิมาย โดยที่หารู้ไม่ว่า บัดนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางอรพิม นั่นคือ ท้าวพรหมทัต กษัตริย์ผู้ครองเมืองพิมายได้ทราบข่าวความงามของนาง จึงได้นำตัวนางมาไว้ในพระราชวังในฐานะมเหสี แต่นางได้อธิษฐานว่า ถ้ามิใช่ปาจิตแล้ว ผู้ใดแตะต้องตัวก็ขอให้กายนางร้อนเหมือนไฟ ดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตจึงแตะต้องตัวนางมิได้     


    ขบวนขันหมากเดินทางหลายวันหลายคืนมาหยุดพักที่ตำบลลำชัย ปาจิตได้ฝันร้าย โหรก็บอกมึงจะต้องพรากจากคนรักไปนะจ๊ะ ปาจิตจึงให้คนไปสืบจนได้ทราบความจริงในที่สุด เฮียปาจิตก็เกิดอาการโรคจิต โยนขันหมากทิ้งลงแม่น้ำหมด (ที่ตรงนั้นเรียกว่า ลำเมียก) ส่วนรถทรงก็ตีล้อดุมรถและกงรถจนหักทำลายหมด ชาวบ้านนำมากองรวมกันไว้จนที่นั่นเรียกว่า บ้านกงรถ


    เมื่อใจเย็นลงแล้ว ท้าวปาจิตได้เดินทางไปถึงเมืองพิมาย โดยบอกนายประตูว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมน้องสาว นายซึ่งก็คือ นางอรพิมนั้นเอง ครั้นเมื่อพบหน้ากัน นางก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก จึงร้องออกมาว่า พี่มา!3 ครั้ง  (คำนี้เพี้ยนเป็น พิมายในที่สุด)


    ท้าวพรหมทัตก็เชื่อด้วยว่าท้าวปาจิตเป็นพี่ชาย จึงจัดปาร์ตี้เลี้ยงดูท้าวปาจิตอย่างดี ท้าวพรหมทัตถูกนางอรพิมมอมเหล้าเสียจนเมามายจนเสียสติ ท้าวปาจิตจึงใช้พระขรรค์ฟันคอท้าวเธอขาด แล้วอุ้มนางอรพิมหนีออกมาทางประตูลับ


    ท้าวปาจิตและนางอรพิมบุกป่าฝ่าดงอย่างทุลักทุเล นายพราน คนหนึ่งออกล่าเนื้อเห็นนางอรพิมสวยก็นึกชอบ จึงใช้หน้าไม้ฆ่าท้าวปาจิตแล้วก็ฉุดพานางขึ้นหลังควายไป ครั้งนางอรพิมได้โอกาสก็ใช้พระขรรค์ของท้าวปาจิตแทงนายพรานตาย แล้วนางจึงรีบกลับมาที่ศพของท้าวปาจิตคร่ำครวญดราม่าอยู่นานจึงต้องเดือดร้อนถึง พระอินทร์ ตามเคย


    ท้าวสักกะจึงชวน พระมาตุลี แปลงกายเป็นงูกับพังพอนสู้กันให้นางเห็น เมื่อพังพอนตาย งูก็กัดเปลือกไม้ชนิดหนึ่งมาเคี้ยวแล้วพ่นใส่บาดแผล พังพอนจึงฟื้นขึ้นมาแล้วก็ต่อสู้กันต่อไป ครั้นงูตายพังพอนก็ทำเช่นเดียวกัน นางอรพิมเห็นเช่นนั้นจึงไปเอาเปลือกไม้นั้นมาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผลท้าวปาจิตเช่นกัน ปาจิตจึงฟื้นขึ้นมาได้อีก


    หลังจากรอนแรมกันมาได้สักพัก ก็มาถึงฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างใหญ่ ขณะนั้นมีเณรคนหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียก เถรเรือลอย เพราะเป็นพวกมิจฉาชีพในคราบนักบวชพายเรือผ่านมาพอดี 


    ท้าวปาจิตขอร้องให้ช่วยส่งข้ามฟากให้ด้วย เณรเห็นนางอรพิมสวยก็คิดพานางไปกับตน จึงบอกว่าเรือนี้ขึ้นได้ครั้งละ 2 คน มิฉะนั้นเรือจะล่ม ปาจิตจำต้องปล่อยให้นางอรพิมไปก่อน เถรเจ้าเล่ห์จึงเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือไป ทำให้ทั้งสองต้องพลัดพรากกันอีกครั้งหนึ่ง


    นางอรพิมคิดอุบายหนีจากเณร จนกระทั่งพบต้นมะเดื่อต้นหนึ่งซึ่งสูงมากและมีลูกดกเต็มต้น จึงบอกเณรว่าอยากกิน เณรหลงเชื่อปีนต้นไม้ไปหาลูกมะเดื่อที่นางต้องการ นางจึงรีบเอาหนามมากองสุมไว้โคนต้นมะเดื่อนั้นเพื่อไม่ให้เณรสามารถลงมาได้ แล้วก็รีบพายหนีไปตามหาท้าวปาจิต ก่อนจะไป นางได้สั่งไว้เป็นวาจาสิทธิ์ว่าให้เถรอยู่บนต้นมะเดื่ออย่าไปไหน เถรจึงตายอยู่บนต้นมะเดื่อนั่นเอง พอตายไปก็มาเกิดเป็นแมลงหวี่ไต่ตอมลูกมะเดื่อทุกลูกต่อไป


    นางอรพิมพายเรือตามหาท้าวปาจิตยังสถานที่ต่างๆ โดยการปลอมตัวเป็นผู้ชาย นางได้ควักปทุมทั้งสองข้างฝากไว้กับต้นงิ้วจนกลายเป็น ต้นนมนาง 


    ควักโยนีฝากไว้กับต้นสำโรงกลายเป็น ต้นโยนีปีศาจ แล้วใช้ชื่อชายว่า ปาจิต



    นางเดินทางมาถึงเมืองจัมปากนคร ที่นั้น! พระธิดาอมร จู่ๆก็ขี้เกียจหายใจตายลงเสีย นางอรพิมจึงลองช่วยนางดู (เปลือกไม้ของพระอินทร์ ตอนรักษาท้าวปาจิตนั้นแหละ) จนพระธิดาฟื้นขึ้น 


    เจ้ากรุงตั้งใจจะให้อภิเษกกับพระธิดา แต่นางอรพิมขอบวชจนเป็นสังฆราช นางได้สร้างโบสถ์ขึ้นหลังหนึ่งแล้วเขียนภาพเล่าเรื่องของนางกับท้าวปาจิตที่ฝาผนังโบสถ์ไว้ และนางยังสั่งไว้ว่า หากมีผู้ใดที่มาดูภาพเขียนฝาผนังแล้วร้องไห้ก็ให้คนเฝ้าโบสถ์รีบไปบอกให้ตนรู้ทันที


    วันหนึ่งท้าวปาจิตเดินทางรอนแรมมาจนถึงเมืองนี้ ได้ขอเข้าพักอาศัยในโบสถ์ ครั้นเห็นภาพเขียนเรื่องราวของตนก็ร่ำไห้ออกมา คนเฝ้าโบสถ์เห็นดังนั้นจึงรีบนำความไปเล่าให้สังฆราชรู้ สังฆราชจึงสึกออกแล้วพาปาจิตมาที่ต้นโยนีปีศาจและต้นนมนางเพื่อขอของของตนคืน ทั้งสองจึงได้อยู่กันอย่างแฮปปีแอนดิ้ง โดยมีการจัดพิธีพระราชทานเพลิงและจัดให้สร้างปราสาทไว้เป็นอนุสรณ์แก่พระเจ้าพรหมทัตที่สวรรคตแล้วนั้นด้วย


    สุดท้ายยังมีการกล่าวถึงการประชุมชาดกถึงการกลับมาชาติมาเกิด ดังนี้

     ตาเถรเรือลอย  =  พระเจ้าอชาตศัตรู

    นายพราน  =  พระเทวทัต

    พระอินทร์   =  พระอนุรุทธะ

    พระมาตุลี   =  พระฉันนะ

    พระเจ้าธรรมราชและมเหสี  =  พุทธบิดาและพุทธมารดา

    อรพิน  =  นางพิมพายโสธรา

    ปาจิตตกุมาร  =  พระสมณโคดมพุทธเจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×